ตอนที่ 334 นี่คือจิตใจที่สูงส่งของผู้ที่เหนือกว่าจักรพรรดิเยี่ยงนั้นหรือ ?
ต้องบอกว่าเวลานี้เย่ฉางชิงอดมิได้ที่จะเริ่มสงสัยขึ้นมา
ความฝันนี้ช่างเหมือนจริงยิ่งนัก !
ฟ้าร้องดังกึกก้องจนแทบมิหยุด
แสงมงคลมากมายสาดส่องลงมาจากท้องนภา จนทำให้บริเวณนั้นเหลืองอร่ามไปหมด
ส่วนด้านบนก็ถูกปกคลุมไปด้วยเมฆาวิสุทธิ์ ถึงขนาดเรียกได้ว่าปิดฟ้าบังตะวันก็ดูจะมิเกินจริงนัก
หากเทียบกับก่อนหน้านี้แล้ว มิว่าจะเป็นเมฆาวิสุทธิ์ที่ปรากฏขึ้นขณะที่เขาอยู่ในเมืองหลวงแคว้นต้าเยี่ยน หรือนิมิตที่ปรากฏขึ้นตอนประชันการเทศน์ที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน ล้วนมิอาจเทียบเคียงกับตอนนี้ได้เลย
แค่ดูก็รู้แล้วว่าเมฆาวิสุทธิ์ในเวลานี้โชติช่วงชัชวาลเพียงใด
หลังจากครุ่นคิดอยู่สักพัก เย่ฉางชิงก็ได้มองขึ้นไปบนท้องนภาด้วยแววตาสงบนิ่ง พลางอดมิได้ที่จะเอ่ยกับตัวเองภายในใจไว้
‘แม้จะยังอยู่ในความฝัน แต่ปรากฏการณ์ยิ่งใหญ่เช่นนี้ หากมิมีสิ่งใดผิดพลาดล่ะก็ ข้าคงจะได้รับสมบัติพิสุทธิ์อีกแล้วกระมัง’
‘และหากเป็นจริงดังที่ข้าคิดเอาไว้ ข้าก็จะอยากจะรู้นักว่าในความฝัน ข้าจะได้รับสมบัติพิสุทธิ์เช่นไรกัน ? ’
คิดเช่นนั้น มุมปากของเย่ฉางชิงก็โค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มบาง ๆ
ขณะเดียวกัน มิว่าจะเป็นตู๋กูชิงเฟิงหรือว่าจอมมารเนตรทิพย์ รวมถึงกองทัพฝ่ายมารนับแสน
หลังจากสีหน้าตื่นตระหนกค่อย ๆ คลายลง ก็ต้องรู้สึกประหลาดใจขึ้นมาแทน
เพราะในสมัยบรรพกาล เนื่องจากเผ่าของพวกเขาพ่ายแพ้ จึงทำให้ต้องออกจากจงหยวน ไปอยู่ในดินแดนอันหนาวเหน็บ ที่เรียกว่าแดนรกร้างทางเหนืออย่างจำยอม
และในระหว่างนั้นผู้แข็งแกร่งของเผ่าศักดิ์สิทธิ์ต่างพากันคิดว่า การที่เผ่ามนุษย์สามารถผงาดขึ้นอย่างรวดเร็วนั้น จะต้องมีสาเหตุบางอย่างเป็นแน่
เช่นนั้นก่อนที่พวกเขาจะไปจากจงหยวน จึงได้แอบนำคัมภีร์ของพวกมนุษย์ไปด้วยเป็นจำนวนมาก เพื่อนำไปศึกษาค้นคว้า
ทว่าหลังจากศึกษาค้นคว้ามามากมาย กลับยังหาสาเหตุมิได้ แต่กระนั้นพวกเขาก็ได้เรียนรู้เกี่ยวกับเผ่ามนุษย์มากขึ้น
อาทิเช่น เมฆาวิสุทธิ์ในตำนานที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าขณะนี้
สิ่งนี้ยิ่งทำให้พวกเขามั่นใจมากขึ้น
ว่าบุรุษหนุ่มตรงหน้าผู้นี้ จะต้องเป็นผู้ที่เหนือกว่าจักรพรรดิท่านนั้นอย่างแน่นอน
มิเช่นนั้น จะทำให้เกิดเมฆาวิสุทธิ์ในตำนานได้เยี่ยงไรกัน ?
แต่เวลานี้สิ่งที่ทำให้พวกเขาแปลกใจมากที่สุดก็คือ
ในเมื่อมีเมฆาวิสุทธิ์อันโชติช่วงเช่นนี้ปรากฏขึ้นแล้ว เช่นนั้นสวรรค์จะประทานสมบัติวิเศษเช่นไรลงมากัน ?
