ตอนที่ 510 ลิ้มลองสารพัดสมุนไพรด้วยตนเอง ตอนที่ 511 ดอกไม้สองชีวิตที่เปลี่ยนไป
ตอนที่ 510 ลิ้มลองสารพัดสมุนไพรด้วยตนเอง
ตี้อู๋เปียนพามู่เถาเยามุ่งหน้าสู่จุดหมายปลายทาง
แหวกพวกหญ้าที่ขึ้นรกออกก็เห็นต้นพืชสีเขียวขนาดเล็กด้านล่างตรงหน้าพวกเขา
“ซาลาเปาน้อยรู้จักต้นนี้ไหม”
มู่เถาเยามอง ‘หญ้า’ ที่ออกดอกเล็กสีเหลืองแล้วส่ายหน้า “เห็นครั้งแรกค่ะ”
เจ้าขาวปุยกระโดดไปอ้าปากจิกดอกสีเหลืองพร้อมก้านติดออกมา ไวจนมู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนยังไม่ทันรู้สึกตัว
“เจ้าขาวปุย อย่าเห็นอะไรก็กินหมดสิ” ตี้อู๋เปียนพูดด้วยความจนปัญญา
เห็นทีจะต้องคุยกันหน่อยแล้ว เกิดวันไหนกินจนปวดท้องขึ้นมาจะไม่ดี ถึงแม้ความเป็นไปได้นี้จะน้อยมาก แต่ระวังไว้เป็นดีที่สุด อย่างไรเสียทุกสิ่งในเขตป่าชั้นในก็ไม่ใช่ของธรรมดา
เจ้าขาวปุยไม่ได้กินดอกไม้ แต่กระโดดไปบนบ่าของมู่เถาเยาแล้วเอาให้เธอ
มู่เถาเยาอุ้มเจ้าขาวปุยลงมา หยิบดอกไม้สีเหลืองในปากมันมาสังเกตดู
“ดอกเล็กๆ นี่มีถึงสิบหกกลีบเลยนะคะ! ลักษณะคล้ายดอกคอสมอส ไม่มีกลิ่นหอม”
“ดอกคอสมอสก็คือดอกดาวกระจายใช่ไหม แต่ฉันจำได้ว่ามันเป็นดอกไม้ที่ชอบแสง ถึงที่นี่จะแดดดี แต่มันไม่สูงใหญ่ ถูกพวกหญ้ารกๆ ขึ้นบังมิด…ใบของมันก็ไม่คล้ายตระกูลเบญจมาศ ไม่น่าใช่คอสมอสนะ”
“ต้องไม่ใช่คอสมอสอยู่แล้วค่ะ ไม่อย่างนั้นต้นพืชที่นี่ทำไมถึงไม่รู้จักมัน อีกอย่างมันเป็นดอกไม้ที่คุณสมบัติกลางๆ ดูสิคะ”
มู่เถาเยายื่นดอกไม้สีเหลืองสิบหกกลีบไปตรงหน้าตี้อู๋เปียน
ตี้อู๋เปียนพยักหน้า “เดี๋ยวลองถามเจ้าขาวปุยดู”
“เจ้าขาวปุยก็ไม่น่าจะรู้จัก มันไม่เคยออกไปไหน จะรู้เหรอว่าที่ไหนมีอะไร เพียงแต่…ไม่รู้ว่าทำไมมันถึงจิกดอกไม้ดอกนี้ออกมา”
“อืม ขอถามมันก่อนนะ”
“ค่ะ”
มู่เถาเยายื่นเจ้าขาวปุยให้ตี้อู๋เปียน จากนั้นก็นั่งยองสังเกตต้นพืชที่เพิ่งถูกเด็ดดอกออกไป
สังเกตอยู่สักพัก ไม่รู้จริงๆ ว่ามันคือต้นอะไร เธอจึงเอากล้องมาถ่ายเก็บไว้ รอกลับไปค่อยส่งให้นักพฤกษศาสตร์จินเฉิงเจียงศึกษาดู
