ตอนที่ 495 ต้องคิดไปเองแน่ ๆ
วันรุ่งขึ้นเป็นสุดสัปดาห์ หลังจากกินอาหารเช้าเสร็จตำหนักพระจันทร์ก็เริ่มเตรียมงานเลี้ยงฉลอง
เนื่องจากราชาตี้กับภรรยาและอดีตราชากับภรรยาก็อยู่ด้วย ตระกูลเย่ว์จึงเชิญเหล่าผู้อาวุโสมาด้วย
เผ่าหมาป่าพระจันทร์กับประเทศเหยียนหวงมีสัมพันธไมตรีต่อกัน ทั้งสองฝ่ายต่างยินดีที่จะพบกัน
เผ่าหมาป่าพระจันทร์เข้าสู่สายตานานาประเทศในนามเผ่าๆ หนึ่ง ย่อมต้องผูกมิตรกับประเทศอื่นๆ ไว้บ้าง
โลกนี้ถ้ามีการคบค้าสมาคมย่อมตั้งตัวได้ง่าย และจะไม่โดนเพ่งเล็งทำสงคราม
ประเทศเหยียนหวงไม่เพียงแต่จะอยู่ติดกับเผ่าหมาป่าพระจันทร์ ยังเป็นยักษ์ใหญ่ในโลก อีกทั้งยังมีมู่เถาเยา อวิ๋นไป๋ เยี่ยนหัง อู๋ซวงกั้นกลางอยู่ ไม่ว่าอย่างไรก็ควรเป็นความสัมพันธ์ที่ดีที่สุด
หลังจากฉลองกันอย่างครึกครื้นเสร็จ ผู้อาวุโสที่อายุเยอะที่สุดของเผ่าหมาป่าพระจันทร์ก็ค้างที่ตำหนักพระจันทร์ต่อ
มีผู้อาวุโสอย่างพวกหยวนเหยี่ยกับคนตระกูลตี้อยู่ ผู้อาวุโสท่านนี้ก็ดีใจมาก พักอยู่ที่ตำหนักพระจันทร์หนึ่งสัปดาห์เต็มๆ ถึงกลับบ้าน
มู่เถาเยากับพี่ชายทั้งสองคนไปส่ง
ตี้อู๋เปียนตื๊อขอตามไปด้วย
สองครอบครัวมีแต่คนเอ็นดูสีหน้ายิ้มแย้ม ยกเว้นเย่ว์หลั่งที่ปั้นหน้าบึ้ง
ช่างเป็นคู่ที่เหมาะสมกันอะไรอย่างนี้!
ตอนนี้ตี้อู๋เปียนหายดีแล้ว สองครอบครัวหมดความกังวล จึงยินดีที่จะเห็นภาพแบบนี้
มู่เถาเยากับพี่ชายทั้งสอง รวมถึงตี้อู๋เปียนกินข้าวเย็นที่บ้านผู้อาวุโสก่อนถึงกลับตำหนักพระจันทร์
ทุกคนมานั่งหน้าโทรทัศน์ด้วยกัน รับชมละครเรื่องราชวงศ์เทียนเย่ว์ที่ออกอากาศในช่วงเวลาที่ดีที่สุดของวันตั้งแต่เวลาสองทุ่มกว่าถึงสี่ทุ่ม วันละสองตอน
ละครเรื่องนี้เริ่มฉายวันที่หนึ่งตุลาคม
เป่ยซีมองเด็กสาวหน้าตาน่ารักดูสดใสในโทรทัศน์แล้วยิ้มตาโค้งพลางพูด “เสี่ยวหว่านดังจากบทนางรองเลยนะ”
เธอรู้สึกดีกับเด็กสาวคนนี้ที่โตมาพร้อมลูกสาวเธอมาก หรือพูดอีกอย่างได้ว่า เธอรู้สึกดีต่อคนหมู่บ้านเถาหยวนเป็นพิเศษเพราะลูกสาวของเธอ
คุณนายอวิ๋นเหอยิ้มพูด “เสี่ยวหว่านเล่นฉากต่อสู้เอง ไม่ต้องใช้ตัวแสดงแทน”
นี่ก็คือข้อดีของการแสดงเองอย่างสมจริง ไม่ต้องใช้แม้แต่สลิง
กู้เนี่ยนก็ยิ้มพูด “เมื่อก่อนหนูไม่ค่อยดูละครย้อนยุค ยกเว้นเรื่องที่ป้าสะใภ้ใหญ่เล่น ครั้งนี้ดูเป็นเพราะรู้จักกัน นึกไม่ถึงว่าพอดูเรื่องราชวงศ์เทียนเย่ว์ก็หยุดไม่ได้ ไม่มีพลาดสักตอน สนุกจริงๆ ค่ะ! และก็เป็นเพราะเสี่ยวเยาเยาเขียนบทได้ดีมากด้วย!”
