อัศวินดำคุงไม่อยากเป็นเซ็นไต 160 ทางออกที่แตกต่าง

ตอนที่ 160 ทางออกที่แตกต่าง

 

 

นี่พวกเรากำลังทำบ้าอะไรอยู่นะ

 

ภายใต้หน้ากากของสิ่งที่เรียกว่าผู้คุ้มกันฉันกับคิราระได้แอบตามคัตสึมิคุงที่มาช็อปปิ้งกับฮารุจังและยัยบลูหน้าไม่อาย ทว่าพอมาถึงจุดหนึ่งพวกฉันกลับรู้สึกผิดขึ้นมาซะอย่างงั้น

 

การเข้ามารบกวนพวกเขาในเวลาแบบนี้ว่ากันตามตรงมันแอบล้ำเส้นจริงๆ นั่นแหละ

 

แม้จะเป็นเพื่อนสนิทแต่มารยาทก็สำคัญไม่แพ้กัน ครั้งนี้อาโออิสามารถชวนเขาออกไปเที่ยวได้สำเร็จ ถึงจะสงสัยว่าทำไมลากฮารุจังมาด้วยก็เถอะ…..นั่นสินะ ถึงจะเป็นอาโออิแต่พอเจอของจริงเข้าไปก็คงไม่ไหวเหมือนกัน เอาเป็นว่าสุดท้ายมันก็ไม่ใช่เรื่องที่พวกฉันควรเข้าไปแทรก

 

ในอดีตเขาต้องอยู่ภายใต้การดูแลของพวกเราการจะออกไปข้างนอกได้สักทีก็วุ่นวายยกใหญ่

 

ดังนั้นหากเขาสามารถเพลิดเพลินกับวันหยุดและเที่ยวได้อย่างสนุกสนานพวกฉันก็ดีใจ

 

นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ฉันไม่สามารถให้อภัยพวกสัตว์ประหลาดที่มาทำลายความสงบสุขของเขา

 

การติดต่อกับภายนอกถูกตัด

 

บาเรียลึกลับได้ปกคลุมทั่วห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่

 

เมื่อพิจารณาจากสิ่งที่เจอ ศัตรูคือสัตว์ประหลาดที่พวกเราเจอในอดีต สัตว์ประหลาดที่ทำให้ความสามารถทางกายภาพของพวกเราอยู่ในระดับค่าเฉลี่ย

 

ฉันกับคิราระไม่ลังเลมุ่งตรงเข้าไปหามันทันที

 

 

 

 

「เรด ทั้งที่แปลงร่างแล้วแต่ฉัน….」

 

「อ้า ถึงจกแปลงร่างและได้รับพลังเสริมจากสูทก็ไม่เปลี่ยนหรอก」

 

แม้พวกเราจะแปลงร่างกันแล้ว ค่าความสามารถทางกายภาพก็ไม่เปลี่ยนไปจากเดิม

 

ความสามารถที่เพิ่มมาก็ถูกเอาไปถัวกับค่าเฉลี่ยอยู่ดี

 

มันคือความสามารถที่น่ารำคาญจริงๆ

 

 

 

『เรด?!เยลโล่ด้วย?!』

 

『พวกเธอมาที่นี่กันได้ยังไงนะ!?』

 

『ท่านพี่เรด!?』

 

 

 

「ทุกคนรีบอพยพกันไปเดี๋ยวนี้เลย!!」

 

「ตอนนี้สัตว์ประหลาดได้ปรากฏตัวขึ้นที่นี่ รีบหนีไปซะ!!」

 

 

พวกคนในห้างพอเห็นฉันกับคิราระก็หยุดมุงกันยกใหญ่ พวกเราเลยไม่มีทางเลือกนอกจากไล่พวกเขาไปแล้วรีบมุ่งไปหาสัตว์ประหลาด

 

การตัดสินใจทุกอย่างต้องทำเอาหน้างาน เพราะการสื่อสารกับภายนอกถูกตัดขาด

 

 

 

「….ว่าแต่ รู้สึกเหมือนมีเสียงผู้หญิงเรียกฉันว่าท่านพี่หรือเปล่านะ?!」

 

「นั่นสินะ เธอเองก็เป็นน้องเล็กสุดของบ้าน จิตใจของเธอคงอยากจะให้ใครสักคนเรียกพี่แหละ」

 

「ใครมันจะอยากได้น้องสาวกันล่ะ?!นอกจากนี้ยังเป็นใครก็ไม่รู้อีก!!」

 

