เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน 316 เป็นเจ้านี่เอง

ตอนที่ 316 เป็นเจ้านี่เอง

ตอนที่​ 316 เป็น​เจ้านี่เอง​

ขณะที่​เย่​ฉางชิงรู้สึก​ชาวาบ​ไป​ทั้งตัว​ ใน​โสตประสาท​มีเสียง​วิ๊ง​ดัง​ขึ้น​

จากนั้น​ตู๋​กู​ชิงเฟิงเอ่ย​ขึ้น​ด้วย​น้ำเสียง​อ่อนโยน​ว่า​ “ฉางชิง ต่อไป​ข้า​จะอยู่​เคียงข้าง​เจ้าตลอดไป​ มิว่า​จะเวลา​ไหน​หรือว่า​ที่ใด​”

ได้ยิน​เช่นนั้น​เย่​ฉางชิงก็​ได้สติ​ขึ้น​มาทันที​ พลัน​ถอนหายใจ​ออกมา​อย่าง​หนักใจ​

หลังจาก​ชั่งใจสักพัก​ และ​เพื่อ​มิให้​จักรพรรดิ​มาร​ตน​นี้​พบ​เจอ​พิรุธ​ใด​ ๆ

เขา​กลืนน้ำลาย​ลงคอ​เล็กน้อย​ ก่อน​จะพูด​กับ​ตัวเอง​ว่า​

‘เย่​ฉางชิง เวลานี้​เจ้าห้าม​เผย​พิรุธ​ใด​ ๆ ออกมา​เป็นอันขาด​ จงมอง​จักรพรรดิ​มาร​ตน​นี้​เป็น​เพียง​สตรี​ธรรมดา​คน​หนึ่ง​ซะ’

‘ใช่แล้ว​ จงทำตัว​เหมือน​กำลัง​คบหา​กับ​สตรี​ธรรมดา​คน​หนึ่ง​ อีก​อย่าง​แม้เจ้าจะเป็นโสด​มานาน​เกือบ​สามสิบ​ปี​ แต่​ตอนนี้​เจ้าจะต้อง​ควบคุม​ตัวเอง​ให้ได้​ มิเช่นนั้น​จะมีหนทาง​สู่ตาย​มากมาย​รอ​เจ้าอยู่​’

หลังจาก​ให้กำลังใจ​ตัวเอง​แล้ว​ เย่​ฉางชิงก็​ค่อย ๆ​ ยก​แขน​ที่​แข็ง​ค้าง​ของ​ตน​ขึ้น​มา จากนั้น​ก็​รวบรวม​ความกล้า​วางมือ​ลง​บน​แผ่น​หลัง​ของ​ตู๋​กู​ชิงเฟิงเบา​ ๆ

ทว่า​เมื่อ​ฝ่ามือ​แตะ​ลง​ไป​เบา​ ๆ แล้ว​ เย่​ฉางชิงพลัน​ขนลุก​ชัน​ อด​มิได้​ที่จะ​หวาดกลัว​ขึ้น​มา

“ชิงเฟิง ตอน​เจ้าออก​ไป​ข้างนอก​ เกิด​อะไร​ขึ้น​เยี่ยง​นั้น​หรือ​ ? ”

เวลานี้​ราวกับ​หนึ่ง​วัน​ทว่า​ยาวนาน​นับ​หนึ่ง​ปี​ แต่​เย่​ฉางชิงก็​ยังคง​สังเกต​ได้​ว่า​ ภายใน​เวลา​มิกี่​ชั่ว​ยาม​ที่​ตู๋​กู​ชิงเฟิงออก​ไป​ข้างนอก​ นาง​เหมือน​ไป​ประสบ​กับ​บางอย่าง​มา

ตู๋​กู​ชิงเฟิงหลับตา​ลง​ พร้อมกับ​เอ่ย​เสียง​นุ่มนวล​ว่า​ “ข้า​ถอนตัว​ออกจาก​เผ่า​ของ​ข้า​แล้ว​ อีก​ทั้ง​ยัง​บอก​พวกเขา​ด้วยว่า​ นับแต่​นี้​เป็นต้นไป​ข้า​จะมิยื่นมือ​เข้าไป​ยุ่ง​เกี่ยวกับ​เรื่อง​ใด​ ๆ ใน​เผ่า​อีก​”

