ตอนที่40 : ปิดเทอมฤดูร้อน
“เห น่าอิจฉานะ ช่วงปิดเทอมฤดูร้อนนายจะได้ไปเที่ยวเล่นกับคุณมาชิโระเหรอ? ดูน่าสนุกจังเลยแฮะ”
“อาา ตอนกินข้าวกลางวันด้วยกันฉันก็ตอบตกลงน่ะ คิดว่าปีนี้จะลองทำอะไรที่เกี่ยวกับหน้าร้อนด้วยกันกับมาชิโระบ้าง”
ในห้องเรียนหลังเลิกเรียน ผมกำลังคุยเล่นกับเพื่อนร่วมชั้นคนหนึ่ง
เด็กหนุ่มหน้าตาดีที่พยักหน้าอยู่ข้างๆผมคือ คิซากิ เรโอะ
เรโอะเป็นเด็กหนุ่มรูปร่างสูงเพรียว มีผมสีเงินที่เปล่งประกายและใบหน้าหล่อเหลา เขาเป็นนักกีฬาบาสที่ได้รับตำแหน่งตัวจริงตั้งแต่ปีแรก มีทักษะการเคลื่อนไหวที่ยอดเยี่ยม แล้วก็ฉลาดเรียนเก่ง นิสัยใจเย็นและเข้ากับคนอื่นได้ง่าย เป็นที่รักของทุกคน เรียกได้ว่าเป็นคนที่สมบูรณ์แบบในทุกด้าน และสำหรับผมแล้ว เขาเป็นเพื่อนสนิทไม่กี่คนที่มี
หลังจากเลิกเรียนในช่วงบ่าย ตัวเอกอย่าง ฟุเสะคาวะ ไรโตะ ก็พาพวกนางเอกกลับบ้านไปอย่างรวดเร็ว
ตอนที่ผมกำลังจะกลับบ้าน เรโอะก็ทักผมด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล และเราก็คุยกันเรื่องปิดเทอมฤดูร้อน
เรโอะยังคงยิ้มสดใสขณะพูดต่อ
“ส่วนปิดเทอมของผม ก็คงจะซ้อมบาสทุกวัล่ะน่ะ เริ่มปิดเทอมเมื่อไหร่ก็ต้องไปเข้าค่ายเก็บตัวฝึกทันที ดูเหมือนจะเป็นโปรแกรมฝึกที่หนักมาก ตอนนี้ผมก็รู้สึกหวั่นๆอยู่เหมือนกัน”
“งั้นเหรอ ลำบากแย่เลยนะ ได้ยินมาว่าเก็บตัวซ้อมที่กลางป่าลึกใช่ไหม?”
“ใช่ๆ รุ่นพี่บอกมาว่า ‘เหนื่อยจนแทบตาย’ เลยล่ะ แต่ผมไม่ได้เกลียดอะไรแบบนั้นหรอกนะ เพราะคิดว่าการฝึกหนักเท่านั้นที่จะพาทีมไปสู่ชัยชนะได้”
“สมกับเป็นนายจริงๆ ทั้งจริงจังทั้งมุ่งมั่นแบบนี้ ฉันชื่นชมจุดนั้นของนายมากเลยนะ เรโอะ”
“ฮะฮะ นั่นน่าจะเป็นคำพูดของผมมากกว่านะ คนที่เข้มแข็งและตั้งใจแน่วแน่แบบนายที่ไม่ว่าจะทำอะไรก็ทำจนสำเร็จแบบนี้หายากนะ ผมเองก็จะพยายามเต็มที่กับการเก็บตัวซ้อมเพราะได้แรงบันดาลใจจากนายเลยล่ะ”
“โดนชมตรงๆแบบนี้มันเขินนะ แต่ก็ขอบคุณแล้วกัน ฉันจะพยายามต่อไปให้สมกับที่นายพูดล่ะนั แล้วทางนิชิคาว่าล่ะ เจ้านั่นรอดจากการสอบตกแล้วจะได้ไปเก็บตัวซ้อมด้วยใช่ไหม?”