 

….แย่ชะมัด ไม่คิดเลยว่าการถูกเผยตัวจริงจะสร้างความยุ่งยากขนาดนี้

 

ในจังหวะที่พวกฉันกำลังมุ่งไปหาสัตว์ประหลาดเหมือนจะได้ยินเสียงพวกผู้หญิงเรียกฉันว่าท่านพี่ประมาณ 4 รอบได้

 

พอไปถึงปลายทางฉันก็พบกับสัตว์ประหลาด 3 ตัว

 

 

「ฮิๆๆ ถึงเวลาล่า」

 

「หวังว่าจะพอช่วยอุ่นเครื่องให้ก่อนไปเจอพวกจัสติสครูเซเดอร์นะ」

 

「ตุ๊กตาซ้อมที่มีเลือดเนื้อนี่มันดีจริงๆ」

 

 

สัตว์ประหลาด 2 ตัวสวมผ้าพันแผลรอบหัวและสวมชุดยูโด ส่วนอีกตัวเป็นโครงกระดูกที่มีหัวประดับด้วยเกล็ดแหลม

 

ทว่าสิ่งที่พวกมันทั้ง 3 เหมือนกันก็คือร่างของพวกมันบางส่วนถูกประดับไว้ด้วยเกราะสีทองฉูดฉาด มันคือเกราะที่สร้างมาจากพลังแห่งดวงดาราแน่นอน

 

 

…แล้วสัตว์ประหลาดที่สวมชุดยูโดทั้งสองนั่นมันเหมือนสัตว์ประหลาดที่พวกเราเคยเผชิญหน้ามาก่อนแล้วเลยแฮะ

 

 

 

「———หือ? ทำไมจัสติสครูเซเดอร์ที่น่ารังเกียจถึงมาอยู่นี่ได้กัน!!」

 

「ลาภลอยละเว้ย!!」

 

 

นอกจากสัตว์ประหลาดแห่งสมดุลมันมีตัวอื่นอยู่ด้วย พอพวกสัตว์ประหลาดมันเห็นฉัน ตัวที่สวมชุดยูโดทั้งสองก็ตรงเข้ามาโจมตีฉันทันที

 

ฉันกับคิราระรีบชักอาวุธออกมาตอบโต้เพื่อต้านมันทันที

 

 

 

 

「……」

 

ความรู้สึกชาแปลกๆ เกิดขึ้นที่มือ อาจจะเป็นเพราะพลังของฉันถูกลดลงไปเป็นอย่างมาก

 

คิราระเองก็ไม่มีพลังมากพอจะเหวี่ยงขวานได้ด้วยมือเดียวเหมือนปกติ

 

 

「ยังหรอกน่า……!」

 

「รู้สึกมันจะผิดแผนไปหน่อยไหม เพราะพวกเราถูกสั่งมาว่าให้สร้างความวุ่นวายกับมนุษย์ก่อนแล้วค่อยไปจัดการกับพวกมัน?!」

 

 

สัตว์ประหลาดสวมชุดยูโดแสดงรอยยิ้มอันน่าขนลุกออกมาจากใบหน้าที่ถูกพันไว้ด้วยผ้าพันแผล

 

กลับกันสัตว์ประหลาดที่มีเกล็ดแหลมบนหัวกลับรู้สึกหงุดหงิดที่ผิดแผนแปลกๆ

 

 

 

「เห็นได้ชัดว่าพวกมันไม่ได้คาดหวังให้พวกเราปรากฏตัวตอนนี้」

 

「ถ้าจะเป็นงั้นก็เรียกว่าโชคดีแล้วแหละ เพราะหากเราไม่อยู่ตรงนี้ได้เกิดเรื่องใหญ่แหง」

 

 

 

「น่ารำคาญวุ้ย……!!」

 

 

ดูเหมือนบุคลิกหุนหันของพวกมันจะไม่เปลี่ยนไปจากอดีตเท่าไหร่

 

อย่างไรก็ตามสิ่งที่ต่างไปจากอดีตของมันก็คงจะเป็นชุดเกราะสีทองที่ประดับอยู่ตามร่างของมัน แต่เรื่องความสง่าคงเทียบกับสูทของประธานไม่ได้

 

จากนั้นสัตว์ประหลาดที่สวมชุดยูโดทั้งสองก็ตั้งท่าเตรียมต่อสู้ใหม่โดยมีสัตว์ประหลาดแห่งสมดุลอยู่ข้างหลัง

