ตอนที่ 362 นอนหลับ
เธอหลับตาลงอีกครั้ง ก่อนจะนอนลงบนเตียงโดยไม่แม้แต่จะขยับท่าทางไปไหน
เพราะว่าเหนื่อยเกินไป เมื่อหลับตาลงก็ผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็ว
ฉีหย่วนหยางถือพวงกุญแจเดินเข้ามาอย่างเงียบ ๆ เขามองดูเธอที่อยู่บนเตียง ใบหน้าก็พลันปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา แม้แต่รองเท้าแตะก็ไม่ได้ถอด
ผู้หญิงคนนี้ เพียงแค่ผู้ชายคนเดียวเอง!
ในโลกใบนี้มีน้อยนักหรือยังไง โง่เง่า!
เพื่อผู้ชายคนเดียวถึงกับเสียใจขนาดนี้!
ช่างเถอะ เห็นเธอที่เศร้าเสียใจแบบนี้ เขาคงต้องช่วยเธอสักครั้ง
เขาเก็บกุญแจใส่กระเป๋ากางเกงและย่อตัวลงถอดรองเท้าแตะจากเท้าของเธออย่างเบามือ
หลังจากนั้นก็เดินไปที่ข้างเตียง มองไปที่มือของเธอ แต่กลับต้องหยุดชะงักลง น้ำตาที่ไหลออกมาจากดวงตาสีน้ำตาล เขามองท่าทางของเธออย่างเงียบ ๆ
ถ้าหากว่าเขาสัมผัสเธอ ไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น เธออาจจะตื่นขึ้นมาอย่างกะทันหัน
แต่ว่าเธอนอนแบบนี้จะหายใจออกจริง ๆ เหรอ?
เขาเอื้อมมือไปจับมือทั้งสองข้างของเธอเตรียมย้ายขยับตัวเธอไปนอนตรงกลางเตียง แต่เมื่อมือของเขาสัมผัสเธอ
เขาก็ได้สบตาคู่หนึ่งที่กำลังร้องไห้อยู่และจ้องมาที่เขาอย่างว่างเปล่า “เอามือ ออกไป”
“เธอดูตัวเองก่อนไหมว่านอนท่าอะไรอยู่” เขารีบดึงมือกลับมาทันทีด้วยความรู้สึกสบายใจไม่น้อย
เธอขยับตัวไปตรงกลางเตียงเล็กน้อย ก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มที่ตัว “จิ่งเป่ยเฉินจะหาที่นี่เจอหรือเปล่า?”
“ก็อยู่ที่เธอว่าอยากจะให้เขาหาที่นี่เจอไหม” หมายความว่าขึ้นอยู่กับเธอ?
ถ้าหากเธอต้องการ รับประกันได้เลยว่าเพียงแค่หนึ่งชั่วโมงเขาจะต้องมาอยู่ตรงหน้าเธอ แต่ถ้าหากว่าไม่ต้องการก็จะไม่ปรากฏให้เธอเห็นเป็นเวลาหนึ่งเดือน
“ไม่อยาก!” บางทีเขาอาจไม่ได้วางแผนที่จะหาตัวเธอด้วยซ้ำ
เธอล้มตัวลงนอนอีกครั้งพลางหลับตาลง “ฉันขออยู่คนเดียวได้ไหม?”
“ฉันก็ให้เธออยู่เงียบ ๆ คนเดียวนี่” เขายืนอยู่ข้างเตียงอย่างเงียบ ๆ
“หยางหยางกับหน่วนหน่วนจะทำยังไง?”
