ตอนที่10 : เพื่อนเกเร
วันถัดมา ผมตื่นตั้งแต่ก่อนหกโมงเช้า
เหตุผลก็คือจะได้ตากผ้า ทำความสะอาด และทำข้าวกล่อง
เมื่อวานเป็นวันแรกที่ผมเข้าเรียนในฐานะ ชินโด นิวสุเกะ และผมลืมเรื่องอาหารกลางวันไปซะสนิทเลย ข้าวกลางวันที่โรงเรียนมีราคาค่อนข้างสูง และตอนนี้ผมก็ไม่ได้ทำงานพิเศษอะไร การแบกรับค่าใช้จ่ายพวกนี้มันเกินตัวผมไปหน่อย เพราะงั้นผมเลยตัดสินใจว่าทำข้าวกล่องจากอาหารที่เหลือจากเมื่อวาน แล้วห่อด้วยผ้าเพื่อเอาไปโรงเรียน
หลังจากนั้นแม่ก็ตื่นมาและแปลกใจที่เห็นว่าผมตื่นขึ้นมาก่อนเธอ
เมื่อวานพอผมทำอาหารเย็นเตรียมไว้ เตรียมน้ำอุ่นในอ่างอาบน้ำ ตากผ้ากับเก็บผ้าแล้วขังตัวอยู่ในห้องเพื่ออ่านหนังสือ แม่ก็ถึงกับอ้าปากค้างไปเลย
มันเป็นพฤติกรรมที่ตัวผมไม่เคยทำมาก่อน แม่ได้ยินจากน้องสาวว่าผมเปลี่ยนไปแล้วก็จริง แต่พฤติกรรมที่จริงจังเกินไปของผมทำให้เธอร้องไห้และสะอื้นออกมาด้วยความตื้นตัน
พอเห็นว่าตื่นเช้ามาผมยังคงทำงานบ้านอยู่เหมือนเมื่อวานทำให้เธอรู้สึกปลื้มปิ่มมากที่ในที่สุดริวสุเกะก็กลายมาเป็นเด็กดีสักที
ถ้าผมทำงานบ้านให้ครอบครัวแบบนี้ต่อไป สักวันผมก็จะได้รับความไว้วางใจจากครอบครัวกลับคืนมา เพื่อการนั้น ผมจะทำงานบ้านให้มากที่สุด
หลังจากใช้เวลาในตอนเช้าอย่างคุ้มค่า ผมก็สวมชุดนักเรียนและเตรียมตัวไปโรงเรียน
วันนี้เป็นวันที่สองนับตั้งแต่ผมมาอยู่ในร่างนี้
ผมต้องระวังตัวไม่ให้เกิดอีเวนต์อะไรขึ้น และใช้ชีวิตอย่างสงบ
ระหว่างที่ผมกำลังใส่รองเท้าอยู่ที่หน้าประตู ผมก็รู้สึกได้ว่ามีคนอยู่ด้านหลังประตูบ้าน ใครกันฟะ……?
มันเช้าเกินไปกว่าที่จะเป็นพนักงานส่งของ แม่ก็ออกไปทำงานแล้ว วันนี้ผมจะออกจากบ้านก่อนไมด้วย เธอยังนอนเล่นอยู่ในห้องนั่งเล่นอยู่เลย
แล้วจะเป็นใครได้กัน ผมเดินออกไปดูอย่างระวังก่อนจะต้องตกใจ
คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตูคือเด็กหนุ่มสองคน
คนแรกมีผมสีเหลืองสลับดำคล้ายกับลายเสือ ตัวเขามีผิวสีแทนและใส่ต่างหูหลายเส้น ส่วนดวงตาของเขาก็แสดงออกถึงความแข็งกร้าว และอีกคนเป็นชายผมสีทองที่มีรูปร่างดูผอมแห้งและทำท่าทางสบายๆ
หนึ่งในนั้นเริ่มพูดขึ้นมา
“โย่ว ริวสุเกะ ทำไมใส่ชุดนักเรียนวะ? แกจะไปโรงเรียนอ่อ?”
“อะ เอ่อ…..?”
