ตอนที8 : ช่วงเวลากับครอบครัว
เมื่อกลับถึงบ้าน ผมก็พบว่าตัวเองกำลังยืนอยู่ในครัวไปซะแล้ว
เมื่อกี้ผมนอนคิดอะไรเพลินๆอยู่บนเตียง แต่เพราะคิดมากจนปวดหัว เลยตัดสินใจลุกขึ้นมาทำอาหารเย็นเพื่อเปลี่ยนอารมณ์
จากความทรงจำอันเลือนลางที่ผมได้มาหลังจากมาอยู่ในร่างนี้ น้องสาวของผมถึงจะดูเหมือนสาวแกลแต่เธอเป็นสมาชิกชมรมกรีฑาและกลับบ้านช้าเป็นประจำ แม่มักจะทำงานจนดึกดื่น เพราะงั้นตอนนี้เธอน่าจะยังทำงานอยู่ที่ออฟฟิศ ส่วนพ่อของผมต้องไปทำงานต่างจังหวัดและแทบจะไม่ได้กลับบ้านเลย
ชินโด ริวสุเกะ คนก่อนมักจะเที่ยวเล่นจนดึกดื่น แถมยังไม่ยอมกลับบ้านแม้ฟ้าจะมืดแล้วก็ตาม แต่สำหรับผมในตอนนี้ไม่มีทางทำแบบนั้นแน่ เพราะหลังจากกลับถึงบ้านผมก็ยังมีเรื่องต้องทำอีกมากมาย
อาจารย์ที่โรงเรียนมักพยายามเพ่งเล็งมาที่ผม เขาตั้งใจเรียกให้ผมตอบคำถามซ้ำๆโดยไม่สนใจนักเรียนคนอื่นเลย
นอกจากนี้ การที่ฉันใช้ชีวิตในโรงเรียนมาโดยเอาแต่โดดทำให้มีการบ้านกองพะเนินอยู่มากมาย ซึ่งตอนนี้ต้องรีบเคลียร์ให้หมดและส่งให้ทันเวลา
แต่การรีบทำมากเกินไปก็ไม่ดีต่อร่างกาย ในชีวิตที่แล้ว ผมพยายามมากเกินไปจนสุดท้ายต้องตายจากการทำงานหนัก…เพราะงั้นในชีวิตครั้งนี้ ผมจะขอไม่เจอกับจุดจบแบบนั้นอีกเลยจะดีกว่า
ดังนั้น ผมเลยตั้งใจว่าจะเรียนไปพร้อมกับการพักผ่อนอย่างพอดีๆไม่ให้เครียดเกินไปด้วย
แล้วก็ ไหนจะเรื่องของมาชิโระอีก
ถึงไม่รู้ว่าเธอพยายามจะทำอะไร แต่ตอนนี้คงต้องหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้เธอให้มากที่สุด
“ไม่ว่ายังไง ฉันก็จะไม่ยอมให้มาชิโระมีตอนจบแบบแบดเอนหรอกนะ”
อามานัตสึ มาชิโระ ที่ปรากฏตัวในปี2ของ ‘Fusekoi’ เป็นเพื่อนสมัยเด็กของชินโด ริวสุเกะ และเป็นตัวร้ายที่ถูกเหล่าตัวเอกกำราบลง
และในชีวิตที่แล้ว เธอคือตัวละครที่ผมชอบที่สุด…
ถ้าลองย้อนกลับไป ที่ผมหลงใหลใน “Fusekoi” มากๆ นั่นก็เพราะตัวมาชิโระนั่นแหละ
ในเรื่องมีตัวละครหญิงที่น่าสนใจมากมาย แต่ในบรรดาทุกคน คนที่โดดเด่นที่สุดกลับไม่ใช่ตัวละครหญิงฝั่งพระเอก แต่กลับเป็นตัวร้ายอย่าง อามานัทสึ มาชิโระ ที่ส่องประกายอย่างไม่เหมือนใคร
มาชิโระเป็นตัวละครที่มีความเชื่อมั่นในตัวเองมาก และแม้ว่าจะดูขี้อายและไม่เก่งเรื่องความรัก แต่เมื่อเธอตัดสินใจอะไรแล้วก็จะยึดมั่นในความคิดนั้นอย่างแน่วแน่ โดยเฉพาะตอนที่เธอแสดงออกถึงความรู้สึกที่มีต่อ ชินโด ริวสุเกะ อย่างชัดเจนต่อหน้าเหล่าตัวเอก นั่นทำให้มันเป็นกลายเป็นภาพที่น่าประทับใจและตราตรึงในใจของผู้อ่าน
