ตอนที่ 494 พลังวิเศษยังอยู่
ตี้อู๋เปียนตื่นขึ้นมาตอนเย็น ทุกคนเข้าไปรุมล้อมรอบเตียงแบบที่ไม่มีช่องว่างเหลือ
หยวนเหยี่ยหัวเราะหึหึแล้วถาม “รู้สึกเป็นยังไงบ้างอู๋เปียน”
“ไม่ได้รู้สึกอะไรเป็นพิเศษครับ ก็แค่…ตัวมันเบาๆ ร่างกายเบาหวิวแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่เหมือนในใจมันมีความสุขแบบไม่มีสาเหตุ”
เขามีความสุขมาก อยากกระโดดโลดเต้นบนเตียง
แต่แบบนั้นมันจะดูไม่สุขุม เขาต้องสุขุมเข้าไว้ ต้องเก็บอาการ!
มู่เถาเยาตรวจชีพจรให้ตี้อู๋เปียน
จากนั้นลู่จือฉินกับหยวนเหยี่ยก็ทยอยจับชีพจรให้ตามลำดับ
ทั้งสามคนยิ้มให้กัน
คุณนายอวิ๋นเหอถามด้วยความทนรอไม่ไหว “เป็นยังไงบ้างจ๊ะเสี่ยวเยาเยา”
“พลังชีวิตภายในร่างกายพี่สามผสานเป็นหนึ่งเดียวกับเลือดเนื้อแล้วค่ะ ไม่เหมือนเป็นแขกรับเชิญที่ล่องลอยแบบเมื่อก่อนแล้ว ไม่มีความเป็นไปได้ที่พร้อมจะแตกสลายอีก อีกทั้งพลังชีวิตในร่างกายพี่สามก็มีมากกว่าคนปกติทั่วไป เหมือนเด็กอายุไม่กี่ขวบที่พลังเปี่ยมล้นค่ะ”
ราชาตี้ถามด้วยความร้อนใจ “เสี่ยวเยาเยาหมายความว่า…อู๋เปียนหายดีแล้วเหรอ”
“ค่ะ หายดีแล้วค่ะ ไม่มีอันตรายถึงชีวิตแล้วค่ะ หญ้าพิษชีวิตวิเศษอย่างที่คิด พอเข้าสู่ร่างกายก็ทำให้ ‘แขก’ ยอมสยบได้ ความวิเศษแบบนี้ไม่เคยปรากฏมาก่อนค่ะ”
สมุนไพรวิเศษมีมากมาย เช่น โสมหลายพันปีขึ้นไป หรือหยกชั้นดี และอื่นๆ แต่ความวิเศษของพวกมันค่อนข้างนุ่มนวล
หญ้าพิษชีวิตเป็นสมุนไพรที่รวมพลังชีวิตเอาไว้มากมาย พลังเปี่ยมล้น ออกฤทธิ์ได้รุนแรง แต่กลับไม่ทำร้ายร่างกาย
พอทุกคนได้ยินว่าตี้อู๋เปียนหายดีแล้วก็พากันดีอกดีใจ
คนตระกูลตี้น้ำตาคลอ
กู้เนี่ยนรีบโทรบอกข่าวดีให้ตี้อู๋เว่ยและคนอื่นๆ รู้
ปู่เย่ว์ยิ้มถาม “เสี่ยวเยาเยา งั้นตี้อู๋เปียนยังต้องกินอีกใบไหม”
ทุกคนหันไปมองมู่เถาเยาเป็นสายตาเดียวกัน
“กินก็ได้ไม่กินก็ได้ค่ะ ถ้าไม่วางใจก็กินอีกใบ ยังไงก็ไม่มีผลร้ายต่อร่างกายค่ะ”
ตี้อู๋เปียน “ในเมื่อหายแล้วก็ไม่กินดีกว่า สมุนไพรวิเศษแบบนี้ได้มาไม่ง่าย เก็บไว้ใช้จะดีที่สุด มันแข็งตัวแล้วน่าจะเก็บไว้ได้นาน”
มู่เถาเยาพยักหน้า “ในตำราโบราณบอกว่าเก็บไว้ได้หมื่นปีโดยไม่สูญสลาย”
ทุกคนเห็นด้วยที่ให้เก็บไว้ อย่างไรเสียนี่ก็เป็นสิ่งช่วยชีวิต อีกทั้งยังช่วยได้แบบที่มนุษย์ไม่อาจทำได้