ความทรงจำของผมในฐานะชินโด ริวสุเกะ และความรู้จากการอ่านนิยายหลอมรวมเข้าด้วยกัน เด็กหนุ่มสองคนที่ยืนอยู่หน้าบ้านคือ ‘โคกาเนะ ทาคุยะ’ และ ‘โอบายาชิ มิตสึรุ’ เพื่อนที่ไม่ค่อยน่าคบของชินโด ริวสุเกะ
พวกเขาเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ม.ต้น และถึงแม้จะเข้าโรงเรียนม.ปลายคนละที่กัน แต่ความสัมพันธ์ในฐานะกลุ่มเพื่อนก็ยังคงอยู่ต่อไป ในอนาคตพวกเขาจะปรากฏตัวขึ้นเพื่อช่วยกันขัดขวางตัวเอกด้วย
การปรากฏตัวของกลุ่มเพื่อนเกเรอย่างกะทันหันทำให้ผมตกใจมาก
มิตสึรุที่ผมสีทองแสดงสีหน้าเป็นห่วงและเอื้อมมือมาแตะไหล่ของผม
“ริวสุเกะ เรากังวลมากเลยนะ ไม่ว่าจะโทรไปกี่ครั้งแกก็ไม่รับสาย เกิดอะไรขึ้นวะ?”
“เออ ตามที่มิตสึรุบอกเลย เพราะเป็นห่วงถึงได้มาดูเนี่ย”
“อ่า…. ฉันลืมเช็คโทรศัพท์นี่นะ”
ผมไม่ได้ตรวจสอบโทรศัพท์เลยตั้งแต่มาอยู่ในร่างนี้ เมื่อวานก็มีการแจ้งเตือนเข้ามาเยอะมาก แต่เพราะผมเหนื่อยมากเลยตั้งปลุกแล้วปล่อยไว้
ตอนนี้ผมทำตัวต่างจากเรียวสุเกะคนเดิมมาก แน่นอนว่าโคกาเนะกับโอบายาชิต้องเป็นห่วงอยู่แล้ว
แต่ว่าเรื่องมันชักจะยุ่งแล้วสิ……เมื่อวานผมน่าจะโกหกไปก่อน
ผมไม่อยากจะเป็นตัวร้ายแล้ว ไม่อยากทำลายอนาคตที่กำลังจะล่มสลายหรอก
ยังไงก็ต้องไปโรงเรียนให้ได้ ผมไม่อยากขาดเรียน
“ขอโทษนะ มิตสึรุ ทาคุยะ เรื่องมันยาวน่ะ แต่ช่วงนี้ฉันว่าจะตั้งใจเรียนแล้วล่ะ ถ้าโดดเรียนอีกมีหวังติดตัวแดงแหง”
“ไม่ดิ ริวสุเกะ แกบอกเองนี่ว่าต่อให้โดนพักการเรียนหรือไล่ออกแกก็ไม่สนน่ะ”
“ใช่ๆ ริวสุเกะ เหมือนแกจะเคยบอกว่าถ้าไปมีเรื่องกับคนที่มีสาวมาติดเยอะๆคนนั้น เอ่อ ชื่อไรนะ ฟุเสะคาว่า… อะไรสักอย่างนี่แหละ แล้วโดนไล่ออกมันน่าสนุกกว่าเยอะนี่หว่า จากนั้นพวกเราก็จะได้ไปเที่ยวด้วยกันไง”
“อะ…. ฉันเคยพูดแบบนั้นด้วยหรอ?”
