อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร 578 ไปเล่นสกีที่เมืองหิมะ / 579 มือใหม่หัดเล่นสกี

ตอนที่ 578 ไปเล่นสกีที่เมืองหิมะ / ตอนที่ 579 มือใหม่หัดเล่นสกี

ตอนที่ 578 ไปเล่นสกีที่เมืองหิมะ / ตอนที่ 579 มือใหม่หัดเล่นสกี

ตอนที่ 578 ไปเล่นสกีที่เมืองหิมะ

วันรุ่งขึ้นยังคงมีหิมะตกหนัก

มู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนฝึกกำลังภายในเสร็จก็ไปกินอาหารเช้าที่ห้องอาหารของโรงแรม เวลานี้ไม่มีนักท่องเที่ยวคนอื่นนอกจากพวกเขา

ถึงแม้โรงแรมจะมีเครื่องทำความอุ่น ตื่นนอนแล้วไม่ลำบาก แต่คนที่ออกมาเที่ยวส่วนใหญ่จะชอบนอนตื่นสาย พวกเขาจึงเป็นแขกที่ลงมาเช้าที่สุด

หลังจากกินอาหารเช้าแบบท้องถิ่นเสร็จทั้งสองคนก็กลับห้องเก็บสัมภาระแล้วทำเรื่องคืนห้อง

ต่อมาก็ไปห้างที่ใหญ่สุดของเมืองนี้ จะไปซื้ออุปกรณ์จำเป็น เช่น รองเท้าบู๊ทสำหรับเล่นสกี

เจอร้านที่ขายอุปกรณ์เล่นสกีโดยเฉพาะ มีผู้เชี่ยวชาญมาวิเคราะห์เท้าของทั้งสองคน

“…โดยปกติแล้ว ถ้าอยากให้เท้าเข้ากับรองเท้าบู๊ทดีที่สุด พวกเราต้องซื้อรองเท้าบู๊ทตอนที่เท้าขยายตัวเต็มที่แล้ว ซึ่งก็คือตอนบ่าย ตอนเย็น หรือหลังออกกำลังกายเสร็จ เพราะตอนเราเล่นสกีเท้าของเราจะขยายขึ้น ดังนั้นการมาเลือกซื้อรองเท้าบู๊ทตอนเท้าขยายใหญ่ที่สุดจึงสำคัญมาก…”

มู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนพยักหน้าต่อเนื่อง

เมื่อคืนพวกเขาหาข้อมูลมาเยอะ เป็นดังที่ผู้เชี่ยวชาญบอก

“…รองเท้าบูทเล่นสกีที่เหมาะสม นอกจากที่บอกไปเมื่อกี้แล้ว ยังมีอีกสิ่งที่สำคัญมาก นั่นก็คือแรงหนุนจากส้นรองเท้า…”

ภายใต้ความช่วยเหลือของผู้เชี่ยวชาญ มู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนก็ได้รองเท้าเล่นสกีที่เหมาะสม และยังมีถุงเท้า ชุดเล่นสกี แว่นตา ถุงมือ เป็นต้น

จากนั้นก็ไปซูเปอร์มาร์เก็ตที่อยู่ในห้าง ซื้อขนมกับน้ำหน่อย ทั้งสองคนไม่ได้รีบร้อนไปลานเล่นสกีที่อยู่ชนบท เที่ยวเล่นอยู่ในเมืองก่อน จนกระทั่งบ่ายสามโมงถึงไปหมู่บ้านข้างลานสกีที่ใหญ่สุดของเมืองนี้

เนื่องจากหมู่บ้านอยู่ใกล้ลานสกี เกษตรกรหลายคนจึงเปลี่ยนบ้านของตัวเองเป็นที่พักหรือร้านอาหารเอาไว้รับรองนักท่องเที่ยว

มู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนขับรถรอบหมู่บ้าน เลือกที่พักที่มีเตียงนอนแบบโบราณ มีเอกลักษณ์ท้องถิ่น

ใช้อิฐและไม้เป็นวัสดุหลักในการก่อสร้าง ตกแต่งสไตล์พื้นเมือง ผสมผสานระหว่างความเรียบง่ายและสีสันสดใส โดดเด่นสะดุดตาจริงๆ