 

ตัวหนึ่งชักคาตานะออกมาจากร่าง ส่วนอีกตัวชักโนดาจิก่อนจะเพ่งสายตามาทางฉันกับคิราระเหมือนอยากจะดวลตัวต่อตัว

 

 

 

「พวกเราคือสัตว์ประหลาดแห่งเทคนิค เทคนิก้า」

 

「สัตว์ประหลาดที่ครั้งหนึ่งเคยแพ้ให้กับพวกแก」

 

 

สรุปเป็นเจ้าเทคนิก้าจริงๆ ด้วย

 

ฉันเพ่งสมาธิไปยังสัตว์ประหลาดที่ประกาศชื่อของตัวเองออกมาแล้วชี้ดาบมาหาฉัน

 

 

 

「เรด ฉันขอท้าดวล———」

 

「……」

 

 

ฉันหยิบชูริเคนออกมาปาใส่ตัวที่ถือดาบคาตานะทันทีก่อนที่มันจะได้พูดอะไรจบ

 

เมื่ออีกฝ่ายเห็นก็รีบใช้ดาบตัวเองสกัดเอาไว้ทันที ทว่าก็กันไว้ได้ไม่สำเร็จ ส่งผลทำให้นิ้วนางกับนิ้วก้อยขวาของมันปลิวหายไป

 

 

 

「อ๊าาาากกกกก!! นี่แกทำบ้าอะไรของแกกกกกก?!ฉันยังพูดไม่จบบบบบบ!!!」

 

 

แล้วทำไมต้องรอให้มันพูดจบก่อนด้วยล่ะ?

 

การดวลที่ฉันถูกเนิฟพลังเพราะสัตว์ประหลาดแห่งสมดุลมันใช่เรื่องไหม?

 

สัตว์ประหลาดอีกตัวที่เห็นก็ไม่รอช้ารีบเข้าโจมตีคิราระทันที

 

 

 

「บาราซาน พวกฉันทนไม่ไหวแล้ว ขอฆ่าพวกมันทิ้งเลยแล้วกัน!!」

 

「ทำตามใจอยากได้เลย มาถึงขั้นนี้แล้วก็ฆ่าพวกมันให้จบๆ ไปซะ ความสามารถของพวกมันตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับมนุษย์ธรรมดาหรอก!!」

 

 

 

「เยลโล่」

 

「ฉันรับมือตรงนี้เอง เธอไปจัดการเจ้าตัวคลั่งนั่นเถอะ」

 

「เข้าใจแล้ว」

 

 

ฉันถอยห่างออกมาจากจุดที่เยลโล่อยู่เพื่อทำให้ต่อสู้ได้ง่ายขึ้น

 

เทคนิก้าที่ถือคาตานะได้พุ่งเข้ามาโจมตีฉันด้วยมือข้างเดียว

 

 

「ฉันรู้เทคนิคของแกหมดแล้ว คงรู้ดีสินะว่าความสามารถของฉันคืออะไร!!」

 

「……」

 

 

ถ้าจำไม่ผิดเจ้าหมอนี่เป็นสัตว์ประหลาดที่เลียนแบบเทคนิคฝ่ายตรงข้ามได้และพัฒนาให้ดีขึ้นไปอีกหนึ่งขั้น

 

ตอนที่เอาชนะมันได้ฉันใช้วิธีการลอบโจมตีจากด้านหลังและปิดเกมในดอกเดียวเพื่อไม่ให้มันเลียนแบบเทคนิคอะไรได้

 

ฉันก็ไม่รู้หรอกว่าถ้ารับมือกันตรงๆ มันจะแกร่งขนาดไหน แต่สิ่งที่มันใช้อยู่ตอนนี้ก็คือเทคนิคดาบฉันจริงๆ

 

 

「ฮ๊าาา!!」

 

 

ฉันต้านดาบของเทคนิก้าและเตรียมจะสวนกลับ

 

ทว่ามันก็ยิ้มออกมาก่อนจะปัดป้องการโจมตีของฉันได้ด้วยดาบของมัน

 

 

「คิดไว้อยู่แล้วว่าต้องมาไม้นี้!!」

 

「……」

 

「แกเอาชนะฉันไม่ได้หรอก ยิ่งต่อสู้กันไปนานเท่าไหร่ฝีมือของพวกเราก็ยิ่งห่างชั้นมากขึ้นเท่านั้น!!!」

