ตอนที่ 639 อกสั่นขวัญแขวน
วันเสาร์หลังกินอาหารเช้าเสร็จคนส่วนใหญ่อย่างมู่เถาเยา ตี้อู๋เปียนก็พากันกลับเมืองเย่ว์ตู รวมถึงเย่ว์จือเหิงกับกู้หานที่เตรียมหารือเรื่องหมั้นหมาย และยังมีคุณนายใหญ่เซี่ยกับเด็กน้อยเซี่ยอวี่ฮว่า
กู้เนี่ยนกำลังท้อง ตี้อู๋เว่ยต้องดูแลเธอ ทั้งสองคนจึงไม่ได้ไปด้วย
ยกขบวนกันไปขนาดนี้กลับทำให้อาจารย์อาเล็กเจียงเฉากับกู่ย่ารู้สึกประหม่า
เนื่องจากมากันเยอะมากจึงแบ่งไปพักที่บ้านตระกูลตี้กับตำหนักพระจันทร์ในเซิ่งซื่อฉางอัน
ทักทายกันพอประมาณเสร็จก็กินอาหารกลางวัน
กินเสร็จอาสะใภ้รองตี้ก็เข้าเรื่อง รับประกันกับอาจารย์อาเล็กและกู่ย่าว่าจะดูแลเจียงเฟิงเหมียนเหมือนเป็นลูกสาวตัวเอง
เดิมทีอาจารย์อาเล็กก็สนิทกับตระกูลตี้อยู่แล้ว จึงไว้ใจคนตระกูลตี้มาก บอกกับอาสะใภ้รองตี้ว่าถ้าลูกสาวยินดีพวกเขาก็ไม่ว่าอะไร
กู่ย่าจับลูกสาวที่หน้าแดงหูแดงมาถามความสมัครใจ
เจียงเฟิงเหมียนมองมู่เถาเยาแล้วมองตี้อู๋โยว จากนั้นก็พยักหน้าหงึก ๆ
ทุกคนต่างมีความสุข
ตอนบ่ายทุกคนพากันไปเยี่ยมลู่จือฉินกับเสี่ยวลู่ลู่ที่ลี่ว์อินการ์เด้นโซนคฤหาสน์หรูที่สองของเซิ่งซื่อฉางอัน
ตี้อู่เหลียนจิงเป็นคนซื้อคฤหาสน์ลี่ว์อินการ์เด้นนี้ ถึงแม้พื้นที่จะไม่กว้างเท่าบ้านตระกูลตี้กับตำหนักพระจันทร์ในเซิ่งซื่อฉางอัน แต่ก็ใหญ่กว่าเรือนอุ่นรักไม่รู้ตั้งกี่เท่า
ผู้อาวุโสทั้งสองของตระกูลตี้อู่มาพักกับพวกเขาชั่วคราว และยังมีญาติๆ ที่มักมาเยี่ยมสองแม่ลูกบ่อย ตี้อู่เหลียนจิงกับลู่จือฉินจึงย้ายมาอยู่ที่นี่ จะได้สะดวกให้ญาติๆ พักด้วย
ทารกน้อยเปลี่ยนไปทุกวัน เพิ่งเกิดได้ครึ่งเดือนก็เปลี่ยนไปมากแล้ว
เครื่องหน้าเริ่มชัดเจน เหมือนย่าของเขาที่เป็นลูกครึ่งมาก น่ารักน่าชังยิ่งกว่าเซี่ยอวี่ฮว่าหลานสาวของเขาอีก!
ตี้จินเหยี่ยกับเซี่ยอวี่ฮว่าชอบน้าเล็กคนนี้มากเหลือเกิน ร่ำร้องอยากอุ้มกลับบ้าน ทำเอาทุกคนขำไม่หยุด
อย่าว่าแต่เด็กสองคนนี้เลย ขนาดอาสะใภ้รองตี้ได้อุ้มก็ยังไม่อยากจะวางลง
เธออยากมีหลานบ้าง!