จนเวลาผ่านไปประมาณครึ่งก้านธูป
ก็เกิดแสงสีทองอันเจิดจ้าสายหนึ่ง ส่องลงมาจากฟากฟ้า
วินาทีต่อมา ไอพลังกระบี่จำนวนมหาศาล ก็แผ่ปกคลุมไปจนทั่วบริเวณนั้นภายในพริบตา
และดูเหมือนมิได้เจตนาที่จะมุ่งสังหาร เช่นนั้นจึงมิได้สร้างความเสียหายมากนัก
มิเช่นนั้นเกรงว่าเพียงแค่ไอพลังกระบี่อันน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ ก็เพียงพอที่จะกวาดล้างพวกเขาให้สิ้นซากได้แล้ว และพื้นที่ตรงนี้ก็คงจะกลายเป็นนรกบนดินในพริบตา
ทว่าระหว่างที่แสงสีทองสายนี้ทอดยาวลงมา ก็ทำให้ห้วงอากาศเกิดการสั่นสะเทือน ประกายไฟสาดกระเซ็น คลื่นพลังอันรุนแรงปะทุออกมาอย่างต่อเนื่อง
เป็นปรากฏการณ์ที่น่ากลัวยิ่งนัก !
เช่นนั้นทุกคนจึงคาดเดาได้ว่าสมบัติพิสุทธิ์ชิ้นนี้ จะต้องเป็นกระบี่เล่มหนึ่งอย่างแน่นอน !
แต่จะเป็นกระบี่เช่นไรกัน ?
เพราะเพียงแค่ลอยลงมาจากฟ้า ยังเกิดไอพลังกระบี่อันน่ากลัวถึงเพียงนี้ได้ !
ตอนนั้นเอง เย่ฉางชิงก็เม้มริมฝีปากเล็กน้อย ก่อนจะเพ่งสมาธิ
มิต้องพูดถึงว่าในความฝันนี้ เขาเป็นผู้ที่ไร้เทียมทานเช่นไร
เพราะแม้แต่ในความเป็นจริง เขาเองก็มีสิ่งที่เรียกว่าสมบัติพิสุทธิ์มาแล้วหลายชิ้น
อีกทั้งก่อนหน้านี้ หลังปรากฏนิมิตขึ้นบนฟ้ามินานสมบัติพิสุทธิ์ก็จะปรากฏขึ้น
แต่ในความฝันอันพิลึกพิลั่น สมบัติพิสุทธิ์ชิ้นนี้กลับลีลามากความเสียจริง
เช่นนั้นเขาจึงอดมิได้ที่จะรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา
วินาทีต่อมา ลำแสงสีทองที่ส่องลงมาจากฟากฟ้า ราวกับถูกพลังลึกลับบางอย่างพุ่งเข้ามาปะทะ จึงเกิดการสั่นสะเทือนขึ้นอย่างรุนแรง
มินาน คลื่นพลังอันรุนแรงสายหนึ่งก็พุ่งออกไปในทันที ทำให้ห้วงอากาศโดยรอบถูกทำลาย ราวกับถูกคมมีดตัดผ่าน
ดูก็รู้แล้วว่าปรากฏการณ์ประหลาดเช่นนี้ น่าสะพรึงกลัวมากเพียงใด !
จนเวลาผ่านไปอีกมิกี่อึดใจ
หลังจากแสงสีทองอันโชติช่วงเกิดการสั่นสะเทือน กระบี่สัมฤทธิ์ที่ดูเก่าแก่เล่มหนึ่งพลันปรากฏสู่สายตา
กระบี่สัมฤทธิ์เล่มนี้ช่างพิสดารยิ่งนัก
ตัวกระบี่ถูกห่อหุ้มไปด้วยไอลึกลับจาง ๆ
บนตัวกระบี่ด้านหนึ่งมีการสลักดวงตะวัน จันทรา และดวงดาว ส่วนอีกด้านกลับสลักภูเขา แม่น้ำ และต้นไม้ที่ดูราวกับมีชีวิตเอาไว้
อีกทั้งภายในตัวกระบี่ยังดูเหมือนจะแฝงพลังต้องห้ามบางอย่างเอาไว้อีกด้วย
เพียงแค่ไอพลังที่แผ่ออกมา ก็ทำให้ห้วงอากาศรอบ ๆ เกิดระลอกคลื่นขึ้นเป็นชั้น ๆ ราวกับจะแตกสลายลงได้ตลอดเวลา
เหล่ามารทั้งหลายก็เหมือนจะสัมผัสได้เช่นกัน
วินาทีที่กระบี่สัมฤทธิ์ปรากฏสู่สายตา พวกเขาต่างก็มีสีหน้าตื่นตระหนกขึ้นมาทันที จนต้องสูดลมหายใจเข้าด้วยความหวาดหวั่น
‘สมกับที่เป็นสมบัติพิสุทธิ์ในตำนานจริง ๆ เพียงแค่ไอพลังที่แผ่ออกมายังน่ากลัวได้ถึงเพียงนี้’
‘หากมีใครยกกระบี่เล่มนี้ขึ้นมาฟาดฟัน เกรงว่ากองทัพฝ่ายมารของพวกเขา คงต้องตายอย่างอนาถเป็นแน่’
‘ต่อให้มีท่านจักรพรรดิที่แข็งแกร่งอยู่ด้วยก็ตาม’
ตอนนั้นเอง เย่ฉางชิงก็เพ่งสมาธิ
