อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร 488 ดวงตาสีน้ำเงินในเปลวเพลิง

ตอนที่ 488 ดวงตาสีน้ำเงินในเปลวเพลิง

ตอนที่ 488 ดวงตาสีน้ำเงินในเปลวเพลิง

มู่เถาเยาพาพ่อแม่กับเจ้าขาวปุยไปตรงโซนเยี่ยนหงกับชวนไป๋

ปรากฏว่ายังไม่ทันถึงที่หมายดี เจ้าขาวปุยก็หนีจากบ่ามู่เถาเยาไปก่อนแล้ว

มันไม่ได้กลัวความเร็วของวิชาตัวเบาที่เร็วกว่ารถยนต์เลย

ทั้งสามคนเห็นอะไรแวบผ่าน จากนั้นก็ไม่เห็นเงาของเจ้าตัวน้อยที่แสนน่ารักอีก

มู่เถาเยาจำต้องหยุดลง

เย่ว์หลั่งกับเป่ยซีมองบ่าของลูกสาวสุดที่รัก ตรงนั้นว่างเปล่า

“เสี่ยวเยาเยา เจ้าขาวปุยหนีไปไหนแล้ว”

มู่เถาเยามองไปไกลๆ ส่ายหน้าด้วยความไม่เข้าใจ “ไม่รู้เหมือนกันค่ะ พวกเราไปดูตรงชวนไป๋กันต่อนะคะ”

เดินไปจากตรงนี้จะถึงบริเวณของชวนไป๋ก่อนแล้วค่อยเป็นเยี่ยนหง

เป่ยซี “งั้นก็ลองไปดูตรงชวนไป๋ เจ้าขาวปุยเร็วเหลือเกิน ยังไม่ทันเห็นเลยว่ามันหนีไปทางไหน”

เย่ว์หลั่งพยักหน้า เขาก็เห็นไม่ชัด

ครั้นแล้วมู่เถาเยาก็คล้องแขนพ่อแม่พาเหาะไปข้างหน้าต่อ

เมื่อทั้งสามคนไปถึงตรงชวนไป๋ มองไปรอบๆ ก็ยังไม่พบเงาของเจ้าขาวปุย

“พ่อคะแม่คะ พ่อกับแม่ดูทางนี้นะคะ หนูจะไปตรงเยี่ยนหง”

เย่ว์หลั่ง “ลูกรัก ไปเถอะ พ่อกับแม่จะรออยู่ตรงนี้”

“ค่ะ”

มู่เถาเยาเหาะผ่านชวนไป๋ไปลงตรงเยี่ยนหง

น้ำพุร้อนตรงภูเขาไฟยังคงมีไอร้อนลอยขึ้นมา ต้นพืชสีแดงเพลิงยังคงชูช่อเต็มพื้นที่

สีแดงอร่ามในระยะสายตา

มู่เถาเยาเหาะผ่านเยี่ยนหงก็ยังคงหาเจ้าขาวปุยไม่เจอ จึงสังเกตจากบริเวณใกล้ๆ แต่ก็ไม่พบร่องรอยใดๆ

เธอสังเกตนานแล้วว่าเจ้าขาวปุยไม่เคยทิ้งร่องรอยเลย

ทั้งๆ ที่ตัวก็พอมีน้ำหนัก แต่ตรงไหนที่มันเดินผ่านกลับไม่ทิ้งร่องรอยเลยสักนิด

มู่เถาเยาหาได้ไม่กี่นาทีเจ้าก้อนกลมขาวก็ปรากฏตรงหน้าเธออีกครั้ง

ครั้งนี้เห็นพอดี มันโผล่ออกมาจากรอยแยกของภูเขาไฟ

เจ้าขาวปุยซุกอยู่ตรงเท้าของมู่เถาเยา มันคายของเล็กๆ สีน้ำเงินคล้ายถูกเพลิงแผดเผาออกมาจากปากแหลม

“จี๊ดๆ”

มู่เถาเยาย่อตัวนั่งลง ลูบขนอ่อนนุ่มของมัน “เจ้าขาวปุย เมื่อกี้ไปด้านล่างใต้เพลิงนรกนั่นมาเหรอ”

นั่นมันภูเขาไฟเชียวนะ! ใต้นั้นมีไฟจริงๆ!

ขนสีขาวของเจ้าขาวปุยกลับไม่สกปรกเลยสักนิด แถมไม่มีรอยไหม้ใดๆ…

“จิ๊บๆ”

มู่เถาเยาอุ้มมันขึ้นมา ขนสีขาวมีไอร้อนหน่อยๆ

ขึ้นมาจากรอยแยกของภูเขาไฟจริงด้วย!

