ตอนที่ 512 ไม่มีหมาป่าโผล่มา / ตอนที่ 513 อยากได้ลู่ลู่น้อย
ตอนที่ 512 ไม่มีหมาป่าโผล่มา
ผ่านทุ่งหญ้าไปมู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนก็เดินตรงตลอด
ปรากฏว่าเดินอยู่สามวันก็ยังไม่เจอฝูงหมาป่า ระหว่างนั้นมีใช้วิชาตัวเบาด้วย ตอนนี้จึงอยู่ห่างจากทุ่งหญ้ามามากแล้ว
สุดท้ายจึงเอานกหวีดหมาป่ามาเป่าเรียก แต่ก็ไม่มีหมาป่าโผล่มาสักตัว
“ซาลาเปาน้อย ตรงนี้คงยังอยู่ห่างจากป่าพิษหมาป่าไกลมาก ไม่งั้นไว้วันไหนให้เจ้าขาวปุยเข้ามาสำรวจก่อน มันเดินบนหิมะก็ไม่ทิ้งรอยเท้า ต่อให้เจอแอ่งน้ำก็ไม่กลัว”
“อืม พวกเรากลับกันเถอะ เดี๋ยวจะเกินเวลาที่บอกไว้แล้วคนที่บ้านจะเป็นห่วง”
“ได้ เธอลองนึกดูนะว่ามีสมุนไพรอะไรที่ต้องการอีกไหม ขากลับจะได้เก็บไป”
มู่เถาเยาส่ายหน้า “อีกไม่กี่วันก็ต้องเข้ามาพร้อมคุณลุงน่าหลานกับพวกลุงตี้อู่อีก หาสมุนไพรไปทำยาบำรุงเป็นของขวัญปีใหม่ก็พอแล้วล่ะ”
“อืม ไว้ถึงตอนนั้นฉันก็จะเข้ามาด้วย”
“พี่สาม เวลามีคนอื่นมาด้วยพี่สามไม่ต้องนำทางหรอกค่ะ พวกเราหาอะไรได้ก็เก็บๆ ไป”
“ฉันรู้”
“อืม”
ทั้งสองคนหอบของทั้งหมดรวมถึงขยะที่ย่อยสลายไม่ได้เหาะกลับ
เจ้าขาวปุยวิ่งเร็วกว่าพวกเขาก็จริง แต่มันเหาะไม่ได้ ดังนั้นเวลาใช้วิชาตัวเบามันจะอยู่บนบ่าของมู่เถาเยา ยืนรับลม
เท้าของมันเหมือนจะเกาะมู่เถาเยาไม่แน่น แต่ไม่ว่าลมหนาวจะแรงแค่ไหนมันก็ไม่สะท้านเลยสักนิด แถมยังทำท่ายืนเท่ตลอดทาง
สองคนกับหนึ่งตัวกลับถึงหมู่บ้านเถาหยวนซานในวันรุ่งขึ้นตอนบ่าย
ไม่มีใครถามว่าเจออะไรบ้าง ให้พวกเขาไปอาบน้ำมากินข้าวก่อน
หลังจากทำอะไรเสร็จสรรพมู่เถาเยาถึงนั่งลงจัดการสมุนไพร
เอาพืชไม่ทราบชนิดทั้งหกวางเรียงบนโต๊ะ “อาจารย์ใหญ่คะ ลองดูว่ารู้จักต้นไหนบ้างไหมคะ”
หยวนเหยี่ยหยิบดอกสีเหลืองเล็กขึ้นมาสังเกตดู จากนั้นก็วางลง ไล่ดูทีละชนิด ขมวดคิ้วค่อนข้างแน่น
“เสี่ยวเยาเยา อาจารย์ไม่รู้จักเลยสักต้น แต่ดอกไม้สีม่วงสองดอกนี้ รวมถึงลำต้นของมันดูคล้าย…ดอกไม้สองชีวิตเลยนะ แต่ดอกไม้สองชีวิตมันมีดอกสีแดงกับดอกสีน้ำเงินนะ…”
เขาเคยเห็นดอกไม้สองชีวิตที่เก็บไว้ในสำนักเมื่อก่อนนี้
ปู่ทวดถังก็พยักหน้า “ดูเหมือนดอกไม้สองชีวิตจริง แต่ทำไมดอกถึงเป็นสีม่วงล่ะ หรือจะกลายพันธุ์”