 

 

 

ดาบถูกฟาดลงมาใส่ร่างของฉันจนทำให้ฉันเสียการทรงตัวจากแรงต้านที่เกินจะทน การ์ดของฉันตกจนเผยให้เห็นช่องว่างแต่ฉันก็รับมือด้วยการสร้างมีดบินขึ้นมาจากอุปกรณ์แปลงร่างแล้วใช้มันสวนกลับไปใส่อีกฝ่าย แน่นอนว่ามันถูกป้องกันเอาไว้ได้ แต่ก็พอซื้อเวลาให้ฉันกลับมาตั้งตัวทัน

 

 

「หลังจากหั่นแกเป็นชิ้นๆ เยลโล่คือรายถัดไป!! ไม่สิ ตัวฉันอีกคนน่าจะฆ่าไปก่อนแหง!!」

 

 

ศัตรูที่ฉันเผชิญหน้าอยู่คือสัตว์ประหลาด

 

ต่างจากพวกเอเลี่ยนที่เคยต่อสู้ แน่นอนว่าการต่อสู้กับพวกมันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ในอีกมุมมันก็ชวนให้ฉันรู้สึกคิดถึงเรื่องราวในอดีตแปลกๆ

 

 

「ตายซะ เรด!!」

 

 

 

ฉันไม่สนใจคำพูดของเทคนิก้าและเหวี่ยงดาบใส่มันอีกครั้ง ซึ่งเป้าก็คือคอของมัน แน่นอนว่าการกระทำของฉันมันก็เป็นการเปิดช่องว่างให้กับอีกฝ่ายในการโจมตีสวนด้วยเช่นกัน

 

 

 

「มีช่องว่าง!!」

 

 

ด้วยความสามารถของบาราซาน อีกฝ่ายจึงมีสเปคเหนือกว่าฉัน

 

แถมยังเป็นตัวที่เลียนแบบเทคนิคของฉันไปอีกด้วยดังนั้นมันจึงมีข้อได้เปรียบมากมาย

 

ความเร็วดาบที่มันเหวี่ยงสวนกลับมาก็ควรจะผ่าร่างของฉันได้ก่อนที่ฉันจะตัดหัวมัน———ทว่า

 

 

 

「———หะ?」

 

 

กลับเป็นดาบของฉันที่ตัดหัวมันไม่ได้

 

หัวของเทคนิก้าถูกตัดและปลิวไปในอากาศก่อนจะร่วงลงกับพื้น

 

ฉันทำการเผาร่างของมันที่ไร้หัวด้วยเปลวเพลิงจากดาบทันที

 

 

 

 

「ทะ ทำไมกัน?!ทำไมฉันถึงแพ้ได้?!ดาบของฉันควรจะตัดหัวแกได้ก่อนสิ?!」

 

 

 

……มันพูดไม่ผิดเรื่องที่พลังของมันเหนือกว่าฉันหรอก

 

ฉันสะบัดเปลวเพลิงในดาบทิ้งแล้วมองไปยังหัวที่ขาดของเทคนิก้าด้วยสายตาเย็นชา

 

 

 

 

「แกก่อนหรือฉันก่อนล่ะ」

 

「หา?」

 

「คนที่เล็งไปตรงหัวน่ะ」

 

 

ฉันพูดกับเทคนิก้าที่สับสนเพราะถูกตัดหัวทิ้งไป

 

 

「หากพูดถึงการโจมตีเปิดก่อนเป็นคนแรก มันก็ไม่เกี่ยวกับเทคนิคแล้วไหม นอกจากนี้แกก็มีความลังเลอยู่ภายในใจเพราะตัดสินใจไม่ได้ว่าตัวเองจะสามารถเดิมพันหัวของตัวเองกับการโจมตีได้ไหมยังไงล่ะ….」

 

ไม่ว่าเทคนิคของมันจะเหนือกว่าขนาดไหน แต่การที่มันลังเลในการเอาชีวิตแลกชีวิต มันก็พ่ายแพ้แล้ว

 

แน่นอนว่าฉันก็ไม่คิดจะเอาตัวเองเข้าแลกหรอก แต่ฉันเพียงมั่นใจว่าตัวเองสามารถถึงตัวมันก่อนได้เฉยๆ

 

 

 

