ฉันเกลียดฤดูร้อน
เพราะอากาศมันร้อนสุดๆ
จะออกไปข้างนอกก็ไม่ไหวเพราะความรุนแรงของแดดที่ส่องเหนือหัวและศัตรูของผิวพรรณ
ก็จริงว่ามันเป็นช่วงที่เหมาะสมสำหรับการไปเที่ยวทะเลด้วย แต่ถ้าฉันไปได้ง่ายขนาดนั้นคงไม่ต้องมานั่งหนักใจหรอก ด้วยพลังกระเป๋าเงินของเด็กมอปลายแล้วเป็นไปไม่ได้เลยจริงๆ
LINE คาโอริน
ไฮรุ : สรุปแล้ว ฤดูร้อนนี้ก็คงได้นั่งหมกอยู่ในห้องแอร์พร้อมกับกินไอติมเท่านั้นแหละมั้ง
คาโอริ : นี่หล่อนกำลังหาเรื่องฉันที่ต้องทำกิจกรรมชมรมกรีฑาเหรอ?
(#^ω^)
วันหยุดฤดูร้อนได้เริ่มต้นขึ้น
ในขณะที่ทุกคนกำลังวางแผนทำตามความฝันในวันหยุดยาว ฉันกลายเป็นคนที่ต้องมานั่งตากแอร์ในห้องระหว่างนั้นก็คุยไลน์กับคาโอริเพื่อนของฉัน
LINE คาโอริน
ไฮรุ : ว่าแต่เธออยู่ไหนแล้วเหรอ
คาโอริ : กำลังนั่งรถไฟกลับน่ะ
จริงสินี่ก็เที่ยงแล้ว กิจกรรมชมรมช่วงเช้าก็น่าจะจบพอดี
พวกอยู่ชมรมกีฬานี่แข็งแกร่งกันจังเลยน้อ ฉันคิดระหว่างพิมตอบกลับเธอ ทว่า
LINE คาโอริน
คาโอริ : งานเข้าแล้ว สัตว์ประหลาดโผล่มา
「ห๊า!?」
อาการหนาวสั่นเข้าโจมตีฉันทันทีเมื่อเห็นคำว่าสัตว์ประหลาด
จากนั้นฉันก็พยายามติดต่อคาโอริทันที ทว่าก็ไม่มีการตอบกลับจากเธอ
โทรไปก็ไม่รับ แถมอยู่ดีๆสัญญาณก็หายไปอีก
「หมายความว่าเรื่องใหญ่เลยนี่นา……?」
หากมีการใช้สัญญาณโทรศัพท์พร้อมกันเป็นจำนวนมากในพื้นที่ จะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นก็ไม่แปลก
ว่าแล้วฉันก็รีบลุกออกจากห้องไปยังทีวีที่ห้องนั่งเล่นชั้น 1
พอลงไปก็พบว่าแม่ของฉันได้นั่งดูทีวีอยู่ก่อนแล้ว โดยมีข้อความว่าสัตว์ประหลาดปรากฏตัวเลื่อนอยู่ด้านล่างของจอ
แจ้งเตือนเหตุฉุกเฉิน สัตว์ประหลาดปรากฏตัว วันนี้เวล 13.18น . สัตว์ประหลาดปรากฏตัวที่ XXXX โตเกียว
「แม่ของเปลี่ยนช่องหน่อยนะ!」
「อะ อื้อ…ได้สิ ว่าแต่สัตว์ประหลาดอีกแล้วเหรอ น่ากลัวจริงๆ」
หลังแม่อนุญาตฉันก็เปลี่ยนช่องไปเป็นช่องข่าวที่นำเสนอสัตว์ประหลาดจริงจัง ซึ่งมันปรากฏตัวไม่ไกลจากที่ฉันอยู่นัก
『อยู่ดีๆก็มีสัตว์ประหลาดปรากฏตัวขึ้นค่ะ!! โดยตอนนี้มันกำลังลอยอยู่เหนือสถานี xxx และทำการปล่อยคลื่นปริศนาออกมาจากข้างบนนั้น!!』
ดูเหมือนว่าสัตว์ประหลาดมันกำลังจะทำอะไรสักอย่างอยู่ พวกนักข่าวที่อยู่ข้างล่างก็พยายามนำเสนอกันสุดๆ
ร่างของมันอยู่ไกลจากกล้องที่พวกเขาถ่ายก็เลยเห็นไม่ชัดนัก แต่เหมือนว่าส่วนบนของร่างมันจะเป็นสีทอง
「นี่ ไฮรุ ที่นี่มัน….」
「ค่ะ สถานีรภไฟฟ้าที่หนูใช้ประจำ….」
สถานีที่ฉันขึ้นไปโรงเรียน
สัตว์ประหลาดมันอยู่ข้างบนนั้นแล้วปล่อยสัญญาณแปลกๆออกมา หากสังเกตให้ดีๆก็จะเห็นว่ามีคนติดอยู่ข้างในนั้นและออกมาไม่ได้เพราะบาเรียล่องหนกันเอาไว้
『ดูเหมือนว่าประชาชนข้างในสถานีจะติดอยู่ในเขตพลังลึกลับค่ะเลยทำให้ไม่สามารถอพยพออกมาได้!!』
「อึก」
ไม่จริงน่า คาโอริก็ติดอยู่ข้างในเหรอ?!
