ตอนที่ 456 เมิ่งไหวเซินใจโหดเ**้ยม
เมิ่งไหวเซิ่นพูดจบก็ไม่รอให้ฉินอวิ๋นพูดอีก เขาวางสายทันที ฉินอวิ๋นเห็นว่าถูกตัดสายก็อยากจะปามือถือลงพื้นเป็นอย่างมาก แต่ครู่หนึ่งก็คิดได้ ตอนนี้ไม่มีเวลามาโกรธ เธอไม่ควรมาเสียเวลากับเรื่องพวกนี้
เขาให้เธอไปขอร้องลั่วเซ่าเชิน ฉินอวิ๋นกังวลแค่ว่าเรื่องที่เธอทำทั้งหมดจะถูกเขาล่วงรู้หมดแล้ว ถ้าลั่วเซ่าเชินสืบรู้เรื่องทั้งหมดที่เธอทำ ฉินอวิ๋นคิดไม่ออกเลยว่าจะหาวิธีไหนมาทำให้เขาใจอ่อนได้
เมิ่งไหวเซินเลิกสนใจเรื่องที่เพิ่งจะคุยกับฉินอวิ๋นไปอย่างรวดเร็ว เขาไม่ผิด ลูกสาวของตัวเองปกติก็เป็นคนที่เขาตามใจมาตลอด เธอในตอนนี้เลยทำผิดพลาดครั้งใหญ่และครั้งนี้เขาจะไม่ช่วยเธออีก
เมิ่งไหวเซินตัดสินใจเด็ดขาด และไม่คิดเรื่องของชิงซีอีก เขาเริ่มโทรไปที่บ้านหลังเก่า ก็ไม่รู้ว่าเวลานี้คุณพ่อจะนอนกลางวันอยู่ไหม
“ฮัลโหล ไม่ทราบว่าใครพูดสายอยู่คะ” แม่บ้านของที่บ้านรับสาย เมิ่งไหวเซิ่นรีบบอกสถานะของตัวเองทันที
“ฉันเอง”
“อ้อ ที่แท้ก็คือคุณชายรอง คุณจะคุณกับคุณท่านใช่ไหมคะ ดิฉันจะไปเรียนให้” ครู่เดียวแม่บ้านก็เดาความตั้งใจของเมิ่งไหวเซินได้ เพียงแต่ค่อนข้างประหลาดใจ เมิ่งไหวเซินโทรหาคุณท่านได้ช่างเป็นเรื่องปาฏิหาริย์จริงๆ
รอไม่นาน สายอีกฝั่งก็ปรากฏเสียงของคนชราขึ้น “ฮัลโหล แกโทรมาทำไม”
ปกติเมิ่งซงอวิ๋นก็ไม่ได้ทำสีหน้าดีๆ กับลูกชายคนนี้ของเขามากนัก เขาเป็นคนแข็งกระด้างคนหนึ่ง แต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่รู้ว่าอ่อนโยนแปลว่าอะไร
ถ้าเมิ่งซงอวิ๋นทำผิด เขาจะยังทบทวนความผิดของตัวเอง แต่เมิ่งไหวเซินเป็นคนที่ไม่เคยฟังคำเตือนของใคร ทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการ ไม่เคยไว้หน้าคนในตระกูลและคนในครอบครัว เขาเห็นแล้วก็ขวางหูขวางตา จนถึงตอนนี้ความสัมพันธ์ของสองพ่อลูกนับวันยิ่งแย่ลง
“คุณพ่อครับ ผมรู้ว่าคุณพ่อไม่อยากเจอผม แต่วันนี้ผมมีเรื่องอยากบอกกับพ่อจริงๆ ฟังจบแล้วพ่อจะต้องดีใจแน่” เมิ่งไหวเซินพูดลองเชิงให้เมิ่งซงอวิ๋นสนใจ
“ในเมื่อมีอะไรจะบอกก็รีบพูด ไม่ต้องมาเล่นลิ้น” ตลอดชีวิตของเมิ่งซงอวิ๋นเป็นคนพูดเร็ว จะคุ้นชินกับสไตล์การพูดของเมิ่งไหวเซินเสียที่ไหนกัน
“พ่อครับ ผมเจอหลานอีและชิงหลานแล้ว พ่อดีใจไหม”
ทางฝั่งของเมิ่งซงอวิ๋นเงียบไปพักหนึ่ง ผ่านไปครู่หนึ่งเขาถึงถามขึ้นมาว่า “จริงรึเปล่า แกเจอที่ไหน”
มือของเขาสั่นเทา ถึงจะบอกว่าเมิ่งไหวเซินมีภรรยาใหม่ไปแล้ว แต่ในใจของเมิ่งซงอวิ๋นก็ยังมีเสิ่นหลานอีเป็นลูกสะใภ้คนสำคัญที่สุดอยู่ดี เธอมีความรู้และสามารถดูแลบ้านหลังนี้ได้ เพียงแต่เพราะเมิ่งไหวเซินไม่สนใจ บวกกับชะตาชีวิตอาภัพทำให้เธอต้องตายตั้งแต่อายุยังน้อย
เสิ่นหลานอีเป็นหนึ่งในชิ้นส่วนหัวใจของเมิ่งซงอวิ๋นมาโดยตลอด ตอนนี้ได้ยินเมิ่งไหวเซินบอกว่าได้พบเสิ่นหลานอี หัวใจของเขาก็ไม่สามารถสงบลงได้อีก รอจนคิดอย่างละเอียดอีกครั้งถึงพบความผิดปกติในคำพูดนั้น
“เมิ่งไหวเซิน แกเจอผีเหรอไง หลานอีตายไปนานแล้ว แกจะไปเจอเธอได้ยังไง”
“พ่อครับ พ่อฟังผมให้ดีนะครับ…” เมิ่งไหวเซินเอาเรื่องทั้งหมดทั้งก่อนหลังเล่าให้ฟังอย่างชัดเจน เมิ่งซงอวิ๋นอารมณ์เสียอยู่นานหลังจากนั้นก็ตอบมาประโยคหนึ่ง “ดูเหมือนว่าจะเป็นพรหมลิขิต ถ้าอย่างนั้นตอนนี้ถังโจวโจวก็คือชิงหลานหลานสาวของฉัน ในเมื่อเจอชิงหลานแล้ว ถ้าอย่างนั้นชิงเยียนก็ต้องอยู่กับเธอด้วยใช่ไหม”
ทำไมถึงไม่ได้ยินเมิ่งไหวเซินพูดว่าเจอชิงเยียนเลยล่ะ ตอนที่เมิ่งซงอวิ๋นอยู่กับเด็กสองคนนี้นั้นก็รักพวกเขามาก เดิมทีมีหลานผู้หญิงมักจะทุกข์ใจ แต่ตอนนั้นเมิ่งซงอวิ๋นยังไม่รีบมีหลานชาย หลานอีก็ยังสาว มีหลานสาวก่อนแล้วค่อยมีหลานชายก็ได้
เพียงแต่ไม่คิดว่า ความสุขจะอยู่ได้ไม่นาน สามแม่ลูกประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ เด็กทั้งสองคนหายไปและหลานอีก็เสียชีวิต ตอนนี้เสิ่นหลานอีฟื้นคืนจากความตาย เมิ่งซงอวิ๋นรู้สึกว่าเพราะสวรรค์มีตา ไม่ให้คนดีๆ ต้องทนทุกข์อีก
“พ่อครับ ชิงเยียนจากโลกนี้ไปแล้วครับ ชิงหลานได้รับคนอุปการะ ตอนนี้ผมก็ไม่รู้ว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่”
ควรพูดว่าเดิมทีเมิ่งไหวเซินก็ลืมไปแล้วว่าตัวเขาเองก็ยังมีลูกสาวคนโตอยู่ ตอนนี้ถังโจวโจวคือลูกสาวของเขา ถ้าไม่ใช่เพราะมีผลประโยชน์ เขาคงไม่ใส่ใจขนาดนี้แน่
ตอนที่ 457 ไม่รู้เรื่องอะไรเลย
“แกเป็นพ่อประสาอะไร ทำไมถึงไม่รู้อะไรเลย” เมิ่งซงอวิ๋นเห็นเมิ่งไหวเซินไม่รู้อะไรสักอย่างก็โมโหขึ้นมา สำหรับลูกชายคนนี้ไม่รู้ว่าชาติก่อนเขาไปติดหนี้อะไรไว้รึเปล่า ชีวิตนี้ถึงต้องอยู่ในกำมือเขาแบบนี้
“พ่อครับ ตอนนี้โจวโจวไม่ยอมกลับมาที่บ้านตระกูลเมิ่งของเราครับ หลานอีเองก็มีครอบครัวใหม่ไปแล้ว ผมก็ไม่รู้จะทำยังไงครับ พ่อว่าถ้าพ่อออกหน้า…”
“เรื่องที่แกจัดการไม่ได้เลยอยากให้ฉันออกหน้างั้นเหรอ” เมิ่งซงอวิ๋นล่วงรู้ความคิดของเมิ่งไหวเซินได้ในทันที ก็คืออยากให้เขาช่วยสินะ
“พ่อครับ พ่อพูดอะไรอย่างนั้น ผมทำเพื่อพ่อไม่ใช่หรือไง พ่อคิดถึงหลานอี ชิงหลาน ชิงเยียนมาตลอดไม่ใช่เหรอครับ ถึงแม่ตอนนี้ชิงเยียนจะไม่อยู่แล้ว แต่ชิงหลานตอนนี้เธอมีลูกชายที่อ้วนกลมตัวน้อยให้กับตระกูลลั่วแล้ว พ่อไม่อยากเจอพวกเขาเหรอครับ”
เมิ่งไหวเซินพูดถึงสิ่งที่ติดอยู่ในใจของเมิ่งซงอวิ๋นออกมา สำหรับเมิ่งซงอวิ๋นแล้วทำไมเขาจะไม่อยากเจอเล่า ทำไมจะไม่คิดถึง หลายปีมานี้ในใจเขาก็คิดถึงอยู่แค่สองเรื่องเท่านั้นคือเรื่องสะใภ้ที่ด่วนจากโลกนี้ไปกับหลานสาวที่หายตัวไป ตอนนี้ในที่สุดก็เจอตัวพวกเขาแล้ว เขาต้องการจะไปที่นั่นทันทีด้วยซ้ำ แต่คำพูดของลูกชายทำให้เขาโกรธมาก
“แกบอกเรื่องนี้กับเมียแกรึยัง” ฉินอวิ๋นรู้แล้วจะสงบขนาดนี้เหรอ เมิ่งไหวเซินเชื่อว่า เมิ่งซงอวิ๋นคงไม่เชื่อแน่
เมิ่งไหวเซินเห็นเขาพูดถึงฉินอวิ๋นก็เงียบขรึมไปครู่หนึ่ง เขาพูดขัดขึ้น “ผมยังไม่ทันได้บอกเธอเลย พ่อครับ ผมไม่คิดอยากจะบอกเธอหรอก ชิงหลานคือลูกสาวของผม นอกจากนี้ตอนนี้เธอยังมีเรื่องยุ่งต้องไปจัดการ คงไม่มีเวลามาสนใจเรื่องนี้หรอกครับ”
เมิ่งซงอวิ๋นไม่รู้ว่าเขากำลังเล่นอะไรอยู่ “เอาล่ะ เรื่องนี้ฉันรู้แล้ว”
เมิ่งไหวเซินเห็นเขาไม่ได้พูดออกมาชัดเจนก็วางสายไป ในใจพะว้าพะวง สรุปแล้วเขาจะมาหรือไม่มากันแน่ เขาไม่มั่นใจเลยสักนิด อยากจะโทรกลับไปถามอีกสักครั้ง แต่เขาก็รู้ดีว่าถ้าคุณพ่อไม่อยากบอก จะถามอย่างไรเขาก็คงไม่ยอมบอกแน่
ในวันหยุด เดิมทีลั่วเซ่าเชินจะต้องพาเสี่ยวอวี่ไปคฤหาสน์ลั่วเพื่อไปหาคุณพ่อลั่วคุณแม่ลั่ว เพียงแต่เสิ่นหลานอียังอยู่ที่บ้าน ถังโจวโจวรู้สึกว่าคงไม่ดีที่จะปล่อยให้พวกเขาอยู่บ้าน ดังนั้นอาทิตย์นี้จึงตัดสินใจว่าจะไม่ไป
เธอให้ลั่วเซ่าเชินโทรไปอธิบายกับคุณแม่ลั่วเกี่ยวกับเรื่องราว แต่ยังเก็บเรื่องของเสิ่นหลานอีไว้ ตอนนี้เรื่องที่เสิ่นหลานอีกลับมาจะให้คุณแม่ลั่วรู้ไม่ได้ ต้องรู้ว่าหลายปีนี้ถึงแม้เสิ่นหลานอีจะออกมาให้คนอื่นๆเห็นบ้าง แต่ยังมีคนจำนวนไม่น้อยที่เคยเห็นว่าเธอเกิดเรื่องอะไรในปีนั้น
เพราะไม่แน่ว่าอาจจะมีคนความจำดี จดจำเสิ่นหลานอีขึ้นมาได้ เพราะเธอในตอนนี้กับเมื่อก่อนก็ไม่ได้เปลี่ยนไปสักเท่าไหร่ พอถึงเวลาถ้ามีคนสนใจเธอมากเข้า โอวหยางเลี่ยอาจจะหึงเอาได้
ครั้งก่อนที่พบกับเมิ่งไหวเซินโดยบังเอิญ โอวหยางเลี่ยก็โกรธอยู่ตลอดวัน แต่พอถึงตอนค่ำก็ใจอ่อนเองโดยอัตโนมัติ ไม่ต้องให้เสิ่นหลานอีพูดอะไรมาก
เขาตระหนักถึงอันตรายรอบตัวเขาได้แล้ว ถ้าเขายังโกรธเธอต่อไปอีก ไม่ใช่ว่าจะทำให้คนอื่นมีโอกาสเข้ามาแทรกได้เหรอ เขาจะไม่ทำเรื่องโง่ๆ แบบนั้นแน่
เมิ่งซงอวิ๋นกลับใจเย็นมาก เขาส่งคนไปสืบก่อนว่าเรื่องที่เสิ่นหลานอีกลับมาเป็นเรื่องจริง และหลังจากนั้นก็ได้รับรู้ข่าวว่าช่วงนี้บริษัทตระกูลเมิ่งเกิดเรื่องจึงได้รู้ว่าลูกชายของเขากระตือรือร้นเรื่องที่ลูกสาวหายไปหลายปีเพราะอะไร
ไม่ใช่ว่าคุณปู่เมิ่งอยากจะจับผิดเมิ่งไหวเซิน เพียงแต่เขาในหลายปีนี้ก็มีพฤติกรรมที่ไม่ดี ทำไมจู่ๆ จะเปลี่ยนมาทำตัวดีได้เล่า
เมื่อเอาเรื่องทั้งหมดมาปะติดปะต่อกันแล้ว คุณปู่เมิ่งก็เข้าใจ แท้จริงแล้วเพราะมีปัญหาเลยต้องการความช่วยเหลือจากครอบครัวถึงได้ทำตัวดีแบบนี้ ถ้าไม่มีประโยชน์ก็คงไม่มาทำดีด้วยแน่
คุณปู่เมิ่งเองก็ไม่ได้อยากต่อว่าลูกชายตัวเองอย่างนี้ เพราะท้ายที่สุดแล้วเขาก็คือลูกชายของตน ยังคงมีเลือดของเขาไหลเวียนอยู่ เพียงแต่นิสัยนี้ของเขาก็ไม่รู้ว่าเหมือนใคร เกิดมามองแค่ว่าที่ไหนมีผลประโยชน์ก็จะมุ่งไปที่นั่น
เมื่อก่อนคุณปู่เมิ่งเองก็แปลกใจที่ฉินอวิ๋นสามารถคว้าหัวใจของเมิ่งไหวเซินเอาไว้ได้ ขนาดลูกสะใภ้ของเขาไม่ได้รับความอบอุ่นจากเมิ่งไหวเซินเลย
พอคุณปู่เมิ่งรู้ว่าเสิ่นหลานอีกลับมาแล้วก็อยากไปหาเธอในทันที เพียงแต่ตอนนี้ข้างกายของเสิ่นหลานอีมีคนอื่นอยู่ด้วย ฟังจากน้ำเสียงโกรธขึ้งของเมิ่งไหวเซินแล้ว ดูเหมือนว่าคนทั้งสองจะมีลูกด้วยกันแล้ว คุณปู่เมิ่งกลัวว่าถ้าจู่ๆ เขาเข้าไปหาจะทำให้คนเข้าใจผิดเอาได้
ตอนที่ 454 คิดถึงเมิ่งซงอวิ๋น
“ร่างกายยังแข็งแรงดี แต่คนแก่ ไม่รู้ว่าจะเจ็บจะป่วยขึ้นมาตอนไหน หลายปีมานี้คุณพ่อท่านคิดถึงคุณที่สุด คุณจะไม่ยอมกลับไปเยี่ยมท่านสักหน่อยเหรอ” พอเมิ่งไหวเซินเห็นว่าเมิ่งซงอวิ๋นมีอิทธิพลต่อเสิ่นหลานอีจึงมีกำลังใจขึ้นมาทันที
ตอนนี้เขาเกลียดโอวหยางเลี่ยเข้ากระดูกดำ การมีอยู่ของเขาคอยเตือนเมิ่งไหวเซินอยู่ทุกขณะว่าเสิ่นหลานอีทรยศเขา เธอเป็นภรรยาของคนอื่นไปแล้ว ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้คิดกับเสิ่นหลานอีถึงขั้นนั้น แต่เมิ่งไหวเซินก็ปล่อยวางความโกรธนี้ไม่ลงอยู่ดี
“ทางฝั่งคุณพ่อฉันต้องกลับไปเยี่ยมแน่นอน แต่แค่ไม่ใช่ตอนนี้ เมิ่งไหวเซิน หลายปีมานี้คุณไม่เคยออกตามหาลูกสาว ตอนนี้พอรู้ว่ามีโจวโจวอยู่ คุณก็อยากจะพาเธอกลับไป แท้จริงแล้วในใจคุณคิดอะไรกันแน่”
เสิ่นหลานอีไม่เชื่อว่าเมิ่งไหวเซินจะเปิดเผยจริงใจแบบนั้น ต้องรู้ว่าชีวิตของเธอในช่วงหลายปีนี้ก็ไม่ได้ใสซื่อบริสุทธิ์ เมิ่งไหวเซินเองก็ถือว่าเป็นคนที่เห็นแก่ตัวในระดับหนึ่ง ก็แค่ปรับตัวไปตามสถานการณ์เท่านั้น
“ผมจะมีเหตุผลอะไรได้ ผมอยากพาลูกสาวตัวเองกลับบ้านมันผิดด้วยเหรอ” เมิ่งไหวเซินไม่เข้าใจ เขาทำผิดตรงไหน ปกติแล้วพาลูกสาวแท้ๆ กลับบ้านไม่ใช่เรื่องที่ทุกคนจะควรมีความสุขเหรอ ทำไมพอถึงคราวเขาบ้างกลับต้องเจอกับความเย็นชาจากถังโจวโจวและเสิ่นหลานอีแบบนี้
“เมิ่งไหวเซิน อยู่ต่อหน้าฉันคุณยังกล้าทำตัวตีรวนอีกเหรอ ฉันอยู่กับคุณมาตั้งหลายปีก็ไม่ใช่จะ…อุ๊บ” เสิ่นหลานอียังพูดไม่ทันจบก็เห็นโอวหยางเลี่ยที่จู่ๆ ใช้มือโอบรัดเอวเธอเข้าไป
“ผมไม่สนว่าคุณจะเชื่อไหม ผมคิดอย่างนี้จริงๆ” เมิ่งไหวเซินเองก็ไม่โง่ ทำไมจะต้องพูดความรู้สึกจริงๆ ของตัวเองออกมาด้วย เสิ่นหลานอีไม่ใช่แค่จะลองเชิงหรอกเหรอ ถ้าไม่ใช่ว่าเขาบังเอิญมาเจอเธอ เขาจะได้รู้เมื่อไหร่ว่าเสิ่นหลานอีมีคนรักใหม่แล้ว
“คุณเมิ่งคะ ฉันคงไม่กลับไปกับคุณหรอกค่ะ ตอนนี้ฉันมีสามี มีชีวิตเป็นของตัวเองแล้ว ฐานะของคุณ สำหรับฉันในตอนนี้มันก็ไม่ได้สำคัญอะไร นอกจากนี้ฉันก็ไม่ได้ขาดความรักจากพ่อ”
ความหมายของถังโจวโจวคือเธอมีความรักจากคุณพ่อถังคุณแม่ถัง ไม่ต้องการความรักเพียงเล็กน้อยจากพ่ออย่างเขา
เสิ่นหลานอีเห็นถังโจวโจวปฏิเสธอย่างเด็ดขาด ตอนที่เธอได้ยินเมิ่งไหวเซินพูดถึงเมิ่งซงอวิ๋น เธอยังมีความคิดอยากจะกลับไปที่บ้านตระกูลเมิ่งอยู่บ้าง แต่โอวหยางเลี่ยต้องไม่ยอมให้เธอไปคนเดียวแน่
“หลานอี ที่ลูกพูดอย่างนี้เพราะคุณสอนใช่ไหม ในเมื่อเธอเป็นคนของตระกูลเมิ่ง จะไม่กลับไปทำความรู้จักกับตระกูลได้ยังไง”
หลายคนต่างถกเถียงกันไม่หยุดเรื่องที่ว่าถังโจวโจวจะกลับหรือไม่กลับบ้านตระกูลเมิ่ง เมิ่งไหวเซินยังคงยืนยันในความคิดของตัวเอง ส่วนถังโจวโจวเองก็ยืนหยัดกับความคิดของตัวเองเช่นกัน และแน่นอนว่าลั่วเซ่าเชิน โอวหยางเลี่ย โอวหยางหงยืนอยู่ฝั่งถังโจวโจว
“เอาล่ะ ไม่ต้องเถียงกันแล้ว เมิ่งไหวเซินคุณกลับไปก่อนเถอะ พวกเราจะปรึกษากันก่อน” เสิ่นหลานอีไม่ได้ตัดรอนแต่ก็ไม่ได้ตอบรับ เมิ่งไหวเซินเหมือนเห็นแสงสว่างจึงตอบรับคำขอของพวกเธอ
“ถ้าอย่างนั้นก็ดี วันนี้ผมจะกลับก่อน โจวโจว พ่ออยากให้ลูกคิดให้ดี เรื่องนี้ไม่มีผลเสียกับตัวลูกเลย” เมิ่งไหวเซินทิ้งคำพูดนี้ไว้แล้วเดินออกจากประตูใหญ่ไป
โอวหยางเลี่ยได้ยินว่าเสิ่นหลานอีให้โอกาสเมิ่งไหวเซินก็ไม่พอใจขึ้นมาทันที แต่ความไม่พอใจของเขาไม่อาจระบายกันเสิ่นหลานอีได้ ได้แต่อดกลั้นเอาไว้ข้างใน
“หลานอี ทำไมพวกเรายังต้องไปนับญาติกับเขาอีก” โอวหยางเลี่ยไม่สามารถลบล้างความเกลียดชังที่มีต่อเมิ่งไหวเซินได้ ตอนนี้แค่พูดคุยกับเมิ่งไหวเซินแค่ประโยคเดียว โอวหยางเลี่ยยังรู้สึกเจ็บไปทั่วทั้งตัว
“เลี่ยคะ การเจอหน้ากันครั้งนี้ทำให้ฉันประหลาดใจจริงๆ การที่เขาจะให้โจวโจวกลับไปมันต้องไม่ใช่เรื่องดีต่อตัวโจวโจวอย่างที่เขาพูดแน่ กลัวว่าคงเป็นเพราะผลประโยชน์ของตัวเขาเองมากกว่า ฉันจะไม่ยอมให้ลูกสาวของฉันต้องเสียเปรียบแน่”
“ไม่ใช่ว่าโจวโจวก็พูดแล้วเหรอว่าจะไม่กลับไป ทำไมคุณถึงพูดแบบนี้ล่ะ” เขาพยายามที่จะข่มความโกรธของตัวเองเอาไว้ แต่น้ำเสียงที่เอ่ยออกมานั้นเริ่มไม่น่าฟังขึ้นทุกที
“เลี่ยคะ ฉันก็แค่อยากกลับไปเยี่ยมคุณพ่อ” เมื่อก่อนเมิ่งซงอวิ๋นดีต่อเธอมาก ตอนนี้คนที่เธอตัดไม่ขาดที่สุดก็คืออดีตพ่อสามี แต่สิ่งที่โอวหยางเลี่ยคิดกลับไม่เป็นอย่างนั้น