‘ออกจาก​เผ่า​มาร​ ? ’

‘ออกจาก​เผ่า​มาร​เพื่อ​ข้า​เยี่ยง​นั้น​หรือ​ ? ’

‘ควร​พูด​เช่นไร​ดี​ ! ’

‘เป็น​เพราะ​ข้า​มีเสน่ห์​มากเกินไป​ หรือ​จักรพรรดิ​มาร​ตน​นี้​มีจิตใจ​ที่​ใสซื่อ​กัน​แน่​ ? ’

‘แสดงว่า​จักรพรรดิ​มาร​ตน​นี้​เอาจริง​เยี่ยง​นั้น​หรือ​ ! ’

‘แม่สาว​จักรพรรดิ​มาร​ ! ’

‘เจ้าเลิกเล่น​ได้​แล้ว​ ! ’

‘แม้เจ้าจะงามหยดย้อย​ ไร้​ผู้ใด​เทียบเคียง​ได้​ แต่​ข้า​มิมีวาสนา​ถึงเพียงนั้น​หรอก​ ! ’

คิดถึง​ตรงนี้​ เย่​ฉางชิงจึงกระชับ​อ้อมแขน​กอด​ตู๋​กู​ชิงเฟิงเบา​ ๆ ก่อน​จะเอ่ย​ราวกับ​อยาก​จะร้องไห้​ออกมา​ “ชิงเฟิง ข้า​รู้​ว่า​เจ้ายัง​อาลัยอาวรณ์​คนใน​เผ่า​ของ​เจ้าอยู่​ แล้ว​เจ้าจะทำ​เช่นนั้น​ไป​เพื่อ​อะไร​กัน​ ? ”

สิ้น​เสียง​ตู๋​กู​ชิงเฟิงก็​ลืมตา​ขึ้น​ แล้ว​ดึง​ตัวเอง​ออกจาก​อ้อมกอด​ของ​เย่​ฉางชิงในทันที​

นาง​จ้องมอง​เย่​ฉางชิงด้วย​ความขุ่นเคือง​ พร้อมกับ​เอ่ย​อย่าง​แง่งอน​ว่า​ “ฉางชิง เจ้ารังเกียจ​ข้า​แล้ว​ใช่หรือไม่​ ? ”

ทันใดนั้น​ ภายในใจ​ของ​เย่​ฉางชิงพลัน​รู้สึก​กลับตาลปัตร​ไป​หมด​

‘นี่​มัน​ ! ’

‘นี่​มัน​ ! ’

‘สมแล้ว​ที่​เป็น​จักรพรรดิ​มาร​ นิสัย​ช่างเอา​แน่​เอา​นอน​มิได้​จริง ๆ​ ’

‘จะตื่นตระหนก​มิได้​ ! ’

‘ห้าม​ตื่นตระหนก​ไป​เอง​อย่าง​เด็ดขาด​ ! ’

‘นาง​เป็น​สตรี​ธรรมดา​ ! ’

‘ข้า​กำลัง​คบหา​กับ​สตรี​ธรรมดา​คน​หนึ่ง​’

‘เพียงแค่​หญิงสาว​ที่​คบหา​ด้วย​อาจจะ​โมโห​ร้าย​ไป​บ้าง​ แต่​นับ​เป็นเรื่อง​ปกติ​สุด​ ๆ ’

‘เวลา​เช่นนี้​หนึ่ง​อ้อมกอด​สามารถ​แก้ไข​ได้​ทุกอย่าง​’

‘หาก​มิได้ผล​ ก็​กอด​สอง​ครั้ง​ ! ’

‘ใช่แล้ว​ ! ’

‘ต้อง​เป็น​เช่นนั้น​แน่​ ! ’

หลังจาก​นิ่งเงียบ​อยู่​สักพัก​ ใบหน้า​เรียบ​นิ่ง​ของ​เย่​ฉางชิงก็​ฉีก​ยิ้มแห้ง​ ๆ ออกมา​ จากนั้น​ก็​ฝืน​ดึง​ตู๋​กู​ชิงเฟิงเข้าสู่​อ้อมกอด​อีกครั้ง​

