ภายในเนื้อเรื่องหลักของเกม’หิ่งห้อยรัตติกาล(Yamiyo no Hotaru)’ ผู้เล่นสามารถร่วมการเดินทางไปยังเมืองหลวงได้โดยการพัฒนาความสามารถของตนให้ถึงระดับหนึ่งในช่วงเวลาที่กำหนดภายในเกม
ในฟูโซคุนิถือว่าเป็นศูนย์กลางของเกมๆ นี้เลยละ
พื้นที่ศูนย์กลางรอบ ๆ เมืองหลวงถูกปกครองโดยราชสำนักที่มีจักรพรรดิและขุนนางเป็นหัวใจหลัก
ส่วนพื้นที่ท้องถิ่นก็จะถูกปกครองด้วยขุนนางศักดินาที่มีส่วนฝ่ายอำนาจแบ่งออกมาสองส่วน
ส่วนแรกจะปกครองในโลกที่เป็นที่อยู่อาศัยของคนทั่วไปที่ไร้พลังและอีกส่วนจะเป็นฝ่ายที่สนับสนุนตระกูลผู้ปัดเป่าที่จัดการกับปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ อย่างพวกโยวไคเป็นต้น
การไปยังเมืองหลวงเป็นหนึ่งในหน้าที่ที่ราชสำนักกำหนดสั่งให้เหล่าขุนนางและตระกูลผู้ปัดเป่าทำ ทุก ๆ สามปี
พวกเขาจะถูกสั่งให้ไปเยี่ยมวังในและปกป้องเมืองหลวงเป็นเวลาครึ่งปี
ตระกูลคิซึกิก็ไปเยี่ยมเมืองหลวงอย่างสม่ำเสมออาจไม่ขาดสักครั้งเลยกับคณะผู้ตัวแทนของตระกูล
การเยี่ยมเยือนเมืองหลวงนี้เป็น event ช่วงกลางเกมเป็นหนึ่งใน event ที่ต้องทำให้ตัวเองมีพลังที่ถูกกำหนดจึงสามารถเข้าร่วม event นี้ได้
และเนื่อเรื่องจะสามารถเปลี่ยนไปได้โดยจะขึ้นอยู่กับความสามารถ ความความสัมพันธ์ และความชื่นชอบของเหล่าตัวละครต่างๆ ต่อพระเอก
หรือเขาจะเข้าร่วม event เยี่ยมเยือนเมืองหลวงหรือไม่นั้นก็สามารถส่งผลต่อเนื้อเรื่องด้วยเช่นกัน
แล้วก็ขึ้นอยู่กับคนที่จะอยู่หรือไปยังเมืองหลวง
อ่าใช่ๆ เกือบลืม แล้วก็ถ้าผู้เล่นมีความสัมพันธ์ที่ดีกับหนึ่งในพี่น้องของตระกูลนี้
แล้วทำให้ตัวละครนั้นที่อาจเป็นเขาหรือเธอไปเมืองหลวงและก็เข้ากับคนอื่น ๆ ได้ละก็ บางทีอาจเห็นฉากที่น่าประทับใจก็ได้…?