ตอนที่ 455 จะทิ้งไปก็เสียดาย จะกินต่อก็ไม่มีรสชาติ
เขารู้ว่า ถ้าเสิ่นหลานอีกลับไปจะต้องได้รับผลกระทบจากตัวเมิ่งซงอวิ๋นแน่ ถึงแม้กับเมิ่งไหวเซินจะมีความเป็นไปได้น้อยมาก แต่ก็ไม่สามารถตัดความคิดจากคนบ้านตระกูลเมิ่งได้ โอวหยางเลี่ยนั้นปรารถนาที่จะให้เสิ่นหลานอีกับทั้งโลกตัดขาดออกจากกันไปเสีย แต่นั่นก็เป็นเพียงความคิดของเขาเท่านั้น
เพียงแต่ความคิดนี้ไม่สามารถทำให้เป็นจริงได้ เขาได้แต่เก็บกดความรู้สึกนี้เอาไว้ ส่วนมากแล้วโอวหยางเลี่ยไม่ใช่คนที่ไม่มีเหตุผล แต่อาจะเป็นเพราะเมิ่งไหวเซินเข้ามากระตุ้นทำให้เขาเป็นแบบนี้
เสิ่นหลานอีเห็นเขาไม่เห็นด้วยก็ไม่ได้โต้เถียงกับเขาต่อ ตอนนี้อารมณ์ของทั้งสองฝ่ายต่างไม่ดีนัก เสิ่นหลานอีรู้ว่าโอวหยางเลี่ยคิดอะไร เพียงแต่เรื่องนี้เป็นเธอที่คิดว่าอย่างไรก็ต้องทำแน่นอน ก็เหมือนกับที่เธอตัดสินใจว่าจะกลับประเทศ โอวหยางเลี่ยเองก็ไม่อาจขัดขวางเธอได้นั่นแหละ
เสิ่นหลานอีกลับเข้าห้องไป เมื่อโอวหยางเลี่ยเห็นไม่มีคนเถียงด้วยกับเขาต่อ ถ้าขึ้นชั้นบนก็เหมือนกับเขายอมแพ้ เขาเกิดดื้อรั้นขึ้นมา ยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับ
“พ่อครับ แม่ก็แค่กำลังโกรธ พ่อเตือนแม่ดีๆ แม่ต้องฟังพ่อแน่ครับ” โอวหยางหงยังไม่เคยเห็นพ่อของเขาไม่ยอมถอยให้แม่ขนาดนี้มาก่อน
“เรื่องของพวกเราแกไม่ต้องยุ่ง ไปทำธุระของแกเถอะ” ถังโจวโจวและลั่วเซ่าเชินยิ่งไม่สนใจเรื่องพวกนี้ หลังจากพวกเขาจากไปแล้วก็ทิ้งให้โอวหยางเลี่ยอยู่ในห้องรับแขกคนเดียว
เมิ่งไหวเซินออกจากคฤหาสน์ ขับรถมาได้ระยะหนึ่ง จู่ๆ ก็คิดวิธีขึ้นมาได้วิธีหนึ่ง ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้บอกคุณพ่อ เป็นเพราะว่าไม่กล้าฟันธงว่าถังโจวโจวคือลูกสาวจริงๆ กลัวว่าพอถึงเวลาที่บอกคุณพ่อไปแล้ว กลับไม่ใช่ คงจะดีใจเก้อเสียเปล่า
แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกัน ผลการตรวจดีเอ็นเอยืนยันออกมาแล้ว แถมเสิ่นหลานอีและถังโจวโจวก็ยังยืนยันด้วยปากตัวเอง เรื่องนี้ถ้าเขาบอกคุณพ่อไป หากคุณพ่อเป็นคนเอ่ยปาก ยังต้องกลัวว่าถังโจวโจวและเสิ่นหลานอีจะไม่ยอมกลับไปอีกเหรอ
เมิ่งไหวเซินคิดว่าจะทำก็ลงมือทำเลย เขาจอดรถไว้ข้างทาง พอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาก็ได้ยินเสียงเรียกเข้า ช่างบังเอิญจริงๆ ฉินอวิ๋นเองก็โทรมาหาเขาพอดี “ฮัลโหล มีเรื่องอะไร”
“ไหวเซิน ฉันขอร้องคุณล่ะช่วยคิดหาวิธีช่วยชิงซีออกมาทีได้ไหม ชิงซีอยู่ในนั้นได้รับความลำบากมาก หรือคุณไม่สงสารลูกเหรอ”
ฉินอวิ๋นเองก็หมดหนทางแล้ว เสิ่นเยี่ยนไปจัดการก็พบว่าไม่มีทางให้ประนีประนอมได้เลย สิ่งที่พวกเขาไม่รู้ก็คือลั่วเซ่าเชินได้เจรจากับทางฝั่งนั้นไว้นานแล้ว และคนพวกนี้ล้วนเป็นพวกไม่ธรรมดาทั้งนั้น พอเห็นสถานการณ์เป็นแบบนี้ฉินอวิ๋นก็ร้อนรนเหมือนโดนไฟเผา
ทางด้านเสิ่นเยี่ยนเองก็ไม่มีวิธี ฉินอวิ๋นได้แต่คาดหวังกับทางเมิ่งไหวเซิน ถ้าเขายังไม่ช่วยอีก เธอก็จะไปขอร้องถังโจวโจว ต่อให้ต้องเสียหน้า เธอก็จะต้องช่วยลูกสาวออกมาให้ได้
“ผมก็ต้องสงสารลูกอยู่แล้ว แต่เรื่องทั้งหมดนี้เธอเป็นคนก่อขึ้นมาเอง ถึงจะบอกว่าสงสารแต่ผมก็ไม่มีวิธีเหมือนกัน ฉินอวิ๋น ผมเคยบอกกับคุณไปแล้ว ผมเข้าไปยุ่งเรื่องนี้ไม่ได้”
เมิ่งไหวเซินคิดถึงเสิ่นหลานอีวันนี้ เมื่อเทียบกับฉินอวิ๋นในตอนนี้แล้วก็เห็นได้ถึงความเป็นผู้ดีของตระกูลเสิ่น ทำไมตอนนั้นเขาถึงชอบฉินอวิ๋นเข้าไปได้นะ
ผู้ชายเวลาชอบพอก็ทุ่มสุดตัวรักคุณมากกว่าใคร คำว่ารักพวกนั้นไม่จำเป็นต้องคิดก็พูดออกมาได้อย่างง่ายดาย แต่เมื่อได้เกลียดไปแล้ว แค่มองคุณแวบเดียวก็เกินพอ
ตอนนี้เสิ่นหลานอีหวนกลับมาอยู่ตรงหน้าอีกครั้ง เธอกลับมาประทับตราตรึงในใจเขาอีกครั้ง นอกจากนี้เสิ่นหลานอียังเป็นของคนอื่น ทำให้จิตใจของเมิ่งไหวเซินเกิดความคิดขึ้นมากมาย ตอนนี้ฉินอวิ๋นก็เป็นแค่ข้าวที่ขอบปาก จะทิ้งไปก็เสียดายจะกินต่อก็ไม่มีรสชาติ
“ไหวเซิน ฉันขอร้องคุณแล้วจริงๆ คุณอภัยให้ชิงซีเถอะนะ คุณไปดูลูกหน่อย ครั้งนี้ฉันไม่ได้โกหก ชิงซีอยู่ข้างในนั้นได้รับความลำบากมาก ลูกสาวของพวกเราเป็นคนที่พวกเราเลี้ยงมาจนโต คุณจะทำใจแข็งได้จริงๆ เหรอ”
ฉินอวิ๋นไม่เชื่อว่าเขาจะใจไม่ไส้ระกำแบบนั้น ตอนนี้เขาก็แค่ยังโกรธอยู่ ถ้ารู้ว่าชิงซีลำบากไม่น้อย ต้องใจอ่อนแน่นอน
ฉินอวิ๋นกอดความคิดนี้ไว้ ตั้งตารอคอยเมิ่งไหวเซินที่อยู่ในสาย น้ำตาของเธอไหลออกมาอย่างไร้เสียง ตอนนี้เมิ่งไหวเซินไม่อยู่ข้างเธอ เธอจะร้องไห้จนหมดแรงอีกกี่ครั้งเขาก็ไม่ใจอ่อน
“ฉินอวิ๋น ตอนนี้ผมไม่อยากคุยปัญหาเรื่องนี้กับคุณ ผมตัดสินใจแล้ว ถ้าคุณคิดอยากให้ลูกออกมาได้จริงๆ ก็ไปขอร้องเซ่าเซินเถอะ” สุดท้ายเมิ่งไหวเซินก็ยังปฏิเสธเธออย่างโหดร้ายทารุณ
ตอนที่ 452 รู้จักกัน
“ป้าหลิวคะ ช่วยพาแม่ไปที่ห้องที่พวกเราเตรียมไว้ก่อนหน้านี้หน่อยค่ะ” บนชั้นสองยังมีอีกหนึ่งห้อง ถึงเวลาค่อยเตรียมห้องที่ชั้นล่างให้โอวหยางหง
“อวี้หนิง ขอโทษด้วยนะ ช่วงนี้สุขภาพฉันไม่ค่อยจะดี คุณอย่าใส่ใจที่ฉันไม่ได้อยู่เป็นเพื่อนคุณนะ”
“ไม่เป็นไร หลานอี เธอรีบไปพักผ่อนเถอะ นั่งเครื่องมาตั้งนานต้องเหนื่อยแน่”
คุณแม่ถังเข้าใจเสิ่นหลานอีดีจึงไม่มีทางทำให้อีกฝ่ายต้องรู้สึกผิดแน่ อีกอย่างนี่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ไม่ต้องเกรงใจขนาดนั้น
พวกเสิ่นหลานอีจึงขึ้นไปพักผ่อน คุณแม่ถังก็ช่วยถังโจวโจวอุ้มเสี่ยวอวี่ และโอวหยางหงก็ไปส่งคุณพ่อถัง ตอนนี้ถังโจวโจวมีเรื่องต้องคิดว่าจะให้คนไปรับพ่อสามีและแม่สามีมาด้วยไหม
เธอพูดเรื่องนี้กับลั่วเซ่าเชิน “เซ่าเชิน คุณคิดว่ายังไง”
“ช่างเถอะ ตอนนี้ตัวตนจริงๆ ของคุณแม่ยังไม่เหมาะที่จะอธิบายกับใคร เดี๋ยวถึงเวลาถ้าคุณพ่อคุณแม่มาแล้วทุกคนลำบากใจกันคงไม่ค่อยดี” ลั่วเซ่าเชินกลัวว่าเมื่อคุณพ่อลั่วคุณแม่ลั่วมาจะทำให้ยุ่งยาก บรรยากาศบนโต๊ะจะพลอยแย่ลงไปด้วย นั่นไม่มีทางส่งผลดีต่อทุกคนแน่นอนอยู่แล้ว
เสิ่นหลานอีและโอวหยางเลี่ยนับว่ารู้จักกับคุณพ่อถังคุณแม่ถังแล้ว หลังจากนั้นทุกคนก็พูดคุยกันอย่างมีความสุข หลังทานอาหารเที่ยงแล้ว ในบ้านก็ได้ต้อนรับแขกผู้มาเยือน การมาของเขาทำให้ร่างกาย ของโอวหยางเลี่ยตึงเขม็งคอยระแวดระวังเขาอยู่ตลอดเวลา
คนคนนี้ก็คือเมิ่งไหวเซินนั่นเอง เมิ่งไหวเซินมาเพื่อบอกผลตรวจกับถังโจวโจว ไม่คิดว่าจะได้มาเจอกับเรื่องน่ายินดีแบบนี้
“หลานอี คุณยังมีชีวิตอยู่จริงๆ ใช่ไหม” เมิ่งไหวเซินเห็นร่างผู้หญิงที่ตายไปแล้วเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน รู้สึกว่าเวลาผ่านมาเนิ่นนานมากแล้วแต่เธอกลับยังดูเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลย
“เมิ่งไหวเซิ่น ไม่ได้เจอกันนานเลยจริงๆ” ป้าหลิวเป็นคนให้เมิ่งไหวเซินเข้ามาแต่ก็ไม่คิดว่าจะก่อให้เกิดสถานการณ์ที่น่าอึดอัดใจเช่นนี้ เมื่อเห็นโอวหยางเลี่ยที่ดวงตาที่เต็มไปด้วยเปลวไฟ ถังโจวโจวจึงรีบเข้าไปแทรกกลางวง “คุณเมิ่งคะ ทำไมคุณถึงมากะทันหันล่ะคะ เชิญนั่งก่อนไหมคะ”
ถังโจวโจวเองก็ไม่คิดว่าเมิ่งไหวเซินจะได้พบกับมารดากะทันหันแบบนี้ โอวหยางเลี่ยขวางอยู่ตรงหน้าเสิ่นหลานอีตลอดเวลา น่าเศร้าที่เมิ่งไหวเซินดูเหมือนจะไม่รู้สึกว่ามีโอวหยางเลี่ยอยู่เลย
“เมิ่งไหวเซิน ระวังกิริยาหน่อย ตอนนี้คุณเองก็มีผู้หญิงคนใหม่แล้ว ช่วยอย่ามองภรรยาของผมด้วยสายตาแบบนั้น”
“คุณคือ…โอวหยางเลี่ยงั้นเหรอ” เมิ่งไหวเซินเพิ่งจะรู้สึกตัวว่าตรงหน้าของตัวเองดูเหมือนจะเป็นผู้ชายที่ยังดูหนุ่มแน่นมากคนหนึ่ง ผ่านมาหลายปีแล้วเขายังดูไม่เปลี่ยนเลย เมื่อเทียบกับทั้งสองคนแล้ว เมิ่งไหวเซินถึงเพิ่งรู้สึกว่าตัวเองแก่แล้ว
“ครับ เมิ่งไหวเซิน ไม่คิดว่าหลายปีแล้ว แต่คุณก็ยังดูไม่จืดเหมือนเคย” ต้องบอกว่าเดิมทีเมิ่งไหวเซินนั้นก็ดูแลตัวเองอย่างดีมาตลอด แต่น่าเศร้าที่ช่วงนี้บริษัทเข้าไปพัวพันกับเรื่องยุ่งยาก เขายุ่งมาก ผมหงอกก็ขึ้นมาหลายเส้นโดยที่ไม่ทันรู้ตัว
จู่ๆ เมิ่งไหวเซินก็รู้สึกว่าการปรากฏตัวของถังโจวโจวนั้นเป็นแผนการลับครั้งใหญ่ ผลการตรวจก็ออกมาแน่ชัดแล้วว่าเธอคือลูกสาวของเขา หรือว่าที่เธอรู้อยู่แล้วก็เพราะเธอได้พบกับเสิ่นหลานอีมาก่อนนานแล้ว
“หลานอี ที่แท้คุณก็เป็นภรรยาของเขาแล้ว หรือที่หลายปีมานี้ที่คุณไม่เคยมาหาผมเป็นเพราะผู้ชายคนนี้ ทำไมคุณถึงทำกับลูกทั้งสองคนได้ลงคอแบบนี้!” การที่ผู้หญิงของตัวเองกลายไปเป็นของคนอื่นโดยที่ตัวเองไม่รู้แบบนี้ทำให้เมิ่งไหวเซินฉุนเฉียวเป็นอย่างมาก
เมื่อก่อนเมิ่งไหวเซินให้เกียรติเสิ่นหลานอีอย่างไร ตอนนี้ก็รังเกียจเธอมากเท่านั้น ทำไมผู้หญิงคนนี้ทำอย่างนี้ได้ลง
เสิ่นหลานอีได้เขาพูดเรื่องลูกใจก็สั่นไหวขึ้นมาทันที “เมิ่งไหวเซิน คุณยังกล้าพูดเรื่องลูกทั้งสองคนอีกเหรอ ตอนนั้นคุณทำอะไรลงไป ชิงเยียนของฉันจากโลกนี้ไปนานแล้ว หรือว่าไม่ใช่เพราะพ่ออย่างคุณเป็นต้นเหตุหรือไง”
เห็นเสิ่นหลานอีตบหน้าอกตัวเอง โอวหยางเลี่ยและโอวหยางหงก็ขัดขึ้นทันที “หลานอี อย่าไปให้ค่าคนแบบนี้เลย โกรธไปก็ไม่คุ้มหรอก”
“แม่ครับ แม่ไม่ต้องโกรธครับ เดี๋ยวเสี่ยวอวี่จะปวดใจนะครับ”
เมิ่งไหวเซินเห็นครอบครัวของพวกเขาต่างรักใคร่ปรองดองเช่นนั้นก็เอ่ย “ได้ เสิ่นหลานอี คุณนี้ดีจริงๆ ที่แท้คุณก็มีลูกชายที่โตขนาดนี้กับโอวหยางเลี่ยแล้วเหรอ”
“เมิ่งไหวเซิน คุณไม่มีสิทธิ์มาว่าฉันนะ ไม่ใช่ว่าคุณเองก็มีลูกสาวอย่างเมิ่งชิงซีกับฉินอวิ๋นแล้วเหรอ แล้วเมิ่งชิงซียังอ่อนกว่าชิงหลานแค่ปีเดียวเท่านั้นเอง”
ตอนที่ 453 เมิ่งไหวเซินได้เห็นแล้ว
เมิ่งไหวเซินถูกเสิ่นหลานอีตำหนิจนสะอึกไป ตอนนั้นที่เสิ่นหลานอีคลอดเมิ่งชิงหลานเขากับฉินอวิ๋นได้มีความสัมพันธ์กันโดยไม่ได้ตั้งใจจริง แต่เขาก็ไม่รู้ว่า ครั้งนั้นจะทำให้มีลูก
สำหรับเรื่องนี้ แน่นอนว่ามันเป็นความผิดของเขา “แต่ในเมื่อคุณยังมีชีวิตอยู่ ทำไมหลายปีมานี้คุณถึงไม่กลับมา”
“กลับมาเพื่อดูว่าคุณแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่นไปแล้วน่ะเหรอ” โอวหยางเลี่ยทนไม่ได้ที่เห็นเมิ่งไหวเซินแสดงท่าทีเสแสร้งออกมา มีอะไรก็พูดออกมาสิ ทำไมต้องมาทำท่าทางลึกซึ้งอะไรด้วยทั้งๆ ที่ความจริงแล้วคนที่เขารักที่สุดก็คือตัวเขาเอง
“แม่หลานอีคะ ลุงโอวหยาง พวกเรานั่งลงก่อนไหมคะ พ่อคะแม่คะ ช่วยพาเสี่ยวอวี่กับลั่วอิงไปพักในห้องหน่อยนะคะ”
“ได้ ลูกก็ใจเย็นนะ” คุณพ่อถังคุณแม่ถังเห็นว่าพ่อของถังโจวโจวคนนี้จ้องแต่จะโยนความผิดให้คนอื่น แต่กลับไม่เคยพิจารณาตัวเองเลยสักนิด
คุณพ่อถังจูงลั่วอิงส่วนคุณแม่ถังอุ้มเสี่ยวอวี่ ทั้งสองคนขึ้นไปบนชั้นสอง ในห้องรับแขกจึงเหลือเพียงพวกเขาหกคนที่นั่งอยู่
“คุณเมิ่งคะ เชิญนั่งก่อนค่ะ มีเรื่องอะไรพวกเรานั่งกันก่อนแล้วค่อยคุยกัน”
คำพูดของถังโจวโจวค่อนข้างมีอิทธิพลต่อเสิ่นหลานอี เสิ่นหลานอีจึงนั่งลง โอวหยางเลี่ยก็นั่งตามเธอ เมิ่งไหวเซินเห็นครอบครัวของพวกเขาท่าทางมีความสุข บรรยากาศของความสามัคคีที่เขาไม่สามารถแทรกเข้าไปได้อย่างนั้น
“ถังโจวโจว เธอเป็นลูกสาวของฉันแน่นอน เสิ่นหลานอีคงบอกเรื่องทั้งหมดนี้กับเธอแล้วใช่ไหม”
ถังโจวโจวพยักหน้า ในที่สุดเมิ่งไหวเซินก็รู้ว่าตัวเองถูกเธอปั่นหัวเอาเสียแล้ว เดิมทีถังโจวโจวรู้ความจริงทั้งหมดจากปากของเสิ่นหลานอีแล้วแท้ๆ เธอคงไม่ต้องการจะรู้จักพ่ออย่างเขาจริงๆ
“เสิ่นหลานอี ในเมื่อหลายปีมานี้คุณไม่เคยกลับมา แล้วจู่ๆ ทำไมคุณถึงกลับมา” เมิ่งไหวเซินค่อนข้างโกรธ ทำไมเธอต้องกลับมาด้วย ทำให้เขาคิดว่าเธอตายไปนานแล้วไม่ดีหรือไง
“ทำไมเมิ่งชิงซีต้องมาทำร้ายลูกสาวฉันด้วย ครั้งนี้ที่ฉันกลับมาก็เพื่อจะมาคิดบัญชีกับเธอ เมิ่งไหวเซิน คุณทำได้แค่พูดว่าเป็นพ่อแท้ๆ ของโจวโจวแต่กลับไม่เคยทำอะไรเลย” แต่ไหนแต่ไรมาเสิ่นหลานอีไม่เคยปฏิเสธว่าเขาคือพ่อของลูกสาวเธอ แต่นับวันเขายิ่งทำให้เธอผิดหวังมากขึ้นเรื่อยๆ
“แล้วคุณล่ะ หลายปีมานี้ที่โจวโจวต้องได้รับความทุกข์ใจความลำบาก ไม่ใช่เพราะมีแม่อย่างคุณเหรอ ชิงเยียนก็จากโลกนี้ไปนานแล้ว ก็เพราะว่าคุณไม่รีบกลับมาหาพวกเธอนั่นแหละ”
“เมิ่งไหวเซิน คุณลองพูดอีกทีซิ ลองดูว่าผมจะกล้าต่อยคุณไหม” โอวหยางเลี่ยเห็นเสิ่นหลานอีอารมณ์แปรปรวนไปมาแบบนั้นก็เอ่ยขึ้น ก็เคยบอกแล้วไงว่าอย่าให้เธอเจอกับเมิ่งไหวเซิน เธอก็ไม่ยอมฟัง
“โอวหยางเลี่ย คุณไม่มีสิทธิ์มาว่าผมนะ” พอเห็นโอวหยางเลี่ย เมิ่งไหวเซินก็ได้สติขึ้นมา เสิ่นหลานอีเป็นภรรยาของเขาไปแล้ว ไม่ใช่ของเขาเพียงคนเดียวอีกต่อไป
เมิ่งไหวเซินเองก็ไม่รู้ว่าทำไม ปกติถ้าผ่านมานานหลายปีขนาดนี้แล้ว เขาควรจะปล่อยวางได้แล้ว อาจเป็นเพราะครั้งล่าสุดเพิ่งทะเลาะกับฉินอวิ๋นไป เมิ่งไหวเซินรู้สึกว่าย้อนกลับไปยังช่วงเวลาที่เขาและหลานอีได้แต่งงานกันตอนนั้นก็ไม่เลวเลย
“ผมมีสิทธิ์แน่นอน คุณต่างหากที่ไม่มีสิทธิ์มาว่าหลานอี ตอนนี้ผมเป็นสามีของหลานอี ส่วนตอนนี้คุณคือคนอื่น” โอวหยางเลี่ยมักพูดถึงการมีอยู่ของฉินอวิ๋นอยู่ตลอด เป็นหลักฐานว่าเมิ่งไหวเซินทรยศเสิ่นหลานอี
ไม่สิ พูดอย่างนี้ก็ไม่ถูก เขาทรยศหลานอีมานานแล้ว หลานอีรู้ว่าเขาอยู่ข้างนอกก็ไปหาคนอื่น ดังนั้นเรื่องถึงแดงออกมา
“พอเถอะค่ะ ลุงโอวหยาง อย่าพูดถึงเรื่องนี้ต่อไปเลยค่ะ คุณเมิ่งคะ วันนี้ที่คุณมาก็เพื่อจะบอกผลการตรวจใช่ไหมคะ ถ้ามีแค่นี้ คุณกลับไปได้แล้วล่ะค่ะ”