อาคารที่ไม่เล็กไม่ใหญ่แห่งนี้มีกลิ่นอายคล้ายเรือนสี่ประสานของเมืองหลวง

เดินตามพนักงานต้อนรับผ่านลานกว้างไปยังอาคารเล็กสามชั้นที่อยู่ในสุดแล้วขึ้นชั้นสาม

ยังคงเป็นห้องพัก

“พี่ๆ ทั้งสองครับ ข้างโทรศัพท์มีเบอร์ของเคาน์เตอร์กับรหัสไวไฟของห้อง มีอะไรก็โทรลงไปได้ มีคนอยู่ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงครับ”

มู่เถาเยาพยักหน้า “ได้ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

“ไม่เป็นไรครับ บนโต๊ะมีเมนูอาหารด้วย ถ้าอยากรับประทานอาหารในโรงแรมก็โทรสั่งได้เลยนะครับ”

“ค่ะ ขอพวกเราดูก่อนนะคะ”

พอพนักงานต้อนรับออกไปแล้ว มู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนก็เดินดูห้องชุดห้องนี้ก่อน

“ซาลาเปาน้อย เธอนอนห้องนี้”

อันที่จริงทั้งสองห้องมีขนาดพื้นที่ไม่ต่างกันมาก ต่างกันแค่รายละเอียดการตกแต่ง แต่ห้องหนึ่งโซฟาริมหน้าต่างอยู่ตรงผนังของเตียงอุ่น อีกห้องโซฟาริมหน้าต่างอยู่แถวห้องน้ำ

ห้องที่ตี้อู๋เปียนให้มู่เถาเยาอยู่คือห้องที่โซฟาริมหน้าต่างติดกับผนังของเตียงอุ่น

“ค่ะ” มู่เถาเยาพยักหน้า เธอไม่ติด

ตี้อู๋เปียนช่วยเอาสัมภาระของมู่เถาเยาไปวางในห้องเสร็จถึงไปอีกห้องหนึ่ง

หลังจากจัดการพวกสัมภาระแล้วทั้งสองคนก็นั่งที่โซฟาห้องรับแขกเปิดดูเมนูอาหาร

“ซาลาเปาน้อย พวกเราจะกินในห้องหรือออกไปกินข้างนอกดี”

“สั่งอาหารก่อนแล้วค่อยไปกินที่ห้องอาหาร กินเสร็จก็ออกไปเดินเล่นข้างนอก ถ่ายรูปส่งให้ทุกคนดู”

“ได้ แล้วเธออยากกินอะไร”

“ทางนี้กินแพะเป็นเมนูหลัก พวกเรากินแพะแล้วกันค่ะ แพะนึ่งจืด ข้าวเนื้อแพะฉีก…คุณอยากกินอะไร”

“ได้หมด”

มู่เถาเยาโทรถามปริมาณอาหาร จากนั้นก็สั่งน้ำแกงหนึ่งอย่าง กับข้าวที่เป็นเนื้อหนึ่งอย่าง ผักหนึ่งอย่าง และข้าวสวย

อาหารของทางนี้ไม่เหมือนเมืองใหญ่ ปริมาณเยอะมาก กับข้าวสองอย่างกับน้ำแกงก็เพียงพอทั้งสองคนกินแล้ว

พอสั่งอาหารเสร็จทั้งสองคนก็ออกไปที่ห้องอาหาร

ที่นี่ก็มีลูกค้าอยู่ไม่กี่โต๊ะเช่นกัน

พอได้กลิ่นที่โชยมาจากห้องอาหารมู่เถาเยาก็พูดขึ้น “อาหารของทางนี้รสค่อนข้างจัด”

“ถ้าเธอไม่ชอบค่อยสั่งอย่างอื่น หรือตอนเย็นกินมื้อดึกที่จืดหน่อย”

“มื้อดึกของที่นี่เด่นเนื้อแพะย่าง คืนพรุ่งนี้ลองกินดูได้ แต่วันนี้สั่งแพะนึ่งจืดไปแล้วน่าจะใช้ได้นะคะ”

“อึม”

พนักงานห้องอาหารพาทั้งสองคนไปยังโต๊ะที่จองไว้แล้วเริ่มเสิร์ฟอาหาร

ซดน้ำแกงคำแรก มู่เถาเยาพยักหน้า “ใช้ได้ น้ำแกงแพะที่ใส่แค่เกลือกับต้นหอม รสชาติสดใหม่มาก”

ตี้อู๋เปียนตักข้าวให้เธอ “ชอบก็กินเยอะๆ”