ยุ่งยากแล้วสิ ผมกำลังโดนโน้มน้าวด้วยคำพูดของตัวเองก่อนที่จะมาอยู่ในร่างนี้ ขืนเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ มีหวังเรื่องราวอาจจะออกมาเหมือนเดิมกับในต้นฉบับก็ได้
ตัวร้ายอย่าง ชินโด ริวสุเกะ ในเรื่องต้นฉบับมักจะก่อเรื่องวุ่นวายให้กับพระเอก หรือก็คือ ฟูเสะคาวะ ไรโตะ กับกลุ่มเพื่อนเกเรของเขาอยู่เสมอ และทุกครั้งที่ก่อเรื่องก็จะถูกพระเอกที่ร่วมมือกับนางเอกจัดการจนพ่ายแพ้ ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงทำเรื่องไม่ดีซ้ำแล้วซ้ำเล่า
แล้วก็ก่อเรื่องวุ่นวายจนถึงขึ้นโรงเรียนแทบแตก สุดท้ายก็ถูกไล่ออกและโดนตำรวจจับตัวไปซะงั้น กลายเป็นการปิดฉากบทบาทของตัวเองในเรื่องไป
ขืนปล่อยไว้แบบนี้ชีวิตม.ปลายผมพังหมดแน่ ต้องหาทางโน้วน้าวสองคนนี้แล้ว
“แต่ว่านะ มีเรื่องหลายๆอย่างน่ะ ฉันเลยคิดว่าต้องจริงจังกับการเรียนแล้วล่ะ”
เวรละ คิดคำไม่ออกเลย
“โดดเรียนตั้งขนานนั้นแล้วมาพูดอะไรเนี่ย? ริวสุเกะคนที่ทำตัวเอื่อยเฉื่อยตลอดเวลาคนนั้นอ่ะนะ เอาเหอะ ไปเที่ยวกันดีกว่า วันนี้รถพ่อฉันว่างด้วยว่ะ เอาไปขับเล่นกันเหอะ”
“ริว! ไปหาเหล้ามาแล้วก็ชวนสาวๆด้วยดีกว่า ฉันว่าสนุกแน่ว่ะ”
นี่มันแย่กว่าที่คิดอีกแฮะ กล้าบอกว่าว่าตัวเองจะขับรถโดยไม่มีใบขับขี่ แถมยังดื่มเหล้าตอนยังอายุไม่ถึงอีก เลวร้ายสุดๆจนไม่อยากเชื่อเลยแฮะ
ตอนที่ผมกำลังคิดอยู่ว่าจะปฏิเสธยังไงดี ก็ราวกับมีเทพธิดาลงมาช่วยแก้สถานการณ์ให้
“เอ๊ะ พี่ชาย? ไม่ใช่ว่าจะออกไปก่อนหนูหรอ? ทำไมยังอยู่หน้าบ้านอยู่ล่ะ?”
คนที่เดินออกมาจากบ้านพร้อมเสียงประตูปิดดังสนั่นคือ “ไม” น้องสาวของผม จากนั้นเธอก็มายืนข้างๆผมแล้วมองไปที่ “โคกาเนะ” กับ “โอบายาชิ” ด้วยสายตาที่ไม่ค่อยพอใจ
“หืม? พี่มึตสุรกับพี่ทาคุยะ มาทำอะไรกันตรงนี้เหรอ? หรือว่ามีเรื่องอะไรจะพูดกับพี่ชายหนูรึเปล่า?”
“อ๋าา ไมจัง ฟังหน่อยสิ พี่ชายของเธออยู่ๆก็ทำตัวน่าเบื่อขึ้นมาซะงั้นอ่ะ”
“ใช่เลยๆ มันพูดขึ้นมาดื้อๆว่าจะไปโรงเรียน พวกเราลำบากกันหมดเลยเนี่ย”
เหมือนว่าไมจะรู้จักกับเพื่อนทรงนักเลงที่ค่อนข้างไม่น่าคบของผม ทั้งๆที่มีพวกอันธพาลหน้าโหดอยู่สองคนตรงหน้าแต่เธอก็ยังกล้าที่จะเข้าไปพูดด้วย
“อ๋อ พี่ชายไม่ได้บอกหรอ เห็นว่าตั้งแต่เมื่อวานเขาตั้งใจจะเปลี่ยนตัวเองแล้วก็ไปโรงเรียนอย่างจริงจังน่ะ”
“เปลี่ยนไปเป็นคนใหม่เนี่ย เอาจริงดิ? ทำไมจู่ๆถึงได้เปลี่ยนล่ะเห้ย…”
“พี่มิตสุรุกับพี่ทาคุยะก็ลองเปิดใจแล้วไปโรงเรียนเหมือนพี่ชายสิ! ขนาดพี่มาชิโระที่ชอบไปเที่ยวเล่นด้วยกันก็ยังไปโรงเรียนทุกวันเลยนะ”
“ยัยนั่นน่ะเป็นคนจริงจังแต่แรกอยู่แล้วต่างหาก ต่อให้เที่ยวดึกกันสักแค่ไหน วันรุ่งขึ้นก็ไปโรงเรียนตลอด ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ แล้วพอฉันจะขับรถของพ่อทีไร หล่อนก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟเลยด้วย แต่ก็ คงเป็นห่วงฉันนั่นแหละมั้ง”
“พี่มาชิโระเนี่ยเป็นคนดีเนอะ เมื่อวานหนูคุยกับเธอทางโทรศัพท์ด้วย พอเห็นว่าวันนี้พี่ชายก็จะไปโรงเรียนเธอก็ตั้งหน้าตั้งตารอเลยล่ะ”
“เห? มาชิโระมีความสุขเหรอ? อืม ริวสุเกะ…หรือว่านี่แก?”
