‘ศิษย์น้องเล็ก ! ’
‘นี่เจ้ากาลังทาให้ศิษย์พี่อย่างข้ารู ้สึกอับอายเยี่ยงนั้นหรือ ? ’
‘เพราะที่ผ่านมายังมิเคยมีผู้ใดสามารถรู ้แจ้งในภาพเทพปีศาจ โบราณมาก่อน ตอนนั้นข้าถึงกับโดนอาจารย์ตีจนเกือบตายมาแล้ว นะ’
‘แต่เป็ นเพราะเจ้าสามารถรู ้แจ้งภาพเทพปีศาจโบราณได้ ท าให้ เมื่อคืนนี้ข้าจึงคลายปมฝังใจและล้างมลทินให้ตัวเองได้ ! ’
‘หากมิใช่เพราะเกี่ยวพันถึงอนาคตของสานักชิงหยาง เรื่องบาง เรื่องข้าก็มิอยากปิดบังเจ้าเลยจริง ๆ ’
‘จริงสิ ! ’
‘เมื่อรู ้แจ้งภาพเทพปีศาจโบราณจะสามารถได้รับสุดยอดเคล็ด วิชาจริง ๆ ด้วย’
หลังจากนิ่งเงียบอยู่สักพัก
“ศิษย์น้องเย่ เนื่องจากคุณสมบัติแต่ละคนนั้นแตกต่างกัน เช่นนั้นเคล็ดวิชาที่ได้มาจากภาพเทพปี ศาจโบราณก็จะต่างกัน ออกไป”
ดวงตาของหลี่ซิวหยวนมีเลศนัยบางอย่างพาดผ่าน ก่อนเอ่ย อย่างใจเย็นว่า “เมื่อคืนท้องฟ้ าปรากฏนิมิตขึ้น เจ้าคงรู ้แจ้งภาพเทพ ปีศาจโบราณได้สาเร็จแล้ว มิรู ้ว่าเจ้ารู ้แจ้งเคล็ดวิชาระดับใดเยี่ยงนั้น หรือ ? ”
เย่ฉางชิงเอ่ยอย่างเจียมเนื้อเจียมตัวว่า “เรียนศิษย์พี่ใหญ่ ภาพ เทพปีศาจโบราณบอกว่า ข้าได้รู ้แจ้งวิธีการบ าเพ็ญเพียรเทพปีศาจ โบราณขั้นสูงสุด ข้าคงโชคดีไปหน่อยถึงได้รู ้แจ้งเคล็ดเทพปี ศาจ โบราณขอรับ”
“สูด ! ”
‘เคล็ดเทพปีศาจโบราณ ? ’
‘คนโบราณกล่าวเอาไว้ถูกต้องแล้ว ! ’
‘สามารถรู ้แจ้งเคล็ดวิชาที่ไร ้เทียมทานในตานาน จากภาพเทพ ปีศาจโบราณได้จริง ๆ ด้วย ! ’
‘น่าเสียดายที่ข้าหลี่ซิวหยวนมีคุณสมบัติต่าต้อยเกินไป แม้จะ เฝ้ ามองมาหลายปีแต่กลับมิรู ้สึกถึงอะไรเลย ! ’
‘น่าอิจฉายิ่งนัก ! ’
‘อิจฉาจริง ๆ ! ’
‘เกลียดความรู ้สึกนี้จริง ๆ ! ’
ทันใดนั้น จิตใจของหลี่ซิวหยวนพลันว้าวุ่นไปหมด
แม้ตบะบารมีจะยังมิก้าวหน้าไปไหน แต่หลายปีมานี้ระดับจิตใจ ของเขากลับมีการพัฒนาขึ้นหลายครั้ง
มิเช่นนั้นเกรงว่าตอนนี้เขาคงจะเสียสติ เพราะความอิจฉาริษยา ไปแล้ว
หลังจากนิ่งเงียบไปสักพัก หลี่ซิวหยวนก็เอ่ยออกมาอย่าง พยายามสงบสติอารมณ์อย่างมากว่า “ศิษย์น้องเย่ ในเมื่อเจ้าได้รู ้แจ้ง สุดยอดเคล็ดวิชาอย่างเคล็ดเทพปีศาจโบราณแล้ว นับแต่วันนี้ไปเจ้า ก็จงฝึกเคล็ดเทพปีศาจโบราณเถอะ”
