ตอนที่ 389 รับพลังเปลี่ยนชะตา
หลังจากผ่านช่วงวันหยุดวันแรงงาน ปู่เย่ว์ย่าเย่ว์ ตาเป่ยยายหลาน และพวกหยวนเหยี่ยก็ตามมู่เถาเยากลับเมืองเย่ว์ตู
นอกจากเย่ว์เลี่ยงกับอวิ๋นไป๋ที่กลับเผ่า ผู้ใหญ่บ้านกับภรรยากลับหมู่บ้านเถาหยวนซาน คนอื่นๆ ต่างก็พักที่ตำหนักพระจันทร์ในเมืองเย่ว์ตู
ตี้อู๋เปียน ปู่ตี้ย่าตี้ และเจ้าถุงลมน้อยไม่ได้มาด้วย เพราะกู้เนี่ยนคุณนายว่าที่ผู้สืบทอดใกล้คลอดเต็มที
พวกคนสูงวัยอย่างหยวนเหยี่ยกับปู่เย่ว์อยู่ที่เมืองเย่ว์ตูต่อเพราะหนึ่ง อยากอยู่กับมู่เถาเยาและทารกน้อยเยี่ยจั๋วให้นานหน่อย สอง เพราะรอกู้เนี่ยนคลอดแล้วจะไปเยี่ยม จากนั้นค่อยกลับหมู่บ้านเถาหยวนซาน
เพราะแบบนี้ครั้งนี้จึงอยู่ยาวไปเดือนกว่า
กลางเดือนมิถุนายนน้องสาวของเจ้าถุงลมน้อยก็เกิด
รอกู้เนี่ยนออกจากโรงพยาบาลมู่เถาเยาถึงไปเมืองหลวง
พวกหยวนเหยี่ยล่วงหน้าไปก่อนหลายวัน
พอมู่เถาเยามาถึงเจ้าถุงลมน้อยก็ดีใจกระโดดโลดเต้น
มือข้างหนึ่งจับมือพี่สาว มืออีกข้างจับกำปั้นน้อยๆ ของน้องสาวด้วยความระมัดระวัง ยิ้มตาโค้งมองพี่สาวแล้วมองน้องสาว
มู่เถาเยาเห็นพวกเธออยู่กันนานแล้วจึงกล่อมเจ้าถุงลมน้อยออกจากห้อง ให้แม่ลูกได้พักผ่อนโดยมีตี้อู๋เว่ยคอยดูแล
ภายในห้องรับแขก ทุกคนกำลังถกเถียงเรื่องชื่อของเด็กทารกคนนี้กันอย่างออกอรรถรส
ปู่ตี้ยิ้มกว้าง “เสี่ยวเยาเยา อันเหยี่ย มาดูสิว่าเลือกชื่อไหนให้เบบี๋ดี”
เจ้าถุงลมน้อยกะพริบตาปริบๆ “น้องชื่อเบบี๋น้อย”
ปู่ตี้หัวเราะหึหึพลางลูบศีรษะเหลนชาย “เบบี๋น้อยเอาไว้เรียกในบ้าน เราต้องตั้งชื่อสำหรับไว้เรียกข้างนอกด้วย”
เจ้าถุงลมน้อยพยักหน้าเพื่อแสดงออกว่ารู้แล้ว
ย่าตี้ยิ้มพูด “เสี่ยวเยาเยาลองเสนอสักสองชื่อไหม”
มู่เถาเยาครุ่นคิดแล้วตอบ “ซื่อเหยี่ย หรานเหยี่ย?”
ทุกคน “..” อยากขำ!