มาชิโระมีการใช้คำพูดที่ค่อนข้างแข็งกระด้างและลักษะณะภายนอกที่ดูจัดจ้าน แต่สิ่งที่ผมชอบในตัวเธอคือความเป็นตัวของตัวเองของเธอที่ไม่มีการเสแสร้งเลย พูดตามตรง การที่มาชิโระต้องเจอกับแบดเอน ทำให้ผมรู้สึกสะเทือนใจและซึมไปเลย ผมถึงขั้นต้องหาโดจินที่เขียนตอนจบที่ช่วยให้มาชิโระมีความสุขหรือช่วยชีวิตเธอเพื่อเบนความสนใจของตัวเอกจากเนื้อเรื่องต้นฉบับ
“ทำไมถึงได้ลืมกัน คนที่ผมชอบที่สุดก็คือมาชิโระนี่แหละ”
ตอนเจอกันที่โรงอาหาร จำได้ว่าผมน่าจะยังคงจำเนื้อหาจากต้นฉบับที่เกี่ยวกับมาชิโระได้อยู่ แต่ไม่รู้ทำไม ความรู้สึกที่มีต่อมาชิโระจากต้นฉบับกลับหายไปหมดแล้ว
อาจจะเป็นเพราะผมเกิดใหม่ในร่างของ ชินโด ริวสุเกะ เพื่อนสมัยเด็กของมาชิโระนั่นแหละ… บางทีความรู้สึกของผมที่มีต่อมาชิโระอาจจะขัดกับความรู้สึกของ ชินโด ริวสุเกะ จนทำให้ความรักที่มีต่อเธอหายไป
แต่ความรู้สึกนั้นเริ่มกลับมาชัดเจนอีกครั้ง อย่างน้อยที่สุด ความรักที่ผมเคยมีต่อมาชิโระในชาติที่แล้วก็เริ่มฟื้นคืนกลับมา
ในทางกลับกัน ความรู้สึกของ ชินโด ริวสุเกะ ที่มีต่อมาชิโระยังคงคลุมเครืออยู่ แต่สิ่งที่แน่นอนก็คือ ความรู้สึกของผมที่คลุกกรุ่นราวกับดวงอาทิตย์ที่อยู่ในอกนี่
ผมยังไม่เข้าใจเลยว่าต้นตอของความรู้สึกนั้นคืออะไร สำหรับ ชินโด ริวสุเกะ มาชิโระเป็นเพื่อนสมัยเด็กและเป็นคนที่สำคัญอย่างแน่นอน แต่ผมยังไม่สามารถตัดสินได้ว่ามันเป็นความรักหรือความผูกพันธ์ในแบบเพื่อนกันแน่
ไม่ว่ายังไง ผมก็ต้องการหลีกเลี่ยงอนาคตที่เลวร้าย และไม่อยากให้มาชิโระซึ่งเป็นทั้งคนที่ผมชอบและเป็นเพื่อนสมัยเด็กต้องจบลงแบบแบดเอน ผมจะพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้มันเป็นไปตามที่คิด
แต่ตอนนี้ท้องร้องแล้ว ขอไปทำข้าวเย็นก่อนดีกว่า
ที่จริง ผมชอบทำอาหารมาก ในชีวิตที่แล้วก่อนจะทำงานประจำผมก็มักจะทำอาหารกินเองอยู่ตลอด ตอนเรียนมหาลัยก็เคยทำงาน part-time เป็นเชฟที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง เพราะงั้นผมเลยค่อนข้างมั่นใจตัวเองจะทำอาหารได้อร่อย
วันนี้ผมว่าจะทำแฮมเบิร์กกินเองโดยใช้เนื้อบดที่เหลืออยู่ในตู้เย็น
หลังจากปั้นเนื้อให้เป็นก้อนก็เอาไปย่างในกระทะ กลิ่นหอมของเนื้อสเต็กก็ค่อยๆลอยออกมา ผมทำน้ำราดจากน้ำที่ออกมาจากเนื้อด้วย จะใช้ซอสมะเขือเทศหรือซอสอื่นก็ได้ แต่สำหรับผมแล้ว ผมชอบซอสเดมิกลาสที่สุด
มีไวน์แดงอยู่ด้วย และผมก็ไม่ลังเลที่จะใช้มัน แค่เพิ่มผักเคียงแล้วเทซุปใส่ชามก้นชาม ทุกอย่างก็เสร็จเรียบร้อย
เมื่อทุกอย่างพร้อม เสียงเปิดประตูดังขึ้นจากทางเข้า เหมือนว่า “ไม” น้องสาวของผมกลับมาถึงบ้านแล้ว
“หนูกลับมาแล้ว~ กลิ่นอะไรเนี่ยหอมจัง เอ๊ะ…?”
