เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน 355 ข้าหลี่ซิวหยวนมิใช่คนไร ้ประโยชน์อีกแล้ว

ตอนที่ 355 ข้าหลี่ซิวหยวนมิใช่คนไร ้ประโยชน์อีกแล้ว

‘เข้าใจแล้วงั้นหรือ ? ’

 

‘แล้วเจ้าเข้าใจว่าเยี่ยงไร ? ’

 

‘คงมิใช่คาพูดที่ข้าแต่งขึ้นมามั่วซั่วเมื่อครู่นี้หรอกกระมัง ? ’

 

‘มิใช่หรอกกระมัง ! ’

 

‘ศิษย์น้องเย่ เจ้าจะมาล้อศิษย์พี่เล่นเยี่ยงนี้มิได้นะ ! ’

 

‘แม้ตอนนี้รากวิญญาณของข้าจะเกิดการพัฒนาแล้ว แต่ต้อง ยอมรับว่าเมื่อเทียบกับคุณสมบัติของเจ้าแล้ว ข้ายังต่างกับเจ้าอยู่ มากราวฟ้ ากับดิน’

 

‘อีกทั้งคาพูดที่ว่า ทุกสิ่งที่คิดล้วนเป็ นวิถีกระบี่’

 

‘คาพูดที่คุยโว้เช่นนี้ ข้าก็กล้าพูดต่อหน้าเจ้าแค่เพียงคนเดียว เท่านั้น’

 

‘ถ้าหากเป็ นคนอื่น ต่อให้เจ้าตีข้าให้ตาย ข้าคงมิกล้าเอ่ยเช่นนี้ ออกมาแน่ ! ’

 

‘หรือบางทีหากข้าพูดไปแล้ว อาจถูกคนอื่นตีจนตายก็เป็ นได้ ! ’

 

ทว่าแม้จะเป็ นเช่นนั้น หลี่ซิวหยวนกลับเอาแต่นิ่งงัน ใบหน้ายังคง เรียบนิ่งเช่นเคย

 

ถึงแม้ตอนนี้รากวิญญาณของเขาจะได้มีการเปลี่ยนไปเป็ นราก วิญญาณธาตุทองขั้นกลางแล้ว

 

แต่ต่อหน้าศิษย์น้องเย่ผู้นี้ คุณสมบัติการฝึกเซียนของเขาก็ยังคง ด้อยกว่าอยู่ดี

 

ด้วยพรสวรรค์ที่ศิษย์น้องเย่แสดงออกมาในตอนนี้ ก็เพียงพอที่ นิกายกระบี่สวรรค์จะให้ความสาคัญกับสานักชิงหยาง และส่งผลต่อ อนาคตของทั้งสานักแล้ว

 

ส่วนคุณสมบัติในการฝึกเซียนของเขาในตอนนี้ เรียกได้ว่ายังมิ สามารถใช ้ปกป้ องสานักชิงหยางได้เลยด้วยซ้า

 

เช่นนั้นหากเขาเผยพิรุธอะไรออกมา ทาให้ศิษย์น้องเย่สงสัยใน ส านักชิงหยางล่ะก็

 

เขาคงมิรอดจากการถูกไล่ออกจากส านักอย่างแน่นอน

 

คิดได้เช่นนั้น

 

“ศิษย์น้องเย่ เจ้านี่มิเลวเลย”

 

หลี่ซิวหยวนพยักหน้าให้ พร ้อมเอ่ยต่ออีกว่า “ทว่าแม้เจ้าจะเกิด การรู ้แจ้งในวิถีกระบี่ขึ้นบ้างแล้ว แต่เยี่ยงไรเสียก็ต้องเริ่มจากสิ่งที่เป็ น

 

พื้นฐานอย่างการค้นหาลมปราณ กาหนดปราณในร่างกาย เสริมสร ้างปราณให้แข็งแกร่ง ดั่งคากล่าวที่ว่าหนทางหมื่นลี้ เริ่มต้นที่ ก้าวแรก”

 

เย่ฉางชิงชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วย

 

‘ศิษย์พี่ใหญ่พูดได้มีเหตุผลจริง ๆ ’

 

