บทที่ 1211 การประชุม
บทที่ 1211 การประชุม
ในไม่ช้าเธอก็เข้าใจ
‘มีคนทรยศในประเทศเราสินะ’
เมื่อคณะผู้แทนกลุ่มสุดท้ายขึ้นโชว์ แต่ทั้งเนื้อผ้าและสไตล์เสื้อผ้ากลับเหมือนคณะก่อนหน้าที่เคยนำเสนอมาแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่เสียเปรียบอย่างยิ่ง
แม้ขนส่งชุดใหม่มาก็ไม่ทันอยู่ดี
วิธีเดียวคือการเปลี่ยนเนื้อผ้า
ทว่าเนื้อผ้าที่โรงงานหลายแห่งในครั้งนี้นำมาไม่ตรงกับข้อกำหนดที่ทางผู้จัดงานต้องการ
กล่าวอีกนัยหนึ่ง คือเนื้อผ้าของโรงงานไม่ดีพอจะรักษาหน้าให้เราน่ะ
ไม่แปลกใจที่จะทำหน้าเครียดกันขนาดนั้น
“ผมว่าอย่าเพิ่งคิดเลยดีกว่าครับ กลับไปเราค่อยว่ากัน ต้องมีทางออกแน่” เหวยจวิ้นอู๋นวดขมับ
รัฐมนตรีต้วนรู้ว่าการประชุมในวันนี้มีความสำคัญมาก และมีความเป็นไปได้ที่เป็นเรื่องการประสบความสำเร็จในการร่วมมือกัน
ซึ่งงานนิทรรศการที่จะจัดขึ้นสามวันติดส่งผลต่อการพัฒนาของอุตสาหกรรมสิ่งทอจีนในอนาคต
“การจะแก้ปัญหาได้หรือไม่นั่นมันอยู่ที่ความร่วมมือกันสินะ!”
“ไว้เย็นนี้กลับไปหารือกับเฟิงอวี้ซูดีกว่าครับ เขาเป็นดีไซเนอร์ของเราในครั้งนี้ รับผิดชอบการออกแบบเสื้อผ้า ถ้าได้คุยกันอาจหาทางออกและเปลี่ยนสไตล์ทันก็ได้นะครับ บางทีน่ะนะ…”
มีแค่นี้เท่านั้นแหละ!
รัฐมนตรีต้วนโกรธมาก ใครมันทำข้อมูลสำคัญแบบนี้รั่วไหลกัน?
หากเราโดนประเทศเล็ก ๆ ที่มีเจตนาไม่ดีปราบปรามเข้าละก็ อุตสาหกรรมสิ่งทอในอนาคตเราพังยับเยินแน่
เพราะพวกเขาอยากจะแทนที่ประเทศเรามาตลอด และนี่คงเป็นโอกาสที่วางแผนมานานแล้วสินะ
จีนเป็นประเทศที่อุตสาหกรรมสิ่งทอเป็นอุตสาหกรรมที่สำคัญ แต่หลายปีมานี้การผลิตชะลอตัวลงเยอะ เพราะไล่ตามการพัฒนาในปัจจุบันไม่ทัน หากโดนเรื่องนี้อีกคงไม่เหลืออะไรแน่ ๆ
“จะมีใครในประเทศเราทราบบ้างไหมว่าโดนปล่อยข้อมูลสำคัญออกไปน่ะ คนที่ทรยศต่อประเทศตัวเองช่างทำตัวน่ารังเกียจจริง ๆ!”
เหวยจวิ้นอู๋รู้สึกไม่ต่างกัน
ตอนที่ทราบเรื่องก็โทรกลับไปทางฝ่ายนั้นแล้วอธิบายเรื่องราวให้ฟัง รวมถึงรายชื่อบุคคลที่เกี่ยวข้อง
ทว่าการที่พวกมันลงมือต้องเตรียมการไว้แล้ว ไม่มีทางเผยไต๋ง่าย ๆ แน่
เรายังเชื่อมั่นในเจ้าหน้าที่ตำรวจของเราได้ ไม่ว่าจะเก่งแค่ไหนจะต้องเจอตัวแน่
ซูเสี่ยวเถียนครุ่นคิดว่ามีอะไรที่ช่วยได้บ้าง
เธอลองตรวจสอบในระบบห้องสมุดซึ่งได้รับการอัปเกรดแล้วดู
ความสะดวกสบายของมันคือสืบค้นข้อมูลได้อย่างอิสระ
หากเป็นเมื่อก่อนเราทำได้แค่อ่านหนังสือที่ระบบจัดหาให้เท่านั้น แต่ตอนนี้เธอสามารถเลือกอ่านได้อย่างอิสระ
หลังจากสืบค้นสักพักก็ยอมแพ้
มันมีเทคนิคการปั่นไหมขั้นสูงอีกเยอะแยะมากมาย
ทว่าเราเหลือเวลาแค่สามวันก่อนเริ่มงาน จะหาโรงงานผลิตจากไหนล่ะ?
