เล่มที่ 19 ตอนที่ 551 ความจริงใจ
“ทำไมหรือ?” ซั่งกวนเซ่าเฉินสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง เขารีบมองตามสายตาของนาง ทว่าภาพตรงหน้าหาได้มีจุดใดแปลกประหลาดไม่
“ไม่มีอันใด บางทีข้าอาจจะตาพร่าไปเอง” หลิงมู่เอ๋อร์ยิ้มหวานทักทายทุกคน “บางทีข้าอาจจะตัดสินใจผิดพลาดไปจริงๆ ถึงทำให้เวลาในค่ำคืนนี้ล่าช้า พวกเรากลับกันเถิด”
“ข้าเกรงว่าแม่นางหลิงจะต้องรออีกสักหน่อยแล้ว” จู่ๆ อามู่ทั่วก็เปิดปากเอ่ย
ซั่งกวนเซ่าเฉินและหลิงมู่เอ๋อร์รีบหมุนสายตากลับมามองทันที “ทำไมหรือ?”
“เมื่อครู่คุณชายตงฟางเพิ่งจะบอกว่าเขาต้องการเชิญคนผู้หนึ่งมา และขอให้พวกเรารออยู่ตรงนี้สักครู่ ข้าเกรงว่าน่าจะเป็นคนสำคัญ ดังนั้นรอก่อนสักประเดี๋ยวเถิด” อามู่ทั่วใช้น้ำเสียงอบอุ่นราวสายลมฤดูใบไม้ผลิ ท่าทางสุภาพอ่อนโยน เกรงว่าคงมิใช่การขอร้องให้พวกเขารอ แต่เป็นการอ้างเหตุผลที่ทำให้คนมิอาจปฏิเสธได้
เพียงชั่วครู่ ตงฟางเชวี่ยก็พาบุรุษคนหนึ่งเข้ามา หากเอ่ยให้ถูกต้องต้องบอกว่าเขาคือชายชราคนหนึ่ง ชายผู้นั้นสวมเสื้อคลุมตัวยาว ในมือถือพัดที่เขียนคำว่า ‘เที่ยงธรรม’ อยู่บนนั้น หากมิใช่นักเล่าเรื่องที่เพิ่งจะบรรยายบนเวทีไปเมื่อครู่แล้วจะเป็นผู้ใดได้อีก?
“ท่านนี้คือแม่นางหลิงเจ้าของเรื่องเล่า” ตงฟางเชวี่ยแนะนำให้แก่นักเล่าเรื่องท่านนั้น สายตาก็มองไปทางหลิงมู่เอ๋อร์ “คุณชายตู๋กูเป็นนักเล่าเรื่องที่มีชื่อเสียงโด่งดังในแคว้นซีอวี้ อย่าได้มองว่าเพราะเขาอยู่ในเหลาอาหารอวิ๋นอวี้มานาน ทว่าความเป็นจริงแล้ว ทุกคนต่างหลงใหลในเรื่องของเขาทั้งสิ้น ความนิยมของเขาสูงยิ่ง ทัดเทียมกับสี่คุณชายแห่งแคว้นซีอวี้ได้เลยทีเดียว ทว่าคุณชายตู๋กูชื่นชอบเรื่องของเจ้ามาก เขาอยากจะพบหน้าเจ้าของเรื่องราวด้วยตาตนเองสักครา วันนี้เจ้ามาที่นี่พอดี ข้าเลยสัญญากับเขาไว้ เจ้าคงไม่โกรธกระมัง?”
ในยามที่เอ่ยไปพลาง คุณชายตู๋กูก็ยื่นสองมือออกมากำหมัดประสาน พลางมองหลิงมู่เอ๋อร์ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น “แม่นางหลิง คิดไม่ถึงว่าแม่นางที่อายุยังน้อยเช่นนี้จะมีความสามารถด้านวรรณกรรมเหลือล้น เรื่องราวที่ท่านเขียนลึกซึ้งหยั่งรากลงในจิตใจของผู้คน ชายแก่หงำเหงือกเช่นข้ายังคิดว่าต้องเป็นคนที่ผ่านชีวิตมาอย่างโชกโชน คิดไม่ถึงว่าจะแม่นางน้อยที่ทั้งฉลาดเฉลียวและงดงามเช่นนี้…”
คุณชายตู๋กูมิอาจปิดซ่อนความตื่นเต้นบนใบหน้าได้ “แม่นาง ไม่ทราบว่าท่านพอจะมีเวลาว่าง ชายแก่เช่นข้าพอจะได้รับเกียรติให้นั่งสนทนากับท่านสักคราได้หรือไม่! แม่นางมีจินตนาการที่แสนมหัศจรรย์ เรื่องราวเช่นนี้ท่านคิดขึ้นมาได้อย่างไร ไม่ ไม่ใช่ว่าเก่งธรรมดาเท่านั้น แต่ท่านยังเก่งกว่าทุกคนเลยด้วยซ้ำ!”
