อัศวินดำคุงไม่อยากเป็นเซ็นไต 156 แปลงร่าง

ตอนที่ 156 แปลงร่าง

 

ไม่รู้จะเรียกว่าโชคดีหรือร้าย แต่ดูเหมือนฉันจะกลายเป็นตัวตนที่ถูกเรียกกันว่าจิตวิญญาณแห่งดวงดาราไปเสียแล้ว

 

 

ทั้งที่ปีก่อนตัวเองเป็นเพียงนักศึกษามหาลัยที่มีงานอดิเรกแนวโอตะธรรมดาทั่วไป คือมันก็เลยฝันหรอกว่าอยากจะกลายเป็นตัวเอกของเรื่องราว แต่นั่นมันก็แค่การหนีจากความเป็นจริงที่ใช้ชีวิตในแต่ละวันไปเรื่อยๆ

 

ทว่าตอนนี้ฉันกลับสามารถใช้พลังแปลกๆได้

 

มีความสัมพันธ์กับฮิลด้าที่เปลี่ยนไปจากเดิมนิดหน่อย

 

นอกจากนี้ก็ได้รู้จักกับอัศวินดำคุงและจัสติสครูเซเดอร์คนอื่นๆ

 

 

 

「ฮ้า」

 

ตรงหน้าของฉันตอนนี้คืออากาเนะจังที่กำลังเหวี่ยงดาบของเธอจนเกิดเป็นประกายแสงออกมาใส่หุ่นจำลอง

 

 

ความเร็วของมันแม้จะเป็นตาของฉันก็ตามได้ทัน―――ไม่สิ ดูเหมือนเธอตั้งใจจะแกว่งมันช้าๆด้วยซ้ำ

 

การเคลื่อนไหวที่ไม่ได้ดุดัน ตัวดาบที่เหมือนกับไร้ซึ่งน้ำหนัก การฟาดฟันของเธอลื่นไหลราวกับเต้นรำ

 

ทว่าความขัดแย้งในปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นมันก็ทำให้ฉันสงสัย

 

เพราะปกติแล้วการฟันอะไรสักอย่างทิ้งด้วยดาบมันควรจะใช้แรงระดับหนึ่ง

 

เหมือนกับวิดิโอที่ฉันเคยเห็นพวกสำนักดาบฟันต้นไผ่

 

ทว่าเทคนิคของ อากาเนะ อาราซากะกลับต่างออกไป

 

แม้ว่าจะเป็นการฝันที่ดูเหมือนเบาและออมแรงสุดๆ แต่เธอก็สามารถฟันหุ่นทิ้งได้อย่างง่ายดายราวกับมันทำมาจากเนย

 

หรือจะบอกว่าแค่แรงที่เธอใช้ในตอนนี้มันก็มากพอจะทำลายล้างหุ่นตรงหน้าได้แล้วเหรอ

 

 

 

「「……」」

 

「ฟู้ว……」

 

 

ฉันกับฮิลด้าที่เฝ้ามองการฝึกของเธอในสนามฝึกซ้อมของสำนักงานใหญ่ถึงกับพูดอะไรไม่ออก

 

ว่ากันตามตรงฉันกลัวอากาเนะจังสุดๆ ตัวเธอในตอนนี้ก้าวข้ามเขตแดนที่มนุษย์ปกติอยู่ไปแล้ว

 

ขนาดฮิลด้าที่เห็นก็ยังรู้สึกตัวสั่นไม่ต่างกับฉันเลย

 

แต่เหมือนทางคัตสึมิคุงที่เฝ้ามองดูจะรู้สึกประทับใจกับสิ่งที่เห็น

 

 

 

「เป็นยังไงบ้างคะ? คิดว่าพอจะเป็นแนวทางได้หรือเปล่า โมโมโกะซัง?」

 

「เอ่อ ก็พอได้ละมั้ง!?」

 

 

อากาเนะจังเก็บดาบของเธอกลับเข้าฝักก่อนจะเช็ดเหงื่อที่ไหลออกมาด้วยผ้าขนหนูที่ฉันให้แล้วถามอย่างสุภาพ

 

เอาจริงดิ คือฉันต้องทำให้ได้แบบเธอเลยเหรอ?!

