เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน 344 เยี่ยมจริง ๆ

ตอนที่ 344 เยี่ยมจริง ๆ

เพียงพริบตาเวลาสองชั่วยามก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ด้วยการนาทางที่คุ้นเคยของนักพรตชิงอวิ๋น

เขาและเย่ฉางชิงได้พากันเหาะมา ก่อนจะหยุดลงที่ตีนเขาอวิ๋ นชาง

เมื่อเย่ฉางชิงเห็นเขาอวิ๋นชาง ที่ปกคลุมไปด้วยเมฆหมอก

แม้ใบหน้าจะมิได้บ่งบอกอารมณ์ใด ๆ ทว่าภายในใจกลับเต็มไป ด้วยความตื่นเต้นยินดี

เมฆหมอกปกคลุมหนาทึบเช่นนี้ สภาพแวดล้อมที่เหมาะกับการ ฝึกฝนยอดฝีมือ อย่าว่าแต่ส านักเซียนลึกลับอย่างส านักชิงหยางเลย ต่อให้มีเซียนจริง ๆ เร ้นกายอยู่ที่นี่ เขาก็จะมิสงสัยใด ๆ อย่างแน่นอน

‘มิผิด ! ’

‘มิผิดแน่ ! ’

‘สานักชิงหยางแห่งนี้จะต้องเป็ นสานักเซียนลึกลับในตานาน อย่างแน่นอน ! ’

‘อ้า ! ’

‘เมื่อโอกาสมาถึง โชคชะตาก็เปลี่ยนไปจริง ๆ ’

‘ตอนที่ข้าอยู่ที่โลกบาเพ็ญเพียรใบนั้น ต้องทนอยู่ที่เมืองเสี่ยวฉือ อันห่างไกลตั้งหลายปี’

‘สุดท้ายกลับต้องจบลงเพราะความฝันเพียงคราเดียว’

‘ทว่าบัดนี้เมื่อได้มายังโลกบาเพ็ญเพียรอีกใบ ทั้งยังได้พบกับ ยอดฝีมือที่เร ้นกายเช่นนักพรตชิงอวิ๋น’

‘อักทั้งวันนี้ยังจะได้เข้าไปบ าเพ็ญเพียร ในส านักเซียนลึกลับแห่ง นี้อีกด้วย’

‘ยอดเยี่ยม ! ’

‘ยอดเยี่ยมจริง ๆ ! ’

ผ่านไปมินาน เมื่อทั้งสองเดินตามกันเข้าไปในเมฆหมอก จน มาถึงไหล่เขา

นักพรตชิงอวิ๋นก็หยุดลงฝีเท้าลง หลังจากลอบชาเลืองมองเย่ฉาง ชิงแล้ว ใบหน้าก็ปรากฏสีหน้ายินดีขึ้นมาทันที

‘ท่าทางโดดเด่นเช่นนี้’

‘บนกายยังมิมีไอพลังเซียนใด ๆ แผ่ออกมา’

‘มิหนาซ้ายังรู ้สึกตื่นเต้นกับทุกสิ่งทุกอย่างที่นี่’

‘หากนี่มิเรียกว่าความจาเสื่อมแล้วจะเป็ นอะไรกัน ? ’

‘ดี ! ’

‘ดีมาก ! ’

‘ดีจริง ๆ เลย ! ’

ด้วยการนาทางอย่างคล่องแคล่วของนักพรตชิงอวิ๋น

ผ่านไปอีกประมาณครึ่งชั่วยาม

ในที่สุดประตูเก่าแก่ที่สูงตระหง่านและเต็มไปด้วยร่องรอยของ กาลเวลาบานหนึ่งก็ปรากฏสู่สายตา

มิเพียงเท่านั้น ยังมีบุรุษหนุ่มที่มีลักษณะท่าทางโดดเด่น และมี ใบหน้าหล่อเหลาผู้หนึ่ง กาลังนั่งสมาธิอยู่บนศิลาที่มีลักษณะเรียบ ๆ ก้อนนั้น

เห็นได้ชัดว่าบุรุษหนุ่มผู้นี้ก็คือศิษย์เอกของสานักชิงหยาง หลี่ซิว หยวน

ก่อนหน้านี้หลังจากนักพรตชิงอวิ๋นเพ่งกระแสจิตหาเขาแล้ว

เขาก็ได้กระตุ้นพลังวิญญาณภายในร่าง และทาท่ามุทราให้กระบี่ หิมะเล่มนั้นปรากฎขึ้นอีกครั้ง และลอยอยู่ด้านบนศีรษะของเขา