คำสรรเสริญเยินยอนี้แทบจะทำให้หลิงมู่เอ๋อร์ตัวลอยจวนจะแตะถึงก้อนเมฆ
ดวงหน้างามล้ำของนางแดงระเรื่อ “คุณชายกล่าวชมเกินไปแล้วเจ้าค่ะ”
“ไม่ ไม่ ไม่ หาได้มากเกินไปเลยสักนิดไม่ บรรยากาศที่แสนคึกคักในวันนี้ท่านเองก็เห็นแล้ว แขกเหรื่อเหล่านั้นล้วนถูกดึงดูดเข้ามาด้วยเรื่องราวของท่านทั้งสิ้น! ดูสิ หากข้าไม่ยืนกรานที่จะลงจากเวที พวกเขาก็คงจะไม่ยอมจากไปเช่นกัน โวยวายจะฟังต่อให้ได้”
คุณชายตู๋กูรีบร้อนหยิบหนังสือเรื่องที่ตงฟางเชวี่ยเคยมอบให้ก่อนหน้านั้นออกมา “ลายมืองดงามดังหงส์ฟ้อนมังกรเหิน ทั้งแข็งแกร่งและทรงพลัง เดิมทีข้าคิดว่าเป็นลายมือของบุรุษ ทว่าวันนี้ข้าได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของแม่นางแล้วถึงได้รู้ว่าใต้หล้านี้เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมียอดคน แม่นาง ช่างเก่งกาจเหลือเกิน!”
ยิ่งเห็นคุณชายตู๋กูยกนิ้วโป้งให้กับนาง หลิงมู่เอ๋อร์ก็ให้รู้สึกละอายใจมากยิ่งขึ้น อย่างไรเสียเรื่องราวของนางก็แฝงไปด้วยเป้าหมายที่เป็นประโยชน์ส่วนตัวอยู่
เมื่อคิดถึงจุดประสงค์ จู่ๆ ก็มีความคิดแวบเข้ามาในหัวของนาง
“ในเมื่อคุณชายชอบเรื่องของข้า มิสู้วันนี้ข้าเขียนเพิ่มอีกหน่อย ไม่ทราบว่าคุณชายจะช่วยรอข้าสักประเดี๋ยวได้หรือไม่?”
ทันทีที่ได้ยินว่าหลิงมู่เอ๋อร์จะเป็นฝ่ายมอบเรื่องราวในคราต่อไปให้ด้วยตนเอง คุณชายตู๋กูย่อมยินดีเป็นอย่างยิ่ง “แม่นาง เชิญทางนี้”
หลังจากสบประสานสายตากับซั่งกวนเซ่าเฉิน อีกทั้งยังเอ่ยฝากฝังสองสามคำกับตงฟางเชวี่ยแล้ว หลิงมู่เอ๋อร์ก็รีบยกกระโปรงเดินตามคุณชายตู๋กูไป
“นี่คือที่พักในเหลาอาหารแห่งนี้ของชายแก่เช่นข้าในยามปกติ แม้ว่าข้าจะเป็นเพียงนักเล่าเรื่อง แต่บางคราข้าเองก็สนใจในการเขียนเรื่องด้วย ดังนั้นที่นี่จึงมีพู่กัน หมึก กระดาษ และหินฝนหมึกอยู่ในห้องนี้ เพียงแต่รบกวนแม่นางลดตัวลงสักหน่อยแล้ว”
“คุณชายเกรงใจเกินไปแล้ว”
หลิงมู่เอ๋อร์ไม่กล้าเสียเวลานาน นางรีบนั่งลงและเริ่มเขียนต่อทันที
ความจริงแล้ว นางได้เตรียมเรื่องสำหรับวันพรุ่งนี้ไว้เรียบร้อยแล้ว ทว่าด้วยแววตาที่ทั้งคุ้นเคยและไม่เคยคุ้นเคยนั้นกลับทำให้นางเปลี่ยนใจกะทันหัน
นางต้องการเร่งความคืบหน้าของเรื่อง เพื่อดึงดูดคนผู้นั้นให้ปรากฏตัวออกมา!
