เกิดใหม่เป็นไอหนุ่ม NTR ในเกมเอโรเกะ แต่ฉันไม่มีวันแย่งเธอมาเด็ดขาด 8.1 มุมมองของ อายานะ

ตอนที่ 8.1 มุมมองของ อายานะ

[ทำไมนายถึงเล่นฟุตบอลล่ะโทวะคุง?]

 

ฉันเคยถามโทวะครั้งหนึ่งเพราะจู่ๆฉันก็สงสัยขึ้นมา

 

ช่วงหลังจากเรียนจบชั้นประถมและเข้ามัธยมต้น โทวะคุงก็ยังคงเล่นฟุตบอลอยู่ ดังนั้นฉันจึงสงสัย

 

ฉันเข้าใจว่าเขาชอบมันเพราะดูเหมือนเขาจะมีความสุขตอนเล่นฟุตบอล แต่สำหรับฉันแล้วดูเหมือนว่าเขาจะมีเหตุผลสำคัญอยู่อีกอย่างหนึ่ง

 

[ทำไมฉันถึงเล่น..…อืม..…เพราะฉันชอบฟุตบอลมั้ง?]

 

[เรื่องนั้นแน่นอนสิ~]

 

มันเป็นคำตอบธรรมดาแต่มันเป็นเรื่องจริงอย่างแน่นอน และฉันก็เห็นด้วยกับเขา

 

แต่ฉันรู้ว่ามีอีกเหตุผลที่สำคัญเพราะฉันสังเกตโทวะมาจนถึงตอนนี้

 

บางทีเขาอาจจะยอมแพ้หลังจากจ้องมาที่ฉัน เขาถอนหายใจเล็กน้อยและพูดต่อ

 

[อืม……มันเป็นเพราะแม่ของฉันนะ]

 

[อาเคมิซัง?]

 

อาเคมิ นั่นคือชื่อแม่ของโทวะคุง

 

ฉันคุยกับเธอเล็กน้อยตอนที่จะไปบ้านของโทวะกับชู แต่เรามักจะเจอกันตอนไปดูโทวะคุงแข่งฟุตบอล ดังนั้นเราจึงสนิทกัน

 

เธอมีรูปลักษณ์ที่อ่อนเยาว์จนแทบไม่น่าเชื่อว่าเธอมีลูกชายอยู่สมัยมัธยมต้น แต่ในตอนแรก ฉันรู้สึกว่าเธอดูน่ากลัวเล็กน้อย แต่หลังจากพูดคุยกับเธอ ฉันพบว่าเธอก็เป็นแค่แม่ปกติคนหนึ่งที่รักโทวะมากเท่านั้น

 

[โทวะลูก ยกเท้ามาทางนี้หน่อยสิ!]

 

[มันไม่เหมือนในการ์ตูนนะแม่ ผมทำแบบนั้นไม่ได้หรอก!]

 

อาเคมิซังเป็นผู้หญิงที่ดูมีชีวิตชีวามาก และฉันก็ชอบที่จะได้คุยกับเธอ

 

การพูดแบบนี้อาจฟังดูไม่ดี แต่ฉันก็อยากมีแม่แบบอาเคมิซังมากกว่า……

 

อาเคมิซังเป็นผู้หญิงที่วิเศษมาก และเธอก็เป็นผู้หญิงที่ใจดีและเข้มแข็งเสมอ เธอเป็นผู้หญิงแบบที่ฉันอยากเป็นในอนาคต

 

[อืม….ฉันอยากให้เธอเก็บมันเป็นความลับนะอายานะ อย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกแม่ฉันนะเพราะมันน่าอาย]

 

[จ้า]

 

โทวะคุงเกาแก้มและดูอึดอัดเล็กน้อยที่จะพูดถึงมัน

 

ฉันเดาว่าเขาคงจะอายกับสิ่งที่เขาจะบอกกับฉัน แต่ฉันสงสัยว่าเหตุผลของเขาคืออะไร

 

ขณะที่ฉันรออย่างอดทน โทวะคุงก็พูดขึ้นช้าๆ

 

[เธอคงน่าจะรู้อยู่บ้างว่าฉันไม่มีพ่อ……เขาประสบอุบัติเหตุเมื่อนานมาแล้ว]

 

[อะ…….]

