อัศวินดำคุงไม่อยากเป็นเซ็นไต 162 และผู้มาเยือนคนใหม่

ตอนที่ 162 และผู้มาเยือนคนใหม่

 

ฮารุ ฮินาตะ เป็นแค่เด็กม.4 เองนี่หว่า?

 

นาโอะ?! คุสะ

 

เปิดเผยซื่อๆ เลยวุ้ย

 

5555 เอาเรื่องว่ะ

 

 

นาโอะ :ในฐานะนาโอะ อาโอฮานะ ฉันเองก็จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงไม่ต่างอะไรกับอัศวินดำซังและพี่สาว

 

นาโอะ :แต่ว่าฉันก็ไม่คิดจะเลิกไลฟ์เพียงเพราะตัวจริงของฉันถูกเผยหรอก

 

นาโอะ :แน่นอนก็ไม่คิดจะไปต่อว่าพวกนายหรอกในเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว

 

นาโอะ :ถ้าหากมีปัญหาอะไรก็ไปบ่นกับประธานเอาเองละกัน

 

 

คนบ้าที่ไหนจะไปทะเลาะกับประธานบริษัทใหญ่ฟะ

 

 

นาโอะ : ประธานได้คุยเรื่องนี้กับฉันมาสักพักแล้วว่ามันอาจจะเกิดขึ้นดังนั้นฉันจึงไม่ได้กังวลอะไรนัก

 

เหมือนนางจะโกรธสัตว์ประหลาดสุดๆ เลยวุ้ย เรื่องพี่สาวล่ะหายไปไหนซะล่ะ

 

ว่าแต่คิดยังไงเกี่ยวกับการออกเดทของบลูกับอัศวินดำคุงเหรอ?

 

นาโอะ : คิดยังไงเกี่ยวกับการเดทของพี่สาวกับอัศวินดำซังเหรอ?

 

 

มาละเหวยยยย

 

มาละหวาาาา

 

นาโอะ : ………..

 

5555 เอาละว่ะ

 

เงียบไปแล้ว

 

บรรยากาศชักไม่ค่อยจะดีแล้วพี่ชาย

 

นาโอะ : ฉันไม่ขอออกความเห็นในเรื่องนี้

 

อ้าว ดริฟซะงั้นเห้ย

 

ปกติมันต้องโวยวายไม่ใช่เหรอฟะ 5555

 

โดนบลูปิดปากหรือเปล่าหว่า 5555

 

นาโอะ : สิ่งที่ฉันโกรธจริงๆ ก็คือการที่เรดซังกับเยลโล่ซังมาอวดรูปเซลฟี่กับอัศวินดำซังต่างหาก

 

ถึงตัวจริงจะโดนเปิดเผย แต่ก็ยังเอาจัดเลยวุ้ย ว่าแต่ได้เซลฟี่กันด้วยเหรอ

 

บลูโดเนท 500 เยนเพื่อปิดปากเรื่องก่อนหน้าแหง

 

รู้ไหมอันที่จริงนาโอะเองก็ไปเดทกับอัศวินดำคุงด้วยเหรอ ฟุฟุ

 

เชี้ย บลูมาว่ะ?!อันนี้มาคือกะมาแหย่ใช่ไหม?!

 

บลูมาโว้ยยยยยย

 

นาโอะหน้าเปลี่ยนสีไปแล้วเห้ย

 

ใจเย็นๆ ก่อนสาวน้อย

 

ทุกคน อย่าไปหยอกเธอล่ะ

 

 

นาโอะ : ก็เออสิยะ แล้วทำไมฉันถึงหายไปเหมือนฝุ่นเลยล่ะเห้ย

 

พายุลงแล้วจ้า

 

พี่น้องทะเลาะกันได้ เอ้า เริ่ม 5555

 

 

 

 

 

นาโอะ : ทั้งที่ฉันก็อยู่ที่นั่นด้วยแท้ๆ แล้วทำไมล่ะ

 

เอ๋?ไม่ใช่ว่าหยอกเฉยๆ เหรอ

 

อยู่ด้วยกันจริงดิ?!