“ขโมยมา”
เธอที่เพิ่งหลับตา จู่ ๆ ก็เบิกตากว้างขึ้นมาทันที ถ้าหากว่าเธอไม่ได้อยู่กับจิ่งเป่ยเฉิน เขาควรจะดูแลหน่วนหน่วนกับหยางหยางสิ
“ฉันคิดว่าเธอคงจะเบื่อ อยากจะนอนเหมือนติดคุกอยู่ที่นี่ใช่ไหม?” ถ้าหากหน่วนหน่วนกับหยางหยางหายไป จิ่งเป่ยเฉินจะต้องตามหาเธอเจอแน่นอน
ตอนนี้เธอไม่อยากเจอเขาเลยสักนิด
“ใช่ว่าจะไม่เคยเสียหน่อย!” ฉีหย่วนหยางพูดออกมาอย่างเฉยเมย
เมื่อได้ยินคำพูดที่ไม่แยแสของเขา เธอจึงมองเขาอย่างเย็นชา “ไม่ว่ายังไงวันนี้ก็ขอบคุณนายมาก อาจจะต้องรบกวนขออยู่ที่นี่ไปสักพัก”
เธอไม่ควรออกไปในช่วงเวลานี้ หากจิ่งเป่ยเฉินตามหาเธออีกครั้ง เขาจะต้องหาเจออย่างแน่นอนถ้าเธอออกไป
“เธอจะรบกวนไปตลอดชีวิตเลยฉันก็ไม่ว่าอะไรนะ ใครใช้ให้เธอเป็นรัฐมนตรีที่ทรงพลังของฉันกัน! ถ้าหากว่าเธอคิดดีแล้ว ตำแหน่งผู้อำนวยการจะเก็บไว้ให้เธอ!” เขายิ้มออกมาและหันตัวเดินออกไปจากห้อง
เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นขนาดนี้ เธอต้องการความเงียบเท่านั้นจริง ๆ
ฉีหย่วนหยางปิดประตูห้อง แต่ว่าภายในห้องนอนยังคงสว่างมาก เธอลุกขึ้นไปเพื่อดึงผ้าม่านลง ก่อนจะเอนตัวลงนอนบนเตียงอีกครั้ง
เรื่องวุ่นวายภายในหัวทำให้เธอนอนหลับไปอย่างรวดเร็วอีกครั้ง เธอฝันเรื่องราวเยอะแยะมากมาย มีหลายสิ่งที่เกิดขึ้นในความฝัน
ในฝันนั้นพ่อของเธอยังมีชีวิตอยู่ และเธอก็กลายเป็นเด็กวัยรุ่นช่วงอายุยี่สิบกว่าปี ครอบครัวของพวกเขาอยู่กันอย่างมีความสุข มองไปที่หยางหยางและหน่วนหน่วนที่อยู่ด้วยกัน และก็มีโอวหยางลี่ จิ่งเป่ยเฉินก็ปรากฏตัวเข้ามาอยู่ในความฝันนั้นเช่นกัน
นานแล้วที่เธอไม่ได้ฝันอะไรที่ซับซ้อนแบบนี้
จุดจบของความฝันนี้คือเธอสวมชุดเจ้าสาวสีขาวอยู่ในพิธีแต่งงานที่เต็มไปด้วยดอกไม้ คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอคือจิ่งเป่ยเฉิน และพิธีกรก็อ่านคำสาบานผ่านเข้ามาในหู
ใบหน้าของพวกเขานั้นยิ้มแย้มและดูมีความสุขมาก ทว่าจู่ ๆ ใบหน้าของจิ่งเป่ยเฉินก็เลือนรางจนกลายเป็นอีกคนซึ่งเธอมองไม่เห็นเขา
“อา……..”
เธอตื่นขึ้นมาจากความฝัน ก่อนจะสัมผัสไปที่หน้าผากและพบว่าบนหน้าผากนั้นเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ
ภายในห้องที่มืดสนิท เธอคลำไปที่หัวเตียงเพื่อเปิดโคมไฟ สักพักแสงสว่างก็ปรากฏขึ้น แต่ว่าจิตใจของเธอนั้นกลับว่างเปล่า
อยู่คนเดียวในสถานที่แปลก
คงไม่มีผู้ชายที่เย็นชาผู้สูงส่งเคียงข้างเธออีกต่อไปแล้ว
เธอรีบออกมาโดยไม่ได้เอาอะไรออกมาด้วยเลย แม้แต่บัตรประชาชนก็ไม่ได้เอามาด้วย จิ่งเป่ยเฉินคงไม่คิดว่าเธอจะหนีไปไกล
เธอลงมาจากเตียงและเปิดผ้าม่านออก ท้องฟ้ามืดสนิท คฤหาสน์หลังใหญ่แบบนี้กลับไม่มีไฟสักดวง มันค่อนข้างน่ากลัวที่ต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เงียบแบบนี้
เธอปิดผ้าม่านอีกครั้ง ก่อนจะเดินลงไปชั้นล่าง
เธอยังคงอยู่ตรงบันได มองเห็นฉีหย่วนหยางเอนกายอยู่บนโซฟา เขาสวมเสื้อคลุมอาบน้ำสีเทาโดยคอเสื้อของเขาเปิดออกเล็กน้อย ในมือถือแก้วไวน์สีแดงเข้มอยู่และจ้องมองไปที่ทีวีที่กำลังฉายละครที่น่าเบื่อ
“ตื่นแล้วเหรอ? อยากกินอะไร?” ฉีหย่วนหยางมองเห็นเธอที่กำลังเดินลงมาจึงเอ่ยถามอย่างช้า ๆ แต่ว่าสายตาของเขากลับยังคงจดจ่ออยู่ที่ทีวี
ตอนนี้นางเอกเพิ่งถูกแม่ของพระเอกสาดกาแฟใส่ และแม่พระเอกก็ยกมือขึ้นมาตบไปที่หน้าของนางเอก แต่นางเอกเอื้อมมือขึ้นมาจับไว้และสะบัดมือของเธอออก ก่อนจะพูดว่า “ฉันกับเขารักกันมาก!”