“ศิษย์พี่ใหญ่ คิดว่าท่านก็คงจะทราบดีว่าเคล็ดเทพปีศาจโบราณ นี้หากฝึกแล้ว ภายภาคหน้าจะมิสามารถฝึกเคล็ดวิชาอื่นได้อีก”
เย่ฉางชิงยังได้เอ่ยต่ออีกว่า “โดยเฉพาะช่วงต้นของการฝึ ก จะต้องทาการเปิดจุดเซินฉางภายในร่างกายทั้งหกตาแหน่งเสียก่อน ความอันตรายของมันคิดว่าศิษย์พี่ใหญ่คงทราบดีกระมัง”
‘หืม ? ’
‘หากฝึกแล้วจะมิสามารถฝึกเคล็ดวิชาอื่นได้อีก ! ’
‘ก็หมายความว่าหากฝึกสุดยอดเคล็ดวิชานี้แล้ว ก็จะต้องเดินไป จนสุดทาง’
‘ยังมีจุดเซินฉางอะไรนั่นด้วยเยี่ยงนั้นหรือ ! ’
‘แค่ฟังก็ดูสุดยอดแล้ว’
‘แต่สุดยอดเคล็ดวิชาเช่นนี้จะมีอันตรายอะไรได้กัน ? ’
‘ศิษย์น้องเย่ผู้นี้ดูขี้กลัวเกินไปหน่อยกระมัง’
คิดได้เช่นนั้น หลี่ซิวหยวนก็ได้เอ่ยออกมาอย่างมั่นใจว่า “ศิษย์ น้องเล็ก การบาเพ็ญเพียรนั้นเดิมทีก็มิต่างอะไรกับการช่วงชิงวาสนา กับฟ้ าดิน ฉะนั้นย่อมเลี่ยงอันตรายมิได้”
“เช่นนั้นก่อนที่เจ้าจะทาการบาเพ็ญเพียรก็ควรที่จะเตรียมใจให้ พร ้อม อีกทั้งภาพเทพปีศาจโบราณนี้มีความเป็ นมาที่ยิ่งใหญ่ การที่ เจ้าสามารถรู ้แจ้งสุดยอดเคล็ดวิชาจากภาพนั้นได้ ก็ถือเป็ นโอกาส และวาสนาของเจ้า ฉะนั้นเจ้ามิควรรู ้สึกลังเลเช่นนี้อีก”
ได้ยินเช่นนั้น เย่ฉางชิงพลันรู ้สึกราวกับตะวันฉายแสงปัดเป่ าหมู่ เมฆอันมืดครึ้มในใจให้คลายลง
“ขอบคุณศิษย์พี่ใหญ่ที่ช่วยไขความกระจ่าง ข้าเข้าใจแล้ว ขอรับ”
เย่ฉางชิงคารวะน้อย ๆ อีกครั้ง พลางเอ่ยอย่างจริงใจ
หลี่ซิวหยวนพยักหน้ารับ ก่อนจะโบกมือไปมาพลางเอ่ยว่า “ศิษย์ น้องเล็ก ตอนนี้ก็สายมากแล้ว พวกเราไปที่ด้านหลังเขากันเถอะ”
จากนั้นหลี่ซิวหยวนก็เดินนาทางไปอย่างคุ้นเคย
จนเวลาผ่านไปประมาณครึ่งชั่วยาม
ในที่สุดทั้งสองคนก็มาถึงยังภูเขาด้านหลังของสานักชิงหยาง
ที่นี่มีเมฆหมอกบดบัง มีทิวเขาที่ทอดยาว ต้นไม้เก่าแก่เขียวชอุ่ม เป็ นบรรยากาศที่ให้ความรู ้สึกสดชื่นและสงบยิ่งนัก
และที่เชิงเขาด้านหนึ่งก็มีถ้าธรรมชาติถ้าหนึ่งตั้งอยู่
ด้านหน้าถ้ามีแผ่นหินโบราณสูงถึง 7 เมตรตั้งตระหง่านอยู่
มิใช่สิ !