ทาคุยะกับมิตสุรุมองหน้ากัน ก่อนที่พวกเขาจะถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้ววางมือที่ไหล่ผม
“ให้ตาย ในที่สุดก็ทำสิ่งที่ควรทำจนได้นะแกน่ะ เพราะงั้นถึงได้จะไปโรงเรียนงั้นสิ?”
“หา? …..เอ่อ?”
“ทาคุยะ ฉันก็คิดเหมือนแกเลยว่ะ นานมากเลยนะเนี่ย… เห้อ ทำตัวเย็นชาใส่มาชิโระตลอดเลยนี่หว่า ขืนเป็นแบบนั้นไปเรื่อยๆพวกแกก็คงจะเบื่อกันไปซะก่อนมั้ง… ดีแล้วล่ะที่ได้คบกัน ริวสุเกะ…”
“โทษนะ… เดี๋ยวดิ พูดอะไรไม่เห็นเข้าใจ…”
“ไม่ต้องเขินหรอกน่า ในที่สุดแกก็ตกหลุมรักมาชิโระแล้วใช่ไหม? เพราะงั้นแกก็เลยเริ่มตั้งใจเรียนมากขึ้นไง”
ผมมองหน้าทั้งสองคนด้วยความงง ตอนนี้เอง ทาคุยะกับมิตสุรุก็พยักหน้าหงึกๆพร้อมกับยิ้มออกมา แล้วพวกเขาก็เดินมาตบหลังผมแรงที่สุดเท่าที่จะทำได้
“พวกเราไม่โง่ขนาดจะไปขัดขวางความรักของเพื่อนหรอกน่า กลับกันอยากจะแสดงความยินดีด้วยซ้ำ”
“ฮึบ! ริวสุเกะ มีความสุขมากๆล่ะ ไว้เจอกันนะไมจัง ถ้าพี่ชายเธอลำบากก็ช่วยแนะนำหน่อยล่ะ เจ้านี่มันต่อยตีเก่งก็จริง แต่พอเป็นเรื่องความรักนี่โง่บรมเลย”
หลังจากที่เห็นปฏิกิริยาของโคกาเนะและโอบายาชิ ไมเองก็มองมาที่ผมด้วยรอยยิ้มเช่นกัน
“เป็นแบบนี้นี่เองสินะ พี่ชาย~! เพื่อพี่มาชิโระใช่ไหม~ เยี่ยมเลย! ในฐานะน้องสาวหนูจะเชียร์พี่เต็มที่เลยนะ!”