 

เนื่องจากเราเป็นผู้หญิงเหมือนกันฉันก็เลยขอให้เธอเรียกฉันด้วยชื่อจริง แต่ไม่รู้ทำไมท่าทางและน้ำเสียงที่สุภาพของเธอมันชวนทำให้หวั่นไหวชะมัด

 

 

「อันที่จริงก็อยากจะให้อากาเนะจังแสดงวิธีการเคลื่อนไหวที่คนปกติเข้าใช้กันก่อนนะ」

 

「ฉันว่านี่ก็เป็นพื้นฐานที่พอจะเอาไปอ้างอิงได้นะคะ」

 

「เอ่ออออ……」

 

 

ถ้าถามว่ามันเป็นสิ่งที่เกิดจากมนุษย์ไหม มันก็ใช่แหละเพราะเธอใช้มันให้ฉันดูโดยยังไม่ได้แปลงร่าง

 

แม้จะไม่ได้แปลงร่างฉันก็มั่นใจว่าอากาเนะจังในตอนนี้สามารถฆ่าพวกสัตว์ประหลาดได้แหง

 

「คุณต้องทำให้เหมือนฉันแน่นอนค่ะ…ที่ฉันมาไกลขนาดนี้ได้ก็เพราะถูกชี้น้ำโดยเจตจำนงแห่งสูท ตัวตนที่เป็นเหมือนกับฮิลด้าที่คอยอยู่เคียงข้างโมโมโกะซัง」

 

「ฉันว่ายัยนี่ไม่น่าจะไหวหรอกค่ะ」

 

「ไอ้นั่นก็จริงอยู่ แต่หยาบคายไปไหมโมโมโกะ?」

 

 

ดูเหมือนว่าแกนพลังงานที่ติดตั้งอยู่ในสูทของอากาเนะจังจะถูกเรียกว่าท่านอาซาฮี ซึ่งเธอคนนั้นได้ทำการสั่งสอนวิธีการต่อสู้ให้กับจัสติสครูเซเดอร์ในความฝัน

 

หรือก็คือการเคลื่อนไหวในตอนนี้ของอากาเนะจังเกิดมาจากการสั่งสมประสบการณ์และดึงความสามารถของร่างมนุษย์ปกติที่ทำได้ออกมาอย่างแท้จริง

 

….แต่ส่วนตัวฉันคิดว่านั่นไม่ใช่ทักษะที่มนุษย์ปกติเขาจะทำกันได้อยู่ดี

 

 

「เพราะเป็นทักษะที่แม้แต่ฉันเองก็ทำไม่ไหว ไม่ว่าจะเห็นสักกี่ที่ก็น่าประทับใจชะมัด」

 

 

คัตสึมิคุงเองก็ประทับใจและชื่นชมความสามารถของเธอ

 

อากาเนะจังที่ได้ยินก็ถึงกับเขินอาย

 

 

「ฟุฟุฟุ….เอาเป็นว่าจนกว่าพวกศัตรูมันจะโผล่มาอีกฉันจะฝึกฝนตัวเองให้สามารถต่อสู้กับศัตรูแม้จะไม่ต้องแปลงร่างนี่แหละ」

 

「จำเป็นด้วยเหรอ? ……ไม่สิ ขอโทษที่พูดแบบนั้น」

 

「อื้อ」

 

 

มันมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเหรอ?

 

อากาเนะจังพยักหน้าให้กับคัตสึมิคุงที่ทำท่าเหมือนรู้สึกผิดออกมา

 

 

「ฉันไม่อยากจะต้องอยู่ในสภาพที่น่าสมเพชเพราะไม่สามารถแปลงร่างได้อีกแล้ว」

 

「ไม่เห็นต้องเก็บเอามาใส่ใจขนาดนั้นก็ได้แท้ๆ」

 

「ฉันรู้ดี แต่คัตสึมิคุงไม่มีสิทธิ์มาพูดเรื่องนี้เถอะし」

 

「วกเข้าตกเฉยสิน้า」

 

 

คัตสึมิคุงยิ้มออกมาก่อนจะหันมาหาฉันอีกครั้ง

 

 

 