มู่เถาเยามองเป่ยซี “แม่คะ ถ้าแม่อยากให้น้าเหมียวฟื้นคืนความทรงจำทั้งหมด ลองให้น้าเหมียวกินหญ้าพิษชีวิตดูได้นะคะ ถึงจะไม่ได้รับประกันว่าจะฟื้นคืนความทรงจำที่หายไปก็ตาม”
ก็เหมือนแขนของน้าเหมียวที่ถูกสัตว์ป่ากินไป กลับคืนมาไม่ได้ ต่อให้เป็นของที่วิเศษขนาดไหนก็ทำให้งอกใหม่ไม่ได้ แถมที่นี่ก็ไม่ใช่ดินแดนสวรรค์
เป่ยซีได้ฟังก็อึ้งไปชั่วขณะ
เย่ว์หลั่งกลับไม่เห็นด้วย “ลูกพ่อ ไม่ใช่ว่าพ่อหวงหญ้าพิษชีวิตนะ แต่น้าเหมียวของลูกพ้นขีดอันตรายแล้ว สติปัญญาก็กลับมาแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นความทรงจำของน้าเหมียวก่อนมาอยู่บ้านเราก็มีแต่เรื่องไม่ดี พ่อว่าเป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว”
“คุณพ่อไม่อยากรู้เหรอคะว่าพวกเราไปถึงป่าเซียนโหยวได้ยังไง”
“ไปถึงป่าเซียนโหยวได้ยังไงมันไม่สำคัญแล้ว สิ่งสำคัญคือตอนนี้ลูกกับน้าเหมียวปลอดภัยแล้ว วันหน้าจะไม่มีทางเกิดเรื่องเลวร้ายแบบนี้อีก เสี่ยวเยาเยา พ่อยอมให้ลูกเอาหญ้าพิษชีวิตไปรักษาโรคยากๆ ที่ตอนนี้ยังอับจนหนทาง ช่วยได้สักคนก็ยังดี”
เป่ยซีพยักหน้า “เสี่ยวเยาเยา แม่ว่าพ่อพูดถูก น้าเหมียวก็ไม่มีทางยอมให้เอาของวิเศษแบบนี้มาใช้กับตัวเองหรอกจ้ะ”
เธอรู้ดีที่สุดว่าเหมียวอวี้เป็นคนรู้จักบุญคุณและพอใจในสิ่งที่ตัวเองมี
“นั่นสิ น้าเหมียวของหลานนิสัยดี เสี่ยวเยาเยา อย่าไปยึดติดเลยนะว่าหายตัวไปได้ยังไง เมื่อก่อนเผ่าเราการป้องกันภายในหละหลวม ช่องโหว่เยอะ ตอนนี้พวกเราได้รับบทเรียนแล้ว ไม่มีทางเกิดเรื่องประเภทนี้ขึ้นอีก ดังนั้นอย่าไปสนใจเลยว่าระหว่างนั้นเกิดอะไรขึ้น ผลลัพธ์ตอนนี้ต่างหากที่สำคัญที่สุด” ยายหลานลูบผมดำขลับที่สยายอยู่บนบ่าของมู่เถาเยา สายตาเอ็นดู
มู่เถาเยาพยักหน้า “ค่ะ งั้นก็เก็บเอาไว้ใช้ครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งเอาไปวิจัยทางการแพทย์”
ย่าเย่ว์ยิ้มกว้าง “แล้วแต่หลานเลยจ้ะ”
ปู่เย่ว์อมยิ้มพลางพยักหน้า
เป่ยซี “อู๋เปียน น้าจะให้พ่อบ้านเอามื้อดึกมาให้นะ วันนี้ดึกแล้วกินรองท้องไปก่อน ไว้พรุ่งนี้เราค่อยจัดงานเลี้ยงฉลองใหญ่ที่เธอได้ชีวิตใหม่กัน”
ทุกคนขานรับอย่างกระตือรือร้น
