อัศวินดำคุงไม่อยากเป็นเซ็นไต 155 เรื่องราวหลังการต่อสู้ / ภัยคุกคามครั้งใหม่

ตอนที่ 155 เรื่องราวหลังการต่อสู้ / ภัยคุกคามครั้งใหม่

 

 

พลังอันตรายที่สามารถเขียนจักรวาลและทำลายทุกสิ่งอย่างได้ถือว่าเป็นอันตรายสำหรับการใช้งานสุดๆ

 

สิ่งที่แย่คือตอนที่ฉันพยายามแปลงร่างตามปกติ มันก็ยังพยายามเปลี่ยนให้ฉันเป็นร่างนั้นโดยอัตโนมัติ ทว่าก็ขอบคุณโปรโตที่จากไปซึ่งหยุดยั้งพลังดังกล่าวเอาไว้

 

ทว่ามันก็ไม่ได้ทำให้ฉันสบายใจไปได้ตลอด

 

ทันทีที่ฉันกลับมาถึงโลกตัวเองฉันก็เอาเรื่องนี้ไปบอกกับเรมะแล้วขอคำปรึกษา

 

 

 

 

「คัตสึมิคุง ดาวดวงนี้มันเปราะบางเกินกว่านายจะใช้พลังนั้นได้」

 

「……ฉันก็ว่างั้น」

 

「ทว่าพลังดังกล่าวแทนที่จะมองว่าเป็นของอันตราย ฉันว่ามันเป็นความหวังเสียมากกว่า」

 

 

 

ความหวัง……?

 

ในห้องของประธาน เรมะได้สวมชุดคลุมสีขาวเหมือนปกติมานั่งฟังการอธิบายเกี่ยวกับพลังที่ฉันได้

 

 

「เพราะพลังนั้นมันคือพลังที่สามารถใช้ในการตอบโต้กับรูอินผู้มีพลังยากจะอธิบายเป็นคำพูดได้เชียวนะ นายไม่คิดว่านั่นจะเป็นไพ่ตายในการต่อสู้หรอกเหรอ?」

 

「อ้า จะว่าไปก็จริง…หากเป็นร่างนั้นฉันคิดว่าน่าจะสู้กับยัยนั่นไหว」

 

 

ถึงแม้ท่าทางของยัยนั่นจะเปลี่ยนไปบ้าง แต่ความปรารถนาที่จะต่อสู้กับฉันก็ไม่ได้เปลี่ยนไป

 

หากถึงเวลาตัดสินแล้วยังไม่มีอะไรเปลี่ยน การต่อสู้ของพวกเราก็คงเลี่ยงไม่ได้

 

 

 

「แน่นอนว่าฉันไม่มีทางปล่อยให้นายลุยคนเดียวหรอก ส่วนตอนนี้….ฉันคงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเลี่ยงไม่ให้นายออกไปลุยเพราะความเสี่ยงที่ผนึกจะพังลงก็มีซะด้วยสิ」

 

 

การต่อสู้ของฉันถูกจำกัดเอาไว้

 

ฉันเดาว่าคงต้องรอให้เรมะวิเคราะห์ร่างพลูโตลูปัสของฉันให้เสร็จเสียก่อน

 

 

「……」

 

「กังวลเหรอ?」

 

「เอ่อ ก็ไม่ได้รู้สึกกังวลเกี่ยวกับพวกอากาเนะหรอก」

 

 

พวกเธอคือจัสติสครูเซเดอร์

 

เป็นไปไม่ได้เลยที่นักรบผู้แข็งแกร่งที่สุดในโลกที่ฉันรู้จักจะแพ้

 

ฉันรู้จักพวกเธอดีที่สุดเพราะเคยต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กัน

 

 

 

「แค่มันรู้สึกแปลกๆ น่ะที่ต้องเป็นฝ่ายเฝ้าดูการต่อสู้แทน」

 

「นั่นก็จริง」

 

 

เรมะพยักหน้าหลังฉันพูด

 

 

ก็จริงว่าฉันไม่จำเป็นต้องต่อสู้อีก ในตอนที่ถูกพวกอากาเนะจับตัวมา แต่นั่นมันก็หลังจากจบเรื่องของโอเมก้าไปแล้วฉันก็เลยไม่คิดจะบ่นอะไร

 

ในเวลาต่อมามันก็เป็นตอนที่ฉันเสียความทรงจำไป ดังนั้นหากจะให้ห่างจากการต่อสู้สักหน่อยคงไม่แปลก

 

 

