หลังผ่านไปมิกี่อึดใจ ด้านหลังของเย่ฉางชิงก็มีพลังอันปั่นป่ วน ปะทุขึ้น อัสนีบาตสีขาวและห่อหุ้มด้วยพลังทาลายล้างอันน่ากลัว พลุ่งพล่านออกมาอย่างต่อเนื่อง
ส่วนเขาที่ยืนอยู่กลางอากาศ กลับยังคงสงบนิ่งและมิได้เผยสี หน้าใด ๆ ออกมา
วินาทีนี้ตัวเขาราวกับกลายเป็ นเทพบรรพบุรุษ ผู้ที่สามารถเบิก ฟ้ าและสร ้างโลกขึ้นมาได้ ด้วยพลังต้องห้ามในตานาน
ขณะเดียวกัน แม้แต่พวกเปาต้าเหมยที่จาอดีตชาติได้ เวลานี้ก็ ยังอดมิได้ที่จะตื่นตระหนกขึ้นมา สีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตกใจ
“น่าเหลือเชื่อ ช่างน่าเหลือเชื่อยิ่งนัก ! ”
“ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้แล้ว ก่อนหน้านี้พวกเราคงประเมิน พลังของท่านเย่ต่าเกินไปเสียแล้ว”
“ใช่แล้ว ตอนนี้ดูเหมือนว่าแม้แต่ผู้ที่เก่งกาจที่สุดในแดนสวรรค์ โบราณ บางทียังมิอาจเทียบเคียงกับท่านเย่ในตอนนี้ได้ด้วยซ้า’’
“หมายความว่า ท่านเย่มาจากโลกในตานานชั้นนั้นหรือ ? ”
“หากมิมีสิ่งใดผิดพลาดล่ะก็คงจะเป็ นเช่นนั้น’’
“แต่หากมาจากโลกนั้นจริง แล้วเหตุใดท่านเย่ถึงได้มาปรากฏตัว ยังโลกเล็ก ๆ เช่นนี้ได้ ? ”
“เฒ่าหวาง แม้ชาติที่แล้วพวกเราจะถือเป็ นผู้แข็งแกร่งและ เก่งกาจของแดนสวรรค์โบราณ ทว่าสาหรับผู้แข็งแกร่งของโลกชั้น นั้นแล้ว เกรงว่าระดับพวกเราก็ยังมิได้อยู่ในสายตาของเขาอยู่ดี เช่นนั้นเรื่องบางเรื่องหาใช่สิ่งที่พวกเราจะสามารถเข้าใจได้”
“ช่างเถอะ ขอเพียงท่านเย่สามารถช่วยเปิดประตูสวรรค์ให้พวก เรา และกลับไปยังแดนสวรรค์โบราณได้อีกครา พวกเราก็ควรจะ พอใจแล้ว”
ระหว่างที่ทุกคนกาลังถกเถียงกันอยู่นั้น
“เปรี้ยง ! ”
พลังจิตอันน่ากลัวจ านวนมหาศาล พลันกดดันลงมาอย่าง ต่อเนื่อง
ทว่าพลังจิตอันน่ากลัวกลุ่มนี้ กลับพุ่งเข้าไปหาเย่ฉางชิงเพียงผู้ เดียวเท่านั้น
ในขณะนั้นเองกลุ่มคนที่อยู่ใจกลางเมืองเสี่ยวฉือ ราวกับสัมผัส ได้ถึงอะไรบางอย่าง
ทันใดนั้น สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง ท่าทางตื่น ตระหนกเมื่อครู่พลันกลายเป็ นหวาดหวั่น
แล้วก็เป็ นดังเช่นที่พวกเขาคาดเดาเอาไว้ก่อนหน้านี้มิมีผิด
ทันทีที่ประตูสวรรค์เปิ ดออก เจตจานงแห่งสวรรค์จะสาแดง ออกมา !