“เจ้าขาวปุย เราเก่งถึงขั้นไหนกันแน่ ไม่กลัวไฟ ไม่กลัวหนาว ไม่กลัวหิว ถอนพิษได้ แถมยังเร็วมาก…”

เจ้าขาวปุยส่งเสียงร้องจี๊ดๆ กระโดดลงพื้น คาบของที่มันเอามาขึ้นมา จากนั้นก็กระโดดไปอยู่บนตัวมู่เถาเยา

มู่เถาเยายื่นมือออกไปอย่างเข้าใจ เจ้าตัวน้อยคายของใส่มือเธอ

“อะไรเหรอ ร้อนๆ อุ่นๆ…ก้อนหินเหรอ หรือว่าเมล็ดของต้นอะไร ดูสวยดีนะ เหมือนดวงตาสีน้ำเงินที่ไฟแผดเผา”

“จี้ด ๆ ๆ ๆ…” เจ้าตัวน้อยส่งเสียงร้อง

มู่เถาเยา “…” เธอฟังภาษาสัตว์ไม่ออก!

ช่างเถอะ กลับไปก่อน ไว้วันไหนค่อยมาดูเพลิงนรกใหม่ ถ้าลงไปดูข้างล่างได้จะยิ่งดี!

แต่ก็ได้แค่คิด คนในครอบครัวไม่มีทางให้เธอ ‘ไปตาย’ แน่นอน

มู่เถาเยาเก็บดวงตาสีน้ำเงินเม็ดนี้เข้ากระเป๋าเสื้อแล้วอุ้มเจ้าขาวปุยกลับไปหาพ่อแม่

เป่ยซีมองก้อนกลมสีขาวในมือลูกสาวพลางถาม “เสี่ยวเยาเยา เจ้าขาวปุยอยู่ตรงเยี่ยนหงเหรอ”

“ไม่ใช่ค่ะ มันน่าจะหนีไปใต้รอยแยกภูเขาไฟมา เมื่อกี้ขนมันร้อนด้วยค่ะ”

“มันกล้าหนีลงไปด้านล่างเลยเหรอ มันมีขนเต็มตัวไม่กลัวไฟเลยเหรอ” เย่ว์หลั่งตะลึงมาก

“น่าจะค่ะ เจ้าขาวปุยคาบของขึ้นมาด้วยนะคะ” มู่เถาเยาล้วงดวงตาสีน้ำเงินเม็ดนั้นจากกระเป๋าเสื้อให้พ่อแม่ดู

เย่ว์หลั่ง “มันคืออะไรเหรอ เหมือนก้อนหิน แต่ก็เหมือน…เมล็ดพืชสักชนิด ยาวเรียวเล็ก มีลูกตาด้วย เหมือน…เมล็ดผู่ถีจื่ออยู่นะ…”

เป่ยซี “แม่ว่าน่าจะเป็นเมล็ดต้นอะไรสักอย่าง ดูตรงนี้สิ เหมือนรอยที่ตกลงมาจากต้น แต่ใต้ภูเขาไฟมีต้นไม้ด้วยเหรอ”

“จี๊ดๆ”

ทั้งสามคนมองเจ้าขาวปุยด้วยสีหน้างุนงง

มู่เถาเยาวางมันลงบนชวนไป๋

เจ้าตัวน้อยวิ่งบนชวนไป๋ พอถึงตรงกลางก็หยุดลง จากนั้นก็จิกใบชวนไป๋กิน

เป่ยซีพูดด้วยความตะลึง “เสี่ยวเยาเยา เจ้าขาวปุยกินชวนไป๋จริงๆ!”

มู่เถาเยาประหลาดใจ แต่ก็อยู่ในความคาดหมาย เธอพยักหน้า “ใช่ค่ะ…เอ๊ะ ทำไมมันกลับมาแล้วล่ะ กินไม่กี่คำเองเหรอ”

เย่ว์หลั่งชักเข้าใจแล้ว “ก็ไม่แปลกที่ชวนไป๋กับเยี่ยนหงจะดูเหมือนไม่ลดลง มันอาจกินแบบนี้มาตลอด กินต้นละไม่กี่คำ”

“พ่อคะแม่คะ เจ้าขาวปุยน่าจะไม่กินอะไรก็อยู่ได้นาน หนูกับพี่รองกินน้ำตาของมัน หลายวันแล้วก็ยังไม่รู้สึกหิว ไม่เพียงแต่ร่างกายจะไม่ผิดปกติ กลับยิ่งรู้สึกตัวเบา ฝึกยุทธ์ก็ไปได้เร็ว”

เป่ยซียิ้มกว้างมองเจ้าก้อนกลมขาวที่กลับมาอยู่บนมือมู่เถาเยา “ก็ไม่รู้ว่ามันคือของล้ำค่าอะไรกันแน่”

เย่ว์หลั่ง “พวกเรากลับไปที่แคมป์ค่อยคุยกัน”