ผมมองหน้าทั้งสามคนด้วยความงุนงง ก็ใช่ว่าผมจะไม่เข้าใจสิ่งที่พวกเขาสื่อกันหรอกนะ
หรือก็คือ…
ทั้งสามคนคิดว่าผมตกหลุมรัก อามานัตสึ มาชิโระ ที่เป็นเพื่อนสมัยเด็กแล้วเปลี่ยนตัวเองใหม่เพื่อเธอ ถึงขนาดยอมไปโรงเรียนเลยงั้นสิ
แน่นอนว่ามาชิโระเป็นตนที่สำคัญสำหรับผมเหมือนกัน เธอเป็นคนเดียวในโลกนี้ที่ผมรู้สึกดีด้วยนอกจากครอบครัวตัวเอง
แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็คิดจะตีตัวออกห่างมาชิโระ ผมคิดว่ามันจำต้องทำเพื่อป้องกันไม่ให้เธอต้องเผชิญกับอนาคตที่เลวร้าย
ในสถานการณ์แบบนี้ ความเข้าใจผิดของพวกเขากลับกลายเป็นเรื่องดีสำหรับผมไป ทั้งทาคุยะและมิตสุรุก็สนับสนุนที่ผมไปโรงเรียนเพื่อตามจีบมาชิโระ ถ้าผมเอาเรื่องมาชิโระมาอ้าง ผมก็จะไม่ต้องออกไปเที่ยวเล่นกับพวกเขาตอนกลางคืนและจะทำอะไรได้ตามใจชอบมากขึ้นด้วย
เยี่ยมเลย! ถ้าแบบนี้ล่ะก็ ทำได้แน่… ผมพูดพลางยิ้มบางๆออกมา แม้ข้างในจะรู้สึกกังวลก็ตาม
“อืม… ก็นะ ฉันพึงรู้ตัวว่าคิดยังไงมาชิโร่น่ะ จะบอกว่าพึ่งมาเข้าใจตัวเองก็ได้ ก็ได้”
“ฮิ้วฮิ้ว ร้อนแรงจังเลยนะริวสุเกะ”
“โห ริวสึเกะมันใจอ่อนแล้วเหรอเนี่ย! ไม่คิดว่าแกจะจริงจังกับมาชิโระขนาดนี้เลยนะ… พวกเราดีใจมากเลย”
“อืม ฉันก็จะพยายามเต็มที่เหมือนกัน… เพราะงั้นเลยตัดสินใจไปโรงเรียนเพื่อเจอเธอไง ขอโทษนะ โอบายุชิ ทาคุยะ ที่ต้องปฏิเสธคำชวนของพวกนาย…”
ผมเกาหัวอย่างรู้สึกผิด แล้วโคกาเนะกับโอโอบายาชิก็ร้องออกมาด้วยความรู้สึกตื้นตัน
“ริวสึเกะ… โทษทีนะที่ไม่รู้มาก่อนแล้วชวนแกไปแบบฝืนใจ”
“วู้! ฉันประทับใจมากเลยนะ เพราะงั้นมีความสุขซะล่ะ”
“ฉันเองก็… ฮือๆ ดีใจมากที่พี่ชายรู้ตัวได้สักทีว่าชอบมาพี่ชิโระ น้ำตาไหลจะแล้วเนี่ย”
“อะ โอ้ ขอบใจนะ”
ผมตอบไปแบบขอไปที แต่ในใจก็ชูมือเป็นสัญลักษณ์ชัยชนะแล้วล่ะนะ! สามารถหาข้ออ้างไปโรงเรียนให้เพื่อนสนิททั้งสองคนเชื่อได้แล้ว หลังจากนี้ก็แค่ไปโรงเรียนก็จบเรื่อง
“งั้นไปนะ ริวสึเกะ ไว้ค่อยมาเล่นกันใหม่”
“ถ้าฉันกับทาคุยะเรียนโรงเรียนเดียวกับริวด้วยนะ จะได้เห็นแกกับมาชิโระจีบกันในโรงเรียนแล้วสิ”
“ใช่แล้วล่ะพี่มิตสุรุ พวกเรามาคอยเชียร์พี่กันเถอะค่ะ”
“อืม จริงด้วยสิ งั้นพวกเราคอยดูอยู่ห่างๆ ก็แล้วกัน”
“อื้อๆ พี่ชายสู้ๆนะ คอยใส่ใจความรู้สึกของพี่มาชิโร่ด้วยล่ะ”
“อะ อืม เข้าใจแล้ว”
ผมพยายามยิ้มให้แต่ก็ดูฝืนๆพลางตอบกลับไป พวกเขาสามคนก็ยิ้มแก้มปริแล้วเดินมาตบไหล่ผมก่อนจะเดินจากไป
“ฟู่ว… ดีนะที่กลบเกลื่อนไปได้”
ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก แล้วเดินไปโรงเรียน
โชคดีจังที่สามารถเลี่ยงเรื่องยุ่งยากได้แบบนี้
วันนี้เตรียมของโปรดให้ไมเป็นมื้อเย็นดีกว่า