ตอนที่ 467 ฉันไม่ใช่เฒ่าจันทรา
ลู่จือฉินพักที่ตำหนักพระจันทร์ได้สองวันก็ย้ายไปบ้านครอบครัวเหมียวที่อยู่ใกล้ป่าพิษหมาป่า เพราะต้องไปสอนลู่หันซูที่เป็นลูกศิษย์
มู่หว่าน เจียงเฟิงเหมียน อวิ๋นสุ่ยเหยากับพี่ชาย ถังถัง ตี้อู่หลันฉือ มีเย่ว์จือกวงคอยดูแลตลอดเวลาที่อยู่ตำหนักพระจันทร์
ตี้อู๋เปียนตามติดมู่เถาเยา
นอกเหนือจากเวลาที่มู่เถาเยาไปเขาเทพจันทรากับคนตระกูลเย่ว์กับเวลานอน ตี้อู๋เปียนก็เกาะติดเธอตลอดโดยแสร้งทำเป็นไม่เห็นสายตาจ้องเขม็งของพ่อลูกตระกูลเย่ว์
สามพ่อลูกพูดออกมาโจ่งแจ้งไม่ได้ เพราะลูกสาว น้องสาวสุดที่รักยังไม่ได้คิดไปในทางนั้น
แต่พวกเขาก็ไม่อยากให้ลูกสาว น้องสาวเคยชินกับการมีคนคนนี้อยู่ข้างๆ ไม่อย่างนั้นอีกสองปี…
ตัวมู่เถาเยาเองก็ไม่ได้คิดไปไกลขนาดนั้นจริงๆ
ระยะนี้บางครั้งเธอจะพาปาอินไปเก็บสมุนไพร ปรุงยา มีไปหาเหมียวฉีที่คุกมาครั้งหนึ่งพร้อมลู่จือฉิน ลู่หันซู และเจียงเย่ว์
มีไปกับพี่ชายพาเหลียงจีกับหนิงชิงไปเลือกเครื่องบินลำหนึ่ง ไม่เอาเงิน ถือเป็นของขวัญแต่งงานที่ตระกูลเย่ว์ให้เหลียงจี
เวลาที่เหลือถ้าไม่ไปศูนย์วิจัยกับโรงพยาบาลของตระกูลปาก็อยู่กับครอบครัวที่ตำหนักพระจันทร์
เพียงชั่วพริบตาเวลาก็ผ่านไปจนถึงช่วงก่อนเปิดเทอม
ฉลองวันเกิดอายุยี่สิบเอ็ดปีเสร็จมู่เถาเยาก็กลับเมืองเย่ว์ตูพร้อมพวกลู่จือฉิน
กินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากับพวกศิษย์พี่ เล่นกับเยี่ยจั๋วน้อยสองวัน ไปหาพวกซังหลิ่นหราน ลั่วปู้อวี๋ เสิ่นเจียวหยาง หงจยาเย่ว์ เหยียนเหยียน จากนั้นก็ไปเที่ยวเล่นกับพวกเซียวเซียว หมิ่นชีสยา หวังหมิ่นชิ่น ไปเยี่ยมบ้านครอบครัวเหลย…
เวลาไม่กี่วันก็ผ่านไปเพียงชั่วพริบตา
พวกมู่เถาเยากลับถึงเมืองหลวง ใช้ชีวิตแห่งความเป็นจริงที่เรียบง่ายและยุ่งทุกวัน
วันที่ยี่สิบมีนาคม มู่จิ้งให้กำเนิดไป๋เฟยลูกสาวของเธอกับไป๋เฮ่าอวี๋ในวันครบรอบวันแต่งงาน
วันหนึ่งในเดือนเมษายนที่งดงามที่สุดดวงอาทิตย์เจิดจ้า เหลียงจีกับหนิงชิงก็แต่งงานกันที่ริมทะเลในเผ่าหมาป่าพระจันทร์
คนที่รับช่อดอกไม้เจ้าสาวได้คือปาเฝ่ย
คนตระกูลปากับคนตระกูลเย่ว์ดีใจมาก
ปาเฝ่ยกลับอุ้มดอกไม้ไว้อย่างงงๆ
เขาไม่ได้ไปแย่งช่อดอกไม้เสียหน่อย แถมยังไม่มีแฟนด้วย ช่อดอกไม้ที่มีความหมายพิเศษนี้ทำไมถึงมาตกที่เขาได้
ปาอินพูดกับมู่เถาเยาด้วยความดีใจ “ตอนนั้นที่พี่เหลียงจีรับช่อดอกไม้เจ้าสาวได้ก็ยังไม่มีแฟน ดูสิตอนนี้แต่งงานแล้ว! คิดๆ ดูฉันคงไม่ต้องกังวลเรื่องหาแฟนให้พี่ชายแล้วล่ะ!”