(พูดอีกนัยหนึ่ง เวลานี้คือสองปีครึ่งก่อนการเริ่มต้นของเกมหลักพอดีเลยไงล่ะ…)
ถ้าลองคิดดูว่ามันใช้เวลาครึ่งปีนับจากเวลาที่พระเอกจะถูกตระกูลคิซึกิรับเข้ามาจนถึงเหตุการณ์อย่างการเริ่มต้นเหตุการณ์ในเมืองหลวงงั้นก็สามารถพูดได้เลย
เป็นที่ชัดเจนว่าเหลือเพียงเวลาอีกนิดเดียวก่อนที่เนื้อเรื่องเกมนี้จะเริ่มต้นขึ้นไงละ
ถึงงั้นก็เถอะ พวกเนื้อเรื่องต่างๆ บางอย่างก็ถูกเปลี่ยนไปพอสมควรจากเกมหลักอยู่นิดหน่อยละนะ แต่ก็คงไม่ได้มากจนส่งผลอะไรมากมายขนาดนั้นหรอก(ผู้แปล ครับพี่พี่ว่าไงผมว่างั้น)
เพราะสิ่งที่ผมทำล้วนแต่เพื่อความอยู่รอดของตัวเองทั้งนั้นดังนั้นจะอาจต้องเข้ายุ่งกับพวกตัวละครในเนื้อเรื่องไปบ้างแต่ก็เพื่อให้ตัวเองรอดอยู่ถึงทุกวันนี้ละนะ
แต่ผมก็ยังไม่แน่ใจว่าเนื้อเรื่องหลักมันจะเดินตามเดิมรึเปล่าแต่ถ้าเป็นเป็นได้ก็ให้มันเดินตามเดิมนี้แหละเพราะถ้าเกิดมันเดินไม่เหมือนในเนื้อเรื่องที่ผมรู้มา ความรู้ที่ผมสะสมมาก็ไร้ประโยชน์แทนละนะ
แต่ว่าผมก็กำลังคิดอยู่ว่าควรจะพยายามหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ bad ending ยังไงดีเนี้ยสิ
จะให้หนีพร้อมใช้ประโยชน์จากเหตุการณ์แบบนี้ดีไหมนะ หรืออะไรประมาณนี้
แม้ผมจะสามารถปลดคำสาปที่ติดหนืบอยู่ตัวผมได้และไม่ต้องโดนเฝ้ามองอีกต่อไปจนกลายเป็นอิสระจากการเป็นข้ารับใช้ได้สำเร็จ
แต่อาจต้องแลกโดยการที่ประเทศนี้จะโกลาหลแทนเนื่องในเหตุการณ์นี้ก็ได้
ความยากระดับหายนะจริงๆ เกมระยำบ้านี้
“โทโมเบะ เจ้าได้ฟังข้าพูดหรือไม่?”
“อ่ะ!? ข้าขออภัยขอรับ ท่านต้องการให้กระผมทำสิ่งใดนะขอรับ”
ผมกลับมาจากที่กำลังจมอยู่กับความคิดอยู่สักพักหนึ่ง
ผมได้มองเธอผ่านหน้ากากที่ผมใส่อยู่
ผมนั่งคุกเข่าอยู่ในมุมห้องหนึ่ง และสิ่งที่ผมเห็นนั้นก็คือห้องกว้างที่มีเสื่อทาทามิ…
แล้วก็มีเด็กสาวนั่งอยู่บนพื้นพร้อมถือเครื่องดนตรีญี่ปุ่นอยู่ด้านหน้าผม
เด็กสาวที่ใส่ชุดสีพีชได้ยิ้มเยาะเย้ยมาที่ผม(ผู้แปล CORRECTION HER NOW????? )
เธอหยุดเล่นดนตรีแล้วเอามือออกจากสายและวางลงบนตักเธอ
“โถ่เจ้าเนี้ย นี่เจ้ากำลังคิดอย่างอื่นอยู่เหรอทั้งๆ ที่ข้ากำลังเล่นดนตรีอยู่แท้ๆ พอเจ้ากลายเป็นหัวหน้าแล้วเรื่มหยิ่งผยองมากขึ้นสิน้า~~~”
“ไม่เป็นเช่นนั้นขอรับ ข้าไม่เคยคิดหยิ่งผยองแม้แต่นิดเดียว ข้าเพียงแค่คิดเรื่องไปเมืองหลวงขอรับ”
เด็กสาวได้หัวเราะเบาๆ เอาจริงนะเสียงหัวเราะอย่างกับนกร้องเลยแฮะ
ขอโทษที่คิดแบบนั้นครับ อย่าถือโทษต่อกันเลย