ถังโจวโจวรู้ว่าโอวหยางเลี่ยอยากช่วยเสิ่นหลานอี แต่แม่ของเธอกับพ่อเองก็มีลูกด้วยกันถึงสองคนแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างกันมักจะตัดไม่ขาด อย่างคุณลุงโอวหยางคงทำได้เพียงทำให้รอยร้าวของทั้งคู่ยากจะประสานกันยิ่งขึ้นเท่านั้น
“โจวโจว พ่ออยากให้ลูกกลับไปที่บ้านตระกูลเมิ่งกับพ่อ ถ้าคุณปู่รู้ว่าลูกยังอยู่จะต้องดีใจมากแน่ๆ” ในที่สุดเมิ่งไหวเซินก็เอ่ยจุดประสงค์ของตัวเองออกมา เมื่อเสิ่นหลานอีได้ยินชื่อเมิ่งซงอวิ๋นก็เอ่ยถามว่า “คุณพ่อสบายดีไหม”
เมิ่งซงอวิ๋นเองก็น่าจะอายุมากแล้ว คนในตระกูลเมิ่งที่เสิ่นหลานอียังปล่อยวางไม่ได้ก็คือเมิ่งซงอวิ๋นและลูกสาวทั้งสองของเธอ ตอนนี้พอได้ยินชื่อเมิ่งซงอวิ๋นแน่นอนว่าย่อมอดไม่ได้ที่จะถามขึ้น
ตอนที่ 450 ยินยอม
“ที่แท้คุณโกหกฉัน โชคดีที่หลอกฉันไม่ได้” เสิ่นหลานอีพูดออกมาอย่างภาคภูมิใจ โอวหยางเลี่ยถึงจะวางใจขึ้นมาได้ เขาไม่สนใจจะต่อว่าเรื่องที่เธอแกล้งทำเป็นบาดเจ็บ ตอนนี้เพียงคิดว่าอยากเข้าไปดู ดูด้วยตาตัวเองว่าเสิ่นหลานอีไม่เป็นอะไรจริงๆ
“หลานอี ให้ผมเข้าไปดูคุณเร็ว คุณเป็นอะไรไหม พวกเรามาคุยกันดีๆ เถอะ” โอวหยางเลี่ยก็อยากเข้าไป เขาอยู่ข้างนอกคนเดียวจะช่วยอะไรใครได้
“คุณยอมฟังฉันแล้วใช่ไหม ถ้าคุณยอมให้ฉันกลับประเทศ ฉันก็จะให้คุณเข้ามา ไม่อย่างนั้น คุณก็เลิกคิดไปได้เลย” ครั้งนี้เสิ่นหลานอีตัดสินใจว่าต้องทำให้โอวหยางเลี่ยยอมเรื่องนี้ให้ได้
“หลานอี นอกจากเรื่องนี้แล้ว เรื่องอื่นผมรับปากคุณได้หมด”
“โอวหยางเลี่ย คุณอย่ากดดันฉันเลย ตอนนี้ฉันยังปรึกษากับคุณดีๆ แต่ถ้าคุณไม่ยอมรับปากจริงๆ ถึงเวลาฉันคงต้องทิ้งให้คุณอยู่ที่นี่แล้วกลับประเทศไปเองคนเดียว” เสิ่นหลานอีเริ่มใช้คำพูดกดดัน คนอย่างโอวหยางเลี่ยที่รักภรรยาอย่างนั้นจะรับได้ยังไง
“ได้ได้ ผมรับปากคุณ หลานอี คุณอย่าวู่วามนะ” สิ่งนี้เหมือนแทงลงมาตรงกลางใจของโอวหยางเลี่ย ถ้ายอมให้เสิ่นหลานอีกลับประเทศไปคนเดียว เขายิ่งไม่วางใจ เพราะเรื่องทั้งหมดไม่ได้อยู่ในการควบคุมของเขา ความรู้สึกนี้ช่างชวนให้ใจเจ็บช้ำจริงๆ
“คุณรับปากแล้วจริงๆ เหรอ” เสิ่นหลานอีถามและโอวหยางเลี่ยก็ยืนยันอีกครั้ง
“รับปากแล้ว รับปากแล้ว หลานอี คุณให้ผมเข้าไปได้ไหม” โอวหยางเลี่ยรีบตอบ และก็กลัวว่าเสิ่นหลานอีจะฟังเสียงเขาไม่ชัด
ในที่สุดประตูก็ถูกเปิดออก โอวหยางเลี่ยเห็นใบหน้าที่ภาคภูมิใจของเสิ่นหลานอีแต่ก็ไม่ได้สนใจ “หลานอี รีบให้ผมดูเร็วว่าบาดเจ็บตรงไหนรึเปล่า”
“ไม่มี ไม่เจ็บเลยค่ะ เลี่ย เมื่อกี้คุณรับปากเองนะ คุณห้ามถอนคำพูดนะ พรุ่งนี้พวกเราจะออกเดินทางกัน”
“ได้ ผมรับปากคุณแล้ว” โอวหยางเลี่ยเห็นเสิ่นหลานอีที่ยิ้มกว้างก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว ไม่ใช่ว่าเขาอยากให้เธอมีความสุขมาโดยตลอดเหรอ ตอนนี้แบบนี้ก็กำลังดีเลย
วันที่สอง โอวหยางหงก็ได้รับสายของเสิ่นหลานอี ฟังเสียงทางโทรศัพท์ก็รับรู้ได้ว่าแม่กำลังดีใจ โอวหยางหงนับวันยิ่งชื่มชมผู้เป็นแม่ที่สามารถทำให้พ่อยอมได้ ครั้งนี้แค่วันเดียวก็จัดการได้แล้ว นี่เป็นความเร็วที่น่าชื่นชมมาก
โอวหยางหงเอาเรื่องที่เสิ่นหลานอีจะมาบอกกับถังโจวโจวลัลั่วเซ่าเชิน วันที่สองทั้งสามคนเตรียมตัวที่จะไปรับเสิ่นหลานอีที่สนามบินด้วยกัน
เวลาผ่านไปเร็วมาก วันนี้ลั่วอิงเพิ่งจะพักผ่อนเสร็จ ดังนั้นถังโจวโจวจะพาเธอและเสี่ยวอวี่ไปด้วย ลั่วเซ่าเชินอยู่บนรถ โอวหยางหงก็ถึงนานแล้ว ทุกคนทานข้าวเช้าที่บ้านแล้วหลังจากนั้นก็ขับรถมุ่งหน้าไปสนามบิน
พวกเสิ่นหลานอีจะมาถึงกันประมาณเก้าโมงเช้า ลั่วเซ่าเชินก็ออกเดินทางกันตอนแปดโมง ยังมีเวลาเหลืออีกนิดหน่อย ถึงเวลาก็หาสถานที่ที่เห็นได้ง่าย เสิ่นหลานอีจะได้สามารถหาพวกเขาเจอได้ง่ายๆ
ความคิดนี้ของพวกถังโจวโจวไม่จำเป็นอย่างยิ่ง เพราะหน้าตาที่โดดเด่นของลั่วเซ่าเชินและโอวหยางหงนั้นเพียงยืนอยู่เฉยๆ ก็สามารถดึงดูดความสนใจของผู้คนได้มากมายแล้ว เมื่ออยู่ต่อหน้าคนมากมยที่สนามบินก็ยิ่งโดดเด่นเข้าไปใหญ่
“แม่ครับ ทางนี้ครับ” เสิ่นหลานอีและโอวหยางเลี่ยลากกระเป๋าเดินทางมาคนละใบ โอวหยางหงมองพ่อและแม่ ทั้งสองคนดูร่าเริงสดใส ไม่มีท่าทีเหนื่อยล้าแต่อย่างใด
“แม่ เหนื่อยไหมคะ” ถังโจวโจวที่อุ้มเสี่ยวอวี่อยู่ โอวหยางหงและลั่วเซ่าเชินรับกระเป๋าเดินทางแล้วก็เดินออกไป
“ไม่เหนื่อยหรอก ลั่วอิง ไม่ได้เจอยายตั้งนาน คิดถึงยายไหม น่าเสียดายที่เสี่ยวอวี่ยังพูดไม่ได้ ไม่อย่างนั้นก็จะดีใจกว่านี้นะเนี่ย”
“คุณยายคะ หนูคิดถึงคุณยายแน่นอนอยู่แล้วล่ะคะ” ลั่วอิงพุ่งเข้าไปในอ้อมกอดของเสิ่นหลานอี โอวหยางเลี่ยก้าวมาข้างหน้าก้าวหนึ่งแต่เสิ่นหลานอีไม่ได้สังเกต ถึงจะสังเกตแต่เธอก็ไม่สนใจอยู่ดี ก็แค่กอดคนอื่นเองไม่ใช่เหรอ ผู้ชายคนนี้ขี้เหนียวเหมือนแต่ก่อนไม่มีผิด
“คุณอาโอวหยาง อากับแม่คงจะเหนื่อยแล้ว พวกเรากลับกันเถอะค่ะ ห้องพักที่บ้านเตรียมไว้พร้อมแล้วค่ะ”
“โจวโจว ผมคิดว่าพ่อน่าจะเตรียมการไว้แล้วนะ” โอวหยางหงเห็นสายตาของโอวหยางเลี่ยก็เข้าใจทันที พ่อคงไม่ยอมอยู่ร่วมกับคนอื่น มันรบกวนความเป็นส่วนตัวของเขาและแม่
ตอนที่ 451 ต้องอยู่ด้วยกัน
“ฉันกับหลานอีมีที่พักแล้ว เรื่องนี้พวกเธอไม่ต้องกังวล” โอวหยางหงสดงสีหน้าว่าคิดไว้แล้ว ก็บอกถังโจวโจวตั้งนานแล้วว่าไม่ต้องกังวลเรื่องนี้ ดูเอาเถอะ เตรียมไว้ตั้งเยอะแยะ ผลที่ออกมาก็ไม่ต้องใช้อะไรเลย
“เลี่ย ใครบอกว่าฉันจะอยู่ข้างนอก จะมาหาแต่ละครั้งก็ลำบาก ก็ต้องอยู่กับโจวโจวสิคะ” เสิ่นหลานอีทำลายแผนที่วางไว้ของโอวหยางเลี่ย
“หลานอี คุณ…”
“ฉันไม่สน ถ้าคุณอยากพักข้างนอกคุณก็ไปเถอะ ยังไงฉันก็จะอยู่กับโจวโจว” เสิ่นหลานอีไม่ใช่คนประเภทที่ยอมโอนอ่อนให้โอวหยางเลี่ยจนเสียความเป็นตัวของตัวเองไป ที่ก่อนหน้านี้เธอไม่ว่าอะไรเพราะไม่ใช่เรื่องที่เธอใส่ใจ
โอวหยางเลี่ยหน้าเสีย ในความเป็นจริง ตั้งแต่ลงมาถึงพื้นดิน สีหน้าของเขาไม่ก็ไม่ได้ดีอยู่แล้ว เพียงแค่คิดขึ้นมาว่าเสิ่นหลานอีสามารถเจอเมิ่งไหวเซินได้ตลอดเวลา อารมณ์ของเขาก็ย่ำแย่ลงอย่างไม่มีเหตุผล
“แม่ครับ ในเมื่อแม่พูดอย่างนี้ ถ้าอย่างนั้นผมก็จะอยู่ที่บ้านโจวโจวด้วย เชื่อว่าเธอเองก็จะต้อนรับผมเหมือนกัน” โอวหยางหงพูดความคิดของเขาออกมาทันที มีเรื่องน่าสนุกให้ดูแล้ว พ่อต้องยอมแพ้ให้แม่แน่
“โจวโจว ถ้าอย่างนั้นก็เอาตามที่แม่เธอบอกเลย พวกเราไปกันเถอะ” โอวหยางเลี่ยเห็นเสิ่นหลานอีดื้อรั้นก็คิดว่าคงไม่ดีถ้าจะปฏิเสธเธออีกครั้ง รออีกเดี๋ยวถ้าเธอเกิดกดดันอะไรเขาขึ้นมาอีก ยังไม่รู้ว่าเสิ่นหลานอีจะแสดงสีหน้าหรือทำอะไรออกมา ตอนนี้ในสถานการณ์นี้ ยังไงให้เธออยู่ข้างกายจะปลอดภัยมากกว่า
กลุ่มคนกลุ่มหนึ่งมุ่งหน้าไปที่คฤหาสน์ของลั่วเซ่าเชิน โอวหยางหงรับโอวหยางเลี่ยและเสิ่นหลานอี ขึ้นรถ ส่วนครอบครัวลั่วเซ่าเชินก็นั่งรถคันเดียวกันเหมือนตอนขามา
เมื่อถึงประตูคฤหาสน์ โอวหยางหงก็ให้พ่อและแม่อยู่ที่นี่ก่อน “แม่ครับ อีกเดี๋ยวผมมาใหม่นะครับ”
“ได้” เสิ่นหลานอีมองโอวหยางหงขับรถออกไป ถึงจะเห็นสิ่งปลูกสร้างที่อยู่ด้านหน้า นี่คือบ้านของลูกสาวเธอเหรอ
“แม่คะ คุณอาโอวหยาง พวกเราเข้าไปกันเถอะค่ะ” ถังโจวโจวชักชวนทั้งสองคนให้เข้าไปข้างใน แน่นอนว่าลั่วเซ่าเชินเป็นคนขนย้ายของอยู่
เมื่อถึงที่ห้องรับแขก ถังโจวโจวถึงพบว่าคุณแม่ถังนั่งอยู่ในห้อง “แม่คะ แม่มาได้ยังไง อ้อ หนูลืมบอกแม่ไปสิเนี่ย” ถังโจวโจวเพิ่งจะนึกออกว่า เธอลืมบอกเรื่องที่เธอจะไปรับเสิ่นหลานอีให้คุณแม่ถังฟัง ทำให้คุณแม่ถังมานั่งรออยู่ที่นี่นานมากแล้ว
“ไม่เป็นไรลูก โจวโจว นี่คือแม่แท้ๆ ของหนูใช่ไหม” คุณแม่ถังยืนขึ้นและเดินไปยังหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างหลัง เสิ่นหลานอีคงจะอ่อนกว่าเธอไม่เท่าไหร่ แต่ก็ยังดูสาวมาก อาจจะเพราะดูแลตัวเองดี หรืออาจจะด้วยเหตุผลอื่น นี่เป็นสิ่งที่คุณแม่ถังจะไม่อาจเอื้อมถึงได้
“สวัสดีค่ะ ฉันคือเสิ่นหลานอี ขอบคุณมากนะคะที่หลายปีมานี้คุณดูแลโจวโจวมาตลอด”
“ฉันหวังอวี้หนิง ช่วงเวลาหลายปีมานี้ควรเป็นฉันและจิงเจินที่ควรขอบคุณที่มีโจวโจวอยู่ เธอทำให้พวกเรามีความสุขอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อนในแต่ละวัน” ถ้าไม่มีถังโจวโจว เชื่อว่าพวกบ้านเธอคงจะมีเสียงหัวเราะน้อยว่านี้มาก
เสิ่นหลานอีเห็นว่าในใจคุณแม่ถังเต็มไปด้วยความขอบคุณ เพราะผู้หญิงคนนี้คอยดูแลลูกสาวของเธอ ถ้าไม่มีคุณพ่อถัง คุณแม่ถัง ตอนนี้ลูกสาวของเธอจะเป็นยังไง จะไร้วาสนาเหมือนลูกสาวคนโตของเธอหรือเปล่า
“แม่คะ พวกแม่นั่งกันก่อนเถอะค่ะ” ถังโจวโจวคิดหนักอยู่ครู่หนึ่งว่าจะเรียกแม่ทั้งสองคนว่ายังไงดี ถ้าเรียกแม่เหมือนกัน ทั้งคู่คงต้องแยกไม่ออกแน่
“โจวโจว ถ้าอย่างนั้นลูกเรียกคุณแม่อวี้หนิง เรียกแม่ว่าแม่ก็พอแล้ว อวี้หนิง คุณไม่ถือสาที่ฉันเรียกแบบนี้ใช่ไหมคะ” น้ำเสียงที่เสิ่นหลานอีพูดนั้นอ่อนโยนมาก หวังอวี้หนิงจะถือสาได้ยังไง เธอรีบโบกมือ “แบบนี้ดีมากเลยค่ะ”
เธอพอใจมาก ตอนนี้ยังสามารถได้เจอกับถังโจวโจว ก็ถือเป็นของขวัญชิ้นใหญ่ที่สวรรค์ให้แก่เธอแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะเมื่อก่อน ถังโจวโจวความจำเสื่อม ไม่อย่างนั้นทั้งชีวิตของเธอก็ไม่มีโอกาสได้เจอถังโจวโจว นั่นถึงจะเป็นความเจ็บปวดอย่างถึงที่สุดของเธอ ดังนั้นตอนนี้เธอพอใจมากแล้ว
“แม่คะ เดี๋ยวหนูจะให้คนไปรับพ่อมานะคะ วันนี้ครอบครัวพวกเรามากินข้าวกับแบบพร้อมหน้าพร้อมตาเถอะ คุณอาโอวหยางคะ แม่คะ จะขึ้นไปพักที่ชั้นบนก่อนไหมคะ” ถังโจวโจวเห็นโอวหยางเลี่ยดูเหมือนจะหงุดหงิดเล็กน้อย แต่เธอชินเสียแล้ว กลัวแต่ว่าคุณแม่ถังจะเข้าใจผิด
“ได้ ถ้าอย่างนั้นแม่กับอาโอวหยางขึ้นไปพักในห้องก่อนนะ” น้ำเสียงของเสิ่นหลานอีดูไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่นัก
ตอนที่ 448 เสิ่นหลานอีเตรียมตัวกลับประเทศ
ฉินเหยียนอธิบายคำสั่งที่ฉินอวิ๋นสั่งให้เธอทำกับเสิ่นเยี่ยนอย่างกระชับ เสิ่นเยี่ยนฟังเรื่องราวของฉินอวิ๋นแล้วก็มองตรงไปที่เธอทันที “หลานสาวของคุณคนนั้นไม่ใช่ว่าฉลาดมากเหรอ ทำไมถึงถูกคนจับไปเข้าคุกได้ล่ะ”
เสิ่นเยี่ยนยังจำได้ว่าเมิ่งชิงซีมีสีหน้ายังไงกับเขา ถึงแม้ว่าทั้งสองคนในหนึ่งปีเจอกันไม่กี่ครั้ง แต่เมิ่งชิงซีที่ชอบทำตัวเหนือกว่าคนอื่นคนนั้นเสิ่นเยี่ยนเองก็ไม่ชอบ ณ จุดนี้ เสิ่นเยี่ยนและฉินเหยียนมีความเห็นตรงกัน
“ไม่ใช่เพราะผู้ชายคนเดียวเหรอ คุณไม่ต้องสนใจอะไรมากหรอก แค่บอกมาว่าช่วยได้ไหม” ฉินเหยียนไม่อยากจะทะเลาะกับเสิ่นเยี่ยน ช่วยได้ไหมแค่พูดมาคำเดียวก็ได้แล้ว
“ช่วยแน่นอน ต่อไปพวกเรายังต้องอาศัยบารมีของพี่สาวคุณอีกนะ” เสิ่นเยี่ยนและฉินเหยียนคิดเหมือนกัน ถ้าฉินอวิ๋นไม่มีตำแหน่งอยู่ในตระกูลเมิ่ง เสิ่นเยี่ยนก็จะไม่มีต้นทุนอะไรไปอวดต่อหน้าคนอื่น
“ถ้าอย่างนั้นก็ดี คุณรีบไปสืบมาว่ามีวิธีไหนพอจะช่วยได้บ้าง ถ้าไม่ได้จริงๆ ก็ช่างมัน” ขอแค่พวกเธอทุ่มสุดตัวแล้ว ฉินอวิ๋นก็คงจะพูดอะไรไม่ได้
สุดท้ายสีหน้าของเสิ่นเยี่ยนก็ไม่ได้ดูผ่อนคลายเหมือนก่อนหน้านี้อีก คดีนี้ของเมิ่งชิงซีเกรงว่าจะยากแล้ว ใครใช้ให้เธอหาเรื่องใส่ตัวล่ะ แต่พี่เขยของเขาทำไมไม่เห็นมาออกหน้าเลย
ต่อมาเสิ่นเยี่ยนก็ถามคำถามนี้ ฉินเหยียนเองก็เล่าสิ่งที่ฉินอวิ๋นบอกมาให้เขาฟัง เสิ่นเยี่ยนถึงได้เข้าใจ ก็คือถ้าเมิ่งไหวเซินยอมออกหน้าเรื่องราวก็คงไม่เป็นอย่างตอนนี้
ผ่านไปสองวัน ในที่สุดเมิ่งไหวเซินก็ได้รับผลตรวจดีเอ็นเอจากโรงพยาบาล เรื่องนี้เขาไปทำเองคนเดียวทั้งหมด กับซูซานก็ไม่ให้เธอทำเพราะกลัวว่าจะได้รับผลตรวจที่ไม่ถูกต้อง
เมื่อเห็นผลตรวจที่แสดงผลบอกว่าถังโจวโจวและเขามีความเป็นพ่อลูกกันถึงเก้าสิบเก้าจุดเก้าเปอร์เซ็นต์ ในที่สุดเมิ่งไหวเซินก็เผยรอยยิ้มที่ออกมาจากใจได้เสียที
“ดีเหลือเกิน คงจะมีทางช่วยบริษัทได้แล้ว” ตอนนี้ในสมองเมิ่งไหวเซินมีแต่เรื่องของตระกูลเมิ่ง ตอนนี้ถังโจวโจวคือลูกสาวของเขา ถ้าเขาบอกให้ลั่วเซ่าเซินช่วยเขา ลั่วเซ่าเซินเองก็คงปฏิเสธไม่ได้ ดูเหมือนว่าลูกสาวคนนี้ยังมีประโยชน์อยู่บ้าง
เพียงแต่เมื่อเมิ่งไหวเซินคิดถึงปฏิกิริยาครั้งก่อนที่ถังโจวโจวแสดงต่อเขา เขาจึงควรจะคิดหาวิธีสักหน่อย ทำให้ถังโจวโจวยอมกลับมาที่ตระกูลเมิ่งกับเขาดีๆ
เสิ่นหลานอีตั้งแต่รู้ว่าโอวหยางหงไปหาถังโจวโจว ทุกๆ วันก็จะให้ลูกชายรายงานว่าตอนนี้ชีวิตช่วงนี้ของลูกสาวเป็นอย่างไรบ้างแล้ว ทุกๆ ครั้งโอวหยางหงก็จะบอกแค่ข่าวดีไม่บอกข่าวร้าย แต่ผ่านไปไม่นาน เสิ่นหลานอีก็ยังคงจับได้
หลังจากนั้นพอถูกเธอหนักเข้า โอวหยางหงถึงยอมพูดเรื่องเมิ่งชิงซี อย่างที่คิดไว้ เสิ่นหลานอีคิดจะนั่งเครื่องบินกลับมาทันที
“แม่ครับ พ่อจะยอมเหรอครับ” ต้องรู้ว่าโอวหยางเลี่ยนั้นเป็นคนขี้หึงมาก ตอนนี้ที่นี้มีเมิ่งไหวเซินอยู่ด้วย พ่อจะทนเห็นแม่กับอดีตสามีเจอกันได้เหรอ ถึงเวลาถ่านไฟเก่าปะทุขึ้นมาอีก พ่อจะมานั่งเสียใจก็คงแก้ไขไม่ทันแล้ว
“เรื่องพ่อของลูกแม่จัดการเอง ลูกไม่ต้องกังวล แค่อย่าเพิ่งบอกโจวโจว แม่อาจจะต้องเลื่อนเวลาอีกสองสามวัน” ในใจเสิ่นหลานอีได้วางแผนไว้แล้ว เป็นกลยุทธ์ที่จะทำให้โอวหยางเลี่ยต้องยอมแพ้
“แม่ครับ แม่ควรจะดีต่อพ่อหน่อยนะ พ่อเป็นห่วงแม่นะ” เวลานี้โอวหยางหงกลับไม่ได้ห้ามปรามมารดาหรือพูดแทนบิดา แต่รออีกเดี๋ยวสาบานได้เลยว่าพ่อจะไม่พอใจแน่ แม่ตัดสินใจจะทิ้งพ่อไว้แล้วไปคนเดียวแบบนี้ ไม่รู้ว่าพอถึงเวลาบิดาจะโกรธถึงขั้นไหน