มู่เถาเยาอมยิ้มมองปาอินที่กำลังตื่นเต้นดีใจ เธอยิ้มตาโค้ง “เดิมทีก็ไม่ใช่เรื่องต้องกลุ้ม”
ปาเฝ่ยอายุสามสิบเอ็ดแล้ว มีเหรอต้องให้เด็กสาวอายุยี่สิบเอ็ดมากลุ้มเรื่องหาแฟนให้
“เสี่ยวเยาเยา เธอว่าเนื้อคู่ของพี่ชายฉันจะอยู่ที่ประเทศเหยียนหวงหรือเปล่า”
มู่เถาเยาอดหัวเราะออกมาไม่ได้
เมื่อกี้ยังบอกอยู่ว่าไม่กลุ้มแล้ว ตอนนี้มาพูดแบบนี้ทำไม
“ฉันไม่ใช่เฒ่าจันทรา ทำนายไม่ได้หรอก”
ปาอินพูดเสียงเบา “ฉันลองดูพวกพี่ๆ ที่รู้จักแล้วนะ เหมือนจะมีแค่พี่ถังถังกับพี่หลันฉือที่เข้าเงื่อนไขหน่อย”
อายุไม่ห่างกันมาก แถมวนเวียนอยู่กับด้านการแพทย์ด้วย
แต่พี่ถังถังเหมาะสมกว่าพี่หลันฉือ เพราะวันหน้าพี่หลันฉือไม่มีทางทำงานเกี่ยวกับการแพทย์หรือเภสัชกรรม
เดิมทีลู่หันซูเหมาะสมที่สุด แต่อายุน้อยไป เธอทนเห็นวัวแก่กินหญ้าอ่อนไม่ได้ แม้วัวแก่ตัวนั้นจะเป็นพี่ชายของเธอก็ตาม
มู่เถาเยายิ้มมุมปาก “เสี่ยวอิน เธอคิดเรื่องตัวเองให้มากๆ ดีกว่านะ”
“เรื่องฉันมีอะไรให้คิด” เธอเพิ่งอายุยี่สิบเอ็ดปี มีอะไรต้องคิด ขนาดเสี่ยวเยาเยายังไม่คิดเลย!