เช่นนั้นภาพหลี่ซิวหยวนที่มีแสงลอยวนอยู่รอบกาย ไอหมอกแผ่ ออกมาปกคลุม ด้านบนศีรษะยังมีกระบี่ยาวแหลมคมเล่มหนึ่งลอยอยู่ ยิ่งทาให้ดูราวกับยอดฝีมือผู้ไร ้เทียมทานก็มิปาน

เหมือนกับเซียนกระบี่ตัวจริงกาลังนั่งสมาธิอยู่ตรงนั้น

ภาพเช่นนี้แม้แต่นักพรตชิงอวิ๋นที่รู ้จักหลี่ซิวหยวนเป็ นอย่างดี ยัง อดมิได้ที่จะตกตะลึง ก่อนจะรู ้สึกสงสารขึ้นมาจับใจ

เพราะนับตั้งแต่หลี่ซิวหยวนขึ้นเขาบาเพ็ญเพียรมาเกือบสิบห้าปี

บัดนี้ก็ยังคงมีตบะบารมีเพียงระดับสร ้างรากฐานปราณขั้นกลาง เท่านั้น

แต่ที่เวลานี้รอบกายของเขามีแสงลอยวนอยู่ มีไอหมอกแผ่ ออกมา อีกทั้งด้านบนศีรษะมีกระบี่เล่มหนึ่งลอยอยู่นั้น

เป็ นเพราะเขาได้กระตุ้นพลังวิญญาณภายในร่างอย่างหนัก

ขณะเดียวกัน ด้วยความแตกฉานเพียงเล็กน้อยในวิถีกระบี่ของ เขา แต่เวลานี้กลับสาแดงเคล็ดวิชากระบี่ ที่เผยแพร่มาจากนิกาย กระบี่สวรรค์ได้

ทาให้กระบี่ลอยอยู่เหนือศีรษะเช่นนี้ นับว่าถึงขีดจากัดสูงสุด ของหลี่ซิวหยวนแล้ว

ขณะเดียวกันในสายตาของเย่ฉางชิงนั้นกลับต่างออกไป

สิ่งก่อสร ้างโบราณที่ตั้งอยู่ประปราย อีกทั้งยังดูทรุดโทรมเหล่านี้ กลับให้ความรู ้สึกที่เรียบง่าย

อีกทั้งประตูบานนี้

ที่ดูสูงตระหง่านและเต็มไปด้วยร่องรอยของกาลเวลาเช่นนี้ เห็น ได้ชัดว่าสานักชิงหยางมิมีทางธรรมดาอย่างที่คิดเอาไว้จริง ๆ

แต่สิ่งที่ทาให้เย่ฉางชิงมั่นใจว่าสานักชิงหยางคือสานักเซียน ลึกลับที่แท้จริงนั่นก็คือ

หลี่ซิวหยวนที่นั่งสมาธิอยู่ตรงหน้าประตูบานนั้นนั่นเอง

ด้านบนมีเครื่องประดับศีรษะหยกที่ประณีตและเรียบง่าย สวม อาภรณ์เต๋าลายเมฆาลอย ใบหน้าหล่อเหลาไร ้ซึ่งตาหนิใด ๆ

ยิ่งกว่านั้นหมอกแสงอันเจิดจ้ารอบกาย และกระบี่ที่ลอยอยู่บน ศีรษะเล่มนั้น ยิ่งเสริมให้เขาดูเหมือนเซียนกระบี่แห่งยุคที่แท้จริง

ใช่แล้ว !

เซียนกระบี่ !

สานักเช่นนี้หากมิใช่สานักเซียนลึกลับในตานานแล้วจะเป็ นอะไร ได้อีก ?