สองแม่ลูกพยักหน้า

มู่เถาเยาเอาเจ้าขาวปุยวางบนไหล่ คล้องแขนพ่อแม่เหาะกลับไป

อู๋ซวงน้อยยื่นมือออกไป อยากเล่นกับเจ้าขาวปุย

มู่เถาเยาอุ้มสาวน้อยขึ้นมาหอมแก้มแล้ววางบนเสื่อน้ำมัน ให้เจ้าขาวปุยเล่นกับเด็กน้อย

เยี่ยนหังเข้าไปจับพี่สาว

เย่ว์หลั่งเอาดวงตาสีน้ำเงินให้พ่อแม่ดู

“พ่อครับแม่ครับ รู้ไหมว่านี่คืออะไร”

ย่าเย่ว์รับไปดู

ปู่เย่ว์กับเย่ว์จือเหิงยื่นหน้าเข้าไปดูด้วย

ย่าเย่ว์ “คล้ายเมล็ดผู่ถีจื่อ เพราะมันก็มีหลายสี แต่ไม่มีสีน้ำเงินและไม่แผ่ความร้อน ไปเอามาจากไหนเหรอ มันเป็นก้อนหินหรืออะไร”

ปู่เย่ว์ “ไม่เหมือนหิน เหมือนเมล็ดพืชมากกว่า”

เย่ว์จือเหิงถามด้วยความสงสัย “แต่เมล็ดพืชแผ่ความร้อนได้ด้วยเหรอครับ”

มือของเขายังไม่ทันแตะถูกดวงตาสีน้ำเงินก็รู้สึกได้ถึงไอร้อนแล้ว เมล็ดพืชก็ร้อนที่ผิวได้เหมือนกัน แต่ไม่นานก็เย็น

ก้อนสีน้ำเงินที่ไม่รู้ว่าคืออะไรนี้ เอามาถืออุณหภูมิก็ไม่ได้สูง ประมาณห้าสิบองศา แต่ความร้อนที่มันแผ่ออกมาสูงกว่าอุณหภูมิของตัวมันเองเสียอีก

มู่เถาเยาอธิบาย “เจ้าขาวปุยคาบดวงตาสีน้ำเงินขึ้นมาจากเพลิงนรกค่ะ”

ทั้งสามคนอึ้ง

เย่ว์จือเหิง “เสี่ยวเยาเยาจะบอกว่าเจ้าขาวปุยมันลงไปข้างใต้ภูเขาไฟมาเหรอ”

มู่เถาเยาพยักหน้า “ฉันไม่เห็นมันลงไปหรอกค่ะ แต่เหมือนเห็นมันขึ้นมาจากด้านล่าง”

เวลานี้คนตระกูลเย่ว์เกิดความรู้สึกดีใจเหมือนเก็บของล้ำค่าได้

ถึงแม้ไม่ได้คิดว่าจะเอาของล้ำค่านี้ไปทำอะไร แต่แค่ได้มองดูก็มีความสุขแล้ว

นี่ก็เหมือนกับเก็บสะสมของโบราณหรือภาพเขียนชื่อดังอะไรทำนองนั้น ไม่เอาพวกมันไปขายหรือใช้ประโยชน์อย่างอื่น แค่เก็บไว้ในคลังสมบัติ บางครั้งบางคราวไปดูก็ให้ความอิ่มเอมใจ

อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร

อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร

Score 10
Status: Completed
มองจากภายนอกเธอคือหญิงสาวจากหมู่บ้านชนทบทที่ห่างไกล แม้รูปโฉมไม่ธรรมดาแต่จะมีอะไรมากไปกว่านั้น แต่ใครเลยจะรู้ว่าเบื้องหลังของเธอนั้นคือ ‘หมอเทวดา’ ผู้มีฝีมือไม่เป็นสองรองใคร! นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีในเมืองใหญ่ นางเอกเก่งทั้งรักษาโรคและวรยุทธ์โคจรมาเจอกับพระเอกขี้โรคสุดหลงตัวเอง! โลกของอดีตจักรพรรดินีอย่าง มู่เถาเยา ถึงคราวกลับตาลปัตร เมื่อต้องมากลายเป็นเด็กทารกที่ยังมีความทรงจำเดิมในชาติก่อน?! อีกทั้งโลกใหม่นี้ยังแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง หลายปีผันผ่านเธอหลอมรวมเข้ากับโลกใหม่ใบนี้ได้อย่างสมบูรณ์พร้อมได้รับวาสนาเป็นศิษย์ของหมอเทวดาผู้เก่งกาจ ประสบการณ์และพรสวรรค์มากมายในชาติก่อนแล้วทำให้เธอเก่งกาจเหนือกว่าผู้ใด พร้อมก้าวเข้าสู่เมืองหลวงเพื่อร่ำเรียนและฝึกฝนหาประสบการณ์ชีวิตในโลกใหม่แปลกหน้าใบนี้

Options

not work with dark mode
Reset