“ซาลาเปาน้อย เจ้าขาวปุยก็ไม่รู้ว่านี่ดอกอะไร แค่รู้สึกว่าน่าอร่อย แต่เพราะมีแค่ดอกเดียวมันเลยไม่กิน อยากเก็บไว้ให้เธอ ไม่เสียแรงที่เธอรักมันนะ”
มู่เถาเยาจิ้มหน้าผากเจ้าขาวปุย ยิ้มตาโค้งเปล่งประกาย “ถึงแกจะกินได้ก็ใช่ว่าฉันจะกินได้ แต่ก็ขอบคุณนะ”
“จี๊ดๆ” เจ้าขาวปุยที่อยู่ในมือตี้อู๋เปียนเอียงศีรษะมองมู่เถาเยา
“ซาลาเปาน้อย ไม่งั้นพวกเราย้ายกลับไปปลูกดีไหม”
มู่เถาเยาครุ่นคิดแล้วตอบ “ยังไม่รู้เลยว่ามีประโยชน์อะไร ไม่สู้จดตำแหน่งไว้ก่อน รอแน่ใจว่ามันคืออะไรแล้วค่อยว่ากัน”
ในความเป็นจริงการเคลื่อนย้ายต้นพืชที่ได้รับการคุ้มครองเป็นเรื่องผิดกฎหมาย อย่างเมื่อหลายวันก่อนมีเหตุการณ์คนที่ลักลอบปลูกกล้วยไม้ป่าต้องติดคุก
แต่ต้นพืชที่ไม่ทราบชนิดแบบนี้ย่อมไม่อยู่ในความคุ้มครอง แถมพวกเขาก็ทำเพื่อการวิจัย เพื่อความเจริญก้าวหน้าของวงการแพทย์…
บางคนบางหน่วยงานย่อมมีสิทธิพิเศษ
“ได้ งั้นปล่อยไว้ที่นี่ก่อน พวกเราดูต้นต่อไป”
“อืม” มู่เถาเยาเอาดอกไม้สีเหลืองขนาดเล็กใส่กล่องยาใบน้อย
ทั้งสองคนมุ่งหน้าสู่เป้าหมายต่อไป
มู่เถาเยาพูดด้วยความอิจฉาเล็กน้อย “พลังวิเศษของพี่สามนี่มันดีจริงๆ ค่ะ! ประหยัดเวลาได้เยอะเลย!”
ตี้อู๋เปียนก้มมองมู่เถาเยาที่ดูตื่นเต้นแบบที่เห็นได้ยาก เขารู้สึกดีใจ “วันหน้าถ้าเธอจะเข้าเขตป่าชั้นในก็เรียกฉันได้ หรือไม่ก็บอกว่าต้องการอะไร ฉันจะช่วยเข้ามาเก็บให้”
“ได้ค่ะ ถ้าพี่สามเข้ามาคนเดียวฉันจะให้เจ้าขาวปุยเข้ามาด้วย” แบบนี้เธอก็ไม่ต้องห่วงความปลอดภัยของเขาแล้ว
“อืม”
“พี่สามทำแบบนี้…เรียกควบคุมสัตว์ได้หรือเปล่าคะ” สมัยโบราณมีนักควบคุมสัตว์ แม้เธอจะไม่เคยเห็นก็ตาม
“กำลังหัดอยู่ พอจะเริ่มจับทางได้แล้วล่ะ เมื่อก่อนทำได้แค่ล่อพวกสัตว์ออกไปจากขอบเขตที่ไม่กว้างมาก แต่ใช้เวลาพอสมควร เพราะต้องรู้ก่อนว่าละแวกนั้นมีสัตว์อะไร พวกมันชอบอะไร ถึงจะเอาเหยื่อล่อพวกมันให้ออกไปชั่วคราวได้…”
ตี้อู๋เปียนเล่าสิ่งที่เขาทดลองทำในช่วงนี้ให้มู่เถาเยาฟัง
ตอนนี้ดีจริงๆ ในที่สุดเขาก็มีที่ให้ระบายความลับแล้ว!
