ตอนที่ 586 เกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว
วันรุ่งขึ้นพายุหิมะยังคงอยู่
เด็กนักเรียนต้องหยุดเรียน คนทำงานก็ไปไม่ได้
หลังกินอาหารเช้าเสร็จครอบครัวน่าจึงนั่งเล่นกันอยู่ในบ้าน
มู่เถาเยาถามขึ้นหลังดูอาการบาดเจ็บของน่าเค่อเลี่ย “คุณลุงคะ กวางของพวกคุณลุงจะไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ”
น่าเค่อเลี่ยหัวเราะ ฮึ ๆ “ไม่หรอก กวางเป็นสัตว์ที่ทนหนาวที่สุดในโลกแล้ว มันก็คือกวางเรนเดียร์ในตำนานที่ลากแคร่ให้ซานตาคลอสน่ะ”
ตี้อู๋เปียน “ชนเผ่าของพวกคุณลุงยังมีคนอาศัยบนเขาไหมครับ”
น่าเค่อเลี่ยส่ายหน้าด้วยความเสียดาย “ไม่มีแล้วล่ะ ทางรัฐบาลสร้างบ้านล่างเขาให้พวกเรา หนุ่มสาวสมัยนี้ก็ไม่ชอบใช้ชีวิตที่ต้องย้ายไปเรื่อย ๆ แล้ว ลุงเสียดายกวางถึงได้เลี้ยงพวกมันต่อ”
เพราะเหลือเลี้ยงกันอยู่ไม่กี่คนแล้ว พวกอาหารต่างๆ เช่น หญ้าเขียว ใบไม้ ตะไคร่น้ำ หนูเล็มมิ่ง จึงเพียงพอให้พวกกวางกิน ไม่ต้องคอยพาย้ายถิ่นไปเรื่อย ๆ อีก
แต่สายเลือดแห่งอิสระที่ไหลเวียนอยู่ในตัวชนเผ่านักล่าสัตว์อย่างพวกเขากำลังค่อยๆ เลือนหายไป
น่าซือถูไม่เข้าใจความรู้สึกเสียดายของพ่อตัวเอง แค่พูดด้วยความประหม่าเล็กน้อยว่า “บนเขาหนาวเกินไป กระท่อมชัวหลัวอังคูก็เอาไม่อยู่”
เขาไม่สานต่องานของพ่อไม่ใช่เพราะกลัวลำบาก แต่กลัวหนาว
ถ้าไม่ติดว่าพ่อไม่อยากทิ้งบ้านเกิด เขาอยากย้ายครอบครัวไปอยู่ทางใต้ที่อบอุ่น
อีกทั้งยุคสมัยนี้มันไม่เหมือนเดิมแล้ว…
เฮ่อสี่อธิบายให้มู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนฟังด้วยความเอาใจใส่ “ชัวหลัวอังคูหมายถึงบ้านหลังคาแหลมที่ทำจากไม้ เป็นที่อยู่อาศัยแบบโบราณของเผ่านักล่าสัตว์น่ะ รูปร่างคล้ายกระโจมทรงกลมที่ทำจากไม้สน มันเป็นการสร้างแบบง่ายๆ ก็เลยไม่ต้านความหนาวเย็นเท่าไร”
อันที่จริงเธอก็ไม่ค่อยเข้าใจบรรพบุรุษว่าใช้ชีวิตผ่านมากันตั้งหลายรุ่นได้ยังไง ไม่มีกำแพงอุ่นเตียงอุ่น มันหนาวมากจริงๆ นะ!
มู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนพยักหน้าพร้อมกัน
ก่อนพวกเขาออกเดินทางจะศึกษาชีวิตความเป็นอยู่และขนบธรรมเนียมประเพณีของสถานที่ที่จะไป ย่อมรู้ว่าชัวหลัวอังคูหมายถึงอะไร
ลาจูยิ้มพูด “เดี๋ยวรอพายุหิมะหยุดจะให้อาถูพาพวกเธอขึ้นเขาไปดูพวกเราเลี้ยงกวาง ดูชัวหลัวอังคู ถึงพวกเราจะไม่ได้อาศัยอยู่ข้างบนแล้ว แต่ก็สร้างที่พักเอาไว้”
น่าฮาเซินพูดด้วยความดีใจ “ผมจะพาพวกพี่ๆ ไป”
เฮ่อสี่พูดด้วยความเอ็นดู “งั้นให้พ่อแบกไปนะ ไม่อย่างนั้นเราน่ะแค่เหยียบทีเดียวก็จมหายไปในหิมะแล้ว”
ทุกคนคุยอยู่ในห้องที่อบอุ่น มีเสียงหัวเราะดังในบ้าน
ตอนเที่ยงลาจูกับเฮ่อสี่ทำตุ๋นผักต้อนรับมู่เถาเยากับตี้อู๋เปียน
เฮ่อสี่ถามด้วยความใส่ใจ “เสี่ยวมู่ เสี่ยวลู่ กินตุ๋นผักกับหมั่นโถวลูกโตของพวกเรากันได้หรือเปล่า”
มู่เถาเยายิ้มตาโค้ง “ได้ค่ะ พวกเราไม่เลือกกิน แล้วนับประสาอะไรกับที่พี่สะใภ้กับคุณป้าฝีมือดีขนาดนี้!”