เรานั้นมีกองคาราวานสามคัน(โดนเปลี่ยนให้กลายเป็น stray houses แล้ว)
แล้วก็มีรถม้าสำหรับขนส่งสินค้าอะไรงี้และก็มีผู้ปัดเป่ามาอีก 4
รวมถึงตัวแทนที่มีข้ารับใช้ถึง 10 คนมาดูแลเขา
แล้วก็มีคนที่ถูกขังไว้อีก 5 คน
แล้วก็ข้ารับใช้อีก 12 คน
คนที่มาจากกลุ่มเกี่ยวกับการแพทย์อีก 6 คน ก็มาฐานะรักษาผู้ที่เป็นอะไรไประหว่างเดินทางนั้นแหละ
แล้วก็มีพวกคนงานที่มาทำงานชั่วคราวในการเดินทางครั้งนี้ประมาณ 30 คนแนะ
เอาจริงนะ ขบวนนี้จำนวนมันพอๆ ขุนนางศักดินาระดับล่าง
แหมบอกเลยจำนวนขนาดนี้เป็นบุปเฟ่สำหรับพวกโยวไคดีๆ นี้เอง
ก็ดูสิ มีพวกที่มีพลังวิญญานที่มีจำนวนหนึ่งหรือผู้มีพลังพิเศษที่ต่างกับคนอื่นๆ ด้วย
อ่ะแล้วก็ ถนนที่เรากำลังจะเดินทางนั้นถูกดูแลอย่างดีมาแล้วละ คงไม่ได้เจอบ่อยๆ หรอก
แต่ก็อาจมีพวกโยวไคโผล่มาบางตัวอยู่ละนะ แต่ก็ไม่ได้มีจำนวนมาก
พวกมันมักจะโผล่มาโจมตีพวกพ่อค้าหรือนักเดินทางเป็นบางครั้ง
หรือถ้าเกิดเดินทางด้วยถนนในภูเขาอาจเจอพวกโจรมีโจมตีบ้างก็มี
“ฮืม…ระดับกลายเป็นหัวหน้าข้ารับใช้แล้วไม่ใช่รึทำไมเรื่องเพียงแค่นี้เจ้ายังคงกังวัลอยู่เล่า? จริงๆ เจ้าก็พูดเหมือนว่าจะปกป้องพวกเราเองงั้นแหละ เจ้าคิดว่าตัวเองมีความสามารถแบบนั้นรึ? เจ้าเนี้ยนะคิดว่าจะปกป้องข้าหรือท่านลุงได้หรือ? เจ้ามีความสามารถพอทำแบบนั้นจริงๆ รึ? ทำได้ดีกว่าข้าหรือท่านลุงรึ?”
แม้เธอจะยิ้มอย่างงดงามก็ตามแต่เห็นได้ชัดเจนว่ายัยเด็กเหลือขอนี้มันดูถูกผมชัดๆ
เธอได้ซ้อนปากที่ยิ้มของเธอโดยแขนเสื้อกิโมโนของเธอ
แค่เธอก็พูดไม่ผิดหรอก ระดับผมก็เพียงแค่ข้ารับใช้ง่อยๆ อ่ะนะ
บอกเลยผมคงไม่มีโอกาศชนะพวกเธอแหงๆ
แค่เด็กสาวตรงหน้าผม ผมแค่โดนตบทีเดียวก็ไปแล้วมั้ง
ยิ่งไม่นับลุงอ้วนที่มาเป็นผู้ที่เป็นตัวแทนในการเดินทางครั้งนี้อีก
แล้วแบบนี้ผมจะทำให้พวกเขามาหลบหลังขัารับใช้แบบพวกเราได้งั้นเหรอ
อ่ะคงมีนั้นแหละถ้าเกิดมีโยวไคระดับภัยพิบัติมาละนะ การเป็นโล่เนื้อของข้ารับใช้คงได้ใช้แหงๆ
แล้วก็ยังมีพวกผู้ปัดเป่าจัดการปีศาจระหว่างทางให้ด้วย การเดินทางครั้งนี้คงไม่มีอะไรลำบากมากมาย
แล้วอีกอย่างโชคดี โชคดี~~ ที่ผมได้เป็นหัวหน้าข้ารับใช้สะด้วย
หรือก็คือผมต้องทำหน้าที่เป็นองครักษ์ของเจ้าหญิงกอลิล่านั้นเอง
ถ้าเกิดไม่มีอะไรเกิดขึ้นละก็ หน้าที่ของผมก็ง่ายแสนง่ายแค่เป็นเพื่อนคุยของเธอหรือฟังเธอเล่นดนตรีแบบสบายใจเฉิบโดยไม่ต้องทำงานอะไรเลย หุๆ
แต่ว่าผมทำแบบนี้ได้จนกว่าขบวนจะเข้าเมืองหลวงละนะ
อีกอย่างการมาเยี่ยมเมืองหลวงครั้งนี้ก็เป็นครั้งที่เสี่ยงตายสุดอีกด้วยๆ…รู้ไหมมันเสี่ยงสุดๆ ไปเลย…
