นี่พวกเรากำลังทำบ้าอะไรอยู่นะ
ภายใต้หน้ากากของสิ่งที่เรียกว่าผู้คุ้มกันฉันกับคิราระได้แอบตามคัตสึมิคุงที่มาช็อปปิ้งกับฮารุจังและยัยบลูหน้าไม่อาย ทว่าพอมาถึงจุดหนึ่งพวกฉันกลับรู้สึกผิดขึ้นมาซะอย่างงั้น
การเข้ามารบกวนพวกเขาในเวลาแบบนี้ว่ากันตามตรงมันแอบล้ำเส้นจริงๆ นั่นแหละ
แม้จะเป็นเพื่อนสนิทแต่มารยาทก็สำคัญไม่แพ้กัน ครั้งนี้อาโออิสามารถชวนเขาออกไปเที่ยวได้สำเร็จ ถึงจะสงสัยว่าทำไมลากฮารุจังมาด้วยก็เถอะ…..นั่นสินะ ถึงจะเป็นอาโออิแต่พอเจอของจริงเข้าไปก็คงไม่ไหวเหมือนกัน เอาเป็นว่าสุดท้ายมันก็ไม่ใช่เรื่องที่พวกฉันควรเข้าไปแทรก
ในอดีตเขาต้องอยู่ภายใต้การดูแลของพวกเราการจะออกไปข้างนอกได้สักทีก็วุ่นวายยกใหญ่
ดังนั้นหากเขาสามารถเพลิดเพลินกับวันหยุดและเที่ยวได้อย่างสนุกสนานพวกฉันก็ดีใจ
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ฉันไม่สามารถให้อภัยพวกสัตว์ประหลาดที่มาทำลายความสงบสุขของเขา
การติดต่อกับภายนอกถูกตัด
บาเรียลึกลับได้ปกคลุมทั่วห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่
เมื่อพิจารณาจากสิ่งที่เจอ ศัตรูคือสัตว์ประหลาดที่พวกเราเจอในอดีต สัตว์ประหลาดที่ทำให้ความสามารถทางกายภาพของพวกเราอยู่ในระดับค่าเฉลี่ย
ฉันกับคิราระไม่ลังเลมุ่งตรงเข้าไปหามันทันที
「เรด ทั้งที่แปลงร่างแล้วแต่ฉัน….」
「อ้า ถึงจกแปลงร่างและได้รับพลังเสริมจากสูทก็ไม่เปลี่ยนหรอก」
แม้พวกเราจะแปลงร่างกันแล้ว ค่าความสามารถทางกายภาพก็ไม่เปลี่ยนไปจากเดิม
ความสามารถที่เพิ่มมาก็ถูกเอาไปถัวกับค่าเฉลี่ยอยู่ดี
มันคือความสามารถที่น่ารำคาญจริงๆ
『เรด?!เยลโล่ด้วย?!』
『พวกเธอมาที่นี่กันได้ยังไงนะ!?』
『ท่านพี่เรด!?』
「ทุกคนรีบอพยพกันไปเดี๋ยวนี้เลย!!」
「ตอนนี้สัตว์ประหลาดได้ปรากฏตัวขึ้นที่นี่ รีบหนีไปซะ!!」
พวกคนในห้างพอเห็นฉันกับคิราระก็หยุดมุงกันยกใหญ่ พวกเราเลยไม่มีทางเลือกนอกจากไล่พวกเขาไปแล้วรีบมุ่งไปหาสัตว์ประหลาด
การตัดสินใจทุกอย่างต้องทำเอาหน้างาน เพราะการสื่อสารกับภายนอกถูกตัดขาด
「….ว่าแต่ รู้สึกเหมือนมีเสียงผู้หญิงเรียกฉันว่าท่านพี่หรือเปล่านะ?!」