“ซิวหยวน ! ”

มิกี่อึดใจต่อมา

ในที่สุดนักพรตชิงอวิ๋นที่ความจริงแล้วรู ้สึกปวดใจจนยากจะทาน ทน ก็ได้เอ่ยทาลายความเงียบขึ้น

ได้ยินเช่นนั้น หลี่ซิวหยวนที่กาลังรู ้สึกทรมานจากการสาแดง เคล็ดวิชาก็ลืมตาขึ้นทันที ก่อนจะท่องเคล็ดวิชาทาให้แสงบนตัวกระบี่ หิมะเล่มนั้นจางลง ก่อนจะลอยโค้งลงมาอยู่ในมือ

“อาจารย์”

หลี่ซิวหยวนกลืนน้าลายลงคออึกใหญ่ ก่อนจะโค้งคานับให้แก่ นักพรตชิงอวิ๋น

นักพรตชิงอวิ๋นที่หันหลังให้เย่ฉางชิงอยู่นั้นเม้มริมฝีปากเล็กน้อย จากนั้นก็แสร ้งเอ่ยอย่างเรียบ ๆ ว่า “ซิวหยวน ผู้ที่อยู่ด้านหลังของ อาจารย์มีนามว่า เย่ฉางชิง เจ้าช่วยจัดการให้เขาพักกับเราที่นี่ ชั่วคราวทีนะ”

เอ่ยจบนักพรตชิงอวิ๋นก็ส่งสายตาให้กับหลี่ซิวหยวนอีกครั้ง ก่อน จะเดินเอามือไพล่หลังไปทันที

ทว่าหลังจากหลี่ซิวหยวนมองตามนักพรตชิงอวิ๋นจนลับตาไป แล้ว เขาจึงหันมาหาเย่ฉางชิง

วินาทีต่อมา เขาถึงกับตกตะลึงจนท าอะไรมิถูก

ใช่แล้ว !

หลี่ซิวหยวนตกตะลึงมากจริง ๆ !

เยี่ยมจริง ๆ !

เดิมเขาคิดว่าศิษย์ที่อาจารย์พากลับมาด้วยครั้งนี้ จะมีหน้าตา และบุคลิกท่าทาง ที่ธรรมดามิได้โดดเด่นอะไร

ทว่าผลสุดท้าย ?

คนผู้นี้มิว่าจะเป็ นรูปร่างหน้าตา หรือรังสีที่แผ่ออกมาจากภายใน ล้วนแล้วแต่เหนือกว่าเขาทั้งสิ้น

‘มิใช่หรอกกระมัง ! ’

‘เป็ นไปมิได้เด็ดขาดที่จะมีใครเพียบพร ้อมทั้งหน้าตา และ คุณสมบัติในการฝึกเซียนเช่นนี้ ? ’

เย่ฉางชิงที่ใบหน้าแฝงเอาไว้ด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน ก็โค้งค านับ ให้แก่หลี่ซิวหยวนพลางเอ่ยว่า “เย่ฉางชิงคารวะศิษย์พี่ขอรับ”

หลังจากได้สติ หลี่ซิวหยวนที่มีใบหน้าเรียบนิ่ง ทว่าภายในใจ กลับเต็มไปด้วยความสับสน ก็รีบสงบสติอารมณ์ลงทันที

แม้เขาจะมีตบะบารมีต่าต้อย แต่อย่างน้อยก็เคยผ่านโลกมาบ้าง

ในเมื่ออาจารย์ให้เขาแสดงเป็ นยอดฝีมือต่อหน้าศิษย์น้องเล็กผู้นี้ เช่นนั้นเขาต้องมิแสดงความเป็ นมิตรมากเกินไป และจะพูดมากมิได้ เด็ดขาด

มิเช่นนั้นเวลามิถึงครึ่งปี ศิษย์น้องเล็กผู้นี้จะต้องเจอพิรุธอย่าง แน่นอน

หลังจากนิ่งเงียบอยู่สักพัก หลี่ซิวหยวนที่มีสีหน้าเย็นชา ก็ได้ กวาดตามองเย่ฉางชิงแวบหนึ่งเท่านั้น

“เจ้าตามข้ามา”

ระหว่างที่หลี่ซิวหยวนหมุนกาย เขาก็ได้เอ่ยขึ้นเรียบ ๆ

เย่ฉางชิงได้ยินเช่นนั้นก็ผงะไปเล็กน้อย ก่อนจะรีบเดินตามไป ทันที

จนเวลาผ่านไปประมาณหนึ่งก้านธูป

หลังจากจัดการที่พักให้เย่ฉางชิงเรียบร ้อยแล้ว หลี่ซิวหยวนก็รีบ ตรงมาที่หน้าประตูห้องของนักพรตชิงอวิ๋นทันที

เวลานี้ภายในใจของหลี่ซิวหยวนนั้นเต็มไปด้วยสับสนและว้าวุ่น ใจยิ่งนัก

อาจเป็ นเพราะที่ผ่านมา เขามิเคยถูกใครมองว่าเป็ นยอดฝีมือมา ก่อน

เมื่อศิษย์น้องเล็กผู้นี้แสดงความเคารพนอบน้อมต่อเขาเช่นนั้น เขากลับรู ้สึกดีอย่างบอกมิถูก

มิใช่ !