(ผมต้องทำอะไรสักอย่างแล้วละไม่งั้นผมคงตายแหงแซะ)
ถ้าเกิดตามในมังงะหรือนิยายช่วงนี้แหละ เป็นช่วงที่แย่สุดๆ เลยละ
ท่านหญิงกอลิล่าหรือเจ้าอ้วนนั้นมันก็ไม่เป็นไรหรอกแต่ไอ้ที่เป็นปัญหาจริงๆ ก็คือผมนี้แหละ
ผมไม่ได้มีความสามารถเว่อวังอะไรเลย สามารถตายได้ทุกเมื่อเลยละ
แต่ปัญหาคือแม้ผมจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นแต่ผมก็ไม่รู้จะทำยังไงดีน่ะสิแม้ผมจะอ่านนิยายมาก็ตาม
ดังนั้นผมต้องทำอะไรสักอย่างภายในเมืองหลวงนี้แหละ ไม่งั้นอาจเกิดเรื่องแย่ๆ ขึ้นกับผมก็ได้
(แต่ผมก็ยังมีคำถามอยู่ว่าผมจะมีเวลาว่างให้ไปทำแบบนั้นไหมนะ? ถึงจะมีแล้วผมจะทำอะไรได้บ้างละ?)
ก็ผมน่ะรู้เรื่องเหตุการณ์คดีไอเทมสมองมิซุปุดดิ้งของพ่อแม่คาโยจัง
แล้วก็อีกอันที่เป็นเหตุการณ์งานเลี้ยงกินเต้นรำที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าใน the new city(ผู้แปล จริงๆ มันแปลว่าเมืองใหม่แต่ในฐานะผู้เล่น pm จะพลาดได้เช่นไร)
จริงๆ ผมก็ไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวกับเหตุการณ์ทั้งสองแต่มันเป็นเหตุการณ์ที่ถ้าผมเมินละก็คงจะรู้ผิดมากๆ แล้วอีกอย่างมันอาจส่งผลกระทบต่อเนื้อเรื่องอีกด้วย…ไม่อยากให้มีเหตุการณ์แบบนี้เลยแหะ งั้นคงจะดีกว่าสินะถ้าผมจะช่วยนิดๆ หน่อยๆ อุเฮ่ๆ
แล้วก็นะมันก็ยังมีเจ้าหมาจิ้งจอกตัวเมียนั้นที่เหี้ยพอๆ กับตระกูลคิซึกิเลยละ
แล้วก็สำหรับโอโอโกะก็ถือว่าเป็นหนึ่งในปัญหาเลยละ
แม้เธอจะถูกเกลียดน้อยกว่าจิ้งจอกนั้นในเนื้อเรื่องหลักอยู่ละมั้งนะ
ก็นะเพราะเจ้าหมาจิ้งจอกนั้นมันถือว่าเป็นตัวละครที่ถูกเกลียดเป็นต้นๆ เลยละหรือก็คือตั้งแต่เกมออกมา
นางนั้นเป็นคนที่มีนิสัยชั่วช้าและเลวทรามสุดๆ
และนั้นเพียงแค่ส่วนหนึ่งที่เล็กน้อยหมายถึงน้อยแบบน้อยจริงๆ นะ
เอาจริงนะหลายผู้เล่นหลายคนอยากจะฆ่าเธอสุดๆ (แม้จะเป็นไปไม่ได้ก็ตามก็เถอะ)
ก็ไม่ค่อยแปลกหรอกที่จะฆ่ามันได้ง่ายๆ อยู่แล้วละ
“เน่…เจ้าคิดเรื่องอื่นอีกแล้วนิ…”
“ไม่ใข่ขอรับ จริงๆ นั้นมันเพียง-“
“ไม่ต้องแก้ตัวหรอกเจ้าน่ะ เจ้าคิดจริงรึว่าเจ้าสามารถหลอกข้าได้น่ะ แม้ข้าทำได้เพียงมองหน้าเจ้าผ่านหน้ากากที่เจ้าใส่อยู่ ข้าก็พอรู้ว่าเจ้ากำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ แค่ดูจากท่าทางของเจ้าก็พอรู้แล้วน่ะ เจ้าน่ะดูใจลอยแปลกๆ จริงๆ เจ้าควรตื่นเต้นที่จะไปเมืองหลวงไม่ใช่รึ? งั้นเช่นใดเจ้าถึงดูไม่ตื่นเต้นเช่นนั้น? หรือเจ้าเคลียดอะไรอยู่รึ?”