 

นาโอะ : เพราะงั้นทำไมถึงมีแค่ฉันที่ไม่โดนแอบถ่ายล่ะ

 

ตูว่าละทำไมถึงไม่บ่นเรื่องพี่ตัวเองไปออกเดต

 

เอางี้จริงดิ

 

นาโอะ : นี่ฉันมันไม่สำคัญขนาดนั้นเลยใช่ไหมยะ ไอ้พวกสัตว์ประหลาดบ้า!!

 

55555

 

นาโอะ?!ที่เธอก็ทรยศพวกเรา

 

นาโอะ : ฉันก็อยู่ตรงนั้นนะ?!?

 

หัวจะปวด

 

จะเอาฮาไปถึงไหนนนนนน!!

 

นาโอะ : ฉันเองก็อยากจะมีส่วนร่วมกับพวกเขาแท้ๆ ทำไมกันเล่า!!!?!?!

 

เด็กคนนี้สมองไปแล้ว 55555

 

ใจเย็นนะหนู ลูกอมไหม?

 

 

55555

 

ไม่ไหว ใครก็ได้ช่วยที 55555

 

 

นาโอะ : เอาเป็นว่าเรื่องนี้ก็ตั้งใจจะพูดตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ช่างมันเถอะ

 

สรุปคือชงมาเพื่อแบบนี้เลยว่างั้น

 

เด็กคนนี้แข็งแกร่งวุ้ย

 

นาโอะ : เอาเป็นว่าจากนี้คงต้องขอตัวไปคุยกับพี่สาวเป็นการส่วนตัวสักหน่อย กิจกรรมของฉันจะยังดำเนินต่อไป ตั้งตารอกันได้เลย

 

【ช็อตบันเทิง】ไฮไลท์สำคัญของไลฟ์นาโอะ

 

 

****

 

「…ฮารุจังก็เป็นน้องสาวของอาโออินี่เนอะ」

 

 

ในขณะที่นั่งดูไลฟ์ของฮารุจังเมื่อวาน ฮาคัวก็พูดเรื่องนี้ออกมาขณะจิบกาแฟ

 

 

 

 

「เพราะเป็นพี่น้องกันก็เลยคล้ายๆ กันสินะ?」

 

 

อัลฟ่าเองก็เป็นหนึ่งในคนที่ดูไลฟ์

 

วันนี้ฉันได้มาช่วยงานที่ร้านกาแฟ ซึ่งช่วงบ่ายไม่ค่อยมีลูกค้าก็เลยพอมีเวลาว่างมานั่งพูดคุยกับพวกอัลฟ่า ระหวางเช็ดโต๊ะไปด้วย

 

 

 

「นั่นสิ จากมุมของฉันพวกเธอก็มีความเหมือนกันจริงๆ ด้วย」

 

「「ไม่เห็นจะเหมือนสักนิด」」

 

 

ดูสิขนาดเถียงกลับยังพร้อมกันเชียว

 

 

「ฉันไม่ได้น่ารักเท่าพี่สักหน่อย」

 

「ถึงจะเป็นแบบนั้น ฉันเองก็ไม่ได้ฉลาดเหมือนฮาคัวด้วย」

 

「หากพี่ได้เรียนมากเท่าฉัน เดี๋ยวก็ตามทันเองแหละ」

 

 

ถึงจะบ่นว่าไม่เหมือนกันแต่อย่างน้อยพวกเธอก็ไม่ได้คิดจะต่อว่าอีกฝ่าย ไม่สิด้อยค่าฝั่งตัวเองแล้วชมอีกฝ่ายด้วยซ้ำ แม้หน้าตาจะไม่ได้คล้ายกันก็เถอะแต่ยัยพวกนี้ดูยังไงก็พี่น้องกันแหละน้อ

 

เอาเถอะความสัมพันธ์แบบพี่น้องมันก็ดูยุ่งยากด้วยสิ

 

