ตอนที่ 496 เพียงพอเยียวยาแล้ว
ปลายเดือนตุลาคมคนตระกูลตี้ก็พากันกลับเมืองหลวงประเทศเหยียนหวงยกเว้นตี้อู๋เปียน สองผู้อาวุโสตระกูลอวิ๋นก็กลับพร้อมลูกชายทั้งสองอวิ๋นเซียวกับอวิ๋นไป๋
หยางชิงเฉวียนต้องการรอจนกว่าคนตระกูลหนิงกลับเผ่ามาพร้อมเหลียงจี พอเจอหน้ากันแล้วค่อยกลับไป
ตอนนี้เหลียงจีอายุครรภ์เกินสามเดือนแล้ว พ่อแม่หนิงชิงและหนิงชิงก็กลับมาพร้อมเธอ
มู่เถาเยาถาม “ไหนพี่เหลียงจีบอกว่ารอห้าเดือนก่อนค่อยกลับมาไงคะ ฉันคิดว่าพี่จะกลับมาตอนต้นเดือนธันวาเสียอีกค่ะ”
เหลียงจียิ้มตอบ “เดิมทีว่าจะกลับมาตอนธันวาจ้ะ แต่หนิงชิงบอกว่าอย่าลำบากกลับบ้านที่ตะวันออกอีกรอบเลย กลับเผ่าเลยดีกว่า”
หนิงชิงพูดต่อ “ใช่ๆ แม่พี่ดูแลเหลียงจีที่เมืองโบราณผิงจินมาตลอด ส่วนพ่อพี่ก็มาเยี่ยมพวกเราบ่อย พ่อตาแม่ยาย คุณปู่คุณย่า น้อง ๆ คิดถึงเหลียงจีกันหมด พวกเราเลยรีบกลับมา รอคลอดให้เด็กโตหน่อยค่อยกลับบ้านเกิดไปอยู่สักระยะ”
พ่อหนิงยิ้มแย้มพลางพยักหน้า
ภรรยาของเขาเกษียณแล้ว เขาเองก็ใกล้แล้ว ไว้ถึงตอนนั้นก็จะมีเวลาอยู่กับหลานเยอะแยะ ไม่จำเป็นต้องแย่งช่วงเวลานี้กับครอบครัวเหลียงจี
คนครอบครัวเหลียงรู้สึกซาบซึ้งใจ
ลูกสาวของพวกเขาแต่งไปอยู่ไกลขนาดนั้น แถมพวกเขายังเป็นทหาร ออกจากเผ่าตามอำเภอใจไม่ได้ พวกเขาจึงรู้ดีว่าพ่อแม่หนิงชิงทำแบบนี้เพื่อพวกเขา
เหลียงจียิ้มอย่างสบายใจ “หัวหน้าเผ่าคะ เสี่ยวเยาเยา ฉันทำงานได้แล้วนะคะ”
เย่ว์เลี่ยงอมยิ้ม “ไม่ต้องรีบร้อนเหลียงจี”
เหลียงจี “รอคลอดลูกเสร็จ ลูกหย่านมเมื่อไรฉันก็ติดตามเสี่ยวเยาเยาได้เลยค่ะ ลูกก็ให้สองฝั่งเลี้ยงไปก่อน ตอนนี้ฉันอยากเรียนรู้งานจากพี่เหมย พอถึงตอนนั้นจะได้ไม่ลนลานทำอะไรไม่ถูกค่ะ”
คุณนายหนิงยิ้มพลางพยักหน้า “เหลียงจีชอบงานของตัวเอง พวกเราก็ไม่ได้ร้องขอให้เธอทำเพื่อลูกจนทอดทิ้งตัวเอง เหลียงจีแข็งแรงมาก ทำงานตามปกติได้ พวกเราไม่ห่วงค่ะ”
ต่อให้ลูกสะใภ้ทำงานทั่วไป พวกเขาก็สนับสนุนให้ลูกสะใภ้มีสังคมของตัวเอง แล้วนับประสาอะไรกับการที่งานของเธอดีขนาดนั้น อยากขยันก็เป็นเรื่องที่สมควร
หนิงชิงยิ้มมีความสุข “ช่วงนี้ผมก็ไม่ถ่ายละครแล้วด้วย อยากใช้เวลาช่วงนี้สอบใบอนุญาตขับเครื่องบินส่วนตัวครับ”
เย่ว์หลั่งเชิญเขามาเรียนขับเครื่องบินที่เผ่า
ใบอนุญาตขับเครื่องบินของเผ่าหมาป่าพระจันทร์มีคุณค่ามากที่สุด
หนิงชิงย่อมดีใจ
ภรรยาอยู่ที่นี่ เขาย่อมอยากเรียนที่นี่
คุณนายหนิงยิ้มดวงตาโค้งมน “มีหนิงชิง ครอบครัวเหลียงจี ตระกูลเย่ว์อยู่ ฉันกับพ่อหนิงชิงก็กลับบ้านอย่างสบายใจแล้วค่ะ รอเหลียงจีใกล้คลอดค่อยกลับมาดูแลใหม่”
มู่เถาเยายิ้มมุมปาก “ถ้าคุณลุงคุณป้าไม่มีธุระอะไรก็อยู่เที่ยวที่เผ่าสักสองสามวันนะคะ”
แม่เหลียงพูดต่อ “นั่นสิคะ อุตส่าห์มาทั้งที อย่างน้อยก็เที่ยวที่หลักๆ ของเผ่าแล้วค่อยกลับก็ยังดี”
พ่อเหลียง “หนิงชิงยังไม่ต้องรีบสอบใบอนุญาตหรอก พาพ่อแม่ออกไปเที่ยวก่อน ทิวทัศน์ในเผ่าของเราควรค่าแก่การไปเที่ยวชมนะครับ”
ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่อยากพาไป แต่พวกเขาเป็นทหารที่ยศสูงแล้ว อีกทั้งตอนนี้ก็งานยุ่ง ลาหยุดไม่ค่อยสะดวก
ใบหน้าหล่อคมคายของเย่ว์จือเหิงผุดรอยยิ้ม “ผมจะให้อาเหิงหยุดสองสามวัน ให้เขาพาทุกคนไปเที่ยวนะครับ”
พ่อหนิงยิ้มพลางส่ายมือ “พวกเราครอบครัวเดียวกัน ไม่ต้องตั้งใจลาหยุดเพื่อต้อนรับพวกเราหรอกครับ”
“พวกเธอมีอะไรก็ไปทำกันเถอะ คนแก่อย่างพวกเราสองคนยังแข็งแรงอยู่ ทำไมจะไปไหนไม่ได้ พวกเธอไปทำงานกันให้สบายใจเถอะ” ปู่เหลียงพูดพลางยิ้มกว้าง
ย่าเหลียงยิ้มพลางพยักหน้า
คุณนายหนิงพูดด้วยความเกรงใจเล็กน้อย “คุณลุงคุณป้าคะ จะรบกวนให้ท่านทั้งสองพาพวกเราออกไปเที่ยวได้ยังไงกันคะ”
แม่เหลียงยิ้ม “เมื่อกี้ยังพูดอยู่เลยว่าครอบครัวเดียวกัน งั้นก็ไม่ต้องเกรงใจค่ะ ถึงแม้ปู่ย่าของเหลียงจีจะอายุเยอะแล้ว แต่สุขภาพแข็งแรงมาก ต่อให้ไม่มีแขกมาก็ชอบออกไปเดินเที่ยวกันอยู่แล้วค่ะ”
นี่เป็นเรื่องจริง
หนิงชิงพูดขึ้นทันที “งั้นผมจะไปเป็นเพื่อนคุณปู่คุณย่ากับพ่อแม่นะครับ”
เหลียงเหิงน้องชายของเหลียงจีพูดขึ้น “พี่เขยอยู่บ้านกับพี่สาวผมเถอะครับ มีผมเป็นคนขับรถพาพวกคุณลุงคุณป้ากับปู่ย่าออกไปเที่ยวก็พอแล้วครับ”
อันที่จริงเหลียงจิ่วน้องสาวของเหลียงจีก็อยากไปด้วย แต่เธอเป็นนักศึกษา แถมเป็นนักศึกษาโรงเรียนทหาร ก็ไม่ได้มีอิสระมากไปกว่าคนในครอบครัวเท่าไร
คนตระกูลเย่ว์เห็นพวกเขาต่างนึกถึงอีกฝ่ายก็รู้สึกดีใจไปด้วย
คนรอบตัวอยู่กันอย่างรักใคร่ปรองดองเป็นเรื่องที่น่ายินดีสำหรับพวกเขา
คนตระกูลเหลียงกินอาหารเย็นที่ตำหนักพระจันทร์แล้วถึงกลับไป
วันรุ่งขึ้น…มู่เถาเยากับลู่จือฉินพาเหมียวอวี้ไปเจอเหมียวฉี คนที่มายังมีเจียงเย่ว์กับคนในครอบครัวเหมียวฉี
นับตั้งแต่เหมียวฉีเข้าไปอยู่ในคุกก็สงบเสงี่ยมมาตลอด เวลานี้พอได้เห็นเหมียวอวี้กลับตื่นเต้นมาก
แต่เหมียวอวี้กลับตรงกันข้าม
มู่เถาเยากับลู่จือฉินพอพาเหมียวอวี้มาถึงก็ไปนั่งดื่มชาที่ห้องทำงานของพัศดี ปล่อยให้ครอบครัวเหมียวอยู่กันตามลำพัง
“ขอโทษนะเสี่ยวอวี้” น้ำตาแห่งความเสียใจไหลนองหน้าเหมียวฉี
คนในครอบครัวเหมียวฉีกับเจียงเย่ว์มองแขนที่ด้วนของเหมียวอวี้ อดขอบตารื้นไม่ได้
เหมียวอวี้พูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ฉันมาเจอหน้าคุณไม่ใช่ว่าให้อภัยแล้ว แต่เป็นเพราะฉันไม่มีความทรงจำในอดีตแล้ว แค่อยากลองมาเจอดูว่าฉันจะตามหาความทรงจำกลับมาได้ไหม”
ถึงแม้คนตระกูลเย่ว์จะไม่สนเรื่องอดีตแล้ว แต่เธอยังอยากได้ความทรงจำตอนอยู่บ้านตระกูลเป่ยกลับมา แม้จะรู้ว่าในความทรงจำทั้งหมดนั้นยังมีความทุกข์ทรมานกับความหวาดกลัวปะปนอยู่ด้วยเป็นเวลายาวนาน แต่เธอก็ยังตัดใจทิ้งไม่ลง
เพราะเธอรู้สึกว่า ช่วงเวลาที่ได้อยู่ในบ้านตระกูลเป่ยเป็นช่วงเวลาที่สวยงามที่สุดในชีวิตของเธอแล้ว
แค่นี้ก็พอที่จะเยียวยาสิ่งไม่ดีทั้งหมดแล้ว