ตอนที่ 525 มีบุญแบบคนซื่อ / ตอนที่ 526 แย่งความรักกับสัตว์
ตอนที่ 525 มีบุญแบบคนซื่อ
ตอนมู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนกลับถึงหมู่บ้านเถาหยวนซาน แต่ละครอบครัวกำลังทำอาหาร
ผู้ใหญ่บ้านมู่อี้พากลุ่มคนหนุ่มมาช่วยขนอาหารทะเล
ส่งไปที่บ้านตระกูลเย่ว์ก่อน
มู่เถาเยาเก็บไว้กินสำหรับช่วงสุดสัปดาห์นี้ ส่วนที่เหลือก็ให้ผู้ใหญ่บ้านกับกลุ่มคนหนุ่มขนไปแจกจ่ายแต่ละบ้าน
อาหารทะเลเต็มคันรถดูเหมือนมีเยอะ แต่พอเอาไปแจกจ่ายก็ได้กันบ้านละแค่ไม่กี่กิโลกรัม
หลังจากรถขนอาหารทะเลไปแล้ว หยางฮุ่ยกับจางซุ่นเฟิงที่อยู่ในครัวก็เริ่มจัดการทำอาหารทะเล
มู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนถูกพวกเด็กๆ รุมล้อมเหมือนดาวล้อมเดือนขณะนั่งกินของว่างอยู่ตรงโซฟา
หลินซีนั่งอยู่ริมสุดของพวกเด็กๆ เอียงศีรษะมองมู่เถาเยา ดูเขินอายเล็กน้อย
มู่เถาเยายิ้มพลางกวักมือเรียกเขา “เสี่ยวซีมานี่สิจ๊ะ”
เด็กน้อยรีบมาที่โซฟาทันที วิ่งเตาะแตะเข้ามา พูดด้วยเสียงน่ารัก “หัวหน้าเผ่าน้อย”
มู่เถาเยาอดหัวเราะออกมาไม่ได้
คนอื่นๆ ก็หัวเราะตาม
เด็กน้อยเพิ่งจะสามขวบ รู้ที่ไหนกันว่าหัวหน้าเผ่าน้อยหมายความว่าอะไร แต่ได้ยินคุณยายเรียกแบบนี้ก็เลยเรียกตาม
มู่เถาเยายิ้มตาโค้งลูบศีรษะของเขา “เสี่ยวซีจ๊ะ หนูต้องเรียกว่าพี่สาวนะจ๊ะ หรือเรียกว่าอาก็ได้จ้ะ”
อย่างไรเสียเธอก็ถูกเรียกมาหมดแล้วทั้งที่เหมาะสมกับวัยและไม่สมกับวัย
“พี่สาว”
“เก่งมากจ้ะ! เสี่ยวซีอยู่ที่นี่สนุกไหมจ๊ะ”
เด็กน้อยมองเพื่อนๆ ที่อยู่กันเต็ม จากนั้นก็พูดอย่างมีความสุข “เสี่ยวซีสนุก”
เมื่อก่อนหลานชายเป็นเด็กเงียบๆ เล่นของเล่นคนเดียวได้ทั้งวัน
ถึงแม้จะเป็นเด็กดีและเลี้ยงง่าย แต่ก็ยังขาดความร่าเริงสดใสแบบที่เด็กสามขวบควรจะมีอยู่ดี
ย่าเย่ว์ยิ้มพูด “มีเพื่อนวัยเดียวกันเล่นด้วยมันก็ย่อมไม่เหมือนกัน” รวมถึงหลานสองคนของเธอด้วย
พอเริ่มหัวข้อสนทนา เหล่าผู้อาวุโสก็เริ่มคุยเรื่องการเลี้ยงเด็ก
ไม่นานหยางฮุ่ยก็ออกมาเรียกกินข้าว
ก่อนมู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนกลับมา อาหารถูกทำใกล้เสร็จแล้ว อาหารที่ทำเพิ่มก็มีหอยอบวุ้นเส้น กั้งอบเกลือ ผัดหอยหลอด ไข่ตุ๋นหอยลาย
เชฟใหญ่ทั้งสองช่วยกัน ไม่นานกับข้าวก็ขึ้นโต๊ะแล้ว
อาหารทะเลสดใหม่มาก เชฟก็ฝีมือดี ทุกคนกินไปชมไป กินกันอย่างเอร็ดอร่อย
“พี่สาว พรุ่งนี้อู๋ซวงยังอยากกินอีก” อู๋ซวงน้อยที่นั่งข้างมู่เถาเยาชอบกินไข่ตุ๋นหอยลายที่สุด