「นั่นสินะ เธอเองก็เป็นน้องเล็กสุดของบ้าน จิตใจของเธอคงอยากจะให้ใครสักคนเรียกพี่แหละ」
「ใครมันจะอยากได้น้องสาวกันล่ะ?!นอกจากนี้ยังเป็นใครก็ไม่รู้อีก!!」
….แย่ชะมัด ไม่คิดเลยว่าการถูกเผยตัวจริงจะสร้างความยุ่งยากขนาดนี้
ในจังหวะที่พวกฉันกำลังมุ่งไปหาสัตว์ประหลาดเหมือนจะได้ยินเสียงพวกผู้หญิงเรียกฉันว่าท่านพี่ประมาณ 4 รอบได้
พอไปถึงปลายทางฉันก็พบกับสัตว์ประหลาด 3 ตัว
「ฮิๆๆ ถึงเวลาล่า」
「หวังว่าจะพอช่วยอุ่นเครื่องให้ก่อนไปเจอพวกจัสติสครูเซเดอร์นะ」
「ตุ๊กตาซ้อมที่มีเลือดเนื้อนี่มันดีจริงๆ」
สัตว์ประหลาด 2 ตัวสวมผ้าพันแผลรอบหัวและสวมชุดยูโด ส่วนอีกตัวเป็นโครงกระดูกที่มีหัวประดับด้วยเกล็ดแหลม
ทว่าสิ่งที่พวกมันทั้ง 3 เหมือนกันก็คือร่างของพวกมันบางส่วนถูกประดับไว้ด้วยเกราะสีทองฉูดฉาด มันคือเกราะที่สร้างมาจากพลังแห่งดวงดาราแน่นอน
…แล้วสัตว์ประหลาดที่สวมชุดยูโดทั้งสองนั่นมันเหมือนสัตว์ประหลาดที่พวกเราเคยเผชิญหน้ามาก่อนแล้วเลยแฮะ
「———หือ? ทำไมจัสติสครูเซเดอร์ที่น่ารังเกียจถึงมาอยู่นี่ได้กัน!!」
「ลาภลอยละเว้ย!!」
นอกจากสัตว์ประหลาดแห่งสมดุลมันมีตัวอื่นอยู่ด้วย พอพวกสัตว์ประหลาดมันเห็นฉัน ตัวที่สวมชุดยูโดทั้งสองก็ตรงเข้ามาโจมตีฉันทันที
ฉันกับคิราระรีบชักอาวุธออกมาตอบโต้เพื่อต้านมันทันที
「……」
ความรู้สึกชาแปลกๆ เกิดขึ้นที่มือ อาจจะเป็นเพราะพลังของฉันถูกลดลงไปเป็นอย่างมาก
คิราระเองก็ไม่มีพลังมากพอจะเหวี่ยงขวานได้ด้วยมือเดียวเหมือนปกติ
「ยังหรอกน่า……!」
「รู้สึกมันจะผิดแผนไปหน่อยไหม เพราะพวกเราถูกสั่งมาว่าให้สร้างความวุ่นวายกับมนุษย์ก่อนแล้วค่อยไปจัดการกับพวกมัน?!」
สัตว์ประหลาดสวมชุดยูโดแสดงรอยยิ้มอันน่าขนลุกออกมาจากใบหน้าที่ถูกพันไว้ด้วยผ้าพันแผล
กลับกันสัตว์ประหลาดที่มีเกล็ดแหลมบนหัวกลับรู้สึกหงุดหงิดที่ผิดแผนแปลกๆ
「เห็นได้ชัดว่าพวกมันไม่ได้คาดหวังให้พวกเราปรากฏตัวตอนนี้」
「ถ้าจะเป็นงั้นก็เรียกว่าโชคดีแล้วแหละ เพราะหากเราไม่อยู่ตรงนี้ได้เกิดเรื่องใหญ่แหง」
「น่ารำคาญวุ้ย……!!」
ดูเหมือนบุคลิกหุนหันของพวกมันจะไม่เปลี่ยนไปจากอดีตเท่าไหร่
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ต่างไปจากอดีตของมันก็คงจะเป็นชุดเกราะสีทองที่ประดับอยู่ตามร่างของมัน แต่เรื่องความสง่าคงเทียบกับสูทของประธานไม่ได้
