บทที่ 383 วางยาพิษเจ้า
เย่จิ่งฝูหยิบยาทาที่ทำให้กับเซี่ยหยางขึ้นมา “เห็นยาขวดนี้หรือไม่ บนโลกนี้ตอนนี้นอกจากข้า ไม่มีผู้ใดสามารถทำได้อีกแล้ว หากข้าตาย อาจารย์ข้ายิ่งไม่มีทางรักษาให้เขา องค์ชายรองของพวกเจ้าก็จะเป็นคนพิการที่นอนอยู่บนเตียงตลอดไป”
องครักษ์เกิดความคิดจะสังหารนางขึ้นมา “นางหญิงสารเลว เจ้าพูดอีกครั้งสิ!?”
เย่จิ่งฝูปายานั้นลงบนพื้นอย่างแรง ยาที่ทำจากสมุนไพรมีค่าต่าง ๆ พลันกระจายบนพื้น ยาหกออกมาจากปากขวด องครักษ์ร้อนใจจึงรีบเข้าไปเก็บขวดยานั่น
เย่จิ่งฝูเงยหน้าขึ้น “อาการขององค์ชายรองข้ารักษาให้ไม่ได้แล้ว ทางที่ดีคืนนี้พวกเจ้าฆ่าข้าซะ อย่างไรเสียคาดว่าอีกไม่นานองค์ชายรองก็ต้องลงไปอยู่เป็นเพื่อนข้าอยู่แล้ว”
นางเห็นองครักษ์ผู้นั้นโมโหจนใบหน้าแดงก่ำ จึงตั้งใจยื่นคอไปด้านหน้าเล็กน้อย “ต้องให้ข้าบอกเจ้าหรือไม่ว่าลงดาบที่ใดคนถึงจะตายเร็วที่สุด?”
“เจ้า!”
เซี่ยหยางกระแอมเล็กน้อย “เอาล่ะ! พวกเจ้าออกไปให้หมด”
“องค์ชายพ่ะย่ะค่ะ”
“ออกไป!”
เหล่าองครักษ์ถลึงตาใส่เย่จิ่งฝู ก่อนจะออกไปเฝ้าที่ด้านนอก
เย่จิ่งฝูแค่นเสียงเย็นออกมา กำลังจะจากไป เซี่ยหยางกลับเอ่ยด้วยเสียงอ่อนโยนขึ้นมา “เมื่อครู่เป็นเพราะข้าโมโหมาตั้งแต่งานเลี้ยง ดังนั้นก็เลยอารมณ์ไม่ดี ข้าต้องขอโทษท่านแทนพวกเขาด้วย ข้าผิดไปแล้ว”
เย่จิ่งฝู “…”
บุรุษเจ้าเล่ห์เพทุบาย! หึ คนอย่างนางเย่จิ่งฝูเป็นคนที่เกลี้ยกล่อมได้ง่ายเพียงนั้นเลยหรือ!?
“ความจริงแล้วเป็นเพราะคนที่ทำร้ายข้าได้ปรากฏกายตรงหน้าข้า แต่ข้าคิดไม่ถึงว่าตัวตนของนางจะเป็น…”
เย่จิ่งฝูนึกสนใจขึ้นมา จึงฝืนใจเดินเข้าไปที่ข้างกายของเขา “ใคร?”
เซี่ยหยางเห็นนางยอมพูดกับเขาแล้ว จึงตบตำแหน่งที่ว่างข้างกายของตัวเอง “นั่งลงคุยกันก่อนเถอะ”
เย่จิ่งฝูเบะปากเล็กน้อย ก่อนจะนั่งลง “พูดมาเถอะ”
“แม่นางผู้นั้นเป็นฮูหยินของหย่งกวานโหว พี่สาวแท้ ๆ ของหมิงซู”
เย่จิ่งฝูรู้สึกประหลาดใจ “จี้จือฮวนอย่างนั้นหรือ?”
เซี่ยหยางพยักหน้ารับ “จี้จือฮวนก็คือคนที่จะฆ่าข้า คิดไม่ถึงว่านางจะวางแผนการได้แยบยลเพียงนี้ เกรงว่าวันนั้นนางคงจำข้าได้แต่แสร้งทำเป็นไม่รู้จัก ปลอมเป็นสาวชาวบ้านและลอบโจมตีข้า”
เย่จิ่งฝูไม่คิดเช่นนั้น ฝีมือและทักษะการใช้มีดเช่นนั้นของแม่นางจี้ ยังต้องปลอมเป็นสาวชาวบ้านอีกอย่างนั้นหรือ? ข้าว่าเจ้าเห็นสาวงามเลยคิดจะล่วงเกินมากกว่ากระมัง
แม้แต่นางที่รูปร่างหน้าตาธรรมดาอย่างมาก เอะอะเขายังเข้าใกล้เพื่อเอาเปรียบเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสตรีที่มีหน้าตางดงามล่มเมืองอย่างแม่นางจี้ เย่จิ่งฝูไม่อยากฟังชายที่น่าขยะแขยงผู้นี้พูดอีกแม้แต่คำเดียว
แต่สำหรับเรื่องนี้และคนที่ตัวเองเลื่อมใสกลับเป็นคนคนเดียวกัน นางจึงดีใจอย่างมาก แทบอยากจะเก็บเสื้อผ้าไปหย่งอันถังเสียเดี๋ยวนี้
“จี้จือฮวนผู้นี้เก็บซ่อนความสามารถเอาไว้อย่างมิดชิด หากว่าท่านต้องการพบนาง ต้องระวังตัวให้มาก ไม่อย่างนั้นข้าคงเป็นห่วงท่านแย่”บราวนี่ออนไลน์
เย่จิ่งฝูไหนเลยจะฟังคำพูดของเขา แม่นางน้อยที่หอมหวนไม่ดีอย่างไร เหตุใดข้าต้องฟังผู้ชายตัวเหม็นอย่างเจ้าพูดจาเหลวไหลเช่นนี้ด้วย มีองครักษ์คอยคุ้มกันมากมายเพียงนี้ยังสู้แม่นางจี้ไม่ได้ ไม่สมควรทบทวนตัวเองสักหน่อยหรือ?
