อาชีพสุดแกร่งตรวจจับไม่ได้ 《รูลเบรกเกอร์》 134 อดีตของเซริก้า

ตอนที่ 134 อดีตของเซริก้า

              ‘โห……อาศัยอยู่ที่ดีนะเนี่ย’

              คนที่มาถึงที่พักของฮิคารุคือเซริก้า เธอนั่งลงบนเก้าอี้แล้วมองไปรอบๆห้อง สายตานั้นไม่ได้มีจิตมุ่งร้ายมีแค่อยากรู้อยากเห็น

              ลาเวียกับพอลล่าจ้องไปที่เซริก้า แต่คงตัดสินใจว่าเธอไม่ใช่ศัตรูในตอนนี้ การที่เซริก้ามาคนเดียวไม่พาสมาชิกคนอื่นๆของจตุรดาราแห่งบูรพามาด้วย ทำให้มันค่อนข้างโล่งใจ

              เซริก้ามีผมดำยาวถักเปียสองข้างหรือที่เรียกว่าทวินเทล แต่ด้วยปริมาณเส้นผมที่มาก ทำให้มันค่อนข้างฟูไม่เรียวเหมือนอย่างที่ควร

              เสื้อที่สวมอยู่ถึงจะเป็นผ้าคลุมแบบที่พวกนักเวทใช้กันทั่วไป แต่ด้วยสีเขียวเข้มที่ส่วนใหญ่ใช้สำหรับของที่ดูชั้นสูง ทำให้เห็นว่าเหมือนคุณหนูจากครอบครัวไหนสักแห่งมากกว่านักผจญภัย

              “แล้ว? จู่ๆมาหาอย่างนี้มีอะไรเหรอ?”

              ‘หือ ก็ไม่ได้มีธุระอะไรเป็นพิเศษหรอก?’

              “มาทั้งที่ไม่มีธุระเนี่ยนะ?”

              ‘แค่อยากมาพบคนญี่ปุ่นที่มีอยู่น้อยนิดน่ะ……ไม่มีธุระก็ไม่เห็นจะเป็นไรเลยนี่ จะว่าไปนายเนี่ยพูดภาษาของทางนี้ได้ค่อนข้างคล่องดีนะเนี่ย เรียนรู้ยังไงเหรอ?’

              “ก่อนจะคุยไปมากกว่านี้ขอตรวจสอบอะไรหน่อย นี่คิดจะพูดภาษาญี่ปุ่นต่องั้นเหรอ?”

              ‘ใช่แล้ว ภาษาของทางนี้มันเน้นเสียงค่อนข้างยากไง……’

              จะว่าไป ฮิคารุก็นึกขึ้นมา ว่าทำไมเซริก้าพูดมักจะลงท้ายด้วย “!” ที่เหมือนจะให้เสียงหนักอยู่ เพราะไม่คุ้นกับภาษาของทางโลกนี้สินะ

              ‘แล้วก็ ถ้าไม่พูดภาษาญี่ปุ่นบ้าง……เดี๋ยวจะลืมไง’

              ฮิคารุสูดลมหายใจเข้าไปเบาๆ ก่อนจะหันไปหาลาเวียกับพอลล่าที่ไม่รู้ภาษาญี่ปุ่น

              “โทษทีนะ เดี๋ยวจะพูดภาษาของประเทศผม ไว้จะบอกรายละเอียดให้ฟังทีหลัง”

              “เข้าใจแล้ว—-พอลล่า พวกเราไปทางโน้นกันเถอะ”

              โซฟาเองก็อยู่ภายในห้องรับแขกที่กว้างขวาง ลาเวียเชื่อคำพูดนั้นก่อนจะเคลื่อนที่ไปตรงนู้น

              ‘—-โทษทีนะ ที่ต้องมาทำให้ลำบากอย่างนี้’

              ‘ถ้างั้นก็เลิกมาแบบไม่ทันตั้งตัวสิ ตกใจหมดเลย’

              ‘อ้าว? จะไม่ปุ๊บปั๊บได้ยังไง ที่นี่ไม่มีทั้งโทรศัพท์หรืออินเตอร์เน็ทเลยนี่’

              ‘เขียนจดหมายสิ’

              ‘นั่นสินะ……ทุกคนที่นี่เขียนจดหมายกันสินะ’

              เซริก้ายิ้มออกมาอย่างเหงาๆ—-มันแตกต่างกับท่าทางที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจตอนแสดงให้จตุรดาราแห่งบูรพาเห็น

              เหตุผลที่ฮิคารุมาคุยกับเซริก้าอย่างนี้ก็แค่ ‘ความเห็นใจ’ เท่านั้น เธอแค่โหยหาอยากพูดภาษาญี่ปุ่นก็เป็นได้

              ‘แล้วรู้ได้ไงว่าผมอยู่ที่นี่เหรอ?’