เพื่อนของฉันกำลังติดอยู่ในนั้น
แค่คิดถึงความเป็นไปได้นี้ฉันก็กลัวจนขนลุกไปหมด
「ขอร้องล่ะ!! รับโทรศัพท์ที……!!」
เครื่องหมายอ่านแล้วในLINEก็ไม่ขึ้น โทรศัพท์ก็ไม่รับ
ติดต่อเธอไม่ได้เลย
จะทำยังไงดี———
『———อ๊ะ อัศวินดำค่ะ! ตอนนี้อัศวินดำได้ตรงเข้าไปยังจุดเกิดเหตุแล้ว!!』
「!」
นักข่าวสาวพูดด้วยความตกใจ
น้ำเสียงที่ดูเหมือนเป็นกังวลในตอนแรกเริ่มเปลี่ยนไปเป็นความเชื่อมั่นเพราะคนที่พวกเรารอปรากฏตัวแล้ว อัศวินดำกระโดดลงมายังจุดที่นักข่าวสาวอยู่
เขามองดูสัตว์ประหลาดที่อยู่ข้างบนสถานีนั้นก่อนจะถอนหายใจออกมา
『เอ่อ อัศวินดำ!!』
『หา!?』
จะชวนเขาคุยจริงดิ?!
พอเขาหันกลับมาหานักข่าวสาว เหมือนตากล้องจะถอยกลับออกไปนิดหน่อยเลยแฮะ
『……แล้ว?』
『คือว่าตอนนี้มีคนจำนวนมากกำลังติดอยู่ในสถานีค่ะ!』
『……?』
เขาเอียงหัวสงสัยกับคำอธิบายของนักข่าวสาว
『คือว่าสัตว์ประหลาดเหมือนจะยังไม่เคลื่อนไหวอะไรเป็นพิเศษนอกเหนือจากการปล่อยคลื่นปริศนา…คือ….』
แบบนี้นี่เอง เธอแค่ตั้งใจจะบอกสถานการณ์คร่าวๆให้กับอัศวินดำที่กำลังมาถึง
จากนั้นอัศวินดำก็เกาหัวนิดหน่อย เหมือนไม่รู้จะต้องตอบยังไงดี
ไม่นานนักเขาก็พูดกับนักข่าวสาวสั้นๆเพียงว่า….
『……、……เข้าใจแล้ว』
『ค่ะ』
ถึงจะเป็นเสียงอันแผ่วเบา แต่ก็เต็มไปด้วยความมั่นใจ จากนั้นเขาก็พุ่งหายไปในทันที
วินาทีต่อมาหลังเขาหายไปจากหน้ากล้อง นักข่าวสาวก็ส่งเสียงดังขึ้นทันที
『! ทางนั้นๆ!!』
กล้องรีบเบนไปตามที่นักข่าวสาวชี้
ภาพที่แสดงออกมาให้เห็นคือภาพของอัศวินดำกำลังปะทะกับบาเรียที่มองไม่เห็นซึ่งกั้นระหว่างเขากับสัตว์ประหลาด
อัศวินดำกระเด็นออกมา ก่อนจะมองหมัดของตัวเองที่ทำอะไรอีกฝ่ายไม่ได้
『อัศวินดำ』
……!?สัตว์ประหลาดพูดอยู่เหรอ!?
สัตว์ประหลาดที่ลอยอยู่สามารถป้องกันการโจมตีของอัศวินดำเอาไว้ได้และพูดขึ้น
น้ำเสียงของมันช่างดูน่าขนลุกเพราะมันเหมือนการผสมโทนเสียงของทั้งชายและหญิงเข้าด้วยกันอย่างแปลกประหลาด แม้มันจะอยู่ไกลจากกล้องทีวีแต่น่าแปลกที่เสียงของมันกลับส่งเข้ามาได้
『นักรบผู้โดดเดี่ยวที่น่าสมเพชเอ๋ย』
『จิตใจของแกมันช่างว่างเปล่า』
『ไร้ซึ่งสิ่งใด』
『ทำไมถึงต้องสังหารพวกพ้องของข้าด้วย』
สัตว์ประหลาดมองไปยังอัศวินดำและกางมือออก
ทางอัศวินดำก็เหมือนจะตะโกนพูดอะไรสักอย่างกลับไป
แต่เสียงของเขากลับส่งมาไม่ถึงกล้อง ทว่าสัตว์ประหลาดที่ได้ยินก็แสดงท่าทางตกใจไม่น้อย
『นั่นคือคำตอบของแกสินะ』
『งั้นก็ไม่เป็นไร』
『เพราะฉันจะเป็นคนฆ่าแก———』
ว่าแล้วอัศวินดำก็พุ่งเข้าปะทะกับสัตว์ประหลาดอีกครั้ง
เขาใช้หมัดประเคนใส่อีกฝ่ายเหมือนคราวก่อนส่วนผลลัพธ์ที่ได้ก็ไม่ต่างจากเดิม
『เปล่าประโยชน์』
『บาเรียที่ข้าสร้างขึ้นสามารถจิตสังหารที่จะเข้ามาได้ทั้งหมด』
『สุดท้ายแกที่ถูกผูกมัดเอาไว้ด้วยกฎของโลกใบนี้ไม่มีทางจะฝ่าบาเรียของข้ามาได้หรอก』
ทว่าบางอย่างกลับแปลกไป
ภาพที่กล้องจับได้คือการที่เริ่มมีรอบแตกปรากฏขึ้นระหว่างสัตว์ประหลาดกับอัศวินดำ
จากนั้นเสียงของกระจกที่แตกกระจายก็ดังขึ้น แขนของอัศวินดำได้คว้าเข้าไปที่คอของสัตว์ประหลาด
『อั๊ค』
『ฉันจะพูดอีกทีแล้วกัน』
ตอนนี้เสียงของอัศวินดำ ได้ดังเข้ามาถึงกล้องแล้ว ท่าทางในเขตบาเรียนั่นน่าจะเป็นตัวขยายเสียง
『แกพล่ามหมดแล้วหรือยัง?』
อัศวินดำทำการกระชากร่างของสัตว์ประหลาดออกมาจากเขตบาเรีย
『อุ อั๊ค!』
เมื่อร่างของสัตว์ประหลาดหลุดออกมา อัศวินดำก็ทำการรัวหมัดที่เร็วเกินกว่าตาฉันจะมองทันใส่สัตว์ประหลาด จากนั้นร่างของฉันก็ยับเยินจนไม่เหมือนเก่า
ถึงจะไม่เข้าใจเท่าไหร่ แต่ท่าทางการต่อสู้น่าจะใกล้จบแล้ว
『อ๊ากกก ได้ยังไง!!!?』
『อย่าคิดว่าแกเป็นคนเดียวที่ทำอะไรก็ได้ตามใจยากสิวะ』
อัศวินดำปิดท้ายสัตว์ประหลาดที่กำลังพยายามหนีด้วยหมัดขวา
「……ข้า…ผู้นี้…พ่ายแพ้……」
ร่างของสัตว์ประหลาดจมลงไปในดินก่อนจะแน่นิ่ง จากนั้นอัศวินดำก็กระโดดหายไป
ถึงจะไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ แต่แค่เห็นผ่านจอก็อดตื่นเต้นไม่ไหวแล้ว
ในระหว่างที่กำลังโล่งใจ โทรศัพท์ของฉันก็สั่น
ฉันรีบกดรับสายทันที เพราะรู้ว่าปลายสายคือใคร
「คาโอริ!!เป็นอะไรหรือเปล่า!?」
