บทที่ 1139 คุณย่าซูรู้สึกเป็นทุกข์
บทที่ 1139 คุณย่าซูรู้สึกเป็นทุกข์
นี่คือสิ่งที่ซูเสี่ยวเถียนคิดและจะทำ
หลังจากพิธีต้อนรับเสร็จสิ้น เธอก็ขอลาหยุดสามวัน
รีบกลับไปที่โรงงานทันที
เรื่องราวบนโลกก็แบบนี้ จะพึ่งพาคนอื่นหาเงินเป็นกอบเป็นกำไม่ได้
คนที่เขาหาเงินจริง ๆ ก็เอามาลงทุนต่อทั้งนั้น
ตอนนี้เธอมีเงิน ย่อมพัฒนาธุรกิจได้ไวอยู่แล้ว ใช่ว่าจะพึ่งแต่ผลประกอบการจากโรงงานอย่างเดียวเสียหน่อย
เธอยินดีหาเงินเพิ่มอีก
เหลยเกาเชาก็เจอปัญหาเรื่องนี้เหมือนกัน เพราะผลิตภัณฑ์ของโรงงานขายทั้งในและนอกประเทศ แต่ด้วยกำลังการผลิตและปัจจัยอื่น ๆ จึงไม่สามารถไล่ตามได้ทัน
เลยดีใจมากที่ได้ยินว่าซูเสี่ยวเถียนหาทุนเพิ่มได้
สามวันนี้เด็กสาวยุ่งมาก ไหนจะงานจากกระทรวงอีก ในที่สุดก็ได้หารือเรื่องอื่น ๆ ในโรงงานกับผู้อำนวยการเหลยเสียที
คืนก่อนวันหยุดจะหมด เด็กสาวกลับมาที่บ้าน
คุณย่าซูมองใบหน้าน่าเกลียดของหลานแล้วบ่นอุบ
“เด็กคนนี้ ทำไมไม่รู้จักดูแลตัวเองบ้าง ยังเด็กอยู่เลยแต่มีรอยคล้ำใต้ตาแล้ว”
“อย่าเห็นว่าเด็กแล้วไม่ดูแลเชียวนะ ย่าจะบอกให้ ผู้หญิงควรใส่ใจเรื่องบำรุงตัวเองตั้งแต่เด็ก ๆ เลย”
“งานในกระทรวงยุ่งมากก็เปลี่ยนที่ทำงานเถอะ ไม่ใช่เรื่องเลยนะ!”
…
คุณย่าซูพูดไม่หยุด และเด็กสาวก็ฟังด้วยรอยยิ้ม
รู้สึกดีจังที่ได้รับการดูแลจากคนที่บ้าน
กลายเป็นว่าเธอเผลอหลับไปตอนฟังเสียงบ่น
ทีแรกหญิงชราจะทำของอร่อยให้หลานกินบำรุง
แต่กลายเป็นว่าหลับเสียอย่างนั้น
คุณย่าซูทำได้แค่ห่มผ้าแล้วปล่อยให้หลานนอนหลับ
หลังจากออกไปก็พึมพำ “ดูซิ! สภาพเป็นยังไงแล้ว หลานรักทำงานเหนื่อยเหลือเกิน!”
จากนั้นก็เริ่มโกรธ
“ไอ้เด็กพวกนี้ก็ไม่เคยคาดหวังได้เลย ถ้ามันทำได้หลานรักฉันก็ไม่ต้องทำงานหนักขนาดนี้หรอก!”
“ต้องถามโส่วเวินแล้วละ มัวแต่ไปทำอะไรอยู่ ทำงานอย่างเดียวจนไม่รู้จักดูแลน้องบ้างหรือ?”
ซูโส่วเวินที่กำลังเล่นกับลูกชายที่บ้านจู่ ๆ ก็จามขึ้นมา
เขามองประตูหน้าต่าง ปิดหมดแล้วแท้ ๆ ลมไม่น่าเข้ามาด้วยซ้ำ ทำไมถึงจามเนี่ย?
หลี่หลินหลินได้ยินเสียงจึงรีบดึงลูกออกมา “คุณเป็นหวัดแน่เลย เดี๋ยวลูกติดนะ”
จากนั้นก็ว่าต่อ “เย็นนี้ฉันนอนกับลูกแล้วกันค่ะ คุณไปนอนห้องหนังสือแล้วกันนะ!”
สิ้นประโยคก็อุ้มลูกเข้าห้องทันที เด็กน้อยยิ้มทิ้งท้ายให้พ่ออย่างภาคภูมิใจ
ทิ้งซูโส่วเวินไว้ในสายลม
ต่อให้จามก็จริง แต่ทำไมภรรยาต้องไม่ต้องการเขาด้วยล่ะ?
แล้วดูรอยยิ้มเจ้าเด็กนั่น หดหู่ใจจริง ๆ
แต่ก็ยังทำตามที่ภรรยาบอกอย่างเชื่อฟัง
ตอนที่เข้าไปนอนกลับนอนไม่หลับ เลยหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านแล้วศึกษา
ก่อนน้องสาวจะมาเขารู้สึกว่ายังอยู่ได้ดี ๆ
แต่พอน้องมาทำดันตื่นตระหนก
ตนได้รับแรงกระตุ้นจนต้องตั้งใจทำงาน แถมต้องเก่งภาษาให้เยอะ ๆ เพื่อไล่ตามการพัฒนาให้ทันยุคสมัย
ฝั่งคุณย่าซูออกมาก็เดินเข้าครัว
“ยายเฒ่าทำอะไรเนี่ย? จนป่านนี้แล้ว ทำไมยังทำกับข้าวอยู่ล่ะ?” คุณปู่ซูถามเสียงดัง
เพราะมันดังไปหน่อยก็เลยโดนภรรยาด่าอย่างแรง
“เสียงดังหาอะไร? หลานหลับอยู่ เธอเหนื่อยมากเลยนะ ถ้าปลุกเธอขึ้นมาฉันจะไม่ยกโทษให้เด็ดขาด!”