มู่เถาเยาก้มมองน้องสาวที่กินจนหน้ามอมแมม ยิ้มตาโค้ง “จ้ะ ไม่ต้องรอถึงพรุ่งนี้ เดี๋ยวตอนเย็นก็ได้กินอีกจ้ะ”
ย่าเย่ว์ยิ้มพูด “อู๋ซวงน้อยชอบกินไข่ตุ๋นหอยลายที่สุดแล้ว ตอนอยู่ที่เผ่าอย่างน้อยต้องกินอาทิตย์ละสามครั้ง”
ยายหลานพยักหน้า “เยี่ยนหังน้อยกับเสี่ยวเยาเยาก็ชอบกิน คนบ้านเราชอบกินอาหารทะเลกันจริงๆ เสี่ยวหยาง เสี่ยวจาง ตอนเย็นทำอาหารทะเลเพิ่มอีกหน่อยนะ”
หยางฮุ่ยที่นั่งอยู่อีกโต๊ะพูดขึ้นทันที “งั้นเย็นนี้พวกเราจะทำกุ้งนึ่ง ปูนึ่ง เป๋าฮื้อนึ่ง ปลาหิมะนึ่งเห็ดหอม ไข่ตุ๋นหอยลาย หอยนางรมย่างกระเทียม ซุปปลาเหลือง แบบนี้ดีไหมคะ อาหารตอนเย็นเอาแบบนึ่งเป็นหลัก กินรสชาติอ่อนๆ หน่อย”
ปกติแล้วคนแก่กินรสค่อนข้างจัด แต่บรรดาผู้อาวุโสที่นั่งอยู่ตรงนี้ชินกับการกินรสชาติอ่อนๆ แล้ว
ไม่มีใครคัดค้านข้อเสนอของหยางฮุ่ย
มู่เถาเยามองหอยนางรมทองแดงที่อยู่บนโต๊ะพลางพูดกับทุกคน “ไม่มีใครกินหอยนางรมทองแดงเลยเหรอคะ”
ย่าตี้ยิ้มพลางส่ายมือ “ย่าไม่ชอบกินของดิบ” ถึงแม้เมื่อก่อนจะกินอยู่ไม่น้อยก็ตาม
ย่าๆ ยายๆ ต่างส่ายหน้า
มู่เถาเยาหันไปมองทางหยวนเหยี่ย “แล้วอาจารย์กับพวกคุณปู่ล่ะคะ”
มู่เถาเยาจึงยกจานที่แกะหอยนางรมทองแดงไว้หกตัวยื่นให้หยวนเหยี่ย
หยวนเหยี่ยหยิบขึ้นมาหนึ่งตัว มองหอยนางรมตัวอวบแล้วยกขึ้นมาดมใกล้จมูก
“มีกลิ่นโลหะจริงๆ นี่เป็นของแพง ก็ไม่รู้ว่ารสชาติของมันคุ้มกับราคานี้ไหม”
หยวนเหยี่ยหยิบมีดเล็กในจานหอยนางรมทองแดงขึ้นมากรีดเนื้อหอย ไม่บีบมะนาว ไม่ใส่ไข่ปลาคาเวียร์ กินทั้งที่มีน้ำทะเลด้วยแบบนั้น ค่อยๆ ลิ้มลองรสชาติ
คนทั้งโต๊ะอาหารต่างมองหยวนเหยี่ย
“กลิ่นน้ำทะเลแรงมาก พอเข้าปากก็มีกลิ่นโลหะแบบชัดเจน เนื้อเด้งดีนะ กัดแล้วกรุบๆ…เอาเป็นว่ารสชาติมันหลากหลายดี…”
หลังจากหยวนเหยี่ยแบ่งปันความรู้สึกที่ได้ลิ้มลองแล้วเขาก็เอามีดเล็กวางคืนจานหอยนางรมทองแดง เลื่อนไปตรงหน้าซย่าโหวโซ่ว “ลองกินดูสิว่าชอบรสชาติของมันไหม ถึงฉันจะไม่ได้ชอบมาก แต่ฉันว่านายอาจจะชอบ”
รสชาติที่ซย่าโหวโซ่วชอบแตกต่างจากพวกเขามาตลอด
“ได้ ลองดูหน่อย”
พอหอยนางรมที่มีกลิ่นของน้ำทะเลเข้าปาก ดวงตาของซย่าโหวโซ่วก็เปล่งประกาย
มู่เถาเยาเห็นสีหน้าของอาจารย์รองก็รู้ได้ว่าเขาชอบรสชาตินี้ คิดไว้ว่าอีกหน่อยจะนำเข้าหอยนางรมทองแดงจากประเทศดังมาให้อาจารย์รองลิ้มรสหน่อย
เผ่าหมาป่าพระจันทร์มีทะเล ย่อมมีหอยนางรม แต่ไม่มีหอยนางรมทองแดง
ประเทศเหยียนหวงก็มีทะเลอยู่ไม่น้อย แต่ไม่มีหอยนางรมทองแดงเหมือนกัน ถ้าพบเจอก็ถือว่ามีบุญ หรือที่พวกเรามักพูดกันว่าบุญปาก
อืม คนของสำนักซย่าโหวมักจะ…มีบุญแบบคนซื่อ!