อดกลั้นมายี่สิบกว่าปี พอได้ ‘ระบาย’ ตี้อู๋เปียนก็เริ่มหยุดไม่ได้
จนกระทั่งเห็นต้นพืชไม่ทราบชนิดที่สองเขาถึงได้หยุดพูด
“ซาลาเปาน้อยลองดูนี่สิ”
มู่เถาเยามองตามนิ้วของตี้อู๋เปียน เห็นต้นพืชที่ไม่สูงมากแต่กลับสะดุดตาอยู่บนทุ่งหญ้า
มันคล้ายต้นไม้แต่ก็เหมือนดอกหญ้า
ลำต้นใหญ่เหมือนต้นไม้ กิ่งก้านเล็กเหมือนก้านดอก มีดอกสีขาวขึ้นเต็มก้าน
พอเห็นมันมู่เถาเยาก็เกิดความรู้สึกเหมือนตอนนี้เป็นฤดูใบไม้ผลิที่ดอกไม้บานสะพรั่ง ไม่ใช่ฤดูหนาวที่แห้งเหี่ยว
“ซาลาเปาน้อย กลิ่นนี้หอมดีนะ”
“นั่นสิ ดอกเหมือนดอกแมกโนเลีย กลิ่นเหมือนดอกกุ้ยฮวา”
“แต่เหมือนฉันได้กลิ่นดอกจินอิ๋นด้วย”
“อืม มีนิดหน่อย ก็แค่กลิ่นที่คล้ายดอกจินอิ๋นถูกกลิ่นดอกแมกโนเลียกับดอกกุ้ยฮวากลบหมด”
“ธรรมชาตินี่มัน…” แม้เขาจะความรู้เยอะ แต่ตอนนี้ก็ไม่รู้จะใช้คำไหนมาบรรยายความมหัศจรรย์ของธรรมชาติแล้ว
เจ้าขาวปุยกระโดดขึ้นต้นนี้แล้วจิกดอกกินอย่างเอร็ดอร่อย
คราวนี้ไม่ใช่แค่ตี้อู๋เปียน แม้แต่มู่เถาเยาก็ชักเป็นห่วงแล้ว หิ้วเจ้าขาวปุยที่กินไปหลายดอกมาใส่เข่งของตี้อู๋เปียน
“ซาลาเปาน้อย ฉันลองกินสักดอกดูดีไหม”
มีเจ้าขาวปุยอยู่ ของมีพิษแค่ไหนก็ไม่กลัว แล้วนับประสาอะไรกับที่เขากินของดีไปตั้งมากมายแล้ว ร้อยพิษไม่กล้ำกรายดูเป็นเรื่องเล็กไปเลย
“ฉันกินเองค่ะ” ต้องตัวเองลองเท่านั้นถึงจะเข้าใจความรู้สึก
ในอดีตมีพระเจ้าเหยียนที่ร่วมมือกับเผ่าต่างๆ มากมายลิ้มรสสารพัดสมุนไพรด้วยตนเอง แม้เธอจะไม่ยิ่งใหญ่เหมือนพระเจ้าเหยียน แต่ก็ทำได้เหมือนกัน
แต่ตี้อู๋เปียนไม่รอให้มู่เถาเยาลงมือ เขาชิงเด็ดดอกไม้ที่เหมือนดอกแมกโนเลียกินก่อน
มู่เถาเยา “…!”
ตอนที่ 511 ดอกไม้สองชีวิตที่เปลี่ยนไป
ช่วงสองวันมานี้มู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนเจอต้นพืชไม่ทราบชนิดอยู่ห้าชนิดแถวทุ่งหญ้า ปรากฏว่าพวกเขาไม่รู้จักแม้แต่ชนิดเดียว
แต่ก็อยู่ในความคาดหมาย
เขตป่าชั้นในมีต้นพืชอายุพันปีหมื่นปีตั้งมากมาย ขนาดพวกมันยังไม่รู้จักต้นเหล่านี้เลย แล้วนับประสาอะไรกับพวกเขา!
