ตอนที่5 : การพบเจอ
ในมุมซอกหลืบของโรงอาหาร ผมกำลังนั่งซดอุด้งอยู่เงียบๆ
ที่ที่ผมได้เกิดใหม่มาเป็นตัวร้ายของโลก ‘Fusekoi’
เวทีหลักของเรื่องราวแห่งนี้คือตัวโรงเรียนคิโอะแห่งนี้
โรงเรียนแห่งนี้มีนักเรียนจำนวนมากและพื้นที่กว้างขวาง โรงอาหารก็เหมือนกัน มันมีขนาดใหญ่และเต็มไปด้วยเหล่านักเรียนมากมาย ผมเองก็เป็นแค่ตัวประกอบคนหนึ่ง ผมเลยตั้งใจกินอุด้งเงียบๆต่อไป
ตอนนี้ผมโคตรไม่อยากจะเจอตัวละครจากเรื่อง ‘Fusekoi’ เลยสักนิด
ตัวละครหลักส่วนใหญ่ต่างก็ชื่นชอบตัวเอกอย่าง ฟูเสะคาวะ ไรโตะ ในขณะเดียวกัน พวกเขาก็มักจะแสดงความรังเกียจต่อตัวร้ายอย่าง ชินโด ริวสุเก โดยไม่คิดจะซ่อนเลยด้วยซ้ำ
ถ้าตอนนี้ผมดันไปเจอเข้ากับตัวเอกสักคนล่ะก็ มีหวังได้เกิดอีเวนต์บางอย่างขึ้นมาแล้วดึงผมไปสู่ความล่มจมแน่ เหมือนที่ ชินโด ริวสุเกะ ถูกวางบทเอาไว้
ลองยกตัวอย่างนะ สมมุติผมเผลอเดินไปชนกับหนึ่งในนางเอกที่โรงอาหารเข้าจนทำให้เธอบาดเจ็บ พระเอกคุงก็คงเข้ามาแทรกแทรงเหตุการณ์และผมก็จะถูกบังคับให้เป็นตัวร้ายแหง
ถึงผมจะไม่มีเจตนาร้ายกับเหล่าพระเอกนางเอกก็เถอะ แต่บรรยากาศรอบข้างก็บังคับให้เป็นแบบนั้น นั่นเพราะผมถูกสายตาเย็นชามองมาจากรอบทิศทาง
ตราบใดที่ผมยังคงอยู่ในบทบาทของตัวร้าย ตัวประกอบรอบข้างก็จะผลักให้ผมรับบทนั้นต่อไปแล้วอ้างว่าผมจงใจเดินไปชนคนอื่น หรือไม่ก็ใมใช้เหตุผลอื่นที่คล้ายคลึงกัน
ผมเริ่มรู้ตัวหลังจากเรียนคาบเช้า คนในโลกนี้ต่างก็ทำตามเนื้อเรื่องดั้งเดิมที่ผมรู้ และพวกเขาก็พยายามจะทำให้ผมรับบทเป็นตัวร้ายให้ได้ ปฎิกริยาของทั้งอาจารย์และเพื่อนรอบข้างที่แสดงท่าทางราวกับไม่ยอมรับการที่ผมมาโรงเรียนอย่างชัดเจน นั่นแหละหลักฐานว่าพวกเขาจะไม่ยอมให้ผมออกนอกบทตัวร้ายเด็ดขาด
เพราะแบบนั้น ตอนนี้ผมเลยต้องพยายามหลียกเลี่ยงอีเวนต์ให้ได้มากที่สุด จนกว่าจะสามารถเปลี่ยนบทบาทตัวร้ายของ ชินโด ริวสุเกะ ให้กลายเป็นตัวประกอดธรรมดาๆได้ ผมก็ควรจะอยู่เงียบๆอย่างสงบและพยายามไม่เป็นจุดสนใจ
ผมกำลังเคี้ยวข้าวเงียบๆในโรงอาหารโดยไม่ได้สนใจรอบข้าง แต่ทว่า…
“หวา! เอาจริงดิ!? ริวสุเกะมาโรงเรียนหรอเนี่ย!?”