“ข้ารีบร้อนเกินไปสักหน่อย บางทีมันอาจจะเปรอะเปื้อนนิดหน่อย หวังว่าเจ้าคงไม่ว่าอันใด”
ประมาณครึ่งชั่วยามต่อมา หลิงมู่เอ๋อร์ก็ยื่นกระดาษสองสามแผ่นนั้นให้กับคุณชายตู๋กู อีกทั้งยังอธิบายรายละเอียดบางประเด็นที่ควรให้ความสนใจและเน้นย้ำด้วย
วินาทีที่คุณชายตู๋กูเห็นความวิเศษของเรื่องที่เพิ่งได้มาใหม่ในวันนี้ หัวใจก็มิอาจปิดซ่อนความตื่นเต้นเอาไว้ได้ “ช่างวิเศษเหลือเกิน ยอดเยี่ยมมากจริงๆ แม่นาง ตาแก่เช่นข้าไม่เคยยกย่องสรรเสริญผู้ใด ทว่าแม่นางคือสตรีคนแรกที่ข้าชื่นชม แม่นางช่างเป็นสตรีผู้เปี่ยมพรสวรรค์อย่างหาตัวจับได้ยากจริงๆ”
“เรื่องมีการปรับเปลี่ยนเรื่องราวเล็กน้อย หวังว่าคนชอบเรื่องนี้จะชอบตอนจบแบบนี้ ช่วงเวลาต่อจากนี้คงต้องรบกวนคุณชายแล้ว” หลิงมู่เอ๋อร์เอ่ยพร้อมรอยยิ้ม บริเวณที่นางแก้นั้นง่ายมาก ก็แค่พรรณนาเรื่องราวที่เคยผ่านพ้นไปให้ละเอียด นางไม่รู้ว่าการทำเช่นนี้จะดึงดูดคนผู้นั้นปรากฏตัวออกมาได้หรือไม่ ทว่านางไม่อยากพลาดแม้แต่เศษเสี้ยวของความหวัง
“ไม่ทราบว่าข้าน้อยจะขอรบกวนให้ท่านช่วยเหลือสักเรื่องได้หรือไม่?” หลิงมู่เอ๋อร์เอ่ยเสียงอ้ำๆ อึ้งๆ ท่าทางเกรงใจเล็กน้อย
ยามนั้นคุณชายตู๋กูที่ยังคงดื่มด่ำกับเรื่องถึงได้เงยหน้าขึ้นแล้วเอ่ยว่า “รบกวน? รบกวนอันใดหรือ? แม่นางเกรงใจกันเกินไปแล้ว เรื่องของแม่นางทำให้ข้าสั่งสมความนิยมได้มากขึ้น อย่าว่าแต่หนึ่งอย่างเลย ตราบใดที่ตาแก่เช่นข้าทำได้ แม่นางจะขอกี่เรื่องก็ว่ามา ข้าย่อมไม่ปฏิเสธแน่นอน”
หลิงมู่เอ๋อร์มองไปด้านหลัง ท่าทางระมัดระวังของนางชัดเจนว่าไม่ต้องการให้คนอื่นรู้
“ข้าอยากจะขอรบกวนให้วันพรุ่ง ยามที่ท่านกำลังเริ่มเล่าเรื่อง ช่วยกวาดสายตาตรวจสอบให้ละเอียดทีว่ามีสตรีคนใดที่มีหน้าตาเหมือนข้าทุกประการหรือไม่”
“เหมือนกับแม่นางทุกประการเชียวหรือ?” คุณชายตู๋กูยิ่งสงสัยหนักกว่าเดิม
“ไม่ผิด คนคนนี้สำคัญสำหรับข้ามาก ทว่าข้ากลับหานางไม่พบ หากท่านพบเบาะแสใด โปรดแจ้งให้ข้าทราบทันที” ยามที่เขาเอ่ย หลิงมู่เอ๋อร์ก็วางเงินจำนวนหนึ่งใส่มือเขา
คุณชายตู๋กูรีบร้อนโบกมือปฏิเสธทันที “เรื่องง่ายดายที่ราวกับแค่ยกมือขึ้นมาเช่นนี้ จะให้ข้ารับเงินจากแม่นางได้อย่างไร! ขอเอ่ยตามตรง ยามที่คุณชายตงฟางนำเรื่องเล่านี้มาให้ข้า เดิมทีข้าหาได้เต็มใจไม่ เวทีของข้าจะให้ใช้เรื่องของคนอื่นได้อย่างไร? ทว่าหลังจากที่อ่านจบ ดวงตาของข้าก็ติดหนึบทันที ดังนั้นแล้วข้าควรจะต้องขอบคุณแม่นางด้วยซ้ำ!”