“ซาลาเปาน้อย ต้นพืชไม่ทราบชนิดส่วนใหญ่จะลำต้นสูงใหญ่ แต่ต้นที่พวกเราเจอในช่วงสองวันนี้กลับเล็กและเตี้ยมาก มันน่าประหลาดจริงๆ”
“นั่นสิ พวกมันเหมือนหญ้าพิษชีวิต หลายหมื่นปีแล้วก็ยังต้นแค่นั้น แต่ก็ไม่รู้ว่าอายุกี่หมื่นปี มันนานขนาดที่ตัวมันเองก็ไม่รู้จักตัวเองแล้ว”
ตี้อู๋เปียนพยักหน้า “ดอกเถียนซินกับดอกฉยงฮวาก็อาจเป็นต้นพืชโบราณรุ่นเดียวกับพวกมัน หรือไม่ก็นานกว่านั้น”
“มันทำให้ฉันนึกถึงเยี่ยนหงกับชวนไป๋ในเขาเทพจันทรา รวมถึงต้นพืชใต้รอยแยกภูเขาไฟด้วย”
“เลิกสนใจมันก่อน เราไปดูที่สุดท้ายกันว่าใช่ดอกไม้สองชีวิตที่คาดหวังหรือเปล่า รอบๆ มันมีหญ้าจื่อหยางพอดี ถ้าเป็นดอกไม้สองชีวิตก็เก็บไว้เป็นสมบัติล้ำค่าตกทอดของสำนักแพทย์โบราณ”
“มันก็น่ามีความหวังจริงๆ แต่ไม่น่าจะเป็นดอกไม้สองชีวิตหรอก”
ถ้าเป็นดอกไม้สองชีวิตงั้นก็อาจไม่ใช่ต้นพืชไม่ทราบชนิดแล้ว
ในเมื่อในตำราโบราณมีเขียนไว้ก็แสดงว่าเคยมีคนพบเห็น
“ไม่ว่าจะใช่หรือไม่ก็ไปดูก่อน”
“อืม”
มู่เถาเยาเรียกเจ้าขาวปุยที่กำลังเล่นกับไฮยีน่าแกล้งตายกลับมา
ทั้งสองคนแบกเข่งที่เต็มไปด้วยสมุนไพรมุ่งหน้าไปยังโซนของต้นพืชไม่ทราบชนิดจุดสุดท้ายที่อยู่รอบๆ ทุ่งหญ้า
ตรงนี้เป็นฝั่งตรงข้ามกับทิศทางที่พวกเขามาพอดี ถ้าผ่านไปก็เท่ากับทะลุทุ่งหญ้าออกไปแล้ว
ตี้อู๋เปียนพาหนึ่งคนกับหนึ่งตัวไปตรงบริเวณหญ้าจื่อหยางแล้วมองไปข้างหน้า
“ซาลาเปาน้อยเห็นหรือยัง”
“เห็นแล้ว อยู่ระหว่างสีม่วง มีสีเขียวนิดๆ” มู่เถาเยาสายตาดีมาก กวาดตามองท่ามกลางหญ้าจื่อหยางก็เห็นสีเขียวที่แซมอยู่นิดหน่อย
ตี้อู๋เปียนกอดเจ้าขาวปุยไว้แน่น กลัวมันจะวิ่งเข้าไปสวบต้นนั้นเสียก่อน
“ซาลาเปาน้อย หญ้าจื่อหยางบริเวณนี้งอกงามดีจริงๆ ขนาดอากาศติดลบยังทำอะไรพวกมันไม่ได้”
“ตราบใดที่มีแสงแดดมันก็จะไม่เป็นอะไร แต่ถ้าเรามาตอนฟ้าครึ้มฝนตก พวกมันคงไม่สวยแบบตอนนี้แน่ มันชอบแดด ทนหนาว ทนแล้ง ทนความไม่อุดมสมบูรณ์ได้ แต่กลับไม่ชอบสภาพแวดล้อมที่ชื้น ถ้าฝนตกติดต่อกันเกินหนึ่งอาทิตย์ ไม่นานใบยอดก็จะเริ่มร่วง แต่พอมีแสงแดดมันก็จะกลับมามีชีวิตอีกครั้งตั้งแต่ราก นี่เป็นต้นพืชที่พลังชีวิตแข็งแกร่งมากชนิดหนึ่ง”
หญ้าจื่อหยางเป็นหญ้าที่สวยงามมาก ต่อให้ไม่มีดอกก็สามารถย้ายไปปลูกเป็นไม้ประดับในสวนที่บ้านหรือสวนสาธารณะได้
ตราบใดที่มีแสงแดดมันก็สามารถเจริญงอกงามในหนึ่งปีสี่ฤดูได้
ถ้าปลูกในสวนสาธารณะหรือพื้นที่โล่งกว้างขนาดใหญ่ก็จะกลายเป็นทัศนียภาพที่งดงามเป็นพิเศษ
ตี้อู๋เปียนดวงตาเป็นประกาย “ซาลาเปาน้อยความรู้เยอะจัง!”
ถึงแม้คำพูดนี้จะมีคนพูดกับเธอบ่อย แต่เขาก็ยังคงอยากพูด
มู่เถาเยายิ้มบาง “เพราะสมุนไพรก็เป็นพืช ฉันเลยพอจะเข้าใจพืชแต่ละชนิดอยู่บ้าง ถึงแม้พี่สามก็ความรู้เยอะ แต่เรื่องพวกนี้ไม่สำคัญกับพี่สาม พี่สามถึงได้ไม่เก็บพวกมันไว้ในสมองไงคะ”
ตี้อู๋เปียนพยักหน้า เป็นเช่นนั้นจริง
ถึงแม้พื้นที่ในสมองของเขาจะเยอะ ความจำดี แต่โลกนี้มีความรู้อื่นที่สำคัญกว่าเรื่องพวกนี้ให้เขาจดจำ
บางอย่างซาลาเปาน้อยรู้แต่เขาไม่รู้ บางอย่างเขารู้แต่ซาลาเปาน้อยไม่รู้ เพราะจุดที่พวกเขาให้ความสำคัญไม่เหมือนกัน
“อืม พวกเราไปดูกันว่าใช่ดอกไม้สองชีวิตไหม”
“ได้”
ทั้งสองคนเหยียบหญ้าจื่อหยางที่ขึ้นเต็มพื้นที่เดินเข้าไป
ช่วยไม่ได้ หญ้าจื่อหยางบริเวณนี้ขึ้นหนาแน่นมาก ไม่มีที่ให้เดินเข้าไปเลย
แต่พวกมันก็ไม่กลัวถูกเหยียบหรอก
ตี้อู๋เปียนนั่งยอง เอามือแหวกกอหญ้าจื่อหยาง เห็นดอกสีม่วงสองดอก ไม่ค่อยกล้าเชื่อสายตาตัวเอง
“…ซาลาเปาน้อย นี่มัน…ดอกไม้สองชีวิตเหรอ มันดูดสีม่วงจากหญ้าจื่อหยางหรือเปล่าถึงได้เปลี่ยนไป เดิมทีควรมีดอกสีแดงกับสีน้ำเงิน แต่นี่กลายเป็นสีม่วงไปแล้ว”
มู่เถาเยาก็ไม่เข้าใจ
มันคือลักษณะของดอกไม้สองชีวิตชัดๆ ยกเว้นสีที่ไม่ใช่!
ทั้งสองคนมองหน้ากัน แววตาเต็มไปด้วยความตะลึงและสงสัย
“จิ๊บๆ”
เจ้าขาวปุยขยุกขยิกอยู่ในอ้อมอกตี้อู๋เปียน อยากลงพื้น
“เจ้าขาวปุยรู้จักมันเหรอ” นิ้วเรียวยาวของมู่เถาเยากำลังจะแตะดอกไม้สีม่วงที่คล้ายดอกรักเร่
ตี้อู๋เปียนรีบดึงมือเธอกลับมา “ซาลาเปาน้อยอย่าเพิ่งแตะ ระวังมีพิษนะ”
มู่เถาเยาลุกขึ้น มือที่ถูกตี้อู๋เปียนจับย่อมหลุดออก
“ถ้ามันเป็นดอกไม้สองชีวิตจริง งั้นก็ไม่น่าจะมีพิษ ถึงแม้ดอกไม้สองชีวิตจะเป็นสมุนไพรวิเศษที่ถอนพิษได้ แต่มันเหมือนงูเถาวัลย์ที่ตัวเองไม่มีพิษแต่กลับดูดซึมพิษ”
ความสนใจของเธอไปอยู่ที่ต้นพืชโดยรอบทั้งหมด อยากดูว่าแถวนี้มีต้นอะไรที่มีพิษหรือไม่ จึงไม่ได้สังเกตว่าเมื่อครู่มือตัวเองถูกมือใหญ่กุมอยู่สองสามวินาที
ส่วนตี้อู๋เปียนในเวลานี้กำลังเหม่อมองมือตัวเองอยู่
เมื่อครู่มือของเขาจับมือมู่เถาเยาโดยอัตโนมัติ พอมือที่อ่อนนุ่มของเธอหลุดออกจากมือไปแล้วเขาถึงเพิ่งรู้ตัว
มันเหมือนกับ…จับหยกที่อ่อนนุ่ม…สัมผัสดีสุดๆ !
ตี้อู๋เปียนนึกถึงสัมผัสเมื่อครู่ ใบหน้าอันหล่อเหลาเริ่มเป็นสีแดง มู่เถาเยาพูดอะไรเขาก็ไม่รู้เรื่องแล้ว