ตอนที่28 : ความทรงจำ
“กลับมาแล้วค่าา!”
“รบกวนหน่อยนะครับ”
หลังจากใช้เวลาทั้งวันช้อปปิ้งที่ห้างสรรพสินค้า ผมก็มาถึงอพาร์ทเมนต์ของมาชิโระตามที่นัดกันไว้
ของที่ซื้อกลับมามีเยอะมาก ทั้งเสื้อผ้าที่ผมกับมาชิโระซื้อมา ของใช้ในชีวิตประจำวันและวัตถุดิบทำอาหารเย็นวันนี้
ผมแบกของทั้งหมดมาคนเดียว เล่นเอารู้สึกเหนื่อยมากเลยล่ะ
ถ้าเป็นตอนที่ผมทำงานประจำอยู่ ผมคงเรียกแท็กซี่ไปเลยแบบไม่ลังเล แต่ตอนนี้เป็นพอมาเป็นเด็กม.ปลาย เลยทำแบบนั้นไม่ได้
พอวางของลงบนพื้นห้อง มาชิโระก็มองมาที่ผมด้วยสีหน้าเป็นห่วง ขณะที่กอดตุ๊กตาแมวสีขาวดำไว้
“ไม่เป็นไรนะ? มันหนักมาเลยใช่มั้ย?”
“ไม่หรอก ถือว่าได้ออกกำลังกายไปในตัวด้วย”
ผมพูดแบบนั้นพลางฝืนยิ้ม แต่มาชิโระก็ยังดูไม่สบายใจอยู่เหมือนเดิม จริงอยู่ที่มันหนัก แต่สำหรับผมแล้ว มันถือเป็นการฝึกกล้ามเนื้อที่ดีเลยล่ะ
“ก็บอกไปหลายครั้งแล้วไงว่าให้ฉันช่วยถือบ้าง…แต่ก็ ขอบคุณนะ ริวสุเกะ ที่เป็นห่วงฉัน”
“ถึงจะบอกว่าขาหายดีแล้วก็เถอะ แต่ฉันก็ยังเป็นห่วงอยู่ดี ไม่ต้องคิดมากหรอก”
“อืออ แต่ แต่ว่า แต่ว่า ยังไงตอนนี้ก็ถึงห้องแล้วนะ ไม่ต้องฝืนก็ได้ ฉันจะช่วยถือเอง!”
“ก็นะ มาชิโระเป็นเจ้าของห้องนี่นา ถึงถือไว้ฉันก็ไม่รู้ต้องเอาไปเก็บที่ไหนอยู่ดี”
“งั้นเอามาเลย มาให้ช่วยถือเลยนะ!”
“แต่ให้ถือแค่ของเบาๆนะ เดี๋ยวพวกของกินกับของใช้ฉันจะเอาไปไว้ในครัวเอง”
“ค่าา~ ขอบคุณนะ ริวสุเกะ!”
มาชิโระยิ้มอย่างมีความสุข เธอวางตุ๊กตาลงก่อนจะหยิบถุงกระดาษใบใหญ่ที่ใส่เสื้อผ้าไว้ จากนั้นผมก็ถอดรองเท้าแล้วถือของที่เหลือตามมาชิโระไป
จำนวนครั้งที่ชินโด ริวสุเกะมาที่อพาร์ตเมนต์ของมาชิโระมากจนนับไม่ถ้วน บางทีอาจจะใช้เวลาอยู่ที่นี่มากกว่าบ้านของตัวเองซะอีก
ห้องของมาชิโระนั้นอยู่ในสภาพที่สะอาดและสวยงาม
เป็นอพาร์ตเมนต์แบบ 3LDK
(TL : ห้องแบบ 3LDK คือห้อง 3 ห้องนอน 1น้ำ 1ห้องนั่งเล่น+ห้องครัว)
ตอนที่รู้สึกแปลกใจที่ห้องนี้กว้างเกินไปสำหรับอยู่คนเดียว
ความทรงจำเกี่ยวกับช่วงเวลาที่ได้ใช้ชีวิตกับมาชิโระก็ผุดขึ้นมาในหัว
ภาพความทรงจำของเราสองคนที่เล่นเกมด้วยกัน ดูวิดีโอในมือถือ หัวเราะคิกคักด้วยกัน และทะเลาะกันบ้างบางครั้ง… ความทรงจำเหล่านั้นไหลเวียนไปมาเหมือนหนังสโลว์โมชั่น ทำให้ใจของผมรู้สึกอบอุ่น
สำหรับผม สำหรับชินโด ริวสุเกะ ทุกวันที่มีเธอนั้นเป็นวันที่สนุกที่สุด และวันเหล่านั้นกำลังทำให้ความทรงจำที่เคยเลือนลางของชินโด ริวสุเกะ ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