「การที่สามารถเลียนแบบพลังของคนอื่นได้อย่างง่ายดายไม่มีทางที่จะมีความสามารถในการตัดสินใจหรือยอมเอาตัวเข้าแลกในการต่อสู้ได้หรอก」

 

「อึก! กะ แกมันบ้า———」

 

「หัวที่ขาดไปแล้วนี่หนวกหูชิบ」

 

 

ฉันปล่อยจัสติสบิทออกไปทะลวงหัวของมันก่อนจะเผาซ้ำอีกที

 

จากนั้นฉันก็หันไปมองดูเยลโล่ที่รับมือกับเทคนิก้าอีกตัว

 

 

 

「จะหั่นแกให้เป็นชิ้นๆ เลย!!」

 

 

เทคนิก้าอีกตัวพุ่งเข้าใส่เยลโล่อย่างรุนแรงราวกับพายุด้วยดาบยาวของมัน

 

 

คิราระจ้องมองไปยังอีกฝ่ายก่อนจะโยนขวานของตัวเองทิ้งไปแล้วตั้งท่าเปิดเท้าออกแล้วถอยหลังไปครึ่งก้าว

 

 

「จงขาดครึ่งไปซะ―――」

 

「……」

 

 

พอเข้าระยะของคิราระเธอก็ทำการเตะต่ำใส่อีกฝ่าย จุดที่เธอเล็งคือข้อเท้าของมัน เพียงแค่เสี้ยววิสมดุลของสัตว์ประหลาดก็ได้เสียไปทันทีและล้มลงด้วยน้ำหนังตัวและวงสวิงของมัน

 

 

 

「หะ!」

 

 

จากนั้นคิราระก็ทำการกระชากคอเสื้อยูโดของเทคนิก้าแล้วเหวี่ยงร่างของมันผ่านไหล่เธอ

 

เธออาศัยแรงและโมเมนตั้มของอีกฝ่ายในการเสริมความรุนแรง

 

ร่างของเทคนิก้าที่ถูกเหวี่ยงได้ปลิวไปกระแทกเข้ากับพื้นจนเกิดเสียงดังก้อง

 

คอของมันหักจากการโจมตีนั้น ร่างกายของมันชักกระตุกและมีฟองเลือดไหลออกมาจากปาก

 

 

「ค……คล็อก……อั๊ค」

 

「สิบสองสวรรค์ ความว่างเปล่า———ทลายปฐพี ทั้งที่สวมโดกิแต่กลับไม่รู้จักวิธีรับมือการทุ่มเหรอ?」

 

เทคนิก้าอีกตัวถูกขวานของคิราระฟันหัวทิ้งซ้ำอีกที

 

….หนึ่งในเทคนิคสุดสยองของท่านอาซาฮี

 

เทคนิคที่ใช้พลังทั้งหมดของศัตรูในการโค่นอีกฝ่าย ส่งผลทำให้คอหักอย่างง่ายดาย

 

พอจบคู่ของคิราระไปฉันก็หันไปหาบาราซาน ทว่าตรงนั้นก็จบแล้วเหมือนกันซะงั้น

 

 

「อึก แกมัน……บลู?」

 

「……」

 

 

อาโออิที่มาสายได้ทำการใช้จัสติสบิทโยงสายไฟเข้าไปช็อตร่างของอีกฝ่ายทำให้มันขยับไม่ได้

 

เดิมทีมันก็เป็นสัตว์ประหลาดที่ไม่ได้แข็งแกร่งอะไรนัก จะยุ่งยากก็แค่ความสามารถของมัน แต่การที่อาโออิถูกขัดจังหวะเที่ยงคงจะหัวเสียสุดๆ

 

 

 

「ทำไมพวกเธอถึงต้านความสามารถ———」

 

「หุบปาก」

 

 

เสียงหนึ่งดังขึ้นก่อนที่หัวของมันจะกลายเป็นรูและล้มลงกับพื้น

 

ร่างกายที่ดูหนักๆ กลับมาอยู่ในสภาพผ่อนคลาย บาเรียที่ปกคลุมห้างเอาไว้ก็หายไปแล้ว

 

 

「เห้อ ต้องแบบนี้สิ ร่างที่ไม่ถูกอะไรรั้งเอาไว้」

 

「เบาขึ้นเยอะเลย」

 

 

โชคยังดีกว่าพวกที่เจอเป็นเพียงสัตว์ประหลาดทั่วไป หากเป็นระดับผู้บริหารคงไม่ง่ายขนาดนี้แน่

 