เขากล่าวต่อ “ยามที่เล่าเรื่อง ข้าต้องกวาดสายตามองผู้ฟังทุกคนอยู่แล้ว เพื่อดูว่าวันนี้พวกเขาชื่นชอบเรื่องของข้าหรือไม่ จะได้แก้ไขการเล่าในคราต่อไป นิสัยเช่นนี้กลายเป็นความคุ้นชินของข้าไปแล้ว ดังนั้นข้าขอร้องแม่นางอย่าได้เกรงใจตาแก่เช่นข้าเลย”
ในเมื่อเขาเอ่ยถึงขนาดนี้แล้ว หลิงมู่เอ๋อร์จึงไม่ฝืนบังคับเขาอีกต่อไป นางเอ่ยขอบคุณอีกครา หลังจากนั้นก็ออกจากเหลาอาหารไปพร้อมกับทุกคน
“เจ้าแน่ใจหรือว่าส่วนที่แก้ไขไปจะช่วยดึงดูดท่านอาจารย์ให้ปรากฏตัวออกมา?” ด้านนอกเหลาอาหาร ตงฟางเชวี่ยรู้สึกไม่แน่ใจเล็กน้อย
“ลองดูสักหน่อยเถิด ข้าเดาว่านางคงจะปรากฏตัวออกมาแน่!”
“เอาเถิด เรื่องนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้า ดึกแล้ว สุขภาพของเจ้าเองก็สำคัญ กลับไปเถิด”
หลิงมู่เอ๋อร์ยังเอ่ยกำชับเรื่องที่เขาควรใส่ใจเพิ่มอีกสองสามเรื่อง อย่างเช่นว่า ท่านอาจารย์ของเขาจะปลอมตัวมาเช่นไร จุดสำคัญคือต้องใส่ใจที่ดวงตาของนาง เป็นต้น หลังจากนั้นถึงจะยอมขึ้นรถม้าไปพร้อมกับซังกวนเช่าเฉินและอามู่ทั่ว
ตงฟางเชวี่ยยืนอยู่คนเดียวข้างนอกเหลาอาหารเนิ่นนาน
ในความเป็นจริง ภาพที่หลิงมู่เอ๋อร์ผลักซั่งกวนเซ่าเฉินออกไปนั้น เขาที่อยู่ไกลๆ สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน
อีกทั้งแววตานั้น เขาเองก็เห็นมันเช่นกัน
ดังนั้นวันนี้เขาจึงตั้งใจจะอยู่ในเหลาอาหาร และหวังว่าจะมีโอกาสได้พบท่านอาจารย์ของเขาอีกสักครา
ในยามที่คิดจะหันกลับไปพักผ่อนในห้องของเหลาอาหารชั่วครู่ ทันใดนั้นชายชุดดำสองคนก็เหาะลงมาจากหลังคา คนหนึ่งถือกระบี่อยู่ซ้าย อีกคนถือกระบี่อยู่ขวา
“พวกเจ้าเป็นใคร?”
“คนที่จะมาปลิดชีวิตเจ้า!”
วินาทีที่สิ้นเสียงของทั้งสองคน พวกเขาก็พุ่งเข้าหาตงฟางเชวี่ยทันที ตงฟางเชวี่ยคิดจะใช้วิชาตัวเบาเพื่อหลบหนี ทว่าผู้ใดจะรู้ว่ามีใครบางคนที่อยู่บนหลังคาได้เตรียมพร้อมไว้ก่อนแล้ว ตาข่ายขนาดใหญ่ตกลงมาจากท้องฟ้า ปกคลุมร่างเขาไว้ราวกับเต่าในขวดทันที
“นายท่านมีคำสั่ง เอาตัวไป!”
