บทที่ 381 องค์ชายรองต้องระวังให้ดี
แต่ในวังไม่มีของเล่นแบบนี้จริง ๆ
เจียงเต๋อเรียกขันทีมาสอบถาม ขันทีน้อยผู้นั้นพูดจาฉะฉาน ไม่นานก็เล่าความเป็นมาเป็นไปของประทัดเปาะแปะออกมาอย่างชัดเจน
คนไม่น้อยต่างจดจำชื่อของร้านผินซีซีเอาไว้ พลางครุ่นคิดว่ารอเปิดร้านเมื่อไรจะต้องไปดูให้ได้
แต่ฮ่องเต้เซี่ยเจินกลับแค่นเสียงเย็นออกมา ไม่เห็นของเล่นเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านั้นของจี้จือฮวนอยู่ในสายตา มีเหมืองทองแล้วยังแสร้งทำเป็นยากจนอะไรกันอีก? เปิดร้านของชำเนี่ยนะ?
ฮ่องเต้เซี่ยเจินจึงเอ่ยเสียงเรียบ “ให้พวกเขาเล่นระวัง ๆ กันหน่อย”
ฮ่องเต้เซี่ยเจินกลับเข้าไปในตำหนัก ตอนที่เดินผ่านโต๊ะของเผยยวน ก็แค่นเสียงเย็นออกมาหนึ่งที
เผยยวนหาได้แยแสไม่ วันนี้คงทำให้ฮ่องเต้เซี่ยเจินอึดอัดใจแทบแย่แล้วกระมัง ฮวนฮวนของเขาได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์หญิง ทั้งยังกลายเป็นฮู่กั๋วฮูหยิน และยังได้เงินมากมายอีกด้วย เขาจึงไม่มีอะไรที่จะต้องไม่พอใจ
งานเลี้ยงมาถึงช่วงครึ่งหลัง จี้จือฮวนจึงให้คนฝากไปบอกไท่ซ่างหวง ว่าถึงเวลานอนแล้ว
คนรับใช้คิดว่าตัวเองฟังผิดไป “ฮูหยิน ให้ไปพูดเช่นนี้เลยหรือขอรับ?”
จี้จือฮวนพยักหน้า “บอกตามนี้แหละ”
คนรับใช้คิดว่าไท่ซ่างหวงคงไม่ฟังคำพูดเช่นนี้เป็นแน่
แต่ใครจะคิดว่าหลังจากที่ไท่ซ่างหวงฟังจบกลับเผยสีหน้ามีความสุขออกมา ดูสิ ฮวนฮวนมักจะคิดถึงสุขภาพของเขาเสมอ
ฮ่องเต้เซี่ยเจินที่ครึ่งชั่วยามก่อนได้แนะนำไท่ซ่างหวงให้กลับไปพักผ่อน แต่กลับถูกด่าไปหนึ่งยก “…”
“เอาล่ะ ข้าขอตัวกลับตำหนักไท่จี๋ก่อน ให้เจ้าสิบมาหาข้าพรุ่งนี้แต่เช้า อย่าชักช้าล่ะ จริงสิ คนของซูเฟยก็ไม่ต้องตามมาแล้ว จะได้ไม่ทำให้หลานชายข้าเสียคน”
ฮ่องเต้เซี่ยเจินรีบพยักหน้ารับคำ
ร่างกายของฮ่องเต้เซี่ยเจินในตอนนี้ก็คงอยู่ต่อได้อีกไม่นาน รอจนกระทั่งเกือบได้เวลาแล้ว เขาก็ได้ขอตัวกลับก่อนเช่นกัน คราวนี้ภายในตำหนักก็นับว่าคึกคักอย่างแท้จริง
โดยเฉพาะทางด้านเผยยวน แต่น่าเสียดายที่คนที่คิดจะเข้ามาดื่มคารวะ ส่วนใหญ่ล้วนถูกคนของถู่เจียขวางเอาไว้ พวกเขาได้รับความขุ่นเคืองใจมาจากฮ่องเต้เซี่ยเจิน ดังนั้นจึงมาลงกับเหล่าข้าราชบริพารเหล่านี้แทน
คิดจะรังแกท่านเขยของพวกเขา ฝันไปเถอะ!