พูดให้ถูกก็คือ
นี่คงเป็ นแผ่นหินรูปทรงกระบี่กระมัง
แต่เนื่องจากผ่านร ้อนผ่านหนาวมาอย่างยาวนาน ทาให้แผ่นหิน รูปทรงกระบี่แผ่นนี้ผุกร่อนจนไร ้ขอบและมุม
ทว่าประวัติความเป็ นมาของแผ่นหินรูปทรงกระบี่แผ่นนี้กลับมิ ธรรมดาเลย
กล่าวกันว่าเจ้าส านักคนแรกของส านักชิงหยาง บังเอิญเดิน ทางผ่านแม่น้าใหญ่สายหนึ่ง ระหว่างท่องเที่ยวหลิงโจว
ตอนนั้นจู่ ๆ ใจกลางของแม่น้าสายใหญ่ ก็มีไอกระบี่อันไร ้ที่ เปรียบพุ่งขึ้นมา
มินานก็มีแผ่นหินรูปทรงกระบี่ลึกลับแผ่นหนึ่งโผล่ขึ้นที่กลาง แม่น้า
เจ้าสานักคนแรกของสานักชิงหยางเห็นเช่นนั้น ก็ได้นาแผ่นหิน รูปทรงกระบี่ลึกลับแผ่นนี้กลับมาด้วย
ทว่าแม้แผ่นหินรูปทรงกระบี่ลึกลับแผ่นนี้จะมีความเป็ นมาที่ ยิ่งใหญ่ อีกทั้งเจ้าสานักคนแรกยังมั่นใจว่าบนแผ่นหินแผ่นนี้ จะต้องมี เคล็ดวิชาที่ไร ้เทียมทานของวิถีกระบี่แฝงอยู่ภายในเป็ นแน่
แต่จนถึงบัดนี้กลับยังมิมีผู้ใดสามารถเกิดความรู ้แจ้งใด ๆ จาก แผ่นหินรูปทรงกระบี่แผ่นนี้ได้แม้แต่คนเดียว
เช่นนั้นเมื่อเวลาล่วงเลยไป แผ่นหินรูปทรงกระบี่แผ่นนี้ จึงถูก ทอดทิ้งไว้ที่ด้านหลังเขา ถึงขนาดที่คนรุ่นหลังค่อย ๆ หลงลืมไป หมดแล้ว
ตอนนั้นเอง หลี่ซิวหยวนที่ยืนอยู่ที่ริมหน้าผาด้านหนึ่ง ก็ ทอดสายตามองออกไป พร ้อมกับเอ่ยขึ้นเรียบ ๆ ว่า
“ศิษย์น้องเล็ก เมื่อวานได้ยินอาจารย์บอกว่า เจ้ามุ่งมั่นที่จะ บาเพ็ญเพียรวิถีกระบี่ให้ได้ เช่นนั้นเจ้าคิดว่าวิถีกระบี่คือสิ่งใด ? ”
หลังเสียงนั้นเงียบลงไปพักใหญ่ เมื่อเห็นว่าศิษย์น้องเย่ผู้นี้มิได้ ตอบกลับใด ๆ หลี่ซิวหยวนจึงอดมิได้ที่จะขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนหัน ไปมอง
ทว่าวินาทีต่อมา เขากลับเริ่มมีสีหน้ามิสู้ดีขึ้นมาทันที
เมื่อเห็นเย่ฉางชิงเอาแต่จ้องเขม็งไปที่แผ่นหินรูปทรงกระบี่ ที่แม้ จะผุกร่อนจนเหลือแค่เพียงโครงร่างแผ่นนั้น
สิ่งที่น่าเหลือเชื่อที่สุดก็คือ
เย่ฉางชิงเหมือนกับตกอยู่ในภวังค์ของอะไรบางอย่าง
ยิ่งไปกว่านั้น จู่ ๆ แผ่นหินรูปทรงกระบี่ที่มีฝุ่ นปกคลุมหนาเตอะ มาเนิ่นนาน ก็ค่อย ๆ แผ่เจตจานงแห่งกระบี่อันไร ้รูปร่างออกมา
ร่างของเย่ฉางชิงก็เริ่มสั่นน้อย ๆ ก่อนจะแผ่เจตจานงแห่งกระบี่ อันบริสุทธิ์ออกมา
ถูกต้อง !
เป็ นเจตจานงแห่งกระบี่ !