—————————
ภายในวังหลวง
หลิงมู่เอ๋อร์รอคอยอย่างใจจดใจจ่อมาหนึ่งวันเต็ม ทว่ากลับไม่มีข่าวคราวใดๆ ปรากฏออกมาเลย นางมองแสงของจันทรา และรู้สึกกังวลใจเล็กน้อย
“เจ้าจะไปไหน” ซั่งกวนเซ่าเฉินรีบหยุดนางเอาไว้
“ผ่านไปแล้วหนึ่งวันหนึ่งคืน เหตุใดตงฟางเชวี่ยถึงไม่ส่งข่าวคราวอันใดมาเลยเล่า? แม้ว่าก่อนหน้านี้อามู่เต๋อจะคอยจับตาดูข้าเอาไว้ เขาก็ยังสามารถปลอมตัวและลอบเข้ามาถึงข้างกายข้าได้ ทว่าวันนี้เขากลับไม่มา”
หลิงมู่เอ๋อร์มิอาจวางใจลงได้ หัวใจมิอาจสงบ นางมักจะรู้สึกว่ามีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นกับเขา
“วิชาตัวเบาของตงฟางเชวี่ยล้ำเลิศ เป็นเรื่องยากที่คนปกติทั่วไปที่จะจับเขาได้ บางทีอาจจะเกิดเหตุล่าช้าด้วยอะไรบางอย่าง” ซั่งกวนเช่าเฉินปลอบใจนาง “หรือบางทีก็อาจมีข่าวเกี่ยวกับท่านอาจารย์แล้วก็ยังไม่แน่”
“ไม่มีทาง หากมีข่าวเกี่ยวกับท่านอาจารย์จริงๆ เขาควรแจ้งให้ข้าทราบแล้ว” หัวใจของหลิงมู่เอ๋อร์เริ่มมิอาจสงบมากขึ้นเรื่อยๆ “ย่อมต้องมีเรื่องเกิดขึ้นเป็นแน่ เขาต้องเกิดเรื่องอันใดขึ้นแล้วเป็นแน่ เซ่าเฉิน เราควรทำอย่างไรดี?”
เมื่อเห็นว่ามู่เอ๋อร์กังวลถึงความปลอดภัยของตงฟางเชวี่ยจากใจจริง อย่างไรเสียชายคนนี้ก็เป็นคนที่บุกไปช่วยเหลือนางถึงแคว้นซีอวี้ ดังนั้นสีหน้าของซั่งกวนเซ่าเฉินในยามนี้จึงมิค่อยได้ดีไปกว่ากันสักเท่าไร
“นี่คือแคว้นซีอวี้ ยากที่คนของเราจะค้นตัวเขาพบ เอาเช่นนี้แล้วกัน ข้าจะส่งคนไปแจ้งข่าวกับองค์ชายใหญ่”
ประมาณหนึ่งเคอต่อมา อามู่ทั่วก็ก้าวยาวๆ เข้ามาอย่างรวดเร็ว ทันทีที่เข้าประตูมา เขาก็เอ่ยปฏิเสธที่จะค้นหาตัวคน
“ยามนี้มิใช่เวลาที่จะหาคน แม่นางหลิง ข้ารู้ว่าเจ้ากังวลเรื่องความปลอดภัยของเจ้าสำนักตงฟาง ทว่าพรุ่งนี้เป็นวันที่อามู่เต๋อขึ้นครองบัลลังก์ ราตรีนี้เรามิอาจปล่อยให้เกิดเรื่องผิดพลาดอันใดได้! ต้องเป็นอามู่เต๋อแน่ ย่อมเป็นเขาที่จับตงฟางเชวี่ยเป็นตัวประกัน จุดประสงค์ของเขาคือทำให้เรากังวล ทำให้เราร้อนใจ ยามนี้ด้านนอกต้องมีตาข่ายดักจับคอยรอไว้แล้วเป็นแน่ เป็นเขาที่กำลังรอให้เราตกหลุมพรางอยู่”
แม้ว่าสิ่งที่อามู่ทั่วเอ่ยจะสมเหตุสมผล ทว่าหลิงมู่เอ๋อร์ยังคงกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของตงฟางเชวี่ยอยู่ดี
“อามู่เต๋อเป็นคนโหดเหี้ยมอำมหิต หากตงฟางเชวี่ยตกอยู่ในเงื้อมมือของเขา เกรงว่าผลที่ตามมาย่อมเลวร้ายเป็นแน่ ไม่มีทางอื่นแล้วจริงๆ หรือ?”