แต่การที่เซี่ยซั่วและเซี่ยหยางมาดื่มคารวะ นับเป็นสิ่งที่จี้จือฮวนคาดไม่ถึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่แยกกันที่ภูเขาด้านหลังหมู่บ้านตระกูลเฉิน จี้จือฮวนก็อยากจะพบเซี่ยหยางมาตลอด แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายจริง ๆ เพราะเจ้าเด็กนี่หดหัวเก่งยิ่งกว่าเต่าเสียอีก
ตอนนี้เมื่อเห็นว่าเขากลับมาเดินได้แล้ว ในหัวของจี้จือฮวนก็เริ่มคิดหาวิธีที่จะฆ่าเขานับพันวิธี
ทว่าเซี่ยหยางเมื่อเห็นท่าทางใจลอยของจี้จือฮวน ในใจกลับรู้สึกทรมานขึ้นมา
เขามั่นใจว่าจี้จือฮวนรู้ตั้งแต่แรกว่าเขาเป็นใคร วันนั้นนางจึงได้คิดที่จะฆ่าเขา นางแก้แค้นให้เผยยวนอย่างนั้นหรือ?
เผยยวนสำคัญต่อนางเพียงนั้นเชียวหรือ?
ทั้ง ๆ ที่วันแต่งงานกับเผยยวน เขาได้ยินจี้หมิงซูบอกว่านางถูกคนจับให้ขึ้นเกี้ยวด้วยซ้ำ
“ยินดีกับท่านโหวและองค์หญิงด้วย” เซี่ยซั่วยกจอกเหล้าขึ้นมา เรื่องของเผยยวนเขาไม่ได้เป็นคนวางแผนอยู่เบื้องหลัง ยามยกเหล้าคารวะย่อมไม่ตะขิดตะขวงใจ
กลับเป็นเซี่ยหยางที่ไม่พูดไม่จา เอาแต่จ้องหน้าจี้จือฮวน เซี่ยซั่วจึงได้แต่พึมพำในใจ คงไม่ใช่ว่าเขาถูกตาต้องใจจี้จือฮวน อยากจะสานสัมพันธ์กับพี่สาวของจี้หมิงซูหรอกกระมัง?
เมื่อเห็นสีหน้าของเผยยวนเคร่งขรึมลง เซี่ยซั่วก็ขี้เกียจจะเตือนเซี่ยหยาง ดีไม่ดีแขนขาที่เพิ่งจะดีขึ้นเล็กน้อย คืนนี้อาจจะถูกคนตีจนหักอีกก็เป็นได้
“ขอแสดงความยินดีกับฮูหยินที่วันนี้ได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์หญิง ไม่ทราบว่าองค์หญิงยังจำข้าได้หรือไม่?” เซี่ยหยางเอ่ยขึ้นช้า ๆ
น้ำเสียงของเขาแผ่วเบา ทำให้คนแยกไม่ออกว่ารู้สึกแค้นหรือรู้สึกกลัวกันแน่
มุมปากของจี้จือฮวนยกขึ้นเล็กน้อย มองมือข้างที่ถือจอกเหล้าอยู่ของเขา “จำได้แน่นอน”
เซี่ยซั่วสงสัย “องค์หญิงจำพี่รองข้าได้อย่างนั้นหรือ? พวกท่านเคยพบกันเมื่อใดอย่างนั้นหรือ? หรือเป็นตอนที่จี้หมิงซูยังอยู่?”