“เคียวยะก็ยังเหมือนเดิมแหละ เขาดูตื่นเต้นมากที่ได้ซ้อมบาสตลอดช่วงปิดเทอม เขาบอกว่าเขารอการเก็บตัวฝึกครั้งนี้อยู่ ตั้งใจมากว่าจะต้องได้เป็นตัวจริงให้ได้”
“หมอนั่นรักบาสจริงๆแฮะ แต่หวังว่าจะไม่ลืมทำการบ้านช่วงปิดเทอมนะ ไม่อย่างงั้นคงได้เป็นเรื่องแน่”
“ฮะๆ… บอกตามตรง มผมว่ามีโอกาสสูงเลยล่ะ”
ผมกับเรโอะหัวเราะพลางยักไหล่ด้วยความจนปัญญา
คนที่เราพูดถึงก็คือ นิชิคาว่า เคียวยะ เขาเป็นนักเรียนชายในชมรมบาสเก็ตบอลเหมือนกับเรโอะ และเป็นอีกหนึ่งในเพื่อนสนิทไม่กี่คนของผม
ตอนติวสอบปลายภาคที่ผ่านมา ผมได้รู้ว่าเขาเกลียดการเรียนแค่ไหน ถึงจะเข้าใจว่าเขาหลงใหลในบาสก็เถอะ แต่ก็อยากให้เขาตั้งใจทำการบ้านบ้างเหมือกนัน
“เรื่องการบ้านผมจะช่วยเตือนเขาเอง ถ้าหมอนั่นกลับมาขี้เกียจอีกคงแย่แน่”
“อืม ถ้าไม่ไหวก็บอกฉันได้นะ จะช่วยเต็มที่เลย”
“ขอบคุณนะ ริวสุเกะ ตอนนั้นคงต้องฝากนายช่วยแล้วล่ะ เพราะหมอนั่นไม่ค่อยฟังผมเท่าไหร่”
“นิชิคาว่าก็เพื่อนคนสำคัญของฉันเหมือนกัน ไม่ต้องขอบคุณหรอก”
“หุหุ นายเป็นคนใจดีจริงๆน้า เอาล่ะๆ ผมคงต้องไปชมรมแล้ว ขอบคุณมากนะ ริวสุเกะ”
“ฉันด้วย มาชิโระก็รอฉันอยู่เหมือนกัน”
“กลับบ้านดีๆนะ ฝากสวัสดีคุณมาชิโระด้วยล่ะ”
“นายก็ซ้อมให้เต็มที่ล่ะ ฉันเอาใจช่วย”
“ไว้เจอกันพรุ่งนี้”
“อืม เจอกันพรุ่งนี้”
เราสองคนโบกมือลากันเบาๆ ก่อนจะแยกย้ายกันไป ผมหยิบกระเป๋าแล้วเดินสะพายบ่าออกจากห้องเรียน มุ่งหน้าไปยังห้องเรียนข้างๆ
พอเดินผ่านประตูห้องที่เปิดอยู่ ผมก็เห็นมาชิโระกำลังรอผมอยู่
ปกติเธอจะยืนรออยู่ข้างโต๊ะครู แต่วันนี้กลับนั่งอยู่ที่โต๊ะของตัวเอง และมีเด็กสาวที่ผมไม่คุ้นหน้ายืนคุยกับเธออยู่
มาชิโระทำหน้ามุ่ย ดูเขินอายพลางบิดนิ้วไปมา ในจอนที่เพื่อนสาวคนนั้นหัวเราะอย่างสนุกสนานนั้นเอง
“เห๋~ มาชิโระจิ ในที่สุดก็ชวนเขาได้สินะ! แล้วเขาตอบว่ายังไงบ้างอ่ะ!?”