「นายเอาแต่ต่อสู้มาตั้งแต่เด็ก มันก็คงจะเป็นเรื่องดีสำหรับคนที่ถูกนายปกป้องจากเหล่าสัตว์ประหลาดอยู่หรอก แต่ยังไงนายก็เป็นแค่เด็กนักเรียนคนหนึ่งนะ การที่นายไม่สามารถใช้ชีวิตวัยรุ่นของนายได้ส่วนตัวฉันก็ไม่ได้ดีใจนักหรอก」

 

「เรมะ?」

 

 

เรมะยิ้มให้กับฉันที่เอียงหัวสงสัย

 

 

「โลกนี้ยังคงมีพวกผู้รุกรานโผล่มาอยู่เสมอ แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเราจะต้องระวังตัวกันจนหาความสุขใส่ตัวไม่ได้นะ ฉันก็ไม่ได้บอกหรอกว่าสามารถเอาชีวิตวัยรุ่นของนายกลับมาได้ แต่อย่างน้อยนายก็ควรจะหาความสุขหรือสิ่งที่อยากทำนอกจากการต่อสู้จะดีไหม?」

 

 

สิ่งที่ฉันอยากจะทำเหรอ หื้ม

 

ฉันพยักหน้าแล้วคิด

 

 

「คงต้องลองพยายามทำหลายๆ อย่างดูก่อนแหละ」

 

「อ้า ดังนั้นนายก็ใช้โอกาสนี้ในการลองทำอะไรหลายๆ อย่างดูเถอะ ฉันเองก็จะคอยช่วยเอง」

 

「ขอบคุณนะ เรมะ」

 

 

จะว่าไปมองอีกมุมมันก็เป็นโอกาสดีเหมือนกัน

 

ฉันในอดีตมักจะรู้สึกอายกับความไร้เดียงสาของตัวเองในหลายๆ เรื่อง ตอนนี้เป็ฯโอกาสดีที่จะแก้ไขเรื่องนั้น นอกจากนี้ก็ยังอยากจะหาเรื่องที่ฉันสามารถทำได้ดีนอกจากการต่อสู้ด้วย

 

 

 

「…หื้ม คัตสึมิคุง…นายอยากจะลองเป็นผู้บัญชาการสั่งการดูบ้างไหม?」

 

「เอ๋?!ฉันเนี่ยนะ?!ไม่ไหวๆๆ เป็นไปไม่ได้หรอก!!」

 

 

นั่นมันเป็นหน้าที่ของเรมะที่ทำอยู่ประจำไม่ใช่หรือไง?!

 

คนอย่างฉันไม่มีทางทำได้หรอก!

 

 

 

 

「จากนี้ฉันจะออกลุยในฐานะจัสติสโกลด์น่ะ ก็เลยอยากจะหาใครสักคนที่แทนในจุดที่ฉันอยู่ หากเป็นนาย ฉันว่าฉันน่าจะฝากฝังไว้ได้」

 

「โอโมริซังก็ยังอยู่นี่」

 

「โอโมริคุงไม่ไหวหรอก ถึงเธอจะมีความสามารถและบทบาทสำคัญในงานของพวกเรา แต่ยังไงก็ไม่รอดแหง」

 

 

ก็ไม่ได้คิดว่าเธอไร่ความสามารถอะไรด้วย…

 

แต่ก็นั่นสินะ โอโมริซังต้องยุ่งอยู่กับการวิเคราะห์ และติดตามฝ่ายวิจัยนั่นนี่อีก

 

ขนาดว่ายืมมือกราทมาช่วยแล้วงานก็ยังวุ่นวายเหมือนเดิม

 

 

 

「แต่ยังไงฉันว่าตัวฉันก็ไม่สามารถแทนที่เรมะได้หรอก」

 

「นายคิดผิดแล้ว รู้ไหมว่าคุณสมบัติของผู้บัญชาการที่ดี คือความเข้าใจและความไว้วางใจ เช่นเดียวกับพวกเราที่เข้าใจในตัวนาย นายเองก็มีความเข้าใจในตัวของพวกเรดเป็นอย่างดี นายรู้ว่าพวกเธอทำอะไรได้หรือไม่ได้ มีจุดอ่อนจุดแข็งตรงไหน เพียงแค่นั้นฉันว่ามันก็มากพอที่นายจะคอยดูแลสั่งการพวกเธอแล้ว」

 

 

….ฉันก็พอจะเข้าใจที่เขาอยากบอกหรอก แต่ก็ไม่คิดว่าฉันจะทำไหว

 

เมื่อเห็นสีหน้าของฉัน เรมะก็ยิ้มกว้างกว่าเดิมแล้วกอดอกพูด

 

 

「นอกจากนี้ ฉันได้สร้างคู่มือในวิธีการตอบสนองและรับมือกับการโจมตีของพวกสัตว์ประหลาดหรือเอเลี่ยนไว้แล้วด้วย ที่นายต้องทำก็แค่สนับสนุนการต่อสู้ของพวกเราผ่านคู่มือดังกล่าวและหาทางรับมือเหตุที่ไม่คาดฝันหน้างานอีกที」