「คาเสะอุระซัง ฮิลด้า ตอนนี้ฉันอยากจะให้พวกเธอทั้งสองแปลงร่างแล้วทดสอบความสามารถของสูทสักหน่อย」

 

「อื้อ」

 

「แต่ไม่ได้หมายความว่าฉันจะตั้งเป้าให้เธอเข้าร่วมการต่อสู้หรอกนะ จุดประสงค์หลักๆคราวนี้ก็คือการทดสอบพลังงานแห่งดวงดารากับพลังของฮิลด้าว่ามันจะออกมาเป็นแบบไหน」

 

 

 

ฉันไม่จำเป็นต้องออกไปต่อสู้

 

ถึงฉันจะรู้สึกขอบคุณสำหรับความเอาใจใส่ของคัตสึมิคุง แต่อีกในหนึ่งก็คิดว่าคนแบบฉันจะสามารถทำอะไรเพื่อพวกเขาได้บ้างไหมนะ

 

 

 

「……เอาล่ะ ฮิลด้า คงไม่เป็นอะไรใช่ไหม?」

 

「เดี๋ยวฉันจัดการให้เองน่า」

 

「ถ้าดูเหมือนจะเกิดอะไรแย่ๆขึ้น ฉันจะดึงสิทธิ์ในการแปลงร่างมาอยู่กับฉันแทน เตรียมตัวไว้ด้วยล่ะ」

 

「อึก……ไม่ต้องห่วงหรอกน่า」

 

 

ร่างกายของฮิลด้าดูจะสั่นสะท้านแปลกๆหลังได้ยินคำพูดนั้น

 

 

「อากาเนะพวกเรากลับไปชั้นบนกันเถอะ」

 

「จริงสิ!….ตอนนี้ลุคของฉันดูจะเป็นเหมือนเลขาของนายได้บ้างหรือยัง?」

 

「จากสภาพฉันว่าเหมือนบอดี้การ์ดมากกว่านะ」

 

「……」

 

「แล้วไหงหล่อนช็อคขนาดนั้นละเห้ย……?」

 

 

คัตสึมิคุงตกใจกับท่าทางของอากาเนะจังสุดๆ ก่อนจะพาเธอกลับไปที่ห้องควบคุม

 

ตอนนี้ในสนามฝึกซ้อมเหลือเพียงฉันกับฮิลด้าที่กลายร่างเป็นนกฮูก

 

 

 

「โมโมโกะ พร้อมหรือยัง?」

 

「จะหนีต่อไปก็ไม่ช่วยอะไรนี่นน จะทำทั้งที่ก็เอาให้สุดไปเลย」

 

「……อ้า ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวฉันจะช่วยเธออีกแรงเอง」

 

 

ฉันพยักหน้าให้กับฮิลด้า ก่อนจะยื่นแขนซ้ายออกมา

 

จากนั้นฮิลด้าในสภาพนกฮูกก็บินขึ้นไปในอากาศก่อนจะเปลี่ยนร่างกลายเป็นอุปกรณ์แปลงร่างมาปกคลุมข้อมือของฉัน

 

 

 

『JASTICE CHANGER:FAKE/V』

 

 

 

「เฟคไฟซ์…?」

 

 

ฉันสับสนนิดหน่อยเมื่อได้ยินเสียงของฮิลด้าที่ออกมาจากอุปกรณ์แปลงร่าง พอได้สติก็เลยกดปุ่มที่อยู่ข้างๆ

 

จากนั้นอุปกรณ์แปลงร่างที่คล้ายนาฬิกาก็กางออกมาก่อนจะแสดงแถบภาพภายในซึ่งมีรูปร่างคล้ายกับนกฮูก

 

 

「ดะ เดี๋ยวก่อนนะ? ละ แล้วฉันต้องทำยังไงต่อเนี้ย?」

 

 

ครั้งล่าสุดที่แปลงร่างมันไม่ใช่แบบนี้นี่นา?!