“อึม”

มู่เถาเยาหยิบโทรศัพท์มือถือมาถ่ายรูปแล้วส่งในกลุ่มครอบครัว จากนั้นถึงเริ่มกินข้าวจริงจัง

กินเสร็จทั้งสองคนก็ออกไปข้างนอกทางห้องโถงด้านหน้าของตึกนั้น

พนักงานต้อนรับเห็นพวกเขาแต่งตัวน้อยชิ้นก็เตือนให้ใส่เพิ่ม เพราะตอนเย็นอุณหภูมิต่ำกว่ากลางวัน เวลานี้ข้างนอกลบสามสิบองศา กลางดึกอาจลงไปถึงลบห้าสิบองศา

มู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนขอบคุณในความหวังดีของเขา พร้อมทั้งอธิบายว่าคนที่ฝึกต่อสู้มาทนหนาวเก่งมาก

แม้จะเป็นสภาพแวดล้อมที่อุณหภูมิต่ำมาก อันที่จริงมือเท้าของพวกเขาก็ยังอุ่นอยู่

พอออกไปข้างนอกเห็นคนที่แต่งตัวหนาเหมือนหมี มู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนก็อดรู้สึกถึงความมหัศจรรย์ของเจ้าขาวปุยไม่ได้

ตอนที่ 579 มือใหม่หัดเล่นสกี

อันที่จริงมู่เถาเยาเคยเล่นสกีมาแล้วในลานสกีหิมะปลอมในร่ม แต่ลานสกีธรรมชาติที่เกิดจากเปลือกโลกขยับทำให้พื้นผิวไม่ราบเรียบและมีขนาดกว้างใหญ่บนภูเขาแบบนี้มันคนละเรื่องกันเลยจริงๆ

โดยปกติแล้วภูเขาที่มีลักษณะโก่งตัวจะค่อนข้างใหญ่ แนวดิ่งของมันจึงใหญ่มากเช่นกัน

ยิ่งมันตั้งฉากมากก็จะเกิดเป็นเส้นทางหิมะที่ทอดยาว นี่คือหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดลานสกีชั้นดี

ยังมีอีกปัจจัยหนึ่งที่สำคัญมาก นั่นก็คือหิมะตก

นอกจากสภาพภูมิประเทศแล้ว ลานสกีที่ดีจะต้องมีหิมะ!

แทบจะเรียกได้ว่าสถานที่ไหนที่หิมะตกเยอะที่สุดก็คือลานสกีในอุดมคติ

เมืองเล็กๆ แห่งนี้อยู่ทางเหนือสุดของประเทศเหยียนหวง ย่อมเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่หิมะตกยาวนานที่สุด ทั้งปีมีหิมะไปแล้วประมาณสองร้อยวัน โดยเฉลี่ยความหนาของหิมะอยู่ที่สองเมตรกว่า

ด้วยเหตุนี้เมืองหิมะแห่งนี้จึงยังมีธรรมเนียมการเล่นสกีแบบโบราณ กีฬาที่ชาวบ้านชอบที่สุดก็คือสกี ไม่ว่าจะชายหญิง เด็กหรือคนชรา แทบจะเล่นสกีเป็นกันหมดทุกคน

นอกจากลานสกีที่ค่อนข้างใหญ่แห่งนี้แล้ว ในเมืองยังมีลานสกีน้อยใหญ่อยู่อีกด้วย

พอเข้าฤดูหนาว สารพัดกีฬาที่เกี่ยวกับหิมะและน้ำแข็งก็เริ่มเห็นคนเล่นคึกคักขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่ในเมืองไปจนถึงชนบท

แต่ที่นี่ก็ไม่ใช่แดนสวรรค์ของการเล่นสกี เพราะมีแค่ภูเขาหิมะโล้นๆ ไม่มีทัศนียภาพอื่นให้ชื่นชมและควรค่าที่จะให้นักท่องเที่ยวยอมลงทุนเดินทางมาไกลกว่าครึ่งค่อนประเทศ คนที่มาเล่นที่นี่นอกจากคนในพื้นที่แล้วก็จะเป็นคนที่อยู่เมืองใกล้ๆ

นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เล่นหิมะก็จะไปเมืองสกีที่ดีที่สุด อย่างไรเสียไม่เพียงแต่จะเล่นสกีที่นั่นได้ ยังมีวิวต้นสนที่อุ้มหิมะ งานแกะสลักน้ำแข็ง และกิจกรรมอื่นๆ ให้ทำด้วย