โอวหยางหงพยายามที่จะโน้มน้าวใจ “ลูกวางใจเถอะ แม่จะไม่ทำผิดต่อเขา” เสิ่นหลานอีจะทำให้โอวหยางเลี่ยเสียใจได้ยังไง อย่างมากก็อาจทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดนิดหน่อยเท่านั้น
ต้องบอกว่าที่ตอนนี้เสิ่นหลานอีสามารถยืนหยัดตัวเองขึ้นมาได้อย่างนี้ก็เพราะความรักของโอวหยางเลี่ยที่มีต่อเธอ ต้องรู้ว่าความรักนั้นมีสองด้านถ้าทนไม่ไหวก็จะต้องยอมอ่อนข้อ ก็เพราะว่าคุณรักอีกฝ่ายอย่างลึกซึ้ง รักจนสุดหัวใจมากกว่า
แต่ก็ต้องรู้ว่า บางครั้ง การยอมอ่อนข้อก็คือความสุขอย่างหนึ่ง ถ้าโอวหยางเลี่ยไม่มีเสิ่นหลานอีอยู่ บางทีตอนนี้เขาก็ไม่สามารถมีชีวิตมาถึงตอนนี้ได้
“แม่ครับ ผมวางสายก่อนนะ ก่อนแม่จะมาโทรหาผมด้วย ผมจะไปรับเอง”
“รู้แล้ว ลูกดูพี่สาวด้วยล่ะ อย่าให้ใครรังแกเธอได้” เสิ่นหลานอีก็ไม่กลัวว่าลูกชายจะต่อว่าเธอที่ลำเอียง ในใจของเธอลูกทุกคนสำคัญเหมือนกันหมด เพียงแต่โอวหยางหงดูแลตัวเองได้ดีแล้ว ดังนั้นเสิ่นหลานอีจึงเป็นห่วงเขาน้อยลงได้หน่อย
ตอนที่ 449 โอวหยางเลี่ยหวาดกลัว
“แม่ครับ แม่วางใจเถอะ ใครจะรังแกผมไม่ว่าแต่จะรังแกพี่สาวผมไม่ได้” โอวหยางหงทำเหมือนกับว่าถังโจวโจวเป็นน้องสาวที่รักมากคนหนึ่ง ถึงแม้ว่าอายุของถังโจวโจวจะมากกว่าเขาก็ตามที
แต่ในใจของโอวหยางหงนั้น ถังโจวโจวก็เป็นเหมือนน้องสาวของเขาจริงๆ ใครใช้ให้เขามีความเป็นผู้ใหญ่มากกว่าคนอื่นล่ะ ให้ถังโจวโจวเป็นน้องสาวก็ไม่ได้เกินไปนัก
“ดี เดี๋ยวพ่อของลูกจะกลับมาแล้ว แม่วางสายก่อนนะ”
“ครับ”
เสิ่นหลานอีและโอวหยางหงคุยกันเสร็จแล้ว โอวหยางเลี่ยก็เปิดประตูเข้ามาพอดี “หลานอี เมื่อกี้คุณคุยโทรศัพท์อยู่กับใครเหรอ”
“อ้อ เมื่อกี้ถามความเป็นอยู่ของโจวโจวอยู่น่ะค่ะ เลี่ยคะ ฉันอยากกลับไปสักหน่อย”
“กลับไปไหนครับ” ขณะที่โอวหยางเลี่ยยังคิดอยู่ว่าเสิ่นหลานอีอยากกลับไปไหน เสิ่นหลานอีก็ไขข้อสงสัยให้เขาทันที
“กลับประเทศไงคะ โจวโจวเกิดเรื่อง แม่อย่างฉันควรจะไปช่วยเธอหน่อย” เสิ่นหลานอีจับแขนของโอวหยางเลี่ย ถามด้วยท่าทีออดอ้อน
“ไม่ได้ ผมไม่อนุญาติ” โอวหยางเลี่ยใช้คำพูดปฏิเสธเธออย่างรุนแรง กลับประเทศเหรอ นั่นเป็นเรื่องที่เขาไม่มีทางอนุญาติเด็ดขาด ถ้าเสิ่นหลานอีกลับไปเจอกับเมิ่งไหวเซินเข้าจะทำยังไง ถ้าเมิ่งไหวเซินต้องการแย่งเธอกลับไปจะทำยังไง
“เลี่ยคะ ฉันก็แค่อยากกลับไปช่วยโจวโจว ทำไมคุณทำแบบนี้ล่ะคะ” เสิ่นหลานอีไม่คิดว่าแค่พูดออกมาประโยคเดียวก็ทำให้โอวหยางเลี่ยปฏิเสธออกมาอย่างรุนแรงแบบนี้
“คุณแน่ใจไหมว่าจะไม่ไปเจอกับเมิ่งไหวเซินเข้า” โอวหยางเลี่ยมองตาของเสิ่นหลานอี มองอย่างลึกซึ้ง ถึงเสิ่นหลานอีอยากจะซ่อนยังไงก็ซ่อนไม่มิด
เรื่องนี้เสิ่นหลานอีไม่แน่ใจจริงๆ ต้องรู้ว่าเธอก็ไม่รู้ว่าเมิ่งไหวเซินจะปรากฏตัวออกมาเมื่อไหร่ เธอจะหลีกเลี่ยงได้ยังไง
“เลี่ยคะ ฉันทำได้แค่รับปากกับคุณ จะพยายามไม่ให้เจอเข้ากับเขา ฉันจะเลี่ยงเขาดีไหมคะ”
อย่างนี้ก็คงได้แล้วมั้ง เสิ่นหลานอีเข้าใจว่าโอวหยางเลี่ยต้องการจะปกป้องเธอ เพียงแต่ทางฝั่งถังโจวโจวเธอก็ไม่วางใจเลยจริงๆ ถ้าโอวหยางเลี่ยไม่ให้เธอไป เธอก็คงจะต้องทิ้งเขาไว้คนเดียว
“ไม่ได้ ยังไงผมก็ไม่ยอม” โอวหยางเลี่ยกลัวว่ารออีกเดี๋ยวเสิ่นหลานอีจะขอร้องจนเขาใจอ่อนจึงหันตัวกลับไปที่ห้องหนังสือ เสิ่นหลานอีเห็นโอวหยางเลี่ยหลบหน้าเธอ ในใจก็รู้สึกหดหู่
ได้ ดูซิว่าคุณจะหลบได้ถึงเมื่อไหร่ เสิ่นหลานอียังมีวิธีที่จะจัดการกับเขา
เมื่อถึงตอนค่ำ เมื่อโอวหยางเลี่ยก็ยื่นมือไปเปิดประตูแต่พบว่าประตูถูกล็อก ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเสิ่นหลานอีเป็นคนล็อก “หลานอี เปิดประตูเร็ว คุณล็อกประตูทำไม”
“โอวหยางเลี่ย ถ้าคุณไม่รับปากฉันว่าจะให้ฉันกลับประเทศ คุณก็อย่าคิดที่จะได้เข้ามาเลย” เสิ่นหลานอีตะโกนตอบกลับไป ดูเหมือนว่าจะทำให้โอวหยางเลี่ยไม่พอใจมาก
โอวหยางเลี่ยขมขื่นจนพูดไม่ออก เขาก็แค่กลัวว่าภรรยาของตัวเองจะถูกเมิ่งไหวเซินแย่งกลับไป นอกจากนี้ก็ไม่กลับประเทศมาตั้งหลายปี จู่ๆ จะกลับไปอย่างกะทันหัน โอวหยางเลี่ยก็จินตนาการได้เลยว่า จะต้องมีใครหลายคนมาแย่งเสิ่นหลานอีไปจากเขาแน่
“ไม่ได้ เรื่องนี้ผมรับปากไม่ได้จริงๆ” โอวหยางเลี่ยยืนอยู่หน้าประตู เสิ่นหลานอีก็คงจะไม่ใช่ว่าจะไม่ออกจากห้องหรอก
เสิ่นหลานอีฟังแล้วเหมือนด้านนอกจะไม่มีการเคลื่อนไหวอีก หรือโอวหยางเลี่ยจะออกไปแล้ว หรือเขาไม่สนใจความรู้สึกของเธอจริงๆ ทำไมถึงทิ้งเธอไว้คนเดียว
เธอเข้าไปใกล้ประตูอย่างช้าๆ แนบหูไว้กับประตู แม้แต่เสียงนิดเดียวก็ไม่ได้ยิน เธอฉุกคิดขึ้นมา รู้สึกว่าการมีประตูเก็บเสียงก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย
“เลี่ย คุณยังอยู่ข้างนอกไหม”
โอวหยางเลี่ยเดิมทีคิดอยากจะตอบ แต่คิดอีกทีถ้าทำให้เสิ่นหลานอีคิดว่าเขาไปแล้ว แบบนี้เขาถึงจะมีโอกาส ดังนั้นเขาจึงพยายามที่จะควบคุมลมหายใจของตัวเอง
เสิ่นหลานอีไม่ได้ยินเสียงตอบรับจากโอวหยางเลี่ยก็กลัวว่าเขาจะรออยู่หน้าประตู ถ้าเปิดประตูเธอก็จะแพ้ใช่ไหม แล้วอย่างนี้จะทำยังไงดี ตอนนี้กลับเป็นเสิ่นหลานอีที่ต้องหนักใจแทน
“เลี่ย คุณไปแล้วจริงๆ เหรอ คุณไม่สนใจฉันแล้วจริงๆ เหรอ” เสิ่นหลานอีถามต่อไปอีก แต่ก็ยังไม่มีเสียงใดๆ ตอบรับกลับมา
เธอกลอกตาไปมาสองสามครั้งก็เกิดความคิดขึ้นทันที “ว้าย เลี่ย ฉันเจ็บจังเลย”
โอวหยางเลี่ยได้ยินเสียงข้างในเหมือนมีของอะไรชนกันก็คิดว่าเสิ่นหลานอีถูกของหล่นใส่ เขาจึงถามอย่างร้อนรน “หลานอี คุณเป็นอะไร เจ็บตรงไหน รีบเปิดประตูเร็ว ผมจะไปช่วยคุณ”
ตอนที่ 446 อยากออกไป
“ทำไมคะ แม่คะแม่รีบยัดเงินให้พวกเขาสักนิดหน่อย พวกเขารับเงินไปก็จะได้ปล่อยหนูไป หนูไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว” เมิ่งชิงซีไม่ต้องการประสบกับการเมินเฉยจากคนในนี้ ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่เธอควรจะอยู่
เธอชอบยืนอยู่ที่สูงๆ เพลิดเพลินกับการเป็นจุดสนใจของทุกคน รสชาติแบบนั้นต่างหากถึงจะเป็นสิ่งที่เมิ่งชิงซีควรได้รับ ไม่ใช่มาอยู่ในที่แบบนี้ แค่เห็นสายตาของพวกเขา นี่ก็ไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการแล้ว
“ชิงซี ไม่ใช่ว่าแม่ไม่อยากพาลูกออกไปนะ แม่ก็อยากยัดเงิน แต่พวกเขาไม่รับ แม่จะทำยังไง” ฉินอวิ๋นหมดหนทาง เธอเชื่อมาตลอดว่าแค่ใช้เงินก็ไม่มีเรื่องอะไรที่ทำไม่ได้ ก่อนหน้านี้ก็เป็นการยืนยันได้ว่าความคิดนี้ของเธอนั้นถูกต้อง
แต่ตอนนี้เรื่องนี้ของเมิ่งชิงซี ในช่วงเวลาที่สำคัญแบบนี้ เธอมีเงินแต่กลับทำอะไรไม่ได้ คนอื่นก็ไม่ยอมรับเงิน ทำให้ฉินอวิ๋นต้องเจอประสบกับความยากลำบาก
“แม่คะ แม่คิดหาวิธีสิคะ ให้พ่อมา พ่อต้องมีวิธีแน่” ในสถานการณ์ที่สิ้นหวังแบบนี้เมิ่งชิงซีพยายามทำทุกอย่าง ขอแค่เอาเธอออกไปได้ ให้เธอจ่ายเท่าไหร่เธอก็ยอม
“พ่อของลูกเขา….” ฉินอวิ๋นเห็นเมิ่งชิงซีดูกังวลเลยพูดประโยคนี้ออกไปไม่ได้ ตอนนี้จะไปซ้ำเติมรอยแผลเธอได้ยังไงกัน
“พ่อทำไมคะ” เมิ่งชิงซีเห็นฉินอวิ๋นพูดไม่จบประโยคก็จับมือเธอไว้แน่น ตอนนี้ฉินอวิ๋นเป็นความหวังเดียว เธอไม่มีทางยอมปล่อยไปแน่ ไหนเลยจะยังคิดถึงเรื่องที่เคยอารมณ์เสียใส่ฉินอวิ๋นก่อนหน้านี้
“พ่อของลูกบอกแล้วว่า เรื่องของลูกเขาจะไม่ยุ่ง ชิงซี ลูกก็อย่าร้อนใจไป แม่จะให้น้าสะใภ้น้าเขยของลูกช่วยคิดหาวิธี แม่จะต้องหาทนายที่ดีที่สุดมาช่วยว่าความให้ลูกชนะให้ได้”
ฉินอวิ๋นกลัวว่าการกระทำของเมิ่งไหวเซินจะทำร้ายใจของเมิ่งชิงซีจึงรีบเอ่ยเสริมไปหลายประโยค บางทีเธอควรลองไปหาน้องสาวของตัวเองให้ช่วยคิดหาวิธีดู ก่อนหน้านี้ช่วยเธอไปตั้งเยอะ ตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่ต้องช่วยเธอกลับบ้าง
“แม่คะ พ่อหมายความว่ายังไง หรือหนูไม่ใช่ลูกของพ่อหรือไง” เมิ่งชิงซีไม่คิดว่าเมิ่งไหวเซินไม่เพียงไม่มาเยี่ยมเธอ ยังไม่ยอมช่วยเหลือเธอด้วย เธอใช่ลูกแท้ๆ ของพ่อไหม หรือเธอถูกเก็บมาเลี้ยง
“ชิงซี ลูกเป็นลูกของคุณพ่อแน่นอนจ๊ะ เพียงแต่ตอนนี้พ่อของลูกโกรธมาก ผ่านไปอีกสักพักก็จะดีขึ้นเอง ลูกทนอีกหน่อยนะ แม่จะมาเยี่ยมลูกบ่อยๆ” ฉินอวิ๋นเองก็หมดหนทาง เมิ่งไหวเซินบอกแล้วว่าจะไม่มาเยี่ยมก็คือจะไม่มา เมิ่งชิงซีร้องไห้ไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร
“แม่คะ ถ้าหนูออกไปได้หนูจะไม่ปล่อยถังโจวโจวไว้แน่ ทั้งหมดเป็นเพราะมัน” เมิ่งชิงซีรับรองกับฉินอวิ๋น แม้ว่าจะปวดใจกับการกระทำของเมิ่งไหวเซิน เพียงแต่ตอนนี้สิ่งสำคัญคือต้องออกไปให้ได้ก่อน นอกจากนั้นตอนนี้เธอเองก็ไม่มีกำลังพอที่จะไปงัดข้อกับบิดาได้
“ชิงซี ทำไมลูกยังพูดอย่างนี้อยู่อีก แม่ก็อยากให้ถังโจวโจวเกิดเรื่องเร็วๆ แต่ลูกเองก็ได้รับบทเรียนแล้ว ตอนนี้ลั่วเซ่าเชินคอยหนุนหลังเธออยู่ ถ้าไม่มีลั่วเซ่าเชินช่วย ครั้งนี้ลูกจะต้องเจอปัญหาอย่างนี้เหรอ”
ฉินอวิ๋นคิดดูแล้วก็รู้ว่าเมิ่งชิงซีไปแตะโดนจุดต้องห้ามของลั่วเซ่าเชินเข้าเสียแล้ว หล่อนนึกสงสารลูกสาวที่ตอนนี้ยังดูไม่ออกอีก ผู้ชายล้วนเชื่อไม่ได้สักคน นับประสาอะไรกับที่ใจของผู้ชายคนนี้ไม่ได้อยู่ที่เธอด้วยแล้ว
“แม่คะ ต้องไม่ใช่เพราะของพี่เซ่าเชินแน่นอน ต้องเป็นถังโจวโจว มันต้องเป่าหูพี่เซ่าเชิน ไม่อย่างนั้นพี่เซ่าเชินจะใจร้ายกับหนูขนาดนี้ได้ยังไง” เมิ่งชิงซีไม่อยากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก เธอยอมทำตัวเป็นเต่าหดหัวเสียยังดีกว่า
ฉินอวิ๋นเห็นว่าเมิ่งชิงซีไม่ยอมเปลี่ยนความคิด ลั่วเซ่าเชินปฏิบัติต่อเธอนั้นชัดเจนอยู่แล้ว เธอยังไม่ยอมแพ้อีก ลั่วเซ่าเชินมีอะไรดีนัก ถึงมีค่าพอให้เมิ่งชิงซียอมทำทุกอย่าง
“ได้ แม่จะไม่เถียงกับลูกแล้ว ลูกอยู่ที่นี่ไปก่อน แม่จะต้องช่วยลูกออกมาให้ได้”
“ถึงเวลาแล้ว เมิ่งชิงซี เธอควรกลับได้แล้ว”
เจ้าหน้าที่หญิงเดินมาตรงหน้าเมิ่งชิงซีแล้วใส่กุญแจมือให้เธอ เมิ่งชิงซีรู้ว่าไม่มีเวลาแล้วจึงทำได้แค่พูดย้ำกับฉินอวิ๋น “แม่คะ แม่จำไว้นะ ชีวิตหนูขึ้นอยู่กับแม่แล้วนะ”
เมื่อเมิ่งชิงซีถูกลากออกไป เสียงของเธอก็ค่อยๆ จางหายไป ฉินอวิ๋นยังคงอยู่ที่เดิมมองอยู่นาน หล่อนกลั้นน้ำตาไม่ไหวน้ำตาจึงไหลออกมา ลูกสาวของเธอจะต้องได้กลับมาอยู่กับเธอ เธอจะไม่ยอมให้คนต่ำช้าพวกนั้นทำร้ายลูกสาวของเธอได้
ตอนที่ 447 ไปขอให้ฉินเหยียนช่วย
ฉินอวิ๋นตรงไปที่บ้านตระกูลเสิ่นเพื่อหาฉินเหยียน ฉินเหยียนเห็นพี่สาวตัวเองมาก็บอกให้เธอนั่งลงทันที “พี่คะ วันนี้ทำไมถึงมีเวลามาได้ล่ะ”
แม้ว่าฉินเหยียนจะเป็นน้องสาวแท้ๆ ของฉินอวิ๋น แต่ทั้งสองคนก็ไม่ได้เจอกันบ่อยๆ ต่างคนต่างก็มีสังคมเป็นของตัวเอง วันนี้ดูเหมือนว่าฉินอวิ๋นถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็คงไม่มาหาเธอ
ฉินเหยียนครุ่นคิดวนไปมาแต่ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมา เธอแต่งานกับเสิ่นเยี่ยนมาตั้งหลายปีแล้วจึงเรียนรู้ท่าทางมาได้นิดหน่อย พี่สาวคนนี้ไม่ใช่คนที่เห็นเธอเป็นคนสำคัญที่สุดอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้คนที่เธอรักมากที่สุดก็คือลูกสาวของเธออย่างชิงซีต่างหาก
“อาเหยียน พี่จะไม่พูดกับเธอให้มากมายนะ เธอเป็นน้าของชิงซีเพราะงั้นต้องช่วยหลานนะ ตอนนี้ชิงซีถูกคนใส่ร้ายจนติดคุกแล้ว” ฉินอวิ๋นพูดเรื่องนี้ขึ้นมาก็อดไม่ได้ที่น้ำตาจะไหล ชิงซีเองก็ช่างไม่รู้ความ ทำไมต้องไปต่อกรกับลั่วซ่าเซินด้วย
ก่อนหน้านี้ลั่วเซ่าเชินไม่รู้เรื่องก็ช่างเถอะ ตอนนี้ถูกเขาจับได้แล้ว ยังโดนเขาบันทึกเสียงไว้ด้วย ทำไมลูกสาวของเธอถึงโง่อย่างนี้นะ
“พี่คะ พี่หมายความว่ายังไง เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับชิงซี”
หากจะพูดถึงความสัมพันธ์ของฉินเหยียนกับเมิ่งชิงซีจะว่าดีก็ไม่ใช่ไม่ดีก็ไม่เชิง หลานสาวคนนี้มองว่าคนอื่นว่าต่ำต้อยกว่าตัวเอง ไม่เคยแยกแยะว่าใครเด็กใครผู้ใหญ่ บางครั้งฉินเหยียนก็ไม่พอใจเธอ เพียงแต่เพราะเห็นแก่หน้าพี่สาวอย่างฉินอวิ๋นจึงอดทนไว้
ตอนนี้ได้ยินว่าเมิ่งชิงซีเกิดเรื่อง ในใจของฉินเหยียนอดไม่ได้ที่จะดีใจ ในที่สุดหลานสาวของเธอก็ตกลงไปในหลุมถูกจัดการไปได้เสียที นี่ทำให้ในใจของเธอมีความสุขมาก
ฉินอวิ๋นเอาเรื่องที่เกิดขึ้นกับเมิ่งชิงซีบอกเล่ากับฉินเหยียน ครั้งนี้ที่เธอมาหาฉินเหยียนก็คิดอยากจะปรึกษาหารือ ลองดูว่าเสิ่นเยี่ยนจะมีทางไหม
ก่อนหน้านี้เธอมองน้องเขยไม่ค่อยดีนัก แต่ตอนนี้เมิ่งไหวเซินก็ไม่ช่วย เธอเป็นผู้หญิงคนเดียวไม่ง่ายเลยที่จะหาเส้นสาย เรื่องพวกนี้ถ้าจะให้ดีก็ต้องให้เสิ่นเยี่ยนออกหน้า
“พี่คะ พี่วางใจเถอะ ฉันจะพูดกับเสิ่นเยี่ยนให้ ชิงซีก็เป็นหลานฉัน ฉันต้องช่วยอย่างเต็มที่แน่นอน”
ฉินเหยียนยังไม่อยากทำให้ฉินอวิ๋นเสียใจ เมิ่งชิงซีเกิดเรื่องก็ไม่ใช่ว่าเธอจะมีความสุขทั้งหมด ถ้าฐานะพี่สาวในบ้านตระกูลเมิ่งเกิดไม่มั่นคงขึ้นมา เธอก็คงจะไม่มีวันได้ดี เรื่องนี้ฉินเหยียนยังพอแยกแยะได้อยู่
ตอนแรกที่เธอสามารถกลายเป็นคนโปรดของพ่อแม่ตระกูลเสิ่นได้อย่างรวดเร็วนั้นก็เพราะพี่สาวเธอเป็นพลังขับเคลื่อน เสิ่นเยี่ยนเองก็ไม่กล้าแสดงออกอะไรเพราะเธอยังมีฉินอวิ๋นอยู่ ไม่อย่างนั้นเขาที่เป็นคนรักสนุกขนาดนั้น ครอบครัวนี้ยังจะอยู่เป็นครอบครัวอยู่ไหมก็ไม่แน่
ฉินอวิ๋นได้ยินคำของฉินเหยียนก็ทำให้วางใจกับเรื่องนี้ลงบ้าง “น้องสาว ชีวิตพี่กับชิงซีขึ้นอยู่กับเธอแล้วนะ เธอวางใจได้เลย ต่อไปมีเรื่องอะไร พี่จะไม่ทิ้งเธอแน่”