ทว่าแม้เจตจ านงสวรรค์อันน่ากลัวจะปรากฏ แต่กลับมีผลต่อเย่ ฉางชิงเพียงผู้เดียว
ส่วนพวกเขาหากต้องการไปจากโลกใบนี้ กลับไปยังแดนสวรรค์ โบราณอีกครั้ง คงทาได้เพียงอาศัยพลังของท่านเย่ผู้นี้เท่านั้น
คิดถึงตรงนี้ ทุกคนก็สบตากันเล็กน้อย ท่าทางเต็มไปด้วยความ ละอายแก่ใจ
หากท่านเย่สามารถต้านทานเจตจ านงแห่งสวรรค์ และท าให้ ประตูสวรรค์ปรากฏได้ก็คงจะดีมิน้อย
แต่หากล้มเหลวขึ้นมา
เช่นนั้นมิเพียงพวกเขาและโลกใบนี้จะต้องล่มสลายไปพร ้อม ๆ กันในอีกมิช ้า เกรงว่าแม้แต่ท่านเย่เองก็จะต้องถูกวิถีฟ้ าสะท้อนกลับ อีกด้วย
ยิ่งไปกว่านั้นท่านเย่ยังเป็ นผู้มีพระคุณ และดีกับพวกเขามาโดย ตลอด
หลังจากชั่งใจอยู่ครู่ใหญ่ เปาต้าเหมยก็ก้าวออกมาด้วยท่าทาง สง่างาม ก่อนคุกเข่าลงกับพื้นราวกับสาวกผู้ศรัทธา
คนที่เหลือเมื่อเห็นเช่นนั้นต่างก็สบตากัน และทยอยคุกเข่าลงกับ พื้นด้วยความเลื่อมใสเช่นเดียวกัน
พวกเขารู ้ดีว่าเจตจานงแห่งสวรรค์นั้นเป็ นสิ่งที่น่ากลัวเพียงใด
ในเมื่อพวกเขามิสามารถต้านทานพลานุภาพเจตจานงสวรรค์ได้ เช่นนั้นก็ขอเป็ นสาวกของเย่ฉางชิง และมอบพลังแห่งความศรัทธา ของพวกเขาให้เย่ฉางชิงแทน
เพราะผู้แข็งแกร่งระดับพวกเขานั้น หากยอมเป็ นสาวกของผู้ที่ไร ้ เทียมทานท่านใดแล้ว พลังศรัทธาย่อมแก่กล้ากว่าคนธรรมดาหลาย เท่า
แต่ในทางตรงกันข้าม
หากวันนี้เย่ฉางชิงพ่ายแพ้ให้แก่เจตจ านงสวรรค์ ถูกวิถีฟ้ า สะท้อนกลับ เช่นนั้นพวกเขาผู้อุทิศตัวเป็ นสาวก ก็จะได้รับผลกรรม ส่วนหนึ่งด้วยเช่นกัน
ในตอนนั้นเอง เมื่อเย่ฉางชิงที่ยืนอยู่กลางอากาศสัมผัสได้ถึง พลังลึกลับอันรุนแรง และบริสุทธิ์มากมายที่พุ่งเข้ามา ก็อดมิได้ที่จะ หันไปมองทุกคนที่กาลังคุกเข่าอยู่ในเมืองเสี่ยวฉือ
‘พวกเขาคุกเข่าที่พื้นทาไมกัน ? ’
‘หรือเป็ นเพราะประโยคที่ข้าพูดไปก่อนหน้านี้ ? ’
‘หากเป็ นเช่นนั้นจริง พวกเขาจะจริงจังเกินไปหรือเปล่า ! ’
‘ประโยคเมื่อครู่ข้าก็แค่เล่นใหญ่ไปหน่อยก็เท่านั้นเอง’
‘หาได้มีความหมายอื่นแอบแฝงไม่’
‘จริงสิ ! ’
‘หรือเป็ นเพราะประตูสวรรค์มิปรากฏขึ้นเสียที พวกเขาเลยคิดว่า ข้าพบกับปัญหาอะไรเข้า จึงตัดสินใจเป็ นสาวกของข้ากระมัง ? ’
‘อืม ! ’
‘คงจะเป็ นเช่นนั้น ! ’