ถึงตอนนั้นก็ได้แต่หวังให้คัตสึมิคุงออกโรง แต่อย่างน้อยฉันก็ดีใจที่ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น

 

 

『พวกเธอเป็นอะไรกันหรือเปลา่!?』

 

 

เสียงของประธานดังขึ้นหลังการติดต่อกลับมาเป็นปกติ

 

 

 

「สัตว์ประหลาดแห่งสมดุลปรากฏตัวค่ะ ซึ่งมันมาพร้อมกับสัตว์ประหลาดตัวอื่นอีก 2 แน่นอนว่าพวกเราจัดการหมดแล้ว ขอฝากที่เหลือด้วยนะคะ」

 

『สมกับเป็นพวกเธอจริงๆ งั้นก็รีบหาที่ปลดการแปลงร่างแล้วกลับไปหาคัตสึมิคุงเถอะ』

 

การได้ไปรวมกลุ่มกับเขามันก็ดีอยู่หรอก แต่พวกเราจะอธิบายเขายังไงดีล่ะ จะบอกว่าอยู่ที่นี่ตั้งแต่แรกก็ไม่ได้ด้วยสิ

 

ไม่นานนัก พวกฉันก็สัมผัสได้ถึงสายตาของผู้คนและโทรศัพท์จนนวนมากที่ถ่ายรูปพวกเราเอาไว้ แย่แล้วสิถูกคนล้อมเอาไว้แทนซะแล้ว

 

 

ในขณะที่กำลังสบตากับคิราระเพื่อหาทางออก อาโออิก็กระโดดมาหาพวกเรา

 

 

 

「ดูเหมือนเขาจะรู้ตัวแต่แรกแล้ว」

 

「「หา」」

 

「ดังนั้น ถึงจะไม่ค่อยชอบใจนัก แต่พวกเธอจะมาร่วมกับพวกเราก็ได้」

 

 

เขารู้ตัวแต่แรกแล้วเหรอ

 

ทั้งที่แอบเฝ้ามองไกลขนาดนั้นแท้ๆ

 

แล้วเขาไม่รู้สึกอึดอัดเลยหรือไงนะ?

 

***

 

ช่างเป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ ที่พวกเราได้พบกับคัตสึมิ โฮมุระ หรือที่รู้จักกันในชื่ออัศวินดำ

 

อย่างที่ได้บอกกับเขาไป ฉันมาที่นี่ก็เพียงต้องการเพลิดเพลินกับอาหารและวัฒนธรรมของดาวโลกพร้อมไอช่า

 

ทว่าก็เกิดเรื่องที่คาดไม่ถึงขึ้น

 

ใครมันจะไปคิดว่าโลกที่แสนกว้างใหญ่ขนาดนี้จะทำให้พวกเรามาพบเจอกันได้โดยบังเอิญ

 

พอได้เจอหน้ากันจริงๆ ฉันก็รู้เลยว่าคัตสึมิ โฮมุระนี่ของจริง

 

 

「โชคดีชะมัด」

 

 

ฉันมองสัตว์ประหลาดที่ถูกพวกจัสติสครูเซเดอร์กำจัดไปจากชั้นบนของห้างแล้วพูดขึ้น

 

เดิมทีก็ตั้งใจจะจัดการกับจัสติสครูเซเดอร์ก่อนอยู่หรอก แต่พอได้เห็นพลังของพวกเธอแล้วฉันก็รู้สึกเลยว่าตัวเองโชคดีชะมัด

 

 

「เด็กพวกนี้น่าทึ่งสุดๆ ไปเลยเนอะว่าไหมดาร์ลิ้ง?」

 

「นั่นสินะ พวกเธอน่ากลัวสุดๆ ……แต่ในขณะเดียวกัน———」

 

「อยากจะสู้ล่ะสิ?」

 

 

เดิมทีฉันคือนักรบ

 

แม้จะมีความรัก แต่สิ่งนี้ก็ยังไม่เคยเปลี่ยนแปลง

 

 

「ท่านรูอินก็ไม่ได้ว่าอะไรด้วยสิ…ดังนั้นหากทำอะไรตามใจชอบอีกฝ่ายคงไม่ว่าอะไรหรอกมั้ง จะออกไปสู้ก็ได้นะ」

 

「……มาแปลกนะ」

 

 

ฉันรู้สึกประหลาดใจนิดหน่อยที่คราวนี้ไอช่าไม่พยายามจะหยุดฉัน

 