แล้วก็​จริง​ดังที่​คาด​เอาไว้​ จาก​ปฏิกิริยา​ที่​ตู๋​กู​ชิงเฟิงตอบโต้​กลับมา​ ทำให้​เย่​ฉางชิงยิ่ง​มั่นใจ​มากขึ้น​

เขา​ที่​เป็น​ชายโสด​มาหลาย​สิบ​ปี​ จินตนาการ​เอาไว้​แล้ว​มิมีผิด​

เมื่อ​ตก​อยู่​ใน​อ้อมกอด​ของ​เขา​อีกครั้ง​ จักรพรรดิ​มาร​อย่าง​ตู๋​กู​ชิงเฟิงก็​มิได้​ขัดขืน​ใด​ ๆ นอกจากนั้น​ขณะที่​พิง​ศีรษะ​กับ​อก​ของ​เขา​ มือ​ทั้งสอง​ข้าง​ของ​นาง​ยัง​กอด​ตอบ​เขา​เอาไว้​แน่น​อีกด้วย​

เย่​ฉางชิงเห็น​แล้วก็​ถอนหายใจ​ออกมา​อ​ยาง​โล่งอก​อีกครั้ง​

ตอนนั้น​เอง​ ตู๋​กู​ชิงเฟิงก็ได้​หลับตา​ลง​ ก่อน​จะเอ่ย​ขึ้น​อย่าง​ออดอ้อน​ว่า​ “ฉางชิง เจ้าคิด​เอาไว้​หรือยัง​ว่า​จะขอ​ข้า​แต่งงาน​เมื่อไร​ ? ”

“ห๊ะ​ ! ”

ได้ยิน​เช่นนั้น​เส้นเลือด​ที่​ขมับ​ของ​เย่​ฉางชิง พลัน​เต้น​ตุบ ๆ​ ขึ้น​มาทันที​อย่าง​ห้าม​มิได้​

‘จักรพรรดิ​มาร​ตน​นี้​นี่​ยังไง​กัน​ ? ’

‘อยากได้​ข้า​ถึงเพียงนั้น​เชียว​หรือ​ ! ’

‘แต่​ข้า​ไร้​วาสนา​ที่จะ​เป็น​ของ​เจ้าจริง ๆ​ นะ​ ข้า​เพียงแค่​อยาก​จะมีชีวิต​อยู่​ต่อไป​อีก​นาน​ ๆ ก็​เท่านั้น​’

‘อีก​อย่าง​คำถาม​คอขาดบาดตาย​เช่นนี้​ ข้า​ควรจะ​ตอบ​นาง​เช่นไร​ดี​ ? ’

หลังจาก​ขบคิด​อยู่​พักใหญ่​ ดวงตา​ของ​เย่​ฉางชิงพลัน​เปล่งประกาย​บางอย่าง​ขึ้น​ จากนั้น​ก็​ลูบ​ศีรษะ​ตู๋​กู​ชิงเฟิงอย่าง​ระมัดระวัง​

“ชิงเฟิง นับตั้งแต่​มายัง​โลก​ใบ​นี้​ ข้า​มักจะ​มีความคิด​หนึ่ง​อยู่​ตลอดเวลา​”

เย่​ฉางชิงพยายาม​ปรับ​อารมณ์​ให้​เป็นปกติ​ และ​กล่าว​อย่าง​เพ้อฝัน​ออกมา​ว่า​ “ข้า​อยาก​พา​คน​ที่​ข้า​รัก​ ท่อง​ไป​ทั่ว​ทุก​มุมของ​โลก​ใบ​นี้​ ค่ำ​ไหน​นอน​นั่น​ หรือ​ล่องเรือ​ไป​ตาม​กระแสน้ำ​ ออก​ชื่นชม​ความงดงาม​ของ​โลก​”

“และ​เจ้าก็​คือ​คน​ ๆ นั้น​”