 

ในขณะที่ฉันกำลังตื่นตระหนกเพราะเกิดสิ่งที่แปลกไปจากเดิม ฉันก็ได้ยินเสียงของฮิลด้าดังออกมาจากอุปกรณ์แปลงร่าง

 

 

『เอานิ้วจิ้มตรงกลางจอเพื่อยืนยันตัวตน!! นั้นจะเป็นการเริ่มการแปลงร่าง!!』

 

「ทำไมมันไม่เหมือนตอนแรกเลยล่ะ!?」

 

『โกลดี้บอกว่าทำแบบนี้มันเท่กว่าน่ะ……』

 

 

ประธานคนนั้นคิดอะไรของเขาอยู่นะ?!

 

อย่างไรก็ตามเหมือนว่าฉันจะสามารถแปลงร่างได้หากไม่ทำแบบนั้น ว่าแล้วฉันจึงวางนิ้วชี้ลงไปตรงไอคอนรูปนกฮูกที่ปรากฏในจอ

 

「เหหหหห!?」

 

 

ภาพภายในจอของอุปกรณ์แปลงร่างได้เปลี่ยนไป ก่อนจะเกิดปรากฏการณ์รอบๆ ตัวฉัน

 

แสง 5 สีได้เข้ามาปกคลุมร่างของฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า ตอนนี้ร่างของฉันได้เปลี่ยนไปเป็นเซ็นไตสีชมพูที่คล้ายกับจัสติสครูเซเดอร์ไปแล้ว

 

 

『CHANGE → UP RIGING!! SYSTEM OF JUSTICE CRUSADE……!!』

 

 

การแปลงร่างเสร็จสิ้น วิสัยทัศน์โดยรอบที่ฉันเห็นก็ชัดเจน

 

ฉันตรวจสอบร่างกายของตัวเองเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีอะไรผิดปกติ….

 

 

「แปลงร่างเสร็จแล้วจริงๆ ด้วย….」

 

 

ทั้งที่ไม่ใช่เทคโนโลยีของจัสติสครูเซเดอร์ทั้งหมดแต่พวกเขาก็ยังปรับปรุงเทคโนโลยีของเอเลี่ยนให้มีรูปลักษณ์ไม่ต่างจากจัสติสครูเซเดอร์ได้

 

 

「……」

 

 

จากนั้นฉันก็เริ่มทำการทดสอบ โดยการหยิบคอนกรีตที่แตกออกมาภายในสนามฝึกขึ้นมาแล้วบีบดู ผลที่ได้คือมันแตกเป็นชิ้นๆ อย่างง่ายดายในมือฉัน

 

พลังจะโหดเกินไปไหม?!

 

พอลองกระโดดดูก็พบว่าตัวฉันสามารถกระโดดสูงได้ไกลกว่า 5 เมตรซะอีก

 

 

 

『คาเสะอุระซัง มีอะไรผิดปกติกับร่างกายไหม?』

 

「หือ」

 

ในขณะที่ฉันกำลังมุ่งความสนใจไปทางการแปลงร่างของตัวเอง เสียงของประธานก็ดังขึ้นจากภายในหน้ากาก

 

ฉันรีบตอบรับเสียงของเขาทันที เพราะตอนนี้พวกเขาน่าจะกำลังรวบรวมข้อมูลของฉันอยู่ภายในห้องควบคุม

 

 

 

「อะ เอ่อ!! จนถึงตอนนี้ไม่รู้สึกผิดปกติอะไรเลยค่ะ!!」

 

『โย้ช ถ้าตอนนี้ไม่มีอะไรผิดปกติก็แล้วไป จากนี้จะให้เริ่มใช้งานพลังแห่งดวงดาราต่อ』

 

「ค่ะ」

 

『อย่างไรก็ตามหากสังเกตเห็นถึงความผิดปกติหรือรู้สึกไม่สบายตัวขณะสวมสูทให้รีบรายงานทันที คัตสึมิคุงกับเรดจะรีบเข้าไปช่วย』

 

 

ฉันพยักหน้าให้กับคำพูดของประธานแล้วสูดหายใจเข้าลึกๆ

 

จากนั้นฉันก็เริ่มเปิดใช้งานพลังแห่งดวงดาราโดยการยื่นฝ่ามือออกไปตรงหน้าของฉันแล้วจินตนาการถึงพลังดังกล่าว

 

 

 

 

「ฮึบ」

 

 