              ‘กิลด์นักผจญภัยแนะนำให้ไปหาตัวแทนอสังหาไง พวกฉันจตุรดาราแห่งบูรพาอยู่ระดับ B นะ?’

              ‘เรื่องนั้นก็รู้อยู่หรอก……’

              ใช้ประโยชน์จากการที่อยู่ระดับ B ได้ถึงขนาดนั้นเลยหรือ ในบางความหมายต้องบอกว่าเป็นอภิสิทธิ์ที่ไม่ต้องใช้ลายลักษณ์อักษร—-ทำให้ฮิคารุคิดว่าหลังจากนี้เพิ่มระดับของนักผจญภัยบ้างก็น่าจะดี

              ‘นายมาที่นี่ตั้งแต่เมื่อไรเหรอ?’

              ‘บอกมาก่อนสิ แล้วเดี๋ยวจะบอก’

              ‘ก็ได้ๆ ฉันมาที่นี่……ราวๆ 1 ปีแล้ว โดนรถบรรทุกชนน่ะ’

              ‘………….’

              ‘……อะไร? เอ๊ะ หรือว่าเธอก็ด้วย?’

              ‘เหมือนกัน เอาเถอะ แค่สาเหตุการตายเหมือนกันเท่านั้นแหละ’

              ฮิคารุเริ่มปวดหัว รถบรรทุกของญี่ปุ่นนี่มันร่ายเวทมนตร์ส่งคนไปต่างโลกไว้หรือเปล่า? ถึงรูปแบบนี้จะใช้กันอยู่ แต่มันไม่เยอะเกินไปหน่อยหรือ

              ‘สาเหตุการตาย หมายความว่ายังไงเหรอ? ฉันแค่โดนรถบรรทุกพุ่งเข้าใส่ตอนระหว่างเดินทางกลับบ้าน—-แล้วก็กลิ้งมาอยู่ที่โลกนี้เลย น่าแปลกที่ไม่มีบาดแผลอะไร รอบๆมีแต่ต้นหญ้า รู้สึกจะอยู่แถวสึมุกิเอลก้าของพอนโซเนียน่ะ’

              ‘มาทั้งชุดนักเรียนเลยเหรอ?’

              ‘ใช่แล้ว! ดีนะที่มีแคลอรี่เมทอยู่ในกระเป๋า 2 กล่อง เลยพอประทังชีวิตได้หลายวัน ถ้าไม่มีสิ่งนั้นคงแย่ไปแล้ว……’

              ‘ทำไมถึงพกมาซะเยอะขนาดนั้นเนี่ย?’

              ‘……ของจำเป็นสำหรับผู้หญิงไง’

              หรือว่าไดเอทด้วยแคลอรี่เมท?

              ‘แล้วนายล่ะ?’

              ‘ผม—-พบกับคนของโลกฝั่งนี้ที่โลกหลังความตาย แล้วถูกอัญเชิญดวงวิญญาณ’

              ‘เอ๊ะ อะไรเนี่ย มีเวทมนตร์อัญเชิญด้วยเหรอ? ถ้างั้นก็ไปญี่ปุ่นได้สิ!?’

              ‘ดูเหมือน—-จะติดต่อได้แค่ดวงวิญญาณในโลกหลังความตายน่ะ ผมเองก็กุมข้อมูลเกี่ยวกับ ‘ศาสตร์ในการข้ามโลก’ อยู่เหมือนกัน แต่ดูเหมือนการวิจัยจะมาถึงทางตันแล้ว’

              ‘……เหรอ’

              เซริก้าที่ตื่นเต้นออกนอกหน้าเพราะรู้ว่าอาจจะกลับญี่ปุ่นได้ จู่ๆ ความมุ่งมั่นก็ลดลงไปฮวบฮาบ

              ‘อยากกลับญี่ปุ่นเหรอ?’

