บทที่ 1124 จะเลือกอย่างไร
บทที่ 1124 จะเลือกอย่างไร
คงเพราะตื่นเต้นจึงพูดออกมารวดเดียว ทำให้เหล่าต้วนที่คิดจะสร้างสัมพันธ์กับเด็กสาวเกิดความสับสน
จริงหรือ?
คนคนหนึ่งจะเก่งได้ขนาดนั้นเลย?
แค่เรียนเอกเดียวก็จะตายอยู่แล้ว!
“ไม่ต้องสงสัยนะ นี่คือเรื่องจริง เธอโดดเด่นมากเลย!”
“ได้ยินว่าตอนที่เธอเข้ามหาวิทยาลัยเมื่อสามปีก่อน ก็เชี่ยวชาญสามภาษาแล้ว ตอนนี้น่าจะเก่งไม่หกก็เจ็ดภาษาแล้วละ อาจารย์อาวุธในคณะภาษาต่างประเทศอยากจะได้เธอเป็นลูกศิษย์มาก ส่วนกระทรวงการต่างประเทศก็หวังว่าจะได้คนเก่ง ๆ แบบนี้มาทำงานด้วย!”
“ตอนเธออยู่ปีหนึ่ง อธิการบดีจากมหาวิทยาลัยเกษตรกรรมได้เชิญเธอเข้าร่วมโครงการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ของเขาเป็นการส่วนตัวด้วยนะ แถมยังอยากให้ย้ายไปเลยด้วยซ้ำ ทำงานในห้องทดลองกับอาจารย์เสินจื่อเจินโดยตรง”
“สรุปแล้วความรุ่งโรจน์ของเธอพูดวันเดียวก็ไม่จบ…”
ยิ่งพูดเท่าไรก็ยิ่งตื่นเต้น ราวกับเป็นเกียรติยศของตนเอง
เหล่าต้วนมองเส้นทางที่เทพธิดาเดินหายไป
วันนี้เขาได้พบกับรุ่นพี่ผู้มีฉายาว่าเป็นแสงสว่างแห่งจิ่งเฉิงจริง ๆ หรือ?
แถมยังสารภาพรักด้วย?
ต่อให้โดนปฏิเสธแต่อย่างน้อยเขาก็ได้สารภาพรักแล้ว!
“เหล่าต้วน มา ๆ บอกหน่อยซิไปพูดอะไรกับพี่เสี่ยวเถียนเขา? ให้เธอสอนเรื่องอะไร? เธอเป็นคนเข้าถึงง่ายหรือเปล่า แล้วรู้อะไรมาอีก?”
…
ซูเสี่ยวเถียนกลับไปถึงห้องเรียนแล้วบอกว่าขอคิดดูก่อน
ฮั่วซื่อเหนียนยื่นเอกสารทั้งสองใบให้เธอ
“ตั้งใจคิดนะเสี่ยวเถียน เพราะมันคืออนาคตของเธอ!”
ฮั่วซือเหนียนนึกสงสัยว่าพ่อตาได้ไปหาผู้นำกระทรวงเกษตรและสหกรณ์หรือยัง?
จู่ ๆ ก็รู้สึกว่าอาจจะยังมีโอกาส
กลับไปบอกให้แกรู้ดีกว่า จะได้ไม่โดนบ่น
หวังว่าเสี่ยวเถียนจะไปทำงานที่ห้องทดลองแกได้
หลายปีมานี้มีหนุ่มสาวหลายคนที่ได้เข้าไปทำงานด้วยหลายคนเลย แต่แกบอกว่ายังมีข้อบกพร่องอยู่!
ตอนนั้นเองที่ออดเลิกเรียนดังขึ้น
เด็ก ๆ โห่ร้องแล้วพากันออกห้องไป
พอกลับมาถึงที่ห้อง จ้าวหงเหมยทนเล่าเรื่องในวันนี้ให้ฟังไม่ไหวแล้ว
สาว ๆ 314 หัวเราะลั่นกับการแสดงละครละครประโลมโลก
“เสี่ยวเถียนทำร้ายจิตใจหนุ่ม ๆ ผู้ไร้เดียงสาไปเพียบเลยนะ”
“แต่วัยของเสี่ยวเถียนจะหาคนรักก็ไม่ใช่เรื่องผิดตรงไหนนี่!”
ทว่าหลี่เจี้ยนหงกลับค้านหัวชนฝา
“หงเหมย เสี่ยวเถียนยังเด็กอยู่เลยอย่าพูดแบบนั้นสิ ฉันได้ยินซื่อเลี่ยงพูดว่ารอน้องอายุยี่สิบสี่ก่อนค่อยว่ากัน ตอนนี้มันยังเร็วไป!”
ในฐานะว่าที่พี่สะใภ้รอง เธอเห็นพ้องกับเรื่องนี้มาก
เพราะปกติคนเราเรียนจบอายุก็ประมาณยี่สิบสามไม่ก็ยี่สิบสี่ใช่ไหมล่ะ แล้วปีนี้เสี่ยวเถียนเพิ่งอายุเท่าไรเอง?
เพื่อน ๆ ต่างตกใจ
รอเพื่อนแต่งก็คงอายุเท่าที่ว่านั่นแหละ กว่าเราจะจบก็อายุเยอะแล้ว
ซึ่งเด็กผู้หญิงหลาย ๆ คนที่ไม่ได้เรียนมหาวิทยาลัยจะแต่งตอนอายุสิบแปดหรือสิบเก้าปี บางที่ในชนบทแต่งไวกว่านั้นอีก
อายุยี่สิบสี่หรือ?