พลังงาน 5 สีที่มีแสงสีชมพูห่อหุ้มรอบๆ โผล่ออกมาจากฝ่ามือของฉัน

 

จากนั้นมันก็ถูกปลดปล่อยออกไปชนเข้ากับกำแพงภายในสนามฝึก ก่อนมันจะสลายไปโดยไม่สร้างความผิดปกอะไร

 

 

 

「แปลกจัง….พลังแห่งดวงดารามันน่าจะควบคุมแรงโน้มถ่วง…」

 

 

ฉันสัมผัสได้ว่าพลังมันหลั่งไหลออกมาจากร่างของฉันจริงๆ ปกติแล้วมันก็น่าจะทำให้พื้นที่ตรงหน้าของฉันได้รับผลกระทบจากแรงโน้มถ่วงสิ

 

ทว่าก็ไม่มีวี่แววที่เศษคอนกรีตมันจะลอยขึ้นเลย

 

 

『โมโมโกะ สังเกตหุ่นที่เรดฟันทิ้งไปก่อนหน้านี้สิ』

 

「หือ?」

 

 

พอได้ยินเสียงของฮิลด้าดังออกมาจากข้างในสูทฉันก็หันไปสังเกตหุ่นที่อากาเนะจังฟันทิ้งไป ก่อนจะพบว่ามันกลับไปอยู่ในสภาพเดิมก่อนที่จะถูกฟันทิ้งราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

 

 

 

「เอ๋ กลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว……?」

 

『ฉันจะขอยืนยันปรากฏการณ์นั้นอีกรอบ ไปทำหุ่นที่เคยถูกทำลายไปแล้วมาหน่อย พกวเราจะลองอีกรอบ』

 

「คะ ค่ะ」

 

 

จากนั้นฉันก็เริ่มปล่อยพลังงานแห่งดวงดาราออกมาอีกครั้งไปยังหุ่นที่ถูกทำลายและพวกมันก็กลับไปสู่สภาพเดิมก่อนที่จะถูกทำลาย

 

ไอ้นี่มันเหมือนย้อนเวลาวัตถุได้เลยไม่ใช่เหรอ

 

 

 

『มอทัลเยลโล่…ไม่สิ โซเรียคุง เธอคิดยังไงกับเรื่องนี้กัน?』

 

『เหมือนกับพลังของพวกเรานั่นแหละ หากไม่ลองใช้ดูก็ไม่รู้หรอกว่าจะทำได้ถึงขั้นไหน』

 

 

มอทัลเยลโล่ซึ่งกลายมาเป็นพวกของเรากำลังพูดคุยกับประธานอยู่ ตอนนี้เหมือนจะต้องเรียกเธอว่าโซเรียแทนแล้ว

 

การที่คุยให้ฉันได้ยินแบบนี้แปลว่าพวกเขาคงอยากจะให้ฉันรับรู้ด้วยสินะ?

 

 

『แต่จะว่ายังไงดีล่ะ…พลังของเด็กคนนี้เหมือนจะต่างจากพลังในการฟื้นฟูของพี่ชายฉันนิดหน่อย อาจจะพูดว่าทำให้กลับไปอยู่ในสภาวะปกติมากกว่าการรักษา』

 

『ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน ถ้างั้นก็หมายความว่า….』

 

 

ประธานหยุดคิดครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ

 

 

 

『คาเสะอุระซัง ดูเหมือนว่าพลังของเธอจะเป็นพลังแบบใหม่น่ะ』

 

「พลังแบบใหม่?」

 

 

『มันอาจจะดูเหมือนการฟื้นฟูสสารที่ถูกทำลายไปก็จริง แต่ในมุมที่พวกฉันเห็นมองว่ามันแตกต่างออกไป แทนที่จะเรียกว่าฟื้นฟู ควรจะบอกว่าทำให้มันกลับไปเป็นเหมือนเดิมก่อนที่จะโดนอะไรเลยมากกว่า』

 

 

เป็นพลังที่มีประโยชน์ก็จริงแต่ว่า….