คิดถึงตรงนี้ มุมปากของเย่ฉางชิงก็โค้งขึ้นน้อย ๆ ใบหน้าเผย รอยยิ้มมีเลศนัยออกมา
แต่ต้องยอมรับว่าขณะที่เขากาลังนึกถึงภาพประตูสวรรค์ในหัว สมอง และกาลังเพ่งสมาธิเพื่อทาให้ประตูสวรรค์ปรากฏขึ้นนั้น ได้มี มวลพลังลึกลับกลุ่มหนึ่งขัดขวางเอาไว้จริง ๆ
แต่เขาในตอนนี้หาใช่ผู้ที่อ่อนแอไม่ ทว่าได้กลายเป็ นผู้ที่ไร ้เทียม ทานไปแล้ว
เช่นนั้นพลังลึกลับกลุ่มนี้แม้จะแข็งแกร่ง แต่สาหรับเขาแล้วกลับมิ สะทกสะท้านหรือระคายเคืองผิวแม้แต่น้อย
ส่วนสาเหตุที่ประตูสวรรค์มิปรากฏขึ้นสักทีนั้น ความจริงก็มิมี อะไรมาก
แต่นี่เป็ นถึงประตูสวรรค์ในตานานเชียวนะ หากปรากฏขึ้นง่าย ๆ ก็ดูมิพิเศษน่ะสิ
จนเวลาผ่านไปประมาณหนึ่งก้านธูป
เย่ฉางชิงลอบกวาดสายตามองทุกคนที่อยู่ด้านล่าง จากนั้นก็เพ่ง สมาธิเพื่อให้ประตูสวรรค์นั้นปรากฏขึ้น
“ครืน ครืน ครืน ครืน ครืน ! ”
ทันใดนั้นท้องฟ้ าก็เกิดแปรปวน มีเสียงฟ้ าคารามดังกึกก้องมา จากทั่วทุกหนทุกแห่ง ราวกับแผ่นท้องฟ้ ากาลังสั่นสะเทือน
เป็ นปรากฏการณ์ที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก
เพียงพริบตา เมฆสีครามหนาทึบก็ลอยต่าลง พลังอันปั่นป่ วน แทรกซึมเข้ามา สายฟ้ าอันเจิดจ้าสว่างวาบขึ้นเป็ นระยะ
มินานหลังจากที่แสงสีทองอันโชติช่วงไร ้ที่เปรียบสายหนึ่งสาด ส่องลงมา กลุ่มเมฆสีครามที่หนาแน่น พลันถูกพลังฟ้ าดินมหาศาล ซัดจนกระจัดกระจาย
หลังจากนั้นส่วนลึกของเมฆสีคราม ประตูสวรรค์ที่ผู้บาเพ็ญเพียร ทุกคนใฝ่หาก็ได้ปรากฏขึ้น
เห็นเช่นนั้น ทุกคนที่อยู่ในเมืองเสี่ยวฉือต่างก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็ นความปิติยินดี
‘ประตูสวรรค์ปรากฏ ! ’
‘ส าเร็จแล้ว ! ’
‘ท่านเย่ท าให้ประตูสวรรค์ปรากฏอีกคราได้จริง ๆ ! ’
ตอนนั้นเอง เย่ฉางชิงจึงได้พยักหน้าอย่างพึงพอใจกับผลงาน ของตน ก่อนจะหันไปกล่าวว่า “ทุกท่าน ประตูสวรรค์ปรากฏขึ้นแล้ว ตอนนี้พวกท่านก็สามารถไปจากโลกนี้ได้แล้ว”
“ผู้น้อยขอบพระคุณท่านเย่ ! ”
พวกเปาต้าเหมยโค้งคานับให้แก่เย่ฉางชิงอีกครั้ง จากนั้นก็ สบตากันเล็กน้อย
“ทุกท่าน ประตูสวรรค์ปรากฏแล้ว พวกเราออกเดินทางกันเถอะ”