ได้ยิน​เช่นนั้น​ตู๋​กู​ชิงเฟิงก็​ลืมตา​ขึ้น​อีกครั้ง​ พร้อมกับ​ค่อย ๆ​ เงยหน้า​ขึ้น​มอง​ใบหน้า​อัน​หล่อเหลา​ของ​เย่​ฉางชิง

เพียงแต่​ครั้งนี้​ใบหน้า​งดงาม​ไร้​ที่​ติ​นั้น​ มิได้​มีสีหน้า​ขุ่นเคือง​ใด​ ๆ ทว่า​กลับ​เต็มไปด้วย​ความอ่อนโยน​

ขณะเดียวกัน​ภายใน​สมอง​ก็​ปรากฏ​ภาพ​เพ้อฝัน​ ระหว่าง​ทั้งสอง​คน​ขึ้น​มาอย่าง​ห้าม​มิได้​

“ฉางชิง ข้า​ตามใจ​เจ้า”

ตู๋​กู​ชิงเฟิงเอ่ย​ตอบ​ด้วย​ใบหน้า​เปื้อน​ยิ้ม​ ดวงตา​เป็นประกาย​ระยิบระยับ​

มิรู้​ว่า​เวลา​ผ่าน​ไป​นาน​เพียงใด​ จน​เมื่อ​พระอาทิตย์ตกดิน​ หมอก​ยาม​เย็น​แปร​เปลี่ยนเป็น​สีแดงฉาน​

ทั้งสอง​ยังคง​ยืน​กอด​กัน​อยู่​เช่นนั้น​

ใน​ตอนนั้น​เอง​ จู่ ๆ ด้านนอก​ประตู​ก็​มีเสียง​หนึ่ง​ดัง​เข้ามา​

“ท่าน​เย่​ พวกเรา​กลับมา​แล้ว​”

ได้ยิน​เช่นนั้น​ เย่​ฉางชิงที่​น่าจะ​เพราะ​เป็นโสด​นาน​เกินไป​ จึงเผลอ​กอด​จักรพรรดิ​มาร​เอาไว้​แนบอก​จน​ลืม​เวลา​ก็​ได้สติ​ขึ้น​มาอีกครั้ง​

ขณะเดียวกัน​ ตู๋​กู​ชิงเฟิงก็​ค่อย ๆ​ ลืมตา​ขึ้น​

“ฉางชิง พวก​นาง​คือ​ ? ”

เมื่อ​สัมผัส​ได้​ถึงไอ​พลัง​ของ​พวก​ถูสือ​ซาน​ ตู๋​กู​ชิงเฟิงก็​เอ่ย​ถามขึ้น​มาอย่า​งอด​มิได้​

เย่​ฉางชิงอึ้ง​ไป​เล็กน้อย​ ก่อน​จะตอบ​อย่าง​ลังเล​ว่า​ “เรียก​ว่า​เป็น​แขก​ของ​ข้า​ก็แล้วกัน​”

เอ่ย​เพียง​เท่านั้น​ ทั้งสอง​ก็​แยก​ออก​จากกัน​ ก่อนที่​เย่​ฉางชิงจะเดิน​ไป​เปิด​ประตู​

“เรื่อง​เผ่า​ปีศาจ​จัดการ​เรียบร้อย​แล้ว​เยี่ยง​นั้น​หรือ​ ? ”

เย่​ฉางชิงถามขึ้น​ทันที​ เมื่อ​เจอ​หน้า​พวก​เทพ​หลิว​

เทพ​หลิว​จึงตอบกลับ​เย่​ฉางชิงด้วย​น้ำเสียง​อ่อนโยน​ว่า​ “เรียน​ท่าน​เย่​ จัดการ​เรียบร้อย​แล้ว​เจ้าค่ะ​ ปีศาจ​ทุก​เผ่า​รับปาก​ว่า​พรุ่งนี้​จะถอยกลับ​ไป​ที่​เทือกเขา​แดน​ใต้​เจ้าค่ะ​”

ถูสือ​ซาน​ดวงตา​เป็นประกาย​ ก่อน​จะเอ่ย​ด้วย​รอยยิ้ม​ว่า​ “ท่าน​เย่​ ครา​นี้​เผ่า​จิ้งจอก​วิญญาณ​ของ​ข้า​ มิมีใคร​ใน​เผ่า​บุก​เข้า​จงหยวน​เลย​เจ้าค่ะ​”