ทำไม่ได้เลย
‘เดี๋ยวก่อนนะ’ จู่ ๆ เธอก็นึกอะไรได้
ในเมื่อมันใช้วิธีสกปรกเหยียบย่ำเรา
งั้นก็ไม่จำเป็นต้องทนอยู่เฉย ๆ สิ!
ในเมื่อมีเจตนาแต่แรก ก็อย่าหาว่าเราไม่ยุติธรรมเลย!
เด็กสาวตัดสินใจและค้นหาของในร้านค้า
เธอมีเงินอยู่แล้ว เลยไม่ค่อยได้ใช้ร้านค้าในระบบนัก เรียกได้ว่าไม่ได้ใช้เลยมากกว่า
และวันนี้ก็ได้ท่องระบบอีกครั้ง
แต่ก่อนจะเจอของที่หมายตา รถก็มาถึงจุดหมายปลายทางเสียแล้ว
เมื่อถึงเวลางาน เด็กสาวก็ตั้งใจอย่างดี
เธอติดตามคนทั้งสองในการประชุมเงียบ ๆ และทำหน้าที่เป็นล่ามอย่างเหมาะสม
อีกฝ่ายสนใจคณะผู้แทนจากประเทศจีนมาก และสนใจในเนื้อผ้าที่ใช้ทำเครื่องแต่งกายด้วย
‘แวดวงธุรกิจไร้มิตรสหาย’ ประโยคนี้ไม่ใช่เรื่องโกหก
เพราะต่างฝ่ายต่างได้ผลประโยชน์
ในเมื่ออีกฝ่ายคิดเอาเปรียบเราก็ไม่ยอมแพ้หรอกนะ!
เพราะงั้นแม้เบื้องหน้ายิ้มแย้มหัวเราะ แต่อารมณ์ในใจกลับพลุ่งพล่าน
ซูเสี่ยวเถียนถอนหายใจ
ถ้าคนพวกนี้ไม่มีสถานะมาจำกัด ป่านนี้คงเข้าไปต่อยปากกันแล้ว
ฝ่ายนั้นตัวฉกาจเลย เคยขุดหลุมคณะผู้แทนเรามาหลายรอบแล้วด้วย
และถ้าความสามารถของเธอไม่ดีพอ ความรู้เชิงวิชาการไม่แม่นพอคงตกหลุมพรางไปแล้ว
แล้วถ้าแปลออกมาได้มีจะส่งผลต่อการเจรจาในภายหลังอีก
หลังจากรู้ถึงเจตนาของฝ่ายนั้น เธอก็แปลอย่างระมัดระวังมากขึ้น
รวมถึงเจอความคิดแอบแฝง จึงลอบเตือนคนของตัวเองเช่นกัน
หลังจากโดนทักหลายต่อหลายคน คนของคณะผู้แทนประเทศ L ก็เริ่มรู้ตัวเสียแล้ว
พวกเขามองซูเสี่ยวเถียนด้วยความทึ่ง
หลุมพรางที่เราวางเอาไว้โดนเปิดโปงเสียแล้ว
ตอนแรกพวกเขายังไม่ได้สนใจล่ามคนนี้สักนิด แต่เด็กคนนี้กลับทำลายแผนการของเรา จนสถานการณ์ค่อย ๆ คลี่คลาย
พวกเขามองอยู่บ่อยครั้ง จนรัฐมนตรีต้วนสังเกตเห็น
ตอนนี้สัมผัสได้ถึงบรรยากาศอ่อนโยนของการประชุมแล้ว
ทันใดนั้น รัฐมนตรีต้วนก็ตระหนักได้ว่าซูเสี่ยวเถียนเป็นสมบัติล้ำค่าโดยแท้
‘มิน่า ก่อนออกเดินทางเบื้องบนถึงกระชับนักหนาว่าให้ปกป้องเธอด้วย’
แต่เขาไม่ได้รู้เลยว่าซูเสี่ยวเถียนมีบทบาทสำคัญอย่างไรในการประชุมครั้งนี้