ตอนที่ 500 สงครามวิจัยชิป
มู่เถาเยาพาลู่จือฉินกับตี้อู๋เปียนไปกินข้าวกับพวกศิษย์พี่ที่อยู่เย่ว์ตู จากนั้นก็ไปเที่ยวเล่นกับลู่หันซู ปาอิน ถังถัง ตี้อู่หลันฉือ
เสร็จแล้วก็ไปเจอพวกเด็กๆ อย่างซังหลิ่นหราน ลั่วปู้อวี๋ เสิ่นเจียวหยาง หงจยาเย่ว์ เหยียนเหยียน และผู้ปกครองของพวกเขา
จากนั้นก็ไปนั่งเล่นที่บริษัทที่ตัวเองลงทุนและอีกสารพัดบริษัท ไปศูนย์วิจัยพิษที่อยู่ชานเมืองค้างอยู่หลายวัน กว่าสารพัดเรื่องจะเสร็จเวลาก็ผ่านไปครึ่งเดือนแล้ว
วันนี้มู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนไปเมืองหลวง
ย่อมต้องพักที่วังตระกูลตี้
ถ้าตัดเรื่องคุณภาพอากาศและอากาศแห้งของเมืองหลวงออกไป มู่เถาเยาก็ชอบเมืองหลวงพอสมควร
ที่นี่สี่ฤดูแยกกันอย่างชัดเจน บรรยากาศโอ่อ่าสง่างาม แตกต่างกับเมืองเย่ว์ตูและหมู่บ้านเถาหยวน
ปลายเดือนพฤศจิกายนคนในเมืองหลวงก็ใส่เสื้อผ้าหน้าหนาวตัวหนากันหมดแล้ว
แต่คนฝึกยุทธ์ที่มีกำลังภายในอย่างตี้อู๋เปียน ใส่เสื้อตัวหนาหนึ่งตัว ตัวบางหนึ่งตัวก็เอาอยู่
ส่วนมู่เถาเยา นับตั้งแต่กินน้ำตาที่เหมือนเลือดของเจ้าขาวปุยเธอก็ไม่กลัวหนาวไม่กลัวร้อนแล้ว
เนื่องจากวันนี้เป็นวันศุกร์ พอมู่หว่าน เจียงเฟิงเหมียน อวิ๋นสุ่ยเหยา กู้หาน จั่วอีเหิง และน่าหลานอวิ๋นไคเลิกเรียนก็ถูกรับกลับมาที่วังตระกูลตี้ทันที
พวกเด็กๆ ที่อยู่ในค่ายทหารก็กลับมาด้วย
พอทุกคนเห็นมู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนก็ดีใจมาก
วันรุ่งขึ้นตี้อู๋เสียกับเซี่ยซิงเหยียนพาลูกสาวเซี่ยอวี่ฮว่ารวมถึงเซี่ยซิงเฉินกลับมา
เด็กน้อยวัยขวบเดือนกว่าสวยน่ารักเหมือนตุ๊กตาบาร์บี้ เรียกเสียงเจื้อยแจ้วว่า “พี่จ๋า” ทำเอาหัวใจดวงน้อยของมู่เถาเยาแทบละลาย
ตี้อู๋เสียยิ้มพลางแก้คำพูดให้ลูกสาว “ฮว่าฮว่า คนนี้น้าจ๋า ไม่ใช่พี่จ๋าจ้ะ”
เธอโตกว่าเสี่ยวเยาเยาหลายปี แต่เป็นคนรุ่นเดียวกัน
ยิ่งไปกว่านั้นวันหน้าเสี่ยวเยาเยาจะต้องกลายเป็นน้องสะใภ้ของเธออย่างแน่นอน แบบนั้นก็ยิ่งเรียกพี่ไม่ได้ใหญ่
เด็กน้อยเปลี่ยนคำเรียกอย่างเชื่อฟัง “น้า” เล่นเอามู่เถาเยาหัวใจอ่อนยวบ
คนตระกูลตี้เห็นแล้วก็มีความสุข
เสี่ยวเยาเยาดูผิวเผินเหมือนเย็นชา แต่จิตใจกลับอบอุ่น แถมยังรักเด็ก อีกทั้งยังเป็นที่ชื่นชอบของเด็กๆ ด้วย
