เขาหวังให้หนูกู้โลก (WN) 4 อาหารเช้า

ตอนที่ 4 อาหารเช้า

พอกลับบ้าน ทุกคนก็ต่างทำหน้าที่ของตน พ่อกับพี่ชายตรวจสอบพวกเครื่องไม้เครื่องมือที่ใช้ทำงานแล้วก็ซักผ้า ส่วนฉันกับแม่ทำอาหารเป็นหลัก
 

“แอกเซล, ลาร์ส ถึงเวลาต้องซักฟูกได้แล้วละ”

“มันก็ดำแล้วจริง ๆ นั่นแหละ เดี๋ยวฉันซักให้”

“ซักทั้งหมดไปเลยก็ดีนะ ถ้าสกปรกเดี๋ยวโดนแมลงกิน”
 

ทุกคนในครอบครัวกางผ้าที่ไม่น่าจะเรียกว่าฟูกได้แล้วพูดคุยกัน ส่วนฉันก็พยักหน้าอยู่หลายครั้ง แทนที่จะบอกว่าถึงเวลาแล้ว มันสายเกินไปแล้วต่างหาก ช่วยซักก่อนที่จะดำเถอะ แล้วก็พี่ชายคะ ซักเพราะมันสกปรกสิ ไม่ใช่เพราะกลัวแมลงกิน!
 

“เรน่า จะไปที่ครัวละนะ”

“ค่า”

“รูบิน่า ทำข้าวเช้าอร่อย ๆ นะ”

“รู้แล้วน่า เชื่อมือได้เลย”
 

แม่คุยกับพ่อแล้วพับแขนเสื้อขึ้นพร้อมทำกับข้าว ฉันถือผักที่รสชาติเหมือนมันฝรั่งและรูปร่างเหมือนฟักทองที่เรียกว่าพอร์ทซึ่งวางอยู่ตรงมุมห้องกับแป้งที่เรียกว่าราซูท ซึ่งทำมาจากการโม่เมล็ดพืชที่เรียกว่ารัสตา
 

เป็นเรื่องธรรมดาที่จะใช้ครัวร่วมกันกับเพื่อนบ้านและทุกคนช่วยกันทำอาหาร คนที่มีพรของเทพีแห่งวารีจะสร้างน้ำขึ้นมา ส่วนคนที่มีพรของเทพีแห่งอัคคีจะจุดไฟใส่ท่อนไม้
 

“เรน่า ต้มพอร์ทให้ที”

“หนูต้มให้แล้ว”
 

ภาชนะเครื่องครัวอย่างหม้อและกระทะนั้น ไม่ได้มีกันทุกบ้านบ้านละชุดๆ จึงเป็นธรรมดาที่จะต่อคิวเพื่อใช้ครัว หรือต้มอาหารร่วมกัน วันนี้ฉันก็ต้มพอร์ทร่วมกันกับคุณแม่ที่อยู่บ้านข้าง ๆ สองหลังและบ้านฝั่งตรงข้าม

เมื่อต้มพอร์ทไปสักพัก เปลือกของมันจะเปลี่ยนจากสีเหลืองอ่อนเป็นสีน้ำตาลเข้ม พอสีเปลี่ยนก็ยกขึ้นจากน้ำแล้วทิ้งไว้สักพักให้เย็น พอเย็นแล้วก็ใช้มีดหั่นเป็นชิ้นใหญ่ขนาดไม่ต้องเท่ากัน แล้วนำไปบดด้วยแท่งไม้
 

ทำงานนี้ทุกวันมันก็เหนื่อยนะ……ก่อนจะระลึกความทรงจำของเซนะ ฟูกะได้ ฉันเคยคิดว่านี่เป็นงานของผู้หญิงและคิดว่ามันลำบากในเวลาเดียวกัน แต่พื้นที่แห่งนี้มันประหลาด ที่ใช้แรงงานเด็กสิบขวบทำงานหนักแบบนี้ ถึงจะพูดแบบนั้น แต่ฉันก็ทำงานนี้มาหลายปีแล้วเสียด้วยสิ

 

“แม่ หนูบดให้แล้วนะ”
 

พอฉันบดพอร์ททั้งเปลือกเสร็จขณะที่มือก็เจ็บไปด้วย แม่ที่อยู่ตรงนั้นก็ใส่ราซูทลงไปเล็กน้อย แล้วออกแรงนวดผสมมันเข้าด้วยกันด้วยมือที่ล้างสะอาดแล้ว

เหมือนว่าการใส่ราซูทลงไปเล็กน้อย จะดึงเอาความเหนียวของพอร์ทออกมาทำให้เนื้อสัมผัสเหนียวหนึบหนับขึ้นด้วย