มู่เถาเยายิ้มบาง “หนูก็สงสัยแบบนั้นค่ะ บริเวณรอบๆ ดอกสีม่วงสองดอกนี้เป็นหญ้าจื่อหยางที่ขึ้นหนาแน่นมาก รอบนอกหญ้าจื่อหยางเป็นดอกจื่อซิง ดอกจื่อซิงมีพิษรุนแรง มันอาจจะดูดซึมพิษของดอกจื่อซิงมาหรือเปล่าคะ หนูเก็บดอกจื่อซิงกลับมาต้นหนึ่งด้วย พรุ่งนี้จะเอาไปวิจัยดูว่ายังมีพิษอยู่ไหม”
ถึงแม้เจ้าขาวปุยก็กินดอกจื่อซิงเข้าไป แต่จะเอามาเป็นเรื่องยืนยันไม่ได้ว่ามันไม่มีพิษแล้ว เพราะเจ้าขาวปุยเองก็แยกไม่ออกว่ามีพิษหรือไม่มี อย่างไรเสียมันก็กินทุกอย่าง!
หยวนเหยี่ยชี้ต้นพืชอื่นๆ ที่อยู่บนโต๊ะ “เสี่ยวเยาเยา แล้วพวกนี้…เก็บกลับมาทำอะไรเหรอ จะวิจัยพวกมันด้วยเหรอ”
เขตป่าชั้นในมีต้นพืชไม่ทราบชนิดมากมาย ก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยเห็นเธอเก็บกลับมา อย่างมากก็แค่ถ่ายรูปแล้วทำเป็นอัลบั้มภาพ
มู่เถาเยาอธิบายให้ทุกคนฟัง “ดอกสีเหลืองเล็กดอกนี้น่าจะเป็นของดีค่ะ เจ้าขาวปุยจิกมันมาให้หนู ส่วนดอกสีขาวที่คล้ายดอกแมกโนเลีย เจ้าขาวปุยชอบกินมาก กินทีเดียวตั้งหลายดอกค่ะ”
ตี้อู๋เปียนพยักหน้า “ผมกับซาลาเปาน้อยก็กินแล้วครับ รสชาติของมันหอมหวาน ไม่ขมฝาดแบบพวกดอกไม้สดเลยสักนิดครับ”
“ใช่ค่ะ หนูแน่ใจแล้วว่าไม่มีพิษ ทุกคนลองกินดูสักดอกสิคะ”
มู่เถาเยาเอาดอกสีขาวที่อยู่ในถุงผ้าวางบนโต๊ะ เปิดให้ทุกคนเอาไปกิน
“จี๊ดๆ”
เจ้าขาวปุยเห็นทุกคนกินก็อยากกินด้วย
มู่เถาเยาป้อนมันหนึ่งดอก
ย่าเย่ว์กินไปหนึ่งดอกก็พยักหน้า “รสชาติใช้ได้ เหมือนกินผลไม้เลยนะ ดอกเล็กๆ แต่รู้สึกได้เลยว่าน้ำเยอะ”
ทุกคนพยักหน้าตาม
มู่เถาเยาเรียกหยางฮุ่ยกับจางซุ่นเฟิงที่เป็นเชฟมาเอาส่วนหนึ่งไปทำขนม จากนั้นก็พูดกับทุกคน “ส่วนที่เหลือจะเอาไปอบแห้ง แบ่งให้ทางเมืองหลวงกับเผ่าหมาป่าพระจันทร์หน่อยค่ะ ให้คนที่ไม่ได้กินดอกสดเอาไปชงเป็นชาดื่ม เหลือไว้นิดหน่อยเผื่อวันหน้าจะใช้ประโยชน์ได้ค่ะ”
หยวนเหยี่ยยิ้มพูด “จัดการตามสบายเลยนะ”
“ค่ะ”
มู่เถาเยาอธิบายพืชอีกสามชนิด เสร็จแล้วก็เริ่มจัดการกับของที่เอากลับมาทั้งหมด
เหล่าผู้อาวุโสให้พวกเด็กๆ หยุดเรียนครึ่งวันเป็นพิเศษ เวลานี้พวกเด็กๆ จึงมารุมล้อมมู่เถาเยา ส่งเสียงเจื้อยแจ้ว
อู๋ซวงน้อยมองของในมือมู่เถาเยาแล้วพูดขึ้น “หลิงจือยักษ์!”