 

ฉันไม่เคยได้ยินรายละเอียดเกี่ยวกับสถานการณ์ครอบครัวของโทวะคุงมาก่อนเลยและฉันรู้ว่าต้องมีเหตุผลอะไรบางอย่างเพราะฉันไม่เคยเห็นพ่อของโทวะปรากฏตัวมาก่อนเลย

 

ทั้งโทวะและอาเคมิซังไม่ได้พูดถึงพ่อของเขาเลย ฉันก็เลยทำได้แต่เดาและไม่ได้ถามเกี่ยวกับเรื่องนี้……ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้ว พ่อของโทวะเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ

 

[ฉันขอโทษนะ]

 

ฉันรู้สึกเสียใจที่ต้องทำให้เขาพูดเรื่องนี้ แม้ว่ามันจะเป็นเพียงเพราะความอยากรู้อยากเห็นของฉันก็ตาม

 

ฉันก้มหัวและขอโทษ และโทวะคุงก็ลูบหัวฉันและบอกฉันว่าอย่ากังวลเกียวกับเรื่องนี้ แต่ฉันรู้สึกแย่มากกับหัวข้อประเภทนี้

 

[ฉันจะพูดต่อแล้วนะ…..แม่ของฉันรักพ่อของฉันมาก จึงไม่แปลกที่แม่จะเศร้ามาก แต่เพราะฉันอยู่ที่นั่นกับแม่ด้วยแม่จึงฟื้นตัวได้เร็ว……ฉันคิดว่าเธอเป็นแม่ที่เข้มแข็งจริงๆ แต่บางครั้งแม่ก็นึกถึงพ่อและฉันก็เคยเห็นแม่ร้องไห้ตอนกลางคืนที่หน้าแท่นบูชา]

 

โทวะดูเหมือนจะมีช่วงเวลาที่ยากลำบากในการจดจำสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนั้น

 

ฉันอยากจะบอกเขาว่าเราไม่ต้องพูดถึงมันแล้ว เขาจะได้ไม่ต้องคร่ำครวญถึงความเจ็บปวด แต่ฉันก็ยังอยากรู้เกี่ยวกับเขาให้มากขึ้น

 

[แม่กลับมายืนได้อีกครั้ง แต่แม่ยิ้มน้อยลงมากเมื่อเทียบกับสมัยก่อน และมันก็เป็นเรื่องยากสำหรับฉันที่เห็นแม่พยายามทำตัวเข้มแข็งแบบนั้น]

 

เท่าที่ฉันจำได้ อาเคมิซังเธอมักจะยิ้มอยู่เสมอ

 

ฉันไม่คิดเลยว่ารอยยิ้มของเธอจะลดลง แต่ฉันมีลางสังหรณ์ว่าสิ่งที่เขากำลังจะบอกฉันอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้อาเคมิซังกลับมายิ้มได้อีกครั้ง

 

[ตอนนั้นฉันบังเอิญสนใจฟุตบอลอยู่นิดหน่อย ฉันเลยเข้าชมรมและเริ่มฝึกซ้อมและมีลงแข่งบ้าง……แล้วแม่ก็เริ่มยิ้มมากขึ้นเมื่อเข้ามาให้กำลังใจฉัน แม่เริ่มยิ้มอีกครั้ง…..ยิ้มเหมือนสมัยที่พ่ออยู่ด้วย]

 

[…..นั้นคงเป็นเหตุผลที่นายพยายามอย่างหนัก]

 

โทวะพยักหน้าแล้วพูดต่อ

 

[แต่ยังไงซะในฐานะลูกชาย ถ้าแม่มีความสุขเมื่อเห็นฉันพยายามอย่างหนัก ฉันก็อยากจะทำมันต่อใช่ไหม? อีกอย่างฉันก็ชอบฟุตบอลด้วย ดังนั้นมันจึงเป็นสถานการณ์ที่ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย]

 

[……อืม]

 

ฉันไม่เคยพยายามทำอะไรเพื่อครอบครัวเลย และฉันสามารถพูดได้อย่างมั่นใจว่าจะไม่มีวันทำ

 

ฉันไม่เห็นค่าของการมีอยู่ของครอบครัวเลย แต่ตอนนี้ฉันคิดว่ามันมันมีค่ามากและโทวะคุงก็เจ๋งมากที่พยายามทำให้ดีที่สุดเพื่อแม่ของเขา