“อันนั่วน่าจะบอกเธอแล้วนะว่าปิดเทอมหน้าร้อนนี้เขาจะกลับมา”
เฉิงอันนั่วไปท่องเที่ยวเรียนรู้ในหลายประเทศมาสองปีแล้ว ระหว่างนี้เขาไม่ได้กลับมาเลย
“กลับ…กลับก็กลับสิ เสี่ยวเยาเยา อยู่ๆ พูดถึงเขาทำไม” ปาอินอึดอัดเล็กน้อย
“ก็ไม่รู้ว่าใครนะชอบบ่นให้ฉันฟังอยู่บ่อยๆ…”
ปาอินหน้าแดงเอามือปิดปากมู่เถาเยา
มู่เถาเยายิ้มตาโค้ง
“กินเลี้ยงๆ…” ปาอินลากมู่เถาเยาไปนั่ง
หลังจากงานเลี้ยงฉลองแต่งงานจบลง มู่เถาเยาเปลี่ยนนักบินส่วนตัวแล้ว เป็นนักบินหญิงที่งามสง่าชื่อหร่วนเหวิน แต่แต่งงานแล้ว ทั้งยังมีลูกหนึ่งคน
ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด ต่อจากนี้ก็จะมีเธอมาเป็นนักบินให้ตลอด อย่างไรเสียเหลียงจีก็ต้องเปลี่ยนไปเป็นผู้ช่วย
ถ้าหร่วนเหวินจะมีลูกคนที่สองคนที่สาม แบบนั้นระหว่างนี้ยังให้เหลียงจีมาขับเครื่องบินแทนได้
แต่คนในครอบครัวต่างบอกว่า รอมู่เถาเยาขึ้นเป็นหัวหน้าเผ่าเมื่อไรจะหารองกัปตันที่เป็นผู้ชายมาสักคน พอถึงตอนนั้นก็อาจไม่ต้องถึงมือเหลียงจีมาขับแทน
วันที่หนึ่งพฤษภาคม ละครเรื่องราชวงศ์เทียนเย่ว์ก็เริ่มถ่ายทำที่เมืองโบราณผิงจิน
เนื่องจากเหลียงจียังอยู่ในช่วงวันหยุดจึงตามสามีมาที่โรงถ่ายด้วย
มู่หว่านดีใจมาก ไม่ใช่แค่เพราะเหลียงจีอยู่ที่นี่ แต่เธอยังได้เป็นเพื่อนกับอีหลายนักแสดงนำหญิงอีกด้วย
อีหลายเป็นลูกสาวของหยางชิงเถียนพี่สาวฝาแฝดของราชินีภาพยนตร์หยางชิงเฉวียนแม่ของอวิ๋นสุ่ยเหยา
หยางชิงเถียนกับสามีเป็นนายแบบนางแบบด้วยกันทั้งคู่ หน้าตาและบุคลิกของอีหลายจึงสูงส่งงามสง่า เหมาะกับบทนางเอกเป็นอย่างมาก ขณะเดียวกันเธอก็เป็นนักแสดงในสังกัดของหนิงชิงด้วย
สุดสัปดาห์หนึ่งในเดือนมิถุนายน มู่เถาเยา น่าหลานอวิ๋นไค และพวกอวิ๋นสุ่ยเหยาก็ไปเยี่ยมที่กองถ่ายกัน
เดือนกรกฎาคม ตี้อันเหยี่ยหนุ่มน้อยในวัยเจ็ดขวบก็ถูกส่งไปอบรมในค่ายทหาร
ต้นเดือนเหลียงจีตั้งท้อง พ่อแม่สามีมาซื้อบ้านให้เธอทันที รอครบสามเดือนครรภ์แข็งแรงแล้วค่อยกลับไปอยู่บ้านพ่อแม่สามีที่ทางตะวันออกจนกว่าจะคลอด
คนครอบครัวหนิงประคบประหงมเธอดุจองค์หญิง
กลางเดือนคนอื่นปิดเทอมหน้าร้อนกัน แต่มู่เถาเยาได้ปริญญาเอกใบที่สองแล้ว
ดอกเตอร์สองปริญญาในวัยยี่สิบเอ็ดปี บนโลกนี้มีอยู่ไม่กี่คน แล้วนับประสาอะไรกับที่เธอยังมีใบรับรองอื่นๆ อีก เช่น ใบประกอบโรคศิลปะ ใบอนุญาตเภสัชกร ตั๋วทนาย เป็นต้น
ถ้าไม่ติดว่ารู้ว่ามู่เถาเยายุ่งมาก อธิการบดีฟางยังอยากให้เธอเรียนดอกเตอร์ใบที่สามต่อ
หลังจากฉลองที่วังตระกูลตี้อย่างเรียบง่ายเสร็จ มู่เถาเยา ตี้อู๋เปียน เจียงเฟิงเหมียน อวิ๋นสุ่ยเหยา น่าหลานอวิ๋นไค และหนุ่มสาวคนอื่นๆ ต่างไปเยี่ยมมู่หว่านกับเหลียงจีที่เมืองโบราณผิงจิน
ตลอดปิดเทอมหน้าร้อนมู่หว่านต้องถ่ายละครที่นี่ จึงกลับบ้านพร้อมกันไม่ได้
ช่วงที่ถ่ายละคร พอถึงสุดสัปดาห์น่าหลานอวิ๋นไคก็จะมาเยี่ยมมู่หว่านที่กองถ่าย คนทั้งกองถ่ายต่างรู้กันแต่ไม่พูด ถ้าขนาดนี้มู่หว่านยังไม่รู้ก็คงโง่จริงๆ แล้ว
แต่หลังจากมู่หว่านรู้ก็ไม่ได้เอ่ยอะไร คบกันไปตามธรรมชาติ
ชายหนุ่มรูปงามที่อ่อนโยนแบบนี้ ใครล่ะจะไม่ชอบ
มู่เถาเยา ตี้อู๋เปียน เจียงเฟิงเหมียนและคนอื่นๆ อยู่ที่ผิงจินสองวันก็กลับเมืองเย่ว์ตู
พักอยู่ที่เมืองเย่ว์ตูไม่กี่วันก็ไปรับอาจารย์อาเล็ก พวกศิษย์พี่ และเฉิงอันนั่วที่กลับจากไปท่องโลก ลู่จือฉิน ปาอิน และครอบครัวลู่หันซูกลับหมู่บ้านเถาหยวนซานพร้อมกัน
หยวนเหยี่ยได้เจอศิษย์หลานก็ดีใจมาก
นี่คือว่าที่ผู้สืบทอดของสำนักแพทย์โบราณเชียวนะ!
ออกไปท่องโลกสองปี กลับมาแล้วไม่เหมือนเดิมเลยจริงๆ
เฉิงอันนั่วก็ดีใจ นั่งข้างพวกหยวนเหยี่ยเล่าสิ่งที่ได้พบได้เจอมาขณะอยู่ต่างประเทศ รวมถึงความรู้ที่ได้รับ
เฉิงหรานกับหลี่อวี้เสวี่ยมองลูกชายตัวเองด้วยความดีใจ
มู่เถาเยาก็พอใจมาก
ถึงแม้ศิษย์หลานจะฝึกวิทยายุทธได้ธรรมดามาก แต่พรสวรรค์ด้านการแพทย์ของเขาสูงแบบที่หาได้ยาก
“อันนั่ว อยู่ที่ศูนย์วิจัยของหมู่บ้านเถาหยวนซานสักสองปีค่อยไปประจำอยู่โรงพยาบาลแล้วกันนะ”
อย่างไรเสียก็ยังอายุน้อย อีกทั้งโรงพยาบาลก็เป็นของสำนักเอง จะไปเมื่อไรก็ได้มิใช่หรือ
อีกทั้งนักวิจัยของศูนย์วิจัยก็ล้วนแต่เป็นหมอชั้นยอดที่รวบรวมมาจากหลายที่ของประเทศเหยียนหวงและจากทั่วโลก ถ้าเฉิงอันนั่วไปเรียนรู้จากพวกเขาสักสองปีความรู้จะต้องไม่ด้อยไปกว่าที่เรียนมาจากประเทศอื่นแน่นอน
ทิศทางการวิจัยของศูนย์วิจัยนี้คือสมุนไพร ไม่ใช่ยาปฏิชีวนะ
หยวนเหยี่ยพยักหน้า เห็นด้วยกับความคิดของลูกศิษย์คนเล็ก
เฉิงอันนั่วยิ้มพูด “แล้วแต่อาจารย์ปู่กับอาจารย์อาเลยครับ”
หยวนเหยี่ยยิ้มกว้างพลางส่ายมือ “เอาล่ะ ไม่ได้กลับมาตั้งสองปี ไปเดินเล่นในหมู่บ้านหน่อยเถอะ ทักทายทุกคนหน่อย”
มู่เถาเยา “เสี่ยวอิน ไปเป็นเพื่อนอันนั่วหน่อยนะ”
เฉิงอันนั่วมองปาอินด้วยสีหน้าคาดหวัง
ดวงตาเปล่งประกาย สายตาอ่อนโยนจนแทบทะลักออกมา
ปาอินสบตากับเขา ใบหน้าขาวนวลเหมือนผิวทารกแดงขึ้นมาทันที