‘แม้ข้าจะรู ้แจ้งภาพเทพปีศาจโบราณ และภาพกระบี่ไร ้สิ้นสุดบน แผ่นหินติดต่อกัน แต่เยี่ยงไรเสียก็ยังมิได้เริ่มบาเพ็ญเพียร’

 

‘มิมีการหนุ นนาของตบะบารมีอันลึกล้า ต่อให้ข้าจะรู ้แจ้ง มากกว่านี้ ก็ยังคงเป็ นเพียงแค่ดวงจันทร ์ในน้า มิมีวันที่จะสามารถจับ ต้องได้จริง ๆ ’

 

ตอนนั้นเองหลี่ซิวหยวนก็เพ่งสมาธิ หยิบคู่มือเล่มหนึ่งออกมา จากแหวนเก็บสมบัติและส่งให้กับเย่ฉางชิง

 

“ศิษย์น้องเย่ ตาราโบราณเล่มนี้เป็ นคู่มือที่จาเป็ นในการเริ่มต้น การบ าเพ็ญเพียร ภายในจะแบ่งออกเป็ นเนื้อหาการแนะนาลมปราณ การกาหนดปราณในร่างกายขั้นพื้นฐานที่สุด รวมทั้งวิธีเสริมสร ้าง ปราณให้แข็งแกร่ง”

 

หลี่ซิวหยวนเอ่ยต่อด้วยน้าเสียงจริงจังอีกว่า “เมื่อเจ้าสามารถ ควบคุมสิ่งสาคัญในการบาเพ็ญเพียรเหล่านี้ได้แล้ว ก็จะสามารถเริ่ม ฝึกเคล็ดวิชาไร ้เทียมทาน ที่เจ้าเกิดการรู ้แจ้งมาได้ทันที”

 

“เช่นนี้ก็หมายความเจ้าได้ก้าวเข้าสู่เส้นทางในการบาเพ็ญเพียร อย่างเต็มตัวแล้ว”

 

เย่ฉางชิงรับคู่มือมาจากหลี่ซิวหยวนด้วยความยินดี จากนั้นก็ คารวะให้เขาอีกครั้ง พร ้อมเอ่ยว่า “ศิษย์พี่ใหญ่ ถ้าเช่นนั้นข้าขอเริ่ม ศึกษาเลยนะขอรับ”

 

“อืม เจ้าเริ่มเถอะ”

 

หลี่ซิวหยวนพยักหน้า “ข้าจะอยู่ที่เขาด้านหลังสักพัก รอจนเจ้า ค้นหาลมปราณของตัวเองเจอแล้ว ข้าค่อยกลับไป”

 

จากนั้นเย่ฉางชิงจึงได้หาพื้นที่โล่ง ๆ ก่อนจะนั่งขัดสมาธิลงบน พื้น

 

เริ่มแรกเขาใช ้เวลาถึงครึ่งชั่วยาม ในการศึกษาตาราคู่มือที่หลี่ ซิวหยวนมอบให้อย่างละเอียด

 

ต่อจากนั้นเขาก็ค่อย ๆ หลับตาลง มือทั้งสองข้างวางทับกันอยู่ ตรงหน้า และเริ่มค้นหาลมปราณอย่างตั้งใจ

 

สิ่งที่เรียกว่าลมปราณ

 

ตามความหมายในคู่มือบอกเอาไว้ว่า

 

หลังจากทุกสรรพสิ่งได้ช่วงชิงแก่นแท้ของฟ้ าดิน ก็จะแผ่ปราณ วิญญาณออกมา

 

อีกทั้งสรรพสิ่งนั้นยังมีธาตุที่หลากหลาย เช่นนั้นจึงได้ปล่อย ปราณวิญญาณที่มีธาตุแตกต่างกันออกมา

 

ส่วนรากวิญญาณภายในกายของผู้บ าเพ็ญเพียรจะแบ่งตาม ระดับคุณภาพ และตามชนิดของธาตุต่าง ๆ

 

เช่นนั้นการค้นหาลมปราณก็คือการที่ผู้บาเพ็ญเพียรจะต้องทา การเพ่งสมาธิ เพื่อพิจารณาและรับรู ้ถึงการมีอยู่ของปราณวิญญาณ ธาตุของตน

 

ขั้นตอนนี้แม้จะมิได้ยากเท่าไรนัก ทว่าก็มิได้ง่ายอย่างที่คิด

 