อาจจะเป็นเพียงแค่เรื่องเล็กน้อยที่กระตุกต่อมความทรงจำ
แต่ก็เพียงพอที่จะปลุกให้ความทรงจำที่เคยเลือนรางทั้งหมดกลับคืนมา
ตอนนี้ผมนึกออกแล้ว
เหตุผลที่มาชิอยู่คนเดียวในอพาร์ทเมนต์กว้างๆแห่งนี้ มันมีเรื่องราวที่ซับซ้อนอยู่เบื้องหลัง
เดิมที อพาร์ทเมนต์แห่งนี้เป็นที่อยู่ของมาชิโระและครอบครัวรวมสามคน แต่เมื่อมาชิโระขึ้นชั้นม.ต้น พ่อของเธอประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต
แม่ของมาชิโระที่เสียใจกับการจากไปของสามีก็หมกมุ่นกับการทำงานเพื่อให้ตัวเองลืมความเศร้า ทำให้เธอต้องออกจากบ้านบ่อยๆ และในที่สุดแทบไม่กลับบ้านเลย
ตั้งแต่นั้นมา มาชิโระก็อาศัยอยู่คนเดียวในอพาร์ทเมนต์แห่งนี้
เด็กสาวตัวน้อยที่ต้องอดทนกับความโดดเดี่ยวมาโดยตลอด
ความเหงาของเธอเป็นสิ่งที่เจ็บปวดและน่าเศร้า
ไม่มีใครรับส่งที่โรงเรียน
ทำทุกอย่างด้วยตัวคนเดียวมาตลอด ความเงียบสงบทำให้เธอรู้สึกว่างเปล่าแหละเหงาใจ
แม้จะเป็นวัยรุ่นแล้ว แต่เธอก็ยังคงใช้ชีวิตแบบนั้นเรื่อยมา
‘–ฉันไม่อยากทิ้งมาชิโระไว้ตามลำพัง’
นั่นเป็นเหตุผลที่เขาพาเธอไปเที่ยวเล่นอยู่บ่อยๆ เพราะชินโด ริวสุเกะ เห็นเพื่อนสมัยเด็กที่มักจะก้มหน้ามองพื้นอยู่ตลอดเวลา เขาก็ทนไม่ได้ที่จะปล่อยให้เธออยู่แบบนั้นคนเดียว เขาอยากเห็นรอยยิ้มของเธอมากกว่านี้
เพราะงั้นเขเลยไปใช้เวลาอยู่ที่อพาร์ตเมนต์ของเธอ พาเธอออกไปเที่ยวกลางคืนในเมืองที่เงียบสงบ เขาพยายามสร้างความทรงจำดีๆให้เธอ เพื่อให้มาชิโระได้ยิ้มออกมา
และแล้วชินโด ริวสุเกะ ก็เริ่มอยากจะแข็งแกร่งขึ้น เพื่อที่จะปกป้องมาชิโรได้
แต่เขาเลือกเดินทางผิด
ทุกอย่างเริ่มขึ้นตอนที่มาชิโระตอนเป็นนักเรียนม.ต้น เธอถูกพวกอันธพาลรังแก ริวสุเกะพยายามจะปกป้องเธอแต่ตอนนั้นเขายังตัวเล็กและไม่มีแรงพอ
ถึงแม้จะช่วยมาชิโรให้พ้นจากอันตรายได้ แต่ริวสุเกะก็บาดเจ็บสาหัส ทำให้มาชิโรต้องร้องไห้ เขาไม่สามารถปกป้องรอยยิ้มของเธอได้อีกแล้ว
ความรู้สึกไร้ค่าในตอนนั้นทำให้เขาหลงเดินทางผิดไป
ความต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองจากคนที่อ่อนแอให้กลายเป็นคนที่แข็งแกร่งพอที่จะปกป้องมาชิโระ ทำให้เขาเลือกวิธีการที่ผิดพลาด แทนที่จะสร้างความเข้มแข็งให้กับจิตใจ เขากลับเลือกที่จะแสดงความแข็งแกร่งด้วยวิธีที่รุนแรง