“อืม ประตูสวรรค์นั้นลึกลับยากที่จะคาดเดา เกรงว่าหากชักช ้า อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอีกก็เป็ นได้”
“วันนี้เมื่อไปจากโลกใบนี้แล้ว เกรงว่าด้วยพลังของพวกเรา คง ยากที่จะกลับมายังโลกนี้ได้อีก”
“ใช่แล้ว แต่หากพวกเรามิไปตอนนี้ อีกมินานโลกใบนี้จะต้อง พินาศลงเพราะพวกเราเป็ นแน่”
“เช่นนั้นก็ไปกันเถอะ”
ทุกคนต่างก็อดที่จะทอดถอนใจออกมามิได้ ก่อนจะเผยสีหน้า แน่วแน่ออกมา
วินาทีต่อมาทุกคนก็ได้ทะยานขึ้นไป และเหาะเข้าไปทางประตู สวรรค์ในทันที
เวลาผ่านไปมิถึงหนึ่งก้านธูป
หลังจากที่ทุกคนทยอยเข้าไปในประตูสวรรค์แล้ว
เปาต้าเหมยที่ไปเป็ นคนสุดท้าย จู่ ๆ ก็ชะงักลง ก่อนจะหันกลับมา มองข้างหลัง ด้วยสีหน้าที่จืดเจื่อน “ท่านเย่…”
เย่ฉางชิงเองก็ชะงักไปเช่นกัน อดมิได้ที่จะเผยสีหน้าอาลัย อาวรณ์ออกมา
แม้เรื่องทั้งหมดนี้จะเป็ นเพียงความฝัน แต่เมื่อเห็นชาวเมืองที่ ซื่อสัตย์และใจดีกลุ่มนี้ทยอยจากไป เขาก็ยังอดมิได้ที่จะรู ้สึกความ อาลัยอาวรณ์ขึ้นมา
‘ช่างเถอะ ! ’
‘แต่ต่อให้เรื่องทั้งหมดนี้เป็ นความจริง ภายภาคหน้าอาจมีโอกาส ได้พบกันอีกก็เป็ นได้’
เย่ฉางชิงพ่นลมภายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะปลอบใจตัวเอง
“ท่านเย่ ไว้พวกเราพบกันบนสวรรค์นะเจ้าคะ”
เปาต้าเหมยเอ่ยด้วยน้าเสียงเศร ้าสร ้อย จากนั้นก็หมุนกายเข้าไป ในประตูสวรรค์ทันที
ตอนนั้นเองร่างสีเขียวร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง ที่ด้านนอก ประตูสวรรค์
เห็นเช่นนั้นเย่ฉางชิงก็ได้ชั่งใจเล็กน้อย ก่อนจะเพ่งสมาธิ
เพียงพริบตาเขาก็มายืนอยู่ที่หน้าประตูสวรรค์ พร ้อมประจันหน้า กับผู้ที่ถูกขนานนามว่าท่านเทพฉางชิงแล้ว
แต่ครั้งนี้เย่ฉางชิงยังมิทันได้เอ่ยปาก ทว่าท่านเทพฉางชิงกลับ เอ่ยขึ้น พร ้อมส่งยิ้มให้เสียก่อน “เจ้ามิอยากเห็นโลกด้านหลังประตู สวรรค์เยี่ยงนั้นหรือ ? ”
เย่ฉางชิงขมวดคิ้วมุ่น พลางตอบไปว่า “ข้าทาได้ด้วยหรือ ? ”
ท่านเทพฉางชิงยังคงมีท่าทีสงบนิ่ง และมียิ้มอ่อนโยนเช่นเคย “ย่อมได้ แต่เมื่อก้าวเข้าประตูสวรรค์ไปแล้ว ความฝันนี้ก็จะจบลง ทันที”
ได้ยินเช่นนั้น เย่ฉางชิงก็เกิดลังเลขึ้นมา ก่อนจะหันไปมองตู๋กูชิง เฟิงอย่างอดมิได้