บางคนใช ้เวลาเพียงแค่ครึ่งเดือนก็สามารถหาลมปราณเจอ ทว่า บางคนอาจต้องใช ้เวลาหลายเดือนจึงสามารถหาลมปราณของตน เจอ

 

ส่วนในขั้นตอนต่อมาเรื่องการกาหนดปราณในร่างกาย และ เสริมสร ้างปราณให้แข็งแกร่งนั้น

 

ก็ใช ้หลักการเดียวกันกับการค้นหาลมปราณ

 

เมื่อค้นหาปราณวิญญาณที่สอดคล้องกับรากวิญญาณภายใน ร่างของตนเจอแล้ว ร่างกายก็จะมีการขานรับปราณวิญญาณนั้น ๆ และดึงดูดเข้ามา

 

สิ่งนี้เรียกว่าการกาหนดปราณในร่างกาย

 

ส่วนการเสริมสร ้างปราณให้แข็งแกร่งนั้น คือการขัดเกลาปราณ วิญญาณที่เข้าสู่ร่างกาย ให้แปรเปลี่ยนเป็ นพลังวิญญาณนั่นเอง

 

ช่วงเวลานี้จะต้องอาศัยการเดินลมปราณของแต่ละเคล็ดวิชา เพื่อหล่อเลี้ยงรากวิญญาณและกายเนื้ออย่างต่อเนื่อง เพื่อทาให้ระดับ ของตนเกิดการพัฒนาขึ้น

 

และในขั้นตอนนี้ต่อให้เป็ นอัจฉริยะในการฝึกเซียนที่เก่งกาจมาก เพียงใด ก็ต้องใช ้เวลาอย่างน้อยประมาณหนึ่งเดือน

 

เย่ฉางชิงนั่งสมาธิอยู่เยี่ยงนั้น ตาทั้งสองข้างปิดสนิท เพ่งสมาธิ รับรู ้การเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ของปราณวิญญาณฟ้ าดินรอบ ๆ อย่าง ต่อเนื่อง

 

ควบคู่ไปกับการสังเกตการเปลี่ยนแปลงรากวิญญาณของตน

 

จนเวลาผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วยาม

 

เย่ฉางชิงเหมือนสัมผัสได้ถึงบางอย่าง ทว่ากลับอดมิได้ที่จะ ขมวดคิ้วขึ้นมาน้อย ๆ

 

ภายในระยะเวลาแค่หนึ่งชั่วยาม

 

หลังจากที่เขาได้พิจารณาและรับรู ้ถึงการมีอยู่ของปราณ วิญญาณซ้าไปซ้ามาเช่นนั้น ในที่สุดเขาก็เหมือนจะสัมผัสได้ ถึงการ เปลี่ยนแปลงของปราณวิญญาณฟ้ าดินรอบ ๆ ตัวแล้ว

 

มิใช่สิ !

 

พูดให้ถูกก็คือ

 

เป็ นความรู ้สึกที่คุ้นเคยอย่างมากรูปแบบหนึ่ง

 

แต่สิ่งที่เขามิเข้าใจก็คือ

 

ตามค าแนะน าบนคู่มือ

 

เนื่องจากธาตุของรากวิญญาณแต่ละชนิดนั้นมิเหมือนกัน เช่นนั้นธาตุของปราณวิญญาณสัมผัสได้ก็จะต้องมีเพียงธาตุเดียว

 

ทว่าเย่ฉางชิงกับพบสิ่งที่น่าประหลาดใจ เมื่อปราณวิญญาณ ธาตุต่าง ๆ โดยรอบล้วนสื่อถึงเขาได้ทั้งสิ้น

 

‘นี่มันเรื่องอะไรกัน ! ’

 

‘หรือว่ารากวิญญาณของข้าจะมีหลายธาตุ ถึงสามารถสื่อกับ ปราณวิญญาณธาตุต่าง ๆ รอบตัวได้ทั้งหมด ? ’

 

‘มิใช่ ! ’

 

‘มิน่าใช่ ! ’

 

‘จะมีรากวิญญาณเช่นนี้ได้เยี่ยงไรกัน ! ’

 

คิดได้เช่นนั้น เย่ฉางชิงก็จาต้องหยุดลง ก่อนจะค่อย ๆ ลืมตาขึ้น

 