ตี้อู๋เปียน “คุณน้าครับ ถึงผมจะหลับไปยี่สิบสี่ชั่วโมง แต่ไม่รู้สึกหิวเลยครับ แถมในห้องก็มีธัญพืช เนื้อแห้ง นม ผลไม้ แล้วก็ของกินอื่นๆ เดี๋ยวผมหิวค่อยกินครับ อย่ารบกวนทางห้องครัวกับลุงหลานเลยครับ”
ปกติคนตระกูลเย่ว์ไม่กินมื้อดึกกันถ้าไม่มีอะไรพิเศษ คนทำงานในครัวจึงเก็บกวาดเลิกงานหลังจากมื้อเย็นจบลง
ปู่ตี้พยักหน้า “นม ธัญพืช ผลไม้ ของพวกนี้เหมาะจะเป็นมื้อดึก เสี่ยวซี ไม่ต้องรบกวนเสี่ยวหลานหรอก”
“ค่ะ”
มู่เถาเยาเริ่มเร่งบรรดาคนสูงวัย “นี่ก็ดึกแล้ว ทุกคนไปพักผ่อนเถอะค่ะ พรุ่งนี้ค่อยคุยกันนะคะ”
ตี้อู๋เปียนมองส่งทุกคนแล้วถึงละสายตากลับมา
เขาเองก็ไม่รีบร้อนไปอาบน้ำหรือหาของกิน นั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงดื่มด่ำกับร่างกายที่เหมือนเกิดใหม่อีกครั้ง
ถึงแม้จะบอกไม่ถูกว่าตรงไหนที่ไม่เหมือนเดิม แต่ก็รู้สึกแตกต่างจริงๆ ในใจมีความสุขมาก
ในที่สุดเขาก็จะได้ตามจีบซาลาเปาน้อยแบบไม่ต้องกังวลอะไรแล้ว!
ตี้อู๋เปียนนั่งยิ้มอยู่คนเดียวสักพักแล้วเดินไปสื่อสารกับพวกต้นไม้ที่ริมหน้าต่าง
พลังวิเศษยังอยู่!
ไม่ใช่แค่อยู่ ยังพัฒนาขึ้นด้วย!
ตอนนี้คุยกับต้นไม้ใบหญ้าที่อยู่ไกลๆ ได้ด้วย! ไม่ต้องให้แต่ละต้นช่วยส่งต่อข้อความแล้ว!
ตี้อู๋เปียนดีใจมาก ยังได้ลองติดต่อกับดอกฉยงฮวาที่อยู่ไกลถึงประเทศเหยียนหวง แต่ก็ไม่สมความปรารถนา
แต่เขาก็ไม่ได้ผิดหวัง ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ต้องค่อยเป็นค่อยไป
ตอนนี้ร่างกายหายดีแล้ว อย่างน้อยเขาก็มีเวลาอีกเยอะ ไม่ต้องรีบร้อนไม่ว่าเรื่องอะไร
“เจ้าขาวปุย”
คุยกับดอกฉยงฮวาไม่ได้ งั้นก็ลองเรียกเจ้าตัวน้อยที่มาจากเขาเทพจันทรา
ไม่กี่วินาทีต่อมาเจ้าขาวปุยก็ปรากฏตัวตรงขอบหน้าต่าง
เจ้าขาวปุยเอียงหน้ามองตี้อู๋เปียน แสดงสีหน้าสงสัย
ตี้อู๋เปียนยื่นมือไปทางมัน “ขาวปุยมานี่ คุยกันหน่อย”
เจ้าขาวปุยกระโดดขึ้นมือของตี้อู๋เปียน
ตี้อู๋เปียนอุ้มมันไปนั่งที่โซฟา ดวงตาดำขลับมองดวงตาสีแดง “เจ้าขาวปุย แกเป็นสัตว์อะไร อยู่เขาเทพจันทรามานานแค่ไหนแล้ว”
“ไม่รู้ อยู่เขาเทพจันทรามาตั้งแต่จำความได้แล้ว”
“ทำไมเหมือนดอกฉยงฮวาเลยล่ะ…”
“ดอกฉยงฮวาคือใคร”
“นั่นน่ะเหรอ เป็นพืชที่ฉันเก็บมาได้น่ะ ขาวเหมือนนายเลย…”
หนึ่งคนกับสัตว์หนึ่งตัวคุยกันอย่างสนุกสนาน สิบกว่านาทีต่อมาก็ได้ยินเสียงมู่เถาเยาเรียก เจ้าขาวปุยถึงได้ผละออกจากตี้อู๋เปียนโดยไม่ลังเล