“พี่คะ พี่เกรงใจเกินไปแล้ว พวกเราเป็นอะไรกัน พวกเราเป็นพี่น้องแท้ๆ กันนะคะ เรื่องเล็กแค่นี้ฉันสามารถสั่งเสิ่นเยี่ยนได้อยู่แล้ว” หลังจากฉินเหยียนปลอบใจฉินอวิ๋นและไปส่งฉินอวิ๋นกลับ เธอก็โทรบอกให้เสิ่นเยี่ยนกลับมาทันที
ตอนแรกเสิ่นเยี่ยนยังไม่ยอมรับปากจะกลับมาจนฉินเหยียนพูดว่าฉินอวิ๋นมีเรื่องให้เขาช่วย เขาถึงยอมรับปากว่าจะกลับมาทันที ฉินเหยียนรออยู่ครึ่งชั่วโมงถึงจะเห็นเสิ่นเยี่ยนกลับมาถึงบ้าน เพียงแต่กลิ่นน้ำหอมของเขา จะต้องไปที่นั่นมาอีกแน่นอน
“เรียกผมมามีเรื่องอะไร” เสิ่นเยี่ยนคิดถึงเรื่องที่ได้เจอสาวน้อยคนนั้นก่อนหน้านี้ เขาเกือบจะได้เธอมาอยู่ในมือแล้วแท้ๆ รูปร่างของสาวน้อยคนนั้นสุดยอดมาก แต่ถูกฉินเหยียนโทรไปขัดจังหวะ ตอนนี้ในใจของเสิ่นเยี่ยนจึงไม่พอใจเล็กน้อย สำหรับฉินเหยียนแล้วแน่นอนว่าไม่มีสีหน้าที่ดีด้วย
“เสิ่นเยี่ยน คุณไปที่ไหนมา คุณยังอยากรักษาหน้าเอาไว้ไหม กลางวันแสกๆ ก็ยังทำตัวแบบนี้อีก” ความรู้สึกที่ฉินเหยียนมีต่อเสิ่นเยี่ยนคือทั้งรักทั้งเกลียด เสิ่นเยี่ยนเป็นคนพูดจาดี เมื่อรักคุณก็จะมาทำดีกับคุณ เมื่อไม่ได้สนใจคุณแล้วก็จะเหยียบคุณไว้
“รีบพูดมาว่าเรื่องอะไร คุณชายอย่างฉันไม่มีเวลามากพอที่จะมาคุยกับเธอนะ” พอเสิ่นเยี่ยนเห็นใบหน้าสีเหลืองของภรรยาก็ทำหน้าบึ้ง ฉินเหยียนจะไปสู้สาวน้อยข้างนอกพวกนั้นได้อย่างไร อีกทั้งนิสัยของฉินเหยียนยิ่งมาก็ยิ่งแย่ ตอนนี้เขาไม่มีความอดทนพอที่จะง้อเธอหรอกนะ
“พี่สาวอยากให้คุณช่วย ตอนนี้ชิงซีถูกจับ อยู่ในคุก คุณช่วยวิ่งเรื่องให้หน่อย ดูว่าจะช่วยเธอออกมาได้ไหม”
ตอนที่ 444 เมิ่งชิงซีเข้าโรงพัก
“ไหวเซิน ชิงซีเป็นอะไรไป ทำไมคุณถึงได้โกรธขนาดนี้” ฉินอวิ๋นแค่ได้ยินว่าเมิ่งไหวเซินเข้าประตูมาก็ตะโกนเสียงดัง เธอยังไม่ได้ฟังให้แน่ใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น เพราะช่วงนี้เมิ่งไหวเซินอารมณ์ร้ายกว่าเดิมมาก
“คุณยังจะมาถามอีกเหรอ ไหนคุณลองบอกมาสิว่าคุณสอนลูกสาวยังไง เธอถึงได้ขับรถชนถังโจวโจว ตอนนี้คนอื่นส่งหลักฐานมาให้ผมและเธอก็อยู่ที่โรงพักโน่น”
ฉินอวิ๋นฟังว่าเมิ่งชิงซีอยู่ที่สถานีตำรวจก็กรีดร้องออกมา “ไหวเซิน คุณต้องช่วยชิงซีนะ เธอจะทำเรื่องอย่างนั้นได้ยังไง ต้องมีคนอื่นจัดฉากแน่”
ฉินอวิ๋นได้ยินว่าเป็นเรื่องของถังโจวโจวถูกเปิดเผย แม้ว่าในใจจะนึกกลัว แต่เวลานี้ยอมรับไม่ได้แน่ ถ้าถูกเมิ่งไหวเซินรู้ว่าเธอก็มีส่วนด้วย เขาจะต้องไม่เมตตาตนแน่
ฉินอวิ๋นอยู่กับเมิ่งไหวเซินมาตั้งหลายปี สำหรับนิสัยของเขาก็ไม่ใช่คนดีเด่อะไรมากมาย เมิ่งไหวเซินสามารถอดทนกับคุณทุกอย่างได้ แต่ถ้าคุณทำให้เขาไม่สบายใจ เขาก็สามารถทำให้คุณตายได้
แต่ยังมีสิ่งที่เขาไม่สามารถอดทนได้ก็คือเอาชื่อเสียงของเขาไปทำลายข้างนอกหรือทำให้ตระกูลเมิ่งของเขาต้องขายหน้า ฉินอวิ๋นเองก็ไม่รู้ว่า ความสัมพันธ์เขากับคุณพ่อเป็นยังไง ทำไมถึงยังยึดติดกับหน้าตาของตระกูลเมิ่งไม่ยอมปล่อยวางแบบนี้
“คุณยังกล้าถามอีกเหรอ นี่มันเป็นปัญหาของคุณทั้งนั้น บอกแล้วว่าไม่ต้องให้เธอไปหาเซ่าเซินอีก คุณก็ไม่ฟัง” เมิ่งไหวเซินผลักฉินอวิ๋นที่จับแขนเสื้อของเขาอยู่ออก ตอนนี้พูดอะไรก็ทำให้ผิดหวังเสียใจ แต่โลกนี้ไม่มียารักษาอาการเสียใจขาย
“ไหวเซิน ทำไมคุณถึงโทษฉันล่ะ” ถ้าเธออยากไปหาเขาก็ไม่สามารถล่ามขาชิงซีไว้ได้ เมื่อก่อนตอนลูกสาวไม่เกิดเรื่องท่าทางของเมิ่งไหวเซินก็ไม่ได้เป็นอย่างนี้ ตอนนี้ลูกสาวเกิดเรื่อง ความรับผิดชอบทั้งหมดก็เอามาลงที่เธอ
“ทำไมจะไม่ได้ เอาล่ะ ผมก็ไม่อยากทะเลาะกับคุณเรื่องนี้หรอกนะ คุณรีบไปดูเธอเถอะ บอกเธอว่า สิ่งที่ตัวเองทำก็รับผลกรรมของตัวเอง ผมช่วยเธอออกมาไม่ได้” เมิ่งไหวเซินตัดสินใจแล้ว ต้องให้เมิ่งชิงซีจดจำไปอีกนาน
ตอนนี้เขารู้สึกว่า ดูเหมือนว่าในสายตาของเมิ่งชิงซีตอนนี้มีแค่ลั่วเซ่าเชินอยู่ ถ้าลั่วเซ่าเชินมีความหมายต่อเธอ เมิ่งไหวเซินก็ยินดีที่จะเห็นความสำเร็จแน่นอน แต่ตอนนี้เพียงแค่เมิ่งชิงซีคิดไปเองคนเดียว และยังพาตัวเองไปอยู่ในวังวนนั้น นี่ทำให้เมิ่งไหวเซินค่อนข้างขุ่นเคือง
ทำไมลูกสาวของเขา ในสายตาถึงมีแต่ความรัก ถูกครอบงำด้วยความรู้สึกส่วนตัว ไม่คิดถึงภาพรวมสักหน่อย ถึงแม้ว่าเมิ่งชิงซีจะคิดแต่ก็ไม่ใช่เพื่อบริษัท พ่อคนนี้อย่างเขาก็ไม่จำเป็นต้องช่วยเธอ และบางทีก็ควรจะให้เธออยู่ในนั้นเพื่อเปลี่ยนความคิดให้ดีสักหน่อย
“ไหวเซิน เป็นอย่างนี้ไปได้ยังไง ชิงซีอยู่ข้างในนั้นคงจะลำบากไม่น้อยเลย คุณอย่าไม่สนใจเธอได้ไหม” ได้ยินคำพุดที่ใจร้ายของเมิ่งไหวเซินแล้ว ฉินอวิ๋นก็เอ่ย
ชิงซีไม่ใช่ลูกของเขาเหรอไง มีแค่แม่อย่างเธอที่เดือนร้อนใจเหรอ เรื่องเล็กแค่นิดเดียว ทำไมเขาถึงไม่ยอมยื่นมือเข้าช่วย ชีวิตของพวกเธอสองคนแม่ลูกทำไมถึงได้ขมขื่นอย่างนี้
“เธอลำบากขนาดไหนก็ล้วนแต่เป็นสิ่งที่เธอหาเรื่องเอง ถ้าเธอไม่ทำเรื่องพวกนี้ เธอก็ยังอยู่ที่บ้านเป็นลูกสาวคนโตของผมต่อไปอย่างสงบ ไม่มีทางที่จะเป็นแบบนี้”
เมิ่งไหวเซินไม่ใช่ว่าจะไม่คิดถึงความเป็นพ่อลูก ถ้าเขามีเพียงชิงซีเป็นลูกสาวเพียงคนเดียว คงจะยังช่วยเธอ แต่ตอนนี้ยังมีถังโจวโจว ก่อนหน้านี้เขาก็ตามใจเธอมากเกินไป ดังนั้นเรื่องราวถึงใหญ่โตขนาดนี้
เมิ่งไหวเซินก็ไม่อยากจะโต้เถียงกับฉินอวิ๋นต่ออีก เธอเข้าใจก็พอแล้ว ตอนนี้คงต้องให้เธอคิดด้วยตัวเอง เขาไม่สามารถยื่นมือไปช่วยเธอในเรื่องนี้ได้ และยังต้องรอให้ผลตรวจดีเอ็นเอออกมา และคงจะได้ไปบอกเรื่องนี้กับคุณพ่อได้
ท่านคาดหวังเป็นที่สุดว่าจะตามหาลูกของเสิ่นหลานอีกลับมาได้ ถ้าตอนนี้เขาสามารถช่วยท่านเติมเต็มความปรารถนานี้ คุณพ่อก็คงจะไม่โกรธเขาอีก
ถึงเวลานั้นก็ให้ถังโจวโจวพูดกับคุณพ่อสักหน่อย ถ้าสามารถขอความช่วยเหลือจากเซ่าเซินได้ก็จะยิ่งดีมาก เชื่อว่าเซ่าเซินก็คงจะไม่ปฏิเสธคำขอร้องของภรรยาตัวเองแน่
ในใจเมิ่งไหวเซินนั้นจินตนาการไปอย่างสวยงาม เพียงแต่เขาไม่รู้ว่าความจริงไม่ได้เป็นอย่างที่ใจเขาคิด ต้องรู้ว่า ถังโจวโจวไม่ใช่คนที่จะอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา
ตอนที่ 445 ฉินอวิ๋นมาเยี่ยมคนเดียว
ฉินอวิ๋นเห็นเมิ่งไหวเซินหันหลังแล้วเดินจากไป ในใจก็มีความเย็นแผ่ซ่าน นี่ยังเป็นเมิ่งไหวเซินที่เธอรู้จักอีกไหม แม้แต่ลูกสาวตัวเองก็ไม่สนใจแล้วหรือ
ฉินอวิ๋นเช็ดน้ำตา ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะมาเสียใจ ชิงซียังไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นถึงไปอยู่ที่สถานีตำรวจ
ฉินอวิ๋นให้ป้าหวังบอกให้คนขับรถเตรียมพร้อม เธอกำลังจะออกไป เธอเดินขึ้นชั้นบนเพื่อหยิบกระเป๋า เมื่อถึงข้างนอก คนขับรถก็มารออยู่หน้าประตูแล้ว พอเห็นฉินอวิ๋นขึ้นรถแล้ว คนขับรถจึงรีบขับรถตรงไปที่สถานีตำรวจทันที
“ถึงแล้วครับ คุณผู้หญิง” คนขับรถจอดรถที่หน้าประตูสถานีตำรวจ ฉินอวิ๋นให้เขารออยู่ข้างนอก ส่วนตัวเองเดินเข้าไปในสถานีตำรวจคนเดียว
“ขอถามหน่อยนะคะ เมิ่งชิงซีอยู่ที่ไหนเหรอคะ” ฉินอวิ๋นพบเจ้าหน้าที่ที่นั่งอยู่ด้านหน้า
ตำรวจชั้นผู้น้อยมองไปที่ฉินอวิ๋น การแต่งตัวของคุณผู้หญิงดูเป็นผู้ดี คิดว่าคงจะมาประกันตัวลูกสาวหรือลูกชายเป็นแน่
“คุณรอสักครู่นะครับ ผมจะช่วยถามให้”
เจ้าพนักงานเดินเข้าไปในห้อง ครู่หนึ่งก็เดินออกมา แต่สีหน้าไม่ได้ดีเหมือนก่อนหน้านี้ “คุณเป็นอะไรกับคุณเมิ่งชิงซีครับ”
“อ้อ ฉันเป็นแม่ของเธอค่ะ ฉันอยากประกันตัวเธอออกไป” พูดไปพูดมา ยังไม่ใช่เรื่องของเงิน แต่ฉินอวิ๋นก็เตรียมใจไว้แล้ว
“เธอคงประกันตัวไม่ได้นะครับ ถ้าคุณอยากจะเยี่ยม ผมสามารถให้พวกคุณทั้งสองเจอหน้ากันได้”
ตำรวจชั้นผู้น้อยไม่ได้พูดจาดีเหมือนก่อนหน้านี้ เมื่อครู่ผู้บังคับบัญชาบอกไว้แล้ว เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอนที่เมิ่งชิงซีจะสามารถออกไปได้ง่ายดายขนาดนั้น คนที่ส่งเธอมาบอกไว้แล้ว จะต้องให้เธอได้รับบทลงโทษที่สมควร ให้เธอจดจำไปอีกเนิ่นนาน นอกจากนี้หลักฐานก็ส่งมาพร้อมกันแล้ว ยังจะโกหกได้อีกเหรอ
“อะไร ทำไมประกันตัวออกมาไม่ได้ คุณรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร” ฉินอวิ๋นไม่คิดว่าถ้าเธอพูดชื่อตระกูลเมิ่งออกมาแล้วจะไม่สำเร็จ แท้จริงแล้วใครกันแน่ที่ทำกับลูกสาวเธอแบบนี้
“ผมไม่รู้ว่าคุณเป็นใคร แม้แต่กษัตริย์เสด็จมาเองก็ช่วยเมิ่งชิงซีออกไปไม่ได้ คุณอยากเยี่ยมก็เยี่ยม ถ้าไม่อยากเยี่ยมก็เชิญกลับครับ” เพราะฉินอวิ๋นขอความช่วยเหลือด้วยท่าทางที่หยิ่งผยอง ทำให้เธอไม่ได้รับการช่วยเหลือจากคนอื่น
“ฉันคือสะใภ้ของตระกูลเมิ่ง คนด้านในคือหลานสาวของตระกูลเมิ่ง คนอย่างคุณทำไมถึงไม่รู้จัก” ฉินอวิ๋นทนไม่ไหวเลยต่อว่าไป เธอไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อน ตอนนี้ชิงซีไปล่วงเกินใครเข้ากันแน่
“ตระกูลเมิ่งก็ไม่ได้ คุณจะเยี่ยมหรือไม่เยี่ยม” ตำรวจชั้นผู้น้อยไม่รู้เบื้องหลังของตระกูลเมิ่ง แต่ถึงแม้เขาจะรู้ เขาก็ไม่กลัว หน้าตาตระกูลเมิ่งดีขนาดนี้ ไม่เคยทะเลาะกับพนักงานชั้นผู้น้อยอย่างเขา นอกจากนี้เขาก็ทำตามคำสั่งเท่านั้น
“เยี่ยมสิ เยี่ยม” ฉินอวิ๋นทำได้แค่เก็บความโกรธเอาไว้ ต้องพบหน้าลูกสาวก่อนดูว่ายังปลอดภัยดีไหม สำหรับตำรวจคนนี้ รอให้ชิงซีออกมาก่อนเถอะ เธอจะต้องสั่งสอนพวกเขาแน่นอน
ฉินอวิ๋นถูกคนนำทางไป ในที่สุดก็ได้เจอเมิ่งชิงซี เมิ่งชิงซีผมเผ้ายุ่งเหยิงเหมือนคนบ้า
เธอถูกคนพาตัวมาและเมื่อเห็นฉินอวิ๋น แววตาก็เอ่อคลอไปด้วยน้ำตา “แม่คะ รีบช่วยหนูออกไปเร็ว ทำไมแม่มาคนเดียว พ่อล่ะคะ”
เมิ่งชิงซีมองไปข้างๆ ก็เห็นแค่ฉินอวิ๋นแค่คนเดียว ทำไมพ่อไม่มา ครั้งนี้ที่แม่มาเพื่อมาพาเธอออกไปใช่ไหม
“ชิงซี ลูกอย่าตกใจ ที่บริษัทงานยุ่งมากพ่อเค้าเลยมาไม่ได้ แม่เลยมาเยี่ยมลูกคนเดียวก่อน ลูกเข้าไปอยู่ในนั้นได้ยังไง”
ฉินอวิ๋นคิดไม่ออก ไม่ใช่ว่าบอกเธอไปแล้วเหรอว่าไม่ให้เข้าไปยุ่งเรื่องนั้นน่ะ ทำไมเมิ่งชิงซีถึงถูกจับเข้าคุกแบบนี้ ยังมีหลักฐานที่เธอยอมรับว่าเธอทำร้ายถังโจวโจวอีก มันคือหลักฐานอะไรกันแน่
“แม่คะ ตอนนี้ยังไม่ต้องสนใจเรื่องนี้ รีบบอกให้พ่อมาช่วยหนูออกไปเร็วๆ หนูอยู่ที่นี่ไม่ได้หรอก หนูจะบ้าตายอยู่แล้ว” เมิ่งชิงซีคิดถึงสายตาของผู้หญิงในคุกก็กลัวจนตัวสั่นไปหมด
เธอไม่สามารถปรับตัวในคุกได้ เธอคิดถึงเตียงใหญ่ๆ ของตัวเอง ผ้าห่มนุ่มๆ ของเธอ และไม่ใช่เตียงแข็งๆ ในคุกนี่
“ชิงซี ตอนนี้แม่ยังพาลูกออกมาไม่ได้ ลูกอดทนหน่อยนะ”
ฉินอวิ๋นรู้สึกว่าเมิ่งชิงซีไม่ได้คิดถึงความผิดของตัวเองเลย นอกจากนั้นมาอยู่ในนี้ได้แค่ครึ่งวันก็ทนไม่ได้แล้ว แต่ตอนนี้เธอก็ไม่มีวิธีอื่น เมื่อเมิ่งไหวเซินไม่ยอมช่วยจะให้เธอเอาเงินออกมาก็คงเป็นไปไม่ได้
ตอนที่ 442 อ้อนวอน
“พี่เซ่าเซิน ฉันขอร้องล่ะ ตั้งแต่เล็กจนโตพวกเราเป็นเพื่อนกันมานานหลายปีขนาดนี้ หรือยังไม่เท่าเวลาแค่ไม่กี่ปีของพี่กับถังโจวโจวงั้นเหรอ” เมิ่งชิงซีไม่ยอมแพ้ ทำไมเธอถึงสู้ถังโจวโจวไม่ได้ ทั้งๆ ที่จะไม่ต้องเจอถังโจวโจวอีกแล้วแท้ๆ แล้วทำไมเธอถึงต้องยอมแพ้ด้วยล่ะ
เธอไม่อยากเป็นศัตรูกับลั่วเซ่าเชิน ถ้าลั่วเซ่าเชินตั้งตัวเป็นศัตรูของเธอไปด้วยอีกคน อย่างนั้นเวลาหลายปีที่เธอพยายามมามากมาย ที่เธอทุ่มเทตั้งใจไปทั้งหมดมันจะไม่สูญเปล่างั้นเหรอ
“ปิดปากเธอไว้ ฉันไม่อยากได้ยินเสียงเธออีก” ลั่วเซ่าเชินหันตัวกลับไปแล้วเอ่ยขึ้น ผู้ชายทั้งสองมองไปยังโอวหยางหงก็เห็นเขาพยักหน้าจึงทำตามคำสั่งทันที เมิ่งชิงซียังอยากจะพูดอะไรต่ออีกแต่ปากก็ถูกผ้าอุดปิดเอาไว้ เธอทำได้แค่ร้องอู้อี้ออกมาเท่านั้น
“พี่ ผมไปส่งพี่นะ” โอวหยางหงไม่อยากให้ถังโจวโจวต้องรำคาญใจกับผู้หญิงคนนี้อีกต่อไป เรื่องที่เหลือพวกเขาจัดการเองได้ ถังโจวโจวก็แค่ทำใจให้สบายและใช้ชีวิตของตัวเองต่อไปให้ดีก็พอ
“แต่จะทำยังไงกับเธอล่ะ”
ถังโจวโจวมองดูเมิ่งชิงซี ตอนนี้เธอน่าสงสารมาก ตัวเธอก่อนหน้านี้ช่างเจิดจ้าแต่ตอนนี้กลับมีสภาพย่ำแย่ถึงเพียงนี้ ถังโจวโจวทนมองต่อไปไม่ได้อีก แต่ในใจก็รู้ดี ที่เธอรู้สึกทนไม่ได้อย่างนี้ก็เพราะเธอมีความรู้สึกเห็นอกเห็นใจ แต่เมิ่งชิงซีกลับไม่คู่ควรกับความเห็นใจนี้เลยสักนิด
“เรื่องของเธอพี่ไม่ต้องสนใจหรอก เซ่าเซินต้องมีวิธีจัดการแน่ ยังไงแผนนี้ก็เป็นเขาที่คิดขึ้นมาเอง เสี่ยวอวี่ยังรอพี่อยู่ที่บ้าน พี่ไม่คิดถึงเขาเหรอ”
“ถ้าไม่ใช่เพราะพวกนายสร้างเรื่องนี้ขึ้น ฉันก็คงดูแลเขาอยู่ที่บ้านตั้งนานแล้ว ไหนจะใช้ที่รกร้างแถวชานเมืองนี่อีก” ก็ไม่รู้ว่าที่นี้คือที่ไหน ขออย่าให้ไกลมากเลย ไม่งั้นกว่าจะกลับไปคงต้องใช้เวลานานมาก ยังไม่รู้ว่าเหยาเหยาจะเอาเสี่ยวอวี่อยู่ไหม
“ได้ ไปกัน ไปกัน ที่นี้ก็ส่งต่อให้สามีฉันเถอะ” โอวหยางหงดันถังโจวโจวให้เดินไปข้างหน้า เรื่องยุ่งยากพวกนั้นให้ลั่วเซ่าเชินจัดการเถอะ ความยุ่งเหยิงพวกนี้ที่เกิดขึ้นจะมากหรือน้อยล้วนเกี่ยวข้องกับเขาทั้งนั้น ให้เขาเหนื่อยสักหน่อยก็ไม่เป็นไรหรอก
“ไปกันหมดเหรอ” ลั่วเซ่าเชินยืนอยู่ตรงนั้นคนเดียว เห็นโอวหยางหงลักพาตัวภรรยาของตัวเองกลับไป เขาก็พูดอะไรไม่ออก สุดท้ายสิ่งที่โอวหยางหงพูดออกมาก็ถูกทุกอย่าง ใครใช้ให้เขาเป็นตัวต้นเหตุเล่า
“จัดการให้ดี ไม่อย่างนั้นพี่สาวผมไม่ให้อภัยคุณแน่” โอวหยางหงโบกมือให้เขา ตนยังให้ลูกน้องอีกสองคนอยู่คอยช่วยเขา เขายังจะไม่พอใจอะไรอีก
