ตอนที่19 : เพื่อน
เหตุการณ์ที่ผมสร้างขึ้นระหว่างตัวเอกชายนั้นได้ถูกเผยแพร่ออกไปอย่างกว้างขวาง
ในช่วงบ่ายระหว่างที่เรียนอยู่ ผมรู้สึกได้ว่ามีสายตาของเพื่อนร่วมชั้นที่จ้องมองมาตลอดเวลา
เพื่อนร่วมชั้นส่วนใหญ่คงเห็นเหตุการณ์ที่ผมตะคอกใส่ฟุเสะคาวะแล้ว
ตัวประกอบส่วนใหญ่คงจะยอมรับโดยไม่รู้ตัวว่าผมเป็นคนที่ขัดขวางตัวเอกซึ่งเป็นราวกับความยุติธรรมของโลกนี้ ถ้าผมต่อต้านความยุติธรรมไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร การตอบสนองที่แสดงออกมาอย่างไม่พอใจในตอนนี้คงเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ล่ะนะ
พระเอกและนางเอกยังคงดำเนินเรื่องราวโรแมนติกเหมือนเดิมในช่วงบ่าย มีผู้หญิงหลายคนเข้ามาถามเรื่องของฟุเสะคาว่า เช่น ‘แขนเป็นยังไงบ้าง?’ หรือ ‘ถ้ามีอะไรให้ช่วยบอกได้เลยนะ’
เรื่องที่ผมมีปัญหากับฟุเสะคาวะนั้นแพร่กระจากออกไปเป็นวงกว้าง
นี่เป็นเหตุการณ์ที่ไม่ได้มีอยู่ในเรื่องราวต้นฉบับ เป็นสถานการณ์ที่คาดไม่ถึงซึ่งความรู้จากชีวิตครั้งก่อนของผมใช้ไม่ได้ผล
แผนการที่ผมวางไว้มาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นการตั้งใจเรียน การเป็นเพื่อนกับเรโอะ ซึ่งเป็นตัวละครเพื่อนสนิทของพระเอก ทุกอย่างกำลังจะล้มเหลว หรืออาจจะแย่ลงไปกว่าเดิมด้วยซ้ำ
หลังเลิกเรียน ผมคอยระวังอยู่ว่า ฟูเสะคาวะ จะไปทำอะไรมาชิโระอีกหรือเปล่า แต่ดูเหมือนว่าการที่ผมจ้องเขม็งไปที่เขาราวกับจะบอกว่า ‘อย่ายุ่งกับมาชิโระ’ จะได้ผล
หลักฐานคือ ฟุเสะคาวะ ชำเลืองมองมาทางผมก่อนจะรีบเดินหนีไปอย่างรวดเร็ว ท่าทีแบบนั้นทำให้มั่นใจได้ว่าเขาคงไม่กล้ายุ่งกับมาชิโระไปอีกสักพัก
ผมคิดว่าจะไปดูอาการของมาชิโระก่อน ถ้ามันยังไม่ดีขึ้น ผมก็จะพาเธอกลับบ้านให้ถึงที่แล้วค่อยกลับบ้านตัวเอง พอเตรียมตัวจะกลับบ้านแล้ว ผมก็ยืนขึ้นแล้วเอากระเป๋านักเรียนพาดไว้บนไหล่
“ริวสุเกะ ขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม?”
ผมที่ได้ยินเสียงเรียกอันนุ่มนวลจึงหันกลับไป
เขาคนนั้นยกมือขึ้นแล้วพูดว่า “ไง” ด้วยรอยยิ้มอันสดใสบนใบหน้า
“เรโอะ? ไม่ใช่ว่าต้องไปชมรมหรอ?”
“ชมรมยังไม่เริ่มหรอก ยังพอมีเวลาอยู่น่ะ”
คิซากิ เรโอะ เพื่อนสนิทของตัวเอกอย่างฟุเสะคาวะ และยังเป็นคนที่ผมสามารถเป็นเพื่อนได้ในคาบพละของวันนี้
เรโอะค่อยๆเดินเข้ามาหาผม
เรโอะเป็นเพื่อนสนิทขอฟุเเสะคาวะ ซึ่งนั่นหมายความว่า เรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้ต้องไปถึงหูเขาอย่างแน่นอน เช่นเดียวกับตัวประกอบคนอื่นๆทีแสดงความเป็นศัตรูต่อผม เรโอะก็คงไม่ได้มีความประทับใจอะไรในตัวผมมากนักหรอก ที่สำคัญคือเขาเป็นเพื่อนสนิทของฟุเสะคาวะด้วย ความรู้สึกด้านลบของเขาที่มีต่อผมอาจจะรุนแรงกว่าคนอื่นๆด้วยซ้ำ
ด้วยความกังวล ผมจึงหลบสายตาและไม่กล้ามองเขาตรงๆ
“พอดีผมได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้มาน่ะ ช่วงพักเที่ยงเนี่ยมีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นเยอะเลยนะ”
“…งั้นสินะ เรโอะที่สนิทกับฟุเสะคาวะก็คงได้ยินเรื่องนี้มาแล้วสินะ?”