ไม่ว่าจะบุญในเรื่องไหนก็ตาม!
ตอนที่ 526 แย่งความรักกับสัตว์
วันอาทิตย์หลังจากกินอาหารเช้าเสร็จ มู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนก็พาเจ้าขาวปุยออกเดินทางไปเยี่ยมฝูงม้าป่ากับพวกช้างน้อย
ตี้อู๋เปียนหึงหนักมาก วันนี้เขาจึงชักสีหน้าใส่มันตลอด สะพายเข่งใบน้อยกับถือกล่องยาเดินนำข้างหน้า
มู่เถาเยามองคนรูปร่างสูงใหญ่ที่เดินนำอยู่ เกิดความรู้สึกประหลาดขึ้นในใจนิดหน่อย
ปกติเคยชินกับการที่ตี้อู๋เปียนเรียก ‘ซาลาเปาน้อย ซาลาเปาน้อย’ ตอนนี้ดูเงียบผิดปกติ
เธอลูบขนเจ้าขาวปุย ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยความสงสัย ในสมองมีเครื่องหมายคำถามตัวโต
รู้สึกแปลกๆ ในใจ แต่กลับบอกไม่ถูกว่ามันเป็นความรู้สึกแบบไหน บอกได้แค่ว่ามันไม่ชินกับสถานการณ์แบบนี้ เธอจึงอดถามขึ้นไม่ได้ “พี่สาม…”
ตี้อู๋เปียนหันมาพอดี “ซาลาเปาน้อย…”
“เอ่อ…” ทั้งสองคนพูดพร้อมกัน
มู่เถาเยายิ้มตาโค้ง บอกให้เขาพูดก่อน
อืม พอเขาเริ่มพูด ความรู้สึกที่คุ้นเคยก็กลับมาแล้ว
ตี้อู๋เปียนดูถูกตัวเองอยู่ในใจสามสี่วินาทีแล้วถึงพูดขึ้น “ซาลาเปาน้อย วันนี้จะหาสมุนไพรอะไรเหรอ”
ไหนบอกตัวเองว่าวันนี้จะทำเย็นชากับซาลาเปาน้อยหนึ่งวันไง ปรากฏว่า…อย่าว่าแต่หนึ่งวันเลย นี่เพิ่งจะไม่เท่าไรก็ทนไม่ไหวก่อนแล้ว!
“มีเวลาไม่มาก ไม่เจาะจงดีกว่าค่ะ ระหว่างทางเจออะไรก็เก็บ”
“ได้ งั้นครั้งหน้าค่อยเข้ามาเก็บสมุนไพร”
“อืม”
สายตาของตี้อู๋เปียนเคลื่อนลง มองเจ้าขาวปุยที่อยู่ในมือของมู่เถาเยา เขาขมวดคิ้วพลางพูด “ซาลาเปาน้อย วางเจ้าขาวปุยลงเถอะ ให้มันนำทางพวกเรา”
เจ้าขาวปุยเข้าเขตป่าชั้นในไปกินผลไม้ดอกไม้ทุกวัน กินจนหนำใจแล้วก็ไปเล่นกับฝูงม้า ต้องรู้แน่ว่าพวกมันอยู่ที่ไหน
มู่เถาเยาคิดแล้วก็เห็นด้วย เธอจะได้สังเกตความสามารถในการสะกดรอยของเจ้าขาวปุยด้วย เธอจึงนั่งยองปล่อยเจ้าขาวปุยลง
“จี๊ดๆ”
สองเท้าสีแดงของเจ้าขาวปุยจิกแขนเสื้อของมู่เถาเยาแน่น ให้ตายก็ไม่ยอมลง
มันคิดถึงเธอมากเหลือเกิน! ถึงขั้นที่บางครั้งกินดอกไม้ผลไม้ไม่อร่อยเลย!
มู่เถาเยาเห็นมันเป็นแบบนี้ก็ปวดใจ “พี่สามใช้พลังวิเศษตามหาพวกเกาหม่าเถอะ”
ตี้อู๋เปียน “…”
ทำไมซาลาเปาน้อยไม่มั่นคงในจุดยืนเลยสักนิดนะ!