 

「สนับสนุนเหรอ……」

 

「คัตสึมิคุง นายอาจจะไม่ได้ตระหนักถึงความสามารถของตัวเอง แต่บนโลกนี้ไม่มีใครสามารถรับมือกับพวกสัตว์ประหลาดหรือเอเลี่ยนไปได้ดีกว่านายอีกแล้ว ไม่ว่าจะวิธีการรับมือ สัญชาตญาณ ความสามารถในการตัดสินใจ ทุกอย่างในตัวนายมันเพรียบพร้อมสุดๆ」

 

ก็คือเขาจะบอกให้ฉันใช้ความสามารถพวกนี้ในการวิเคราะห์รับมือกับสัตว์ประหลาดเหมือนตอนออกไปสู้ปกติสินะ

 

ถ้าคิดในมุมนี้ฉันว่าถึงเป็นฉันก็น่าจะไหว

 

「นอกจากนี้แค่ได้ยินเสียงของนาย พลังในการต่อสู้และขวัญกำลังใจของฝูงผีปีศาจพวกนั้นก็คงเพิ่มขึ้นสุดๆ แหง」

 

「เอ๋?」

 

「อ้า ช่างมันเถอะ ไม่มีอะไรหรอก!! เอาเป็นว่านี่ก็เป็นเพียงข้อเสนอของฉัน อย่างที่บอกไปสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการหาว่านายอยากจะทำอะไรด้วยตัวเอง」

 

「……อ้า เข้าใจแล้ว จะลองกลับไปคิดดูละกัน」

 

 

ส่วนตัวฉันก็แอบสนใจเรื่องนี้นิดหน่อย แต่เอาเป็นว่าไปหาอย่างอื่นด้วยตัวเองก่อนละกัน

 

 

***

 

หลังออกจากห้องบัญชาการ ฉันก็ตรงไปที่โรงอาหารทันที

 

สำนักงานใหญ่จัสติสครูเซเดอร์แห่งใหม่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ แถมยังเป็นสถานที่ที่นักวิจัยและเจ้าหน้าที่หลายคนซึ่งผ่านการคัดเลือกจากเรมะด้วยตัวเองกำลังทานอาหารกันอยู่ นอกจากนี้อาหารยังอร่อยสุดๆ

 

ฉันตั้งใจจะไปทานมื้อกลางวันที่นั่น แต่ก็ไม่ใช่เป้าหมายเดียวหรอก เป้าหมายอีกอย่างของฉันก็คือซื้ออาหารไปให้กับอัลฟ่าที่กำลังพยายามเรียนรู้งานฝ่ายปฏิบัติการโดยมีฮาคัวคอยช่วยอยู่

 

ในขณะที่กำลังเดินไปถามโถง แล้วคิดว่าจะเอาอะไรให้เธอดี ฉันก็พบเข้ากับหญิงสาวที่คุ้นหน้ากันจากมุมหนึ่งของทางเดิน

 

「เอ่อ คัตสึมิคุง」

 

「สวัสดี คาเสะอุระซัง ฮิลด้าด้วย」

 

『ทักฉันด้วยแฮะ!?』

 

 

คนที่เจอก็ไม่ใช่ใคร โมโมโกะ คาเสะอุระ หญิงสาวผมหยักศกที่ยาวประบ่า กับฮิลด้าที่เกาะไหล่ของเธออยู่ในสภาพนกฮูก

 

 

「จะไปทานข้าวเที่ยงเหรอ?」

 

「อะ อื้อ พอดีกำลังรับทดสอบเสร็จน่ะเลยรู้สึกหิวๆ ตั้งใจว่าจะไปหาอะไรกินสักหน่อย…แล้วคัตสึมิคุงล่ะ?」

 

「อ้า เหมือนกัน ถ้างั้นพวกเราไปด้วยกันเลยดีไหม?」

 

「อื้อ ได้สิ」

 

 

ดูเหมือนว่าพลังแห่งดวงดาราของเธอจะไม่รั่วไหลออกมาแล้ว

 

 

「ว่าแต่ฮิลด้าคงไม่ได้ทำอะไรแปลกๆ อีกใช่ไหม?」

 

『ฉันไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย! ใช่ไหม โมโมโกะ?!』

 

「นอกจากแอะอะโวยวายก็ไม่มีอะไรนะ」

 

『โมโมโกะ!?』

 

 

ฮิลด้ากระพือปากโวยวายใส่อีกฝ่ายทันที

 