จากนั้นสัตว์ประหลาดที่สวมชุดยูโดทั้งสองก็ตั้งท่าเตรียมต่อสู้ใหม่โดยมีสัตว์ประหลาดแห่งสมดุลอยู่ข้างหลัง
ตัวหนึ่งชักคาตานะออกมาจากร่าง ส่วนอีกตัวชักโนดาจิก่อนจะเพ่งสายตามาทางฉันกับคิราระเหมือนอยากจะดวลตัวต่อตัว
「พวกเราคือสัตว์ประหลาดแห่งเทคนิค เทคนิก้า」
「สัตว์ประหลาดที่ครั้งหนึ่งเคยแพ้ให้กับพวกแก」
สรุปเป็นเจ้าเทคนิก้าจริงๆ ด้วย
ฉันเพ่งสมาธิไปยังสัตว์ประหลาดที่ประกาศชื่อของตัวเองออกมาแล้วชี้ดาบมาหาฉัน
「เรด ฉันขอท้าดวล———」
「……」
ฉันหยิบชูริเคนออกมาปาใส่ตัวที่ถือดาบคาตานะทันทีก่อนที่มันจะได้พูดอะไรจบ
เมื่ออีกฝ่ายเห็นก็รีบใช้ดาบตัวเองสกัดเอาไว้ทันที ทว่าก็กันไว้ได้ไม่สำเร็จ ส่งผลทำให้นิ้วนางกับนิ้วก้อยขวาของมันปลิวหายไป
「อ๊าาาากกกกก!! นี่แกทำบ้าอะไรของแกกกกกก?!ฉันยังพูดไม่จบบบบบบ!!!」
แล้วทำไมต้องรอให้มันพูดจบก่อนด้วยล่ะ?
การดวลที่ฉันถูกเนิฟพลังเพราะสัตว์ประหลาดแห่งสมดุลมันใช่เรื่องไหม?
สัตว์ประหลาดอีกตัวที่เห็นก็ไม่รอช้ารีบเข้าโจมตีคิราระทันที
「บาราซาน พวกฉันทนไม่ไหวแล้ว ขอฆ่าพวกมันทิ้งเลยแล้วกัน!!」
「ทำตามใจอยากได้เลย มาถึงขั้นนี้แล้วก็ฆ่าพวกมันให้จบๆ ไปซะ ความสามารถของพวกมันตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับมนุษย์ธรรมดาหรอก!!」
「เยลโล่」
「ฉันรับมือตรงนี้เอง เธอไปจัดการเจ้าตัวคลั่งนั่นเถอะ」
「เข้าใจแล้ว」
ฉันถอยห่างออกมาจากจุดที่เยลโล่อยู่เพื่อทำให้ต่อสู้ได้ง่ายขึ้น
เทคนิก้าที่ถือคาตานะได้พุ่งเข้ามาโจมตีฉันด้วยมือข้างเดียว
「ฉันรู้เทคนิคของแกหมดแล้ว คงรู้ดีสินะว่าความสามารถของฉันคืออะไร!!」
「……」
ถ้าจำไม่ผิดเจ้าหมอนี่เป็นสัตว์ประหลาดที่เลียนแบบเทคนิคฝ่ายตรงข้ามได้และพัฒนาให้ดีขึ้นไปอีกหนึ่งขั้น
ตอนที่เอาชนะมันได้ฉันใช้วิธีการลอบโจมตีจากด้านหลังและปิดเกมในดอกเดียวเพื่อไม่ให้มันเลียนแบบเทคนิคอะไรได้
ฉันก็ไม่รู้หรอกว่าถ้ารับมือกันตรงๆ มันจะแกร่งขนาดไหน แต่สิ่งที่มันใช้อยู่ตอนนี้ก็คือเทคนิคดาบฉันจริงๆ
「ฮ๊าาา!!」
ฉันต้านดาบของเทคนิก้าและเตรียมจะสวนกลับ