 

[ดังนั้น……นั่น……ก็คือเหตุผล]

 

โทวะคุงดูอายที่จะพูดเรื่องแบบนี้ หรือบางทีที่หน้าของเขาแดงขึ้นคงเพราะเขาอายมากขึ้นเมื่อเขาพูดเรื่องนี้ตอนกลางวันแสกๆ แต่การที่เขาเป็นแบบนี้มันน่ารักมาก และใจฉันก็เต้นรัวเมื่อมองดูเขา

 

วันนี้โทวะคุงทำให้โลกของฉันกว้างขึ้นอีกแล้ว

 

ตั้งแต่นั้นมา ฉันใช้เวลาอยู่กับเขาเยอะมาก เพื่อทำความรู้จักเขาให้มากขึ้นเรื่อยๆ และวันนี้ฉันได้เรียนรู้บางอย่างเกี่ยวกับเขาที่ฉันไม่เคยรู้มาก่อน

 

[เป็นหวัดเหรอ? หน้าเธอแดงไปหมดเลย……]

 

[ฟุฟุ ฉันก็ว่าอย่างนั้น เพราะฉันได้รู้จักส่วนที่ยอดเยี่ยมของโทวะคุงมากขึ้น]

 

ฉันอายมาก……ฉันรู้สึกอายจริงๆ แต่ตอนนี้ฉันไม่มีทางเลือกนอกจากจะต้องยอมรับมัน

 

ฉันรักโทวะคุง ฉันรักเขามากจนอดใจไม่ไหว

 

ฉันคิดว่าฉันอาจจะชอบเขาตั้งแต่วันแรกที่เจอเขา แต่ฉันก็จะเก็บความรู้สึกนี้ไว้ในใจจนถึงตอนนี้

 

นี่เป็นช่วงเวลาที่สำคัญมากสำหรับโทวะคุง และนั่นคือเหตุผลที่ฉันจะอยู่เคียงข้างเขาและสนับสนุนเขา

 

[จะว่าไปแล้ว ทำไมเธอถึงใช้คำสุภาพตลอดเลยละ?]

 

[อืม มันเป็นเพราะ……]

 

อย่างที่โทวะคุงบอกไว้ ทุกวันนี้ฉันใช้คำสุภาพเป็นหลัก

 

เหตุผลง่ายๆ มันเหมือนกับกำแพงป้องกันฉันกับครอบครัว เพราะถึงแม้พวกเขาจะเป็นครอบครัวของฉัน ถ้าฉันพูดกับพวกเขาด้วยภาษาที่สุภาพ ฉันก็ยังมองว่าพวกเขาเป็นคนแปลกหน้าได้

 

ฉันลงเอยด้วยการใช้ภาษาสุภาพกับโทวะคุงด้วย แต่ฉันสามารถเลิกได้ถ้าฉันต้องการ แต่ฉันเริ่มคุ้นชินกับมันแล้ว ดังนั้นอาจต้องใช้เวลาสักพักถึงจะหยุดใช้มันได้

 

[…..นั่นคือเหตุผล]

 

แต่เพราะโทวะคุงเป็นคนใจดีมาก ไม่มีทางที่ฉันจะพูดได้อย่างตรงไปตรงมาว่าฉันอยากจะรักษาระยะห่างจากสมาชิกในครอบครัว ถึงฉันจะรู้สึกเสียใจแต่ฉันก็ใช้เหตุผลที่ฟังดูคลายๆกันบอกเขาไป

 

[ฉันเข้าใจว่ามีเรื่องเกิดขึ้นมากมาย แต่ฉันคิดว่าการใช้คำสุภาพสำหรับเด็กผู้หญิงก็น่ารักดีออก]

 

ฉันหัวเราะให้กับโทวะคุงที่พูดออกมา

 

มันแปลกที่การใช้เวลากับโทวะคุงแบบนี้ทำให้ความกังวลของฉันลงน้อยลง

 

ไม่ได้หมายความว่าความเกลียดของฉันลงน้อยลง แต่เพราะฉันสนุกกับทุกวันมากจนฉันไม่สนใจมันเมื่ออยู่ใกล้โทวะคุง

 

[อา ใกล้จะถึงเวลาไปแล้ว…….โชคดีนะโทวะคุง]