 

 

「ไม่ต้องเถียงกันหรอกน่าพวกเธอเป็นพี่น้องกันจริงๆ นั่นแหละ」

 

「「ไหงงั้น?!」」

 

「อย่าให้ต้องพูดเลย」

 

 

ถ้าให้บ่นออกมาก็มียาวเป็นหางว่าว ไหนจะเรื่องงานบ้านห่วยแตก กินเหมือนกับรถดูด ลากฉันให้ไปเป็นน้องชายของพวกเธอ

 

ทั้งสองคนเหมือนจะเข้าใจที่ฉันพูดก็เลยยิ้มแบบแห้งๆ ให้แทน เห็นแบบนั้นฉันจึงตะโกนเรียกมาสเตอร์ในครัว

 

 

「มาสเตอร์ ผมเช็ดโต๊ะเสร็จแล้วนะ」

 

「โอ้ ในเมื่องานเสร็จแล้วทำไมนายไม่ไปพักสักหน่อยล่ะ?」

 

「งั้นก็ขอสักหน่อยแล้วกัน」

 

 

จากนั้นคอสโม่ก็ตะโกนบอกกับมาสเตอร์เหมือนฉัน

 

 

 

「ชินโด ทางฉันเองก็เสร็จแล้ว」

 

「หือ? อ้า งั้นฝากเช็ดหน้าต่างต่อด้วยละกัน」

 

「ฉันว่ามันแปลกๆ นะ!?」

 

「แปลกตรงไหน」

 

 

เธอยังคงได้รับการปฏิบัติเหมือนเคย

 

แต่คอสโม่เองก็ดูเหมือนจะเข้าใจว่านั่นเป็นมุกตลกเฉยๆ เธอเลยไปนั่งพักตรงเคาน์เตอร์

 

 

「แปลกนะ ที่เห็นล้อคนอื่นเล่น」

 

「ก็ยัยนี่มันคุ้มที่จะหยอกนี่นา」

 

「นั่นสินะ พักนี้ก็เห็นเอาแต่สวมชุดน่ารักๆ ด้วย」

 

「หนวกหู……」

 

 

หลังได้ยินคำพูดของฮาคัวกับอัลฟ่า คอสโม่ก็หันไปมองชุดเมดที่ตัวเองใส่แล้วถอนหายใจ

 

ทั้งที่มาสเตอร์กับฉันก็บอกว่าหากไม่อยากขนาดนั้นก็ไม่จำเป็นต้องใส่ แต่ดูเหมือนยัยนี่แค่อยากจะบ่นเฉยๆ แถมยังใส่มาทำงานทุกวันอีก

 

 

「จะว่าไปบลูเป็นอะไรหรือเปล่าหลังตัวจริงโดนเปิดเผยไป?」

 

「หืม?เท่าที่ฉันเห็นก็ไม่มีอะไรน่ากังวลนะ」

 

「ประธานเองก็ช่วยดูแลครอบครัวของเธอทันทีหลังข้อมูลถูกปล่อยด้วย」

 

 

อันที่จริงประธานคิดเอาไว้แล้ว

 

ตอนที่อากาเนะถูกเผยตัวจริง ประธานก็คิดเอาไว้แล้วว่าพวกสัตว์ประหลาดมันรู้ข้อมูลนี้แต่แรกอยู่แล้ว ดังนั้นจึงเป็นเพียงแค่เวลาเท่านั้นที่ตัวจริงของอาโออิและคิราระจะถูกเปิดเผย

 

ดังนั้นเรมะจึงวางแผนรับมือเอาไว้สำหรับครอบครัวของเธอเรียบร้อยแล้ว โดยใช้เวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมงด้วยซ้ำหลังเกิดเรื่อง

 

 

 

「แล้วทางคิราระล่ะ……」

 

「เอ่อ เรื่องนั้น……」

 

「ขอโทษนะที่ถาม」

 

 

ฮาคัวกับอัลฟ่ามองหน้ากันเหมือนรู้สึกผิด

 