 

「แต่แน่ใจเหรอ ฉันอาจจะตายเลยก็ได้นะ?」

 

「ดาร์ลิ้งก็รู้คำตอบอยู่แล้วนี่ หากดาร์ลิ้งตายฉันก็จะตายตามไปด้วยเหมือนกับที่หากฉันตายก่อน ดาร์ลิ้งก็จะตายตามใช่ไหมล่ะ?」

 

「ฮ่าๆๆ ฉันนี่มันโชคดีจริงๆ」

 

 

หากเธอตายฉันจะรีบตายตามเธอไปอย่างแน่นอน

 

ฉันจะไม่มีวันทิ้งเธอให้อยู่เพียงลำพังเด็ดขาด

 

 

「อัศวินดำเองก็เป็นเด็กที่น่าสนใจ」

 

「อ้า แกร่งสุดๆ เลยแหละ」

 

「ดูเหมือนดาร์ลิ้งเมื่อก่อนเลย」

 

 

 

เหมือนฉันเหรอ?

 

เขาเป็นผู้ชายที่น่าสนใจก็จริง แต่ฉันแอบไม่เห็นด้วยที่บอกว่าเหมือนฉันเมื่อก่อน

 

 

 

「ไม่ง่ายเลยน้า ถ้าจะรับเขามาเป็นลูกชายของพวกเรา」

 

「แล้วคิดจะยอมแพ้เหรอ?」

 

「คิดว่าฉันจะยอมไหมล่ะ?」

 

 

ถึงจะรู้สึกแปลกๆ แต่ก็ไม่ได้เกลียดอะไรนักกับความรู้สึกนี้

 

…..บางทีไอช่าอาจจะพูดถูก ตัวฉันกับอัศวินดำดูคล้ายกันจริงๆ

 

 

「เอาเถอะ เดี๋ยวพวกเราก็คงได้เจอกันอีกแน่นอน ฉันสัมผัสได้」

 

「……ดาร์ลิ้งเรื่องนั้น…」

 

 

ไอช่าพูดออกมาด้วยสีหน้าที่ปั้นยาก

 

———ไอช่าเป็นคนที่ไม่สามารถควบคุมอารมณ์หรือสีหน้าได้ดีอยู่แล้ว…และฉันที่รู้ถึงความกังวลนั้นก็พยักหน้าให้และเข้าไปกอดเธอ

 

「อัศวินดำถึงจะเป็นเด็กดี แต่ว่า…เขาก็สามารถฆ่าดาร์ลิ้งได้ นอกจากนี้ยังเป็นทุ่นระเบิดของท่านรูอินอีก หากพลาดอะไรไปดาร์ลิ้งอาจจะถูกเขาฆ่าเลยก็ได้」

 

「ฉันรู้อยู่แล้วฮันนี่」

 

「เพราะพลังของฉัน・・・・・」

 

「ไม่เป็นไรหรอก ฉันรู้ดี」

 

 

ถึงจะบอกว่าไอช่าคืออัลฟ่าแห่งโชค แต่ความเป็นจริงมันโหดร้ายกว่านั้นเยอะ

 

“อัลฟ่าแห่งความโชคร้าย”

 

ความสามารถในการดึงดูดโชคร้าย

 

พลังที่ไม่สามารถควบคุมได้ตามที่ใจต้องการและนำพาความโชคร้ายมาสู่คนรอบข้าง

 

เหตุผลที่ฉันได้เจอกับอัศวินดำผู้สามารถฆ่าฉันได้ก็อาจจะเป็นเพราะพลังของเธอที่เปิดใช้งานขึ้นเอง

 

พลังของเธอในอดีตเคยถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด นั่นทำให้เกิดเป็นแผลใจกับเธอและทำให้เธออยากจะตายไปเสียให้มันจบๆ

 

 

 

「ดาร์ลิ้งคงจะเป็นคนเดียวในจักรวาลแล้วแหละที่มองว่าฉันคืออัลฟ่าแห่งโชค」

 

「อย่าไปสนว่าใครจะคิดอะไรเลย มองแค่ฉันคนเดียวก็พอ ไอช่า」

 

 

ฉันวางมือไว้บนไหล่ของเธอแล้วสบตากับเธอ

 

 

「ไม่ว่าจะมีความทุกข์ถาโถมมามากขนาดไหนที่เกิดจากพลังของเธอ ฉันก็จะพลิกมันกลับให้กลายเป็นความสุขเอง」

 

「แต่ว่า……」

 

「นั่นคือสิ่งที่ฉันสัญญาไว้เสมอ」

 

 

 

ฉันจะเปลี่ยนโชคชะตาที่แสนโหดร้ายนั้นเอง

 

เพราะตัวเธอไม่คิดจะยอมแพ้ในโชคชะตาที่แสนโหดร้าย ฉันจึงสามารถยืนอยู่เคียงข้างเธอต่อไปได้

 

 

 

「วันที่ฉันจะหันหลังให้กับเธอและความโชคร้ายของเธอก็คือวันที่ฉันจะตายลงเท่านั้น」

 

「ฟิงเกอร์……」

 

 

ฉันจะเอาชนะความโชคร้ายและมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อหัวเราะกับผู้หญิงที่ฉันรัก

 

จัสติสครูเซเดอร์?อัศวินดำ?ท่านรูอิน จะใครก็ไม่สำคัญ

 

การต่อสู้ในฐานะนักรบมันเป็นเรื่องสนุกก็จริง

 

ตายไปพร้อมกับเกียรติหลังการต่อสู้คือเรื่องน่าภูมิใจสำหรับฉัน

 

―――ทว่าทั้งหมดมันก็ไม่ได้สำคัญอะไรเลยหากเทียบกับความงดงามที่อยู่ตรงหน้า

 

 

 

「นับตั้งแต่ฉันได้พบกับเธอ สายตาของฉันก็ไม่สามารถจับจ้องไปยังสิ่งอื่นใดได้อีก」

 

「อื้อ ขอบคุณนะที่คอยอยู่เคียงข้างฉัน」

 

 

อย่างที่คิด ถึงจะพูดมาเป็นร้อยครั้งแต่ก็แอบรู้สึกอายอยู่ดี

 

ฉันจับมือของเธอแล้วเริ่มเดิมกันต่อ ก่อนจะพูดอะไรบางอย่างเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ

 

 

 

「เอาล่ะ ยังไงพวกเราก็ไม่ได้สู้กับพวกเขาทันทีทันใดหรอก ดังนั้นไปเที่ยวกันต่อดีกว่า!!!」

 

「…นั่นสิ!! ดาร์ลิ้งพวกเราไปหาอะไรอร่อยๆ กินกันต่อดีกว่าเนอะ!」

 

 

แม้ตอนสุดท้ายพวกเราจะต้องได้มาเผชิญหน้ากัน

 

แต่อย่างน้อยกว่าจะถึงตอนนั้นฉันก็ขอสนุกไปกับชีวิตนี้เสียก่อน จนกว่าจะถึงเวลาที่คนเหล่าที่เสมือนเป็นความโชคร้ายเข้ามาขวางเส้นทาง

 

—จบ—

 

เรดก็ยังคงเป็นเรด แต่นอกจากเรด เยลโล่เหมือนจะก้าวข้ามเขตแดนมนุษย์ไปแล้วเหมือนกัน

หวังว่าคู่รักสองคนนี้จะไปรอดจนจบนะ

 

มาเม้ามอยหลังอ่านกันได้ที่เพจนะครับ แล้วก็ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ  และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code

 

 

อัศวินดำคุงไม่อยากเป็นเซ็นไต

อัศวินดำคุงไม่อยากเป็นเซ็นไต

Score 10
Status: Completed
คัตสึมิ โฮมุระ วายร้ายที่รู้จักกันในนาม อัศวินดำ ชายผู้คิดว่าตัวเองคือวายร้ายแสนโฉดชั่ว เมื่อพ่ายแพ้ให้กับฝั่งฮีโร่เขาก็ถูกจับตัวไป ทว่าสิ่งที่รอเขาอยู่กลับไม่ใช่คุกหรือพวกตำรวจ แต่กลับเป็นขุมนรกที่ตัวเขาเกินจะคาดฝันแทนซะอย่างงั้น โลกที่ขบวนการเซ็นไตมีอยู่จริง เรื่องราวของอัศวินดำจอมวายร้ายที่มีสามัญสำนึกผิดแปกและถูกคนธรรมดาเข้าใจผิดมาโดยเสมอ บัดนี้เขากำลังจะถูกลากเข้าขบวนการเซ็นไตเสียแล้ว ※ผลงานชิ้นนี้กาวล้วนๆไม่มีเกลือผสม

Options

not work with dark mode
Reset