มู่หว่าน “เสี่ยวเยาเยาจะอยู่ที่เมืองหลวงกี่วันเหรอ พรุ่งนี้ออกไปเที่ยวกันไหม”
เจียงเฟิงเหมียนรีบขานรับทันที
สาวๆ คนอื่นๆ กับพวกเด็กๆ ต่างมองมู่เถาเยาด้วยสายตาคาดหวัง
มู่เถาเยาครุ่นคิดแล้วตอบ “เสาร์หน้าแล้วกัน พวกเรากินข้าวเช้าเสร็จก็ออกเดินทางไปฟาร์มม้าย่างแพะกินกัน หน้าหนาวเหมาะที่จะกินเนื้อแพะพอดี”
ทุกคนส่งเสียงร้องด้วยความดีใจ
น่าหลานอวิ๋นไคยิ้ม “ฟาร์มม้าของเสี่ยวเยาเยาค่อนข้างไกล ไม่งั้นตอนเย็นค้างที่บ้านผมไหมครับ วันรุ่งขึ้นค่อยกลับมา” ระหว่างทางไปกลับต้องผ่านหมู่บ้านที่เขาอยู่พอดี
มู่เถาเยาพยักหน้า “ได้ค่ะ ฉันจะอยู่ที่เมืองหลวงประมาณสิบวันแล้วกลับเย่ว์ตู ไม่รีบค่ะ”
ต้องกลับไปตรวจร่างกายให้หวังต้าฟา ดูว่ายาที่ผสมหญ้าพิษชีวิตจะมีผลต่อโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงหรือเปล่า
เจียงเฟิงเหมียนถอนหายใจแล้วพูดขึ้น “พี่เยาเยาคะ พวกเรายังต้องอยู่เมืองหลวงอีกหลายปี” ทุกคนสัญญากันแล้วว่าจะเรียนไปถึงดอกเตอร์ด้วยกัน
“ไม่รีบ พวกเธอตั้งใจเรียนไป ถ้าพี่มีเวลาจะมาหานะ”
จั่วอีเหิงยิ้มพูด “เสี่ยวเยาเยา อีกสองปีพี่ก็จบแล้ว ไว้ถึงตอนนั้นจะไปทำงานที่หมู่บ้านเถาหยวนนะ”
มู่เถาเยา “ขอแค่พี่อีเหิงไม่รู้สึกว่าถูกด้อยค่าความสามารถ หมู่บ้านเถาเหยวนของพวกเรายินดีต้อนรับค่ะ”
“ไม่หรอกจ้ะ”
เป้าหมายของเธอไม่ใช่เรื่องเงิน แต่หาผู้ชายอายุยืนมาเปลี่ยนโชคชะตาต่างหาก!
ฮวงจุ้ยของหมู่บ้านเถาหยวนเหมาะสมกับเธอที่สุด!
ตี้อู๋เปียน “ซาลาเปาน้อย ไม่งั้นพวกเราสร้างศูนย์วิจัยชิปที่หมู่บ้านเถาหยวนดีไหม เฉิงซิ่นมีความคิดนี้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ไปแล้ว”
จั่วอีเหิงอึ้งไปเล็กน้อย ถามต่อ “เฉิงซิ่นเหรอ ใช่เฉิงซิ่นจากอู๋จี้เทคโนโลยีหรือเปล่าคะ”
ครอบครัวเธออยู่ในวงการนี้ จะไม่รู้จักเจ้าพ่อในวงการได้ยังไง!
แต่ดูจากตอนนี้ เหมือนว่าคุณชายเล็กตระกูลตี้ต่างหากที่เป็นบอสใหญ่อยู่เบื้องหลัง
ตี้อู๋เปียนพยักหน้า “คุณกับเฉิงซิ่นอายุยังน้อย ถ้าร่วมมือกันอาจได้เห็นเซอร์ไพรส์ที่คาดไม่ถึงก็ได้นะครับ”
อยู่ ๆ จั่วอีเหิงก็เกิดความรู้สึกคาดหวัง
เธอเป็นอัจฉริยะในด้านนี้ เฉิงซิ่นยิ่งแล้วใหญ่!
