บทที่ 1130 นินทาว่าร้าย
บทที่ 1130 นินทาว่าร้าย
ซูเสี่ยวเถียนเคยติดต่อคนจากกระทรวงการต่างประเทศมาก่อน และทุกคนล้วนรู้จักเธอดี
ใคร ๆ ก็ว่าเด็กสาวทั้งสวยทั้งฉลาด
เด็กคนหนึ่งพูดได้หลายภาษา ขนาดคนในกระทรวงที่ความสามารถขนาดนี้ยังหาได้ยาก
กระทั่งตอนนี้นักแปลที่เก่งที่สุดในกระทรวงเรายังรู้แค่ห้าภาษาเท่านั้น
แต่ซูเสี่ยวเถียนแซงหน้าเขาไปแล้ว
คนส่วนใหญ่ชอบเพราะหน้าตาน่ารัก
บางส่วนก็ชอบเพราะเห็นแก่ฟ่านชูฟาง
แต่ไม่ว่าอย่างไร ชีวิตในกระทรวงของเจ้าตัวเหมือนปลาในน้ำ*[1]
สถานการณ์นี้จึงทำให้เด็กฝึกงานคนอื่นไม่สบายใจ
เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง?
พวกเราคือผู้มีพื้นฐานด้านนี้ แต่ดันทำได้ไม่ดีเท่าซูเสี่ยวเถียนเนี่ยนะ?
แน่นอนว่าซูเสี่ยวเถียนก็สัมผัสได้ว่าคนในกระทรวงกำลังตั้งแง่ต่อตนเช่นกัน
โอกาสอันมากมายเหลือน้อยลงเพราะซูเสี่ยวเถียนปรากฏตัวอย่างช่วยไม่ได้
แต่คนแบบนี้มีส่วนน้อย เธอจึงไม่สนใจ
เด็กสาวทำงานตามแผนการไปเรื่อย ๆ
เด็กฝึกงานที่มาใหม่จะยังไม่มีการแปลงานในแพลตฟอร์ม
ส่วนใหญ่จะทำการแปลแค่บางส่วนเท่านั้น
ไม่ใช่เรื่องยาก
ทุกคนทำหน้าที่ได้ดีมาก
ซูเสี่ยวเถียนอ่านหนังสือเร็ว แปลเร็ว และแม่นยำมาก ปริมาณการอ่านในแต่ละวันถึงสูงสุดทุกวัน
แต่เพื่อไม่ให้มันดูรวดเร็วจนเกินไปจึงชะลอความเร็วของตัวเอง
จำนวนที่ทำสำเร็จในทุก ๆ วันมากกว่าคนอื่นอยู่ประมาณสามสิบเปอร์เซ็นต์
ถึงอย่างนั้นก็มีอีกหลายคนที่ไม่เชื่อในจำนวนของมันและคิดว่ามีบางอย่างผิดปกติ
เราตั้งใจแปล แต่ดันน้อยกว่าของซูเสี่ยวเถียนได้ยังไง?
ระดับความสามารถเด็กเอกจีนมันสูงขนาดนี้แล้วหรือ?
ด้วยความไม่เชื่อเลยคิดว่าอีกฝ่ายใช้วิธีที่ไม่ยุติธรรม
ไม่นานก็มีข่าวลือเกิดขึ้นในกระทรวงเราหาว่าซูเสี่ยวเถียนให้คนช่วยแปลงาน
บางคนถึงกับบอกว่าเด็กสาวไม่ได้เข้าใจเลยสักนิด แต่มาทำงานได้เพราะมีเส้นสายจากฟ่านชูฟางเท่านั้น
แม้กระทั่งใส่ร้ายซูโส่วเวินด้วยซ้ำ
ถึงจะเป็นเรื่องโคมลอย แต่ก็แพร่สะพัดไปทั่วกระทรวงการต่างประเทศแล้ว
กว่าฟ่านชูฟางจะทราบเรื่องก็ผ่านไปสามวัน
ทีแรกตั้งใจจะจัดการมัน
เพราะเสี่ยวเถียนเป็นคนมีพรสวรรค์หายาก คนแบบนี้ไม่ควรโดนใส่ร้าย
แต่ตอนนี้ตนยุ่งมากจึงไม่มีเวลาให้เจียดออกมาเลย
อีกสองวันต่อมาก็มีคณะผู้แทนจากประเทศ Y มาเยี่ยมเยือน แม้ฟ่านชูฟางจะไม่ได้รับผิดชอบเรื่องนี้เป็นพิเศษ แต่ในฐานะผู้นำของกระทรวงย่อมยุ่งเช่นกัน
เรื่องนี้ทุกคนรู้กันหมด
โดยเฉพาะคนระดับผู้นำย่อมรู้ว่าเกิดข้อครหากันในกระทรวง
กระทรวงการต่างประเทศเป็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับชาวต่างชาติ ความสามัคคีภายในหน่วยงานย่อมให้ความสำคัญมากกว่าที่อื่น ๆ
คนระดับบนไม่สามารถปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปได้แล้ว
ศูนย์กลางเรื่องราวคือซูเสี่ยวเถียน
ฟ่านชูฟางก็เข้ามาเอี่ยวด้วยอีก
ถ้าเธอคนเดียวก็ไม่เป็นไรหรอก
แต่นี่ตนเป็นภรรยาของต่งหยวนจง มันจึงเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนพอสมควร
สิ่งที่สำคัญคือข่าวลือมาจากไหนต่างหาก
อย่างนั้นต่อไปก็ทำให้ทุกคนได้เห็นความสามารถของซูเสี่ยวเถียนเสียเลย
สรุปแล้วผู้นำของกระทรวงก็ทำการอนุญาตให้หญิงชราเชิญซูเสี่ยวเถียนเข้าร่วมพิธีต้อนรับ
ก็เลยมีข่าวแพร่สะพัดว่าเด็กสาวเพิ่งเข้าทำงานได้สิบวันกลับจะได้เข้าร่วมพิธีต้อนรับคณะผู้แทนต่างประเทศเสียแล้ว
ซูโส่วเวินไม่นึกเลยว่าจิตใจคนเราจะเป็นเช่นนี้
เสี่ยวเถียนเพิ่งมาได้สิบวัน ตั้งใจทำงาน ไม่ก่อปัญหาเลย แล้วทำไมถึงเป็นเป้าหมายคนอื่นล่ะ?