เจ้าหญิงกอริลลาทำหน้าแบบว่าเจ้าดูแปลกๆ นะอะไรประมาณนั้น
ก็นะปกติคนที่ตื่นเต้นที่จะได้อยู่ในเมืองหลวงนั้นก็ค่อนข้างหายากอยู่
และก็คนที่อาจซึมๆ ที่ตัวเองกำลังจะเมืองหลวงก็ไม่ได้แปลกด้วย
แต่ในช่วงนี้เป็นปีที่พวกโยวไคมันคลั่งไรก็ไม่รู้เหมือนกัน
ดังนั้นในตอนนี้เมืองหลวงนั้นปลอดภัยที่สุดแล้วละ
“เจ้าดูไม่ค่อยดีเลยนะ? หรือว่าที่เจ้าเป็นแบบนี้เพราะอยู่กับข้าหรือ?”
“ไม่มีทางหรอกขอรับ ข้าจะคิดเช่นนั้นได้อย่างไร?”
“งั้นทำไมเจ้าถึงดูเคร่งเคลียดเช่นนี้ละ?”
“จริงๆ แล้วมันเป็นเพียง…”
ผมนั้นไม่ใช่คนที่ฉลาดสะเท่าไหร่
ผมแม้จะสามารถคาดเดาว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปหรือสามารถวางแผนไว้ก่อนหน้าได้
แต่พอแผนนั้นไม่ตามที่คิดไว้ก็ไม่สามารถทำอะไรได้อย่างเต็มที่เลย
ผมนั้นเงียบอยู่ชั่วครู่
“…”
“งั้นรึ…เจ้าจะไม่ยอมบอกข้างั้นสิ?”
ผมได้แต่นิ่งเงียบเจ้าหญิงก็พึมพำขึ้น
ก็นะเธอก็ไม่ได้พูดอะไรผิดไป
ก็นะพวกกอลิลาถือว่าเป็นผู้ฉลาดในป่าละนะ
ช่วยไม่ได้จริงๆ นั้นแหละ
“ไม่ขอรับ ข้าไม่มีเจตนาที่จะเก็บความลับจากท่านแม้แต่น้อย”
“ข้าไม่ต้องการคำแก้ตัวหรือคำยื่นยอหรอก ข้าเห็นมันตลอดเวลาอยู่แล้ว…”
เธอได้ถอนหายใจออกมาและโบกนิ้วเธอไปด้วย
ขอบเสื้อคลุมบนพื้นห้องถูกยกขึ้นกลางอากาศและลงมาตรงตำแหน่งที่เธอนั่งอยู่พอดี
เด็กสาวได้ทำการพัดลมให้ตัวเองต่อ
“ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ได้รับการศึกษาที่มากพอ แต่ข้ารู้นะว่าเจ้าไม่ใช้คนโง่เขลา เจ้าคงมีเหตุผลที่เจ้าไม่สามารถกล่าวมันออกมาได้ใช่หรือไม่?”