 

เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก และวันที่จะเห็นผลของการฝึกหนักของโทวะคุงก็ใกล้มาถึงแล้ว

 

ฉันจะสนับสนุนโทวะคุงเท่าที่จะทำได้ และโทวะคุงก็พยายามอย่างเต็มที่เพื่อตอบแทนการให้กำลังใจฉันและอาเคมิซัง

 

โทวะคุงที่ยังเรียนอยู่มัธยมต้นฝึกซ้อมอย่างหนักด้วยความปรารถนาอันล้ำค่าที่จะได้เห็นรอยยิ้มของอาเคมิซัง และการฝึกซ้อมอย่างหนักของเขาจะได้รับผลตอบแทนอย่างแน่นอน

 

[ชู!!]

 

[……เอ๊ะ?]

 

แต่……โชคชะตาช่างโหดร้ายเหลือเกิน

 

[……โทวะ……คุง?]

 

การฝึกหนักและการดูแลเอาใจใส่ร่างกายหลายปีของเขาถูกแย่งชิงไปในทันที

 

เมื่อฉันเห็นโทวะคุงล้มลงหมดสติ หัวใจของฉันก็เต้นแรงและฉันก็สงสัยว่าเขายังมีชีวิตอยู่หรือไม่ และฉันก็กลัวที่จะคิดถึงเรื่องนั้นจริงๆ……ถ้าเขาจากไป

 

[……โทวะคุง!!]

 

ถึงกระนั้น สิ่งเลวร้ายที่สุดก็ถูกหลีกเลี่ยงไปได้

 

แต่ในวันนั้น ฉันได้เรียนรู้เกี่ยวกับความน่ารังเกียจของมนุษย์มากขึ้น

 

[ดูสิ ไม่มีใครต้องการเธอเลย ชูมีอายานะ และอายานะก็มีชู มันเป็นโลกที่สมบูรณ์แบบ เธอที่เป็นสิ่งแปลกปลอมดังนั้นถูกแล้วที่เธอจะต้องถูกลงโทษ]

 

แม่ของชูคุง…..ไม่สิ..…คนโสโครกคนนั้นพูดแบบนี้ออกมา

 

[แค่โอนี่จังกับพี่อายานะไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ที่จริงหนูไม่อยากให้เขาอยู่ด้วยเลย]

 

หุบปาก หุบปาก เธอต่างหากคือคนที่ต้องจากไป

 

[โทวะไม่สามารถเข้าร่วมการแข่งขันได้♪……ฮ่าๆ]

 

นายหัวเราะทำไม? มันเป็นความผิดของนายนะที่โทวะคุงประสบอุบัติเหตุ!

 

[ฉันรู้ตั้งแต่วินาทีแรกที่เจอกันเลยว่าเขาเป็นเด็กที่น่าขยะแขยงขนาดไหน มีแม่แบบนั้น ไม่น่าแปลกใจที่เขาไม่ได้รับการสั่งสอนที่ดี]

 

ฉันมีสายเลือดเดียวกันกับคนๆนี้ แค่คิดเกี่ยวกับมันก็ทำให้ฉันรู้สึกแย่แล้ว

 

ฉันเอามือปิดปากเพราะอยากจะอวก แต่ฉันสังเกตเห็นว่ามันชื้นเล็กน้อย และฉันรู้ว่ามันคือน้ำตาของโทวะคุง

 

โทวะคุงพยายามอย่างเต็มที่เพื่อทำให้อาเคมิซังยิ้ม และบางอย่างในตัวฉันก็เปลี่ยนไปเมื่อได้ยินเธอปัดเจตนาอันบริสุทธิ์ของโทวะคุงออกไปด้วยคำพูดของเธออย่างง่ายดาย

 

[คนพวกนั้น……หือ? คนพวกนั้นเหรอ? พวกนั้น……คนอย่างนั้นเหรอ? ไม่ สิ่งเหล่านั้นไม่ใช่คน……สิ่งเหล่านั้นคือ……พวกนั้นคือ……!]

 

ฉันไม่อยากจะเชื่ออีกต่อไปว่าพวกเขาเป็นคน หรืออะไรก็ชั่ง

 

[..….มันเจ็บ…….]