“จริงๆ เลย ผลักเรื่องมาให้ฉันทกุที” เขาบ่นพึมพำ การจัดการเรื่องราวของลั่วเซ่าเชินเด็ดขาดเสมอ เขาสั่งให้ทั้งสองคนทำให้เมิ่งชิงซีสลบแล้วเอาเทปบันทึกเสียงก่อนหน้านี้ส่งสำเนาไปให้ตำรวจ ถือว่าเป็นของขวัญ ให้พวกเขาพิจารณาให้ดีๆ
และลั่วเซ่าเชินก็เอาสำเนาเสียงที่บันทึกไปที่บริษัทตระกูลเมิ่ง เขาไม่ได้ขึ้นไปชั้นบน เพียงให้พนักงานต้อนรับส่งมันให้เมิ่งไหวเซิน
พนักงานต้อนรับเห็นใบหน้าหล่อเหลาและละเอียดอ่อนของลั่วเซ่าเชินก็หน้าแดงขึ้นมา ถ้าเป็นตอนปกติเธอคงจะเป็นลมไปแล้ว แต่ตอนนี้เธอกำลังทำงานอยู่ ต้องพยายามเป็นอย่างยิ่งในการบังคับอัตราการเต้นของหัวใจตัวเอง
“ได้ค่ะ ฉันจะส่งให้ประธานเมิ่งแน่นอนค่ะ คุณยังต้องการอะไรอีกไหมคะ” ผู้ชายอะไร น้ำเสียงก็น่าฟัง น่าดึงดูด แมนมาก
“ขอบคุณครับ” ลั่วเซ่าเชินมั่นใจกับรูปร่างหน้าตาของตัวเองมาก เพียงแต่เขาไม่ได้มีความรู้สึกอะไรกับพนักงานหญิงคนนี้จึงทำได้เพียงแสดงท่าทีในยามปกติออกไป ถ้าเผลอทำให้คนอื่นเข้าใจผิดเข้า คงเป็นบาปติดตัวเขาแน่
ลั่วเซ่าเชินพยายามที่จะปรับทัศนคติของตัวเอง ตอนนี้ต้องพยายามคว้าหัวใจที่เจ็บปวดของถังโจวโจวกลับคืนมาให้ได้ ยังมีโอวหยางหงที่คอยสาดน้ำเย็นอยู่ระหว่างพวกเขาอีก เขาจะทำผิดซ้ำอีกไม่ได้แล้ว ไม่อย่างนั้นเกิดโจวโจวพาตัวลูกชายของเขาหนีไปจะทำยังไง
ลั่วเซ่าเชินเชื่อว่า มีโอวหยางหงอยู่ เพียงแค่ถังโจวโจวไม่ต้องการ เขาจะไม่มีทางตามหาภรรยาและลูกชายพบอีกตลอดไป และเชื่อว่าโอวหยางหงเองก็มั่นใจมากด้วย
ลั่วเซ่าเชินส่งของเสร็จก็รีบตรงกลับไปที่บ้านทันที เดี๋ยวตอนเขาไม่อยู่โอวหยางหงจะเล่าเรื่องไม่ดีอะไรให้โจวโจวฟังอีก เรื่องนี้โอวหยางหงทำมาแล้วไม่น้อยเลย ลั่วเซ่าเชินถูกเขาทำให้กลัวไปหมดแล้ว
ตอนที่ 443 บันทึกเสียง
พนักงานต้อนรับเอาเทปบันทึกเสียงไปให้ซูซานเลขาของเมิ่งไหวเซินทันที และพูดแค่ว่ามีผู้ชายคนหนึ่งส่งมา จำเป็นต้องส่งให้ถึงมือของประธานเมิ่ง
ซูซานลังเลเล็กน้อย ต้องรู้ว่าช่วงนี้เจ้านายของตัวเองโมโหง่ายมาก ที่บริษัทก็ยุ่งเหยิงกันไปหมด ตอนนี้เจ้าสิ่งของไร้ที่มานี่ยังจะมาทำให้เจ้านายรำคาญใจอีก เธอคงไม่ถูกไล่ออกก่อนใช่ไหม
“ผู้ชายคนนั้นบอกชื่อไว้ไหม”
“ไม่มีค่ะ แต่ฉันรู้สึกคุ้นหน้าผู้ชายคนนั้นนิดหน่อย แต่ฉันเพิ่งจะมาทำงานก็เลยไม่แน่ใจ แต่ดูจากการพูดจาแล้ว น่าจะรู้จักกับประธานเมิ่งนะคะ” พนักงานต้อนรับบอกถึงสิ่งที่ตัวเองจำได้ ไพล่นึกไปถึงตอนที่ลั่วเซ่าเชินปรากฏตัว
ร่างในเสื้อคลุมสีเขียว กางเกงยีนส์ ใส่รองเท้าบูท เห็นได้ชัดว่าเป็นคนมีความสามารถมากคนหนึ่ง เขาสวมแว่นดำ เพียงแต่ตอนที่กำลังพูดกับเธอนั้นเขาถอดแว่นดำออก
“ได้ ฉันรู้แล้ว เธอกลับไปทำงานของตัวเองเถอะ”
“ซูซานคะ ผู้ชายคนนั้นบอกไว้ว่าจะต้องส่งให้ถึงมือของประธานเมิ่ง เรื่องนี้สำคัญสำหรับประธานเมิ่งมาก”
“รู้แล้ว” ซูซานหมดหนทาง พนักงานต้อนรับคนนี้ไม่เอาจริงเอาจังเกินไปหน่อยเหรอ ก็แค่ของที่คนแปลกหน้าส่งมาให้ ว่าง่ายๆ แล้วส่งของมาก็ได้แล้ว ถ้าเกิดเจ้านายโกรธขึ้นมาคนที่จะโดนด่านั่นมันเธอต่างหากเล่า คนที่ไม่เครียดเลยต่างหากจึงจะถือว่าใจกว้างจริง
ซูซานมองกล่องในมือ ข้างในเหมือนจะเป็นแฟลชไดรฟ์ สุดท้ายแล้วจะต้องส่งให้เจ้านายหรือรออีกเดี๋ยวดีนะ
เธอเองก็กลัวว่าถ้ารออีกธุระของเจ้านายจะล่าช้าเอาได้ ถ้าอย่างนั้นเธอก็เอาของไปส่งให้เสียเลย อย่างนี้ถ้าจะมีความผิดก็จะไม่ใช่ความผิดของเธอแล้ว
หลังจากนั้น ซูซานถือโอกาสตอนที่รายงานสถานการณ์ของบริษัทกับเมิ่งไหวเซิน ใช้เวลาครู่หนึ่งเพื่อถามคำถาม “คุณเมิ่งคะ วันนี้พนักงานต้อนรับรับแฟลชไดรฟ์ที่ผู้ชายคนหนึ่งส่งมาให้ คุณคิดว่าจะดูสักหน่อยไหมคะ”
“แฟลชไดรฟ์เหรอ ใครส่งมา”
“คนที่มาส่งไม่ได้บอกชื่อไว้ค่ะ แต่ฟังจากพนักงานต้อนรับบอกดูเหมือนจะไม่ใช่พวกหลอกลวงนะคะ” ซูซานก็กลัวว่าจะเป็นเรื่องล้อกันเล่น นี่ไม่ใช่แค่เธอเท่านั้นที่เสียเวลา แต่ยิ่งเสียเวลาของเมิ่งไหวเซินมากด้วย
“เอามาดูหน่อยละกัน เธอแจ้งไปทุกแผนกว่าอีกเดี๋ยวให้ผู้จัดการทุกแผนกมาประชุมด้วย”
“ได้ค่ะ” ซูซานนำเอกสารที่เมิ่งไหวเพิ่งจะเซ็นออกไป หลังจากนั้นเธอก็หยิบแฟลชไดรฟ์ที่อยู่บนโต๊ะเข้ามา ส่งให้เมิ่งไหวเซินแล้วเธอก็รีบไปทำตามเรื่องที่เขาสั่ง
เมิ่งไหวเซินมองแผนดิสก์สีแดงที่อยู่ในมือ เสียบเข้าไปในคอมพิวเตอร์ พบว่าด้านในเป็นคลิปเสียง เขาเปิดฟังทันที
หลังจากฟังจบ ในที่สุดเมิ่งไหวเซินก็รู้หน้าที่ของแฟลชไดรฟ์อันนี้ มันเป็นหลักฐานความผิดของเมิ่งชิงซี และดูเหมือนว่าคนที่ส่งของนี้มาให้เขาคงอยากให้เขารู้ว่า เขาจะทำอะไรต่อไป
ผลตรวจจากที่โรงพยาบาลก็ยังไม่ออกมา ลูกสาวของตัวเองก็สร้างเรื่องจนถูกคนจับได้อีก เมิ่งไหวเซินโกรธจนอยากจะตบเธอนัก
เขาโทรศัพท์หาเมิ่งชิงซี แต่ปรากฏว่ามีชายแปลกหน้าคนหนึ่งรับสาย “ที่นี่สถานีตำรวจ คุณเป็นพ่อของคุณเมิ่งชิงซีใช่ไหมครับ”
“ใช่ครับ ผมเป็นพ่อเธอ ขอถามหน่อยว่าทำไมลูกสาวผมถึงไปที่นั่นครับ” เมิ่งชิงซีไปสถานีตำรวจเอง? ตีให้ตายเมิ่งไหวเซินก็ไม่เชื่อ คงเป็นคนที่ส่งแฟลชไดรฟ์มาให้เขาเป็นคนทำแน่
“เธอถูกคนส่งมาครับ ตอนนี้เธอต้องอยู่ในความดูแล พวกเราสงสัยว่าเธอมีเจตนาที่จะฆ่าคน”
เจ้าหน้าที่ตำรวจและเมิ่งไหวเซินพูดถึงสถานการณ์ของเมิ่งชิงซีอยู่ครู่หนึ่ง และทั้งสองคนก็วางสาย ตอนนี้เมิ่งไหวเซินผิดหวังต่อลูกสาวอย่างเมิ่งชิงซีมาก
“ฉินอวิ๋น คุณสอนลูกสาวได้ดีจริงๆ” ลูกสาวของเขากลายเป็นนักโทษ ถ้าเรื่องนี้ถูกแพร่งพรายออกไปคงทำให้เขาเสียหน้าไม่น้อย
เมิ่งไหวเซินยังมีกะจิตกะใจอยู่ที่บริษัทต่อที่ไหนกัน เขาหยิบเสื้อสูทและเดินออกจากห้องทำงานไป ซูซานเห็นเจ้านายตรงออกไปข้างนอก ฝีเท้าดูรีบร้อน “ประธานเมิ่งคะ อีกเดี๋ยวก็จะประชุมแล้ว ท่านจะไปไหนคะ”
“อ้อ ยกเลิกประชุมไปก่อน ผมจะออกไปทำธุระ”
“ได้ค่ะ” ซูซานจึงโทรหาผู้จัดการแต่ละแผนกเพื่อแจ้งข่าวนี้
เมิ่งไหวเซินขับรถกลับไปบ้าน เข้าประตูไปก็ตะโกนอย่างเกี้ยวกราด “ฉินอวิ๋น! ฉินอวิ๋น! ลองมาดูว่าคุณสอนลูกสาวได้ดีแค่ไหนถึงถูกคนส่งไปสถานีตำรวจแล้ว ขายหน้าตระกูลเมิ่งจริงๆ”
ตอนที่ 440 ย้อนกลับ
“ถังโจวโจว เป็นฉันแล้วจะทำไม ตอนนี้เธอก็แค่นักโทษของฉัน ฉันมีเป็นร้อยวิธีที่จะทรมานเธอ และไม่มีทางที่จะมีใครหาเธอเจอได้” ในใจเมิ่งชิงซีมีความสุขมาก ตอนนี้ถึงแม้ถังโจวโจวจะขอร้องเธออย่างขมขื่น เธอก็จะไม่มีวันปล่อยอีกฝ่ายแน่
“อุบัติเหตุรถชนครั้งก่อนเธอก็เป็นคนทำใช่ไหม ที่ฉันเกิดเรื่องก็เกี่ยวข้องกับเธอด้วยใช่ไหม” ถังโจวโจวมองเห็นใบหน้าที่ยิ้มจนใกล้จะบิดเบี้ยวของเมิ่งชิงซี เกลียดเธอขนาดนี้เลยเหรอ เกลียดเสียจนเกือบทำลายตัวเองเลยเหรอ
“ถังโจวโจว เห็นว่าเธอจะมีชีวิตอยู่อีกไม่นานแล้ว ฉันก็จะสงเคราะห์บอกอะไรเธอให้นะ ใช่ เรื่องทั้งหมดฉันเป็นคนทำเอง ใครใช้ให้เธอแย่งพี่เซ่าเซินของฉันไปล่ะ เขาเดิมทีเป็นของฉัน เป็นของฉัน”
ถังโจวโจวเห็นเมิ่งชิงซีบ้าคลั่งปานนี้ก็ไม่กลัวเธอแล้ว เธอก็แค่เป็นบ้า บอกด้วยเสียงแข็งขนาดนั้นว่าลั่วเซ่าเชินเป็นของเธอ เรื่องนั้นมันก็เป็นแค่ความรู้สึกในใจของเธอเอง เดิมทีลั่วเซินเซินไม่เคยเป็นของใครแม้แต่คนเดียว เขาเป็นของตัวเขาเองเท่านั้น
“เมิ่งชิงซี เธอทำเรื่องผิดมากขนาดนั้น ไม่มีความสำนึกผิดสักนิดเลยเหรอ”
“สำนึกผิดเหรอ ถังโจวโจว นี่ฉันฟังผิดไปหรือสมองเธอมีปัญหา” ทำไมเธอต้องสำนึกผิดล่ะ เธอไม่ได้ทำอะไรผิด เพียงแค่ฟ้าไม่ยุติธรรมเอาของของเธอไป เมื่อถูกแย่งไปแล้ว เธอก็ต้องแย่งของของตัวเองกลับมา นี่ผิดตรงไหน
“คุณเมิ่ง คนก็ได้เจอแล้ว คุณไปได้แล้ว ฉากต่อไปอาจจะมีนองเลือดนะครับ” ผู้ชายคนที่อยู่ข้างๆ เตือนขึ้น
เมิ่งชิงซีหัวเราะออกมา “นองเลือดเหรอ ดี ฉันเองก็อยากจะสัมผัสดูสักหน่อย รออีกเดี๋ยวฉันจะลงมือเอง ฉันจ่ายเงินให้พวกแกแล้ว”
เมิ่งชิงซีไม่เคยคิดที่จะออกไป ครั้งนี้ที่เธอมาก็เพราะอยากจะจัดการถังโจวโจวด้วยมือตัวเองจนกว่าเธอจะตาย เธอถึงจะจากไปอย่างพอใจ
ผู้ชายอีกคนได้ยินคำของเมิ่งชิงซีก็ทำแววตาลึกลับ เดินไปข้างหน้า มีดเล่มหนึ่งหล่นลง เมิ่งชิงซีล้มลงบนพื้น
ถังโจวโจวที่เห็นเรื่องราวตรงหน้ากลับตาลปัตร ไม่เข้าใจว่าจริงๆ ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น นี่ไม่ใช่คนที่ลักพาตัวเธอมาเหรอ ไม่ใช่คนของเมิ่งชิงซีเหรอ ทำไมจู่ๆ ถึงลงมีกับเมิ่งชิงซีอย่างนี้
“พวกคุณจะทำอะไร” ถังโจวโจวเห็นผู้ชายคนที่ก่อนหน้านี้พูดคุยกับเมิ่งชิงซีปลดเชือกให้เธอ หลังจากนั้นผู้ชายอีกคนก็พยุงเมิ่งชิงซีมาที่เก้าอี้ของเธอ เอาเชือกที่มัดเธอก่อนหน้านี้มามัดเมิ่งชิงซีไว้
ทั้งหมดนี้ราวกับเป็นเรื่องที่กลับกันไปหมด ถังโจวโจวที่ก่อนหน้านี้ที่ถูกจับก็เปลี่ยนเป็นมีอิสระ และเมิ่งชิงซีเปลี่ยนเป็นหมดสติ ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องทั้งหมดนี้เลย
“คุณถัง เชิญคุณรอทางด้านนี้สักครู่ รออีกเดี๋ยวก็จะมีคนมารับคุณ” น้ำเสียงของทั้งสองคนดูเคารพนบนอบมาก ถังโจวโจวทำได้แค่รออย่างเงียบๆ หลังจากนั้นก็มีคนปรากฏตัว
ถังโจวโจวพบว่า สองคนที่ลักพาตัวเธอมานั้นตอนที่เมิ่งชิงซีใกล้จะล้มลงแล้วแต่พวกเขาก็ยังไม่ยอมพยุงเธอจนถึงตอนที่เมิ่งชิงซีล้มลงบนพื้น ผู้ชายคนหนึ่งถึงจะเอื้อมมือออกไปดึงเธอขึ้นมานั่งลงบนเก้าอี้
นั่นคือผลลัพธ์ที่แตกต่างกันกับคนที่แตกต่างกัน ถังโจวโจวรออย่างเงียบๆ เมิ่งชิงซีก็ยังไม่ฟื้นขึ้นมา ไม่รู้ว่าฟื้นขึ้นมาแล้วเธอจะมีท่าทีอย่างไร จะโกรธจนอยากกระโดดน้ำตายไหม แต่น่าเสียดายที่ที่นี่ไม่มีน้ำ เมื่อคิดถึงเหตุการณ์อย่างนั้นถังโจวโจวก็คิดอยากจะหัวเราะ
“โจวโจว คุณไม่เป็นไรใช่ไหม” เมื่อได้ยินเสียงของลั่วเซ่าเชิน ถังโจวโจวถึงเข้าใจเรื่องทั้งหมด เห็นว่าด้านหลังคือโอวหยางหงที่มากับเขาด้วย และเห็นอีกว่าสองคนด้านนั้นโค้งคำนับให้กับโอวหยางหง ที่แท้เรื่องทั้งหมดก็เป็นแผนของพวกเขา
“พวกคุณทั้งสองรู้เรื่องทั้งหมดนานแล้วเหรอ” ปิดบังเธอ ไม่บอกเธอ ปล่อยให้เธอกลัว ถ้าใจเธอไม่แข็งพอ ไม่ต้องร้องไห้จนหายใจไม่ทันเลยเหรอ พวกเขาสองคนปิดบังได้มิดจริงๆ
“อืม” คนหนึ่งแค่รับคำคำเดียว อีกคนแค่พยักหน้า ทั้งสองคนไม่มองตาถังโจวโจว เพราะกลัวว่าจะมีปัญหา
ก่อนหน้านี้โอวหยางหงตัดสินใจดีแล้ว แต่ตอนนี้ก็ยังไม่กล้ามองตาถังโจวโจว ไม่รู้ว่าครั้งนี้พี่สาวจะโกรธเขามากขนาดไหน จู่ๆ เขาก็เกิดกลัวขึ้นมากะทันหัน
ตอนที่ 441 ผู้บงการเบื้องหลัง
“พวกนายสองคนนี่ดีจริงนะ ทั้งหมดเป็นแผนของพวกนายทั้งหมดเลยเหรอ” ถังโจวโจวเดินเข้าไปหาเขาทีละก้าวทีละก้าว ลั่วเซ่าเซินถอยหลังอย่างไม่รู้สึกตัว
“โจวโจว เรื่องนี้ผมไม่ได้เป็นคนต้นคิดนะ ตัวบงการอยู่นี่ต่างหาก” ลั่วเซ่าเซินหลบให้โอว หยางหงที่เบียดตัวอยู่ออกมา ตกลงกันแต่แรกแล้วนี่ว่าจะยอมรับโทสะของถังโจวโจวร่วมกัน แล้วทำไมเขาถึงเป็นคนที่ซวยล่ะ
“พี่ครับ ตอนนี้พี่ไม่เป็นไรแล้ว พวกเราก็จับเมิ่งชิงซีได้แล้ว นี่ไม่ดีเหรอ” โอวหยางหงลูบจมูกไปมา สายตามองไปรอบๆ แต่ไม่ยอมมองไปทางถังโจวโจว นี่เรียกว่าการพูดไร้สาระแบบซึ่งหน้า
“ใช่ ทำไมจะไม่ดีล่ะ ฉันเกือบถูกพวกนายทำให้ตกใจจนตายแล้ว พวกนายสองคนนี่จริงๆ เลย” ถังโจวโจวทำท่าเหมือนจะฟาดมือไปที่ร่างของโอวหยางหง แต่ไม่ได้ฟาดลงไปจริงๆ ตอนนี้เธอยังมีสติ รู้ว่าพวกเขาทำเพื่อเธอ เพียงแต่วิธีนี้ทำให้เธอโมโหจริงๆ
“เอาล่ะ โจวโจว อย่าโกรธเลยนะ ควรจะคิดก่อนดีกว่าว่าจะทำยังไงกับเมิ่งชิงซีดี” ลั่วเซ่าเชินเข้ามาแทรกกลางวง เขาดูออกว่าถังโจวโจวไม่ได้จะตีน้องชายจริงๆ เมื่อกี้เขากับโอวหยางหงเป็นพันธมิตรกัน ตอนนี้อย่างไรก็ไม่อาจทำให้เขาตกอยู่ในอันตรายได้
ตอนนี้ถังโจวโจวเพียงแค่ขุ่นเคือง เพื่อไม่ให้เธอโมโหขึ้นมาอีกจึงไม่ควรจะพูดประเด็นนี้ต่อ
“ควรทำยังไงพวกคุณไม่ได้คิดมาเหรอ” เห็นท่าทางพวกเขาเฉื่อยชาอย่างนี้แสดงว่าต้องคิดแผนเอาไว้หมดแล้วแน่นอน
“ทำให้เธอฟื้นก่อน” โอวหยางหงพูดขึ้น ชายใส่ชุดสีดำทั้งสองคนหยิบน้ำจากบนโต๊ะมาขวดหนึ่งแล้วสาดใส่ใบหน้าของเมิ่งชิงซี
“อื้อ” เมิ่งชิงซีถูกทำให้ตื่น พอพบว่าตัวเองขยับตัวไม่ได้ก็เงยหน้าขึ้นมองคนสามคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าตนอีกครั้ง
“พี่เซ่าเชิน นี่มันเรื่องอะไรกันคะ” พอเห็นลั่วเซ่าเชินปรากฏกายขึ้นตรงหน้า เมิ่งชิงซีไม่สนใจคนอื่นอีก
“ดูเหมือนคุณเมิ่งจะไม่กังวลใจอะไรเลยนะ เวลานี้ยังอยากจะได้รับความห่วงใยจากเซ่าเซินอีก”
ลั่วเซ่าเชินหันไปมองโอวหยางหง ตอนนี้เขาไม่ควรพูดอะไรให้มากจนเกินไป เพราะอีกเดี๋ยวโจวโจวโกรธแล้วจะไม่ดี
“ถังโจวโจว ทำไมเธอไปยืนอยู่ตรงนั้น แก…แกเป็นคนที่แย่งที่ดินกับฉันเมื่อคราวก่อนนั้นนี่” เมิ่งชิงซีเริ่มจะเข้าใจอะไรขึ้นบ้างแล้ว ที่แท้ที่ตอนนี้ตระกูลเมิ่งประสบกับสถานการณ์คับขันอย่างนี้ ทั้งหมดล้วนเป็นกับดักของพวกเขา
“ลั่วเซ่าเซิน ทำไมคุณทำกับฉันอย่างนี้ ฉันเคยเป็นคู่หมั้นคุณนะ ถ้าคุณปู่ท่านรู้เข้า จะปวดใจมากแค่ไหนกัน” เมิ่งชิงซียังคิดจะได้รับความเห็นอกเห็นใจจากลั่วเซ่าเซิน ถึงแม้ตอนนี้เธอจะเป็นนักโทษของพวกเขา แต่เธอก็ยังไม่ยอมแพ้
เธอไม่เชื่อว่าถ้าพูดถึงเมิ่งซงอวิ๋นแล้วลั่วเซ่าเซินจะไม่รู้สึกอะไร
“เมิ่งชิงซี ไม่ต้องพูดให้ดูดี พวกเราไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันมานานแล้ว อย่าพูดเรื่องนี้อีก เมื่อกี้คุณสารภาพออกมาหมดแล้ว อุบัติเหตุทางรถยนต์ของโจวโจวเป็นคุณที่เป็นคนบงการ คุณก็รอเข้าไปอยู่ในคุกเถอะ”
ลั่วเซ่าเชินมีท่าทางจริงจังไม่เหมือนพูดเล่น เมิ่งชิงซีรู้ว่าเขาพูดจริง เธออายุยังน้อยขนาดนี้ จะไปติดคุกได้ยังไง ใช่ ยังมีพ่อกับแม่ พวกท่านต้องไม่ยอมให้เธอไปอยู่ในคุกแน่