หนังสือการ์ตูนเกี่ยวกับพวกนักเลงจำนวนมากที่อยู่ในห้องของชินโด ไม่ได้เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาเข้าไปพัวพันกับสิ่งเลวร้าย แต่เป็นเพียงหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าเขาพยายามหาทางที่จะทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น เพื่อปกป้องมาชิโระ
ในที่สุด เขาก็เลือกเส้นทางของเหล่าอันธพาล และค่อยๆจมลงไปในความมืดมิด เส้นทางที่เขาเริ่มต้นด้วยความตั้งใจว่าจะปกป้องมาชิโระ กลับกลายเป็นเส้นทางที่ทำให้เขาห่างไกลจากเธอมากขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุด เขาก็กลายเป็นเศษสวะที่สังคมไม่สามารถให้อภัยได้
พอเขารู้แบบนั้นนั้น เจ้าตัวจึงเริ่มทำตัวห่างเหินจากมาชิโระมากขึ้น ทำท่าทีเย็นชาใส่เธอ
เขาคิดว่าถ้ายังอยู่ใกล้เธอต่อไป แทนที่จะทำให้เธอมีความสุข เขากลับจะทำให้เธอต้องเจ็บปวด
สิ่งที่จะตามมาคือตอนจบของเรื่อง ชินโด ริวสุเกะ จะกลายเป็นตัวร้ายและจบชีวิตลงอย่างน่าอนาถ ส่วนอามานัทสึ มาชิโระ ก็ตามไปด้วยเช่นกัน
ริวสุเกะรู้ดีว่าเรื่องราวจะจบลงแบบนั้น แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้ เขาเดินมาไกลเกินกว่าจะหวนกลับไปได้แล้ว
เรื่องราวนี้ โลกใบนี้ กำหนดให้เขาเป็นตัวร้าย และบังคับให้เขาเดินไปสู่หายนะที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
เขาร้องให้เงียบๆในใจ
‘ไม่รู้จะทำยังไงดี อยากจะกลับไปแก้ไขแต่ก็ทำไม่ได้ สภาพแบบนี้ ฉันช่วยให้มาชิโระมีความสุขไม่ได้หรอก ใครช่วยทีเถอะ จะเป็นใครก็ได้…’
ชินโด ริวสุเกะ ได้อธิษฐาน เขาร้องขอความช่วยเหลือจากก้นบึ้งของหัวใจ
—-และแล้ว ปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้น
ผมเองได้มาอยู่ในร่างของชินโด ริวสุเกะ ด้วยความจริงที่ว่าผมเป็นคนซื่อๆคนหนึ่ง ไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพวกอันธพาลมาก่อน
ด้วยร่างกายนี้ ทำให้เขามีพละกำลังมากพอที่จะปกป้องมาชิโระได้แล้ว สิ่งที่ขาดไปคือความแข็งแกร่งทางจิตใจที่จะคอยเป็นกำลังใจให้เธอได้อย่างต่อเนื่อง
และผมจะมาเติมเต็มส่วนที่ขาดไป ด้วยตัวผมที่เกิดใหม่มาและชินโด ริวสุเกะ เราสองคนจะสามารถปกป้องรอยยิ้มของอามานัทสึ มาชิโระ ที่กำลังรู้สึกโดดเดี่ยวได้อย่างแน่นอน
เราจะช่วยมาชิโระให้พ้นจากจุดจบที่เลวร้าย ผมกับชินโด ริวสุเกะจะร่วมมือกันเพื่อเปลี่ยนแปลงอนาคตที่เลวร้าย
ตอนนี้ผมจำทุกอย่างได้แล้ว และเราก็ตั้งใจจะทำสิ่งนี้ไปด้วยกัน รู้สึกเหมือนว่าตัวผมที่มาเกิดใหม่และชินโด ริวสุเกะ ได้กลายเป็นคนเดียวกันสักที
“ริวสุเกะ? มีอะไรรึเปล่า?”