หลังตัวตนของอากาเนะและอาโออิถูกเปิดเผย ตัวตนของคิราระก็ถูกเผยตามทันทีว่าเธอคือจัสติสเยลโล่ โดยอ้างอิงจากความสัมพันธ์ของพวกเธอตอนอยู่มอปลายหรืออะไรทำนองนั้น

 

 

『ถึงจะโดนเผยตัวจริงก็เถอะ….!! แต่ไอ้แบบนี้มันแปลกเกินไปไหม….หรือเพราะฉันมันธรรมดาเกินไปจนไม่น่าสนใจเหรอ?!』

 

 

เยลโล่บ่นออกมาทันทีหลังจากตัวตนที่แท้จริงของเธอถูกเปิดเผย แต่ไม่รู้ทำไมคนถึงไม่ค่อยสนใจกันเท่าอากาเนะกับอาโออิ

 

 

 

แน่นอนว่าครอบครัวของคิราระเองก็ได้รับการดูแลเรียบร้อยแล้ว

 

 

 

『โห นี่คือสำนักงานใหญ่ของจัสติสครูเซเดอร์เหรอ มีครัวหรือเปล่านะ?』

 

『เรมะซัง…อันที่จริงผมอยากจะคุยกับคุณมานานแล้วครับ โอ้ คัตสึมิคุงนี่ อยากจะมานั่งคุยเล่นกันหน่อยไหม?』

 

『พี่คัตสึมิ!』

 

『ถ้าอยู่ที่นี่ก็เล่นได้ตลอด!!』

 

 

ทัศนคติความคิดของครอบครัวอามัตสึกะนี่สุดยอดชะมัด พวกเขาไม่ได้รู้สึกกังวลว่าตัวเองต้องมาหลบอยู่ในสำนักงานใหญ่เลย

 

ส่วนพ่อแม่ของอาโออิกับฮารุก็———

 

 

『เป็นสถานที่ที่มีชีวิตชีวาเสียจริง』

 

『……เครื่องจักรเต็มไปหมด』

 

『คุณคะ หยุดมองไปรอบๆ แล้วเก๊กหน้าเข้มได้แล้ว เอ้พูดกับเขาดีๆ หน่อยสิ』

 

『……ขอฝากตัวด้วยครับ』

 

『สีหน้าน่ะทำให้มันดีๆ หน่อย』

 

『……ขอโทษครับ』

 

 

ไม่ว่าจะเห็นอีกกี่ครั้งก็ชวนให้คิดว่าครอบครัวของอากาเนะนี่ดูจะปกติกว่าใครเพื่อน

 

ในขณะที่คิดถึงสิ่งที่เห็นในครอบครัวฮินาตะกับอามัตสึกะ ประตูของร้านกาแฟก็เปิดขึ้นพร้อมกับเสียงกระดิ่งที่ดัง เป็นสัญญาณว่ามีแขกเข้าร้าน

 

พอได้ยินเสียงนั้น คอสโม่ที่ทำหน้าบึ้งมาโดยตลอดก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มร่า

 

 

 

「ร้านกาแฟเซอไซนัสยินดีต้อนรับค่ะ!」

 

「อื้อ……」

 

 

คนที่เข้ามาในร้านคือผู้หญิงวัยประมาณ 20 สวมกระโปรงยาวกับเสื้อสีขาวทั้งตัว

 

「? มาคนเดียวเหรอคะ?」

 

「คนเดียวค่ะ……」

 

 

 

 

เส้นผมสีเงินที่ปลายเป็นเขียวกับน้ำเงิน หน้าม้าบางส่วนลงมาปิดตาของเธอเอาไว้

 

ภายในมือของเธอมีถุงผ้าสีขาวขนาดใหญ่อยู่ และเธอได้นำมันไปวางไว้ข้างตัวหลังนั่งตรงโต๊ะริมหน้าต่างร้าน

 

 

「เป็นลูกค้าที่แปลกจัง」

 

「ฉันรู้นะ ฮาคัว สไตล์แบบนี้เขาเรียกว่าสาวโมริแหละ」

 

「หือ」

 

 

ฉันว่ามันไม่น่าใช่ชุดเหมาะสำหรับเที่ยวป่านะ….