…ฮิลด้าเคยทำเรื่องเลวร้ายกับคาเสะอุระซังมาเยอะ แต่ดูจากการพูดคุยของพวกเธอแล้ว เหมือนว่าจะเริ่มปรับตัวอยู่ด้วยกันได้ดีกว่าเก่า

 

พอมาถึงโรงอาหารในขณะที่คุยกับพวกเธอ ฉันก็เห็นร่างที่แสนคุ้นเคยอีกหนึ่ง

 

 

 

「อากาเนะก็มาด้วยเหรอ?」

 

「อื้อ ก็ประมาณนั้น」

 

 

บางทีเธออาจจะกำลังเดินหาฉันอยู่ก็ได้ พอเธอเห็นฉันจึงรีบวิ่งเข้ามาหาทันที

 

 

「เมื่อกี้ติดต่อไปหาประธานแล้วเขาบอกว่านายกำลังตรงไปที่โรงอาหารน่ะ ฉันก็เลยมารอ!!」

 

「แล้วไหงไปถามเรมะล่ะ……?」

 

「ฉันก็ติดต่อนายไปแล้วนะ แต่ไม่เห็นนายจะตอบเลย หรือว่าเผลอไปเปิดโหมดเงียบเอาไว้?」

 

 

…อ๊ะ แย่แล้วสิ หรือฉันจะไปเปิดทิ้งไว้จริงๆ

 

แอบรู้สึกผิดเลยแฮะ พอฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูก็พบว่ามันเปิดโหมดเงียบเอาไว้จริงๆ!!

 

สงสัยต้องเพิ่มคลาสเรียนวิธีการใช้โทรศัพท์เข้าไปในสิ่งที่ฉันอยากทำด้วยแล้วสิ

 

 

 

「เอ่อ ขอโทษด้วยนะ」

 

「ไม่เป็นไรๆๆ แล้วก็ สวัสดีนะ คาเสะอุระซัง!!」

 

「อ้า สวัสดีค่ะ อาราซากะซัง」

 

『ฉันก็อยู่ตรงนี้นะ?เมินฉันเลยเหรอ?』

 

 

จากนั้นอากาเนะก็มาร่วมโต๊ะอาหารกับพวกเรา

 

ในขณะที่นั่งลงฮิลด้าก็กลับมาเป็นร่างของมนุษย์แล้วไปนั่งอยู้ข้างๆ คาเสะอุระซัง

 

ยัยนี่สะดวกสบายจริงๆ เลยแฮะเรื่องการเปลี่ยนรูปร่าง จากนั้นฉันก็เรียกพนักงานของโรงอาหารมาเพื่อสั่งเมนู ก่อนจะพบว่าอีกฝ่ายคือพี่สาวของอากาเนะ อย่างจิเสะซัง

 

 

「คัตสึมิคุงอยากจะกินอะไรเอ่ย?」

 

「พี่ไอ้เสียงสองนี่มันอะไรกัน」

 

「น้องสาวโง่เง่ารับเป็นข้าวแช่น้ำเนอะ?」

 

「แล้วฉันได้ไปสั่งไอ้นั่นตอนไหนกัน!?」

 

 

ฉันยิ้มให้กับการพูดคุยกันของสองพี่น้องพลางดูเมนูไปด้วย

 

 

 

「ผมขอเป็นชุดแกงกะหรี่แฮมเบิร์ก แล้วก็ขอแบบเดียวกันอีก 2 ชุดใส่กล่องปริมาณพิเศษกว่าที่ผมกินสัก 3 เท่าครับ」

 

 

「ที่สั่งนี่ตั้งใจจะเตรียมไปให้ฮาคัวจังกับอัลฟ่าจังสินะ?」

 

 

เห็นได้ชัดว่าสองคนนั้นมีชื่อเสียงในด้านความตะกละ

 

ก็นะเด็กวัยกำลังโต กินประมาณนั้นก็ปกติมั้ง

 

 

 

「ฉันขอเป็นแซนด์วิชกับกาแฟค่ะ」

 

「ฉันเอาเป็นโนโปลิตัน ว่าแต่ โมโมโกะ ก่อนหน้าที่จะมาเธอบอกว่าอยากกินคัตสึด้งไม่ใช่เหรอ….อย่าบอกนะว่าพอมาอยู่ต่อหน้าคัตสึมิคุงแล้ว อารมณ์สาวน้อยมันเลยพรั่งพรูออกมาจนไม่กล้ากินของหนักๆ?!」

 

「เอายัยนี่ไปเป็นส่วนผสมแซนด์วิชได้ไหมคะ?」

 

 

แอบประหลาดใจที่เห็นคาเสะอุระซังเอามือบีบหน้าของฮิลด้าที่ยิ้มร่าอยู่เหมือนกันวุ้ย

 