“พี่เซ่าเซิน พี่เห็นแก่ความสัมพันธ์ของพวกเราทั้งสองบ้านหน่อยเถอะ อย่าให้ฉันติดคุกได้ไหม ฉันไม่ได้ทำอะไร นะไม่ใช่ว่าถังโจวโจวก็ยังยืนอยู่ตรงนี้อย่างปลอดภัยเหรอ พี่ไม่มีหลักฐานซะหน่อย”
เมิ่งชิงซียังพูดอย่างดื้อรั้น ถังโจวโจวยังยืนอยู่ตรงนี้อย่างปลอดภัย ทำไมเธอจะต้องเข้าคุกด้วย หรือครึ่งชีวิตที่เหลือของเธอจะต้องไปอยู่ในคุกงั้นเหรอ เธอยังไม่ยากใช้ชีวิตแบบนั้น
“ยืนอยู่ตรงนี้อย่างปลอดภัยเหรอ ถ้าไม่ใช่ว่าโจวโจวดวงดี เธอคิดว่ามันจะเป็นยังไง เมิ่งชิงซี ดูแล้วถึงตายก็คงยังไม่สำนึกสินะ งั้นก็รอรับกรรมไปเถอะ” อย่างไรพวกเขาก็ได้บันทึกเสียงคำรับสารภาพของเธอไว้แล้ว เพียงแค่ส่งมันให้กับตำรวจ เธอก็จะไม่มีทางพ้นผิดไปได้
ถึงแม้ว่าเมิ่งซงอวิ๋นจะยื่นมือเข้ามาช่วยแล้วยังไง ลั่วเซ่าเชินเชื่อว่า ถ้าเมิ่งซงอวิ๋นรู้ว่าหลานสาวของตัวเองทำเรื่องที่ไม่เหมาะสมอย่างนี้คงจะไม่ปล่อยเธอไปแน่ และบางทีอาจให้ลั่วเซ่าเชินเพิ่มโทษที่เธอควรได้รับอีกด้วย
ตอนที่ 438 เตือน
“อ้อ เกือบลืมไปเลย หลังจากนี้เธอก็ระวังตัวหน่อย พวกชิงซีอาจจะลงมือทำอะไรเธอได้”
เมิ่งไหวเซินหยุดเดิน เอ่ยว่าร้ายลูกสาวและภรรยาออกมา ถังโจวโจวนึกสงสัย เขาคิดยังไงถึงมาเตือนให้เธอระวังตัว
“ขอบคุณค่ะคุณเมิ่ง ฉันรู้แล้ว” ถังโจวโจวพยักหน้าแสดงออกว่าเธอทราบแล้ว ไม่สำคัญว่าเมิ่งชิงซีจะทำอะไร เธอรู้แล้วว่าหล่อนเป็นคนที่ขับรถชนเธอครั้งก่อน ถังโจวโจวระวังตัวมาตลอด และเซ่าเซินเองก็ส่งคนมาให้ดูแลความปลอดภัยเธอแล้ว
ถ้าเมิ่งชิงซีกล้าลงมือถึงเวลานั้นก็จะจับเธอในทันที ดูซิว่าเธอยังมีอะไรจะพูดอีก
เมิ่งไหวเซินรีบเอาเส้นผมของเขากับถังโจวโจวส่งไปให้โรงพยาบาลตรวจพิสูจน์ทันที เขาต้องการให้ผลออกมาโดยเร็วที่สุด แต่โรงพยาบาลบอกกับเขาว่าเร็วที่สุดก็คือสามวัน เมิ่งไหวเซินทำได้ดีที่สุดคือรออีกสามวัน ในช่วงเวลาสามวันนี้เขาจะต้องรักษาความมั่นคงของบริษัทเอาไว้
ในใจของฉินอวิ๋นมักรู้สึกสังหรณ์ไม่ดีเรื่องถังโจวโจวอยู่ตลอด ดูเหมือนว่าต้องรีบลงมือเร็วๆ นี้แล้ว จะรอนานไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว ถ้ามีคนรู้เข้าคงไม่ดีแน่
เธอติดต่อกับคนที่เธอเองรู้จักโดยบังเอิญ “ฮัลโหล ฉันให้คุณหนึ่งล้าน ช่วยฉันกำจัดคนคนหนึ่งทีสิ”
คนฝั่งนั้นได้ยินว่าจะได้เงินก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที แค่กำจัดคนหนึ่งคนไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เขาตบหน้าอกเบาๆ มั่นใจว่าสามารถทำงานได้สำเร็จแน่นอน
ฉินอวิ๋นวางสายโทรศัพท์อย่างพึงพอใจ เมิ่งชิงซีเองก็อยู่ข้างๆ เธอ พอเห็นสีหน้าของฉินอวิ๋นก็มีรอยยิ้ม “แม่คะ จัดการเรียบร้อยแล้วใช่ไหมคะ”
“แน่นอน วางใจเถอะ ใกล้ถึงเวลาตายของถังโจวโจวแล้ว”
“แม่คะ ถ้าจับมันได้แล้วบอกหนูหน่อยนะ หนูอยากเห็นสภาพตอนถังโจวโจวร้องห่มร้องไห้ อยากให้มันอ้อนวอนหนู พิสูจน์ว่า มันก็แค่คนที่ถูกคนอย่างเมิ่งชิงซีเหยียบไว้ใต้ฝ่าเท้าเท่านั้น”
เมิ่งชิงซีทำให้ฉินอวิ๋นตกใจกลัวกับสีหน้าที่โหดร้ายของเธอ ดูเหมือนว่าถังโจวโจวคงเป็นหนามชิ้นใหญ่ในใจของลูกสาว ชิงซีถึงได้เกลียดชังหล่อนมากขนาดนี้ แต่ฉินอวิ๋นก็ยังเป็นกังวลกับเงื่อนไขข้อนี้ของลูกสาวอยู่บ้าง ครั้งนี้เธอเตรียมที่จะทำเหมือนครั้งก่อน ไม่ได้คิดจะออกหน้าเอง
“ชิงซี ลูกเปลี่ยนใจจะดีกว่านะ ขอแค่ถังโจวโจวหายไปตลอดกาล ลูกเกลียดอะไรเธอ เธอก็ไม่อยู่แล้ว ไม่สามารถคุกคามอะไรลูกได้อีกแล้ว ชิงซี สงบใจหน่อย ไม่ใช่ว่าลูกต้องการกุมหัวใจเซ่าเซินให้ได้โดยเร็วเหรอ รอให้แก้ปัญหาเรื่องหล่อนเสร็จแล้ว ลูกก็ค่อยลองพยายามดูอีกครั้งก็ได้”
แต่เมิ่งชิงซีไม่ฟัง เพราะรู้ว่าตอนนี้ไม่สามารถโน้มน้าวจิตใจฉินอวิ๋นได้จึงแสดงสีหน้าเหมือนเห็นด้วย แต่ในใจนั้นกลับคิดอีกอย่าง หล่อนแอบเอาเบอร์โทรศัพท์ที่ฉินอวิ๋นโทรก่อนหน้านี้มา ถึงเวลาก็แค่ติดต่อคนคนนี้ก็ได้แล้ว ถ้าแม่ไม่รู้ เธอก็สามารถทำสิ่งที่ใจหวังได้ ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวจริงๆ
วันนี้ หลินเหยานัดถังโจวโจวมาเดินเล่น ถังโจวโจวก็พาเสี่ยวอวี่ออกมาด้วย เสี่ยวอวี่อยู่บ้านทุกวันก็กลัวว่าเขาจะเบื่อ พอดีที่สามารถให้หลินเหยาช่วยเปลี่ยนมืออุ้มแทนเธอได้ ถังโจวโจวก็เลยเต็มใจพาเขาออกมา
เธอเข็นรถเข็นเด็กคันหนึ่งที่มีเสี่ยวอวี่นั่งอยู่ข้างใน ถังโจวโจวและหลินเหยาก็เดินไปด้วย บางครั้งก็เข้าไปดูในร้านเสื้อผ้าบ้าง
เดินกันทั้งช่วงเช้า มาเจอห้องน้ำพอดี ถังโจวโจวให้หลินเหยาช่วยพาเสี่ยวอวี่ไปนั่งร้านเครื่องดื่มที่อยู่ใกล้ๆ เธอจะไปเข้าห้องน้ำก่อน รออีกเดี๋ยวก็จะกลับมา
“ถ้าอย่างนั้นเธอก็รีบกลับมานะ ไม่อย่างนั้นฉันจะเอาลูกชายเธอไปขายทิ้ง” หลินเหยาก็แค่กลัวว่าอีกเดี๋ยวจะเอาเสี่ยวอวี่ไม่อยู่ ต้องรู้ว่าเด็กน้อยติดแม่ของเขามาก มีบ่อยครั้งที่ไม่เจอถังโจวโจวก็จะร้องไห้งอแง
“รู้แล้ว รออีกเดี๋ยวถ้าเขาร้อง เธอก็เอาขวดนมใส่ปากเขา รับรองว่าไม่ร้องไห้” วิธีนี้ใช้ได้ไม่นาน รอให้เขาดูดนมข้างในจนหมด สิ่งที่เป็นอยู่ก่อนหน้านี้ก็จะหนักขึ้น
ถังโจวโจวยืนอยู่ที่หน้าอ่างล้างมือ เห็นเส้นผมของตัวเองยุ่งเหยิงจึงจัดทรงผมเล็กน้อย สังเกตเห็นว่าด้านหลังมีคนที่ทำความสะอาดห้องน้ำเดินเข้ามา เธอยังสงสัยนิดหน่อย ทำไมถึงทำความสะอาดห้องน้ำในเวลานี้กันนะ
แต่เมื่อถังโจวโจวฟื้นขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่าตัวเองไม่ได้อยู่ที่เดิม ดูเหมือนว่าเธอจะนอนอยู่บนรถของของผู้ชายคนหนึ่ง ถูกปิดตาไว้ มองอะไรก็ไม่ชัด เหมือนว่าเธอจะได้ยินเสียงพูดของผู้ชายสองคน
ตอนที่ 439 ขุดหลุมพราง
หลังจากนั้นเสียงของผู้ชายก็ทำให้เธอแน่ใจว่าเธอไม่ได้ฟังผิด มีคนสองคนจริงๆ ดูเหมือนจะนั่งอยู่เบาะหน้ารถ ฟังเสียงแล้วน่ากลัวมาก มีพลัง สามารถคิดได้ว่ารูปร่างของพวกเขาคงแข็งแรงกำยำแน่นอน
ปากของเธอกัดผ้าไว้ ดูเหมือนพวกของเมิ่งชิงซีจะลงมือแล้ว เพียงแต่ไม่รู้ว่าทำไมถึงไม่มีคนรู้ว่าเธอถูกคนลักพาตัวมาแล้ว คนที่เซ่าเซินส่งมาให้คุ้มครองเธอล่ะ
ถังโจวโจวยังคงนอนนิ่ง ตอนนี้เธอโชคดีที่เอาเสี่ยวอวี่ให้หลินเหยาดูแลแล้ว รออีกเดี๋ยวที่ลูกชายไม่เจอเธอ ไม่รู้ว่าจะร้องไห้เสียใจหนักขนาดไหน
ทางด้านถังโจวโจวที่คิดถึงลูกชายอยู่เงียบๆ ส่วนทางด้านของหลินเหยาที่เอาเสี่ยวอวี่ไม่อยู่แล้วจึงพยายามโทรหาถังโจวโจวแต่เธอไม่รับ พอเข็นรถเสี่ยวอวี่ไปที่ห้องน้ำหญิงก็พบว่าห้องน้ำทุกห้องว่างเปล่า “โจวโจวไปไหนแล้ว คงจะไม่เกิดเรื่องอะไรใช่ไหม”
หลินเหยารีบโทรศัพท์หาลั่วเซ่าเชิน บอกว่าหาถังโจวโจวไม่เจอ “หลินเหยา รบกวนเธอช่วยพาเสี่ยวอวี่กลับไปส่งหน่อย ยายของเขารออยู่ที่บ้าน เอาเขาส่งให้คุณแม่ก็ได้แล้ว เรื่องของโจวโจวคุณวางใจเถอะ เธอจะไม่เป็นอะไร”
“ทำไมฉันรู้สึกว่าคุณรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว ที่จริงแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่” หลินเหยารู้สึกถึงแผนการร้ายบางอย่าง ดูเหมือนว่าการหายตัวไปของถังโจวโจวในครั้งนี้ลั่วเซ่าเชินจะรู้อยู่แล้ว นี่เขากำลังจะฆ่าภรรยาตัวเองเหรอ
“เรื่องนี้คุณไม่ต้องสนใจ โจวโจวจะกลับมาอย่างปลอดภัยแน่นอน” ลั่วเซ่าเชินก็ไม่อยากพูดอะไรกับเธอมาก เธอแค่ต้องพาเสี่ยวอวี่ไปส่งอย่างปลอดภัยก็พอแล้ว
ลั่วเซ่าเชินหันกลับมาพูดกับโอวหยางหงที่อยู่ข้างๆ “ทางนั้นเตรียมพร้อมแล้วรึยัง”
“เรียบร้อยหมดแล้ว แค่รอให้ปลาติดเบ็ด” โอวหยางหงคิดถึงผู้หญิงที่สมควรตายคนนั้นที่ยังจะกล้าลงมืออีก ครั้งนี้จะต้องทำให้เธอน่าดูแน่นอน
“อย่าให้พวกมันทำให้โจวโจวบาดเจ็บ ถ้าฉันเห็นว่าบนร่างกายของโจวโจวมีรอยอะไรแม้แต่น้อย ฉันจะตามตัวพวกมันมาคิดบัญชี” ลั่วเซ่าเชินไม่อยากจะให้ถังโจวโจวได้รับอันตราย แต่โอวหยางหงบอกว่าไม่มีอะไรที่ล่อเสือได้ดีกว่าลูกเสือ ประโยคนี้ทำให้ลั่วเซ่าเชินนิ่งขรึมไป ทำได้แค่รู้สึกผิดต่อโจวโจวแล้ว
“วางใจเถอะ ทางโจวโจวจะไม่เกิดเรื่องอะไรแน่ ผมกำชับไว้แล้ว ถ้าพวกเขาไม่เชื่อฟังก็ต้องดูว่าพวกเขาจะมีความสามารถหนีจากมือของผมพ้นไหม”
โอวหยางหงค่อนข้างมั่นใจกับคนเหล่านี้ เพื่อให้เมิ่งชิงซีติดกับดักก็คงไม่อาจเชื่อใจคนอื่นได้
ถังโจวโจวรู้สึกว่ารถจอดแล้ว และเธอก็ถูกทั้งสองคนพยุงพาเข้าไปในที่มืดทึบ คงจะถึงอยู่ในห้อง เพราะรู้สึกว่าบนร่างกายไม่ได้รับแสงแดด ค่อนข้างอับชื้น
ผ้าปิดตาของถังโจวโจวถูกปลดออก ครั้งแรกที่ลืมตาสายตาก็สู้แสงไม่ได้นัก เธอกระพริบตาอยู่หลายครั้งถึงจะเห็นได้ชัดว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไหน ที่นี่เป็นคลังสินค้าแห่งหนึ่ง ข้างๆ มีกล่องจำนวนมาก ตอนนี้เธอนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวหนึ่ง ด้านหน้ามีผู้ชายสองคนยืนอยู่
“คุณถัง ลำบากหน่อยนะ” เมื่อผู้ชายคนหนึ่งพูดจบก็ฉีกเทปออกจากปากเธอ และไม่สนใจเธออีก ทั้งสองคนนั่งเล่นไพ่อยู่โต๊ะข้างๆ
ถังโจวโจวรู้สึกว่าวันนี้ทุกอย่างล้วนแต่ดูน่าสงสัย หรือพวกเขาไม่กลัวว่าเธอจะเรียกคนมา และเมื่อไหร่กันที่การถูกลักพาตัวได้รับการดูแลที่ดีขนาดนี้
เห็นพวกเขาท่าทางเพลิดเพลินกับการเล่นไพ่ดูเหมือนจะไม่เอาจริงจังกับการลักพาตัวในครั้งนี้เลย ช่างน่าสงสัยจริงๆ คงทำได้แค่รอให้มีการเปลี่ยนแปลง เซ่าเซินต้องรู้แน่ว่าเธอหายตัวไป
เมิ่งชิงซีโทรศัพท์เข้ามา ทางนั้นทำสำเร็จหล่อนจึงให้พวกเขาเฝ้าถังโจวโจวไว้ เธอจะไปหาในทันที แล้วก็สั่งให้พวกเขาอย่าบอกฉินอวิ๋นเรื่องที่เธอมา
เมิ่งชิงซีมาถึงสถานที่ที่พวกอยู่อย่างรวดเร็ว นำรถไปจอดในโกดัง และเห็นถังโจวโจวถูกมัดไว้กับเก้าอี้ตัวหนึ่ง
เมิ่งชิงซีไม่สนใจผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างๆ สองคน “ถังโจวโจว ไม่คิดจริงๆ ว่าเธอจะมีวันนี้”
“เมิ่งชิงซี เธอเป็นคนทำเรื่องทั้งหมดนี้เหรอ” ถังโจวโจวเดาได้นานแล้วว่าเป็นฝีมือเธอ พอเห็นว่าเมิ่งชิงซีไม่ยอมหยุดจนกว่าเธอจะตาย ถังโจวโจวไม่คิดจริงๆ ว่า เธอไปทำให้เมิ่งชิงซีเกลียดชังเธอมากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ถึงได้ทำกับเธอขนาดนี้
ตอนที่ 436 ไปหาถังโจวโจว
“แม่คะ พ่อเป็นอะไร” ท่าทางดูโมโหมาก แต่ไหนแต่ไหรพ่อไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน
“แกยังจะมาถามอีกเหรอ ก็เรื่องที่แกทำไว้ไง” ฉินอวิ๋นปิดหน้าเอาไว้ ไม่รู้ว่าใบหน้าขึ้นรอยแดงไหม แต่แรงของเขาเมื่อครู่ก็ไม่เบาเลย
“แม่ นี่แม่เป็นอะไร พ่อทำร้ายแม่เหรอ” ในที่สุดเมิ่งชิงซีก็เห็นว่าใบหน้าของแม่เธอมีร่องรอยการถูกทำร้าย นี่พ่อถึงกับต้องทำร้ายแม่เลยเหรอ มีเรื่องอะไรกันถึงกับต้องลงไม้ลงมือแบบนี้
“ไม่ต้องถามแล้ว ช่วงนี้แกสงบปากคำไปก่อน ช่วงนี้พ่อแกอารมณ์ไม่ดี แกอย่าเพิ่งไปยุ่งกับเขา” ฉินอวิ๋นให้คำแนะนำลูกสาว
“รู้แล้ว” เมิ่งชิงซีอยากพูดกับเมิ่งไหวเซินว่าถ้าหากวันไหนโมโหแบบนี้อีกก็ห้ามลงไม้ลงมือกับแม่ ทั้งสองคนแต่งงานกันมาตั้งหลายปี พ่อไม่สนใจความสัมพันธ์ในอดีตบ้างเลยเหรอ
หากว่าฉินอวิ๋นรู้ว่าในใจเมิ่งชิงซีมีความคิดที่บริสุทธิ์ขนาดนี้คงต้องแค่นเสียงแน่นอน ถ้าจะพูดเรื่องความรักความสัมพันธ์ ไม่เห็นหรือว่าอดีตภรรยาของเขาเป็นลูกสาวตระกูลใหญ่แต่ก็ไม่เห็นจะมีประโยชน์สักนิด ขอแค่เธอจับเขาให้อยู่หมัดไม่ว่าอะไรก็ต่างวิ่งเข้าใส่เธอทั้งนั้น
วันนี้เมิ่งไหวเซินไม่ได้เข้าบริษัท เขาสืบจนเจอที่อยู่ของถังโจวโจวและลั่วเซ่าเชินแล้ว เขาจอดรถไว้ด้านนอก ยังไม่เห็นถังโจวโจวออกมา เมิ่งไหวเซินค่อนข้างสับสนว่าควรเข้าไปดีไหม
ในที่สุดก็เห็นคนที่เหมือนแม่บ้านออกมาทิ้งขยะ เมิ่งไหวเซินรีบลงจากรถ ไปขวางประตูไว้ก่อนที่เธอจะปิดประตู “สวัสดีครับ ขอถามหน่อย ถังโจวโจวอยู่บ้านไหมครับ”
“คุณคือใครคะ” ป้าหลิวเห็นผู้ชายตรงหน้า หล่อนไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน จู่ๆ มาถามหาคุณผู้หญิงทำไมกัน
“แค่ช่วยไปบอกว่าผมเมิ่งไหวเซินต้องการพบก็พอครับ”
“ได้ค่ะ คุณรอที่นี่สักครู่ ดิฉันจะไปถามคุณผู้หญิงให้” ป้าหลิวปิดประตู บอกเรื่องที่มีคนมาหากับถังโจวโจว “อ้อ คุณคนนั้นเขาบอกว่าชื่อเมิ่งไหวเซินเหรอ”
“ใช่ค่ะ”
ถังโจวโจวไม่คิดว่าเมิ่งไหวเซินจะมาหาเธอ
“ได้ค่ะ ป้าหลิวไปจัดการเรื่องของป้าหลิวต่อเถอะ เดี๋ยวฉันไปดูเอง” ถังโจวโจวอุ้มเสี่ยวอวี่ไว้ ตอนนี้คุณแม่ถังยังไม่มา เสี่ยวอวี่เลยไม่มีคนดูแล อย่างไรก็ตามเมิ่งไหวเซินก็ไม่ใช่คนแปลกหน้า ก็แค่ไปดูว่าวันนี้เขามาทำไมก็เท่านั้น
ประตูถูกเปิดออกอีกครั้ง เมิ่งไหวเซินเห็นถังโจวโจวอุ้มเด็กคนหนึ่งออกมาก็เหม่อไปชั่วขณะหนึ่ง หลังจากนั้นถึงนึกออกว่า เหมือนว่าลูกสาวคนนี้ของเขาจะมีลูกชายกับลั่วเซ่าเชินแล้ว ดูเหมือนว่าเธอจะมีฐานะอยู่ในตระกูลลั่วอย่างมั่นคงแล้วด้วย
“คุณเมิ่ง คุณมาหาฉันมีเรื่องอะไรรึเปล่าคะ” ถังโจวโจวเห็นเมิ่งไหวเซินสีหน้าราบเรียบ มองเจตนาที่เขามาไม่ออกเลย
“สะดวกที่จะเข้าไปคุยข้างในไหมครับ” เมิ่งไหวเซินเห็นเธออุ้มเด็กอยู่ ถ้าเดิมทีถังโจวโจวเดินออกมาคนเดียว เขาจะพาเธอไปหาที่เงียบๆ เพื่อคุยกัน เพียงแต่ตอนนี้มีเด็กอยู่ คงไม่ค่อยดีนัก
“ได้ค่ะ เชิญค่ะ” ถังโจวโจวเบี่ยงตัว เมิ่งไหวเซินเดินเข้าไปก่อน หลังจากนั้นเธอจึงปิดประตู
ป้าหลิวยกน้ำชาไปให้ทั้งสองคน หลังจากนั้นก็ปล่อยให้ทั้งสองอยู่กันในห้องรับแขกแค่สองคน สองมือของเมิ่งไหวเซินลูบวนบนแก้วชา ไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดอย่างไรไปช่วงขณะหนึ่ง