ครอบครัวที่อาศัยอยู่ในป่าแท้ๆ แบบนี้น่าสนใจมาก
กินอาหารกลางวันเสร็จทุกคนก็ไปนอนกลางวัน
ตื่นมาก็พบว่าพายุหิมะหยุดแล้ว
มู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนช่วยครอบครัวน่าตักหิมะออก
พายุหิมะที่ตกทั้งคืนกับอีกครึ่งวันก่อเกิดเป็นชั้นหนามากบนพื้น แค่เหยียบลงไปก็จมถึงเข่า
ร่วมแรงร่วมใจกัน สองชั่วโมงต่อมาถึงเคลียร์พื้นที่หน้าบ้านกับทางที่ออกไปข้างนอกเสร็จ
มู่เถาเยานึกสนุกแบบเด็กๆ เอาหิมะที่ตักทิ้งมาปั้นเป็นตุ๊กตาหิมะตัวใหญ่ ทั้งยังให้ตี้อู๋เปียนถ่ายเธอกับตุ๊กตาหิมะส่งเข้ากลุ่มเพื่อน กลุ่มครอบครัว และกลุ่มสำนัก
น่าฮาเซินเล่นกับมู่เถาเยาอย่างสนุกสนาน
ตี้อู๋เปียนมองดูทั้งสองคนเล่นกัน จินตนาการไปถึงอีกหลายปีให้หลัง ภรรยากับลูกสาวของเขาก็เล่นกันอย่างมีความสุขแบบนี้ ในใจอดรู้สึกร้อนผ่าวไม่ได้ สายตาที่มองมู่เถาเยาจึงร้อนแรงยิ่งกว่าเดิม
น่าซือถูกับภรรยามองหน้ากัน
แม้พวกเขาจะรู้สึกว่าหนุ่มคนนี้หน้าตาธรรมดามาก แต่ถ้าลูกสาวชอบ พวกเขาก็จะเปิดใจให้กว้าง เพราะพวกเขาเชื่อในสายตาลูกสาว
ยิ่งไปกว่านั้นอันที่จริงพวกเขาก็เคยสงสัยว่าใบหน้านี้ผ่านการแปลงโฉมมา
น่าซือถูกับภรรยามองทั้งสองคนสวีทกันอยู่สักพักก็พูดกับมู่เถาเยา “พวกเราจะไปดูกวางไปให้อาหารพวกมัน ตอนนี้อีกไม่นานก็มืดแล้ว ไว้พรุ่งนี้มีเวลาเยอะค่อยพาพวกเธอขึ้นไปเที่ยวบนเขานะ”
มู่เถาเยาพยักหน้า
ตี้อู๋เปียน “ผมไปด้วยดีกว่า ปลอดภัยหน่อย”
น่าซือถูส่ายมือ “ไม่เป็นไร พวกเราให้อาหารกวางเสร็จก็กลับมา ประมาณชั่วโมงครึ่ง กลับมาได้ก่อนฟ้ามืดแน่นอน”
เฮ่อสี่ยิ้มพูด “ไม่ต้องห่วงนะ ที่นี่หิมะตกเป็นเรื่องปกติ ขอแค่ระวังหน่อยก็ไม่เป็นอะไรหรอกจ้ะ”
“งั้นพกโทรศัพท์มือถือไปด้วยนะครับ มีอะไรก็โทรมา” ตี้อู๋เปียนก็ไม่ดึงดันแล้ว
น่าซือถูยิ้มพูด “ในป่าสัญญาณไม่ค่อยดี ถ้าก่อนฟ้ามืดพวกเรายังไม่กลับมา ต่อให้ไม่โทรบอกก็ไม่ต้องร้อนใจไปนะ อาจมีเรื่องอื่นติดพัน พวกเราสองคนไม่มีทางเป็นอะไรหรอก”
มู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนพยักหน้า
อย่างไรเสียเรื่องเมื่อวานก็เพราะอุบัติเหตุ ชีวิตคนเราไม่มีทางเกิดเหตุไม่คาดคิดได้ทุกวันหรอก
น่าซือถูกับภรรยาให้ฮาเซินน้อยเข้าบ้านไปบอกปู่แล้วเดินอ้อมไปหลังบ้านเพื่อขึ้นเขา
มู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนมองส่งสองสามีภรรยาจนเดินไปไกลแล้วถึงเข้าบ้าน
สองสามีภรรยากลับถึงบ้านก่อนฟ้ามืดตามที่บอก
ลาจูทำอาหารเสร็จแล้ว เริ่มกินอาหารเย็นกันอย่างมีความสุข
ประมาณสามทุ่มเด็กน้อยน่าฮาเซินก็ง่วง ทุกคนแยกย้ายกลับห้องตัวเอง
พอกลับถึงห้องมู่เถาเยาก็เริ่มประหม่าเล็กน้อย เพราะแค่เห็นเตียงก็นึกถึงเรื่องเมื่อคืน
เธอรู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้หญิงแย่ ทั้ง ๆ ที่ไม่คิดอยากแต่งงาน แค่ร่างกายกลับไม่ต่อต้าน แถมยัง…ชอบด้วย…
จึงรู้แล้วว่าปฏิกิริยาตอบสนองทางร่างกายที่ไม่คุ้นเคยนี้ ไม่ใช่แค่เป็นปฏิกิริยาทางร่างกาย ยังมาจากหัวใจด้วย
มันเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว