ตอนที่ 587 รอคอยดูแสงออโรร่า
วันที่สามของการมาถึงเหลิ่งจี๋ หิมะไม่ตก แสงแดดเจิดจ้า ท้องฟ้าสีครามเหมือนถูกย้อม
เนื่องจากวันนี้เป็นเสาร์ น่าซือถูกับเฮ่อสี่ไม่ต้องไปทำงาน เด็กน้อยน่าฮาเซินก็ไม่ต้องไปเรียน ทั้งสามคนจึงพามู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนไปดูกวางเรนเดียร์บนเขา
หิมะสะสมหนาเตอะ อ่อนเบาจนเท้าเหยียบลงไปก็เป็นหลุมลึก สบายเสียยิ่งกว่าเหยียบบนปุยนุ่น
เด็กน้อยน่าฮาเซินเดินบนหิมะที่หนาแบบนี้ไม่ได้ จำต้องอยู่บนหลังของน่าซือถู
เส้นทางเดินลำบาก กอปรกับพวกมู่เถาเยาต้องการถ่ายรูป ดังนั้นเส้นทางจากปกติที่เดินครึ่งชั่วโมงก็กลายเป็นหนึ่งชั่วโมงเต็มๆ
กวางเรนเดียร์ที่มีเขาแตกกิ่งก้านถูกล้อมไว้ในคอก หรือจะเรียกว่าเป็นบ้านแบบง่ายๆ ดูจะเหมาะสมกว่า
น่าฮาเซินใช้มือที่สวมถุงมือหนาจูงมือมู่เถาเยา “พี่สาวอยากลูบกวางน้อยไหมฮะ พวกมันเชื่องมาก ไม่เตะคน”
“เอาสิจ๊ะ” มู่เถาเยายื่นมือไปลูบตัวที่อยู่ใกล้ที่สุด กวางเรนเดียร์หนักประมาณหนึ่งร้อยกิโลมีเขายาวแตกกิ่งก้านมากมาย
กวางเรนเดียร์ที่ถูกลูบอาวุธมองสองคนแปลกหน้าด้วยความสงสัย มันเชื่องมาก
เฮ่อสี่ยิ้มพูด “บรรพบุรุษของพวกเราคนตะวันออกมักมองว่ากวางเป็นสัตว์ที่สะอาดและศักดิ์สิทธิ์ ในหมู่ชาวบ้านก็มีตำนานเทพที่สวยงามมากมาย ในตำนานของประเทศฝั่งตะวันตกก็แบบนี้ พวกเขาใช้กวางเรนเดียร์ลากแคร่ให้ซานตาคลอสเอาของขวัญไปให้เด็กๆ…”
หยุดเล็กน้อย เฮ่อสี่ถอนหายใจเบาๆ “แต่ที่น่าเสียดายคือ ในป่าเขตหนาวที่กว้างใหญ่ไม่มีกวางเรนเดียร์ที่อยู่ตามป่าอีกแล้ว”
เธอเข้าใจความรู้สึกใจหายของพ่อแม่สามี
เธอเองก็เป็นลูกสาวของครอบครัวปศุสัตว์ วิ่งเล่นในป่ามาตั้งแต่เด็ก นับตั้งแต่ออกไปเรียนหนังสือ สุขภาพของพ่อทรุดโทรม ทางบ้านแม่ก็เลยไม่ได้เลี้ยงกวางเรนเดียร์อีกต่อไป
มู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนเข้าใจ
อันที่จริงไม่ใช่แค่กวางเรนเดียร์ แม้แต่สัตว์ป่าอื่นๆ ก็น้อยลงไปมากแล้ว ยกเว้นป่าเซียนโหยว
หลายสิ่งหลายอย่างกำลังค่อยๆ หายไป
เรื่องนี้จะบอกว่าดีก็ไม่ใช่ ไม่ดีก็ไม่เชิง เพราะยุคสมัยต้องเจริญก้าวหน้า ระดับการใช้ชีวิตของผู้คนต้องพัฒนาขึ้น บางครั้งถ้าพึ่งพาแต่การปลูกการเพาะเลี้ยงก็ไม่เพียงพ่อต่อความต้องการ
อยู่ในบ้านของกวางเรนเดียร์สักพักน่าซือถูก็เปิดประตูให้กวางกว่ายี่สิบตัวออกไป พร้อมทั้งอธิบายให้มู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนฟัง “ถึงจะเป็นการเพาะเลี้ยง แต่พวกเราก็ปล่อยให้กวางหากินในป่าอย่างอิสระ ยกเว้นเหตุการณ์เฉพาะ เช่น พายุหิมะเมื่อวาน พ่อพี่ไม่วางใจเลยต้องมาดูหน่อย ปกติไม่ต้องมีคนคอยคุมพวกมันก็กลับมาเองได้ แต่ตอนนี้หิมะหนา พวกเราต้องวางอาหารไว้ในคอกบ้าง กลัวพวกมันจะกินจากข้างนอกไม่อิ่ม”
เฮ่อสี่พูดต่อ “ที่นี่หนาวเกินไป สัตว์ทนไหว แต่คนทนไม่ไหว จะให้คอยดูพวกมันอยู่ข้างนอกนานๆ ก็ไม่ได้”
พ่อของเธอต้องทนหนาวมามากถึงสุขภาพไม่ดี
น่าซือถู “ถูกต้อง อีกเดี๋ยวให้อาสี่พาอาเซินกลับไปก่อน พี่จะพาพวกเธอไปเดินดูรอบๆ”
มู่เถาเยาส่ายหน้า “ไม่ต้องหรอกค่ะ พวกเราไปเดินกันเองก็พอค่ะ”
ตี้อู๋เปียนก็พูดขึ้น “วางใจได้ครับ พวกเรามีกำลังภายใน มีวิชาตัวเบา วรยุทธ์สูง เจออะไรก็ไม่กลัวครับ”
เขาไม่อยากได้ก ข ค! ขอเวลาส่วนตัวเถอะนะ!