ทว่ามันก็ยิ้มออกมาก่อนจะปัดป้องการโจมตีของฉันได้ด้วยดาบของมัน
「คิดไว้อยู่แล้วว่าต้องมาไม้นี้!!」
「……」
「แกเอาชนะฉันไม่ได้หรอก ยิ่งต่อสู้กันไปนานเท่าไหร่ฝีมือของพวกเราก็ยิ่งห่างชั้นมากขึ้นเท่านั้น!!!」
ดาบถูกฟาดลงมาใส่ร่างของฉันจนทำให้ฉันเสียการทรงตัวจากแรงต้านที่เกินจะทน การ์ดของฉันตกจนเผยให้เห็นช่องว่างแต่ฉันก็รับมือด้วยการสร้างมีดบินขึ้นมาจากอุปกรณ์แปลงร่างแล้วใช้มันสวนกลับไปใส่อีกฝ่าย แน่นอนว่ามันถูกป้องกันเอาไว้ได้ แต่ก็พอซื้อเวลาให้ฉันกลับมาตั้งตัวทัน
「หลังจากหั่นแกเป็นชิ้นๆ เยลโล่คือรายถัดไป!! ไม่สิ ตัวฉันอีกคนน่าจะฆ่าไปก่อนแหง!!」
ศัตรูที่ฉันเผชิญหน้าอยู่คือสัตว์ประหลาด
ต่างจากพวกเอเลี่ยนที่เคยต่อสู้ แน่นอนว่าการต่อสู้กับพวกมันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ในอีกมุมมันก็ชวนให้ฉันรู้สึกคิดถึงเรื่องราวในอดีตแปลกๆ
「ตายซะ เรด!!」
ฉันไม่สนใจคำพูดของเทคนิก้าและเหวี่ยงดาบใส่มันอีกครั้ง ซึ่งเป้าก็คือคอของมัน แน่นอนว่าการกระทำของฉันมันก็เป็นการเปิดช่องว่างให้กับอีกฝ่ายในการโจมตีสวนด้วยเช่นกัน
「มีช่องว่าง!!」
ด้วยความสามารถของบาราซาน อีกฝ่ายจึงมีสเปคเหนือกว่าฉัน
แถมยังเป็นตัวที่เลียนแบบเทคนิคของฉันไปอีกด้วยดังนั้นมันจึงมีข้อได้เปรียบมากมาย
ความเร็วดาบที่มันเหวี่ยงสวนกลับมาก็ควรจะผ่าร่างของฉันได้ก่อนที่ฉันจะตัดหัวมัน———ทว่า
「———หะ?」
กลับเป็นดาบของฉันที่ตัดหัวมันไม่ได้
หัวของเทคนิก้าถูกตัดและปลิวไปในอากาศก่อนจะร่วงลงกับพื้น
ฉันทำการเผาร่างของมันที่ไร้หัวด้วยเปลวเพลิงจากดาบทันที
「ทะ ทำไมกัน?!ทำไมฉันถึงแพ้ได้?!ดาบของฉันควรจะตัดหัวแกได้ก่อนสิ?!」
……มันพูดไม่ผิดเรื่องที่พลังของมันเหนือกว่าฉันหรอก
ฉันสะบัดเปลวเพลิงในดาบทิ้งแล้วมองไปยังหัวที่ขาดของเทคนิก้าด้วยสายตาเย็นชา
「แกก่อนหรือฉันก่อนล่ะ」
「หา?」
「คนที่เล็งไปตรงหัวน่ะ」
ฉันพูดกับเทคนิก้าที่สับสนเพราะถูกตัดหัวทิ้งไป
「หากพูดถึงการโจมตีเปิดก่อนเป็นคนแรก มันก็ไม่เกี่ยวกับเทคนิคแล้วไหม นอกจากนี้แกก็มีความลังเลอยู่ภายในใจเพราะตัดสินใจไม่ได้ว่าตัวเองจะสามารถเดิมพันหัวของตัวเองกับการโจมตีได้ไหมยังไงล่ะ….」