ตี้อู๋เปียนอุ้มเด็กน้อยขึ้นมาแกล้งเล่น “ไอ๊หยา อู๋ซวงน้อยของพวกเราแยกสมุนไพรเป็นด้วย! วันหน้าต้องเป็นคุณหมอเทวดาที่เก่งมากเหมือนพี่สาวแน่ๆ เลย!”
อู๋ซวงน้อยหัวเราะคิกคัก “พี่สาม อาจารย์ใหญ่บอกว่าอู๋ซวงจำได้หมดแล้ว”
“งั้นเหรอ งั้นพี่สามทดสอบหน่อยนะ อันนี้อะไร” ตี้อู๋เปียนชี้โสมที่รากใหญ่มาก
“โสม! กิน! บำรุง!”
“สุดยอด! รู้ด้วยว่าเอาไว้บำรุง!”
เด็กน้อยชอบใจใหญ่ ไม่ต้องให้ถามต่อก็ไล่ชี้สมุนไพรที่ตัวเองรู้จัก “ฉงโหลว ตังกุย ถั่งเช่า สือหู เฉาก๊วย…กินแล้วเทพ”
อุ๊บ
ทุกคนพากันหัวเราะเด็กน้อย
ใบหน้าที่ได้รูปของตี้อู๋เปียนมีรอยยิ้ม เอานิ้วดีดหน้าผากของเด็กน้อยเล่น “อู๋ซวงไม่ต้องกินเฉาก๊วยก็เป็นเทพธิดาแล้ว!”
เด็กน้อยอู๋ซวงส่ายหน้าทันที “ไม่ใช่ๆ พี่สาวต่างหากเทพธิดา อู๋ซวงเหาะไม่ได้ ยังไม่ใช่เทพ”
จินเหยี่ยน้อยจับมืออู๋ซวงทันที “อาอู๋ซวง ไว้จินเหยี่ยเรียนเหาะกับปู่ซย่าโหวจนเป็นแล้วจะพาเหาะไปเที่ยวเมืองหลวงนะ”
ทุกคนหัวเราะเสียงดัง
มู่เถาเยาจัดการสมุนไพรพลางฟังเด็กน้อยคุยกัน รู้สึกสบายใจมาก
นี่เป็นความรู้สึกที่ชาติก่อนไม่เคยได้รับ
เจ้าหญิงน้อยตอนก่อนอายุเจ็ดขวบมีเสด็จพ่อเสด็จแม่เอาใจ ใสซื่อไร้เดียงสา อ่อนต่อโลก แต่เจ้าหญิงน้อยหลังเจ็ดขวบกลับต้องเติบโตในชั่วข้ามคืน…
ตอนที่ 513 อยากได้ลู่ลู่น้อย
ตอนนี้เป็นช่วงกลางเดือนมกราคม โรงเรียนอนุบาล โรงเรียนประถม โรงเรียนมัธยมต้น ต่างปิดเทอมกันหมดแล้ว โรงเรียนมัธยมปลายกับมหาวิทยาลัยก็กำลังทยอยปิดเทอม
ถัดจากพวกเด็กๆ อายุหกเจ็ดขวบอย่างลั่วปู้อวี๋ เสิ่นเจียวหยาง ซังหลิ่นหราน หงจยาเย่ว์ที่มาหมู่บ้านเถาหยวนซาน ต่อมาก็เป็นลู่จือฉิน ลู่หันซู ปาอิน ถังถัง และตี้อู่หลันฉือกับพ่อ
จากนั้นก็เป็นคนตระกูลน่าหลาน
นอกจากน่าหลานอวิ๋นไคที่อยู่เมืองหลวงแล้ว สองผู้อาวุโสตระกูลน่าหลานก็มาด้วย
มหาวิทยาลัยในเมืองหลวงปิดเทอมช้ากว่าเมืองอื่นหลายวัน
ถึงแม้มหาวิทยาลัยด้านศิลปะที่มู่หว่านกับเจียงเฟิงเหมียนเรียนจะปิดเทอมแล้ว แต่พวกเธอก็ยังต้องรอน่าหลานอวิ๋นไค อวิ๋นสุ่ยเหยา กู้หานและจั่วอีเหิงกลับมาพร้อมกัน