“แหะแหะ เขาบอกว่าจะไปกับฉันทุกที่เลย…สัญญากันแล้วด้วยล่ะ!”
“คย้าา! มาชิโระจิ สุดยอดเลย! ไม่เสียแรงที่เป็นเพื่อนฉัน เก่งมากๆ! แต่เธอสองคนนั้นดูสนิทกันมากเลยนะ หรือจริงๆแล้วเป็นแฟนกันไปแล้วหรอ?”
“มะ ไม่ใช่นะ! เรายังเป็นแค่เพื่อนกัน ยังไม่ได้เป็นแบบนั้นหรอก…”
“หรือก็คือ เป็นเพื่อนที่เกินคำว่าเพื่อนแต่ยังไม่ถึงแฟนสินะ โอ้โห โรแมนติกสุดๆ เลยนะเนี่ย!”
“โธ่! ยุย เลิกล้อฉันได้แล้ว! มันน่าอายนะ!”
“อุหวา~ ดูหน้าเธอสิ มาชิโระจิ เหมือนเด็กสาวที่กำลังมีความรักเลย น่ารักจนอยากจะกินเข้าไปเลยอ่ะ!”
“อย่านะ! อย่ามากอดฉันแบบนี้สิ… ว๊ายย!”
สาวน้อยที่กำลังหยอกล้อกับมาชิโระอย่างสนุกสนาน
เธอเป็นเด็กสาวร่างเล็ก ผมสั้นสีเทาแบบธรรมชาติ สวมแว่น ดูเรียบร้อย
ผมยอมรับว่าไม่ค่อยคุ้นหน้าเธอสักเท่าไหร่
ถึงจะเคยเจอเพื่อนของมาชิโระในโรงอาหารมาก่อน แต่ส่วนใหญ่จะเป็นสาวแกล เพราะงั้น การเห็นมาชิโระคุยกับสาวที่ดูเรียบร้อยแบบนี้ก็แปลกตาดี
และดูจากที่ทั้งสองพูดกัน ผมก็เริ่มกังวลนิดหน่อย ผมเลยตัดสินใจเรียกพวกเธอ
“ขอโทษที่ขัดจังหวะนะ มาชิโระ ฉันมารับแล้ว”
ทั้งสองคนก็หันมาทางผมทันที
มาชิโระยิ้มกว้าง ใบหน้าของเธอเหมือนลูกหมาที่พึ่งเจอเจ้าของ ถ้าเธอมีหาง มันคงกระดิกไปมาจนกลายเป็นพายุไปแล้ว
“ริวสุเกะ ขอบคุณที่มารับนะ เดี๋ยวฉันขอเก็บของแป๊ปนึง”
“ไม่ต้องรีบหรอก เห็นเธอคุยกับเพื่อนอยู่นี่ ว่าแต่…เธอคือ?”
ด้วยความสงสัยในเพื่อนสาวที่ไม่คุ้นหน้า ผมเลยถามออกมา ซึ่งนั่นทำให้มาชิโระเอียงคอนิดๆพร้อมตอบกลับ
“อาเร๊ะ? ก็ยุยไง? ริวสุเกะก็รู้จักนี่นา?”
“เอ๊ะ…? อ๊ะ….”