 

หลังจากทำเป็นเนื้อสัมผัสหนึบหนับเสร็จ ก็จะนำไปจัดเป็นวงกลมแล้วย่างบนกระทะ ถ้าไม่มีกระทะก็จะใช้แผ่นเหล็กแถวนั้นแทน เลวร้ายที่สุดคือเผาหินให้ร้อนแล้วย่าง
 

มาคิดดูอีกทีว่าตัวเรานี้ยากจนขนาดไหน……ตอนรู้จักแค่ที่นี่ ฉันมีความสุขมากกว่า แม้ว่าที่ผ่านมาจะดีใจตอนได้ใช้กระทะ แต่ตอนนี้ฉันไม่ดีใจกับเรื่องพวกนั้นแล้ว และกลับคิดว่า กระทะก็ใช้ไม่ได้เนี่ยมันหมายความว่าไง!
 

ฮึก……ไม่ชอบความทรงจำในชาติก่อนแล่ว! ถ้าเกิดสิ่งที่ส่งฉันมาเกิดใหม่ในโลกพรรณ์นี้มีตัวตนอยู่จริงละก็ ฉันอยากจะขอบ่นสักคำ
 

ให้ฉันเกิดใหม่ในที่ที่มันสบายกว่านี้หน่อยสิ!
 

“เรน่า เอาพอร์ทที่ย่างเสร็จแล้วใส่จาน ส่วนมื้อกลางวันก็เอาใบไม้ห่อซะ”

“เข้าใจแล้ว แม่ ถ้าจำไม่ผิดแม่บอกว่ามีแคโระที่เก็บมาเมื่อวานไม่ใช่เหรอ”

“เอ้อ จริงด้วย! กลับบ้านไปเอามาให้ที ใส่ซอลแล้วย่างอร่อยมาก”

“งั้นเดี๋ยวหนูไปเอามาให้นะ”

 

แคโระก็คือหัวของพืชที่มีรูปร่างเหมือนแคร์รอตขาว ส่วนซอลเป็นเครื่องปรุงรสที่เหมือนกับเกลือ แต่เคยได้ยินว่าสามารถเก็บซอลได้จากป่า ดังนั้นก็อาจจะต่างกันอยู่เล็กน้อย มาคิดดูอีกที มันมีรสขมฝาดอยู่หน่อย ๆ ด้วย แต่ถึงอย่างนั้นมันก็เป็นของที่อร่อยมากของที่นี่
 

พอกลับไปที่ครัวแล้วยื่นแคโระกับซอลให้แม่ แม่ก็เริ่มลงมือใช้มีดหั่นแคโระ ฉันเลยต้องมาย่างพอร์ท และใช้ทัพพีไม้ที่ทำกันเองพลิกพอร์ทกลับไปมา เราไม่มีอะไรที่ใกล้เคียงกับน้ำมัน ดังนั้นถ้าติดกระทะก็จะลำบาก

ฉันถูกสอนว่าเวลาที่ติดกระทะ ให้เอาน้ำใส่ลงไปเล็กน้อยแล้วหวังว่ามันจะล่อนออกจากกระทะ……แต่ถ้าคิดดี ๆ ไอ้น้ำเนี่ย ถ้าเทลงไป ความอร่อยก็จะลดลงไปครึ่งหนึ่งเลยนะ เพราะมันจะกลายเป็นการแช่ของที่อุตส่าห์ย่างกรอบ ๆ ลงในน้ำยังไงล่ะ แต่นอกจากใส่น้ำฉันก็ไม่รู้วิธีอื่นที่จะทำให้กระทะไม่ติด จึงต้องใส่น้ำลงไปอย่างช่วยไม่ได้

“เรน่า เอาแคโระมาย่างตรงขอบกระทะหน่อยสิ”

“อื้ม ใส่ตรงนี้ก็แล้วกัน ซอลล่ะ”

“เดี๋ยวแม่ใส่เอง”

 

แม่แตะซอลมาแค่ปลายนิ้วแล้วโรยลงในแคโระ ก็สงสัยอยู่หรอกว่าน้อยแค่นี้มันจะได้รสชาติไหม แต่ซอลเป็นสิ่งมีค่าก็เลยไม่มีทางเลือก

 

จากนั้นฉันก็ยุ่งอยู่กับการทำโน่นทำนี่จนอาหารเช้าเสร็จ มื้อเช้าเป็นพอร์ทย่างกับคาโระย่างซอล มีหลายครั้งที่มีแค่พอร์ทอย่างเดียว เพราะงั้นวันนี้จึงเป็นมื้อเช้าที่หรูหรากว่าปกติ

อาหารมาตรฐานปกติในโลกนี้จะหน้าตาเป็นยังไงนะ……เหมือนว่ารัสตาซึ่งเป็นเมล็ดพืชกับราซูทที่ได้จากการโม่รัสตานั้นเป็นของฟุ่มเฟือย เราก็เลยกินพอร์ทซึ่งถูกกว่า เอาเป็นว่าที่แน่ ๆ ฉันว่าพอร์ทต้องไม่ใช่อาหารหลักทั่วไปแน่นอน

 

“แอกเซล ลาร์ส อาหารเช้าเสร็จแล้วจ้า!”