 

 

 

「มันไม่เหมาะสมสำหรับการต่อสู้เลยสักนิด」

 

『ถ้ามีพลังนี้ละก็แค่นั้นมันเรื่องเล็กน้อยไปเลย』

 

「คะ」

 

 

ฉันพูดออกมาด้วยความผิดหวังแต่เหมือนประธานกลับไม่คิดแบบนั้น

 

ไม่สิ เขาตื่นเต้นสุดๆ ไปเลยด้วยซ้ำ

 

 

 

『พวกเรามีฝ่ายที่ทำการต่อสู้หน้างานอยู่แล้ว แต่ในมุมกลับกันพวกเรากลับไม่มีฝายสนับสนุนในเรื่องการฟื้นฟูหรือรักษาอยู่เลย ในช่วงปกติพวกลูกน้องกับฉันก็คอยรับหน้าที่ส่วนนี้อยู่หรอก แต่หากได้พลังของเธออย่าว่าแต่อาการบาดเจ็บเลย จะเมืองที่ล่มสลายก็ซ่อมได้สบายแหง』

 

「……เอ่อ」

 

『ทีนี้เข้าใจถึงพลังนั้นแล้วหรือยังล่ะ?』

 

 

แน่นอนว่าหากฉันใช้พลังนี้ก็คงสามารถฟื้นฟูบ้านเรือนที่ถูกสัตว์ประหลาดหรือเอเลี่ยนทำลายลงได้

 

ก็แปลว่ามันมีประโยชน์ในการช่วยเหลือผู้คนสินะ?

 

 

『ทว่าฉันก็ไม่คิดจะพึ่งพาพลังของเธอแม้มันจะดูมีประโยชน์สุดๆ เลยก็เถอะ』

 

「เอ๋ ทำไมล่ะคะ!?」

 

『เพราะเธอเป็นเพียงเด็กสาวธรรมดาที่พวกเราจัสติสครูเซเดอร์ต้องปกป้อง ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ฉันไม่คิดจะบีบบังคับให้เธอเข้ามาในโลกแห่งการต่อสู้โดยที่เธอไม่ต้องการหรอก』

 

 

 

เขาถามหาความตั้งใจของฉันสินะ

 

เหมือนกับอากาเนะจังและคนอื่นๆ พวกเธอเลือกเส้นทางนี้ด้วยตัวของพวกเธอเอง

 

พวกเธอเลือกที่จะต่อสู้กับสัตว์ประหลาดที่แสนน่ากลัวพวกนั้น

 

มันคือการตัดสินใจที่ฉันคงทำไม่ได้โดยง่ายแน่นอน

 

ฉันคงจำเป็นต้องคิดให้รอบคอบกว่านี้รวมไปถึงปรึกษาพ่อกับแม่เรื่องอนาคตของตัวเองด้วย

 

—จบ—

 

อากาเนะตอนนี้ถ้าไม่แปลงร่างน่าจะเป็นคนที่เก่งที่สุดในโลกนี้แล้วแหง

พิงค์สายฮีล

 

 มาเม้ามอยหลังอ่านกันได้ที่เพจนะครับ แล้วก็ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ  และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code

อัศวินดำคุงไม่อยากเป็นเซ็นไต

อัศวินดำคุงไม่อยากเป็นเซ็นไต

Score 10
Status: Completed
คัตสึมิ โฮมุระ วายร้ายที่รู้จักกันในนาม อัศวินดำ ชายผู้คิดว่าตัวเองคือวายร้ายแสนโฉดชั่ว เมื่อพ่ายแพ้ให้กับฝั่งฮีโร่เขาก็ถูกจับตัวไป ทว่าสิ่งที่รอเขาอยู่กลับไม่ใช่คุกหรือพวกตำรวจ แต่กลับเป็นขุมนรกที่ตัวเขาเกินจะคาดฝันแทนซะอย่างงั้น โลกที่ขบวนการเซ็นไตมีอยู่จริง เรื่องราวของอัศวินดำจอมวายร้ายที่มีสามัญสำนึกผิดแปกและถูกคนธรรมดาเข้าใจผิดมาโดยเสมอ บัดนี้เขากำลังจะถูกลากเข้าขบวนการเซ็นไตเสียแล้ว ※ผลงานชิ้นนี้กาวล้วนๆไม่มีเกลือผสม

Options

not work with dark mode
Reset