เนื่องจากกำลังจะสร้างศูนย์วิจัยชิปที่หมู่บ้านเถาหยวนซาน ระยะนี้พ่อแม่ของจั่วอีเหิงจึงอยู่หมู่บ้านเถาหยวนซาน จั่วอีเหิงก็ย่อมต้องมา
นอกจากนี้ยังได้ให้พื้นที่ร้อยกว่าตารางเมตรสำหรับสร้างบ้านของตระกูลจั่ว อย่างไรเสียวันหน้าจั่วอีเหิงก็ต้องทำงานที่นี่
เมื่อคนจากทางเมืองหลวงกลับมา ภายในหมู่บ้านเถาหยวนซานก็เริ่มมีความครึกครื้น พวกชาวบ้านต่างไปกินข้าวฉลองที่บ้านคนที่เลี้ยงหมู
ทั่วทุกมุมของหมู่บ้านเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะสนุกสนาน
มู่เถาเยาเที่ยวเล่นกับทุกคนอยู่สองวันก็เข้าเขตป่าชั้นในพร้อมตี้อู๋เปียน ลู่จือฉิน น่าหลานรั่วหง น่าหลานรั่วเซิง ตี้อู่เหลียนจิง ตี้อู่หลันฉือ ถังถัง และปาเฝ่ย
หลายวันก่อนปาเฝ่ยไปทำงานที่ต่างประเทศ บังเอิญได้ตำราแพทย์โบราณมาเล่มหนึ่ง
เนื่องจากมีสมุนไพรและตำรับยาที่ไม่ค่อยเข้าใจ ด้วยความที่อยากรู้เหลือเกินจึงไม่รอให้มู่เถาเยากลับเผ่าฉลองตรุษจีนค่อยขอคำชี้แนะ เขารีบร้อนมาที่นี่ทันที
ก็พอดีกับที่ทุกคนกำลังจะเข้าเขตป่าชั้นใน เขาจึงตามเข้าไปด้วย
ครั้งนี้มู่เถาเยาไม่ได้พาเจ้าขาวปุยไปด้วย ข้อแรกเพราะอยากฝึกฝนทุกคน ข้อสอง พยายามให้ทุกคนรู้ความสามารถของเจ้าขาวปุยน้อยที่สุด
ในบรรดาคนเหล่านี้ ปาเฝ่ยมีฝีมือต่อสู้แย่ที่สุด เขาจึงไปอยู่กลุ่มเดียวกับถังถังและตี้อู๋เปียน กลุ่มที่มีวิชาแพทย์ วิชาพิษและวิชาต่อสู้ แบบนี้ค่อยน่าวางใจหน่อย
มู่เถาเยาคอยดูสองพี่น้องตระกูลน่าหลาน
ลู่จือฉินรับหน้าที่ดูแลตี้อู่เหลียนจิงกับลูกสาว
สามกลุ่มเก้าคน เจ็ดวันหกคืน ได้อะไรเยอะพอสมควร
ขณะที่กำลังจะเดินทางกลับในวันที่เจ็ดก็ได้เจอสมุนไพรที่แม้แต่มู่เถาเยากับลู่จือฉินก็ไม่รู้จัก แต่ปาเฝ่ยรู้ เพราะในหนังสือที่เขานำมาด้วยมีบอกไว้
“เสี่ยวเยาเยา ในตำราโบราณมีเขียนไว้ เถาวัลย์เกล็ดปลาไร้ใบชนิดนี้เป็นยาบำรุงกระดูกชั้นดี ช่วยกระตุ้นให้เสริมสร้างกระดูกและรักษาได้อย่างรวดเร็ว…หากกินหลังจากกระดูกหักก็ไม่ต้องกลัวอักเสบ ไม่ต้องกังวลเรื่องจะหายช้าหรือหายไม่สนิท…” บลาๆๆ