อย่างไรเสียนักท่องเที่ยวอย่างมู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนที่ไม่สนจุดหมายปลายทางแบบนี้ก็มีน้อยมาก

ครูสอนสกีทำหน้าที่สอนอย่างเต็มที่ “…ถ้าพวกคุณจะล้ม ก็ปล่อยให้ล้มเลยนะครับ ห้ามฝืนเด็ดขาด เพราะถ้าฝืนจะบาดเจ็บได้ง่าย…จุดผาดโผนกับเนินชันจะเกิดการบาดเจ็บหนักได้ง่าย ถึงขั้นที่เป็นอันตรายถึงชีวิต พวกคุณเพิ่งหัดเล่น ห้ามเอาชีวิตไปเสี่ยงเชียวนะครับ…”

มู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนพยักหน้าเพื่อบอกว่าเข้าใจ

“แต่พวกคุณก็ไม่ต้องกลัวนะครับ ถึงแม้สกีจะเป็นกีฬาที่บาดเจ็บได้ง่าย แต่ขอแค่พวกคุณไม่ไปท้าทายเสี่ยงตายจุดยากๆ ที่เกินความสามารถตัวเอง ปกติก็จะไม่เป็นอันตรายถึงชีวิตหรอกครับ อย่างมากก็แค่ฟกช้ำดำเขียว…”

ทั้งสองคนพยักหน้าอีกครั้ง ตั้งใจฟังด้วยความอดทน

“…การเบรกกับควบคุมความเร็วเป็นก้าวที่สำคัญที่สุดของการเล่นสกี…ขณะลื่นลงไปนอกจากจะต้องระวังข้างหน้าแล้ว ยังต้องมองซ้ายขวาหน้าหลังเหมือนตอนเราขับรถด้วยครับ โดยเฉพาะเวลาเปลี่ยนเลน จะต้องดูให้ดีว่าข้างหลังมีคนหรือเปล่า จะได้ไม่ชนกัน…”

“อึมๆ”

“…ขณะที่พวกคุณเคลื่อนตัวไปด้วยกัน ต้องเว้นระยะห่างไว้เสมอนะครับ ห้ามเร่งความเร็วเพื่อตามคนข้างหน้า แบบนั้นจะล้มและชนกับคนอื่นได้ง่าย นี่เป็นอุบัติเหตุที่คนเริ่มเล่นเกิดขึ้นได้ง่ายครับ…”

หลังจากที่ครูสอนสกีสอนเสร็จก็พานักเรียนทั้งสองยืดเส้นยืดสายวอร์มร่างกายห้านาที จากนั้นก็สาธิตการสกีแล้วพาเล่นตลอดทางหนึ่งรอบ

เมื่อไปถึงปลายทางครูสอนสกีก็อดยกนิ้วโป้งให้ไม่ได้ “พวกคุณสองคนเป็นนักเรียนที่มีพรสวรรค์มากที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอมาเลยครับ!”

มู่เถาเยายิ้มพูด “อันที่จริงฉันเคยเล่นแบบในร่มมาก่อนค่ะ”

ครูสอนสกีพยักหน้า “ครับ ผมจะพาเล่นอีกสองสามรอบ พอคล่องแล้วก็เปลี่ยนไปเล่นเลนอื่นได้ครับ วันนี้เวลาของผมยกให้พวกคุณ ไม่ต้องรีบร้อนครับ สบายๆ”

“ค่ะ”

เล่นกันไปแบบนี้ พอถึงตอนบ่ายที่ต้องเลิก มู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนก็รู้สึกเต็มอิ่มมาก

แต่สีหน้าของครูสอนสกีกลับค้างเกร็ง ท่าทางช็อกอยู่ไม่น้อย

ถ้าไม่ใช่เพราะเมื่อเช้าสองคนนี้ตั้งใจเรียนมาก เขาพาเล่นจนคล่อง เขาไม่มีทางเชื่อเด็ดขาดว่านี่มือใหม่!

เล่นมาทั้งวันไม่เพียงแต่จะไม่ล้มเลยสักครั้ง ยังเล่นได้ฝีมือสูสีกับเขาที่หัดเล่นมาตั้งแต่สามขวบ!