วินาทีต่อมา กระบี่สัมฤทธิ์ลึกลับราวกับมีจิตวิญญาณ ก่อนจะจำแลงเป็นลำแสงสีเขียวและพุ่งเข้ามาหาเย่ฉางชิงในทันที
เย่ฉางชิงขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะค่อย ๆ ยื่นสองนิ้วออกไป ลูบไล้ตัวกระบี่ที่เต็มไปด้วยภาพแกะสลักลึกลับ
‘นี่ ! ’
‘กระบี่เล่มนี้ ! ’
‘เหตุใดจึงดูคุ้นเคยเช่นนี้เล่า ! ’
‘หรือว่านี่จะเป็นกระบี่จักรพรรดิในตำนาน ? ’
‘ด้านหนึ่งสลักดวงตะวัน จันทรา และดวงดาว ! ’
‘ด้านหนึ่งสลักภูเขา แม่น้ำ และต้นไม้ ! ’
‘ภายในตัวกระบี่แฝงพลังอันน่ากลัว ! ’
‘อืม ! ’
‘มิผิดแน่ ! ’
‘นี่คือกระบี่จักรพรรดิในตำนาน ! ’
ทว่าแม้เย่ฉางชิงจะจำกระบี่เล่มนี้ได้ ว่าเป็นกระบี่จักรพรรดิในตำนาน แต่เขากลับดีใจมิออก
เพราะทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเพียงแค่ความฝันเท่านั้น
หากเขาตื่นขึ้นเมื่อใด สุดยอดอาวุธศักดิ์สิทธิ์เล่มนี้ก็มลายหายไปด้วย
คิดถึงตรงนี้เย่ฉางชิงก็อดมิได้ที่จะลูบหน้าผากของตัวเอง
ความจริงแล้วบุรุษที่ต้องการเป็นสุดยอดผู้บำเพ็ญเพียรวิถีกระบี่เช่นเขา ย่อมต้องการที่จะมีสุดยอดกระบี่สักเล่มอยู่แล้ว
และกระบี่จักรพรรดิเล่มนี้ เขาเองก็ชื่นชอบมันมากจริง ๆ
แต่จนใจที่แม้ภายในความฝันนั้น เขาจะเป็นผู้ที่ไร้เทียมทานก็จริง มิว่าเรื่องใดขอเพียงแค่คิดก็สามารถสำเร็จได้
ทว่าในโลกของความเป็นจริงนั้น เขากลับมีตบะบารมีเพียงระดับรวมชีพจรขั้นกลางเท่านั้น แม้แต่อดีตศิษย์หลายคนที่เขาเคยสอนก็ยังมีตบะบารมีสูงกว่าเขาเสียอีก
ตอนนั้นเอง ตู๋กูชิงเฟิงเมื่อเห็นเย่ฉางชิงมีสีหน้าระอา จึงอดมิได้ที่จะเอ่ยถามขึ้น
“ฉางชิง กระบี่เล่มนี้มีปัญหาอะไรเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
ได้ยินเช่นนั้น เย่ฉางชิงจึงส่ายหน้าน้อย ๆ
“บนตัวของกระบี่เล่มนี้ ด้านหนึ่งสลักดวงตะวัน จันทรา และดวงดาว อีกด้านหนึ่งสลักภูเขา แม่น้ำ และต้นไม้ หากมิมีสิ่งใดผิดพลาดล่ะก็ คงจะเป็นกระบี่จักรพรรดิในตำนาน”
“และถูกขนานนามว่ากระบี่วิถีมรรคา ภายในแฝงพลังต้องห้ามเอาไว้ เป็นกระบี่แห่งเทพที่แท้จริง”
เมื่อเห็นตู๋กูชิงเฟิงจ้องกระบี่จักรพรรดิจนตาเป็นประกาย
หลังจากนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง เย่ฉางชิงก็ส่งกระบี่จักรพรรดิในมือไปให้ตู๋กูชิงเฟิง
“ชิงเฟิง ข้าอยากมอบกระบี่จักรพรรดิเล่มนี้ให้เจ้า”
เย่ฉางชิงเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง
“ห๊ะ ! ”
หลังจากเย่ฉางชิงเอ่ยประโยคนี้ออกมา
มิเพียงแต่กองทัพมารนับแสนเท่านั้น ที่ยืนนิ่งและแข็งค้างราวกับหิน
แม้แต่ตู๋กูชิงเฟิงที่เป็นถึงจักรพรรดิมารเอง บัดนี้บนใบหน้าอันงดงามไร้ที่เปรียบนั้นก็ตื่นตกใจเช่นกัน
‘กระบี่จักรพรรดิ ! ’
‘สมบัติพิสุทธิ์ในตำนาน ! ’
‘แต่กลับมอบให้ผู้อื่นง่ายดายเช่นนี้เลยหรือ ? ’
‘นี่มัน ! ’
‘นี่มัน ! ’
‘นี่มัน ! ’
‘นี่คือจิตใจที่สูงส่งของผู้ที่เหนือกว่าจักรพรรดิเยี่ยงนั้นหรือ ? ’
‘น่าเหลือเชื่อ ! ’
‘ช่างน่าเหลือเชื่อจริง ๆ ! ’