ในตอนที่ชื่อของผมถูกพูดขึ้นมา ผมก็ชะงักไปทันที
ผมหันกลับไปหาที่มาของเสียงก่อนจะเห็นว่ามีเด็กผู้หญิงที่แต่งตัวคล้ายสาวแกลยืนอยู่
เธอมีผมสีทองและตาสีฟ้าก็จริง แต่ก็ใช่ว่าสีธรรมชาติแบบเดียวกับ ‘ซากุระมิยะ มิยูกิ’ หรือก็คือประธานนักเรียนจาก ‘Fusekoi’ กลับกัน เธอแต่งหน้าค่อนข้างจัดเลย
เธอใส่ชุดนักเรียนแบบแกลๆ ปลดกระดุมเสื้อโชว์เนินอก ใส่กระโปรงสั้น ทาเล็บฉูดฉาดและใส่ต่างหูทำให้ดูสดใสและมีชีวิตชีวา
แล้วที่น่าตกใจกว่านั้นคือเธอโคตรน่ารัก เธอมีสัดส่วนที่ดึงดูด ริมฝีปากสีชมพูอิ่ม ผิวสีขาวเนียน ดวงตาสีฟ้าอันน่าหลงไหลและขนตายาวสวย ราวกับเป็นตัวแทนความน่ารักในแบบสาวแกลเลย
(เห้อ… ไม่อยากคุบกับใครในโรงอาหารเลย… ทำไมพวกนั้นถึงเดินมาทางนี้เนี่ย)
เธอคนนั้นดูไม่เหมือนตัวประกอบดาษๆเลย รา่วกับมีบางอย่างที่ต่างออกไป ผมมั่นใจมากว่าเธอต้องไม่ใช่ตัวประกอบธรรมดาแน่ แน่นอนว่ามีโอกาสสูงทีเดียวที่เธอจะเป็นหนึ่งในนางเอกที่หลงรัก ฟุเสะคาวะ ไรโตะ
“ริวสุเกะ ขอนั่งข้างๆได้ไหม? เห็นนายมาโรงเรียนเนี่ยแปลกมากเลยนะ”
“…”
“อย่าเมินกันสิ ได้ยินอยู่นี่!”
“ชะ เชิญเลย…”
“เชิญเลย? ริวสุเกะนายท่าทางแปลกไปนะ เอาเหอะ แค่นายมาโรงเรียนก็แปลกแล้วนี่นะ ฮ่าฮ่าฮ่า!”
เมื่อได้ยินคำตอบของผม เธอก็หัวเราะอย่างสนุกสนานแล้วนั่งลงข้างผม
ผมพยายามจะลองนึกดูว่าสาวแกลคนนี้เป็นใคร จากความทรงจำที่ผมมีเกี่ยวกับ ‘Fusekoi’
รูปลักษณ์ที่เป็นเอกลักษณ์แบบนี้…อย่าบอกนะว่า
สาวสวยคนนี้ไม่ใช่คนของฝั่งตัวเอกหรอก กลับกัน เธอถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นตัวร้าย หรือก็คือตัวละครที่มีไว้เพื่อคอยขัดขวางเหล่าตัวเอกและทำให้พวกเขาดูดีขึ้น ชื่อของเธอคือ ‘อามานัทสึ มาชิโระ’
เธอคือตัวละครที่จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในเรื่องอย่างจริงจังหลังจากตัวละครหลักขึ้นปีสองไปแล้ว
เธอคนนี้เป็นเพื่อนสนิทของชินโด ริวสุเกะ และรู้สึกแค้นที่ตัวละครหลักทำให้ ชินโด ริวสุเกะ ต้องออกจากโรงเรียน เธอเริ่มวางแผนแก้แค้นแต่สุดท้ายก็ทำไมสำเร็จและจบลงด้วยการถูกลงโทษเช่นเดียวกับชินโด ริวสุเกะ หรือก็คือ ถูกทำลายอย่างย่อยยับจากสังคมรอบข้าง
ถึงแม้ อามานัทสึ มาชิโระ จะเป็นตัวร้าย แต่เธอกลับได้รับความนิยมจากแฟนๆมากกว่าตัวผมเองหลายเท่า พวกเขาหลายคนรู้สึกประทับใจกับภาพของเธอที่สาบานว่าจะแก้แค้นให้เพื่อนสนิทซึ่งพ่ายแพ้ไปและต่อสู้กับเหล่าตัวเอกด้วยความรู้สึกคิดถึงเขา