จี้จือฮวนแต่งกับเผยยวน เซี่ยซั่วเองก็รู้ ตอนนั้นเซี่ยหยางออกจากเมืองหลวงไปแล้ว ไม่น่าจะเคยพบกันนี่นา หากจะพบกันก็มีเพียงตอนที่เซี่ยหยางไปหาจี้หมิงซูที่จวนจี้กั๋วกงเท่านั้น
จี้จือฮวนจะยิ้มก็ไม่ยิ้ม “เพราะหน้าตาขององค์ชายรองเป็นหน้าตาที่ทำให้คนเห็นแล้วรู้สึกเกลียดชังเป็นพิเศษ ดังนั้นข้าจึงจำได้แม่น”
เซี่ยซั่วคิดไม่ถึงว่าจะได้ยินคำตอบเช่นนี้ จึงพ่นเสียงหัวเราะออกมาทันที “องค์หญิงช่างมีอารมณ์ขันจริง ๆ”
คนในที่แห่งนี้มีเพียงเซี่ยหยางและเผยยวนเท่านั้นที่รู้ ว่านางไม่ได้กำลังล้อเล่น
จี้จือฮวนยักไหล่เล็กน้อย “ข้าจำได้ว่าตอนล่าสัตว์ครั้งก่อน มีพังพอนเจ้าเล่ห์ตัวหนึ่งหลุดจากมือของข้าไป คลาดไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น ดังนั้นข้าจึงจำพังพอนตัวนั้นได้ดีเหมือนกับที่จดจำองค์ชายรองได้”
เซี่ยซั่วนึกสนใจขึ้นมา “หืม? องค์หญิงล่าสัตว์เป็นด้วยอย่างนั้นหรือ? หลังจากนั้นเล่า ต่อมาท่านได้เจอพังพอนตัวนั้นอีกหรือไม่?”
“ได้เจอแล้ว หลังจากที่ข้าเห็นมันก็ถลกหนังและตัดเส้นเอ็น แม้แต่กระดูกก็เลาะให้สุนัขกิน”
เซี่ยซั่วเลิกคิ้วขึ้น ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างประดักประเดิด “ดูท่าวรยุทธ์และการขี่ม้ายิงธนูขององค์หญิงคงจะไม่เลวทีเดียว”
จี้จือฮวนหัวเราะเบา ๆ “ใช่แล้ว ของที่เดิมควรอยู่ในมือหนีไป ข้าย่อมรู้สึกไม่สบายใจอยู่แล้ว องค์ชายรองคิดเช่นนั้นหรือไม่?”
เซี่ยหยางสูดลมหายใจเข้าเฮือกหนึ่ง “องค์หญิงพูดถูกแล้ว แต่หนีไปได้ครั้งหนึ่ง ครั้งหน้าไม่เพียงหนีได้ บางทีมันอาจสู้กลับก็เป็นได้”
“เช่นนั้นก็ต้องมาดูความสามารถของอีกฝ่ายแล้ว ว่าจะเอาชีวิตรอดไปได้ หรือจะตายอยู่ใต้คมดาบของข้า”
เซี่ยซั่วเอ่ยแทรกขึ้นมา “เหตุใดพวกท่านต้องเคร่งเครียดเพียงนี้ด้วยเล่า ไม่มีตัวเลือกที่สามแล้วอย่างนั้นหรือ?”
จี้จือฮวนจึงพูดออกมาตรง ๆ “แน่นอนว่าไม่มี สิ่งที่ข้าต้องการฆ่า หากไม่ตายด้วยน้ำมือของข้า ก็ต้องตายด้วยน้ำมือของสามีข้า”
เซี่ยซั่วอึ้งไป …สตรีผู้นี้เหตุใดอ้าปากหุบปากก็พูดแต่จะฆ่าจะแกงอย่างเดียวเล่า
เซี่ยหยางบีบจอกเหล้าเอาไว้แน่น ก่อนจะคิดถึงสิ่งที่เย่จิ่งฝูกำชับ จึงไม่กล้าออกแรงมากเกินไป และคลายออกหลายส่วนอย่างเงียบ ๆ “วันนี้พวกเราพี่น้องมาคารวะหย่งกวานโหวและองค์หญิงที่ได้แต่งงานกัน อย่าพูดถึงเรื่องพวกนี้จะดีกว่า”
เผยยวนรับจอกเหล้าของเซี่ยหยางแทนจี้จือฮวน จากนั้นก็เทลงบนพื้น
เซี่ยหยางมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป “หย่งกวานโหวทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?”
