ตอนที่12 : โอกาสนี้แหละ
คาบแรกเป็นวิชาคณิตศาสตร์และคาบสองเป็นวิชาภาษาอังกฤษ ทุกๆอย่างดำเนินไปตามแผนที่ผมวางไว้
วันนี้ก็เหมือนเมื่อวาน อาจารย์ที่พยายามจะทำให้ผมขาดเรียนด้วยการโยนคำถามยากๆมาให้ แต่ผมกลับตอบคำถามเหล่านั้นได้อย่างง่ายดายและตั้งใจเรียนในชั้นเรียนอย่างเต็มที่ ผมทำตัวราวกับเป็นนักเรียนดีเด่นจนไม่เหมือนพวกเด็กเกเรเลย
ถึงจะเป็นวันที่สองแล้วหลังจากผมมาอยู่ในร่างนี้ แต่ปฎิกริยาของคนรอบข้างก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ถึงอย่างนั้น ผมก็เชื่อว่าถ้าผมตั้งใจเรียนอย่างสม่ำเสมอพวกเขาคงจะมองผมดีขึ้นในสักวัน
และก่อนจะเริ่มคาบสามซึ่งเป็นวิชาพละ ผมเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดพละพลางมองไปที่ คิซากิ เรโอะ จากไกลๆ
ผมสีเงินมันวาวราวกับแสงจันทร์ รอยยิ้มอย่างสดใสและพูดคุยสนุกสนานกับเพื่อนร่วมชั้น ภาพนั้นดูดีราวกับภาพวาด ในขณะเดียวกัน ฟุเสะคาวะ ไรโตะ ตัวเอกของเรื่องก็เดินอยู่คนเดียวซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นในโรงเรียนแห่งนี้
ไม่มีนางเอกคนไหนอยู่ใกล้เขาเลย นั่นแพราะเหล่าตัวละครหญิงจะต้องไปวิ่งแข่งกันข้างนอกทำให้ไม่มีใครอยู่ในโรงยิมนอกจากพวกผู้ชาย ซึ่งก็หมายความว่า ตอนนี้ไม่มีโอกาสเกิดอีเวนต์รอมคอมแบบในนิยายได้
ผมคิดว่าโอกาสที่ คิซากิ เรโอะ จะเข้าไปคุยกับเพื่อนสนิทของเขานั้นเกิดขึ้นก็น้อยมาก เพราะก่อนเริ่มเรียน พวกเขาได้พูดคุยกันหมดแล้ว และในเรื่องก็ไม่มีฉากของทั้งสองคนอีก
วิชาพละคือการเล่นบาสเกตบอลซึ่งเป็นกีฬาที่คิซากิ เรโอะ ถนัดที่สุด ในขณะที่ ฟุเสะคาวะ ไรโตะ มีทักษะทางกายภาพธรรมดามาก ไม่มีโอกาสที่เขาจะได้โดดเด่นเลย นอกจากนี้ เพราะว่าเหล่านางเอกไม่อยู่ที่นี่ การให้พระเอกได้แสดงความสามารถโดยไม่มีนางเอกอยู่ก็ดูจะไม่ค่อยมีความหมายเท่าไหร่ในมุมของเรื่องแนวรอมคอม
และดูเหมือนว่าเรื่องราวจะดำเนินไปตามต้นฉบับจริงๆ คาบพละคาบที่สามนี้เป็นฉากที่ไม่จำเป็นต่อเรื่องราวเลย เพราะงั้นเลยเป็นช่วงที่ถูกไทม์สคริปไปอย่างรวดเร็ว จนกว่าจะถึงฉากสำคัญอย่างตอนใส่ชุดว่ายน้ำ เรื่องราวคงจะไม่มีอะไรน่าสนใจเกิดขึ้นอีกแน่นอน
ที่จริงตอนนี้ ฟุเสะคาวะ ไรโตะ ก็เหมือนเป็นตัวประกอบไปแล้ว
แม้จะเป็นตัวเอกที่ควรจะโดดเด่นในเรื่องความรัก แต่ในช่วงเวลาที่ไม่มีอีเวนต์อะไรเกิดขึ้นแบบนี้ เขาก็ไม่ต่างจากตัวประกอบที่ไม่ได้สำคัญเท่าไหร่ ก็เหมือนกับไฟสปอตไลท์ที่หยุดส่องไปที่ตัวเอกนั่นแหละ
การคาดการณ์ของผมถูกต้อง หลังจากที่ย้ายไปเรียนที่โรงยิมผมก็สามารถเข้าใกล้ คิซากิ เรโอะ ได้โดยไม่มีใครมารบกวน
สิ่งที่จะเกิดขึ้นจากนี้ไปไม่มีในต้นฉบับ เป็นส่วนที่ไม่ได้ถูกกล่าวถึงในเรื่อง และการที่ผมจะสามารถเป็นเพื่อนกับ คิซากิ เรโอะ ได้นั้น ขึ้นอยู่กับทักษะการเข้าสังคมทั้งหมดของผม ตรงจุดนี้แหละที่ต้องพยายามหน่อย
และแล้วผมก็ตัดสินใจแล้วที่จะเข้าไปคุยกับคิซากิ เรโอะ
“ยะ โย่ว คิซากิคุงใช่ไหม?”