‘นี่มัน ! ’
‘นี่มัน ! ’
‘นี่มัน ! ’
หลี่ซิวหยวนถึงกับหน้าถอดสีอีกครั้ง ท่าทางของเขาเต็มไปด้วย ความตื่นตระหนก
ภาพตรงหน้านี้คงมิต้องอธิบายอะไรให้มากความอีกกระมัง !
ใช่แล้ว !
แผ่นหินรูปทรงกระบี่ที่เจ้าสานักชิงหยางคนแรกให้ความส าคัญ อย่างมาก ทว่าต่อมากลับถูกทอดทิ้งเอาไว้ที่ด้านหลังเขาแผ่นนี้
ทว่าวันนี้กลับมีปฏิกิริยาบางอย่างกับศิษย์น้องเย่ผู้มาใหม่
นี่หมายความว่าศิษย์น้องเย่ผู้นี้มิเพียงเป็ นอัจฉริยะในการฝึ ก เซียน แต่ยังเป็ นอัจฉริยะในวิถีกระบี่อีกด้วย
แต่สิ่งที่น่าสงสัยมากที่สุดก็คือ
ศิษย์น้องเย่ผู้นี้ยังมิเคยบาเพ็ญเพียรมาก่อน แต่กลับสามารถเกิด ความเข้าใจถึงขั้นเจตจานงแห่งกระบี่ได้
ส่วนเขา หลี่ซิวหยวน นับตั้งแต่บาเพ็ญเพียรมา ก็บาเพ็ญเพียร วิถีกระบี่มาโดยตลอดด้วยความยากลาบาก แต่บัดนี้กลับยังคงชะงัก อยู่ที่ขั้นออกกระบวนท่ากระบี่เท่านั้น
คิดดูก็รู ้แล้วว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้านั้นกระทบกระเทือน จิตใจของศิษย์พี่ใหญ่อย่างหลี่ซิวหยวนมากเพียงใด
“อาจารย์ เมื่อคืนข้าปล่อยท่านไปคราหนึ่งแล้ว แต่เหตุใดท่านถึง ต้องให้ข้ามาสอนศิษย์น้องเย่บ าเพ็ญเพียรด้วย ? ”
ใบหน้าหลี่ซิวหยวนเต็มไปด้วยความเสียใจ พลางบ่นพึมพากับ ตัวเองว่า “ท่านตั้งใจแกล้งข้าใช่หรือไม่ ? ”
“หรือ… จะบอกว่าท่านตั้งใจดี คิดว่าศิษย์ยังขยันมิพอ จึงอยาก ใช ้ศิษย์น้องเย่มาช่วยกระตุ้นศิษย์ ให้ศิษย์รู ้สึกละอายใจและจะได้ขยัน ให้มากขึ้น”
“แต่อัจฉริยะอย่างศิษย์น้องเย่ มิใช่สิ อัจฉริยะที่ไร ้เทียมทาน ต่างหาก นอกจะมิช่วยกระตุ้นใด ๆ แล้ว นี่ยังเป็ นการตัดกาลังใจกัน ชัด ๆ ! ”
คิดได้เช่นนั้นขอบตาของหลี่ซิวหยวนก็เริ่มมีน้าตาเอ่อคลอ ขึ้นมา ก่อนจะหมุนกายจากไปอย่างรวดเร็ว
ความจริงแล้วภายในใจของหลี่ซิวหยวนในเวลานี้ กลับรู ้สึกสิ้น หวังเป็ นอย่างมาก
หากเขายังทนอยู่ที่นี่ต่อไป มองดูศิษย์น้องเย่รู ้แจ้งแผ่นหินรูปทรง กระบี่จนสาเร็จ มิแน่เขาอาจจะโดดหน้าผาลงไปเลยก็ได้
เทียบกันแล้วเขาช่างกระจอกงอกง่อยจริง ๆ !
นี่มันคือการเหยียบย่าและดูหมิ่นกันชัด ๆ
เขาตัดสินใจแล้วว่าจะกลับไปบอกอาจารย์ ว่าศิษย์น้องที่ชั่วร ้าย ผู้นี้ เขามิสอนเด็ดขาด !
จะฆ่าเขาให้ตายก็ได้ แต่เขาจะมิยอมรับความอัปยศเช่นนี้เป็ นอัน ขาด !