 

หัวใจฉันเต้นแรงเมื่อมองดูโทวะคุงพยายามทำกายภาพบําบัดให้ดีที่สุดเพื่อให้ร่างกายได้กลับมาเคลื่อนไหวเหมือนปกติ

 

ฉันมีความสุขมากที่โทวะคุงใจดีกับฉันและห่วงใยฉันมาก……แต่ฉันเป็นเพียงคนตื้นเขินที่มีความสุขกับความมีน้ำใจของโทวะคุงเท่านั้น

 

แล้วฉันก็ได้ยิน

 

[ฉัน……ชอบอายานะ ฉันอยากให้นายสนับสนุนฉันในเรื่องนี้ นายเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน ดังนั้นฉันอยากจะบอกนายเรื่องนี้เป็นคนแรก]

 

ตอนที่ฉันมาเยี่ยมโทวะคุงตามปกติ ฉันอยู่ที่นั่นตอนที่ชูคุงพูดแบบนี้กับโทวะคุง

 

เพราะความคลาดเคลื่อนของช่วงเวลาโทวะคุงกับชูคังเลยไม่เห็นฉัน แต่คำพูดนี้ทำให้ฉันนึกถึงสีหน้าของชูคุงในขณะที่เขาหัวเราะเมื่อเห็นโทวะคุงนอนอยู่บนเตียงอย่างหน้าสงสาร

 

[…..เขาต้องล้อฉันเล่นแน่เลย……..เขาล้อเล่นแน่ เขาต้องล้อฉันเล่นแน่ๆ!]

 

ครอบครัวนั้นต้องการให้ฉันเจ็บปวดขนาดไหนกัน?

 

หัวใจของฉันที่พยายามไม่แยแสกลับกลายเป็น…….ดำคล้ำไปด้วยความเกลียดชัง

———————————————————————————————————————————————————–

คุยท้ายตอน

 

พอรู้ว่าโทวะเล่นฟุตบอลเพื่อให้แม่กลับมายิ้มได้แล้วก็กลับไปอ่านตอนเก่าอีกรอบก็มีอารมณ์ร่วมขึ้นมาเลย

แล้วไอหนุ่ม*ึงคิดเ*ี้ยอะไรอยู่วะเพื่อน*ึงนอนหยอดน้ำข้าวต้มอยู่แล้วไปพูดอย่างงั้นโอ้โห

ด่าโทวะว่าโกรธแล้วนี้เล่นด่ายันแม่….ให้ตายเถอะโรบิน

เกิดใหม่เป็นไอหนุ่ม NTR ในเกมเอโรเกะ แต่ฉันไม่มีวันแย่งเธอมาเด็ดขาด

เกิดใหม่เป็นไอหนุ่ม NTR ในเกมเอโรเกะ แต่ฉันไม่มีวันแย่งเธอมาเด็ดขาด

Score 10
Status: Completed
พอฉันรู้ตัว ฉันก็กลับชาติมาเกิดในโลกของเกมเอโรเกะไปซะแล้ว ฉันไม่ใช่ ซาซากิ ชู ตัวละครหลักของเกม [ฉันถูกชิงไปทุกอย่าง] โอโตนาชิ อายานะ เพื่อนสมัยเด็กและนางเอกที่คอยช่วยเหลือ ชู ได้ถูกเพื่อนสนิทของเขา โทวะ ยูกิชิโระ แย่งเธอไปจากเขา นั้นละผมเอง โชคดีที่ยังเหลือเวลาอีกหนึ่งปีก่อนที่เรื่องราวของเกมจะเริ่มต้นขึ้น ฉันไม่มีรสนิยมที่จะไปแย่งเมียชาวบ้านเขาด้วย และถ้าฉันเลือกที่จะไม่แย่งเธอมา พวกเราก็น่าจะมีความสุขด้วยกัน.....แต่.... “แค่เราสองคน....ใช่ไหม?” ทันทีที่ชูจากไป อายานะก็ขึ้นมานั่งบนตักผม เป็นไปได้ไหมว่าทั้งสองคนมีความสัมพันธ์กันอยู่แล้วก่อนเกมจะเริ่ม? นี่คือ NTR ใช่ไหม? เรื่องราวความรักอันบริสุทธิ์สุดเข้มข้นเริ่มต้นขึ้นแล้ว!

Options

not work with dark mode
Reset