“นายคือ เอ่อ ชินโดคุงสินะ? ต้องการอะไรจากผมรึเปล่า?”
เมื่อผมเรียกชื่อเขาด้วยความตื่นเต้น คิซากิ เรโอะ ก็ดูจะประหลาดใจเล็กน้อยก่อนจะเรียกชื่อผมได้ถูกต้อง
ที่จำชื่อของคนที่ขาดเรียนบ่อยๆอย่างผมได้เนี่ย… สมกับเป็นเพื่อนสนิทของพระเอกที่ชาญฉลาดจริงๆ หรือว่าจะเพราะผมขาดเรียนบ่อยจนเขาจำได้ง่ายก็ไม่รู้ แต่ไม่ว่ายังไงก็เถอะ
“ฉันพึ่เริ่มงมาโรงเรียนตั้งแต่เมื่อวานเอง ก็รู้สึกผิดอยู่หรอก แต่มีเรื่องอยากคุยด้วยน่ะ”
“ผมเองก็ตกใจนะที่นายอยู่ๆนายก็กลับมาเรียน แต่เห็นว่านายตั้งใจเรียนมากเลย แถมยังตอบคำถามของอาจารย์ได้ง่ายๆทุกข้อด้วย จริงๆแล้วผมก็อยากคุยกับนายอยู่เหมือนกัน ที่นายเข้ามาทักฉันก่อนเนี่ย ดีใจมากเลยล่ะ”
คิซากิ เรโอะ ตอบกลับมาพร้อมกับรอยยิ้มที่สดใส
ปฏิกิริยาของเขาดูดีเกินคาดเลยแฮะ อาจจะเป็นเพราะผมตั้งใจเรียนเมื่อวานกับวันนี้ก็ได้มั้ง ไม่รู้สึกเหมือนถูกบังคับให้ทำตามบทเลย บางทีอาจจะสำเร็จก็ได้นะ
ผมถือโอกาสนี้ใช้ข้อมูลเกี่ยวกับ คิซากิ เรโอะ ที่จำมาจากต้นฉบับช่วยในการดำเนินบทสนทนาต่อไป
“จริงๆที่ขาดเรียนก็ยังเรียนอยู่ตลอดนะ แต่… เอ่อ… ที่สำคัญกว่า คือเรื่องที่อยากจะคุยด้วยน่ะ แบบว่า ฉันอยากจะอยู่ในทีมเดียวกับคิซากิในการแข่งบาสวันนี้น่ะ”
“กับผมเหรอ? ก็ได้นะ ไม่ติดอะไรหรอก แต่ว่าทำไมถึงอยากจะอยู่ทีมเดียวกับผมล่ะ”
“คิซากิเนี่ยเล่นบาสเก่งมากเลยนี่นา ได้ยินมาว่าตอนม.ต้นก็เป็นตัวหลักการแข่งขันระดับจังหวัดด้วย ถ้าได้เล่นบาสกับคิซากิ ฉันว่าตัวเองจะพัฒนาฝีมือขึ้นเยอะเลยล่ะ ถ้าไม่รบกวนเกินไป ขอร่วมทีมด้วยคนนะ”
“เข้าใจแล้วล่ะ อยากเล่นบาสเก่งขึ้นสินะ ถ้าอยากเล่นกับผมก็ยินดีต้อนรับเลยล่ะ อยากเล่นตำแหน่งไหนเป็นพิเศษรึเปล่า?”