พอได้ยินชื่อผมก็นึกออกขึ้นมา เด็กสาวคนนี้คือไฮมุระ ยุย ที่ผมเคยเห็นว่าเธอนั่งกินข้าวกลางวันกับมาชิโระเมื่อครั้งก่อน แต่ถ้าจำไม่ผิดตอนนั้นเธอเป็นสาวแกลผมทองถักเปียคู่ เธอดูสดใสและแต่งหน้าหนาสุดๆ
แต่ตอนนี้ภาพลักษณ์ของเธอเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ผมสีเทาสั้นทรงบ๊อบ ใบหน้าดูสะอาดตากับการแต่งหน้าแบบธรรมชาติ แล้วสวมแว่นตาที่ให้ลุคเรียบร้อย ชุดนักเรียนก็ใส่เรียบร้อย ไม่เหมือนตอนเปิดกระดุมเสื้อโชว์หน้าอกแบบที่เคยเห็นเลย
“ฉันเองก็เพิ่งเคยเห็นยุยในลุคนี้เหมือนกันแหละ”
มาชิโระพูดพร้อมรอยยิ้ม
“จริงๆแล้วช่วงนี้ในกลุ่มเพื่อนฉันกำลังฮิตเปลี่ยนลุคเป็นสาวเรียบร้อยกันน่ะ พอฉันย้อมผมกลับมาเป็นสีดำ ทุกคนก็เลยเปลี่ยนลุคมาแนวๆนี้บ้าง น่าสนุกดีใช่ไหมล่ะ?”
มาชิโระหัวเราะคิก ๆ ดูมีความสุขที่ได้อธิบาย
ผมได้แต่พยักหน้าอย่างเข้าใจ มาชิโระเองก็เป็นศูนย์กลางของกลุ่มเพื่อนเสมอ ไม่แปลกใจเลยที่เพื่อนๆจะได้รับอิทธิพลจากเธอ
“งั้นมาชิโระจิ ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะ!”
“อื้อ! ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะยุย!”
ยุยโบกมืออำลา พร้อมเดินออกจากห้องไปด้วยท่าทีร่าเริง
“งั้นเราก็กลับกันเถอะ ฉันอยากปรึกษาเรื่องกำหนดการสำหรับวันหยุดหน้าร้อนตอนเดินกลับด้วย”
“นั่นสิน้า รีบกลับไปคุยกันเยอะๆเลยดีกว่า”
มาชิโระรีบคว้ากระเป๋าแล้วเดินมาหาผม ก่อนจะกอดแขนผมแน่นพร้อมส่งสายตาออดอ้อน
สัมผัสอ่อนนุ่มและกลิ่นหอมหวานที่ลอยมาจากตัวเธอทำให้หัวใจผมเต้นไม่เป็นจังหวะ
ไม่มีทางที่ผมจะใจเย็นได้หรอก เพราะแบบนั้นเลยหันหน้าหนีไปอีกทางนึงแล้วพูดกับเธอ
“เดี๋ยสิ มาชิโระ ใกล้เกินไปแล้ว เดี๋ยวคนอื่นก็เห็นเอาหรอก…”
“เอาน่า~ ไม่เป็นไรหรอก เราเคยทำแบบนี้ตั้งแต่เด็กแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“แต่ตอนนี้เราอยู่ม.ปลายแล้วนะ ทำแบบนี้มันน่าอายออก…”
“ไม่เป็นไรหรอกน่า ตอนนี้ทุกคนกลับบ้านไปหมดแล้ว อีกอย่าง วันนี้ฉันอยากกอดแขนแบบนี้เยอะๆเลยอ่ะ”
ด้วยคำพูดยืนยันที่หนักแน่นของเธอ ผมเลยได้แต่ยอมแพ้แล้วเดินออกจากโรงเรียนไปพร้อมกัน
“ก็ได้ ถ้ามาชิโระอยากทำแบบนั้นก็ตามใจ แต่อย่ามาเปลี่ยนใจที่หลังก็แล้วกัน กลับบ้านกันเถอะ”
“เย้! งั้นวันนี้เราเดินกอดแขนกันนะ!”
เสียงหัวเราะสดใสของมาชิโระทำให้บรรยากาศรอบๆทางกลับบ้านรู้สึกอบอุ่นและเต็มไปด้วยความสุข ราวกับว่าโลกทั้งใบของผมถูกเติมเต็มด้วยรอยยิ้มของเธอ
ภายใต้แสงแดดจ้าของฤดูร้อน เงาของผมกับมาชิโระทอดยาวไปด้วยกัน บ่งบอกถึงความใกล้ชิดที่ผมไม่อาจละเลยได้