              ‘แน่อยู่แล้ว! ……อยากจะบอกอย่างนั้นอยู่หรอกแต่ก็พูดยาก ยังอาวรณ์ทางนู้นอยู่ ทั้งพ่อและแม่อันเป็นที่รัก กับน้องสาวจอมอวดดี แล้วไหนนะ……เพื่อนๆอีก ถึงจะเพิ่งเป็นเพื่อนกันตอนเข้าม.ปลาย แต่ก็เป็นเพื่อนที่สนิทกันมากๆ พอไม่ได้พบกันก็รู้สึกเหงาๆ น่ะ’

              ’…………’

              จากของต่างๆ ที่เห็น ทำให้รู้ได้เลยว่ามีผู้ถูกส่งมาต่างโลกนอกจากพวกตัวเองอยู่มาก พวกเขาเหล่านั้นอาจเสียชีวิตทั้งที่ยังคิดถึงโลกเก่าเหมือนอย่างเซริก้าก็เป็นได้

              แน่นอนว่าอาจจะมีสักคนที่กลับญี่ปุ่นได้ ถึงกระนั้นคงไม่มีใครที่กลับญี่ปุ่นได้แล้วจะหวนกลับมาที่นี่อีกครั้งหรอก ถ้ามีใครที่ทำอย่างนั้นควรจะมีข้อมูลอะไรเหลืออยู่บ้าง

              หรือว่า—-ข้อมูลนั้นอาจจะถูกฝังไว้อยู่ที่ไหนสักแห่งก็ได้

              ถึงกระนั้น ฮิคารุกลับรู้สึกว่ามันเป็นความหวังที่ดูเลือนลาง ขนาดโรแลนด์ผู้ทำการวิจัย “ศาสตร์ในการข้ามโลก” เองยังไม่รู้เลย

              ‘อ้อ แต่ว่า!’

              เซริก้าดีดนิ้ว

              ‘ตอนนี้มีพวกโซริสิยู่เลยไม่เหงาน่ะ เป็นเพื่อนที่มีตอนมาทางนี้ไง!’

              วิธีการพูดอย่างนั้นค่อยสมกับเซริก้าแห่งจตุรดาราแห่งบูรพา

              ‘แล้วไปเข้าปาร์ตี้ของพวกเธอได้ยังไงเหรอ?’

              ‘พอฉันรู้ว่ามีความเข้ากันของธาตุก็เอาแต่ฝึกฝนน่ะ’

              ‘อ้อ ดูเหมือนจะใช้ได้ทุกธาตุสินะ’

              ‘ใช่แล้ว—-จะว่าไปรู้ได้ไงน่ะ? หรือว่ามีสกิลประเมิน?’

              ‘เปล่าหรอก ไม่ใช่ จะว่าไปมีสกิลประเมินด้วยเหรอ?’

              ‘ไม่เคยได้ยินมาก่อนเหมือนกัน’

              ‘นั่นสินะ……’

              ฮิคารุคิดว่าถ้ามีสิ่งนั้นคงมีชื่อเสียงมากกว่านี้ไปแล้ว

              ถึงจะบอกอย่างนั้น ฮิคารุที่ดูโซลบอร์ดของคนอื่นได้อย่างนี้ก็ใกล้เคียงกับการประเมินอยู่หรอก

              ‘จะว่าไป…ผมใช้เวทมนตร์ไม่ได้ แล้วมันต้องฝึกยังไงเหรอ?’

              ‘สิ่งที่ฉันใช้คือเวทมนตร์ของภูต เป็นเวทมนตร์ที่ส่งพลังเวทให้กับภูตเพื่อใช้งานพลังของภูตน่ะ’

              ‘เห็นภูตด้วยเหรอ—–คงไม่ใช่อย่างนั้นหรอกมั้ง? ถ้าเรื่องแค่นั้นผมรู้อยู่หรอก’

              ‘เอ่อ จะว่าไงดี มันก็ไม่ได้เห็นพวกธาตุหรอก……แค่รู้สึกว่ามันมีอยู่น่ะ ยกตัวอย่างเช่น ห้องนี้มีภูตแห่งลมอยู่มากเลย’

              ‘โห……’

              น่าเศร้าถึงฟังคำอธิบายไปก็ยังไม่เข้าใจ ถ้าเพิ่มแต้ม “เวทมนตร์” ในโซลบอร์ดให้กับตัวเองอาจจะรู้อะไรก็ได้ แต่ฮิคารุรู้สึกว่าไม่อยากใช้อย่างเปล่าประโยชน์

              ‘แล้ว ฉันลองยิงเวทมนตร์ใส่ฝ่ามือของตัวเอง’

              ‘……หา?’