“เหอะเหอะ……..” สายตาของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ลุ่มลึก “มีความรักเพื่อเหยียบย่ำ”
“ไม่เข้าใจ ในเมื่อพูดออกมาแบบนี้ เคยเจ็บมาก่อนหรือเปล่า?” เขาดูเหมือนคนไร้หัวใจ ไม่คิดว่าจะเคยมีช่วงที่โดนความรักทำร้าย
เขามีหน้าตาที่มีเสน่ห์ มีทั้งเงินและอำนาจ ใครกันที่ตาบอดกล้าทิ้งเขาไป
“ดูเหมือนว่าอาการเศร้าเสียใจวันนี้จะดีขึ้นนะ” ไม่นึกเลยว่ายังมีอารมณ์หยอกล้อ
“นายอยากจะเห็นฉันซึมอย่างนั้นเหรอ? ขอโทษที่ทำให้นายผิดหวังนะ!” เธอเคยคิดแบบนั้น แต่ว่าแบบนั้นจะมีประโยชน์อะไร?
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าหัวใจของเธอตอนนี้ยังเจ็บปวดอยู่
หลังจากที่ผ่านประสบการณ์มาจากโอวหยางลี่ เธอก็แทบจะไม่ได้มีความสัมพันธ์กับผู้ชายคนอื่นเลย ส่วนผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเธอ
ตอนแรกเป็นเพียงแค่ความสัมพันธ์ระหว่างเจ้านายกับลูกน้องในที่ทำงาน การงานของเธอไปได้ดี ได้ใช้เวลากับเขามากขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นคนชาติเดียวกันเลยรู้สึกคุ้นเคยและสนิทกันมากกว่าคนอื่น ๆ ก่อนจะค่อย ๆ สนิทกันมากขึ้น
แต่เพราะอุบัติเหตุครั้งนั้นที่ทำให้เขาได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของเธอ
“ไม่ได้ผิดหวัง แต่กลับสิ้นหวัง” จู่ ๆ เขาก็เอ่ยขัดความคิดของเธอขึ้นมา
อันโหรวมองไปที่เขา “นายยังไม่ได้กินข้าวเหรอ?”
“ฉันดูเป็นผู้ชายที่ไร้จิตสำนึกงั้นเหรอ? ก็ต้องรอกินพร้อมเธออยู่แล้ว” เขาถือแก้วไวน์พร้อมลุกขึ้นมา ก่อนจะเหลือบมองทีวีและวิจารณ์ว่า “ละครน้ำเน่า เกินจริงไปมาก”
อันโหรวเดินลงมาหาเขาโดยไม่ได้พูดอะไร เป็นธรรมดาของละครน้ำเน่า ถ้าไม่เกินจริงใครจะดู?
ชีวิตมันน่าเบื่อก็ต้องมีสีสันน้ำเน่าบ้างให้ชีวิตได้เจออะไรที่ไม่เคยเจอ
สเต๊กเนื้อวัวชั้นเลิศวางอยู่บนโต๊ะอาหารทรงครึ่งวงกลมสีขาว อันโหรวมองไปที่โต๊ะอาหาร คิดอยากจะเอาสเต๊กวัวทุบไปที่หัวของเขาจริง ๆ
ฉันจะนั่งยังไง?