คุณปู่ซู “…”
เขาไม่รู้ว่าหลานหลับไปแล้ว ถ้ารู้คงไม่พูดดังหรอก
ชายชราลดเสียงโดยไม่รู้ตัว “แล้วเธอมาทำอะไรในครัว?”
“ทำซุปให้หลาน จะได้กินบำรุง ยังเด็กอยู่เลยสุขภาพจะได้ไม่เสีย”
คุณย่าซูเอ่ย
“รอบคอบจริง ๆ ไป เดี๋ยวตามไปช่วยทำด้วย”
หญิงชราเหลือบมองด้วยความประหลาดใจ
ตาเฒ่าแก่มากแล้วนะ ทำไมถึงมาช่วยเธอในครัวล่ะ?
ตอนหนุ่ม ๆ ไม่เคยเข้าครัวเลย แก่แล้วรู้เรื่องขึ้นมาหรือไง?
แต่เธอไม่พูดออกมาดัง ๆ
มาด้วยกันก็ดีกว่าตัวคนเดียวอยู่แล้ว
สองผู้อาวุโสยุ่งอยู่ในครัว
การทำอาหารร่วมกันของพวกเขาดูอ่อนโยนมากทำให้คนเห็นรู้สึกสงบยิ่ง
ซูเสี่ยวเถียนตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่
เธอออกมาแล้วได้กลิ่นหอมของอาหาร
“ย่า ทำอะไรอยู่คะ?” เธอถืออ่างไปตักน้ำ แล้วเอ่ยถามอย่างน่ารัก
“โจ๊กฟักทองจ้ะ ใส่ผักดองเกลือกับผักดอกซอสที่หนูชอบด้วยนะ แล้วก็ทำซุปไก่ให้ ใส่ของดีไว้เพียบเลยนะ ดื่มก่อนไปทำงานด้วยละ!”
ยิ่งพูดเท่าไรก็ยิ่งเสียใจเท่านั้น
หลานรักยังเด็กอยู่เลย บ้านอื่นเพิ่งจะอยู่มัธยมต้นด้วยซ้ำ
ถ้ารู้ก่อนหน้านี้คงไม่ปล่อยให้เรียนมหาวิทยาลัยไวขนาดนี้หรอก ลำบากก่อนคนอื่นตั้งหลายปี!
คุณย่าซูเป็นคนฉลาดเลยไม่พูดออกมาตรง ๆ
พูดไปก็ทำอะไรไม่ได้
“คุณย่า แล้วทำไมทำซุปไก่ค่ะ ตื่นกี่โมงเนี่ย?” เธอเข้าไปกอดด้วยความเสียใจ
ย่าแก่แล้ว ต้องพักผ่อนเยอะ ๆ ทำงานให้น้อย
“ต้มเมื่อวานเย็นน่ะ ใช้ไฟอ่อน ๆ ตุ๋นไว้หลายชั่วโมงน่ะ” ถึงจะประทับใจที่หลานฉลาดหลักแหลม แต่ก็ยังรู้ว่าเรื่องกินเรื่องใหญ่
“ย่าอย่าทำเยอะสิ หนูรู้สึกแย่นะ!”
“ลำบากที่ไหนกัน? เดี๋ยวนี้ก็ไม่ได้ไปทำงานที่หออีหมิงแล้ว ทำกับข้าวให้พวกหนูกินที่บ้านเนี่ย ไม่ได้ลำบากอะไร ถ้าอยู่หนานหลิ่งคนรุ่นเท่าย่าทำทั้งงานในบ้าน ทำทั้งงานในทุ่งอีกนะ”
คุณย่าซูเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจแล้วเอาอาหารเช้ามาให้ เด็กสาวที่ถืออ่างยังไม่ได้ล้างหน้าล้างตาเลย กลัวข้าวจะเย็นจึงรีบเร่งมือ
ที่บ้านตอนนี้มีพี่หก พี่เจ็ด พี่แปด พี่เก้า และเธออยู่บ้าน เราเริ่มฝึกงานและไปทำงานกันแล้ว บางครั้งก็รีบออกไปไม่ทันได้กินข้าวหรอก
ช่วงเที่ยงซูเสี่ยวเถียนฝากท้องไว้ที่โรงงาน ความเหนื่อยจากการทำอาหารของย่าน้อยลงกว่าเมื่อก่อนเยอะ
พอเด็ก ๆ โตเริ่มทำงาน ท่านก็รู้สึกเหงาอย่างเลี่ยงไม่ได้
ไม่สบายใจอยู่สักพัก จนแทบอยากจะกลับไปโชว์ฝีมือที่หออีหมิงแล้ว
โชคดีที่ยังมีคนแก่ ๆ ที่บ้านอยู่ เลยดีขึ้นเยอะเลย
——————————————