(森 โมริ มันแปลว่า ป่า ตัวเอกไม่เข้าใจแฟชั่นเลยคิดว่าตรงๆ เลยว่ามันเป็นชุดเดินป่า)

 

ในขณะที่ฉันกำลังฟังบทสนทนาของอัลฟ่ากับฮาคัว ฉันก็หยิบเอาพวกแก้วอะไรออกมาเช็ดไปพลางๆ ทางคอสโม่เองก็กลับมาแล้วตะโกนบอกเมนูให้มาสเตอร์

 

 

「ชินโด ของกาแฟหนึ่งที่ ช็อตเค้ก 1 ชิ้น แล้วก็ช็อคโกแลตเค้กกับชีสอีก 1」

 

「อ้า」

 

 

คนเดียวกิน 3 ชิ้นเลยเหรอ

 

แต่ฮาคัวก็ยัด 5 ชิ้นได้สบายเลยนี่หว่า คงปกติแหละ

 

ในขณะที่ฉันกำลังคิดเรื่องนี้ คอสโม่ก็แสดงสีหน้าปั้นยากออกมาแล้วพูดกับฉัน

 

 

 

「……โฮมุระ」

 

「ว่า?」

 

「เธอเป็นเอเลี่ยนเหมือนฉัน」

 

「ถามจริง?」

 

「อ้า แต่อาจจะมองยากหน่อยเพราะอีกฝ่ายไม่มีเจตน่าร้ายเลยอ่านะ」

 

 

ฉันหันกลับไปมองผู้หญิงที่เข้ามาในร้านอีกครั้ง

 

สีหน้าของเธอดูกระสับกระส่าย ทำตัวน่าสงสัยแปลกๆ ก็จริง….แต่ดูเหมือนจะไม่ได้มีเจตนาร้ายอย่างที่คอสโม่บอก

 

 

 

「นายไปเถอะ เดี๋ยวฉันจะดูจากตรงนี้・・・」

 

 

คอสโม่นำเลโอที่กลายเป็นหัวเข็มขัดเสียบตรงที่เข็มขัดรอบเอว ตาขวาของเธอเปล่งประกายสีทองออกมา โดยยังไม่ได้แปลงร่าง

 

ดูเหมือนว่าจะเป็นการใช้งานพลังในการมองเห็นอนาคตหรือความเป็นไปได้โดยไม่จำเป็นต้องแปลงร่างละมั้ง

 

 

「ฮาคัว อัลฟ่า ติดต่อเรมะเผื่อไว้หน่อย」

 

「เข้าใจแล้ว」

 

 

ฉันก็ไม่อยากจะกังวลหรอก แต่มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอนที่พวกเราจะมาเจอกันในร้านนี้

 

ในขณะที่ฉันเดินเข้าหาอีกฝ่ายอย่างระมัดระวัง เธอก็เหมือจะสัมผัสได้แล้วหน้าซีดทันที

 

 

 

「เธอรู้เรื่องของฉันแล้วสินะ?」

 

「……ค่ะ」

 

「ขอนั่งตรงนี้ได้ไหม?」

 

「เชิญค่ะ……」

 

 

เสียงของเธอเบามากเสียจนแทบไม่ได้ยิน

 

ว่าแล้วฉันก็ไปนั่งตรงข้ามกับเธอเพื่อให้พูดคุยกันได้ง่าย ก่อนจะเห็นดวงตาสีทองผ่านช่องหน้าม้าของเธอ

 

 

 

「ทำไมเธอถึงมาที่นี่?」

 

「……อ่ะ เอ่อ เรื่องนั้น……」

 

 

ดูเหมือนอีกฝ่ายจะสับสนพอสมควร

 