ถ้าในบทของปีหนึ่ง ตัวผมเป็นตัวร้ายที่ไม่มีอะไรให้เห็นใจเลย แต่ในบทของปีสองนั้น อามานัทสึ มาชิโร ที่เป็นตัวร้ายกลับมีอารมณ์ความรู้สึกที่ซับซ้อน อีกทั้งเธอต่อสู้กับเหล่าตัวเอกด้วยความรู้สึกที่คาดเดาไม่ได้ ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ผู้เขียนพยายามทำให้เรื่องราวไม่ซ้ำซากจำเจโดยการลงลึกงไปในความขัดแย้งต่างๆระหว่างตัวละคร
ในระหว่างที่กำลังคิดเรื่องของ อามานัทสึ มาชิโระ ผมก็เริ่มนึกถึงความทรงจำอันเลือนลาที่งเธอกับ ชินโด ริวสุเกะ เคยไปเที่ยวเล่นด้วยกัน ดูเหมือนว่าในเรื่อง ‘Fusekoi’ นั้นอามานัทสึ มาชิโระ กับ ชินโด ริวสุเกะ จะสนิทกันมาก
ตอนที่ผมกำลังซดอุด้งแล้วคิดเรื่องพวกนี้อยู่ จู้ๆมาชิโระที่นั่งอยู่ข้างๆก็เงยหน้าขึ้นมามองผมตาไม่กระพริบ
“ริวสุกเกะ ฉันเป็นห่วงนะที่นายไม่ยอมข้อความในRineหรือรับโทรศัพท์เลย โคกาเนะกับโอบายาชิก็เป็นห่วงเหมือนกัน แล้วอยู่ๆเราก็เจอกันที่โรงเรียนเฉยเลย ฉันตกใจมากนะ ไหนจะเรื่องที่นายมากินข้าวที่โรงอาหารอีก แบบว่า ไม่เคยเห็นนายกินข้าวที่โรงอาหารเลยอ่ะ”
เด็กคนนี้ ทั้งร่าเริงแล้วก็คุยเก่งจังเลยนะ…
ใน ‘Fusekoi’ นั้น อามานัตสึ มาชิโระ ที่โผล่มาเหมือนจะมีท่าทางที่ดุดันและจ้องเขม็งไปที่พระเอกของเรื่องอย่างฟุเสะคาวะ ไรโตะ แต่ตอนนี้อามานัตสึ มาชิโระที่นั่งอยู่ข้างๆผมนั้นกลับให้ความรู้สึกเหมือนสาวแกลที่สดใสร่าเริงและมีเสน่ห์มากกว่าที่คิด
ในความทรงจำของผม ภาพของ อามานัตสึ มาชิโระ ที่ลอยเข้ามาในหัวนั้นยิ้มแย้มไม่หยุดในขณะที่เราเล่นกันและพูดคุยอย่างสนุกสนานแบบนี้ตลอด
กระทั่งตอนนี้เธอก็ยังถามคำถามใส่ผมไม่หยุด ถ้าหากเป็นตัวผมในร่างเดิม หรือคือ ชินโด ริวสุเกะ พวกเราก็คงจะสนิทกันได้มากกว่านี้แน่ๆ… แต่ตอนนี้มันคงเป็นไปไม่ได้แล้วล่ะนะ
ถ้าย้อนกลับไปในช่วงวัยรุ่นของชาติที่แล้ว ผมไม่เคยคุยกับสาวแกลแบบเธอเลยสักครั้งเดียว ไม่รู้จะเริ่มคุยยังไงดี ผมกลัวว่าถ้าพลั้งปากพูดอะไรออกไปจะทำให้เธอรู้ว่าผมไม่ใช่ชินโด ริวสุเกะตัวจริง
อีกอย่าง ตอนนี้ผมต้องการจะหลีกหนีชะตากรรมของตัวร้ายที่กำลังจะล่มจมอยู่ ถ้าผมยังยุ่งเกี่ยวกับเธออยู่เส้นเรื่องก็คงดำเนินไปแบบเดิม
เพราะงั้น ผมควรจะเลิกยุ่งกับ อานานัทสึ มาชิโระ
“แย่หน่อยนะมาชิโระ ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบาย คุยกับเธอไม่ไหวหรอก ปล่อยฉันไว้คนเดียวได้ไหม?”
“เอ๊ะ ริวสุเกะไม่สบายหรอ? ถึงแบบนั้นก็ยังมาโรงเรียนอ่ะนะ? ปกติไม่ว่าจะเป็นไข้รึเปล่านายก็ไม่สนแล้วจะโดดไปร้องเกะเพื่อเปลี่ยนอารมณ์นี่นา”
“ตอนนี้ไม่มีอารมณ์จะทำแบบนั้นหรอก ไม่ต้องห่วงเรื่องฉันแล้วไปที่อื่นเถอะ ขอร้องล่ะ”
“เอ๋ ไม่เป็นไรจริงดิ?”
