บทที่ 1215 ผลลัพธ์ออกมาดี
บทที่ 1215 ผลลัพธ์ออกมาดี
เธอตั้งใจจะทำเสื้อเป็นเสื้อเชิ้ตคอปกตั้ง
เพราะเสื้อผ้าร่วมสมัยแบบอื่นไม่เข้ากับกระโปรงหม่าเมี่ยน ถ้าทำออกมาไม่เข้ากันคงดูแย่แน่
แต่ถ้าเป็นเสื้อเชิ้ตคอปกตั้งสีเดียวกัน พร้อมลวดลายจีน จะช่วยเสริมลวดลายบนกระโปรงหม่าเมี่ยนและผสมผสานได้อย่างลงตัว
เธอไม่ได้ศึกษาเรื่องนี้มาเป็นพิเศษ แต่รู้สึกว่าน่าจะเข้ากันได้
ในอนาคตจะมีเสื้อผ้าหลากหลายรูปแบบมากขึ้น เธอก็แค่คนธรรมดาที่เคยเกิดมาแล้วก็เท่านั้น
มีดีไซเนอร์ต่างชาติผู้มีชื่อเสียงมีความคิดล้ำยุคหลายคน แต่เนื่องจากข้อจำกัดของยุคสมัย เสื้อผ้าที่ออกแบบจึงไม่ต้องทันสมัยมากนัก
เธอต้องวาดในสิ่งที่ทำให้คนเห็นรู้สึกถึงความสดใส
คิดแบบนั้นก็หยิบปากกาลงมือวาดทันที
เธอลงสีท้องฟ้าสำหรับกระโปรง
ตอนที่เห็นผ้าไหมสีฟ้าในระบบเธอก็ตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็น สีฟ้าเหมาะกับใช้ทำกระโปรงมาก
เมื่อเทียบกับผ้าซาตินแบบดั้งเดิมแล้ว ผ้าซาตินที่เธอเอามาไม่ค่อยยับและมีความยืดหยุ่นมากกว่า พอเอามาทำเป็นกระโปรงจะทำให้คนรู้สึกเหมือนล่องลอยอยู่ท่ามกลางสายลม
ส่วนสีท้องฟ้ามีความงดงามแลดูสงบ
เสร็จเรื่องกระโปรงหม่าเมี่ยน ต่อมาคือจับคู่กับผ้าซาตินสีมี่เหอ*[1]
สองสีนี้เข้ากันดี เธอจึงเลือกใช้ทั้งสองสี
เสี่ยวเถียนเริ่มออกแบบเสื้อเชิ้ตคอปกตั้งโดยมีองค์ประกอบตามรูปแบบจีน
ส่วนสีมี่เหอต้องวาดลายให้เข้ากับกระโปรง
เสี่ยวเถียนไม่ค่อยชำนาญเรื่องการผลิตเสื้อผ้า ฉะนั้นแม้เธอจะออกแบบได้ แต่ก็ไม่สามารถผลิตได้
ต้องหาคนมาทำ
การวาดของเธอไม่ซับซ้อน เน้นความเรียบง่ายและสง่างามเป็นหลัก
สองชั่วโมงผ่านไป ในที่สุดก็ทำสำเร็จ
งานนิทรรศการนี้จะต้องมีเสื้อผ้าต่างสไตล์กันทั้งสามวัน และต้องเหมาะกับโอกาสต่าง ๆ
ซึ่งกระโปรงหม่าเมี่ยนคลาสสิกตัวนี้เหมาะแก่การออกไปเดินเที่ยวและออกเดต
เมื่อได้ชุดแรกแล้ว อีกสองชุดที่เหลือเป็นแบบธุรกิจและทางการ
แต่ตอนนี้ดึกแล้วเธอควรพักผ่อนก่อนจะหาเวลาทำต่อในวันพรุ่งนี้!
หลังจากอาบน้ำเสร็จก็เข้านอน
เช้าวันต่อมาเธอเริ่มวาดรูปที่สอง
ชุดนี้เป็นชุดแบบทางการ
เธอไม่ต้องทำอะไรเลยแค่วาดชุดทางการที่สวยที่สุดในความทรงจำออกมา มันเป็นสไตล์ที่เรียบง่าย สง่างามและหรูหรา เหมาะกับสไตล์จีนที่ละเอียดอ่อนนัก
กว่าจะเสร็จก็เกือบไม่ทันกินข้าว
เธอรีบเก็บข้าวของก่อนจะออกไปเจอเหวยจวิ้นอู๋ตรงทางเดินพอดี
“จะไปกินข้าวหรือเสี่ยวเถียน? ไปกัน!”