มู่เถาเยากับลู่จือฉินมองหน้ากัน พวกเธอยังไม่มีเวลาได้อ่านหนังสือที่ปาเฝ่ยนำมา จึงไม่รู้จักพืชชนิดนี้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสรรพคุณของมันเลย
ตี้อู๋เปียน “มันไม่มีพิษใช่ไหม”
เขตป่าชั้นในมีสิ่งมีพิษมากมาย ต้องถามไว้ก่อน
ปาเฝ่ยยิ้มตอบ “ไม่มีพิษ พวกเราตัดมันกลับไปพิสูจน์หน่อยว่ามีสรรพคุณวิเศษแบบนี้จริงไหม”
มู่เถาเยาพยักหน้า
พวกผู้ชายจึงลงมือใช้มีดพกที่คมกริบตัดเถาวัลย์แก่สีเขียวที่มีผิวเหมือนเกล็ดปลา แขนงคดเคี้ยวแต่ไร้ใบ
จงใจเหลือเอาไว้ส่วนหนึ่งเพื่อดูว่ามันยังจะโตต่อได้หรือไม่
พืชหลายชนิดตราบใดที่รากยังอยู่ก็เจริญเติบโตต่อได้อีก
ทุกคนเก็บข้าวของแล้วเดินทางกลับ
คนที่วิชาตัวเบาดีก็พาคนที่วิชาตัวเบาแย่ไปด้วย ต้องรีบกลับถึงหมู่บ้านเถาหยวนซานก่อนดวงอาทิตย์ตกดิน
อีกหนึ่งสัปดาห์ก็จะเป็นวันตรุษจีนแล้ว คนตระกูลตี้ คนตระกูลอวิ๋น และกู้หานจึงบอกลาทุกคนกลับเมืองหลวงก่อน
คนตระกูลจั่วก็กลับไปในวันเดียวกัน
น่าหลานรั่วหงกับน้องชายพักหนึ่งวันก็เตรียมพาครอบครัวกลับบ้าน
พวกเขาเชื้อเชิญให้ทุกคนไปเป็นแขกบ้านตระกูลน่าหลาน โดยเฉพาะครอบครัวผู้ใหญ่บ้านมู่
สองครอบครัวต่างรู้ว่าเด็กของทั้งสองบ้านคบกันอยู่ ซึ่งต่างก็ดีใจมาก
ผู้ใหญ่บ้านมู่กับจางเฟยยิ้มกว้างจนเห็นริ้วรอยชัดเจน
ถึงแม้ตระกูลมู่ของพวกเขาจะเป็นตระกูลทำไร่ทำสวน แต่หมู่บ้านบนเขาของพวกเขาก็ไม่ใช่หมู่บ้านทั่วไป ไม่ได้มีความคิดว่าลูกสาวของพวกเขาไม่คู่ควรกับลูกชายตระกูลเศรษฐี
ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาก็ชอบน่าหลานอวิ๋นไคมาก รู้สึกว่าเด็กหนุ่มสุภาพอย่างน่าหลานอวิ๋นไคเหมาะสมกับเสี่ยวหว่านเหลือเกิน
ตระกูลน่าหลานเป็นตระกูลเศรษฐีเก่าแก่ แต่ไม่มีความเจ้ายศเจ้าอย่าง ซึ่งก็ทำให้ผู้ใหญ่บ้านกับจางเฟยสบายใจ
สิ่งที่ตระกูลน่าหลานดูสะใภ้เป็นอย่างแรกคือกิริยามารยาทสง่างาม เพราะการวางตัวของแม่เกี่ยวพันถึงการสืบทอดตระกูล
ถ้าแม่ไม่ดีแล้วลูกจะดีได้อย่างไร ลูกไม่ดี ตระกูลในรุ่นหลังๆ ก็จะค่อยๆ เสื่อมโทรมลงจมอยู่ในประวัติศาสตร์