『ไม่เป็นไร ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วงนะ』
「อื้อ ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว!!」
ฉันไม่คิดเลยจริงๆว่าเพื่อนของฉันจะต้องมาเผชิญอะไรแบบนี้
จากนั้นคาโอริก็หัวเราะออกมาเหมือนจะเป็นฝ่ายปลอบฉันแทน
『อันที่จริงสัตว์ประหลาดมันปรากฏตัวอยู่อีกสองสถานีถัดไปจากฉันน่ะ ฉันตอนนี้ติดอยู่ในรถไฟแล้วผู้คนวุ่นวายกันเต็มไปหมด ก็เลยตอบกลับไปไม่ได้』
「เรื่องนั้นช่างมันเถอะ……」
ขอแค่เธอปลอดภัยดีเท่านั้นฉันก็สบายใจแล้ว
『ว่าแต่ อัศวินดำปรากฏตัวขึ้นสินะ? เหมือนพอมีเรื่องร้ายทีไรเขาก็มาช่วยตลอดเลย』
「อื้อ เขามาช่วยพวกเราไว้น่ะ……」
เหนื่อยชะมัด
พอหมดห่วงเรี่ยวแรงอะไรมันก็หายไปเสียหมด ฉันจึงล้มตัวลงนอนบนโซฟาในห้องนั่งเล่นซะเลย
***
หลังช่วงบ่าย ตัวฉันในสภาพที่เหนื่อยใจสุดๆก็เลยออกไปซื้อไอศกรีมกินเป็นการให้รางวัลกับตัวเอง
ถึงแม้การมากินอะไรแบบนี้ก่อนจะไปทานมื้อเย็นต่ออีก จะโดดแม่ดุ แต่ฉันก็ไม่คิดจะหยุดยั้งความอยากของหวานของตัวเองหรอก
ว่าแล้วฉันก็ตรงไปยังร้านสะดวกซื้อที่ไม่ไกลจากบ้านของฉันเท่าไหร่นัก
「แค่นี้น่าจะพออยู่ได้สัก 3 วัน」
ฉันเดินออกมาจากร้านสะดวกซื้อพร้อมกับรอยยิ้มเต็มใบหน้า
อาจจะเป็นเพราะฤดูร้อนไหมนะ ถึงจะเป็นหลัง 6 โมงแล้วพระอาทิตย์ก็ยังไม่ตก
「……หือ?」
ระหว่างทางกลับฉันได้เห็นบางอย่างที่สวนสาธารณะ
มีคนคนหนึ่งกำลังนอนอยู่ตรงม้านั่งในสวนนั้น ร่างของเขาถูกอาบด้วยแสงอาทิตย์ที่ใกล้ลับฟ้า
ปกติฉันก็คงไม่สนใจคนแบบนี้หรอก แต่เพราะผมสีดำที่แสนคุ้นเคยนั้นมันสะกิดใจฉันเหลือเกินก็เลยเลือกเข้าไปดูใกล้ๆ
「……อ่ะ? เอ๋!?」
ชายหนุ่มที่อายุใกล้เคียงกับฉันกำลังนอนหลับอยู่ในสภาพสวมเสื้อเชิ้ตสำหรับหน้าร้อน
「โฮมุระคุง!?」
คัตสึมิ โฮมุระ ชายหนุ่มโต๊ะข้างๆที่ดึงดูดความสนใจของฉันในช่วงนี้
ตกใจชะมัด ทำไมเขาถึงมานอนอยู่ที่ม้านั่งในสวนเวลานี้ล่ะ?
ไม่รู้เพราะอะไรเหมือนกัน แต่ตัวฉันที่เห็นแบบนั้นจึงตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วถ่ายรูปใบหน้าตอนนอนของเขาเอาไว้
「เอาเป็นว่า ถ่ายไว้เรียบร้อย!!」
———เดี๋ยวสิ ฉันทำแบบนี้ทำไมกัน ก่อนอื่นต้องคิดก่อนไม่ใช่เหรอว่าเขามาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง?!
เขาเป็นอะไรหรือเปล่านะ!?
ระ หรือว่าจะเป็นลมแดด?!?!