อามู่ทั่วอยากจะตอบว่าใช่ ทว่าเมื่อเห็นท่าทางเคร่งเครียดเป็นกังวลของหลิงมู่เอ๋อร์ สายตาของเขาจึงหันไปทางซั่งกวนเซ่าเฉิน “บางที ข้าสามารถลอบตรวจสอบอีกสักคราได้! แม้ว่าอามู่เต๋อกำลังรอให้เราออกไปช่วยเหลือคนอยู่ และเพื่อป้องกันไม่ให้พวกเราปรากฏตัวขึ้นพรุ่งนี้ ยามนี้เขามิได้รู้สึกเคร่งเครียด ทว่า…”
ชายหนุ่มหยุดไปชั่วครู่ “พรุ่งนี้อามู่เต๋อจะมิอาจขึ้นครองบัลลังก์ได้ หากแคว้นซีอวี้ตกอยู่ในมือของเขา ย่อมต้องพินาศอย่างแน่นอน! พรุ่งนี้จะเป็นวันที่ดอกไม้ประจำแคว้นผลิบานออกดอกออกผล มิทราบว่าท่านเตรียมพร้อมแล้วหรือยัง?”
ความหมายของเขาง่ายดายเป็นอย่างยิ่ง ตราบใดที่แคว้นเทียนเฉาแสดงความจริงใจเพียงพอ เขาจะพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อช่วยเหลือตงฟางเชวี่ย
ซั่งกวนเซ่าเฉินไม่ชอบการถูกคิดบัญชีเป็นที่สุด ทว่าเพื่อผลประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย เขาจะยอมอดทนไว้
“ในเมื่อข้ามาถึงที่นี่ด้วยตนเอง ย่อมไม่มีทางนั่งมองอยู่เฉยๆ แน่ ข้าเชื่อว่าองค์ชายใหญ่ได้วางแผนไว้เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นเรื่องของตงฟางเชวี่ยก็ต้องรบกวนท่านแล้ว”
อามู่ทั่วพยักหน้า “ทั้งสองท่านโปรดวางใจ ข้าจะพยายามให้ดีที่สุด แน่นอนว่าเรื่องของวันพรุ่งนี้ก็ต้องพึ่งพาพวกท่านสองคนแล้ว!”
สิ้นเสียง อามู่ทั่วก็หายวับออกไปจากห้องทันที
ด้านนอกพระจันทร์แขวนลอยประดับสูง สายลมพัดแรง ราตรีนี้ถูกกำหนดให้เป็นคืนที่ไม่ธรรมดา
“เซ่าเฉิน ท่านว่าพรุ่งนี้พวกเราจะได้ดอกไม้ประจำแคว้นจริงๆ หรือไม่?”
ซั่งกวนเซ่าเฉินกอดหลิงมู่เอ๋อร์ ปล่อยให้นางพักผ่อนบนไหล่ของเขาสบายๆ “ในเมื่อเป็นของที่เจ้าต้องการ ข้าย่อมพยายามให้ดีที่สุดเพื่อช่วยให้เจ้าได้มันมา เหมือนที่ข้าทำเมื่อหลายปีก่อน ต่อให้เส้นทางข้างหน้าจะเป็นหน้าผาก็ตาม”
ริมฝีปากสีแดงสดประทับลงบนหน้าผากของนาง ค่อยๆ ปลอบประโลมแม่นางน้อยในอ้อมแขนของเขาอย่างแผ่วเบา “มู่เอ๋อร์ พรุ่งนี้ย่อมเกิดเรื่องวุ่นวายนัก อามู่ทั่วต้องการขวางมิให้อามู่เต๋อขึ้นครองบัลลังก์ อีกทั้งดอกไม้ประจำแคว้นที่ผลิบานย่อมต้องดึงดูดผู้คนให้เกิดการแย่งชิงปล้นสะดมมากมายแน่นอน เจ้าสัญญากับข้า ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอันใดขึ้นอย่าได้อวดเก่ง ทำเรื่องเกินตัวเด็ดขาด”
——————————