“ท่านหมอเย่ ข้ารู้ว่าข้าทำไม่ถูก คืนนี้ข้าขอโทษท่านได้หรือไม่? ท่านอย่าโมโหเลยนะ
สมุนไพรล้ำค่าที่ท่านพูดถึงเหล่านั้น ข้าจะไปหามาให้ท่านเอง อีกอย่าง สุขภาพของเสด็จพ่อข้าตอนนี้ ข้าอยากรบกวนท่านด้วย”
ทว่าเมื่อเกี่ยวพันถึงฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน เย่จิ่งฝูก็ไม่อาจที่จะนิ่งดูดายได้อีก
ตระกูลหมอเทวดาแม้จะมีความหยิ่งทะนงแต่ก็รู้หนักเบา ฮ่องเต้เป็นรากฐานของแคว้น หากว่าฮ่องเต้เป็นอะไรขึ้นมา ต้องเกิดปัญหาใหญ่เป็นแน่
“เสด็จพ่อท่านเป็นอะไร?”
เซี่ยหยางเล่าเรื่องของเจียงเช่อให้นางฟัง “นักต้มตุ๋นเหล่านั้นใช้ยาเพียงเพื่อให้เห็นผลเร็ว จึงไม่สนเรื่องความปลอดภัย ข้ากลัวว่าหากเสด็จพ่อยังเป็นเช่นนี้ต่อไป ร่างกายจะรับไม่ไหว ฝีมือการแพทย์ของท่านไม่ธรรมดา คิดว่าอาจารย์ท่านก็คงจะไม่ปฏิเสธกระมัง”
หากว่านางเห็นฮ่องเต้ใกล้ตายแล้วไม่ช่วย อาจารย์ต้องลงโทษนางสถานหนักอย่างแน่นอน
เย่จิ่งฝูรู้สึกว่าเซี่ยหยางผู้นี้ช่างหาปัญหามาให้คนอื่นเก่งจริง ๆ
“เช่นนั้นท่านเตรียมการก็แล้วกัน”
เมื่อเห็นว่าในที่สุดเย่จิ่งฝูก็ตอบตกลง เซี่ยหยางก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก อย่างน้อยก็รั้งสตรีผู้นี้เอาไว้ได้แล้ว
หากไม่ใช่เพราะตอนนี้เขาต้องการนาง …เซี่ยหยางสะกดไอสังหารในแววตาเอาไว้ มองดูเย่จิ่งฝูจากไปพร้อมท่าทางสูงส่ง ก่อนจากไปนางยังเตะองครักษ์ผู้นั้นอีกหนึ่งทีด้วย
เย่จิ่งฝูแม้รับปากว่าจะอยู่ต่อ แต่กลับรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก ต่อให้กลับห้องไปก็นอนไม่หลับ ดังนั้นนางจึงค่อย ๆ เดินไป พลางครุ่นคิดว่าจะถอนตัวเช่นไรดี
เมื่อนางเลี้ยวผ่านทางแยกไป ก็บังเอิญพบกับเยว่พั่วหลัวที่ปลอมตัวเป็นสาวใช้
เย่จิ่งฝูกวาดตามองนางเล็กน้อย แล้วเบนสายตาไปทางอื่น จากนั้นจู่ ๆ นางก็ชะงักฝีเท้าลง “ช้าก่อน”
เยว่พั่วหลัวใจเต้นรัวขึ้นมา ก่อนจะหมุนกายก้มหน้าลงอย่างนอบน้อม
สาวใช้คนอื่นที่อยู่ด้านหน้า จึงเอ่ยถามขึ้นมา “ท่านหมอเย่ มีอะไรจะสั่งหรือเจ้าคะ?”