“เป็นเช่นนั้นขอรับ มีเรื่องที่ข้ากำลังคิดพิจารณาว่าสิ่งนั้นจะเป็นประโยชน์ต่อตระกูลและท่านขอรับ แต่ข้าในตอนนี้ขออภัยที่ข้ายังไม่สามารถตัดสินใจในตอนนี้ขอรับ”
ผมได้ศีรษะลงด้วยความเคารพและขอวิงวอนต่อเธอ
ผมคงโกหกเธอไม่ได้จริงๆ สินะ
เจ้ากอลิล่าตัวนี้ต้องไม่พอใจแน่ถ้าเกิดสิ่งที่ผมพูดนั้นเป็นเรื่องโกหก
ก็นะ ประสาทสัมผัสที่ 6 ของเหล่าผู้ปัดเป่าล้อเล่นไม่ได้จริงๆ
เธอสามารถตรวจจับการโกหกของผมได้จากเพียงจากความรู้สึกที่ตัวเองรู้สึกไม่สบายใจเพียงเท่านั้นเอง
และมันจะอันตรายถ้าเกิดโกหกกอลิล่าน่ะ…
ดังนั้นผมจึงไม่ควรที่จะพยายามโกหกต่อหน้าเธอไงละ
แล้วอีกอย่างตระกูลคิซึกิหรือกอลิล่าก็ไม่มีทางที่จะปล่อยให้นางจิ้งจอกนั้นเคลื่อนไหวตามใจชอบหรือปล่อยให้แข็งแกร่งขึ้นอยู่แล้ว
โดยเฉพาะท่านหญิงกอลิล่าเลย
ท่านคงไม่อยากเสียฮีโร่คนโปรดของคุณใช่ไหมละ?
“ข้าเข้าใจแล้ว”
แม้ท่านหญิงกอลิล่าของเราจะพูดเข้าใจแต่ก็มีความไม่พอใจปนอยู่นิดหน่อยด้วย
จากนั้นเธอก็ได้พูดต่อ
“แล้ว…เจ้าต้องการอะไรจากข้ารึ? แม้จะเป็นคำขอที่ดูไร้ข้อพิสูจน์และไม่ค่อยน่าเชื่อถือเช่นนี้ก็ตาม”
“เมื่อใดที่ข้าได้รับมอบหมายข้าจะทำให้ดีที่สุดขอรับ ดังนั้นข้าขอเพียงแค่ขอการมีอิสระตอนเวลาว่างขอรับ”
ตระกูลคิซึกิรู้ว่ามันคงแถบเป็นไปไม่ได้ที่จะต้องทำงานตลอดเวลาภายใน 6 เดือน ดังนั้นพวกเขาจึงจัดวันหยุดและเวลาว่างให้พักผ่อน
แม้จะบอกว่ามีเวลาว่างก็เถอะแต่ก็ไม่ได้อิสระมากมายที่จะให้ทำอะไรมากอยู่ดี
ถ้าเกิดเหล่าข้ารับใช้เคลื่อนไหวมากเกินไปนิดหน่อยตระกูลคิซึกิอาจสงสัยและระวังก็ได้
นั้นแหละว่าทำไมผมควรที่จะขออนุญาติจากเธอถ้าผมต้องการเคลื่อนไหวใดๆ อย่างอิสระไงละ
“นั้นน่ะเป็นคำขอที่กล้าดีพอตัวเลยนี้เจ้าน่ะ? เจ้ายังให้ข้าอนุญาติใช่หรือไม่? ฮืม~~~?”
เธอได้กระซิบใส่ผมโดยน้ำเสียงที่หยิ่งยโส
แต่ก็นะแม้เธอจะถูกเรียกว่ากอลิล่าก็ตาม เธอก็พอรู้ว่าสิ่งที่ผมพูดไม่ได้โกหกแน่ๆ
อีกอย่างถ้าเกิดอะไรเกิดขึ้นแค่จัดการกับข้ารับใช้เพียงคนเดียวก็ได้มันไม่ไช่เรื่องลำบากใดๆ เลยสำหรับเธอ
แล้วอีกอย่างผมรู้ว่าเธอนั้นชอบอะไรแบบนี้เพราะเธอนั้นคงมีเวลาว่างเยอะจนเบื่อไม่มีอะไรทำอีกด้วย
และถ้าสิ่งที่ผมคาดเดาถูกการพนันนี้น่ะ ผมชนะแล้วไงล่ะ(ผู้แปล nah i’d win)
“ข้าตกลงสิ่งที่เจ้าเสนอ เมื่อเจ้าทำสิ่งที่เจ้าคิดว่าเป็นประโนชน์นั้นสำเร็จแล้วละก็จงส่งสิ่งนั้นมาให้ข้า เข้าใจหรือไม่?”