….หรือฉันจะกดดันเธอมากไปกันนะ

 

เอาเป็นว่าถามแบบเบาๆ ลองหน่อยดีกว่า

 

 

「ขอเปลี่ยนคำถามแล้วกัน….ทำไมถึงมาที่ร้านนี้ได้เหรอ?」

 

「……ซันนี่ บอกฉันว่า ให้มาที่นี่……」

 

 

ซันนี่เป็นคนบอกที่อยู่ร้านงั้นเหรอ

 

แต่ก็นะ ด้วยนิสัยของหมอนั่นแล้วคงไม่คิดจะบอกที่อยู่ของร้านให้กับคนที่จะมาทำอันตรายมาสเตอร์แน่นอน

 

เอาเป็นว่าก็ลองถามต่อละกัน

 

 

「แล้วมาที่โลกนี้ทำไมเหรอ?」

 

「……」

 

 

พอฉันถามเธอ เธอก็ดึงเอาบางอย่างจากภายในถุงสีขาวออกมาให้ฉันดู

 

โปรโตกับชิโระตั้งท่าระวังสุดๆ ในจังหวะที่เธอเอามือล้วงเข้าไป แต่ก็ต้องตกใจเมื่อเห็นสิ่งที่เธอนำออกมา เพราะมันคือสมุดสเก็ตช์ภาพ

 

 

「สมุดสเก็ตช์ภาพ?」

 

 

ฉันถึงกับไปไม่เป็น

 

เดี๋ยวนะดูจากปกเหมือนจะไม่ใช่ภาพวาดปกติด้วย หรือว่าจะ———

 

 

「……มังงะ?」

 

「ค่ะ……」

 

「มาที่โลกนี้เพื่อวาดมังงะ?」

 

「ค่ะ……」

 

「แล้วมันเกี่ยวอะไรกับร้านนี้ล่ะ?」

 

「เอ่อ…คือ…มาหาเรฟค่ะ」

 

 

หา?!ไอ้แบบนี้มันใช่เหรอ

 

คือฉันคงช็อคกว่านี้หากไม่ได้พูดคุยแบบหลุดโลกกับลำดับที่ 9 มาก่อน

 

ฉันจึงรีบตั้งสติแล้วชี้ไปยังสมุดสเก็ตช์

 

 

 

「……ขอดูได้ไหม?」

 

「ชะ เชิญเลยค่ะ……」

 

 

หลังได้รับอนุญาตฉันก็เปิดสมุดดู

 

ว่ากันตามตรงฉันเองก็กำลังมาลองอ่านมังงะแบบจริงๆ จังๆ เมื่อไม่นานมานี้เอง แต่จากสิ่งที่เห็นบอกเลยว่าลายเส้นของเธอดีมาก

 

ส่วนเนื้อหา…เรื่องราวของเด็กสาวที่ชีวิตตกต่ำแล้วได้รับพลังพิเศษมาจนกลาย

 

 

「ปะปะปะปะ เป็นยังไงบ้างคะ?」

 

「……หื้ม」

 

「ถะ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะได้ความเห็นที่ตรงไปตรงมาค่ะ…..」

 

 

พอรู้สึกตัวอีกที บรรยากาศตอนนี้ทำไมมันเหมือนการเจอกันระหว่างนักวาดมังงะกับบรรณาธิการเลยล่ะ

 

เอาเป็นว่าในเมื่ออีกฝ่ายขอความเห็นตรงไปตรงมา ฉันก็ต้องตอบรับแบบจริงใจ

 

 

「ก่อนอื่นเลย การร่ายถึงเบื้องหลังของตัวร้ายที่คอยกดขี่ตัวเอกเนี่ยมันจำเป็นต้องยาวขนาดนี้เลยเหรอ?」

 

「อึก」

 

「เพราะแบบนั้น การสร้างความโดดเด่นให้กับตัวละครหลักซึ่งควรจะแสดงออกมาได้ชัดตั้งแต่ตอนแรกมันเลยจางไป ว่ากันตามตรงช่วงแนะนำตัวร้ายที่คอยกดขี่ตัวเอกเนี่ยมันน่าเบื่อสุดๆ」