 

ฉันถืออาหารเช้าที่ทำเสร็จแล้วไปยังโต๊ะไม้ที่วางอยู่หน้าบ้าน แน่นอนว่าโต๊ะและเก้าอี้จำนวนพอดีคนเป็นสิ่งที่พ่อทำเอง

 

“โอ้ วันนี้มีแคโระด้วยเหรอ”

“ใช่แล้ว เก็บได้เมื่อวานน่ะ”

“น่าอร่อยจังเลย”

“รีบกินกันเถอะ”

 

ถึงบ้านนี้จะมีอุปกรณ์กินข้าวหน้าตาเหมือนช้อนที่พ่อทำขึ้น แต่กลับใช้มือเปล่าหยิบพอร์ทกับแคโระกินกันเป็นเรื่องปกติ

 

มือคู่นี้คงจะมีสิ่งสกปรกมากมายที่มองไม่เห็นสินะ……ฉันคิดเช่นนั้นพลางหลับตากินอาหารไปด้วย

 

พอถือพอร์ทก็รู้สึกอุ่นและได้กลิ่นหอมชวนให้ท้องหิว เมื่อเอาเข้าปากอย่างช้า ๆ……ก็สัมผัสได้ถึงความหนึบหนับเหมือนทุบข้าวเหนียว และความหวานเบา ๆ

 

“วันนี้ก็อร่อยนะเนี่ย สมแล้วที่รูบิน่าทำกับข้าวเก่ง”

“ฮิฮิ ชมเกินไปแล้ว”

 

พ่อจ้องมองแม่ด้วยสีหน้าเขินอาย ส่วนแม่ก็ตอบกลับได้ไม่แย่เสียทีเดียว การสนทนาเช่นนี้ของทั้งสองเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นทุกวัน ถ้าคิดดูมันก็น่าสงสัยนะ ว่าทำไมฉันถึงไม่มีน้อง

 

“แคโระก็อร่อยสุด ๆ ไปเลยแฮะ! ใช้ซอลนี่ฟุ่มเฟือยชะมัด”

“วันนี้พิเศษน่ะ ชิมรสชาติเสียให้พอ เพราะจะมีแต่พอร์ทอย่างเดียวไปอีกสักพัก”

“โอเค”

 

พี่ตั้งหน้าตั้งตากินเอา ๆ ไม่นานก็กินหมด อายุสิบสี่เป็นช่วงวัยที่กินได้เรื่อย ๆ แต่วัยเท่านั้นกลับได้กินข้าวแค่นี้ จะเป็นอะไรไหมนะ
 

“……พี่ กินพอร์ทของหนูไหม”

 

พอยื่นมือตั้งใจจะส่งพอร์ทที่เหลือเกินครึ่งให้ พี่ก็ส่ายหน้าแล้วดันมือของฉันกลับไป

 

“พี่ไม่เป็นไรหรอก อันนั้นของเรน่า กินน้อยเดี๋ยวไม่โตนะรู้เปล่า”

“ค่า งั้นหนูกินนะ”

 

พี่ฟังคำตอบของฉันแล้วยิ้มอย่างอ่อนโยน เพราะฉันเป็นพี่น้องเพียงคนเดียว หรือไม่ก็เพราะฉันเป็นน้องสาวที่อายุห่างกันสี่ปี พี่เลยค่อนข้างเอ็นดูฉัน

 

ถึงจะเป็นสภาพแวดล้อมที่แย่ที่สุด แต่ก็ยังมีครอบครัวที่เยี่ยมที่สุด ทั้งพ่อ แม่ และพี่ชาย หนูรักพวกเขาทุกคนเลย

เขาหวังให้หนูกู้โลก (WN)

เขาหวังให้หนูกู้โลก (WN)

Score 10
Status: Completed
เด็กสาวสลัมวัย 10 ขวบที่เกิดจำขึ้นมาได้ว่าชาติก่อนเคยมีชีวิตที่สะดวกสบายกว่านี้ที่ญี่ปุ่น จึงหาทางหนีออกจากสลัม โดยใช้ความรู้ติดตัวเป็นอาวุธ

Options

not work with dark mode
Reset