มู่เถาเยา เย่ว์เลี่ยง เย่ว์จือฉิน และเยี่ยนหังต่างยิ้มอย่างมีเลศนัย
หยางชิงเฉวียนให้ความคิดเห็น “การแสดงของเสี่ยวหว่านอาจดูเด็กไปหน่อย แต่เข้าถึงบทเล่นได้ไม่แข็ง ดูไม่เคอะเขิน และที่สำคัญมีความพยายามมาก หนิงชิงบอกว่าไม่ว่าจะเป็นฉากที่ยากลำบากแค่ไหนเสี่ยวหว่านก็ไม่เคยบ่นเหนื่อยสักคำ ขนาดอีหลายที่เข้าวงการมาตั้งแต่เด็กยังต้องยอมยกนิ้วให้”
น้องชายของเธอตั้งเงื่อนไขสูงจนเป็นที่รู้กันในวงการ ไม่มีทางลดมาตรฐานเพราะเป็นคนรู้จักกัน การที่เขาชมเสี่ยวหว่านได้ก็แสดงว่าเสี่ยวหว่านเป็นคนตั้งใจทำงาน มีเสน่ห์ มีศักยภาพ
มู่เถาเยายิ้มดวงตาโค้งมน “หนูได้ยินเสี่ยวหว่านพูดถึงพี่อีหลายบ่อยๆ ค่ะ”
ระยะนี้เธอไม่ค่อยว่างก็จริง แต่ข้อความก็เข้ามือถือไม่เคยขาด
เสี่ยวหว่านก็รู้ว่าเธอยุ่ง จึงไม่จำเป็นต้องรอให้เธอตอบก่อนถึงค่อยส่งข้อความต่อ
หยางชิงเฉวียนยิ้มพูด “พี่สาวกับพี่เขยของป้าอยู่ต่างประเทศเป็นหลักเพราะเรื่องงาน อีหลายก็ไม่ค่อยกลับมา แต่กลับเป็นนักแสดงในสังกัดของหนิงชิง ขยันขันแข็ง ตั้งใจพัฒนาตัวเอง เสี่ยวหว่านเป็นเพื่อนกับอีหลายได้ ป้าไม่แปลกใจเลยสักนิด”
คุณนายอวิ๋นเหอก็ยิ้ม “เพราะเด็กสองคนนี้นิสัยคล้ายกันมาก”
ถึงแม้อีหลายจะมาประเทศเหยียนหวงไม่บ่อย แต่เธอก็เคยเจออยู่หลายครั้ง ประทับใจมากทีเดียว
เด็กที่กระตือรือร้นและมีมารยาทแบบนี้ ใครจะไม่ชอบได้ลง
หยางชิงเฉวียนพยักหน้า “นั่นสิ นิสัยเหมือนกันเปี๊ยบ จะสนิทกันก็ไม่แปลก เสี่ยวเยาเยาจ๊ะ ไว้วันไหนป้าจะพาอีหลายไปหมู่บ้านเถาหยวนให้หนูรู้จัก อีหลายโตกว่าหนูกับเสี่ยวหว่านแค่ปีเดียว อายุพอๆ กันทั้งนั้น”
“ได้ค่ะ ไว้นัดเวลากัน ทุกคนจะได้เจอพร้อมกันค่ะ”
ตี้อู๋เปียนแบ่งสมาธิ ฟังพวกผู้หญิงคุยกันพลางดูละครไปด้วย
เดิมทีเขาไม่สนใจพวกละคร แต่เพราะเรื่องนี้มู่เถาเยาเป็นคนเขียนบท เขาจึงตามดูทุกวัน
ปรากฏว่าเขานึกไม่ถึงจริงๆ ว่าเธอจะเขียนได้ครบรสขนาดนี้
เห็นทีเขาจะยังรู้จักเธอไม่ดีพอ
ดูท่าต่อไปจะต้องตามติดให้ยิ่งกว่านี้
ถ้าตอนไหนที่ตามไปไม่ได้ก็ไปตื๊อเจ้าขาวปุยตัวโปรดของเธอ
แม้แต่เยี่ยนหังยังรู้เรื่องที่ตี้อู๋เปียนคิดไม่ซื่อ มีแค่มู่เถาเยาที่ไม่รู้
เพราะไม่เพียงแต่ตี้อู๋เปียนจะแสดงออกอย่างชัดเจน ยังชอบเอาของเล่นมาติดสินบนเขากับอู๋ซวง
ถึงแม้เขาจะไม่แยแสของเล่นเหล่านั้น แต่เขาก็เหมือนกับทุกคนที่ยินดีจะเห็นภาพนี้