แต่ว่าที่ลูกสะใภ้ของเธอเพิ่งอายุยี่สิบสองปี เธออยากมีแค่ไหนก็รีบไม่ได้
ถ้าเป็นลูกสาวของเธอ เธอก็ไม่อยากให้รีบแต่งงาน ด้วยเหตุนี้เธอจึงไม่เร่งให้แต่งงานมีลูก ทำได้เพียงอิจฉาคนอื่น
กินข้าวเย็นที่บ้านตระกูลตี้อู่เสร็จทุกคนก็ทยอยกลับ
ช่วงเช้าวันอาทิตย์บรรดาหนุ่มสาวอย่างมู่เถาเยา ตี้อู๋เปียน เจียงเฟิงเหมียน ตี้อู๋โยว มู่หว่าน น่าหลานอวิ๋นไค ก็มาเยี่ยมลู่จือฉินกับเสี่ยวลู่ลู่อีก
ตกบ่ายคนที่อยู่เมืองหลวงก็กลับกัน
เย่ว์จือเหิง เย่ว์จือกวง ปาเฝ่ยกลับเผ่าพร้อมกัน
แต่ละคนแยกย้ายกลับไปใช้ชีวิตตามปกติ
นอกจากคนที่อยู่เมืองเย่ว์ตูอยู่แล้วก็มีแค่มู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนที่ ‘ทำตัวว่างงาน’ ยังอยู่เมืองเย่ว์ตู
ช่วงบ่ายวันจันทร์มู่เถาเยาไปกินข้าวบ้านเฉิงซินพี่สาวของเฉิงหรานพร้อมตี้อู๋เปียน ครอบครัวศิษย์พี่ใหญ่เฉิงหราน และปาอิน
ตรงโต๊ะอาหารครอบครัวเหลยมีสาวสวยเพิ่มมาหนึ่งคน เป็นทนายสาวที่ทำคดีหย่าร้างให้สำนักทนายของเหลยโจว และยังเป็นแฟนของเหลยถิง ชื่อเว่ยเวย
เจียงเย่ว์ย่อมกลายเป็นอดีตไปแล้ว
เว่ยเวยพอเห็นตี้อู๋เปียนก็ตกใจมาก แต่ก็ตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว
หลังจากเฉิงซินแนะนำให้รู้จักกันแล้วก็ยิ้มพูดกับมู่เถาเยา “เสี่ยวเยาเยาจ๊ะ พวกเราไม่เจอกันเกือบปีแล้วนะ เสี่ยวเยาเยากับคุณชายอู๋เปียนเปลี่ยนไปมากทีเดียว”
สาวน้อยหน้าตาเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ดูเป็นสาวขึ้นมาก
รอยยิ้มบนใบหน้าคุณชายอู๋เปียนก็เยอะขึ้น ดูดีกว่าเมื่อก่อน
“ใช่ค่ะ พวกเราต่างมีความเปลี่ยนแปลง แต่พี่เฉิงซินกับพี่สะใภ้ยังดูอ่อนเยาว์เหมือนเดิมเลยนะคะ”
เฉิงซินลูบใบหน้าอย่างมีความสุข “อันนี้ก็ต้องยกความดีให้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เสี่ยวเยาเยาคิดค้นเลยนะ”
หลี่อวี้เสวี่ยก็ยิ้ม “ใช่จ้ะ นับตั้งแต่เสี่ยวเยาเยาเริ่มคิดค้นผลิตภัณฑ์บำรุงผิว อายุของพวกเราก็เหมือนถูกหยุดไว้”
ปาอินปากหวาน “ถ้าพวกคุณน้ามายืนกับหนู เสี่ยวเยาเยา พี่เว่ยเวย ก็เหมือนพี่น้องกันเลยนะคะ”