เย่จิ่งฝูจ้องเยว่พั่วหลัว นางได้กลิ่น…ของยาพิษบนกายของสาวใช้ผู้นี้
ไม่นานริมฝีปากของเย่จิ่งฝูก็ยกยิ้มขึ้นมา “ไม่มี ข้าเพียงแค่อยากจะเตือนพวกเจ้า เมื่อครู่องค์ชายรองเพิ่งจะอาละวาดมา อารมณ์ไม่ค่อยดีนัก พวกเจ้าระวังตัวด้วยล่ะ”
“ขอบคุณท่านหมอเย่เจ้าค่ะ”
เยว่พั่วหลัวถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก่อนจะรีบจากไป
เย่จิ่งฝูถอนสายตากลับมา พบว่ายอดฝีมือที่เฝ้าอยู่ในสวนเหล่านั้นกำลังจ้องนางอยู่
“มองอะไรกัน!” นางสะบัดหน้า ก่อนจะเดินจากไป
ดูท่าอีกเดี๋ยวเซี่ยหยางคงต้องเรียกหานางอีกเป็นแน่ หากยาพิษนั่นไม่ทำให้เซี่ยหยางตายในทันทีก็ไม่เท่าไร แต่หากว่าตายขึ้นมาล่ะก็ พวกเขาคงไม่พูดว่าฝีมือการแพทย์ของนางไม่ได้เรื่องหรอกกระมัง?!
ลูกผู้หญิงฆ่าได้ หยามไม่ได้ จะด่าว่านางอัปลักษณ์ก็ได้ แต่ห้ามบอกว่าฝีมือการแพทย์ของนางไม่ได้เรื่องเด็ดขาด
เย่จิ่งฝูครุ่นคิด ก่อนตัดสินใจว่าจะไม่กลับห้องแล้ว อีกเดี๋ยวจะได้ไปดูว่าเขาจะตายหรือไม่ ขอแค่เพียงนางสามารถทำให้เขามีลมหายใจเหลือรอด ก็นับว่านางมีฝีมือทำให้คนตายฟื้นคืนชีพแล้วกระมัง
ส่วนเยว่พั่วหลัวกับไป๋จิ่นนั้นมากันเอง ลูกพี่ฮวนกับลูกศิษย์ตัวน้อยไม่อยู่ไม่ใช่หรือ พวกเขาคิดไปคิดมาจึงอยากจะสร้างผลงาน เช่นนี้ค่าข้าวเดือนหน้าไม่แน่อาจจะสามารถได้คืนกลับมาก็เป็นได้?
จี้หมิงซูตายไปแล้ว แต่คนรักของนางยังมีชีวิตอยู่ไม่ใช่หรือ?
ให้เซี่ยหยางได้ลิ้มรสพิษที่จี้หมิงซูวางให้กับชาวบ้านในเมืองหลวงดูบ้าง! พวกเขาปรับปรุงสูตรมาแล้ว ไม่มีทางแพร่กระจายไปถึงคนอื่น มีเพียงเซี่ยหยางเท่านั้นที่จะนอนทรมานอยู่บนเตียง ทางที่ดีทำให้แผลเน่าเปื่อยไม่สามารถลุกยืนได้อีกตลอดไป ฮี่ ๆ ๆ ๆ ๆ
เยว่พั่วหลัวคิดว่าเดือนหน้าจะได้กินเนื้อแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะเลียมุมปาก
แต่หมอเทวดาผู้นั้นเมื่อครู่ทำราวกับจะเปิดเผยตัวตนของนางอย่างไรอย่างนั้น หรือนางคิดมากไปเองอย่างนั้นหรือ?
“เปิดฝาออกให้ข้าตรวจสอบก่อน” เซี่ยหยางระมัดระวังตัวอย่างมาก แม้แต่ทางเข้าก็ต้องตรวจสอบครั้งแล้วครั้งเล่า พิธีการไม่น้อยไปกว่าในวังหลวง
ขันทีน้อยผู้นั้นกินเข้าไปทีละคำ ทั้งยังใช้เข็มเงินตรวจสอบพิษด้วย แม้แต่ฝาที่ใช้ปิดก็ยังต้องลูบดู ระวังตัวมากทีเดียว
แต่พวกเขาไหนเลยจะใช้วิธีการต่ำช้าถึงขนาดวางยาพิษในอาหารกันเล่า ปกติพวกเขาชอบวางยาซึ่ง ๆ หน้าต่างหาก~
ขณะนี้แมงมุมตัวหนึ่งกำลังไต่ลงมาจากชายคา มุ่งหน้าไปทางเซี่ยหยางอย่างรวดเร็ว
เยว่พั่วหลัวยืนอยู่นอกห้อง รอขันทีผู้นั้นตรวจสอบเสร็จแล้ว จึงได้โค้งตัวเข้าไปด้านใน ก่อนจะได้ยินสาวใช้ด้านหน้าเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนขึ้นมา “องค์ชายรองเชิญเสวยอาหารค่ำได้แล้วเพคะ”
ปกติเซี่ยหยางอยู่ในวังมักไม่ค่อยกินอะไร ดังนั้นทุกครั้งที่กลับมาต้องเรียกหามื้อค่ำ ทว่าวันนี้กลับไม่ค่อยอยากอาหารเท่าใดนัก “วางไว้ก่อนเถอะ”
“เพคะ”
.
.