เมื่อชาติก่อนพี่สาวไม่ได้แต่งงานไม่มีลูก เอาแต่เป็นห่วงเขากับบ้านเมือง เหน็ดเหนื่อยมากจริงๆ
ชาตินี้เขาอยากให้พี่สาวมีชีวิตที่ไม่เหมือนกับชาติที่แล้ว และเรื่องที่อยากให้แตกต่างมากที่สุดคือได้แต่งงานมีลูก
ความสวยงามของความรัก ความสุขที่มาจากลูกๆ ต้องได้ลิ้มลองเท่านั้นถึงจะเข้าใจ
เขาอยู่มาได้เพราะความรักและความผูกพันเหล่านี้ ถึงผ่านช่วงเวลามืดมนที่ต้องสูญเสียอาจารย์กับพี่สาวมาได้
“เยี่ยนหังคิดอะไรอยู่ ตัวแค่นี้ชอบนั่งเหม่อจังนะ” ตี้อู๋เปียนลูบศีรษะของเยี่ยนหัง
“คิดเรื่องพี่อู๋เปียนฮะ”
“หืม เรื่องพี่เหรอ ไหนว่ามาหน่อยสิ”
เยี่ยนหังแสร้งทำเป็นถามด้วยความไร้เดียงสา “ทำไมพี่อู๋เปียนชอบเอาแต่แย่งพี่สาวผมทั้งวัน ไม่ไปทำงานเหมือนผู้ใหญ่คนอื่นเหรอฮะ”
ตี้อู๋เปียน “…พี่ก็มีทำงานนะ ไม่เห็นเหรอว่าพี่ใช้คอมพิวเตอร์บ่อยๆ พี่ใช้ทำงานเบื้องหลังก็พอแล้ว มีตั้งหลายเรื่องที่ไม่จำเป็นต้องไปถึงหน้างาน”
เยี่ยนหังพยักหน้าทำเป็นเข้าใจ “เหมือนพ่อผม”
อวิ๋นไป๋ที่อยู่ข้างๆ “…”
ทำไมเขารู้สึกเหมือนถูกลูกรังเกียจ
เขาต้องคิดมากไปเองแน่ๆ!
งานของเขาก็คือหาเงิน แต่ละวันมีเงินจำนวนมหาศาลไหลเข้ามา นี่ยังไม่เป็นการพิสูจน์ว่าเขาขยันทำงานอีกเหรอ
อืม ลูกชายยังเด็ก เห็นแต่คนอื่นออกไปทำงานกัน ยังไม่เข้าใจว่าคนเป็นเถ้าแก่สามารถทำงานได้อย่างอิสระ
เยี่ยนหังถามด้วยความไร้เดียงสาอีกครั้ง “งั้นทำไมพี่อู๋เปียนต้องแย่งพี่สาวจากผมกับอู๋ซวงด้วยฮะ”
ตี้อู๋เปียน “…”
ทำไมไม่ถูกเบี่ยงเบนประเด็น
เด็กคนนี้ฉลาดเป็นกรดขนาดนี้เลยเหรอ
พอได้ยินเยี่ยนหังถามแบบนี้ ทุกคนก็พากันมองตี้อู๋เปียน สายตาเหล่านั้นเผยให้เห็นความอยากรู้
ตี้อู๋เปียนหน้าแดงขึ้นมาทันที
มู่เถาเยาถามด้วยความสงสัย “ทำไมช่วงนี้พี่สามหน้าแดงบ่อยจังคะ เป็นเพราะตอนเด็กๆ ไม่ได้เล่นกับเพื่อนวัยเดียวกันหรือเปล่า ต่อให้ตอนนี้โตแล้ว แต่สิ่งที่ไม่ได้รับตอนเด็กๆ มันกลายเป็นสิ่งที่ค้างคาใจ…เลยอยากสมความปรารถนานั้น…ไม่ต้องคิดมากค่ะ การที่พี่สามติดฉันมันก็แค่ชั่วคราว ไม่ต้องอาย…เยี่ยนหัง พี่อู๋เปียนไม่ได้แย่งพี่ไปจากเธอกับอู๋ซวงหรอก ก็แค่ขาดเพื่อนตอนเด็กๆ…” บลาๆๆ
ใบหน้าหล่อเหลาของตี้อู๋เปียนแดงก่ำ โมโห! เขาไม่ได้มีอะไรค้างคาแบบนั้น!
อวิ๋นเยี่ยนหังถลึงดวงตาหวานๆ ที่คล้ายพ่อตัวเองไม่มีผิด ทำไมพี่สาวของเขาอีคิวน่าเป็นห่วงแบบนี้!
พวกผู้ใหญ่อดระเบิดเสียงหัวเราะไม่ได้
มู่เถาเยา “?”