ไม่ว่าเทคนิคของมันจะเหนือกว่าขนาดไหน แต่การที่มันลังเลในการเอาชีวิตแลกชีวิต มันก็พ่ายแพ้แล้ว
แน่นอนว่าฉันก็ไม่คิดจะเอาตัวเองเข้าแลกหรอก แต่ฉันเพียงมั่นใจว่าตัวเองสามารถถึงตัวมันก่อนได้เฉยๆ
「การที่สามารถเลียนแบบพลังของคนอื่นได้อย่างง่ายดายไม่มีทางที่จะมีความสามารถในการตัดสินใจหรือยอมเอาตัวเข้าแลกในการต่อสู้ได้หรอก」
「อึก! กะ แกมันบ้า———」
「หัวที่ขาดไปแล้วนี่หนวกหูชิบ」
ฉันปล่อยจัสติสบิทออกไปทะลวงหัวของมันก่อนจะเผาซ้ำอีกที
จากนั้นฉันก็หันไปมองดูเยลโล่ที่รับมือกับเทคนิก้าอีกตัว
「จะหั่นแกให้เป็นชิ้นๆ เลย!!」
เทคนิก้าอีกตัวพุ่งเข้าใส่เยลโล่อย่างรุนแรงราวกับพายุด้วยดาบยาวของมัน
คิราระจ้องมองไปยังอีกฝ่ายก่อนจะโยนขวานของตัวเองทิ้งไปแล้วตั้งท่าเปิดเท้าออกแล้วถอยหลังไปครึ่งก้าว
「จงขาดครึ่งไปซะ―――」
「……」
พอเข้าระยะของคิราระเธอก็ทำการเตะต่ำใส่อีกฝ่าย จุดที่เธอเล็งคือข้อเท้าของมัน เพียงแค่เสี้ยววิสมดุลของสัตว์ประหลาดก็ได้เสียไปทันทีและล้มลงด้วยน้ำหนังตัวและวงสวิงของมัน
「หะ!」
จากนั้นคิราระก็ทำการกระชากคอเสื้อยูโดของเทคนิก้าแล้วเหวี่ยงร่างของมันผ่านไหล่เธอ
เธออาศัยแรงและโมเมนตั้มของอีกฝ่ายในการเสริมความรุนแรง
ร่างของเทคนิก้าที่ถูกเหวี่ยงได้ปลิวไปกระแทกเข้ากับพื้นจนเกิดเสียงดังก้อง
คอของมันหักจากการโจมตีนั้น ร่างกายของมันชักกระตุกและมีฟองเลือดไหลออกมาจากปาก
「ค……คล็อก……อั๊ค」
「สิบสองสวรรค์ ความว่างเปล่า———ทลายปฐพี ทั้งที่สวมโดกิแต่กลับไม่รู้จักวิธีรับมือการทุ่มเหรอ?」
เทคนิก้าอีกตัวถูกขวานของคิราระฟันหัวทิ้งซ้ำอีกที
….หนึ่งในเทคนิคสุดสยองของท่านอาซาฮี
เทคนิคที่ใช้พลังทั้งหมดของศัตรูในการโค่นอีกฝ่าย ส่งผลทำให้คอหักอย่างง่ายดาย
พอจบคู่ของคิราระไปฉันก็หันไปหาบาราซาน ทว่าตรงนั้นก็จบแล้วเหมือนกันซะงั้น
「อึก แกมัน……บลู?」
「……」
อาโออิที่มาสายได้ทำการใช้จัสติสบิทโยงสายไฟเข้าไปช็อตร่างของอีกฝ่ายทำให้มันขยับไม่ได้
เดิมทีมันก็เป็นสัตว์ประหลาดที่ไม่ได้แข็งแกร่งอะไรนัก จะยุ่งยากก็แค่ความสามารถของมัน แต่การที่อาโออิถูกขัดจังหวะเที่ยงคงจะหัวเสียสุดๆ
「ทำไมพวกเธอถึงต้านความสามารถ———」
「หุบปาก」
เสียงหนึ่งดังขึ้นก่อนที่หัวของมันจะกลายเป็นรูและล้มลงกับพื้น