“อืม… งั้นตอนนี้ขอดูการเล่นของคิซากิไปก่อนแล้วกันนะ ฉันเองก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองถนัดอะไร”
“เข้าใจแล้วล่ะ งั้นเราค่อยๆปรับตัวไปพร้อมกันนะ สู้ๆล่่ะ ชินโด”
หวา สุดยอดเลย ถึงจะเป็นคนที่ภายนอกดูแข็งกร้าวและคล้ายเด็กเกเรแบบผมแต่เขาก็ยังยิ้มให้โดยไม่ลังเล ดูเป็นคนเข้ากับคนง่ายและอ่อนโยนด้วย
ยิ่งกว่านั้น เขาไม่ได้สงสัยเลยว่าเหตุผลของผมมันจริงรึเปล่า เรโอะ เป็นคนที่มีทักษะการเข้าสั่งคมที่ดีจริงๆ สมแล้วที่เป็นตัวละครเพื่อนพระเอกแสนสมบูรณ์แบบ
พอนึกถึงตอนที่ตัวเองหลุดพ้นจากการเป็นตัวร้ายไปแล้ว ผมคงต้องสังเกตุและเรียนรู้การเข้าสังคมจากเขาแล้วล่ะ เผื่อจะได้เก่งขึ้น
ระหว่างที่กำลังคิดเรื่องพวกนี้อยู่ อาจารย์พละก็เดินเข้ามา พวกเราเลยรีบเข้าแถวและคาบพละก็เริ่มขึ้นทันที
ตอนแรกเราจะวิ่งรอบๆยิมก่อนแล้วค่อยไปวอร์มอัพ จากนั้นก็ฝึกทักษะการส่งบอลและการชู๊ต แล้วสุดท้ายก็จะแบ่งทีมกันเล่น
คิซากิ เรโอะ มาสอนผมตั้งแต่ช่วงฝึกส่งลูกและชู๊ต เขาคอยสอนผมอย่างละเอียดตั้งแต่การเดาะไปจนถึงวิธีจับบอล”
คิซากิ เรโอะ ใจดีมากจนผมอยากมีแบบนี้ในชาติที่แล้วบ้างเหมือนกัน
ระหว่างที่ผมกำลังซ้อมกับคิซากิอยู่นั้น ครูพละก็เป่านกหวีดเป็นสัญญานว่าจะเริ่มแข่งกันแล้ว
การแบ่งทีมไม่ได้แบ่งแบบสุ่มเลือก แต่อาจารย์จะเลือกหัวหน้าทีมของแต่ละกลุ่ม แล้วให้หัวหน้าทีมเป็นคนเลือกเพื่อนร่วมทีมเองอีกที
แน่นอนว่าหนึ่งในหัวหน้าทีมก็คือ คิซากิ เรโอะ สมาชิกทีมบาสเก็ตบอลของโรงเรียนนั่นเอง
“งั้นชินโดคุงอยู่ทีมเดียวกับผมนะ ฝากตัวด้วย”
“อ่า ฉันก็เหมือนกัน ฝากตัวด้วย”
หลังจากแบ่งทีมเสร็จ คิซากิก็ยื่นเสื้อสีเดียวกันมาให้ผมพร้อมยิ้มอย่างสดใส ก่อนที่เขาจะตบไหล่ผมเบาๆแล้วเดินไปที่สนาม
ส่วน ฟุเสะคาวะ ไรโตะ ที่เป็นตัวเอกนั้น ตอนนี้ยังไม่ได้รับความสนใจเท่าไหร่เลยถูกจัดให้อยู่ในทีมที่ไม่เด่นมากนัก แต่ตอนนี้นี่แหละคือโอกาสของผม
ผมจะใช้โอกาสนี้ทำให้ตัวเองสนิทกับ คิซากิ เรโอะ ให้ได้… ผมก้าวเข้าไปในสนามที่เขาอยู่โดยพยายามกลั้นความตื่นเต้นที่คลุกกรุ่นอยู่ในอกไว้