              ‘ฉันรู้สึกตัวไง ว่าโลกนี้มีสิ่งที่เรียกว่า “ระดับจิตวิญญาณ” อยู่ไม่ใช่เหรอ? สิ่งนั้นน่าจะต้องเป็นเลเวลไม่ผิดแน่ๆ! แล้วยิ่งระดับสูงมากขึ้นเท่าไร ก็รู้ได้เลยว่าความเข้ากันได้ยิ่งเพิ่มมากขึ้น จะว่าไปทำไมคนในโลกนี้ถึงไม่เพิ่มระดับกันนะ?’

              ‘อ้อ’

              ฮิคารุพูดแนวคิดของตัวเองให้ฟัง ระดับของจิตวิญญาณไม่ได้ถูกแปลงออกมาเป็นตัวเลข แถมโลกนี้เองไม่มีแนวคิดเรื่องเลเวลเหมือนกับเกม RPG

              ความเข้ากันได้ของธาตุ ที่เซริก้า “รู้สึกว่าเพิ่มขึ้น” อาจจะเป็นแค่การคิดไปเองก็ได้ เนื่องจากไม่มีวิธีการพิสูจน์สิ่งนั้น—-และ

              (จะว่าไป ยิงเวทมนตร์ใส่มือของตัวเองเนี่ย……เพราะอย่างนั้นคนคนนี้เลยมีต้านทานเวทมนตร์ MAX งั้นเหรอ)

 

              [โซลบอร์ด] เซริก้า ทาโนะอุเอะ

              อายุ 17 ระดับ 104

              29

 

              [พลังชีวิต]

                 [พลังฟื้นตัว] 4

                 [สตามิน่า] 4

                 [ภูมิคุ้มกัน]

                    [ต้านทานเวทมนตร์] 5 (MAX)

                    [ภูมิคุ้มกันโรค] 1

                    [ภูมิคุ้มกันพิษ] 3

              [พลังเวท]

                 [ปริมาณพลังเวท] 19

                 [ความเข้ากันของธาตุ]

                    [ไฟ] 5

                    [ลม] 5

                    [ดิน] 5

                    [น้ำ] 5

                       [ความรักของภูติ] 3

                       [หลักแห่งพลังเวท] 0

                    [รังสรรค์เวทมนตร์] 2

              [ความชำนาญ]

                 [เชี่ยวชาญเครื่องมือ]

                    [เครื่องปรุงยา] 3

 

              ลองตรวจสอบโซลบอร์ดดูอีกครั้ง

              ‘……ขอถามอะไรสักอย่างเผื่อไว้หน่อยสิ เพื่อที่จะเพิ่มระดับจิตวิญญาณเลยฆ่ามอนเตอร์มาตลอดงั้นเหรอ?’

              ‘อือ แน่นอนอยู่แล้ว! ทำลายความชั่วให้สิ้นซากไง!’

              อ้า วิธีการพูดอย่างนี้ค่อยสมกับเป็นเซริก้า จตุรดาราแห่งบูรพา 

              ‘แต่ว่าถ้าใช่แค่ธาตุเดี่ยว เดี๋ยวภูตจะงอนเอา……ดังนั้นเลยใช้อย่างเท่าเทียมกัน ไหนจะทำให้ใช้เวทมนตร์ได้หลากหลายด้วย ระดับของจิตวิญญาณเองก็เพิ่มขึ้นเพียบ สนุกมากเลย’

              ‘…………’

              แต่ระดับจิตวิญญาณขึ้นเลข 3 หลักก็เยอะเกินไปหรือเปล่า……ฮิคารุคิดอย่างนั้น

              (หรือว่า “ความรักของภูติ” จำเป็นต้องมีครบทุกธาตุ แต่จะทำให้เลเวลขึ้นง่ายงั้นเหรอ? คนคนนี้บอกว่ามาที่โลกนี้เมื่อ 1 ปีก่อนด้วยสิ—-จะว่าไป 1 ปีทำได้ขนาดนี้นี่สุดยอดไปเลย คิดได้เยี่ยมมาก)

              ฮิคารุถามเซริก้าที่พยักหน้าพร้อมกับคิดสิ่งที่ทำมาใน 1 ปี

              ‘หรือว่า เซริก้าเป็นเกมเมอร์?’

              ‘ใช่แล้ว! เป็นเกมเมอร์เข้าเส้นเลย! พอตกดึกก็จับกลุ่มกับเพื่อนเมกาและเยอรมันไปลุยกันน่ะ! —–แล้วทำไมถึงมาเรียกกันห้วนๆอย่างนั้น! ถ้าคิดดูดีๆ เธอน่าจะอายุน้อยกว่าฉันไม่ใช่เหรอ?’