จะสั่งของที่อยากกินก็ไม่เห็นเป็นไรเลยแท้ๆ เพราะเธอไม่เหมือนกับอัลฟ่าและฮาคัวที่ยัดทุกอย่างลงท้องได้หมดอย่างกับรถสูบ

 

 

 

「เห้อ เพราะฝึกซ้อมช่วงเช้ากินแรงซะเยอะ ขอเป็นคัตสึด้งชามใหญ่ๆ ละกัน」

 

「ไม่รู้สึกอะไรกับการพูดคุยของพวกเราเมื่อกี้ลยเหรอ?」

 

「คัตสึมิคุงเขาไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว กลับกันเขากังวลด้วยซ้ำหากพวกเราไม่หาอะไรกินให้เหมาะสม เนอะ?」

 

「อ้า ฉันคิดแบบนั้นแหละ」

 

 

ในฐานะคนที่เคยทำอาหารให้ฮาคัวกินประจำ ฉันจะมีความสุขมากกว่าหากพวกเธอกินกันอิ่มท้อง

 

หลังจากสั่งเมนูกันเสร็จพี่ของอากาเนะก็กลับไปในครัวแล้วนำน้ำดื่มมาเสิร์ฟ

 

 

 

「อากาเนะไปซ้อมช่วงเช้าเหรอ?」

 

「อื้อ ถ้าจะพูดให้ชัดก็คือฉันไปโรงเรียนไม่ได้แล้วน่ะ สิ่งเดียวที่ทำได้ตอนนี้ก็คือฝึกฝน」

 

 

ตัวตนของอากาเนะถูกเผยออกมาแล้ว เธอจึงไม่สามารถออกไปไหนได้สบายๆ เหมือนเก่า

 

โชคดีที่คิราระกับอาโออิยังปลอดภัยดี แต่สำหรับอากาเนะแล้วคงเป็นเรื่องลำบากใจน่าดู

 

 

 

「คาเสะอุระซัง แล้วเรื่องเรียนมหาลัย….」

 

「คงไม่ได้ไปเรียนต่อแล้วแหละ เพราะพลังแปลกๆ ที่เกิดขึ้นในตัวฉัน เหนือสิ่งอื่นใดคือต้องจับตายัยนี่ด้วยสิ」

 

「อึก」

 

คาเสะอุระซังวางมือไว้บนหัวของฮิลด้าอย่างไม่ลังเล จนฮิลด้าตกใจ

 

ฉันกับอากาเนะที่รู้ถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับเธอก็แอบรู้สึกผิดไม่ได้จนเงียบไป

 

คาเสะอุระซังที่เห็นแบบนั้นก็รีบพูดขึ้นอย่างตระหนก

 

「อะ เอ่อ อันที่จริงแล้ว ฉันก็ไม่มีแผนจะทำอะไรเป็นพิเศษในอนาคตด้วย เหตุผลที่ไปเรียนต่อมหาลัยก็แค่อยากใช้เป็นพื้นฐานในการเปิดโอกาสหางานอย่างพวกราชการน่ะ!! แถมการที่อยู่ดีๆ ก็กระโดดมาทำงานในบริษัทยักษ์ใหญ่แบบนี้ได้ถือว่าเป็นโชคดีของฉันไม่น้อยเลยไหนจะเรื่องการรักษาตัวอีก แบบนี้ดีแล้วแหละ」

 

「โมโมโกะถึงจะคิดแบบนั้นจริง แต่บางส่วนก็ไม่ควรพูดออกมานะ」

 

「แล้วคิดว่าเป็นเพราะใครกันล่ะยะ~!」

 

「ง้าาาาาาา!?」

 

 

ฮิลด้าถูกคาเสะอุระซังบีบแก้มไปมาอีกรอบก่อนจะส่งเสียงร้องแปลกๆ ออกมา

 

พอเห็นแบบนี้ฉันกับอากาเนะก็เลยกระซิบคุยกัน

 

 

「ท่าทางคาเสะอุระซังจะสดใสกว่าเก่าสุดๆ」

 

「ฉันก็ว่างั้น」

 

 

อย่างน้อยเท่าที่เห็น อาการของเธอก็ดีกว่าเมื่อก่อนสุดๆ

 

「ทั้งหมดต้องขอบคุณ คิโนโกะเลยแหละ」

 

「ไหงมีชื่อคิโนโกะขึ้นมาได้ล่ะ?」

 

「ดูเหมือนว่ามันจะกลายเป็นสุนัขบำบัดที่คอยชั่วเหลืองานฮาคัวไปแล้วน่ะ」

 

「ทำไมสุนัขบ้านฉันมันถึงพัฒนาไปขนาดนั้นโดยที่ฉันไม่รู้ได้กันนะ」

 

 