ต้องรออีกไม่เจ็ดก็แปดปีถึงจะมีความรักได้?
มันดีหรือไม่ดีเนี่ย?
“เจี้ยนหง เคยได้ยินประโยคนี้ไหม?” ฉู่เยว่ถามจริงจัง
“ประโยคไหนหรือ?” หลี่เจี้ยนหงดูไม่เข้าใจ
หลังจากหัวเราะครึกครื้น ก็ถึงคราวแกล้งซูเสี่ยวเถียนอีกรอบ เด็กสาวที่กำลังจะเรียนจบมีหน่วยงานมหาอำนาจต่างแย่งชิงตัวไม่หวาดไม่ไหว
และก็มีแต่หน่วยงานพวกนี้เท่านั้นที่ไม่ต้องห่วงเรื่องใช้แรงงานเด็ก
เทียบไม่ได้เลยจริง ๆ!
“ตัดสินใจหรือยังเสี่ยวเถียน? เธออยากไปกระทรวงพาณิชย์หรือกระทรวงต่างประเทศ?”
สำหรับพวกเธอ ไม่ว่าที่ไหนอนาคตย่อมมีงานที่เกี่ยวข้องให้ทำอยู่แล้ว
แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนจะได้อยู่ที่เดิมต่อนะ แค่ไปพิสูจน์ว่ามีโอกาสน่ะ
ขอแค่ตั้งใจและคว้าโอกาสเอาไว้ จะมีงานดี ๆ ให้ทำเอง
ซึ่งซูเสี่ยวเถียนไม่อยากได้
ไม่ใช่แค่เธอนะ
แต่คนอื่น ๆ ในห้อง 314 ด้วย
เพราะพวกเรามีเส้นทางการหาเงินเป็นของตัวเองแล้ว
ระหว่างเรียน เราผ่านอะไรมามากจนมีเงินอยู่เพียบเลย
ส่วนคนอื่น ๆ ที่มาจากต่างจังหวัดหวังว่าจะได้การงานที่มั่นคง
ในยุคนี้การได้ทะเบียนบ้านเป็นเรื่องที่ยากมาก ถ้าให้ดีคือมีการงานมั่นคงในเมืองหลวงจะดีที่สุด
หลาย ๆ คนเลยตั้งใจไปให้สุดและเลือกหน่วยงานอย่างรอบคอบ
ถ้าทำงานในเมืองหลวงไม่ได้ จะต้องกลับบ้านเกิด
พวกเขาอาศัยอยู่ในเมืองหลวงมาหลายปีแล้ว ชินกับการใช้ชีวิตที่นี่จึงไม่อยากกลับไป
เพราะอยู่ที่เมืองหลวงมันมีโอกาสไปได้ไกลกว่าการกลับบ้าน
โดยเฉพาะเฉียนเสี่ยวเป่ยหากอยู่ต่อจะได้กำจัดญาติที่เกาะเป็นปลิงออกได้
แต่ถ้ากลับบ้านจะต้องเป็นเครื่องจักรทำเงินให้พวกเขา
ส่วนเรื่องหลี่เจี้ยนหงกับซูซื่อเลี่ยงตัดสินใจเรียบร้อยแล้ว พ่อแม่ต่างก็เห็นด้วย พร้อมแต่งหลังเรียนจบ
ฝ่ายหญิงไม่คิดจะกลับบ้านเกิดจนเกิดสถานการณ์สามีภรรยาแยกกันอยู่
ส่วนฉีเสี่ยวฟางดูสงบที่สุด ไม่ได้สนใจว่าจะอยู่เมืองหลวงต่อไหม
ตอนนี้เธอเติบโตขึ้นจากสาวเปิ่นผู้กินข้าวไม่เคยอิ่มกลายมาเป็นเด็กเมืองกรุงหน้าตาสะสวย
เธอมีความสุขกับชีวิตในเมืองดี ถ้าอยู่ต่อไม่ได้ก็แค่กลับ ไม่ใช่เรื่องใหญ่
ปัญหาเรื่องปากท้องแก้ไขเรียบร้อย เรื่องอื่นก็ไม่มีอะไรให้ห่วง
ส่วนคนอื่น ๆ มาจากเมืองหลวงกับเมืองจิน ไม่มีอะไรให้คิดเยอะ
แต่ไม่ว่ายังไงเราก็ต้องฝึกงาน ซูเสี่ยวเถียนต้องหางานที่ชอบในหน่วยงานพวกนี้ด้วย
ได้ทำที่ชอบดีกว่าได้ทำที่ไม่ชอบ
เด็กสาวเมินกระทรวงพาณิชย์ ไม่ใช่เพราะไม่อยากไปทำนะแต่มันเป็นงานที่ละเอียดอ่อน
บางทีอีกสองปีอาจจะได้ไปทำงานที่นั่นหาผลประโยชน์ส่วนตนเพื่อดำเนินกิจการเอกชนก็ได้
ไม่รู้ปัญหาจะยุ่งยากแค่ไหน!
คงเพราะห่วงตรงนี้เลยไม่มีทางเลือกนัก
ไปกระทรวงต่างประเทศแล้วกัน
“เสี่ยวเป่า เสี่ยวอวี๋มีแผนว่าไงบ้าง? กลับบ้านเกิดหรืออยู่เมืองหลวง?”
หลี่เจี้ยนหงอยากรู้ว่าเฉียนเสี่ยวเป่ยจะตัดสินใจเลือกอะไร
เพราะรู้ว่าเพื่อนไม่มีทางกลับแน่ ๆ งั้นทางเดียวที่เหลืออยู่ที่เสี่ยวอวี๋แล้ว!