“ก็อย่างที่ว่าแหละนะ ที่จริงเพื่อนในห้องอื่นก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่านายทำร้ายไรโตะ”
“…..”
ผมเงียบรอฟังคำพูดของเรโอะ
แน่นอนว่าหลังจากนี้ ผมคงโดนเขาต่อว่าแน่ๆ ในฐานะคนที่ทำร้ายไรโตะซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของเขา
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับไม่เหมือนที่ผมคิดไว้เลย เพราะเรโอะยังคงยิ้มอย่างอ่อนโยนเหมือนเดิม
“เรื่องที่เกิด ผมอยู่ห้องอื่นเลยไม่ได้เห็นเหตุการณ์ตรงๆน่ะ แต่พอได้ฟังเพื่อนเล่าก็รู้สึกว่าริวสุเกะไม่ได้ผิดอะไรนะ”
“เรโอะ…. แต่ว่า ทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะ? เรื่องที่ฉันตะคอกใส่ฟุเสะคาว่าก็เรื่องจริงนะ”
“ก็ใช่อยู่หรอก แต่นั่นเพราะนายเป็นห่วงเพื่อนสมัยเด็กไม่ใช่หรอ ไรโตะเอาแต่สนใจโทรศัพท์จนไม่ได้มองทาง แล้วก็ชนเพื่อนสมัยเด็กของนายจนทำเธอบาดเจ็บ การที่นายโกรธเรื่องนี้ ผมว่ามันก็สมควรแล้วล่ะนะ”
คำพูดอันอ่อนโยนจากเรโอะทำให้ผมรู้สึกถึงความอบอุ่น ตอนที่มองไปที่เขา มือของผมก็สั่นเทาเพราะความอ่อนโยนที่เขามอบให้
ผมคิดว่าในวันนี้สิ่งที่ผมได้สร้างขึ้นมาทั้งหมดจะพังทลายลงทั้งหมด และความสัมพันธ์ของผมกับเรโอะก็คงจะจบลง
แต่จริงๆแล้วมันไม่เป็นอย่างนั้น ความพยายามของผมในการหลุดพ้นจากบทบาทตัวร้ายยังมีผลอยู่ หลักฐานคือการที่เรโอะอยู่ข้างผม
เขาคือคนที่เป็นตัวอย่างของเพื่อนในอุดมคติที่หลายคนปรารถนา เขาสามารถตัดสินว่าอะไรผิดอะไรถูกโดยไม่โดนบรรยากาศรอบข้างโน้มน้าวไปด้วย และเขายังสามารถแสดงความตั้งใจของตัวเองออกมา ซื่อสัตย์กับตัวเองอย่างชัดเจน
จิตใจของเรโอะที่ยึดมั่นในความถูกต้องและความยุติธรรมเพื่อเพื่อนของเขา ไม่ว่าจะอะไรก็ไม่สามารถบิดเบือนความคิดของเขาได้
ถ้าเขาถูกชักจูงได้ย่างก็คงไม่สามารถทำหน้าที่เป็นเพื่อนสนิทที่คอยสนับสนุนตัวเอกได้หรอก ถ้าไม่ใช่คนที่มีจิตใจที่แข็งแกร่งจริงๆ ก็ไม่สามารถเป็นกำลังให้กับพระเอกเอกที่ต้องเผชิญกับความยากลำบากมากมายได้หรอก
เรโอะบอกว่าสิ่งที่ผมกำลังทำอยู่นั้นถูกต้อง นั่นหมายความว่าเส้นทางสู่ช่วงวัยรุ่นอันแสนสงบสุขที่ผมต้องการยังคงอยู่ ผมต้องพยายามต่อไปเพื่อให้ผลลัพท์มันออกมาเป็นแบบที่ต้องการ
“อ๊ะ จะถึงเวลาซ้อมแล้วนี่นา ถ้างั้น ไว้เจอกันนะ”
“เรื่องชมรมก็พยายามเข้าล่ะ เรโอะ”
“อื้อ กลับบ้านดีๆล่ะ ริวสุเกะ”
“รับทราบ”
เรโอะโบกมือลาแล้วเดินออกจากห้องเรียน ส่วนผมพาดกระเป๋าไว้บนบ่าก่อนจะเดินตามเรโอะออกจากห้องไป
สายลมพัดผ่านหน้าต่างราวกับจะบอกให้ผมเดินหน้าต่อไป ผมเดินมุ่งหน้าไปยังห้องเรียนที่มาชิโระรออยู่