หลังจากที่เจอประสบการณ์เหาะกลับบ้านมาแล้ว น่าซือถูกับภรรยาก็ไม่สงสัยในความสามารถของทั้งสองคนเลยสักนิด
ถ้าเกิดปัญหาอะไรจริง พวกเขาตามไปก็มีแต่จะเป็นตัวถ่วง ไม่สู้ปล่อยไปเที่ยวกันเองดีกว่า
น่าซือถู “พวกเธอจะไม่หลงทิศใช่ไหม เอาแว่นตากันหิมะมาด้วยหรือเปล่า”
มู่เถาเยาพยักหน้า “พวกเรามีเซ้นส์เรื่องทิศทางดีค่ะ เอาแว่นกันหิมะมาด้วย” แว่นกันหิมะแบบที่ทหารใช้
วางแผนมาเที่ยวแดนหิมะก็ต้องเตรียมอุปกรณ์จำเป็นให้พร้อม
เฮ่อสี่ “งั้นตอนเที่ยงกลับมากินข้าวด้วยนะ”
ตี้อู๋เปียน “พวกเราคงไม่กลับครับ อยากไปดูที่ไกลๆ หน่อย พกอาหารมาด้วยแล้ว ถ้าตอนเย็นอาจมีแสงออโรร่าปรากฏพวกเราก็จะไม่กลับครับ”
แสงออโรร่าเป็นผลจากปฏิสัมพันธ์ระหว่างสนามแม่เหล็กโลกกับลมสุริยะ
มีต้นกำเนิดมาจากอนุภาคที่มีประจุของดวงอาทิตย์ที่ปล่อยออกมาใกล้โลก จากนั้นสนามแม่เหล็กของโลกจะบังคับให้อนุภาคที่มีประจุของดวงอาทิตย์รวมตัวตามแนวสนามแม่เหล็กไปยังขั้วเหนือและขั้วใต้
เมื่ออนุภาคที่มีประจุของดวงอาทิตย์สัมผัสกับอะตอมและอนุภาคในชั้นบรรยากาศก็จะชนกันทำให้เกิดแสง
แสงออโรร่ามักจะปรากฏขึ้นในช่วงอากาศหนาวหรืออากาศแจ่มใสที่สองขั้วโลก
ต่างประเทศมีอยู่สถานที่หนึ่งที่มีปรากฏการณ์แสงออโรร่ามากกว่าสองร้อยวันในหนึ่งปี จึงถูกเรียกว่า “เมืองหลวงแห่งแสงเหนือ” ช่วงเวลาที่มีแสงเหนือมากที่สุดคือตั้งแต่เดือนตุลาคมถึงเดือนมีนาคมของทุกปี
ส่วนทางเหนือของประเทศจีนมีหลายวันที่แสงออโรร่าจะปรากฏขึ้นภายใต้สภาพอากาศทั้งสองแบบนี้ และเป็นไปได้มากในคืนนี้ พวกเขาจึงอยากหาสถานที่ที่เหมาะสมที่สุดในการชมสีสันอันลึกลับและมีเสน่ห์ของมัน
เฮ่อสี่ถามด้วยความเป็นห่วง “แต่ร่างกายของพวกเธอทนอากาศหนาวสุดขั้วแบบนี้ได้เหรอ”
มู่เถาเยายิ้มพูด “พี่สะใภ้กับพี่น่าไม่ต้องห่วงนะคะ พวกเราไม่เอาชีวิตตัวเองมาล้อเล่นค่ะ”
เฮ่อสี่ทำได้เพียงพยักหน้า “งั้นก็ได้จ้ะ มีปัญหาก็โทรมาหรือส่งข้อความหาพวกเรานะ ถึงจะอาจติดต่อไม่ได้ แต่บางครั้งมันก็ได้นะ”
“ค่ะ อย่างช้าสุดพวกเราจะกลับมาช่วงเช้าวันพรุ่งนี้นะคะ”
อาศัยอยู่บ้านชาวบ้านย่อมสะดวกสบายสู้โรงแรมไม่ได้ แต่พวกเขาก็จดจำความห่วงใยของเจ้าของบ้านเอาไว้ในใจ จึงพยายามบอกแผนเที่ยวของตัวเองให้ละเอียดที่สุดเพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจ
น่าซือถู “บนเขามีชัวหลัวอังคูกระจายอยู่หลายแห่ง ถ้าจำเป็นก็เข้าไปหลบลมหรืออะไรได้ ไม่มีใครอาศัยอยู่หรอก”
มู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนพยักหน้าพร้อมกัน
ให้เฮ่อสี่กับฮาเซินน้อยถอดถุงมือออก มู่เถาเยาจับมือข้างละคน ปล่อยกำลังภายในแผ่ความร้อนแก่ร่างกายของทั้งสองคนจากนั้นถึงปล่อยพวกเขากลับไป