              ‘เอาเถอะ ไม่ต้องใส่ใจหรอก’

              ‘ต้องใส่ใจสิ! อวดดีจริงๆเลยนะ!’

              ‘นั่นเป็นจุดขายพิเศษของผมไง’

              ‘จุดขายพิเศษอย่างนั้นเนี่ยไม่แปลกไปหน่อยเหรอ! อ้า เพื่อนของฉันเคยบอกเอาไว้ว่า “ถ้ามีรุ่นน้องอวดดีเนี่ยมันเหนื่อยเอาเรื่องอยู่” ด้วยสิ!’

              ‘ถ้างั้นที่อยากกลับญี่ปุ่น เพื่อเล่นเกมงั้นเหรอ?’

              ‘อืม……ก็มีเรื่องนั้นด้วยนิดหน่อย แต่ได้มาลุยสดๆในโลกนี้ก็สนุกเหมือนกัน เอาเถอะ ถ้าฆ่ามอนสเตอร์มากเกินไปมันจะสะดุดตาเสียด้วย เพราะงั้นเลยได้มารวมตัวกับพวกโซริสไง ตั้งแต่มารวมตัวกัน……แทบจะไม่ต้องใช้ชีวิตแบบเสี่ยงตายอีกแล้วด้วย……’

              เซริก้าพูดอย่างนั้นพร้อมกับทอดสายตาไปไกล

              คนคนนี้ตั้งแต่ถูกส่งมาต่างโลกมีการใช้ชีวิตที่หนักหน่วงขนาดไหนกันนะ

              ‘ถึงจะบอกอย่างนั้น แต่ฉันคิดว่าการที่ได้มาโลกนี้ก็มีข้อดีอยู่เหมือนกันนะ?’

              ‘เรื่องที่ได้พบกับพวกโซริสเหรอ?’

              ‘เรื่องนั้นก็ใช่อยู่หรอก แต่โลกนี้—-จะว่าไงดี ค่อนข้างเท่าเทียมดีไง’

              ‘เท่าเทียม?’

              เผลอพูดตอบกลับไป ถึงจะอยากเสริมเข้าไปว่า “ตรงไหน?” ก็ตามที

              คิดว่าโลกนี้มันมีอะไรที่ไม่สมเหตุสมผลอยู่มากมาย สำหรับฮิคารุที่อาศัยอยู่ในญี่ปุ่นซึ่งยึดระบอบประชาธิปไตย การคงอยู่ของพวกอภิสิทธิ์ชนอย่างชนชั้นขุนนางเป็นอะไรที่ไม่อยากจะเชื่อตาตัวเองเลย

              แน่นอนว่าที่โลกเดิม คนที่เกิดมาในตระกูลอันมั่งคั่งน่าจะมีความสุขอยู่หรอก แต่ก็ไม่ได้มีสิทธิพิเศษมากเหมือนกับโลกนี้ การฆ่าคนด้วยแผนการโง่ๆคงเป็นไปไม่ได้ แถมไม่มีสงครามอีก

              ใช่แล้ว—-ครอบครัวของโรแลนด์ โดนเคานต์มอร์คสแตทสังหาร เป็นอะไรที่ไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด

              พอเซริก้าถูกส่งมาก็แทบจะใช้ชีวิตที่ต้องอยู่ระหว่างความเป็นความตายหรือเปล่า เพราะอย่างนั้นเลยแทบจะไม่ได้สัมผัสถึงความโสมมของมนุษย์สักเท่าไร

              ‘ถ้าใช้เวทมนตร์จะค่อยๆเก่งขึ้น ถ้าช่วงชิงชีวิตของสิ่งมีชีวิตสิ่งนั้นจะกลายมาเป็นพลัง ทั้งเวทมนตร์และจิตวิญญาณ ถึงจะเป็นสิ่งที่ไม่มีในประเทศญี่ปุ่น แต่คงเป็นสิ่งที่คอยรักษาสมดุลของโลกทางนี้เอาไว้อยู่ไง’

              ‘สมดุล……’

              ถ้าพูดว่าเท่าเทียมมันรู้สึกว่าไม่ถูกต้องเท่าไร แต่พอบอกว่าสมดุลพอจะเข้าใจได้อยู่

              ‘นายใช้เวทมนตร์ไม่ได้งั้นเหรอ ถ้าโดนเวทมนตร์ของฉันอาจจะทำให้มันตื่นขึ้นมาก็ได้นะ?’