“อาา ไม่มีปัญหา ไม่ต้องห่วงหรอก”
“อ๊ะ เข้าใจล่ะ วางแผนอะไรอยู่ใช่ม้า? ไม่งั้นคนอย่างริวสุเกะไม่มีทางมาโรงเรียนหรอกนะ”
“ไม่ใช่สักหน่อย เรื่องจริงต่างหากเล่า”
“ฮึ่ม งั้นหรอ เข้าใจละ”
พอผมพูดแบบจริงจัง มาชิโระก็ดูเหมือนจะเข้าใจแล้วลุกขึ้นเดินออกไป
อ่า… ดีแล้วล่ะ… คงจะไม่มีใครมาพูดคุยกับผมอีกแล้วล่ะนะ คิดแบบนั้นแล้วก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมา แต่ก็ไม่นานนักหรอก—
“โทษทีที่อยู่ๆก็เดินออกไปนะ พอเห็นนายซดอุด้งแล้วฉันก็อยากซดบ้างอ่ะ”
มาชิโระยิ้มบางๆแล้ววางถ้วยอุด้งบนถาดไว้ข้างๆผม จากนั้นก็เริ่มประกอบมือก่อนจะฉีกตะเกียบไม้ไผ่แล้วเริ่มซดเส้นอูด้งอย่างเอร็ดอร่อย
“ถึงปกติเราไปกินข้าวกันที่ร้านอาหารครอบครัวไม่ก็ร้านราเมงก็เถอะ แต่พอมากินข้าวที่โรงเรียนด้วยกันก็ไม่เลวเนอะ? ริวสุเกะคิดว่าไง? อร่อยป่าว?”
“…”
“อย่าเมินสิ! ได้ยินเต็มสองหูแท้ๆ! นายเนี่ยชอบทำตัวเย็นชาใส่ฉันตลอดเลย ชอบเมินกันด้วย”
“เอ่อ….?”
” ‘เอ่อ’ อะไรเล่า! เรารู้จักกันตั้งแต่ประถมแล้วนะ ช่วยใจดีกว่านี้กับฉันหน่อยไม่ได้รึไง?”
มาชิโระบ่นงุบงิบแต่ก็ยังคงพูดต่อไปอย่างสนุกสนาน แม้ผมจะมีท่าทางเย็นชากับเธอแค่ไหนก็ตามเธอก็ยังคงพูดต่อไปด้วยรอยยิ้มสดใส
พอเห็นภาพนั้นแล้วผมก็คิดขึ้นมา เป็นไปได้ไหมว่าก่อนที่ผมจะมาอยู่ในร่างนี้ ริวสุเกะในชีวิตก่อนก็อาจจะทำตัวเย็นชากับมาชิโระเหมือนกัน? จริงอยู่ที่ในเนื้อเรื่อง ริวสุเกะก็ทำตัวเย็นชากับมาชิโระ… ถ้าเป็นอย่างนั้น ถึงผมจะแสดงท่าทีเย็นชาหรือพยายามผลักไสเธอออกไปเธอก็คงจะไม่ยอมไปไหนแน่นอน
“งี้เองหรอ….. ว่าแล้วเชียว”
ไม่ว่ายังไงโลกใบนี้ก็พยายามผลักบทของตัวร้ายมาให้ผม
อาจารย์และเพื่อนร่วมชั้นที่ไม่อยากให้ผมเข้าเรียน
มาชิโระ, สาวแกลที่ไม่ยอมไปไหนไม่ว่าผมจะพูดอะไร
และเหล่านางเอกที่ถูกกำหนดมาให้ลงเอยด้วยการคู่กับพระเอก
แม้ผมจะพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองและปฎิเสธบทตัวร้าย แต่โลกใบนี้ก็ยังพยายามจะดึงผมกลับเข้าจุดจบอันแสนน่าเศร้าให้ได้
ถ้าอย่างงั้น สิ่งที่ผมต้องทำก็มีแค่เรื่องเดียว ไม่เพียงแค่ต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง แต่ยังต้องเปลี่ยนแปลงบรรยากาศรอบๆตัวผมด้วย
ว่าแล้วเชียว เกิดใหม่เป็นตัวร้ายเนี่ยยากเหลือเกินนะ
(TL : กว่าพวกแกจะได้เจอกันมันล่อไป5ตอนเลยนะเห้ย!)