ในเมื่อบนคู่มือมิได้มีการกล่าวถึงสถานการณ์เช่นนี้ไว้ เห็นทีคง ทาได้เพียงขอคาชี้แนะจากศิษย์พี่ใหญ่อีกสักครั้ง

 

“ศิษย์พี่ใหญ่ ข้า… เหมือนจะสามารถสัมผัสได้ถึงปราณ วิญญาณของทุกธาตุเลยขอรับ”

 

เย่ฉางชิงหันไปมองหลี่ซิวหยวน พลางเอ่ยขึ้นมา

 

ได้ยินเช่นนั้น หลี่ซิวหยวนก็ส่ายหน้ายิ้ม ๆ พลางเอ่ยอย่างใจเย็น ว่า “ศิษย์น้องเย่ แม้คุณสมบัติของเจ้าจะน่าตกใจเพียงใด ทว่าการ ค้นหาลมปราณนั้นใช่ว่าจะหาได้ง่ายดายอย่างที่คิดไม่ อาจจะต้องใช่ เวลาอีกหลายวัน เช่นนั้นเจ้ามิต้องใจร ้อนไปหรอก”

 

เวลานี้หลี่ซิวหยวนสามารถปรับตัวเวลาอยู่ต่อหน้าศิษย์น้องเย่ผู้ นี้ได้แล้ว

 

ยังมิทันเริ่มบาเพ็ญเพียรก็เกิดการรู ้แจ้งในภาพเทพปีศาจโบราณ และแผ่นหินรูปทรงกระบี่ที่สืบทอดกันมายาวนาน ที่ยังมิเคยมีผู้ใด สามารถรู ้แจ้งได้มาก่อน แม้จะเป็ นเรื่องที่น่าตกใจ

 

แต่การจะหาลมปราณนั้น เยี่ยงไรเสียก็ต้องใช ้เวลาหลายวัน

 

และนี่ก็คือเหตุผลที่หลี่ซิวหยวนยังมิไปไหน

 

แม้รากวิญญาณของเขาจะเกิดการพัฒนาแล้ว

 

จนอยากจะวิ่งกลับไปที่สานักชิงหยาง เพื่ออวดสิ่งนี้กับอาจารย์ และศิษย์น้องคนที่ชอบดูถูกเขาเสียให้เข็ด

 

ทว่าศิษย์น้องเย่ผู้นี้กลับเก่งเกินไป

 

และหากตอนที่เขาจากไป คนผู้นี้กลับค้นหาลมปราณเจอ และ ก าหนดปราณในร่างกาย จนถึงเสริมสร ้างปราณให้แข็งแกร่งได้อย่าง รวดเร็วเล่า

 

ถึงตอนนั้นคงเลี่ยงมิได้ที่จะต้องถูกตาหนิเป็ นแน่

 

แต่ตอนนี้เท่าที่ดูแล้ว เขายังพอมีเวลากลับไปคุยโวโอ้อวดก่อน ได้สินะ

 

“ศิษย์พี่ใหญ่ ข้าทราบแล้ว เป็ นข้าที่ใจร ้อนเกินไป”

 

เอ่ยจบเย่ฉางชิงก็มิได้เอ่ยสิ่งใดอีก ก่อนจะหลับตาลงสัมผัสถึง การเปลี่ยนแปลงของปราณวิญญาณธาตุต่าง ๆ โดยรอบอย่าง ละเอียดอีกครั้ง

 

ศิษย์พี่ใหญ่เก่งกาจเพียงใดนั้น

 

เขาย่อมรู ้ดี ในเมื่อศิษย์พี่ใหญ่พูดมาเช่นนี้ เขาย่อมเชื่อฟังอย่าง มิมีข้อสงสัย

 

ขณะเดียวกัน หลี่ซิวหยวนก็ได้ลุกขึ้นยืน ดวงตาคู่นั้นพลันเปล่ง ประกายระยิบระยับออกมาทันที

 

‘อาจารย์ ! ’

 

‘ศิษย์น้องทั้งหลาย ! ’

 

‘นับแต่นี้ต่อไป ข้าหลี่ซิวหยวนมิใช่คนไร ้ประโยชน์อีกต่อไปแล้ว ! ’

เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน

เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน

Score 10
Status: Completed

Options

not work with dark mode
Reset