「นะ นี่ โฮมุระคุง! นายจะมานอนอยู่ในที่แบบนี้ไม่ได้นะ」
「หือ……?……โคโนฮานะ……?」
เขาตื่นขึ้นมาง่ายๆเลยซะงั้น จากนั้นก็ลุกขึ้นมานั่งแล้วมองมาที่ฉัน
ราวกับว่าเริ่มเข้าใจสถานการณ์ เขาเลยพูดขึ้น
「เฮ้อ ฉันเผลอหลับไปสินะ」
「ว่าแต่ทำไมถึงมานอนในที่แบบนี้ได้ล่ะ……?」
จากนั้นฉันก็ลงไปนั่งคุยกับเขาข้างๆ
น่าแปลกจริงๆ ทั้งที่ต้องกลัวว่าหากไม่รีบกลับไอศกรีมจะละลายแท้ๆ
「พอดีช่วงกลางวันยุ่งนิดหน่อยน่ะ แถมเห็นว่าแถวนี้มันร่มดีก็เลยกะมาหาที่นอนคลายร้อนสักหน่อย พอรู้ตัวอีกทีก็ป่านนี้แล้ว」
「นี่เผลอนอนจนเกือบค่ำเลยเหรอ……?」
「นั่นสินะ ขอโทษทีละกันที่ก่อปัญหาให้」
ว่าแต่คนปกติที่ไหนเจอเรื่องยุ่งแล้วต้องมานอนในที่แบบนี้กันเล่า?
ก็จริงอยู่ว่าแถวนี้ค่อนข้างเย็น แต่กลับไปนอนที่ห้องไม่ดีกว่าเหรอ?
……。
พอคิดได้แบบนั้นฉันก็นึกถึงเรื่องที่เคยคุยกับเขาขึ้นมาได้
「หรือว่าที่ห้องของโฮมุระคุงไม่มีแอร์?!」
สำหรับคนที่ไม่มีแม้กระทั่งโทรศัพท์หรือคอม ฉันเลยเดาเอาไว้ว่าที่บ้านของเขาก็ไม่น่าจะมีแอร์อะไรทำนองนั้นอยู่
พอเห็นฉันถามแบบนั้น เขาก็ส่ายหัวแล้วยิ้มออกมา
「ก็…หากเป็นปีที่แล้วมันก็ไม่มีหรอก แต่ตอนนี้…เหมือนจะโดนแอบยัดเข้ามาโดยไม่ถามกันก่อนน่ะ」
「แอบยัดเข้ามา……?ใครทำเหรอ?」
「……ผู้บุกรุกห้อง……ไม่สิ นะ น้องสาวฉันน่ะ」
「นายมีน้องสาวด้วยเหรอ!?」
「……ก็ประมาณน้องสาวปลอมๆ」
「น้องสาวปลอม!?」
ก็แปลว่าไม่ใช่พี่น้องกันจริงๆงั้นเหรอ?!
หรือจะไม่สนิทกันเฉยๆนะ
ไม่สิ แต่ถ้าไม่สนิทกันระดับหนึ่ง จะติดแอร์ให้มันก็แปลกๆไหม ชวนให้สับสนชะมัด
「เอาเป็นว่าต้องรีบกลับไปทำอาหารเย็นขอตัวก่อน」
「เอ๋」
ว่าแล้วเขาก็ลุกขึ้นแล้วเดินจากไป
ต้องรีบกลับไปทำอาหารเย็นเหรอ
หมายความว่ายังไงกัน
จะไปทำอาหารให้คนที่บ้านกินเหรอ
หรือเขาจะเป็นเพียงคนเดียวในบ้านที่ทำอาหารได้กันนะ
「เอ่อ……คือ」
「หือ?」
「พ่อแม่ของโฮมุระคุงไม่อยู่ที่บ้านเหรอ?」
「……」
เขาแสดงสีหน้าปั้นยากออกมาทันทีหลังฉันถาม
หลังเงียบไปสักพักเขาก็มองมาที่ฉันแล้วยิ้มออกมาก่อนพูด
「พ่อกับแม่ฉันยุ่งกับงานน่ะ ก็เลยกลับบ้านดึก ฉันเลยต้องทำอาหารเย็นกินเอง」
「……บะ แบบนี้นี่เอง」
「ขอโทษที่ทำให้รู้สึกแปลกๆนะ」
ฉันรู้ได้ทันทีว่าเขาโกหก
เขาแค่ไม่อยากให้ฉันต้องมากังวล
บางทีเอาอาจจะถูกพ่อแม่ละเลยก็ได้
หรือไม่ก็เขาเสียพ่อกับแม่ไปแล้ว
บางที———สิ่งที่เข้ามาในหัวของฉันมีแต่เรื่องร้ายๆที่อาจจะเกิดขึ้นได้
「โฮมุระคุง!!」
「หะ หือ?อยู่ดีก็พูดเสียงดังทำไมกัน?」
ฉันคิดว่าปล่อยไว้แบบนี้ไม่ได้แล้วก็เลยเรียกชื่อของเขาขึ้นมา
แม้เขาจะแสดงท่าทีตกใจออกมา แต่ฉันก็ไม่ได้สนใจแล้วพูดต่อ
「นายกำลังหิวอยู่ใช่ไหม!?」
「เอ๋!?อ้า ก็ใช่หรอก…เพราะงั้นก็เลยจะกลับบ้านไปทำอะไรกินไง」
「ถ้างั้นละก็」
เอาเลย ไฮรุ โคโนฮานะ จังหวะนี้แหละ!!