หลังจากมาชิโรจัดของเสร็จแล้ว เธอก็เงยหน้ามองผมด้วยสีหน้าสงสัย
ดูเหมือนว่าผมจะทำให้เธอเป็นห่วงเพราะกำลังคิดเรื่องไม่เป็นเรื่องอยู่
ผมเลยส่ายหัวปฏิเสธ แล้วเดินไปวางวัตถุดิบที่ซื้อมาไว้บนโต๊ะในครัว พร้อมกับเอ่ยปากตอบไป
“เปล่าหรอก ไม่ได้เป็นอะไร แค่ได้ย้อนนึกถึงเรื่องในอดีตนะ”
“วันนี้ฉันสนุกมากเลยนะ ได้เป็นเพื่อนกับเรโอะคุงกับนิชิคาว่าคุงด้วย แล้วก็ได้ช้อปปิ้งเยอะแยะเลย”
“อืม ก็สนุกดีนะ แต่ยังไม่จบแค่นี้หรอก เดี๋ยวเย็นๆฉันจะทำอาหารอร่อยๆให้กินเอง”
“ฉันตั้งหน้าตั้งตารอมาตลอดเลยนะ อยากกินฝีมือของริวสุเกะเร็วๆจัง”
มาชิโระยิ้มออกมาอย่างสดใส ผมเดินเข้าไปหาเธอแล้วลูบหัวเจ้าตัวเบาๆ
มาชิโระเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ แต่แล้วเธอก็หลับตาพริ้มอย่างมีความสุข
“อืออ…. ไม่ได้ทำมาตั้งนานแน่ะ การที่ริวสุเกะลูบหัวแบบนี้…..มีความสุขจัง”
“นั่นสินะ… นานมากแล้วที่ไม่ได้ลูบหัวเธอแบบนี้”
มาชิโระชอบให้คนลูบหัวมาตั้งแต่เด็กๆ เลยทำให้เธอยิ้มออกมาอย่างมีความสุขแบบนี้ทุกครั้ง
ตอนที่ความทรงจำในฐานะริวสุเกะกลับมาชัดเจน ผมเห็นภาพมาชิโรที่กำลังหลับตาพริ้มในระหว่างที่ถูกใครบางคนลูบหัวอยู่
เธอดูน่ารักมากจนผมอยากเห็นภาพนั้นอีกครั้ง อยากจะจดจำภาพนั้นไว้ในความทรงจำตลอดไป
พอผมจะถอนมือออก มาชิโระก็คว้ามือผมไว้แล้วเอากลับไปวางบนหัวเธออีกครั้ง จากนั้นก็ช้อนตามองขึ้นมา เธอมองผมด้วยดวงตาสีฟ้าใสที่ส่องประกาย
มาชิโระจ้องมองผมพลางพูดออกมาด้วยน้ำเสียงออดอ้อน…
“ถ้าบอกว่าอยากให้ทำต่อ จะทำให้ไหม?”
ผมค่อยๆใช้นิ้วสางผมเธอเบาๆก่อนจะลูบหัวเธอแล้วตอบกลับ
“งั้นทำให้อีกสักหน่อยแล้วกันนะ”
มาชิโระยิ้มออกมาอย่างมีความสุข
“อื้อ”
เมื่อผมลูบหัวเธอเบาๆอีกครั้ง มาชิโระก็หลับตาลงแล้วยิ้มอย่างมีความสุข
เพียงแค่ได้เห็นรอยยิ้มที่อ่อนโยนของมาชิโระ หัวใจของผมก็รู้สึกอบอุ่นไปด้วย ผมรู้สึกว่า ไอความรู้สึกของผมที่มีต่อเธอเนี่ย มันยิ่งทวีคูณขึ้นเรื่อยๆซะแล้วสิ
ถึงโลกใบนี้จ้องทำลายเรา แต่ผมไม่ยอมให้เป็นแบบนั้นเด็ดขาด ผมไม่อยากเห็นมาชิโระเสียใจ ผมอยากจะปกป้องรอยยิ้มของเธอเอาไว้
—เนอะ ริวสุเกะ มาช่วยกันเถอะ เราจะทำให้มาชิโรมีความสุขเอง