ตี้อู๋เปียนยิ้มพูด “ก็บอกแล้ว ซาลาปาน้อยตั้งชื่อไม่เก่ง ทุกคนก็ไม่เชื่อ”
ดูที่เธอตั้งชื่อให้ม้าสามตัวนั้นก็รู้แล้ว
มู่เถาเยา “…”
อวิ๋นเหอยิ้มพลางยื่นกระดาษสีแดงที่ในนั้นเขียนไว้หลายชื่อให้มู่เถาเยา “เสี่ยวเยาเยาจ๊ะ ลองดูนะว่าชอบชื่อไหนไหม”
มู่เถาเยารับกระดาษสีแดงมาดูผ่านๆ แล้วเลือกหนึ่งชื่อ “จินเหยี่ย”
ตี้อู๋เปียนยิ้มอีกครั้ง “เลือกเหมือนกันเลย”
ราชาตี้สรุป “งั้นก็ให้เบบี๋น้อยชื่อ จินเหยี่ย”
เมื่อได้ชื่อแล้วตี้อู๋เปียนก็ถามมู่เถาเยาว่าสองวันนี้จะออกไปไหนหรือไปพบใครไหม
มู่เถาเยาพยักหน้า “ฉันกำลังคิดว่าพรุ่งนี้จะไปดูซือจิ่น จิ่งเหยา และเซิ่นอวี๋พร้อมพวกอาจารย์”
“ได้ พรุ่งนี้ฉันจะพาพวกเธอไปดูพวกเด็กๆ นะ”
“อืม”
เวลานี้อวิ๋นสุ่ยเหยา มู่หว่าน เจียงเฟิงเหมียน และเด็กสาวสองคนเดินเข้ามาจากด้านนอก
“เอ๊ะพี่เยาเยามาถึงแล้วเหรอคะ!” อวิ๋นสุ่ยเหยารู้สึกเซอร์ไพรส์มาก
“จ้ะ เพิ่งถึงไม่นาน แล้วสองคนนี้ใครเหรอ”
อวิ๋นสุ่ยเหยาจูงเด็กสาวสองคนมาตรงหน้ามู่เถาเยาแล้วแนะนำ “พี่เยาเยาคะ นี่น้องสาวของพี่สะใภ้ที่เป็นญาติฉัน ชื่อกู้หาน ส่วนนี่เป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนของพี่กู้หาน ชื่อจั่วอีเหิง”
มู่เถาเยาอึ้งเล็กน้อยแล้วถาม “จั่วอีเหิงจากตระกูลจั่วทางใต้เหรอ”
เธอจำได้ว่าลุงตี้อู่เคยบอกว่าลูกสาวของจั่วฮั่วนายใหญ่ตระกูลจั่วแห่งตระกูลนักปราชญ์ชื่อจั่วอีเหิง อีกทั้งยังเรียนที่เมืองหลวง อายุพอๆ กับพี่หลันฉือ
ลงตัวพอดีเลย!
จั่วอีเหิงแค่มองลักษณะใบหน้าของมู่เถาเยาก็ตะลึงงัน
กู้หานยิ้มพูด “บ้านอีเหิงอยู่ทางใต้ เยาเยารู้จักด้วยเหรอ”
มู่เถาเยายิ้มบาง “ดูท่าจะใช่ ออกตกเหนือใต้ ขาดแค่ตระกูลน่าหลานทางฝั่งตะวันตกก็ครบแล้ว”
พวกเด็กสาวไม่เข้าใจว่ามู่เถาเยาพูดอะไร แต่จั่วอีเหิงกลับเข้าใจ
“เสี่ยวเยาเยาแซ่อะไรเหรอ มาจากตระกูลซย่าโหวหรือตระกูลตี้อู่”
ทำไมถึงดูโหงวเฮ้งของเสี่ยวเยาเยาไม่ได้ ขนาดราชาตี้กับอดีตราชาเธอยังดูได้ แต่กลับดูของเด็กสาวคนนี้ไม่ได้!
น่าแปลกเสียจริง!
“ฉันชื่อมู่เถาเยา ศิษย์สำนักซย่าโหวค่ะ”
นับตั้งแต่ลุงตี้อู่บอกว่าลูกสาวตระกูลจั่วเรียนที่เมืองหลวง เธอก็สืบเรื่องตระกูลจั่ว เพียงแต่มีข้อมูลอยู่ไม่เท่าไร แต่ข้อมูลที่สืบได้ก็ค่อนข้างดี ไม่ได้มีอะไรที่ชวนให้รู้สึกแย่
จั่วอีเหิงทำท่าคารวะคนรุ่นเดียวกันแบบโบราณ ยิ้มพูด “ได้ยินชื่อเสียงมานาน”
มู่เถาเยาทำท่าเดียวกันรับการคารวะตามมารยาท
“เยาเยา เมื่อกี้เธอพูดว่าออกตกเหนือใต้ขาดแค่ตะวันตก งั้นตระกูลตี้อู่คือใครเหรอ พ่อพี่รู้จักกับคุณลุงตี้อู่” แต่เธอไม่รู้จักคนรุ่นเดียวกันที่มาจากตระกูลตี้อู่
“พี่ตี้อู่หลันฉือเรียนอยู่ที่เมืองเย่ว์ตู นั่งเรียนข้างฉันค่ะ”
“…บังเอิญจริง!” จั่วอีเหิงแสดงสีหน้าตกใจ