ก่อนแยกกันที่ปากทางเข้าหมู่บ้าน มู่เถาเยาได้ถามขึ้น “ครูคะ พรุ่งนี้พวกเรายังอยากเล่นอีก ครูว่างไหมคะ”

ครูสอนสกีสีหน้าเกร็ง “พวกคุณไม่จำเป็นต้องมีคนมาสอนแล้วล่ะครับ เล่นกันเองได้เลย แค่ระวังตอนเล่นหน่อยก็ไม่น่ามีปัญหาแล้วครับ”

“พวกเราอยากลองเล่นสโนว์บอร์ดกับเส้นทางผาดโผนและลงเนินชันด้วยค่ะ”

ภูเขาหิมะลูกนี้เป็นภูเขาหิมะที่ใหญ่สุดในบริเวณรอบๆ แล้ว มีเส้นทางสกีที่ยาว สูง ผาดโผน จำนวนหลายเส้นทาง

“งั้นได้ครับ พรุ่งนี้ผมมารอพวกคุณที่หน้าหมู่บ้านเวลาเดียวกับวันนี้นะครับ” เขาก็เป็นคนหมู่บ้านนี้

“ค่ะ”

“ขออีเมลหน่อยครับ เดี๋ยวผมส่งรูปถ่ายให้พวกคุณ”

มู่เถาเยาเอาอีเมลของตัวเองให้โค้ช “ค่าสอนพรุ่งนี้ก็จ่ายที่โรงแรมเหมือนวันนี้เลยใช่ไหมคะ”

“ได้หมดครับ กีฬาสกีเป็นกีฬาที่ใช้ความเร็วสูง ใช้พลังงานมาก พวกคุณกลับไปก็กินข้าวพักผ่อนให้เพียงพอจะได้ฟื้นฟูกำลังครับ”

“ค่ะ”

ทั้งสามคนแยกกันตรงนี้

มู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนกลับถึงโรงแรม สั่งอาหารตรงห้องโถงแล้วกลับห้องก่อน

หนึ่งชั่วโมงต่อมาทั้งสองคนก็ลงมากินข้าวเย็นที่ห้องอาหาร

ครั้งนี้สั่งน่องแพะย่าง กินอย่างเอร็ดอร่อย

กินเสร็จก็กลับห้อง ได้รับรูปถ่ายที่วันนี้ครูสอนสกีใช้โดรนถ่ายให้ จากนั้นก็คุยกับครอบครัวและเพื่อนๆ ตามปกติ

มู่เถาเยาที่เที่ยวอย่างสนุกสนานไม่รู้เลยว่าพ่อของเธอกอดเมียร้องห่มร้องไห้หลังจากวางสาย เพราะเขารู้สึกว่าลูกสาวสุดที่รักของเขาใกล้ถูกแย่งไปแล้ว

อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร

อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร

Score 10
Status: Completed
มองจากภายนอกเธอคือหญิงสาวจากหมู่บ้านชนทบทที่ห่างไกล แม้รูปโฉมไม่ธรรมดาแต่จะมีอะไรมากไปกว่านั้น แต่ใครเลยจะรู้ว่าเบื้องหลังของเธอนั้นคือ ‘หมอเทวดา’ ผู้มีฝีมือไม่เป็นสองรองใคร! นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีในเมืองใหญ่ นางเอกเก่งทั้งรักษาโรคและวรยุทธ์โคจรมาเจอกับพระเอกขี้โรคสุดหลงตัวเอง! โลกของอดีตจักรพรรดินีอย่าง มู่เถาเยา ถึงคราวกลับตาลปัตร เมื่อต้องมากลายเป็นเด็กทารกที่ยังมีความทรงจำเดิมในชาติก่อน?! อีกทั้งโลกใหม่นี้ยังแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง หลายปีผันผ่านเธอหลอมรวมเข้ากับโลกใหม่ใบนี้ได้อย่างสมบูรณ์พร้อมได้รับวาสนาเป็นศิษย์ของหมอเทวดาผู้เก่งกาจ ประสบการณ์และพรสวรรค์มากมายในชาติก่อนแล้วทำให้เธอเก่งกาจเหนือกว่าผู้ใด พร้อมก้าวเข้าสู่เมืองหลวงเพื่อร่ำเรียนและฝึกฝนหาประสบการณ์ชีวิตในโลกใหม่แปลกหน้าใบนี้

Options

not work with dark mode
Reset