ร่างกายที่ดูหนักๆ กลับมาอยู่ในสภาพผ่อนคลาย บาเรียที่ปกคลุมห้างเอาไว้ก็หายไปแล้ว
「เห้อ ต้องแบบนี้สิ ร่างที่ไม่ถูกอะไรรั้งเอาไว้」
「เบาขึ้นเยอะเลย」
โชคยังดีกว่าพวกที่เจอเป็นเพียงสัตว์ประหลาดทั่วไป หากเป็นระดับผู้บริหารคงไม่ง่ายขนาดนี้แน่
ถึงตอนนั้นก็ได้แต่หวังให้คัตสึมิคุงออกโรง แต่อย่างน้อยฉันก็ดีใจที่ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น
『พวกเธอเป็นอะไรกันหรือเปลา่!?』
เสียงของประธานดังขึ้นหลังการติดต่อกลับมาเป็นปกติ
「สัตว์ประหลาดแห่งสมดุลปรากฏตัวค่ะ ซึ่งมันมาพร้อมกับสัตว์ประหลาดตัวอื่นอีก 2 แน่นอนว่าพวกเราจัดการหมดแล้ว ขอฝากที่เหลือด้วยนะคะ」
『สมกับเป็นพวกเธอจริงๆ งั้นก็รีบหาที่ปลดการแปลงร่างแล้วกลับไปหาคัตสึมิคุงเถอะ』
การได้ไปรวมกลุ่มกับเขามันก็ดีอยู่หรอก แต่พวกเราจะอธิบายเขายังไงดีล่ะ จะบอกว่าอยู่ที่นี่ตั้งแต่แรกก็ไม่ได้ด้วยสิ
ไม่นานนัก พวกฉันก็สัมผัสได้ถึงสายตาของผู้คนและโทรศัพท์จนนวนมากที่ถ่ายรูปพวกเราเอาไว้ แย่แล้วสิถูกคนล้อมเอาไว้แทนซะแล้ว
ในขณะที่กำลังสบตากับคิราระเพื่อหาทางออก อาโออิก็กระโดดมาหาพวกเรา
「ดูเหมือนเขาจะรู้ตัวแต่แรกแล้ว」
「「หา」」
「ดังนั้น ถึงจะไม่ค่อยชอบใจนัก แต่พวกเธอจะมาร่วมกับพวกเราก็ได้」
เขารู้ตัวแต่แรกแล้วเหรอ
ทั้งที่แอบเฝ้ามองไกลขนาดนั้นแท้ๆ
แล้วเขาไม่รู้สึกอึดอัดเลยหรือไงนะ?
***
ช่างเป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ ที่พวกเราได้พบกับคัตสึมิ โฮมุระ หรือที่รู้จักกันในชื่ออัศวินดำ
อย่างที่ได้บอกกับเขาไป ฉันมาที่นี่ก็เพียงต้องการเพลิดเพลินกับอาหารและวัฒนธรรมของดาวโลกพร้อมไอช่า
ทว่าก็เกิดเรื่องที่คาดไม่ถึงขึ้น
ใครมันจะไปคิดว่าโลกที่แสนกว้างใหญ่ขนาดนี้จะทำให้พวกเรามาพบเจอกันได้โดยบังเอิญ
พอได้เจอหน้ากันจริงๆ ฉันก็รู้เลยว่าคัตสึมิ โฮมุระนี่ของจริง
「โชคดีชะมัด」
ฉันมองสัตว์ประหลาดที่ถูกพวกจัสติสครูเซเดอร์กำจัดไปจากชั้นบนของห้างแล้วพูดขึ้น
เดิมทีก็ตั้งใจจะจัดการกับจัสติสครูเซเดอร์ก่อนอยู่หรอก แต่พอได้เห็นพลังของพวกเธอแล้วฉันก็รู้สึกเลยว่าตัวเองโชคดีชะมัด