“ฮูหยินดื่มเหล้าไม่ได้”
“หย่งกวานโหวก็ดื่มไม่ได้อย่างนั้นหรือ?”
“ข้าบอกแล้วว่าข้ากลัวภรรยา ฮูหยินไม่ให้ดื่มข้าก็จะไม่ดื่ม”
เซี่ยหยางพยักหน้า “ดี หย่งกวานโหวจำคำพูดของท่านวันนี้เอาไว้ให้ดี”
“อาการบาดเจ็บขององค์ชายรองยังไม่หายดี ก็ไม่ควรดื่มเหล้าเช่นกัน มือนี่ไม่ใช่เรื่องง่ายกว่าจะหาหมอมาต่อให้ท่านได้ หากดื่มเหล้าจนทำร้ายร่างกายและต้องไปพบกับจี้หมิงซูเร็วขึ้นจะทำเช่นไร?”
เซี่ยซั่วกลับสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่ พลางรู้สึกประหลาดใจว่า จี้จือฮวนมีฝีมือเก่งกาจเพียงใดกันแน่
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นเซี่ยหยางแพ้ราบคาบเช่นนี้
เซี่ยหยางกัดกรามแน่น ก่อนจะก้มตัวลงเล็กน้อย “องค์หญิงพูดเช่นนี้หมายความอย่างไร?”
“องค์ชายรองไม่เคยคิดเลยอย่างนั้นหรือ ว่าเหตุใดจี้หมิงซูถึงได้เดินมาถึงวันนี้ได้ ท่านเองก็เหมือนกับนาง เพียงแต่ก่อนและหลังก็เท่านั้น”
เซี่ยหยางกัดฟันกรอด “องค์หญิงกำลังข่มขู่ข้าอย่างนั้นหรือ?”
“ข้าแค่พูดเรื่องจริงเท่านั้น องค์ชายรอง อัครมหาเสนาบดีหานของท่านจะออกจากเมืองหลวงแล้ว จากนี้เหลือท่านเพียงคนเดียวแล้ว ท่านต้องระวังตัวให้ดีล่ะ”
จี้จือฮวนเอ่ยจบเตรียมที่จะตบบ่าของเขา ทว่าเซี่ยหยางกลับถอยหลังไปด้วยความตกใจจนเกือบจะล้มลงกับพื้น
เซี่ยซั่วไม่เคยเห็นเซี่ยหยางหมดสภาพเช่นนี้มาก่อน บัดนี้หานเหล่ยถูกตัดสินให้เนรเทศ เซี่ยหยางก็แสดงความน่าอับอายออกมา ดูท่าคงจะสูญเสียอำนาจไปแล้วจริง ๆ
จี้จือฮวนมองเขาด้วยสายตาเย็นชา แล้วทำท่าทางเชือดคอให้แก่เขา ก่อนจะยกยิ้มออกมา
ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ยังตามหลอกหลอนเขาอยู่ทุกขณะจิต แต่ในเวลานี้เซี่ยหยางกลับรู้สึกว่านางเหมือนกับพญายมที่กำลังยิ้มเยาะ! วันนั้นเหตุใดเขาถึงได้เลอะเลือนเช่นนั้นกัน มองว่านางเป็นสาวชาวบ้านธรรมดา ๆ คนหนึ่งไปได้
นางคงไม่สังหารหานเหล่ยระหว่างทางหรอกกระมัง
ไม่น่าจะเป็นไปได้ ข้างกายหานเหล่ยมีหานฉีอยู่ นางคงไม่สมปรารถนาแน่