น้องสาวของผมที่โผล่หน้าออกมาจากประตูห้องนั่งเล่นกลับเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
ก็ไม่แปลกที่จะทำท่าทางแบบนั้นล่ะนะ ก่อนหน้านี้ ชินโด ริวสุเกะ คนเดิมเนี่ย ชอบออกไปเที่ยวเล่นจนกลับบ้านดึกๆดื่นๆ การที่เขาอยู่บ้านแบบนี้ไม่บ่อยนักหรอก แล้วไหนจะมาทำอาหารเย็นให้ครอบครัวอีก ดูยังไงก็ไม่น่าเชื่อเลยสักนิด
ถึงแม้จะเป็นความทรงจำที่เลือนลาง แต่ก็ยังจำได้อย่างชัดเจนว่า เหตุการณ์แบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลยสักครั้งเดียว
“เอ่อ… พี่ชาย… กะ กำลังทำอะไรอยู่น่ะ…?”
“แค่เห็นก็รู้แล้วนี่ ทำข้าวเย็นไง”
“เอะ เอ๋…? พี่ทำได้แค่ซุปมิโซะสำเร็จกับรูปกับราเมนถ้วยนี่นา… ทำอาหารเย็นเนี่ยนะ?”
ไมยืนอยู่หน้าโต๊ะด้วยสีหน้าที่ตกใจมาก เธอมองสลับไปมาระหว่างอาหารเย็นที่จัดเตรียมไว้อย่างสวยงามกับผมที่เป็นคนทำด้วยท่าทางราวกับเห็นสิ่งที่ไม่น่าเชื่อ
“นี่… พี่ทำเองเหรอ?”
“วันนี้อยากเปลี่ยนบรรยากาศบ้างน่ะสิ ถึงจะนานๆทีพี่จะทำเองบ้างก็เถอะ แบบนั้นคงไม่เป็นไรหรอกเนอะ?”
“นี่มันไม่ใช่แค่นานๆทีแล้วนะ ครั้งแรกเลยที่หนูเห็นพี่ทำอาหารแบบนี้! แล้วมันก็ดูน่ากินมากเลยด้วย… ไม่ได้สั่งมาจากร้านใช่มั้ย?”
“ไม่น่าเชื่อเลยงั้นสิ พี่ทำเองจากวัตถุดิบที่มีในตู้เย็นน่ะ ไมเหนื่อยจากการทำกิจกรรมชมรมที่โรงเรียนใช่ไหม แล้วแม่ก็ทำงานจนดึกอีก? พี่เองก็ไม่ได้เข้าชมรมด้วยสิ หลังจากนี้พี่คิดว่าจะกลับบ้านเร็วๆแล้วพยายามทำเพื่อครอบครัวน่ะ”
“ทะ ทำเพื่อครอบครัว? พี่เป็นไข้รึเปล่า? หรือว่าหัวกระแทกตอนอยู่โรงเรียน? ไม่เป็นไรนะ! ให้หนูเรียกรถพยาบาลไหม? ไม่สิ ไปโรงพยาบาลกันเถอะ!”