ฉะ ฉันจะต้องพูดมันออกไป!!
「นายจะมาทานข้าวเย็นที่บ้านฉันใช่ไหม!?」
「!!?」
เดี๋ยวววววว?! ฉันพลาดไปหมดแล้ว ทำไมต้องขึ้นเสียงซะดังขนาดนั้นด้วยเล่านี่มันการเชิญไปกินข้าวเย็นที่เลวร้ายสุดๆ แถมนี่มันประโยคบังคับไม่ใช่หรือไง?!
มันจบแล้ว ชีวิตฉัน อยากตายชะมัด
ในหัวของโฮมุระคุงตอนนี้ฉันคงเป็นเด็กสาวประหลาดที่อยู่ดีๆก็มาลากผู้ชายเข้าบ้านเพื่อไปกินข้าว ฉันได้กลายเป็นผู้หญิงแบบนั้นในความทรงจำเขาแหง
「อ่ะ คือ……」
「เอ่อ……」
「……ฮ่ะๆ」
โฮมุระคุงแสดงสีหน้าประหลาดใจออกมา ใบหน้าของฉันร้อนไปหมดแล้ว
แย่สุดๆ
แต่มันก็เป็นสิ่งที่ฉันพูดออกมาเองจะทำอะไรกับมันก็———
「ก็ได้」
「เอ๋」
「จะเลี้ยงข้าวเย็นฉันใช่ไหมล่ะ?」
เขายิ้มแห้งๆออกมาระหว่างตอบรับคำชวนของฉัน
แย่แล้ว แบบนี้มันแย่สุดๆ
เอาจริงดิ
จะบอกว่าเข้าใจผิดก็ไม่ได้แล้วด้วย
พอตระหนักได้ถึงข้อเสนอสุดเลวร้ายที่ตัวเองเผลอพูดออกมา ฉันก็แทบอยากจะนอนกลิ้งไปมากับพื้นด้วยความอับอาย
***
สัตว์ประหลาดบาเรีย
สัตว์ประหลาดที่ใช้บาเรียล่องหนสุดแกร่ง มันสามารถป้องกันการโจมตีที่มีเจตนาฆ่าที่เข้ามาได้ทั้งหมด
ตอนแรกมันก็ตั้งใจจะจับคนในสถานีเป็นตัวประกันไว้เล่นกับอัศวินดำ แต่เพราะพูดคุยกันไม่รู้เรื่องสักทีแถมโดนฆ่าเร็วเกินไปเลยอดใช้ของที่เตรียมมา ส่วนสาเหตุที่อัศวินดำทะลวงบาเรียมาได้ก็คงจะเหมือนกับการที่เราเดินไปเหยียบมดตัวหนึ่ง
ไฮรุคือคนที่ชวนคัตสึมิมาที่บ้านของตัวเองได้สำคัญก่อนพวกตัวละครหลักเป็นปีๆ
ส่วนอัลฟ่าก็กำลังนั่งตากแอร์อย่างมีความสุขภายในห้องระหว่างรอคัตสึมิกลับมาทำข้าวเย็นให้
–จบ–
ปักธงซะชัดขนาดนี้ว่าโดนลบความจำแน่ๆ ส่วนสาเหตุคงต้องรออ่านกันต่อ….อัลฟ่าทนหิวไปก่อนละกันนะ
มาเม้ามอยหลังอ่านกันได้ที่เพจนะครับ แล้วก็ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code