เจ้าตัวยังไม่อยากเชื่อ
เธอเป็นแค่นักศึกษาฝึกงานเอง แล้วจะมีคุณสมบัติเข้าร่วมงานสำคัญแบบนี้ได้ยังไง?
แต่ความจริงเธอมีนะ
“มีคนหนุนหลังกับจบสายนี้มาตรง ๆ จะไปเหมือนกันได้ยังไง นั่งสบาย ๆ เลย”
“พูดถูก แต่คนหนุนหลังถือว่าใหญ่นะ” เยี่ยไคอวี่เอ่ยด้วยความฉุนเฉียว
ส่วนลู่เซวียนแค่เหลือบมองเฉย ๆ
ไม่น่าง่ายแบบนั้นกระมัง
ถังผิงก็มีเส้นสาย เพราะคนในครอบครัวทำงานในสถานทูต
พ่อแม่เธอก็พูดขอให้ได้ แล้วจะไม่ช่วยถังผิงได้ยังไง?
แต่เบื้องบนเลือกซูเสี่ยวเถียนเอง แสดงว่าต้องเก่งจริง
หรือไม่ก็อาจจะได้โชคจากข่าวลือที่แพร่สะพัดนั่นก็ได้
“ลู่เซวียน ทำไมนายไม่พูดอะไรเลยล่ะ?” ถังผิงถาม
เพราะหวังว่าจะได้รับการสนับสนุนจากทุก ๆ คน จะเป็นการดีกว่าหากทำให้ซูเสี่ยวเถียนไร้ทางออก
พอถึงตอนนั้นพวกผู้นำอาจจะผ่อนคลายอารมณ์ทุกคนด้วยกันยอมแพ้ซูเสี่ยวเถียนก็ได้
“เรื่องแบบนี้ขึ้นอยู่กับความสามารถของคน! ถ้าเพื่อนไม่เก่งจริง ต่อให้ได้รับความไว้วางใจยังไงก็ต้องเสียหน้านะ”
ถังผิงโกรธจัดจนไม่รู้จะพูดอะไร
ขึ้นอยู่กับความสามารถหรือ?
พูดง่ายเนอะ มาดูกันว่าจะยอมสละโอกาสทำงานที่นี่ต่อหรือเปล่า
“รีบแปลงานเถอะ งานวันนี้ยังไม่เสร็จเลยนะ”
ลู่เซวียนไม่อยากเสียเวลาแล้ว
จากนั้นก็กลับโต๊ะไปทำงานต่อ
อีกสองคนไม่ค่อยมีความสุขเท่าไร
แต่เพราะไม่เข้าใจอารมณ์อีกฝ่ายเลยพูดอะไรไม่ได้
“ช่างมัน ถังผิง เรามาฝึกงาน ตั้งใจทำงานเถอะ!” เยี่ยไคอวี่ขบคิดก็รู้สึกว่าช่างน่าเบื่อมาก
เขาดูมีความหวังน้อยที่สุดแล้ว เพราะอย่างนั้นไม่ว่าซูเสี่ยวเถียนจะเป็นยังไง พูดอย่างจริงจังเลยมันไม่เกี่ยวกับเราด้วยซ้ำ
ถังผิงมองอีกสองคนเริ่มทำงาน จึงทำได้เพียงระงับความไม่พอใจเอาไว้แล้วนั่งทำงานตัวเองต่อ
แต่เพราะหงุดหงิด เวลาทำเลยเหม่อตลอด สงบสติไม่ได้เลย
ทั้งสามไม่รู้เลยว่ามีคนยืนอยู่นอกสำนักงานตลอดเวลา
บุคคลนั้นล้วนเห็นการปฏิสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งสามทั้งหมด
[1] ปลาในน้ำ คือ การที่ได้อยู่อาศัยในสถานที่หรือสิ่งแวดล้อมเหมาะสม หรือการที่ใครคนหนึ่งสามารถปรับตัวเข้าสิ่งแวดล้อมใหม่ ๆ ได้ดี