เมื่อคนตระกูลน่าหลานกลับไปแล้ว ปู่ทวดตระกูลถังและพวกเด็กๆ อย่างลั่วปู้อวี๋ก็บอกลาหมู่บ้านเถาหยวนซาน กลับบ้านซื้อของเตรียมตัวฉลองตรุษจีน
กลุ่มที่กลับเป็นกลุ่มสุดท้ายคือสองพ่อลูกตระกูลตี้อู่ พวกเขายังได้เชื้อเชิญลู่จือฉินไปเป็นแขกบ้านตระกูลตี้อู่อีกด้วย
มู่เถาเยามองอาจารย์สามของตัวเอง
นี่เธอพลาดอะไรไปหรือเปล่า ทำไมพี่หลันฉือไม่ ‘รายงาน’ เธอล่ะ
ลู่จือฉินยิ้มให้ลูกศิษย์ก่อนแล้วถึงตอบสองพ่อลูกตี้อู่ “ฉันขอไปที่เผ่าก่อนค่ะ ไว้หลังตรุษจีนจะแวะไปเป็นแขกนะคะ”
ในใจของเธอ เสี่ยวเยาเยา เย่ว์เลี่ยง และเยี่ยนหังสำคัญกว่าตัวเธอเสียอีก
เมื่อแขกกลับไปหมดแล้วมู่เถาเยาถึงว่าง ‘เค้นถาม’ ลู่จือฉิน
เดิมทีลู่จือฉินก็ไม่ได้จะปิดบังไปอีกนาน ก็แค่ก่อนหน้านี้ยังไม่มั่นใจหัวใจตัวเอง
แต่คนรอบข้างมองออกหมด
เธอมองคู่ของเสี่ยวเยาเยากับตี้อู๋เปียนออก แต่พอเป็นตัวเองกลับไม่ค่อยเข้าใจ ก็เลยต้องใช้เวลาในการยืนยัน
“เสี่ยวเยาเยา ตี้อู่เหลียนจิง…” ลู่จือฉินเล่าการติดต่อระหว่างตัวเองกับตี้อู่เหลียนจิงให้ฟัง
มู่เถาเยาเลิกคิ้ว “แล้วพี่หลันฉือรู้ตั้งแต่เมื่อไรคะ”
“เมื่อหลายวันก่อน พออาจารย์กับตี้อู่เหลียนจิงแน่ใจความสัมพันธ์แล้วก็อยากรอเซอร์ไพรส์เธอ เลยไม่ให้หลันฉือบอก”
“อาจารย์สาม งั้นลู่ลู่น้อยของหนูใกล้มาแล้วใช่ไหมคะ”
ลู่จือฉินหลุดขำ “เสี่ยวเยาเยา อาจารย์ห้าสิบสี่แล้วนะ คิดเยอะเกินไปแล้วนะเราน่ะ!”
“ตราบใดที่ยังมีประจำเดือนก็ยังมีลูกได้ค่ะ! อายุร่างกายของอาจารย์เพิ่งจะสามสิบกว่า มีลูกได้ค่ะ!”
เธออยากให้อาจารย์มีลูกของตัวเอง
ยิ่งไปกว่านั้นมีเธออยู่ก็ไม่ต้องกังวลปัญหาเรื่องท้องตอนแก่ ไม่อย่างนั้นเธอไม่ให้อาจารย์มีลูกแน่นอน
“เสี่ยวเยาเยา อาจารย์มีเธอ มีเยี่ยนหังกับอู๋ซวงก็พอแล้ว”
“แต่หนูยังอยากได้ลู่ลู่น้อยนี่คะ อา เยี่ยนหัง อู๋ซวง พี่หลันฉือ ก็ต้องอยากได้เหมือนกันแน่นอนค่ะ”
“อยากได้ลู่ลู่[1]น้อยน่ะไม่ยากหรอก เดี๋ยวอาจารย์เข้าเขตป่าชั้นในจับให้คนละตัวเลย! ถ้าไม่พอเอาสองเลยก็ได้! เอากวางดาว กวางเอลก์ หรือกวางอะไรดีล่ะ บอกมาได้เลย!”
มู่เถาเยา “…”
[1] ลู่ลู่ คำพ้องเสียง หมายถึง กวาง