              ‘ขอปฏิเสธก็แล้วกัน’

              ‘จู่ๆก็พูดสุภาพขึ้นมาเลยนะ……จะว่าไป! คนที่อยู่กับนาย เป็นผู้ใช้เวทมนตร์ชั้นยอดไม่ใช่เหรอ! มันเกิดอะไรขึ้นเหรอ!’

              เพราะเซริก้าชี้ไปทางลาเวียที่นั่งอยู่ตรงโซฟา ทำให้เธอสะดุ้ง เลยพยักหน้าบอกกับลาเวียว่าไม่เป็น ส่วนเซริก้าก็ลดนิ้วลง

              ‘โนคอมเมนต์’

              ‘พูดอย่างนั้นอีกแล้วเหรอ!? ไหนสัญญาว่าถ้าฉันพูดแล้วจะบอกไง!’

              ‘ไม่ใช่เรื่องของผม แต่เป็นเรื่องของลาเวียนี่?’

              ‘อ้า ชื่อลาเวียจังเหรอ? แฟนของนายนะ?’

              เซริก้ายิ้มเล็กยิ้มน้อยถามออกมา

              ‘ไม่ใช่แฟนสักหน่อย’

              ‘จริงเหรอ? อาศัยอยู่ด้วยกันไม่ใช่เหรอ? โฮะๆ รีบๆบอกความจริงกับพี่สาวคนนนี้มาซะ’

              ‘คู่ชีวิตต่างหาก’

              ‘……หนัก! หนักเกิน! มันอะไรกัน! พวกเธออายุน้อยกว่าฉันจริงหรือเปล่าเนี่ย!?’

              ‘ไม่หนักเท่าเรื่องของเธอที่ต้องกินเนื้อมอนสเตอร์หลังจากกินแคลอรี่เมทจนหมดหรอก’

              ‘ทำไมรู้เรื่องนั้น!?’

              ‘กะแล้วเชียว……ว่าแล้วทำไมเมื่อกี้ถึงทอดสายตาไปไกล’

              ‘ดันมาเปิดฝาซะได้ คราวนี้ถึงตานายพูดบ้างแล้ว! เอ้า เริ่มจากเรื่องที่น่าอายที่สุดก่อนเลย’

              ‘…คงอายเรื่องที่มีเด็กสาวม.ปลายญี่ปุ่นที่มีน้อยนิดในโลกนี้กลายเป็นผู้หญิงไม่ได้ความไง……’

              ‘อย่าพูดด้วยสีหน้าจริงจังสิ!’

              ถึงลาเวียกับพอลล่าจะฟังภาษาญี่ปุ่นไม่รู้เรื่อง แต่ก็ยังตั้งใจฟัง

              “อะ อะไรเนี่ย บรรยากาศของท่านฮิคารุเปลี่ยนไปเลย เหมือนกำลังสนุกอยู่ค่ะ”

              “อือ……”

              ลาเวีย มองเซริก้าที่พูดจ้อกับฮิคารุที่ดูเหมือนกำลังสนุก—-ถึงจะรู้สึกดีใจ แต่ก็รู้สึกเหงาเหมือนกัน

              “กะแล้ว……คงดีใจสินะ ที่ได้คุยกับคนบ้านเดียวกัน……”

              “? คุณลาเวีย?”

              “เปล่าหรอก ไม่มีอะไร”

              ลาเวียส่ายหน้าไปมาเบาๆ

              ตอนนี้การได้อยู่เคียงข้างฮิคารุ แค่นั้นก็มีความสุขแล้ว—-การขอมากกว่านั้น “เป็นการร้องขอที่ไม่มีทางเป็นไปได้”

              “การได้เห็นฮิคารุสนุกอย่างนี้ ฉันเองก็พลอยมีความสุขไปด้วย”

              “ลึกซึ้งมากค่ะ……!”

อาชีพสุดแกร่งตรวจจับไม่ได้ 《รูลเบรกเกอร์》

อาชีพสุดแกร่งตรวจจับไม่ได้ 《รูลเบรกเกอร์》

Score 10
Status: Completed
ฮิคารุ เด็หนุ่มผู้โชคร้ายที่ประสบอุบัติเหตุ แต่เขาได้รับโอกาสให้ไปเกิดใหม่ในต่างโลก โดยแลกกับการแก้แค้น -------------------------------- อันนี้เป็นงานสานต่อ ดังนั้นพวกชื่อต่างๆ อาจจะมีแตกต่างกับช่วงแรกไปบ้าง ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย

Options

not work with dark mode
Reset