เด็กสาวยิ้ม “คุณยังไม่ได้กินข้าวเหมือนกันหรือคะ? บังเอิญจังเลย!”
ตอนนั้นเองที่เห็นชายอีกคนยืนอยู่ไม่ไกลนัก เขาเป็นสมาชิกของคณะผู้แทนของเราเอง
เธอไม่รู้จัก แต่เหมือนว่าเขาจะเป็นบอดีการ์ดของเรานะ!
ดูเหมือนหัวหน้าทั้งสองจะส่งคนมาดูแลเธอโดยเฉพาะ
เธอเขินมากที่นำภัยมาสู่องค์กรแบบนี้
คงดีถ้าตอนนั้นไม่ทำอะไรบ้าบิ่น ตอนนี้จะไม่ได้ไม่ต้องมาเป็นกังวลแบบนี้
“ที่จริงฉันดูแลตัวเองได้นะคะ ฉันค่อนข้างเก่งอยู่ค่ะ”
เธอมั่นใจในตัวเองมาก แต่อีกฝ่ายไม่เชื่อ
ตัวแค่นี้จะไปเก่งได้ยังไง?
…
จู่ ๆ ก็นึกได้ว่าเธอเป็นคนที่ช่วยจับคนร้ายเอาไว้
หรือจะเก่งจริง ๆ?
“เรียนมาจากที่บ้านหรือ?”
“ไม่ค่ะ ฉันฝึกมวยทหารตั้งแต่เด็ก เคยเรียนรู้ท่าทางการต่อสู้มาบ้าง แค่สามสี่คนจัดการได้อยู่แล้วค่ะ”
รองหัวหน้าเหวย “…”
เอาเถอะ ทำทีว่าไม่ได้ยินแล้วกัน
ผู้หญิงอ่อนแอแค่นี้จะจัดการได้หรือ?
ไม่ให้ผู้ใหญ่แบบเราอายได้ยังไง?
พอเห็นว่าอีกฝ่ายจะเชื่อเธอก็รีบชักชวน “งั้นไม่ต้องให้เขาปกป้องฉันแล้วใช่ไหมคะ?”
“ให้ตามไปนั่นแหละ ฉันพูดอะไรไม่ได้หรอก รัฐมนตรีต้วนเขาตัดสินใจนะ!”
ตามที่ท่านรัฐมนตรีว่า สามสี่คนไม่พอด้วยซ้ำ ต้องสักสิบคนไปเลย
เวลาออกไปไหนจะได้ไม่มีอิสระ
ซูเสี่ยวเถียนยิ้มเจื่อน ตอนนั้นเองที่เห็นคนในบทสนทนาเดินมา
“ต่อให้ไม่มีคนติดตาม คุณก็ไม่สมควรได้ไปไหนทั้งนั้น” รัฐมนตรีต้วนมองด้วยสายตาซับซ้อน
“ก็ได้ค่ะ” เธอไม่มีทางเลือกนอกจากตอบรับ
“หลังกินข้าวเรามีเรื่องต้องคุยกันที่ห้องคุณ” เขาเห็นไม่มีคนอยู่จึงเอ่ยขึ้น
มีบางเรื่องที่ไม่เข้าใจ แต่ในฐานะหัวหน้าจะต้องรู้ให้ได้ ไม่งั้นจะจัดการอะไรต่อไม่ได้น่ะ
เดาว่าคงเป็นเรื่องแบบเสื้อผ้าแน่ ๆ
ไม่รู้ว่าคุณเฟิงอวี้ซูพึ่งพาได้หรือเปล่า
จะได้ให้ช่วยกัน
ถึงจะคิดว่าที่ตัวเองทำค่อนข้างมีเอกลักษณ์ แต่เธอไม่ใช่ดีไซเนอร์
ตัดเย็บอะไรเองไม่ได้ด้วย เลยเป็นแค่รูปวาดแทน
ถ้าได้คุยกันจะได้มีข้อสรุปเสียที
“ได้ค่ะ แล้วฉันก็มีเรื่องจะรายงานท่านทั้งสองด้วยค่ะ!”
[1] มี่เหอ คือสีย้อมโบราณ จะเป็นสีขาวอมเหลืองอ่อน หากเป็นปัจจุบันจะเป็นสีขาวหลัก ที่มีสีเหลืองรอง