 

「อุ」

 

「แล้วทำไมถึงได้ตั้งชื่อตัวละครที่กดขี่ตัวเอกให้ชื่อคล้ายกับตัวเอกขนาดนี้กัน?หรือคิดจะวางโครงเรื่องอะไรให้มีปมต่อ?」

 

「เอ่อ」

 

「นอกจากนี้ การสนทนาของตัวละครในช่วงที่อยู่กันหลายคน องค์ประกอบของภาพและคำพูดมันชวนให้รู้สึกเหมือนทุกคนกำลังคุยกับแค่ตัวเอกคนเดียว」

 

「เอื้อ」

 

「แล้วการสนทนามันก็อธิบายอะไรเยอะเกินไปหน่อย เข้าใจว่าอยากจะเก็บรายละเอียดทุกอย่างเอาไว้นะ แต่สุดท้ายมันจะทำให้เนื้อหายืดแทน」

 

「อั๊ค」

 

「ฉันเข้าใจนะว่ามันสำคัญ แต่การทำแบบนั้นมันจะเป็นการฝืนเหมือนให้ตัวละครทุกตัวจำเป็นต้องอธิบายการกระทำหรือความคิดของตัวเองมากเกินไปหน่อย ทางที่ดีฉันว่าเธอควรจะให้ผู้อ่านเก็บไปคิดหรือคาดเดากันเอาเองจะสนุกกว่า」

 

「โอ้」

 

「แล้วก็เรื่องของมุขตลกที่ไม่เข้ากับสถานการณ์ด้วย คือมันทำให้คนอ่านไม่รู้ว่าควรจะจริงจังหรือเอาตลกดี」

 

「ค่ะ」

 

 

 

『อึก แค่ฟังก็สงสารแทนแล้วอ่ะ….คัตซึนน่ากลัวเกินไปแล้ว』

 

『คัตสึมิเริ่มอ่านไม่นานมานี้เองไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงได้ดูโปรจัง….』

 

『โฮมุระ นายมันปีศาจ』

 

 

 

เนื้อหาค่อนข้างจะเข้มข้น แต่การเอาอารมณ์ขันมาตัดบางทีก็ไม่ใช่เรื่องที่ควรทำนัก

 

แน่นอนว่ามันก็ไม่ได้แย่ไปเสียหมด จุดแข็งของเรื่องที่เธอวาดเองก็มีอยู่ ที่เหลือก็แค่ต้องมาตบให้มันเข้ารูปอีกสักหน่อยเท่านั้นเอง

 

 

「ส่วนเรื่องที่น่าชมก็คือตัวละครในเรื่องค่อนข้างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว」

 

「เอ๋?」

 

「เนื้อเรื่องโดยรวมก็ดูผูกมาดี ฉากต่อสู้ดูมีพลังคุ้มค่าแก่การอ่าน เรียกได้ว่าลื่นไหลและเพลินสุดๆ」

 

「วะวะวะ หวาาาา……」

 

「แต่ยังไงชื่อเรื่องก็ต้องเปลี่ยนจริงๆ นั่นแหละ」

 

「หวาย」

 

 

ฉันให้ความเห็นแบบจริงจังจนตัวเองยังตกใจ

 

แม้จะมีจุดต้องแก้ไข แต่รวมๆ ก็น่าสนใจ

 

 

 

「ฉันพูดไปเยอะแล้ว สรุปก็น่าสนใจดีนะ น่าทึ่งจริงๆ ที่เธอสามารถเขียนเรื่องแบบนี้ออกมาได้」

 

「……หมะ มะมะมะมะมะมะมะ」

 

 

อยู่ดีๆ เธอก็พูดคำว่า มะ รัวๆ เหมือนกับเครื่องรวน

 

 

 

「ปะ เป็นอะไรไปน่ะ?」

 