ต้องทราบก่อนว่าเฉิงซิ่นไม่เคยเรียนมหาวิทยาลัยเลยด้วยซ้ำ! อาศัยพรสวรรค์ของตัวเองล้วน ๆ!
ถ้ามีคนที่จบด้านนี้อย่างเธอคอยช่วย…
ทั่วโลกกำลังแข่งขันด้านชิป ขาดแคลนคนเก่งๆ มากมาย แบบนี้ยิ่งดูมีความสำคัญ
สงครามแย่งชิงคนเก่งแบบนี้มันโหดร้ายมาก เพราะมันเกี่ยวข้องกับการพัฒนาและโชคชะตาของชาติบ้านเมือง…
จั่วอีเหิงเป็นคนไอคิวสูงย่อมเข้าใจสถานการณ์นี้…
เธออยากไปต่อดวงชะตาที่หมู่บ้านเถาหยวน ไม่ใช่ไม่มีไฟ ก็แค่เพื่ออนาคต
ถ้ารักษาชีวิตไว้ไม่ได้ อัจฉริยะเหรอ การแข่งขันเหรอ มันเกี่ยวอะไรกับเธอล่ะ ขอแค่ยังมีชีวิตอยู่เธอถึงจะสามารถตอบแทนประเทศและสังคมได้
“หมู่บ้านเถาหยวนเล็กแค่นั้นยังจะมีพื้นที่เหลือตรงไหนอีก ขนาดหมู่บ้านน้ำเหนือกับหมู่บ้านสายน้ำไหลที่อยู่ซ้ายขวายังไม่มีที่เหมาะสำหรับสร้างศูนย์วิจัยเลย” ไม่ใช่ว่ามู่เถาเยาไม่รู้ว่าชิปหมายถึงอะไร แต่พื้นที่มีจำกัดจริงๆ
มันไม่ใช่แค่การสร้างศูนย์วิจัย แต่ยังต้องรับสมัครคนเก่งๆ ด้านชิปเข้ามาด้วย แสดงว่าต้องพักอาศัยในหมู่บ้าน แบบนั้นต้องใช้พื้นที่ไม่น้อยเลยทีเดียว
มู่หว่าน “เสี่ยวเยาเยา หมู่บ้านเรามีแปลงเกษตรอยู่ไม่น้อย ปลูกข้าวปลูกผักเอาแค่พอกินก็ได้แล้ว ถ้าขาดเหลือทุกคนก็แบ่งๆ กัน มันก็น่าจะมีพื้นที่ให้สร้างได้หรือเปล่า”
มีตระกูลตี้อยู่ก็ไม่มีข้อจำกัดเรื่องการสร้าง แล้วนับประสาอะไรกับนี่เป็นการทำเพื่อประเทศ ไม่ใช่การยึดครองที่ส่วนตัว
มู่เถาเยากำลังนึกถึงความเป็นไปได้ตามที่มู่หว่านพูด
พื้นที่การเกษตรของหมู่บ้านเถาหยวนมีอยู่ไม่น้อย ความคิดของชาวบ้านก็พัฒนาขึ้น แต่ถ้าจะใช้พื้นที่มากขนาดนั้น…มันก็ไม่ค่อยง่าย เพราะไม่ใช่ว่าพื้นที่การเกษตรทั้งหมดจะเหมาะนำมาสร้างตึก
กู้หานยิ้มพูด “ถ้าหมู่บ้านเถาหยวนมีศูนย์วิจัยชิปงั้นพี่จะไปทำงานด้วย”
เจียงเฟิงเหมียนยกมือ “หนูเรียนจบจะไปวาดรูปที่หมู่บ้านเถาหยวนด้วยค่ะ”
มู่หว่าน “…”
ดูเหมือนเธอจะทำได้แค่ทำงานข้างนอก ไม่ว่าจะทำงานหรือ…แต่งงาน ก็ต้องไปจากหมู่บ้านเถาหยวนอยู่ดี…
ขมวดคิ้วแอบชำเลืองมองน่าหลานอวิ๋นไคที่หล่อเหมือนเทพบุตร อยู่ ๆ ก็รู้สึกว่าหนุ่มหล่อที่เหมือนหลุดออกมาจากการ์ตูนคนนี้ไม่น่ารื่นรมย์แล้ว!