เย่​ฉางชิงเหลือบมอง​ราชัน​ทมิฬ​ที่​ยืน​แลบลิ้น​อยู่​ ก่อน​จะหัวเราะ​ออกมา​ “เช่นนั้น​ก็​นับว่า​เป็นข่าว​ดีมาก​จริง ๆ​ ”

หลังจากนั้น​ ขณะที่​เย่​ฉางชิงหมุน​กาย​เดิน​นำ​ เพื่อให้​พวก​เทพ​หลิว​ทยอย​เข้ามา​ใน​ลาน​นั้น​

ทั้ง​สามคน​พลัน​หรี่ตา​ลง​ อด​มิได้​ที่จะ​เผย​ท่าทาง​หวาดหวั่น​ออกมา​

แม้ว่า​ตู๋​กู​ชิงเฟิงจะใช้เคล็ด​วิชา​โบราณ​ปกปิด​ไอ​พลัง​ของ​ตัวเอง​เอาไว้​ แต่​รัศมี​ที่​แผ่ออก​มาจาก​ภายใน​ของ​ตู๋​กู​ชิงเฟิงนั้น​

กลับ​ทำให้​ถูสือ​ซาน​และ​ราชัน​ทมิฬ​ อด​ที่จะ​อกสั่นขวัญแขวน​ขึ้น​มามิได้​

“ท่าน​เย่…​ ท่าน​นี้​คือ​ ? ”

ถูสือ​ซาน​มีสีหน้า​ลังเล​ ก่อน​จะเอ่ย​ถามเย่​ฉางชิง

ทว่า​ระหว่าง​ที่​เย่​ฉางชิงกำลังจะ​เอ่ย​ตอบ​นั้น​

ดวงตา​ของ​เทพ​หลิว​พลัน​มีประกาย​บางอย่าง​แวบ​ผ่าน​ ก่อน​จะเอ่ย​ออกมา​อย่าง​ครุ่นคิด​ว่า​ “เป็น​เจ้านี่เอง​ ! ”

ได้ยิน​เช่นนั้น​คิ้ว​เรียว​ยาว​ของ​ตู๋​กู​ชิงเฟิงก็​ขมวด​ขึ้น​เบา​ ๆ สีหน้า​อ่อนโยน​พลัน​มลาย​หาย​ไป​

“เจ้ารู้จัก​ข้า​งั้น​หรือ​ ? ”

ตู๋​กู​ชิงเฟิงจ้องเขม็ง​ไป​ที่​เทพ​หลิว​ ขณะ​ถามออกมา​

แม้จะยอมรับ​ว่า​พลัง​ของ​อีก​ฝ่าย​นั้น​แข็งแกร่ง​เป็นอย่างมาก​ ทว่า​ก็​ยัง​มิเพียง​พอที่จะ​ทำให้​นาง​หวาดกลัว​ได้​

แต่​มิรู้​เพราะเหตุใด​ ไอ​พลัง​บน​กาย​ของ​อีก​ฝ่าย​ กลับ​ให้​ความรู้สึก​ที่​คุ้นเคย​บางอย่าง​

หรือ​จะเคย​พบกัน​ตั้งแต่​สมัย​บรรพกาล​ ?

มินาน​ เทพ​หลิว​ก็​ยก​มุมปาก​ขึ้น​ พร้อมกับ​เอ่ย​ด้วย​น้ำเสียง​เย็นเยียบ​ว่า​ “หาก​ข้า​จำมิผิด​ล่ะ​ก็​ นานมาแล้ว​พวกเรา​เคย​กันที่​เขา​ยล​สรวง​ครา​หนึ่ง​ใช่หรือไม่​”

‘เขา​ยล​สรวง​ ? ’

เวลานี้​ตู๋​กู​ชิงเฟิงจมดิ่ง​อยู่​ใน​ความคิด​ของ​ตนเอง​เงียบ ๆ​

เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน

เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน

Score 10
Status: Completed

Options

not work with dark mode
Reset