「มะ….ถ้าไม่รังเกียจหลังจากนี้ก็ช่วยมาอ่านใหม่ได้ไหมคะ?」

 

「อ้า ถ้าแค่นี้ละก็สบายมาก」

 

 

ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลยสักนิด

 

ดูเหมือนยัยนี่จะมาแบบไม่มีเจตนาร้ายจริงๆ ด้วยสิ นอกจากนี้การให้เธออยู่ในสายตาก็อาจจะจับตาดูได้ง่ายกว่าด้วย

 

ิยิ่งไปกว่านั้นเธอคือคนที่ซันนี่แนะนำมา ฉันเลยพอไว้ใจระดับหนึ่ง

 

 

 

 

「ขอโทษที่ให้รอค่ะ นี่กาแฟกับเค้ก 3 ชิ้น….โฮมุระ」

 

 

คอสโม่มาพร้อมกับกาแฟและเค้กในถาดพูดชื่อของฉัน

 

พอได้ยินฉันก็รีบลุกขึ้นทันที

 

 

 

「ขอโทษที่มารบกวนนะ…เอ่อ…ขอถามชื่อเธอหน่อยได้ไหม?」

 

 

พอฉันถามชื่อของเธอ อยู่ดีๆ เธอก็ตัวสั่น ก่อนจะค่อยๆ เปิดปากพูด

 

 

 

「อิริสเต……อ่ะ..เอ่อ…สเตล่า…จัง….」

 

 

ฉันรอให้อีกฝ่ายพูดออกมาเอง แม้ท่าทางของเธอจะดูลังเลสุดๆ เลยก็เถอะ

 

 

「อิ อิริสค่ะ….……」

 

 

ดูยังไงก็เป็นชื่อปลอม แต่ช่างมันเถอะ

 

ในเมื่อเธอรวบรวมความกล้าที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีขนาดนี้ แม้จะเป็นชื่อปลอมฉันจะยอมปล่อยๆ ไปละกัน

 

แค่ฉันได้เห็นสมุดสเก็ตช์ภาพของเธอฉันก็พอเข้าใจแล้วว่าเธอให้ความสำคัญและจริงจังกับมันขนาดไหน

 

—จบ—

 

อิริสเตร่ามาแบบเงียบๆ เช่นเดียวกับเรื่องราวของเยลโล่ที่ถูกเปิดเผยออกมาแบบเงียบๆ ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ……น่าสงสาร  ดูทรงอิริสเตร่าเป็นสายพูดเก่งแค่หน้าคีย์บอร์ดแหงหรือเพราะหลอนอัศวินดำร่างgeminiไม่หายก็ไม่อาจทราบ

 

 มาเม้ามอยหลังอ่านกันได้ที่เพจนะครับ แล้วก็ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ  และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code

 

 

 

อัศวินดำคุงไม่อยากเป็นเซ็นไต

อัศวินดำคุงไม่อยากเป็นเซ็นไต

Score 10
Status: Completed
คัตสึมิ โฮมุระ วายร้ายที่รู้จักกันในนาม อัศวินดำ ชายผู้คิดว่าตัวเองคือวายร้ายแสนโฉดชั่ว เมื่อพ่ายแพ้ให้กับฝั่งฮีโร่เขาก็ถูกจับตัวไป ทว่าสิ่งที่รอเขาอยู่กลับไม่ใช่คุกหรือพวกตำรวจ แต่กลับเป็นขุมนรกที่ตัวเขาเกินจะคาดฝันแทนซะอย่างงั้น โลกที่ขบวนการเซ็นไตมีอยู่จริง เรื่องราวของอัศวินดำจอมวายร้ายที่มีสามัญสำนึกผิดแปกและถูกคนธรรมดาเข้าใจผิดมาโดยเสมอ บัดนี้เขากำลังจะถูกลากเข้าขบวนการเซ็นไตเสียแล้ว ※ผลงานชิ้นนี้กาวล้วนๆไม่มีเกลือผสม

Options

not work with dark mode
Reset