พูดให้ถูกก็คือความรู ้สึกเช่นนั้นช่างยอดเยี่ยมจริง ๆ !

ยอดเยี่ยมสุด ๆ !

แต่เขาก็อดมิได้ที่จะรู ้สึกเป็ นกังวล หากวันใดถูกจับได้ขึ้นมาเล่า ?

หลังจากเงียบอยู่สักพัก ในที่สุดหลี่ซิวหยวนก็ยื่นมือไปเคาะประตู “อาจารย์ขอรับ”

“เข้ามาได้ ! ”

มีเสียงนักพรตชิงอวิ๋นดังออกมาจากภายในห้อง

หลี่ซิวหยวนจึงผลักประตูเข้าไป

“เรื่องที่พักของฉางชิงเจ้าจัดการเรียบร ้อยแล้วใช่หรือไม่ ? ”

นักพรตชิงอวิ๋นที่นั่งจิบชาอยู่ เอ่ยถามขึ้นอย่างเรียบ ๆ

หลี่ซิวหยวนพยักหน้ารับ จากนั้นจึงนั่งลงด้านข้างของนักพรตชิ งอวิ๋น

“อาจารย์ ศิษย์น้องเย่ผู้นี้เหมือนกับมิมีตบะบารมีใด ๆ เลย เช่นนี้ อีกครึ่งปี เขาจะสามารถผ่านการทดสอบศิษย์สายนอกของนิกาย กระบี่สวรรค์จริง ๆ หรือขอรับ ? ”

หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง หลี่ซิวหยวนก็เอ่ยขึ้นอีกว่า “นอกจากนี้ ตบะบารมีของพวกเราส่วนใหญ่ ต่างก็หยุดชะงักเพียงแค่ระดับสร ้าง รากฐานปราณ หากตบะบารมีของศิษย์น้องเย่ผู้นี้สูงกว่าพวกเรา มิ เท่ากับเขาจะสามารถจับพิรุธได้อย่างง่ายดายหรือขอรับ ? ”

“สิ่งที่เจ้าเป็ นกังวลนั้น ก่อนหน้านี้อาจารย์เองก็คิดอยู่เหมือนกัน”

นักพรตชิงอวิ๋นพยักหน้ารับรู ้ ก่อนจะเอ่ยอย่างมั่นใจว่า “เจ้ามิ ต้องกังวลไปหรอก รอให้เวลาผ่านไปอีกสักพัก อาจารย์จะหลอมยันต์ หยกปกปิดไอพลังให้ ถึงตอนนั้นพวกเจ้าแค่พกติดกายเอาไว้ก็พอ”

“ส่วนเรื่องการบาเพ็ญเพียร ระหว่างทางมาที่นี่อาจารย์ก็ได้ลอง เลียบ ๆ เคียง ๆ ถามฉางชิงดูแล้ว เขาบอกว่าอยากจะเป็ นเซียนกระบี่ เช่นนั้นต่อไปก็ให้เจ้าก็เป็ นคนสอนเขาในการบาเพ็ญเพียรวิถีกระบี่ ด้วย”

“อีกอย่างเพื่อป้ องกันเรื่องมิคาดฝัน พรุ่งนี้เจ้าพาฉางชิงไปฝึกที่ เขาด้านหลังก็แล้วกัน”

สิ้นเสียง หลี่ซิวหยวนพลันหน้าเสียขึ้นมาอย่างอดมิได้ พร ้อมกับ เอ่ยว่า “อาจารย์ ศิษย์จะท าได้หรือขอรับ ? ”

นักพรตชิงอวิ๋นโบกมือไปมา พลางเอ่ยว่า “เจ้าสอนเขาไปก่อน มี ปัญหาอะไรก็มาหาข้าได้ตลอดเวลา”

เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน

เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน

Score 10
Status: Completed

Options

not work with dark mode
Reset