ซย่าโหวโซ่วยิ้มถาม “เสี่ยวเยาเยา นี่ลูกสาวของจั่วฮั่วเหรอ”
“ใช่ค่ะอาจารย์รอง พี่อีเหิงคะ สองท่านนี้คืออาจารย์รองของฉันซย่าโหวโซ่วกับอาจารย์แม่รองถังหยวนค่ะ”
จั่วอีเหิงรีบทำความเคารพผู้อาวุโสในแบบโบราณให้ซย่าโหวโซ่วกับถังหยวน “อีเหิงคารวะเจ้าสำนักซย่าโหวและคุณนายค่ะ”
ตระกูลซย่าโหวมีความพิเศษในบรรดาสำนักที่ปลีกวิเวก พวกเขาเอาแต่เก็บตัวฝึกยุทธ์ ไม่ข้องเกี่ยวกับตระกูลปลีกวิเวกตระกูลอื่น จั่วอีเหิงจึงไม่รู้จักคนของตระกูลซย่าโหวเลย
นี่คือการพบกันครั้งแรก
ซย่าโหวโซ่วยิ้มพลางส่ายมือ “ได้ยินมาจากพ่อหนุ่มตระกูลตี้อู่ว่าตระกูลของพวกเธอเปลี่ยนกฎเกณฑ์ในตระกูลแล้ว ก็ดีนะ”
จั่วอีเหิงพยักหน้าด้วยความดีใจ “ค่ะ พวกเราอยากให้เปลี่ยน” เปลี่ยนแปลงชะตาที่สั้นลง
ตอนพ่อของเธอรู้จักกับลุงตี้อู่ไม่รู้ว่านั่นคือคนของตระกูลตี้อู่ รู้สึกเพียงว่าคนคนนี้โหงวเฮ้งอายุยืน ก็เลยอยากผูกมิตรด้วย
อืม ครอบครัวส่งเธอมาเรียนที่เมืองหลวงก็เพื่อมารับเอาพลังมงคลหน่อย
เมืองหลวงเป็นอาณาเขตที่อยู่ใกล้โอรสสวรรค์ โอกาสที่จะได้รับพลังมงคลมีสูงมาก
เธอเองก็ดวงดีมาก พอมาเมืองหลวงก็ได้เจอกู้หานโดยบังเอิญ ต่อมาก็ได้รู้จักอวิ๋นสุ่ยเหยา มู่หว่าน เจียงเฟิงเหมียน ล้วนเป็นคนที่อายุยืนและมีโชคชะตาดี
โชคชะตาก็มีคุณภาพและปริมาณ
บางคนอายุยืนแต่กลับทุกข์ทรมานด้วยโรคภัยตลอดชีวิต
แบบนี้คือมีแต่ปริมาณไม่มีคุณภาพ
บางคนไม่เจ็บไม่ป่วย แต่อายุกลับสั้นมาก
แบบนี้คือมีแต่คุณภาพไม่มีปริมาณ
คนตระกูลจั่วของพวกเขาก็คือคนที่มีคุณภาพแต่ไร้ปริมาณ
ดังนั้นเธอจึงตั้งใจ เจตนา และจริงใจที่จะผูกมิตรกับคนที่อายุยืนและมีคุณภาพ
เวลานี้เธอดีใจมากจริงๆ เพราะคนในห้องนี้ล้วนเป็นคนที่อายุยืนและชะตาคุณภาพดีที่สุด
ตระกูลจั่วของพวกเขาผูกมิตรไม่ดูอำนาจและฐานะ ไม่มองรวยจน ไม่มองดีเลว มองแต่โชคชะตาอายุยืน ทั้งนี้ก็เพื่อทำลายคำสาปอายุสั้นของตระกูล
ซย่าโหวโซ่วยิ้มพูด “ตอนนี้ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้ว ทุกคนก็เปลี่ยนแปลงตามกันทั้งนั้น ดูตระกูลซย่าโหวสิ ก็ยอมออกมาโลกภายนอกแล้ว”
จั่วอีเหิงยิ้มตาโค้งพลางพยักหน้า
ถ้าไม่ได้มาที่นี่เธอคงไม่รู้จริงๆ ว่าแม้แต่ตระกูลซย่าโหวที่หัวโบราณก็กำลังเปลี่ยนแปลงอยู่เช่นกัน
หลังจากจั่วอีเหิงกับกู้หานทำความเคารพทักทายผู้อาวุโสเสร็จแล้ว ย่าตี้ก็ยิ้มพูด “เสี่ยวหาน พี่สาวของหนูกับเบบี๋น้อยหลับอยู่ เดี๋ยวค่อยขึ้นไปดูนะ”
“ได้ค่ะย่าตี้” เนื่องจากเป็นลูกพี่ลูกน้องกับกู้เนี่ยน เธอจึงมาที่วังตระกูลตี้บ่อย จึงคุ้นเคยกับคนตระกูลตี้ดี
วันนี้พาเพื่อนสนิทอย่างจั่วอีเหิงมาด้วยก็ขออนุญาตคุณนายแล้ว
อวิ๋นเหอยิ้มกว้าง “สาวๆ ไปเล่นตรงอื่นก่อนเถอะ เดี๋ยวเย็นๆ กลับมากินข้าวเย็นกัน เสี่ยวเหยา ดูแลเพื่อนๆ ด้วยนะ”
“ได้ค่ะอา”