อันที่จริงนอกจากดูแลคาเสะอุระซังแล้ว พวกพนักงานที่เหนื่อยล้าทางจิตใจก็มาบำบัดกับคิโนโกะบ่อยๆ

 

หลังได้ยินความสำเร็จของมัน เรมะก็เหมือนวางแผนว่าจะสร้างห้องสัตว์บำบัดภายในสำนักงานใหญ่

 

 

「คัตสึมิคุง อากาเนะซัง?」

 

 

คาเสะอุระซังที่เห็นพวกเรากระซิบคุยกัน ก็ถามด้วยความสงสัย

 

ฉันกับอากาเนะก็เลยมองหน้ากันแล้วตอบกลับไปว่าไม่มีอะไร

 

 

「จริงสิ ช่วงบ่ายได้ยินว่าคาเสะอุระซังจะทดสอบสูทตัวใหม่สินะ ฉันได้ยินประธานบอกมาน่ะ」

 

「อื้อ….จะทดสอบว่าสูทของฮิลด้ามันทำอะไรได้บ้างน่ะ….」

 

 

สีหน้าของคาเสะอุระซังดูเคร่งขรึมกว่าเดิมนิดหน่อย

 

ฉันแน่ใจว่าเธอคงจะกลัวและกังวล

 

หากไม่นับว่าอากาเนะกับฉันที่เป็นกรณีพิเศษ เธอคนนี้ก็เป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง

 

 

「อากาเนะ พวกเราไปร่วมการทดสอบนี้ด้วยดีไหม?」

 

「หือ」

 

「จะพูดให้ถูกคือ คาเสะอุระซังน่าจะสบายใจกว่าหากมีพวกเราไปด้วยน่ะ」

 

「จะ จะดีเหรอ?」

 

 

คงต้องไปคุยกับเรมะก่อน

 

แต่ในเมื่อเป็นเรื่องของคาเสะอุระซังการมีพวกเราอยู่ด้วยอาจจะดีกว่า

 

ใช่ว่าเธอจะชินกับการใช้ชีวิตอยู่ที่นี่เสียทันทีด้วยสิ

 

***

การจัดลำดับของเหล่าลำดับแห่งดวงดารานั้นจะขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งในด้านที่ตัวเองถนัด

 

ทำให้เห็นว่าแม้แต่คนอย่างโกลดี้เองก็เคยอยู่ลำดับสองหลัก แม้จะด้อยเรื่องพลังในการต่อสู้

 

การจัดอันดับของพวกหลักเดียวก็ไม่ต่างกัน

 

ตัวอย่างก็มีให้เห็นอย่างลำดับที่ 2

 

พลังในการต่อสู้ของลำดับที่ 2 นั้นไม่ได้สูงส่งอะไรเลย

 

แต่การที่เขาสามารถมาเป็นลำดับที่ 2 ได้เพราะความสามารถในการเดินทางข้ามมิติอย่างง่ายดายของเขา

 

 

 

และคนที่ฉันกำลังจะมาติดต่อด้วยในครั้งนี้ก็คือลำดับที่ 9 ซึ่งก็อยู่ในการจัดลำดับแบบพิเศษไม่ต่างอะไรกับลำดับที่ 2

 

 

「….คนพวกนี้ติดเล่นกันมากไปหน่อยไหมนะ?」

 

 

ตอนนี้ฉันกำลังอยู่ที่สนามบิน

 

สถานที่ที่ผู้คนมากมายได้มารวมตัวกัน ฉันกำลังอยู่ในมุมรอคนออกมาจากเกต หรือก็คือลำดับที่ 9 นั่นแหละ น่าจะใกล้ได้เวลาแล้วนะ

 

 

「ทั้งที่มาบนโลกแล้ว แต่ก็คิดไม่ถึงเลยว่าจะเมินคำสั่งของรูอินจังแล้วไปเที่ยวเล่นตามปกติ」

 

 

อันที่จริงก็ไม่ใช่แค่คราวนี้ หลายครั้งด้วยกันที่พวกเขาให้ความสำคัญกับการเที่ยวเล่น โดยมีคำสั่งของรูอินจังเป็นของแถม

 

สุดท้ายฉันก็ต้องมานั่งปวดหัวกับการคอยดูแลตามล้างตามเช็ด

 

 

「มาแล้วสินะ……」

 

 

คู่ชายหญิงสวมเสื้อฮาวายกับแว่นตาขอบทองโผล่ออกมาจากเกตในสนามบิน สภาพการแต่งตัวไม่ต่างจากนักท่องเที่ยว

 

ฝ่ายชายคือชายผมบลอนด์ร่างใหญ่ ส่วนฝ่ายหญิงคือสาวผมบลอนด์ร่างรูปสูง หุ่นดี

 

โฉมงามกับเจ้าชายอสูรน่าจะเป็นคำอธิบายที่ชัดเจนสุดๆ สำหรับคู่นี้ แต่ที่ตกใจกว่านั้นคือเหมือนทั้งสองจะเพลิดเพลินกับวัฒนธรรมของดาวโลกสุดๆ

 

ไม่จัดเต็มกันไปหน่อยเหรอ?!