เว่ยเวยยิ้มพยักหน้า “ใช่เลยค่ะ มีครั้งหนึ่งพี่ไปเดินเล่นกับน้าเฉิง มีคนมาถามว่าพี่มีพี่สาวตั้งแต่เมื่อไร!” เธอเป็นลูกสาวคนเดียว
เฉิงซินกับหลี่อวี้เสวี่ยถูกสาวๆ อวยจนยิ้มแก้มปริ
ผู้หญิงทุกคนที่เริ่มอายุเยอะต่างชอบใจที่มีหนุ่มสาวชม พวกเธอก็เช่นกัน
‘พี่สาว’ ทั้งสองคีบกับข้าวให้สาวๆ “กินเร็วเข้า พวกเธอผอมไปนะ ยังสาวอยู่มีเนื้อหนังหน่อยถึงจะน่ารัก”
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเป็นไปอย่างอบอุ่น
กินเสร็จก็ย้ายไปที่ห้องรับแขก เหลยโจวพูดกับมู่เถาเยาและตี้อู๋เปียน “เสี่ยวเยาเยา อาจื่อบอกพี่แล้วนะที่เธอกับคุณชายอู๋เปียนไปช่วยชีวิตไห่หมิงไว้”
แต่อาจื่อไม่รู้ว่าลู่อู๋เปียนคือตี้อู๋เปียน แต่พอเธอบอกว่าคนที่อยู่กับเสี่ยวเยาเยาเขาก็รู้ทันทีว่าใคร
มู่เถาเยายิ้ม “บังเอิญเจอพอดีค่ะ”
“เฮ้อ ไห่หมิงรักการผจญภัยเป็นชีวิตจิตใจ หลายปีมานี้เจ็บตัวจนเป็นเรื่องปกติ แต่ไม่เคยสาหัสเท่าครั้งนี้ นี่ถ้าเขาไม่ดวงดีเจอพวกเธอเข้า ไม่นานคงกลายเป็นบุคคลสูญหาย อาจื่อกับลูกทั้งสามก็ต้องสูญเสียสามีกับพ่อ”
ตอนนั้นคนในครอบครัวไม่เห็นด้วยที่เหลยจื่อจะแต่งกับเซียวไห่หมิง ใครจะไปคิดว่าเหลยจื่อดึงดันจะแต่งให้ได้ คนในบ้านจนปัญญาจึงต้องปล่อยเลยตามเลย
เหลยโจวถอนหายใจแล้วพูดต่อ “ถึงไห่หมิงจะเป็นช่างภาพชื่อดัง แต่รูปที่เขาถ่ายมีแต่ถ่ายในสถานที่ที่อันตราย อาจื่อแต่งกับเขาไปก็ต้องคอยเป็นห่วง ไหนจะต้องดูแลลูกๆ อีก…ทุกครั้งที่พวกเรากับอาๆ ไปเจออาจื่อซูบผอมก็รู้สึกแย่”
เฉิงซินพยักหน้า “เมื่อวานอาจื่อกับไห่หมิงกลับมาแล้ว พวกเราไปเยี่ยมที่โรงพยาบาลมา ไห่หมิงก็ผอมลงไปมาก”
“เป็นเพราะทนหิวค่ะ พี่เขยเซียวติดอยู่บนต้นไม้หลายวัน เดิมทีถึงขีดจำกัดที่ร่างกายจะรับไหวแล้ว แต่เขาอดทนด้วยความตั้งใจ ไม่อย่างนั้นตอนพวกเราเจอเขาน่าจะ…”
เหลยโจว “เขาก็ทำใจทิ้งเมียกับลูกทั้งสามไม่ลงสินะ”
“ค่ะ พรุ่งนี้หนูจะไปฝังเข็มให้พี่เขยเซียวค่ะ”
เฉิงซินกับเหลยโจวพูดเป็นเสียงเดียวกัน “พี่ไปด้วย”
“ค่ะ งั้นพรุ่งนี้เก้าโมงเช้าเจอกันที่เรือนอุ่นรักนะคะ”
บ้านครอบครัวเซียวอยู่แถบชานเมืองมหาวิทยาลัย จากบ้านครอบครัวเหลยไปต้องผ่านเรือนอุ่นรักอยู่แล้ว
“ได้จ้ะ”