ประโยคแบบนี้คุ้นหูสุดๆ เลย
ถ้าจำไม่ผิดตอนที่พระเอกขอความช่วยเหลือจากเธอ เธอก็พูดแบบเดียวกันที่พูดกับผม
“ตามที่ท่านประสงค์ขอรับ”
ข้าก้มศีรษะอีกครั้งอย่างลึกซึ้งและรู้สึกขอบคุณ
แม้เงื่อนไขผมจะเสียเปรียบไปก็ตาม แต่การที่เธอตอบรับคำขอของผมนั้นจะช่วยชีวิตได้อีกหลายคนแน่นอน และสามารถหลีกเลี่ยง bad ending อีกหลายแบบของพระเอกอีกด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น…โอกาสรอดชีวิตผมก็มากขึ้น…และมันต้องมากขึ้นกว่านี้ให้ได้
“เจ้าหญิงขอรับพวกเราได้มาถึงที่หมายแล้วขอรับ และพวกเรากำลังเตรียมตัวสำหรับการมาถึงที่หมายของท่านขอรับ”
ทันทีที่ผมแสดงความขอบคุณต่อเธอไป ผู้รายงานได้กล่าวรายงานเกี่ยวกับการถึงที่หมายของขบวน
ผมมองเขาผ่านหน้ากากของผม
และกอริลลาก็ยักไหล่และโบกพัดแสดงความเห็นชอบ
หลังจากที่ผมก้มศีรษะแล้ว ผมได้ก้าวลงจากม่านบังตาของเกวียน
จากนั้นผมก็ได้มองสิ่งที่สะท้อนไปในดวงตาของผม
มันคือประตูปราสาทที่งดงาม ประตูไม้ที่แยกทุ่งนาที่เขียวขจีซึ่งจะเปลี่ยนเป็นสีทองในฤดูใบไม้ร่วง มีวัวหลายตัว เกวียน และคนเดินเท้าเรียงรายเป็นแถวยาวไปยังประตู ซึ่งได้รับการควบคุมโดยยามของเมือง ประตูเองก็เป็นประตูป้อมปราการที่มีชั้นป้องกันหลายชั้น
ฝูงชนที่ได้เห็นขบวนได้แยกหลีกทางให้ขบวนได้เข้าไปดั่งคลื่นที่ถูกแยก
จากนั้นเกวียนวัวลากของตระกูลคิซึกิและขบวนคนมุ่งหน้าไปยังประตูตามปกติ
แล้วก็ปกติตระกูลผู้ปัดเป่าจะไม่ใช้ประตูร่วมกันกับเหล่าพ่อค้าและคนที่อพยพมา
ผมก็ทำเช่นเดียวกัน
ผมอยู่ยืนเฝ้าข้างๆ เกวียนและเดินตามขบวน
“เอาล่ะ…มันถึงแล้วสินะ…? งั้นได้เวลาเริ่มแล้วสิ”
ผมได้เตรียมพร้อมอย่างเต็มที่แม้ว่ามันจะอันตรายก็ตาม แต่ถ้าเกิดสิ่งที่ผมได้มันคุ้มค่าละก็ผมก็จะทำอย่างเต็มที่เลยละ
ผมได้เรียงช่วงเวลาต่างๆ ของสิ่งที่จะเกิดขึ้นและจัดอันดับสิ่งที่สำคัญที่ควรทำก่อน
ผมรู่้อยู่แล้วผมจะต้องทำอะไรต่อ วิธีการที่ทำให้เจ้าหมาจิ้งจอกนั้นไม่สามารถแข็งแกร่งมากขึ้นกว่านี้อีก…หยุดการเต้นรำโศกนาฏกรรมกัดกินแห่งสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าในนอกเมืองไงละ
และการช่วยเหลืออดีตหัวหน้าหอพักโอเมียวอย่าง อาสึมะ ฮิบาริ (吾妻雲雀) จากการถูกกลืนกินโดยที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลยเพราะตัวประกัน