ตอนที่29 : ออมไรส์
อาหารเย็นที่มาชิโระอยากให้ผมทำก็คือข้าวห่อไข่(ออมไรส์)
มันคือข้าวมันไก่ ห่อด้วยไข่ที่นุ่มฟู มันอร่อยมากๆเลยล่ะน่ะ
(TL : ข้าวมันไก่ญี่ปุ่นจะไม่เหมือนของไทยนะครับ มันจะเป็นข้าวสีส้มๆ แล้วพอเอาไข่มาวางไว้ข้างบนแล้วกรีดตรงกลางก็จะออกมาเป็น ออกมไรส์)
พอมาคิดๆดูก็รู้สึกว่ามาชิโระชอบกินข้าวห่อไข่มากเลย ตอนกลางวันนี้พวกเราไปคาเฟ่กัน เธอก็มองหาข้าวห่อไข่แต่หาไม่เจอ เพราะงั้นเลยสั่งอย่างอื่นแทน
ตอนที่ผมทำงานพาร์ทไทม์ในโลกก่อน เมนูข้าวห่อไข่ในร้านกาแฟที่ผมทำงานอยู่เป็นเมนูยอดนิยมเลยนะ ผมทำบ่อยมากเลยล่ะ คราวนี้ผมจะใช้ความรู้และประสบการณ์ตอนนั้นมาทำข้าวห่อไข่ที่อร่อยที่สุดให้มาชิโระกิน
ผมเริ่มลงมือทำอาหารอย่างกระตือรือร้น ระหว่างนั้นเองมาชิโระก็ยืนดูอยู่ฝั่งตรงข้ามของเคาน์เตอร์ครัวด้วยความสนใจ ทุกครั้งที่เราสบตากันระหว่างทำอาหาร เธอก็จะส่งยิ้มมาให้ ซึ่งนั่นช่วยกระตุ้นให้ผมมีกำลังใจมากขึ้น
เมื่อผมใช้กระทะด้วยท่าทีคล่องแคล่ว มาชิโระก็เผลอส่งเสียงออกมาด้วยความประทับใจ
“หวาา… สุดยอดเลย เหมือนวัตถุดิบกำลังเต้นรำอยู่บนกระทะเลยอ่ะ!”
“เหมือนกำลังเต้นรำอยู่เหรอ? ครั้งแรกเลยที่มีคนชมแบบนี้นะ รู้สึกเขินนิดหน่อยแฮะ”
“สุดยอดเลย จริงๆนะ ทำเก่งมาก แถมดูน่าอร่อยสุดๆไปเลย!”
“ตอนนี้แค่กำลังทำข้าวไก่อยู่น่ะ ของจริงคือไข่ข้นที่จะทำต่างหาก นั่นแหละที่ต้องโชว์ฝีมือจริงๆ”
“อื้อ~ รอไม่ไหวแล้วเนี่ย!”
มาชิโระมองมาด้วยสายตาเป็นประกายราวกับเด็กน้อย
ผมอยากทำให้เธอประทับใจมากขึ้นไปอีก เลยพับแขนเสื้อขึ้นและเข้าสู่โหมดจริงจังทันที
หลังจากทำข้าวไก่เสร็จ ผมก็เริ่มลงมือทำไข่ข้นต่อทันที
ผมคนไข่ที่ถูกทำให้ร้อนอยู่บนกระทะให้เปลี่ยนมันรูปร่าง ค่อยๆปรับรูปร่างอย่างระมัดระวังโดยการเกลี่ยไข่ไปที่ขอบกระทะ จากนั้นก็ตบด้ามจับเบาๆให้ไข่เริ่มเข้ารูป สุดท้ายก็กลายเป็นไข่ข้นรูปร่างคุ้นตาที่ทุกคนรู้จัก
มาชิโระที่เห็นก็ปรบมืดอย่างตื่นเต้น
“ริวสุเกะนายนี่สุดยอดเลย! มีพรสวรรค์ด้านทำอาหารมากเกินไปแล้วนะ!”
“ฮะฮะ เกินจริงไปหน่อยนะ ถ้าจับจุดได้ ใครๆก็ทำได้เหมือนกันแหละน่า”
“จริงอ่ะ? ถ้างั้นแล้ว แม้แต่ฉันก็ทำได้หรอ?”
“แน่นอนสิ ถ้ามาชิโระอยากทำ ฉันพร้อมจะสอนทุกเมื่อเลย”
“เย้! ขอบคุณนะริวสุเกะ!”
ผมมองมาชิโระด้วยความเอ็นดูพลางยกไข่ข้นที่ทำเสร็จแล้วใส่จาน จากนั้นก็วางไข่ข้นลงบนข้าวไก่ที่ปั้นเป็นรูปวงรีไว้แล้ว ก่อนจะใช้มีดกรีดไข่ข้นให้เปิดออก เผยให้เห็นไข่ที่นุ่มฟูและเยิ้มกำลังเยิ้มห่อข้าวอย่างสวยงาม
สุดท้ายผมเติมความสมบูรณ์แบบด้วยการใช้ซอสมะเขือเทศวาดรูปแมวที่มาชิโระชอบ พอเธอเห็น เธอก็ดีใจจนกระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุข
“เมี๊ยว!? ริวสุเกะ นี่มัน…!!”
“เป็นไงล่ะ น่ารักใช่ไหม?”
“ใช่เลย! แมวน้อยน่ารักสุดๆ! ขอบคุณนะริวสุเกะ!”
“ด้วยความยินดีครับคุณหนู มากินข้าวกันเถอะ ท้องร้องจะแย่แล้วไม่ใช่หรอ?”
“ท้องร้องจ๊อกๆเลยล่ะ! รอจะกินข้าวห่อไข่ที่ริวสุเกะทำไม่ไหวแล้ว!”
เมื่อพูดจบ มาชิโระก็ลุกจากเคาน์เตอร์ครัวไปนั่งที่โต๊ะกินข้าว
ผมถอดผ้ากันเปื้อนออกแล้วนำข้าวห่อไข่ที่จัดใส่จานไว้อย่างสวยงาม พร้อมด้วยซุปที่เตรียมไว้มาเสิร์ฟที่โต๊ะ
พวกเรานั่งหันหน้าเข้าหากัน ประสานมือแล้วพูดพร้อมกันว่า “จะกินแล้วนะครับ/คะ”
มาชิโระหยิบช้อนขึ้นมาและตักข้าวห่อไข่ที่ผมทำเข้าปากทันที ไข่ที่นุ่มฟูและเยิ้มเข้ากันกับข้าวไก่ที่อยู่ด้านใน ความอร่อยนั้นทำให้เธอหลับตาและเอามือจับแก้มด้วยความสุข
“ดูแล้วก็น่ากินสุดๆ แต่พอกินแล้วอร่อยจนตกใจเลยล่ะ! ถ้าทำอร่อยขนาดนี้ได้ฉันคงเปิดร้านเองแล้วนะเนี่ย!”
“ฮะฮะ งั้นเปิดร้าน ‘คาเฟ่ริวสุเกะ เฉพาะของมาชิโระคนเดียว’ กันดีไหม?”
“อ๊ะ จริงเหรอ!? ได้สิๆ ฉันจะเป็นลูกค้าประจำเอง! แล้วก็จะให้ริวสุเกะทำข้าวให้ทุกวันเลย!”
“บริการส่งข้าวกล่องถึงบ้านก็มีนะครับ คุณกค้า”
“ย๊าาา! จะดีเกินไปแล้ว แม้จะอยู่ข้างนอกก็กินอาหารที่ริวสุเกะทำได้!”
มาชิโระดีใจจนแสดงออกมาอย่างจริงจัง และพูดว่า “ดีใจจัง” ซ้ำๆอยู่หลายครั้ง
ผมที่ไม่ได้คิดมาก่อนว่าจะทำให้เธอดีใจขนาดนี้ก็รู้สึกเขินจนต้องขยี้แก้มตัวเอง ถ้าเริ่มเตรียมข้าวกล่องให้เธอตั้งแต่สัปดาห์หน้า เธอจะตอบสนองยังไงนะ
มาชิโระมักจะซื้อขนมปังจากร้านข้างโรงเรียนหรืออาหารที่โรงอาหาร
เพื่อปกป้องเธอจากการติดต่อกับฟุเสะคาวะ ที่เป็นตัวละครหลัก ผมอาจจะต้องเตรียมข้าวกล่องให้เธอจริงจังและพยายามกินข้าวเที่ยงด้วยกัน เพื่อให้เราได้มีเวลาพักเที่ยงที่ผ่อนคลายไปด้วยกัน
ระหว่างคิดเรื่องนั้นไปด้วย ผมก็เฝ้ามองมาชิโระที่กำลังทานข้าวห่อไข่อย่างเอร็ดอร่อย
ท่าทางที่กินราวกับเด็กน้อย ทำให้ดูน่ารักน่าเอ็นดูมากจนอยากมองอยู่อย่างนั้นตลอดไป
พอเฝ้ามองอยู่อย่างนั้น อยู่ๆก็สบตากับมาชิโระ ดวงตาสีฟ้าที่เป็นประกายราวกับดวงดาวกำลังสะท้อนภาพของผมอยู่
เมื่อมาชิโระสังเกตเห็นสายตาของผม เธาก็หยุดกินอาหารแล้วส่งยิ้มออกมาอย่างเขินอาย
“ขอโทษนะ เผลอกินเพลินจนไม่ได้พูดอะไรเลย”
“ไม่เป็นไรหรอก แค่เธอชอบฉันก็ดีใจแล้ว”
“อืม ขอบคุณนะ เพราะข้าห่อไข่ที่ริวสุเกะทำให้เนี่ยแหละ ฉันเลยรู้สึกมีแรงเยอะเลย คงจะตั้งใจอ่านหนังสือสอบอาทิตย์หน้าได้ด้วย”
“หืม… อ่านหนังสือสอบเหรอ?”
“อาเร๊ะ? นายจะทำเป็นลืมไม่ได้นะ? อีกไม่นานก็จะสอบปลายภาคแล้ว ตั้งแต่วันจันทร์ก็ต้องเริ่มอ่านหนังสือเตรียมสอบแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“อ๋อ… นั่นสินะ ลืมไปเลย เพราะช่วงนี้ยุ่งๆจนลืมเรื่องสอบไปเลย…”
“ดูจากท่าทางคงไม่ได้แกล้งสืมสินะ นี่ลืมจริงๆหรอ?”
“ก็ลืมนั่นแหละ”
ผมลืมสนิทไปเลยว่าใกล้จะถึงเดือนกรกฎาคมแล้ว โรงเรียนคิโอะที่เราเรียนกันอยู่จะมีสอบปลายภาคในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม และโรงเรียนก็กำลังจะเข้าสู่ช่วงสอบพอดี เพราะพึ่งจะมาอยู่ในโลกนี้เลยวุ่นวายไปหมด ทำเอาลืมเรื่องสอบไปเลย
“แต่ว่านะ ตอนที่ริวสุเกะขาดเรียนบ่อยๆน่ะ ยังไงตอนสอบกลางภาคก็มาโรงเรียนนะ จำได้ไหม? มาโรงเรียนแค่ตอนสอบ แล้วก็รอดพ้นจากการติด F ทุกวิชาเนี่ย มันก็แอบเก่งอยู่นะ”
“เพราะพื้นฐานความรู้ของฉันมันดีอยู่แล้วนี่นะ แล้วก็ตอนนั้นก็ยังลังเลอยู่ว่าจะเอาไงกับโรงเรียนดี… เลยอยากจะยื้อเวลาไว้ไม่ให้โดนไล่ออกอีกสักหน่อยน่ะ”
“อื้มๆ ถึงจะขาดเรียนเยอะมาก แต่ก็รู้สึกว่าจะรอดไปได้หวุดหวิด แล้วตอนนี้ริวสุเกะก็ตั้งใจเรียนมากขึ้นด้วย น่าจะได้อันดับที่ดีขึ้นนะ”
“อันดับสูงๆเหรอ… ก็ฟังดูไม่เลวนะ”
โดยปกติแล้ว ตัวละครแบบผมที่เป็นพวกอันธพาลเนี่ย จะไม่มีทางได้อันดับต้นๆของชั้นเรียนได้หรอก จะได้คะแนนพอผ่านฉลุยหรือไม่ก็สอบตกแล้วต้องไปเรียนพิเศษเพื่อสอบใหม่วนเวียนแบบนี้แหละ
แล้วพวกตัวเอกเนี่ย การได้อันดับต้นๆของชั้นก็เป็นเหมือนโอกาสหนึ่งที่จะแสดงให้ผู้อ่านเห็นว่าตัวเองเก่งแค่ไหนน่ะสิ การแสดงให้เห็นถึงความสามารถในรูปแบบของผลการเรียนที่เข้าใจง่ายแบบนี้ ทำให้ตัวละครรอบข้างของตัวเอกดูโดดเด่นขึ้นมาเลยล่ะ
(มีความคิดดีๆแล้ว สอบปลายภาคเนี่ย เป็นโอกาสดีเลยแฮะ)
การสอบปลายภาคครั้งต่อไปอาจเป็นโอกาสที่ผมจะใช้เป็นจุดเริ่มต้นในการหลุดพ้นจากการเป็นตัวร้ายได้
โดยปกติแล้วชื่อของผมจะไม่เคยปรากฏในตำแหน่งท็อปของชั้นเรียน แต่คราวนี้ผมจะทำให้มันปรากฏขึ้นและแสดงให้ทั้งโรงเรียนเห็น ผมจะทำให้เกิดความผิดปกติในโลกนี้และพิสูจน์ว่า ผมไม่เหมาะสมกับบทบาทของตัวร้ายแบบที่เคยเป็น
สิ่งที่อดีตของผมอย่าง ‘ริวสุเกะ’ ทำไม่ได้ แต่เพราะผมเรียนหนักมากในชาติที่แล้ว ผมน่าจะสามารถทำคะแนนดีจนเข้าไปติดอันดับท็อปของโรงเรียน ที่ดูจะเป็นพื้นที่พิเศษสำหรับเรื่องแนวรอมคอมได้
และนี่จะเป็นจุดเริ่มต้นให้ทุกคนได้รู้จักตัวผมมากขึ้น ทำให้ความเข้าใจผิดที่คนส่วนใหญ่มีต่อผมหายไป
เรื่องแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นในเรื่องราวต้นฉบับมาก่อน ผลการสอบปลายภาคที่ปรากฏในเรื่อง ชื่อของริวสุเกะก็ไม่เคยติดอันดับต้นๆเลย
เหมือนกับตอนที่มาชิโระเปลี่ยนแปลงไปเป็นสาวสวยและได้รับบทบาทใหม่ การที่เกิดสิ่งที่ไม่อยู่ในเนื้อเรื่องขึ้นมา ทำให้เรื่องราวทั้งหมดเปลี่ยนไปจากเดิม
“เอาล่ะ…! สอบครั้งหน้า ฉันจะทำห้ดูเอง!”
“หวาา มีแรงฮึดมากเลยนะ มีเป้าหมายอะไรรึเปล่า?”
“อ่าา ฉันจะทำให้มาชิโระตกใจเลยล่ะ”
“ถ้าริวสุเกะพยายาม ฉันก็จะพยายามเหมือนกัน! ถ้ามีอะไรไม่เข้าใจก็ถามได้เลยนะ! อ๊ะ จริงสิ มาหาเวลาติวด้วยกันเถอะ! จริงๆแล้วฉันอยากติวหนังสือกับริวสุเกะมาตั้งนานแล้ว!”
“แน่นอน มาเริ่มติวด้วยกันเถอะ ถ้ามาชิโระติดตรงไหนฉันจะช่วงเอง กลับกัน ถ้าฉันไม่เข้าใจ มาชิโระก็ช่วยทีล่ะ”
“อื้อ! มาพยายามไปด้วยกันเถอะ! สัญญานะ!”
มาชิโระพูดขึ้นพร้อมกับยื่นนิ้วก้อยมา ผมเลยเกี่ยวก้อยกับเธออย่างมั่นคง
และอีกสิ่งหนึ่งที่ผมกำลังวางแผนอยู่ลับๆ นั่นคือแผนที่ผมจะใช้เพื่อหลีกเลี่ยงการเป็นตัวร้ายอย่างโจ่งแจ้ง
ผมเล่าเรื่องนี้ให้มาชิโระฟังเพราะมั่นใจว่าเธอจะช่วยผมได้แน่ๆ
มาชิโระตั้งใจฟังสิ่งที่ผมพูด เธอดูตกใจแต่ไม่นานก็ยิ้มแล้วหัวเราะออกมาจนผมเล่าจบ
แผนการนี้จะเริ่มขึ้น ณ วันจันทร์ที่จะถึงนี้
ในใจของผมมีความหวังลมๆแล้งๆว่ามันน่าจะได้ผล เพราะงั้นตอนนี้ ผมเลยใช้เวลาตอนเย็นที่ได้กินข้าวกับมาชิโระอย่างมีความสุข