“งั้นฉันอุ้มมันเอง” ตี้อู๋เปียนยื่นมือไปทางมู่เถาเยา
“ไม่เป็นไรค่ะ มันไม่หนัก” มู่เถาเยาไม่เข้าใจความหมายที่เขาจะสื่อ
ตี้อู๋เปียนพยายามข่มความรู้สึกที่อยากกระอักเลือด “ไม่ใช่เรื่องหนักไม่หนัก ฉันเองก็คิดถึงมัน ขอฉันอุ้มบ้าง”
มู่เถาเยาถึงเอาเจ้าขาวปุยวางบนมือตี้อู๋เปียน
เพียงแต่เจ้าขาวปุยไม่ไว้หน้าเลยสักนิด มันยังคงจิกแขนเสื้อมู่เถาเยาไม่ยอมปล่อย
ตี้อู๋เปียนยื่นนิ้วเรียวยาวออกไปจิ้มปากแหลมของมัน “แกอยากกินอะไร ฉันจะหาให้” เอาของอร่อยเข้าล่อ
“จี้ดๆ”
ขอแค่ได้อยู่ในอ้อมกอดของเจ้านาย มันก็ไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น!
ถึงมู่เถาเยาจะไม่เข้าใจภาษาของเจ้าขาวปุย แต่ใจเธอสัมผัสได้ว่าเจ้าขาวปุยติดเธอ จึงชักมือกลับ “ฉันอุ้มมันดีกว่าค่ะ”
ตี้อู๋เปียนยังจะพูดอะไรได้
ตอนนี้แม้แต่เขาก็สู้สัตว์เลี้ยงไม่ได้
ตี้อู๋เปียนถอนหายใจเงียบๆ
มู่เถาเยาเหลือบตาขึ้น ถามด้วยความตกใจ “ทำไมอยู่ๆ ก็ถอนหายใจล่ะคะ” นี่มันไม่ใช่นิสัยของเขาเลยนะ!
“มันติดเธอแล้ว”
“ก็ปกติ ฉันเป็นคนพามันออกมาจากเขาเทพจันทรา ฉันก็เหมือนเป็นแม่ของมัน ทำนองเดียวกับลูกนกติดแม่”
“ซาลาเปาน้อย ไหนเธอบอกว่าเจ้าขาวปุยมันลงจากเขาหิมะหมื่นเมตรไปกินชวนไป๋กับเยี่ยนหง งั้นทำไมมันถึงไม่เคยเจอปู่ย่าเธอ พวกคุณอา น้าสะใภ้ รวมถึงบรรพบุรุษของเธอเลยล่ะ”
มู่เถาเยาอึ้งไปชั่วขณะ “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน พี่สามลองถามมันดูไหม” เธอไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อนเลย
“ฉันเคยถามแล้ว มันบอกว่าเจอเธอเป็นคนแรก มันไม่เคยรู้เลยว่ามีสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า คน”
“…งั้นอาจจะเพราะ ฉันกับมันมีวาสนาต่อกัน”
มู่เถาเยายิ้มมุมปาก ดวงตาโค้งมนมีเงาสะท้อนก้อนกลมสีขาว
ตี้อู๋เปียนเห็นเธอมีความสุขก็ไม่อยากรู้เรื่องนี้แล้ว อย่างไรเสียก็ไม่สำคัญ
“ซาลาเปาน้อย จิ้งจอกห้าสีก็โตขึ้นเยอะแล้วนะ”
“อืม อีกไม่กี่เดือนฉันแข่งกีฬาเสร็จจะพามันมาใช้ชีวิตอยู่กับพวกเกาหม่า พี่สามสื่อสารกับเจ้าขาวปุยให้หน่อยสิ บอกให้มันพาจิ้งจอกห้าสีเข้าป่าเซียนโหยวมาทำความคุ้นชินหน่อย”
ให้คนพามากับสัตว์พามามันไม่เหมือนกัน
“ได้ กลับไปฉันจะคุยกับพวกมันสองตัวให้”
“อืม”
“จี๊ดๆ”
เจ้าขาวปุยไม่อยากอยู่เหงาๆ จึงส่งเสียงขัดจังหวะทั้งสองคน
ตี้อู๋เปียนชักอยากโมโหขึ้นมาอีกแล้ว
หมอนี่ทำไมมันไม่รู้กาลเทศะแบบนี้!
เวลาที่ควรทำตัวเป็นใบ้กลับไม่ทำ!
“ซาลาเปาน้อย กลับเผ่าครั้งหน้าพามันกลับเขาเทพจันทราเถอะ”
มู่เถาเยาลูบขนยาวที่ขาวสะดุดตาของเจ้าขาวปุย ยิ้มพลางพยักหน้า “ถึงเวลาที่ควรพามันกลับไปดูบ้านที่ตัวเองอยู่มาตั้งนานแล้ว ไว้ถึงตอนนั้นค่อยให้มันพาฉันเดินไปให้ทั่วเขาเทพจันทรา ดีไม่ดีอาจจะเจอเซอร์ไพรส์อีกก็ได้”
ตี้อู๋เปียน “…”
ความหมายของเขาคือ ให้เอามันกลับไป…แล้วไม่ต้องพาออกมาอีก!