 

 

「โอ้ ซันนี่จัง!」

 

「ว่าไง ซันนี่!!」

 

 

เมื่อทั้งสองเห็นฉันก็เดินเข้ามาพร้อมกับพูดด้วยเสียงที่เกินเบอร์จนคนรอบข้างหันมามอง

 

ใบหน้าที่แสนคุ้นเคยและเป็นมิตรสุดๆ บรรยากาศของพวกเขาไม่ใช่คนที่เข้าหาได้ยากเลย แต่ก็แปลกที่ไม่มีใครกล้าเข้าใจพวกเขาสักคน

 

 

「ตั้งใจมารับกันเลยสินะ!」

 

「อะ อ้า ก็ประมาณนั้นจ้า」

 

「งั้นก็ต้องเก็บไว้เป็นที่ระลึกสักหน่อย!!」

 

「เอ้า ชีสสสสส!!」

 

 

 

「「เย้ーーー!!」」

 

 

เหตุผลที่ต้องปวดหัวอีกอย่างหนึ่งก็คือความหวานของสองคนนี้แหละ

 

ฉันอดยิ้มออกมาไม่ได้เมื่อเห็นลำดับที่ 9 ทั้งสองโอบไหล่กันแล้วถ่ายรูปด้วยโทรศัพท์ในโหมดเซลฟี่

 

เป็นคู่รักที่รักกันเหมือนเคย

 

 

 

 

「มาได้สักทันะ ฟิกเกอร์ ไอช่า」

 

 

「ก็น้า!! โลกใบนี้มันมีอะไรน่าสนใจเต็มไปหมดเลยนี่นา!! ลาสเวกัส อียิปต์ อเมซอน เวนิส ฮาวาย แล้วก็อีกมากมาย!! ทำไมวัฒนธรรมที่แตกต่างกันสุดๆ ถึงมารวมกันในดาวดวงเล็กๆ แบบนี้กันนะ….แต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไรสวยเท่าฮันนี่ของฉัน!!」

 

「นั่นสินะ ดาร์ลิ้ง!! ฉันโชคดีจริงๆ ที่ได้มาอยู่บนโลกนี้กับดาร์ลิ้ง!」

 

 

หลังพูดจบฟิงเกอร์ชายร่างใหญ่ก็วางมือเอาไว้บนคางของสาวงามไอช่าแล้วสบตากัน

 

ทำไมฉันถึงมองเห็นหัวใจโผล่ออกมาจากดวงตาของพวกเธอกันนะ

 

 

「ฉันจริงจังนะไอช่า ตัวเธอน่ะสวยจริงๆ สวยยิ่งกว่าสิ่งใด」

 

「ดาร์ลิ้ง……」

 

 

สายตาอันแสนอบอุ่นได้ส่งไปมาให้กัน

 

หากปล่อยไว้คงไม่จบแหง ฉันจึงตัดสินใจตัดบทพวกเธอ

 

 

 

「เอาล่ะ เลิกหวานใส่กันได้แล้ว」

 

「ไม่ได้หวานสักหน่อย」

 

「ใช่แล้ว แค่นี้มันไม่สามารถเทียบได้กับความหวานในชีวิตที่พวกเรามีให้กันโดยปกติเลยสักนิด」

 

「ถามจริง……!?」

 

 

เอ๋?!

 

หา?!

 

ฉันถึงกับเหวอไปสองจังหวะ

 

ไม่ไหวๆ ได้สำลักน้ำตาลตายแหง รีบออกจากที่นี่ดีกว่า

 

 

 

「อะแฮ่ม ที่พวกเธอมากันคราวนี้เพราะคำสั่งของรูอินจัง คงไม่ได้ลืมกันสินะ?」

 

「ก็ใช่อยู่หรอก จากนี้คงอาจจะต้องโดนดุแน่นอน แต่ขอไปเที่ยวสถานที่ที่น่าสนใจในญี่ปุ่นก่อนละกัน」

 

「นั่นคือเป้าหมายที่แท้จริงในการกลับมาญี่ปุ่นใช่ไหม……?」

 

 

อันที่จริงฉันว่ารูอินจังก็คงไม่โกรธพวกเขาหรอก แต่ฉันก็ไม่คิดจะพูดให้ฟังแน่

 