「เด็กพวกนี้น่าทึ่งสุดๆ ไปเลยเนอะว่าไหมดาร์ลิ้ง?」
「นั่นสินะ พวกเธอน่ากลัวสุดๆ ……แต่ในขณะเดียวกัน———」
「อยากจะสู้ล่ะสิ?」
เดิมทีฉันคือนักรบ
แม้จะมีความรัก แต่สิ่งนี้ก็ยังไม่เคยเปลี่ยนแปลง
「ท่านรูอินก็ไม่ได้ว่าอะไรด้วยสิ…ดังนั้นหากทำอะไรตามใจชอบอีกฝ่ายคงไม่ว่าอะไรหรอกมั้ง จะออกไปสู้ก็ได้นะ」
「……มาแปลกนะ」
ฉันรู้สึกประหลาดใจนิดหน่อยที่คราวนี้ไอช่าไม่พยายามจะหยุดฉัน
「แต่แน่ใจเหรอ ฉันอาจจะตายเลยก็ได้นะ?」
「ดาร์ลิ้งก็รู้คำตอบอยู่แล้วนี่ หากดาร์ลิ้งตายฉันก็จะตายตามไปด้วยเหมือนกับที่หากฉันตายก่อน ดาร์ลิ้งก็จะตายตามใช่ไหมล่ะ?」
「ฮ่าๆๆ ฉันนี่มันโชคดีจริงๆ」
หากเธอตายฉันจะรีบตายตามเธอไปอย่างแน่นอน
ฉันจะไม่มีวันทิ้งเธอให้อยู่เพียงลำพังเด็ดขาด
「อัศวินดำเองก็เป็นเด็กที่น่าสนใจ」
「อ้า แกร่งสุดๆ เลยแหละ」
「ดูเหมือนดาร์ลิ้งเมื่อก่อนเลย」
เหมือนฉันเหรอ?
เขาเป็นผู้ชายที่น่าสนใจก็จริง แต่ฉันแอบไม่เห็นด้วยที่บอกว่าเหมือนฉันเมื่อก่อน
「ไม่ง่ายเลยน้า ถ้าจะรับเขามาเป็นลูกชายของพวกเรา」
「แล้วคิดจะยอมแพ้เหรอ?」
「คิดว่าฉันจะยอมไหมล่ะ?」
ถึงจะรู้สึกแปลกๆ แต่ก็ไม่ได้เกลียดอะไรนักกับความรู้สึกนี้
…..บางทีไอช่าอาจจะพูดถูก ตัวฉันกับอัศวินดำดูคล้ายกันจริงๆ
「เอาเถอะ เดี๋ยวพวกเราก็คงได้เจอกันอีกแน่นอน ฉันสัมผัสได้」
「……ดาร์ลิ้งเรื่องนั้น…」
ไอช่าพูดออกมาด้วยสีหน้าที่ปั้นยาก
———ไอช่าเป็นคนที่ไม่สามารถควบคุมอารมณ์หรือสีหน้าได้ดีอยู่แล้ว…และฉันที่รู้ถึงความกังวลนั้นก็พยักหน้าให้และเข้าไปกอดเธอ
「อัศวินดำถึงจะเป็นเด็กดี แต่ว่า…เขาก็สามารถฆ่าดาร์ลิ้งได้ นอกจากนี้ยังเป็นทุ่นระเบิดของท่านรูอินอีก หากพลาดอะไรไปดาร์ลิ้งอาจจะถูกเขาฆ่าเลยก็ได้」
「ฉันรู้อยู่แล้วฮันนี่」
「เพราะพลังของฉัน・・・・・」
「ไม่เป็นไรหรอก ฉันรู้ดี」
ถึงจะบอกว่าไอช่าคืออัลฟ่าแห่งโชค แต่ความเป็นจริงมันโหดร้ายกว่านั้นเยอะ
“อัลฟ่าแห่งความโชคร้าย”
ความสามารถในการดึงดูดโชคร้าย
พลังที่ไม่สามารถควบคุมได้ตามที่ใจต้องการและนำพาความโชคร้ายมาสู่คนรอบข้าง
เหตุผลที่ฉันได้เจอกับอัศวินดำผู้สามารถฆ่าฉันได้ก็อาจจะเป็นเพราะพลังของเธอที่เปิดใช้งานขึ้นเอง
พลังของเธอในอดีตเคยถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด นั่นทำให้เกิดเป็นแผลใจกับเธอและทำให้เธออยากจะตายไปเสียให้มันจบๆ
「ดาร์ลิ้งคงจะเป็นคนเดียวในจักรวาลแล้วแหละที่มองว่าฉันคืออัลฟ่าแห่งโชค」
「อย่าไปสนว่าใครจะคิดอะไรเลย มองแค่ฉันคนเดียวก็พอ ไอช่า」
ฉันวางมือไว้บนไหล่ของเธอแล้วสบตากับเธอ
「ไม่ว่าจะมีความทุกข์ถาโถมมามากขนาดไหนที่เกิดจากพลังของเธอ ฉันก็จะพลิกมันกลับให้กลายเป็นความสุขเอง」
「แต่ว่า……」
「นั่นคือสิ่งที่ฉันสัญญาไว้เสมอ」
ฉันจะเปลี่ยนโชคชะตาที่แสนโหดร้ายนั้นเอง
เพราะตัวเธอไม่คิดจะยอมแพ้ในโชคชะตาที่แสนโหดร้าย ฉันจึงสามารถยืนอยู่เคียงข้างเธอต่อไปได้
「วันที่ฉันจะหันหลังให้กับเธอและความโชคร้ายของเธอก็คือวันที่ฉันจะตายลงเท่านั้น」
「ฟิงเกอร์……」
ฉันจะเอาชนะความโชคร้ายและมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อหัวเราะกับผู้หญิงที่ฉันรัก
จัสติสครูเซเดอร์?อัศวินดำ?ท่านรูอิน จะใครก็ไม่สำคัญ
การต่อสู้ในฐานะนักรบมันเป็นเรื่องสนุกก็จริง
ตายไปพร้อมกับเกียรติหลังการต่อสู้คือเรื่องน่าภูมิใจสำหรับฉัน
―――ทว่าทั้งหมดมันก็ไม่ได้สำคัญอะไรเลยหากเทียบกับความงดงามที่อยู่ตรงหน้า
「นับตั้งแต่ฉันได้พบกับเธอ สายตาของฉันก็ไม่สามารถจับจ้องไปยังสิ่งอื่นใดได้อีก」
「อื้อ ขอบคุณนะที่คอยอยู่เคียงข้างฉัน」
อย่างที่คิด ถึงจะพูดมาเป็นร้อยครั้งแต่ก็แอบรู้สึกอายอยู่ดี
ฉันจับมือของเธอแล้วเริ่มเดิมกันต่อ ก่อนจะพูดอะไรบางอย่างเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ
「เอาล่ะ ยังไงพวกเราก็ไม่ได้สู้กับพวกเขาทันทีทันใดหรอก ดังนั้นไปเที่ยวกันต่อดีกว่า!!!」
「…นั่นสิ!! ดาร์ลิ้งพวกเราไปหาอะไรอร่อยๆ กินกันต่อดีกว่าเนอะ!」
แม้ตอนสุดท้ายพวกเราจะต้องได้มาเผชิญหน้ากัน
แต่อย่างน้อยกว่าจะถึงตอนนั้นฉันก็ขอสนุกไปกับชีวิตนี้เสียก่อน จนกว่าจะถึงเวลาที่คนเหล่าที่เสมือนเป็นความโชคร้ายเข้ามาขวางเส้นทาง
—จบ—
เรดก็ยังคงเป็นเรด แต่นอกจากเรด เยลโล่เหมือนจะก้าวข้ามเขตแดนมนุษย์ไปแล้วเหมือนกัน
หวังว่าคู่รักสองคนนี้จะไปรอดจนจบนะ
มาเม้ามอยหลังอ่านกันได้ที่เพจนะครับ แล้วก็ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code