น้องสาวผมเดินมาแตะหน้าผากด้วยสีหน้าเป็นห่วง หลังจากที่ผมทำอาหารเย็นแค่นี้เนี้ยนะ… แสดงว่าตอนที่ยังเป็น ชินโด ริวสุเกะ คงมีสถานะในครอบครัวแย่มากเลยสินะ…
ผมยิ้มแหยๆก่อนจะปัดมือของไมออกไปเบาๆ
“ก็มีเรื่องหลายเรื่องล่ะนะ เลยตัดสินใจว่าจะปรับปรุงตัวเองใหม่ทั้งหมดเลย ให้พี่ทำอาหารเย็นให้นะ หรือแม้แต่เรื่องงานบ้านอื่นๆก็เหมือนกัน พี่เคยสร้างความเดือดร้อนให้ไมกับแม่มาเยอะแล้วด้วยสิ”
“พี่ชายเป็นอะไรไปเนี่ย… แต่ก็ ดีแล้วล่ะที่พี่ชายจะปรับปรุงตัวเอง หนูดีใจนะที่พี่โตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นขนาดนี้”
เมื่อไมได้ยินสิ่งที่ผมพูดไป เธอก็รู้สึกดีใจจนน้ำตาคลอเบ้า
จริงๆแล้วมันไม่ใช่แค่การปรับปรุงตัวเล็กน้อยเท่านั้น เมื่อวานกับวันนี้ของ ชินโด ริวสุเกะ มันต่างกันราวฟ้ากับเหว เพราะว่าผมได้มาอยู่ในร่างนี้น่ะสิ
ถ้าบอกเหตุผลที่เปลี่ยนไปขนาดนี้ให้ไมฟังล่ะก็ ผมคิดว่าน้องสาวตัวเองคงจะงงเป็นไก่ตาแตกแน่เลย
เพื่อไม่ให้น้องสาวรู้ถึงความคิดของผม ผมเลยยิ้มให้เธอก่อนจะชวนให้นั่งลงเพื่อกินอาหารเย็นด้วยกัน
“วันนี้แม่น่าจะกลับบ้านช้า เพราะงั้นพวกเรากินกันก่อนสองคนดีไหม?”
“อะ อื้ม… เอางั้นก็ได้ จะกินล่ะนะคะ”
หลังจากที่ไมพนมมือ เธอก็ใช้ตะเกียบจิ้มลงไปในแฮมเบิร์กที่ผมทำด้วยท่าทางลังเล จากนั้นเมื่อกัดเข้าไปคำแรก… ดวงตาของเธอก็ส่องประกายระยิบระยับ พร้อมกับรอยยิ้มที่สดใส
“ว้าว! อร่อยมากเลย! พี่เก่งจัง!”
“งั้นหรอ? ได้ยินแบบนั้นค่อยโลงใจหน่อย”
“อืม! อร่อยมากเลย หนูไม่เห็นรู้เลยว่าพี่จะทำอาหารเก่งขนาดนี้… ไปแอบฝึกทำตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอ?”
ถ้าถามว่าฝึกทำตั้งแต่เมื่อไหร่ ก็คงต้องตอบว่าชาติที่แล้วล่ะมั้ง จะตอบยังไงดีล่ะ แต่ไมไม่สนใจคำถามที่ถามมาแล้วหันไปกินแฮมเบิร์ด ซุป และสลัดอย่างเอร็ดอร่อย เหมือนว่าเธอจะชอบอาหารที่ผมทำมากเลยล่ะ ถึงจะกินจนซอสเลอะข้างปากก็ไม่สนใจเลย ราวกับสัตว์ตัวเล็กๆที่กำลังกินอาหารอย่างมีความสุข
อย่างที่บอกไป ผมเคยทำแต่เรื่องที่ทำให้ครอบครัวลำบากมาตลอดชีวิต ถึงมันจะเป็นสิ่งที่ ชินโด ริวสุเกะ คนก่อนทำไว้ แต่ผมคิดว่าในตอนนี้ผมเองก็มีความรับผิดชอบที่จะต้องชดใช้เหมือนกัน
ก่อนอื่นเลย ถ้าอยากจะหลุดพ้นจากบทบาทของตัวร้ายในเรื่องนี้ ผมต้องค่อยๆทำความดีไปเรื่อยๆ ผมต้องพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าผมไม่ได้เป็นคนเลวร้ายอย่างที่คิด และสิ่งแรกที่ต้องทำก็คือ การเรียกความไว้วางใจจากครอบครัวกลับคืนมาไงล่ะ
จากนั้นโต๊ะอาหารที่มีแค่ผมกับไมก็กลายเป็นบรรยากาศที่คึกคักมาก
ตอนแรก ไมก็กินอาหารด้วยท่าทางเกร็งๆ แต่พอสักพัก เธอก็เริ่มผ่อนคลายแล้วกลับมาเป็นตัวของตัวเองที่มีความร่าเริงสดใสเหมือนที่ผมจำได้ จากนั้นการสนทนาก็เริ่มคึกคักขึ้น เธอเล่าเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นในโรงเรียนและเรื่องของเพื่อนๆด้วยสีหน้าที่ดูมีความสุข
ผมต้องพยายามทีละเล็กละน้อย เพื่อให้ชีวิตในวัยรุ่นของผมในโลกนี้มีความสุข
การได้ใช้เวลากับครอบครัว ทำให้ผมมีความมุ่งมั่นขึ้นมาอีกครั้ง—