นอกจากนี้พวกเขาก็เป็นเพื่อนฉันด้วยสิ อย่างน้อยก็ควรให้คำแนะนำดีๆ หน่อยแล้วกัน

 

 

….ถึงพวกเขาก็เป็นถึงลำดับที่ 9 ไม่ใช่พวกที่จะแพ้ใครง่ายๆ ก็เถอะ

 

 

 

 

「นักรบของดาวโลกแข็งแกร่งนะ」

 

「อ้า เรื่องนั้นฉันรู้ ก็เป็นคนที่ท่านรูอินสนใจนี่นา」

 

「เพราะแบบนั้นแหละ….」

 

「「แต่ช้าก่อน」」

 

 

พวกเขาทั้งคู่พูดขึ้นพร้อมกันก่อนจะยิ้มอย่างไม่เกรงกลัว

 

 

「พวกเราทั้งคู่คือลำดับที่ 9」

 

「โอเมก้าและอัลฟ่าที่ผูกสายสัมพันธ์ซึ่งไม่มีวันสั่นคลอน」

 

 

 

———เกือบจะทุกดาว ชะตากรรมของโอเมก้าและอัลฟ่ามักจะจบไม่สวยเสมอ

 

โอเมก้ากลายเป็นสัตว์ร้าย อัลฟ่าก็กลายเป็นแกนพลังงาน

 

ทว่าทั้งสองกลับต่างออกไป

 

 

 

 

「อัศวินดำ?จัสติสครูเซเดอร์?จะอะไรก็ไม่สำคัญหรอก」

 

 

คู่รักที่จับมือกันขึ้นมาอยู่ในลำดับหลักเดียว

 

 

ความแข็งแกร่งของพวกเขาอยู่ในลำดับเดียวอย่างไม่ต้องสงสัย ความสามารถของพวกเขาก็สร้างปัญหาให้กับศัตรูสุดๆ

 

แต่ปัญหาจริงๆ ก็คือเรื่องของสภาพความคิดความอ่านนี่แหละ

 

 

 

「ไม่ว่าศัตรูจะเป็นแบบไหนพวกเราก็จะไม่มีวันพ่ายแพ้」

 

 

ลำดับแห่งดวงดาราที่ 9 ฟิกเกอร์แห่งความลุ่มหลงและไอช่าแห่งโชค

 

 

“พลังแห่งความรัก”

 

อาจจะฟังดูตลก แต่พลังดังกล่าวมันสามารถพลิกชะตากรรมที่เลวร้ายของอัลฟ่าและโอเมก้าลงได้จริงๆ และตอนนี้พวกเขาก็กลายเป็นตัวอันตรายที่ใช้ชีวิตคู่ด้วยกันอย่างมีความสุข

 

 

「เอาละ งั้นไปหาอะไรอร่อยๆ กินก่อนดีกว่า!! ซันนี่ ช่วยแนะนำร้านดีๆ หน่อย!!!!」

 

「นั่นสินะ ช่วยแนะนำหน่อยสิ ขอร้านเด็ดๆ เลย!!」

 

「เห้อ นี่ฉันจะต้องมาคอยดูแล คู่รักคู่นี้ไปอีกสักพักจริงเหรอเนี้ย?!」

 

 

นี่ฉันกำลังถูกเกมลงทัณฑ์อยู่หรือไงกันนะ?!

 

จะต้องมาทนดูคู่รักหวานกันแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหนน้อ?!

 

–จบ–

 

 มาเม้ามอยหลังอ่านกันได้ที่เพจนะครับ แล้วก็ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ  และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code

อัศวินดำคุงไม่อยากเป็นเซ็นไต

อัศวินดำคุงไม่อยากเป็นเซ็นไต

Score 10
Status: Completed
คัตสึมิ โฮมุระ วายร้ายที่รู้จักกันในนาม อัศวินดำ ชายผู้คิดว่าตัวเองคือวายร้ายแสนโฉดชั่ว เมื่อพ่ายแพ้ให้กับฝั่งฮีโร่เขาก็ถูกจับตัวไป ทว่าสิ่งที่รอเขาอยู่กลับไม่ใช่คุกหรือพวกตำรวจ แต่กลับเป็นขุมนรกที่ตัวเขาเกินจะคาดฝันแทนซะอย่างงั้น โลกที่ขบวนการเซ็นไตมีอยู่จริง เรื่องราวของอัศวินดำจอมวายร้ายที่มีสามัญสำนึกผิดแปกและถูกคนธรรมดาเข้าใจผิดมาโดยเสมอ บัดนี้เขากำลังจะถูกลากเข้าขบวนการเซ็นไตเสียแล้ว ※ผลงานชิ้นนี้กาวล้วนๆไม่มีเกลือผสม

Options

not work with dark mode
Reset