“คุณเมิ่ง ครั้งนี้คุณมาหาฉันด้วยเรื่องอะไรคะ” ถังโจวโจวทำลายความเงียบขึ้น เธอหยิบตุ๊กตาหมีมาใส่ในมือของเสี่ยวอวี่ เพียงแค่นี้เขาก็จะนั่งเงียบๆ ในตักของเธอแล้ว
“นี่คือลูกชายของคุณใช่ไหม เขาชื่ออะไรเหรอ”
เมิ่งไหวเซินเห็นเสี่ยวอวี่ว่าง่ายขนาดนี้ น้อยมากที่จะเห็นเด็กที่เชื่อฟังขนาดนี้ ลูกล้วนเป็นแก้วตาของพ่อแม่ ขอแค่ไม่ถูกเลี้ยงให้เสียคนก็ถือว่าไม่เลวแล้ว โดยเฉพาะเด็กผู้ชาย สวรรค์ประทานให้ ไม่ทำให้เขาเสียนิสัยก็ถือว่าไม่เลว
“เสี่ยวอวี่ค่ะ เขาเพิ่งจะขวบกว่า ยังพูดไม่เป็น”
“ไม่เป็นไร โจวโจว ผมเรียกคุณแบบนี้ได้ไหม” คุณก็เรียกฉันอย่างนี้ไปแล้ว ยังจะถามฉันทำไมอีก
“ได้ค่ะ คุณเมิ่งมีอะไรก็พูดมาได้เลยค่ะ” ไม่อยากให้อ้อมค้อม เธอดูจะรีบร้อนแทนเขา
“โจวโจว ผมคือพ่อของคุณ” เมื่อเมิ่งไหวเซินพูดประโยคนี้ออกมาก็คอยสังเกตท่าทีของถังโจวโจวอยู่ตลอด แต่ก็พบว่าเธอไม่ได้มีอาการตกใจแต่อย่างใด กลับดูสงบมาก เหมือนกับว่ารู้อยู่นานแล้ว
ตอนที่ 437 อยากจะอ้างสิทธิ์ความเป็นครอบครัว
“เธอรู้ตั้งนานแล้วเหรอ” เมิ่งไหวเซินเห็นท่าทางสงบนิ่งของถังโจวโจวเหมือนว่าจะรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว ถ้าอย่างนั้นทำไมเธอไม่ไปหาเขา ถ้าเขาไม่มาหาเธอ ทั้งชีวิตนี้เธอก็จะไม่คิดจะยอมรับเขาใช่ไหม
“ใช่ค่ะ ฉันรู้นานแล้ว คุณเมิ่งคะ ฉันเองก็ไม่รู้เจตนาของคุณ ฉันไม่ได้ต้องการอำนาจและสมบัติของตระกูลเมิ่ง ตอนนี้คุณมีภรรยาและลูกสาวแล้ว ฉันเองก็มีพ่อแม่ของตัวเอง พวกเราสามารถทำเหมือนกับว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน คุณก็ใช้ชีวิตของคุณต่อไป ฉันเองก็จะทำแบบนั้นเหมือนกัน”
“แต่ฉันเป็นพ่อแท้ๆ ของเธอ เธอจะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นไม่ได้นะ” เมิ่งไหวเซินไม่คิดว่าจะต้องเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ เธอควรจะทั้งร้องไห้ทั้งหัวเราะมากกว่า ต้องรู้ว่าการที่เขามาที่บ้านก็เพื่อตั้งใจที่จะพาเธอกลับไปที่ตระกูลเมิ่ง ทำไมการตอบสนองของถังโจวโจวกับความคิดเขาถึงแตกต่างกันแบบนี้
“ฉันรู้นานแล้วค่ะ แต่ในความคิดของฉัน พ่ออย่างคุณมีเมิ่งชิงซีเป็นลูกสาวก็พอแล้ว สำหรับฉัน ตอนนี้ฉันเองก็มีครอบครัวแล้ว ไม่ต้องการให้คุณมาดูแล ดังนั้นจะกลับหรือไม่กลับไปที่ตระกูลเมิ่งในความคิดฉันก็ไม่ได้สำคัญขนาดนั้น”
“เธอไม่อยากพบญาติจริงๆ ของเธอเหรอ” เมิ่งไหวเซินไม่เห็นแม่บุญธรรมและพ่อบุญธรรมของถังโจวโจวอยู่ในสายตาเลยสักนิด
“ไม่ล่ะค่ะ คุณเมิ่งไม่กังวลเหรอคะว่าถ้าถึงเวลาคุณพาฉันกลับไป ภรรยาและลูกของคุณจะคิดยังไง”
เขาเองก็รู้ดีว่าเมิ่งชิงซีและฉินอวิ๋นเกลียดเธอ จู่ๆ จะให้เธอกลับไปที่ตระกูลเมิ่ง หากฉินอวิ๋นคิดว่าตำแหน่งของตัวเองกำลังโดนคุกคามและเกิดทำเรื่องร้ายแรงอะไรขึ้นมาคงจะไม่ดีแน่
“พวกเขาจะทำอะไรได้ เธอคือลูกของฉัน พวกเขาต้องยอมรับเธอแน่” เมิ่งไหวเซินไม่ยอมถูกคุกคามแบบนั้น อยู่ที่บ้านนั้น เขามีอำนาจในการตัดสินใจ และฉินอวิ๋นก็ไม่สามารถเหยียบหัวเขาได้
“คุณเมิ่งคะ คุณอย่ามั่นใจเกินไปนัก” ไม่รู้ว่าเมิ่งไหวเซินไปเอาความมั่นใจนี้มาจากไหน เท่าที่ถังโจวโจวรู้ สองแม่ลูกคู่นี้ลับหลังเขาก็ก่อเรื่องเอาไว้ไม่น้อย คิดว่าเรื่องพวกนี้เขาเองก็คงไม่รู้
“ถังโจวโจว ทำไมเธอถึงพูดกับพ่อของเธออย่างนี้” เมิ่งไหวเซินไม่เข้าใจ พ่อแม่มารับเธอถึงที่ ทำไมเธอไม่ดีใจเลยสักนิด เขาไม่เข้าใจเลย
ก่อนหน้านี้เขาทำไม่ดีต่อถังโจวโจว นั่นเป็นเพราะว่าเขาไม่รู้ว่าเธอคือลูกสาว ในเมื่อตอนนี้รู้แล้วก็ต้องได้รับการยอมรับกลับไป ทางด้านคุณพ่อก็ต้องแจ้งให้ทราบโดยเร็ว เชื่อว่าถ้าท่านรู้ว่าลูกสาวของหลานอีกลับมาแล้ว ท่านจะต้องดีใจมากแน่ๆ
“คุณเมิ่งคะ ทำไมคุณถึงมั่นใจนักว่าฉันคือลูกสาวคุณ คุณพิสูจน์ดีเอ็นเอแล้วเหรอ”
ถังโจวโจวเห็นเขามีน้ำเสียงที่ยโสเลยถามออกไป เห็นเขาหน้าตึงขึ้น เธอก็แปลกใจทันที เพียงแค่จู่ๆ ได้ยินคนอื่นพูดประโยคอย่างนั้น ทำไมเขาถึงตั้งใจที่จะพาเธอกลับไป เรื่องนี้มีประโยชน์อะไรสำหรับเขา
เมิ่งไหวเซินเห็นเธอเตือนอย่างนี้ ถึงเพิ่งจะคิดได้ เขาแค่ได้ยินฉินอวิ๋นคุยกันเท่านั้นทำไมถึงได้เชื่อเรื่องนี้ได้อย่างง่ายดาย การตรวจสอบอะไรสักนิดก็ไม่ได้ทำ
เมิ่งไหวเซินเงียบขรึมให้กับข้ออ้างที่ดีของถังโจวโจวทันที “คุณเมิ่งคะ ตอนนี้ดูเหมือนคุณเองก็ไม่แน่ใจว่าฉันคือลูกสาวคุณ ถ้าอย่างนั้นรอให้คุณมีหลักฐานที่ชัดเจนค่อยกลับมาเถอะค่ะ หวังว่าช่วงเวลานี้คุณจะไม่มารบกวนชีวิตของฉันอีก”
“ถ้าอย่างนั้นเธอให้เส้นผมเธอมาให้ฉันสักเส้นได้ไหม” เมิ่งไหวเซินรู้ว่าวันนี้ไม่สามารถจัดการเรื่องนี้ได้ เพียงสามารถเอาหลักฐานความเป็นพ่อลูกออกมาได้ ถึงเวลานั้นถังโจวโจวยังจะมีข้อโต้แย้งอะไรอีก
“ได้ค่ะ” ถังโจวโจวพบว่าบนเสื้อของเธอก็มีเส้นผมอยู่หนึ่งเส้นพอดีจึงใช้มือหยิบมาขึ้นมาและส่งให้เมิ่งไหวเซิน เมิ่งไหวเซินใช้กระดาษแผ่นหนึ่งห่อมันไว้ ใส่มันลงในกระเป๋าอย่างระมัดระวัง นี่คือสิ่งที่สามารถใช้ยืนยันเป็นหลักฐานได้ดีที่สุด ก็แค่รอเวลาให้ผลทั้งหมดออกมาเท่านั้น
“ขอโทษด้วยที่วันนี้มารบกวน ผมขอกลับก่อน” เมิ่งไหวเซินดูแล้วว่าตอนนี้ถังโจวโจวก็คงไม่ได้มีความรู้สึกดีอะไรต่อเขามากนัก เมิ่งไหวเซินจึงไม่ถือสา ถ้าถังโจวโจวคือลูกของหลานอีจริงๆ ถ้าอย่างนั้นเรื่องนี้ก็จะมีประโยชน์สำหรับเขามาก
เมิ่งไหวเซินไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยกับคำถามยากๆ เหล่านี้ที่ถังโจวโจวให้เขา เพียงแต่ต้องปิดบังฉินอวิ๋นไว้ก่อน ท้ายที่สุดถ้าถูกเธอทำลายการตรวจพิสูจน์ครั้งนี้ไป เขาอาจจะต้องใช้เวลาอีกสักพักและบริษัทคงรอไม่ได้ขนาดนั้น
ตอนที่ 434 ชาติกำเนิดของถังโจวโจว
“ยัยลูกคนนี้ ที่พ่อของแกยุ่งขนาดนี้ก็ไม่ใช่เพราะแกเป็นต้นเหตุเหรอ”
ฉินอวิ๋นเห็นเมิ่งชิงซีเอาแต่หนีปัญหาก็ปวดหัวมาก ตอนที่หล่อนกำลังพยายามทำให้เมิ่งไหวเซินเกิดความรู้สึกดีๆ ฉินอวิ๋นก็ได้รู้ถึงการมีอยู่ของภัยคุกคามอย่างถังโจวโจว หล่อนต้องตื่นตัวตลอดเวลา กลัวว่าเสิ่นหลานอีก็จะกลับมา
“แม่คะ แม่จะบอกหรือไม่บอก ถ้าไม่บอกก็ออกไป” ทำไมพูดมากขนาดนี้นะ ก่อนหน้านี้เมิ่งชิงซียังรู้สึกเสียใจอยู่บ้าง แต่เมื่อทุกคนยิ่งพูดตนก็ยิ่งหงุดหงิด หล่อนไม่เห็นรู้สึกเลยว่าสูญเสียเล็กน้อยแค่นี้จะทำให้เป็นเรื่องใหญ่ทำไม อย่างไรเสียพ่อก็ต้องหาวิธีได้แน่นอนอยู่แล้ว
ตระกูลเมิ่งที่มีผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลังใหญ่โตขนาดนี้ เบื้องหลังแข็งแรงขนาดนี้ ยังกลัวว่าจะไม่สามารถพลิกวิกฤตกลับมาได้อีกเหรอ ความคิดหนีปัญหาแบบนี้ขับไล่ความกังวลของเธอออกไป ตอนนี้เธอเลยยังสามารถนอนสบายๆ อยู่บนเตียง ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้
เมิ่งไหวเซินที่ได้ยินเมิ่งชิงซีเป็นแบบนี้ก็กำมือทั้งกำมือสองแน่น เขาคลอดลูกสาวที่ดีมากจริงๆ
ไม่คิดว่าฉินอวิ๋นปกติจะสั่งสอนลูกสาวแบบนี้ ก่อนหน้านี้เขายังคิดว่าลูกสาวคนนี้ไม่เลวเลย ที่ไหนได้เจอเรื่องแบบนี้ก็ถึงกับถอยหลังแล้ว แม้แต่พ่อแท้ๆ หล่อนยังไม่แยแส อีกอย่างที่เรื่องมันยุ่งเหยิงแบบนี้ก็เพราะเธอสร้างขึ้นมาทั้งนั้น
“แกทำท่าทางอย่างนี้กับแม่เหรอ”
“โอเค แม่ เมื่อกี้หนูแค่โกรธ ถือโอกาสตอนที่พ่อยังไม่รู้ว่าถังโจวโจวก็เป็นลูกสาวของเขา รีบกำจัดมันซะเถอะค่ะ ถึงเวลานั้นแม่ก็จะได้มีลูกเขยดีๆ แล้วไม่ใช่เหรอ” เมิ่งชิงซีเดินไปที่ข้างกายของฉินอวิ๋น จับมือเธอเขย่าไปมา
เมิ่งไหวเซินได้ยินเข้าก็เซถอยหลัง ที่แท้ถังโจวโจวเป็นลูกสาวของเขาหรือ เรื่องนี้กะทันหันเกินไป ทำให้เขาตกใจจนไม่รู้จะทำยังไงดี
เมิ่งไหวเซินอดที่จะคิดถึงเมื่อก่อนหน้านี้ที่เขาได้ติดต่อกับถังโจวโจวไม่ได้ มิน่าล่ะถึงรู้สึกคุ้นเคยมาก นี่คงเป็นสายสัมพันธ์ของสายเลือดใช่ไหม
สมองของเมิ่งไหวเซินเริ่มสับสน เขาพยายามบังคับตัวเองให้สงบลง ฉินอวิ๋นสองแม่ลูกคิดจะจัดการถังโจวโจว เขาควรจะทำอย่างไรดี
ตอนนี้เมิ่งชิงซีทำให้เขาผิดหวังในตัวเธอมาก และไม่คิดว่าฉินอวิ๋นที่ปกติดูอ่อนโยน จิตใจจะโหดเ**้ยมแบบนี้
เมิ่งไหวเซินแทบจะทนฟังบทสนทนาต่อไปไม่ไหว สองแม่ลูกด้านในกำลังคุยกัน คำพูดสุดท้ายของฉินอวิ๋นยิ่งทำให้ใจของเขาเจ็บลึก ถังโจวโจวไม่เคยทำอะไรพวกเธอสองแม่ลูก แต่พวกเธอกลับอยากให้ถังโจวโจวตาย
ถ้าวันหนึ่งเขาไปขวางทางของพวกเธอ พวกเธอจะทำอย่างไรกับเขา
เมิ่งไหวเซินรู้สึกว่าความคิดของตัวเองค่อนข้างไร้สาระ แต่สมองก็สับสน ไม่ง่ายเลยที่จะไม่คิดถึงมัน
ในเมื่อพวกเธอสามารถพูดเรื่องแบบนี้ออกมาได้อย่างง่ายดาย เหมือนชีวิตของถังโจวโจวนั้นง่ายดายเพียงแค่พวกเธอกะพริบตาเท่านั้น ถ้าวันหนึ่งเขากลายเป็นศัตรูของพวกเธอ เขาก็จะตายไปโดยไม่รู้ตัวด้วยใช่ไหม
คนในห้องไม่รู้ว่าคนที่อยู่ข้างนอกได้ยินบทสนทนาของพวกเธอหมดแล้ว ฉินอวิ๋นแค่เสนอวิธีออกมานิดหน่อย ตอนนี้ถังโจวโจวรักลูกชายของหล่อนเป็นที่สุด เพียงแค่พาเสี่ยวอวี่มา อย่างอื่นก็ไม่มีปัญหาแล้ว สำหรับคนเป็นแม่แล้วยอมแลกทุกอย่างได้เพื่อลูกของตัวเอง
ฉินอวิ๋นเชื่อว่าพวกเธอให้เธอทำอะไร หล่อนก็จะยอมทำทุกอย่างอย่างง่ายดาย สุดท้ายแล้วชีวิตของลูกชายหล่อนก็อยู่ในกำมือของพวกเธอ
“คุณผู้ชาย คุณกำลังจะออกไปแล้วใช่ไหมคะ”
“อืม” เมิ่งไหวเซินที่ออกไปถึงประตูถอยหลังกลับมาทันที “ไม่ต้องบอกคุณผู้หญิงว่าฉันกลับมานะ”
“ค่ะ ดิฉันทราบแล้ว” แม่บ้านได้ยินก็ตอบรับ
เมิ่งไหวเซินก้าวเท้าออกไปอย่างรีบร้อน ตอนนี้เขาควรไปหาที่ที่สงบคิดทบทวนดูว่าควรจะทำอย่างไรดี
สำหรับถังโจวโจว เมิ่งไหวเซินไม่ได้มีความรู้สึกลึกซึ้งมากมายนัก แม้ว่าเธอจะเป็นลูกสาวของเขา แต่ความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองก็เหมือนคนแปลกหน้า แต่ดีขึ้นหน่อยที่พวกเขาเคยได้เจอหน้ากันมาก่อน
เมิ่งไหวเซินคิดถึงครั้งก่อนที่ตนต่อว่าถังโจวโจวด้วยความโกรธเพราะเมิ่งชิงซี ก็ไม่รู้ว่าเธอจะยังโกรธอยู่ไหม
เมิ่งไหวเซินขับรถออกจากบ้าน ฉินอวิ๋นรู้สึกเหมือนว่าตัวเองได้ยินเสียงรถ แต่เมิ่งไหวเซินออกไปบริษัทตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอ หรือเขาจะเพิ่งกลับมา เธอจึงรีบวิ่งลงไปชั้นล่าง พบว่าห้องรับแขกไม่มีใครเลย
เดินไปที่หน้าประตูก็ไม่เห็นเงาของรถจึงเรียกแม่บ้านมา “ป้าหวัง เมื่อกี้คุณผู้ชายกลับมาเหรอ”
ป้าหวังส่ายหน้า “คุณผู้ชายไปบริษัทแล้วไม่ใช่เหรอคะ”
ตอนที่ 435 ขอให้คุณปู่เมิ่งช่วย
ฉินอวิ๋นเห็นป้าหวังไม่หลบสายตา และดูเหมือนหล่อนจะไม่รู้เรื่องก็สงสัยว่าเมื่อครู่ตนเองคงหูฝาดไป “อืม ไม่มีอะไรแล้ว ไปเถอะ”
ฉินอวิ๋นโบกมือไปมา ป้าหวังก็ถอยกลับไป ในใจฉินอวิ๋นรู้สึกกังวลว่าก่อนหน้านี้เธอหูฝาดหรือป้าหวังโกหกกันแน่ ดูเหมือนว่าต่อไปจะคุยเรื่องถังโจวโจวในบ้านอีกไม่ได้แล้ว วันไหนเมิ่งไหวเซินได้ยินเข้า คงไม่ใช่ข่าวดีของพวกเธอสองคนแม่ลูกแน่
เมิ่งไหวเซินขับรถไปถึงประตูแล้วและเข้าไปในห้องทำงาน วางเอกสารในมือลงบนโต๊ะ ตอนนี้เขาไม่มีกะจิตกะใจที่จะทำงาน เมิ่งชิงซีทำเรื่องโง่ๆ แบบนั้น ได้ยินผู้ช่วยของเธอบอกว่า ดูเหมือนจะเป็นเพราะผู้ชาย เธอเลยติดกับดักของคนอื่น
ตอนนี้บริษัทยุ่งเหยิงแบบนี้ พวกบอร์ดบริหารถามเขาทุกวัน เมิ่งไหวเซินทำได้ดีที่สุดคือกล่อมให้พวกเขาสงบลงก่อน พยายามจัดการกับสิ่งที่เมิ่งชิงซีทำให้เกิดขึ้น เพียงแต่ค่อนข้างยากลำบากอยู่ช่วงหนึ่ง
เมิ่งไหวเซินยุ่งมาทั้งวัน กลับมาถึงบ้านก็ได้รับการต้อนรับเป็นคำถามว่า “ไหวเซิน เรื่องที่บริษัทเป็นยังไงบ้างคะ”
ปกติแล้วเมิ่งไหวเซินอาจจะยังรู้สึกว่าฉินอวิ๋นอยู่เคียงข้างเขาในสถานการณ์ที่ยากลำบาก เพียงแต่เมื่อได้ฟังเรื่องเมื่อกลางวันแล้ว เมิ่งไหวเซินก็รู้สึกว่าถ้าเป็นห่วงเขาจริงๆ ก็คงต้องถามว่าเขาทำงานเหนื่อยไหม กลับมาก็ถามถึงแต่เรื่องของบริษัท จะให้รู้สึกว่าเธอใส่ใจเขาได้ยังไง
“เรื่องของบริษัทคุณไม่ต้องกังวล คุณเป็นห่วงชิงซีเถอะ” ฉินอวิ๋นหัวใจเต้นแรงอยู่ครู่หนึ่ง นี่หมายความว่าอะไร หรือต่อว่าเธอว่าสอนลูกไม่ดีเหรอ
“ไหวเซิน ฉันก็แค่เป็นห่วงคุณ ในเมื่อคุณไม่อยากจะพูด ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะไม่ถามแล้ว” ฉินอวิ๋นช่วยเขาถอดเสื้อคลุม รับกระเป๋าเอกสารในมือเขา ดูแล้วเหมือนเป็นภรรยาที่ดี
เมิ่งไหวเซินรู้สึกเสียใจอยู่บ้าง คำพูดของเขาเมื่อครู่นี้รุนแรงเกินไปรึเปล่า ทั้งหมดก็เป็นแค่ความคิดของเขาเท่านั้น เขาไม่แน่ใจสิ่งที่อยู่ในใจของฉินอวิ๋น ทำได้แค่คาดเดาจากคำที่เธอพูดออกมาเท่านั้น
“ตอนนี้ที่เงินทุนบริษัทไม่สามารถถอนกลับมาได้ อาจจะ…” เมิ่งไหวเซินเพียงแค่เดาสิ่งที่เลวร้ายที่สุดออกมา
“ไหวเซิน ในเมื่อเป็นแบบนี้ พวกเราลองไปคุยกับคุณพ่อดีไหม ลองดูว่าท่านจะมีวิธีช่วยไหม” ฉินอวิ๋นร้อนรน ถ้าบริษัทเกิดปัญหาแล้ว ครอบครัวของพวกเธอจะทำยังไง
“คุณหมายความว่าให้ผมไปขอให้คุณพ่อช่วยเหรอ”
“ไหวเซิน ตอนนี้ถึงเวลาแล้ว คุณก็อย่าถือสาเรื่องก่อนหน้านี้เลย รีบรักษาบริษัทไว้ก่อน” ฝั่งคุณลุงเองก็สามารถช่วยได้ ถึงเวลาตระกูลเมิ่งยังสามารถฟื้นกลับคืนมาได้
เพียะ! เสียงดังก้องกังขึ้นจากใบหน้าของฉินอวิ๋น ฉินอวิ๋นปิดหน้า ดวงตาเบิกกว้าง เมิ่งไหวเซินตบเธอ
เมิ่งไหวเซินค่อยๆ ดึงมือกลับ “ฉินอวิ๋น คุณตั้งใจรึเปล่า คุณก็รู้อยู่แล้วว่าผมกับคุณพ่อไม่ลงรอยกัน ยังจะให้ผมไปขอความช่วยเหลือจากเขา หรือในสายตาคุณผมยังไม่สำคัญเท่ากับบริษัท!”
“ไหวเซิน นี่คุณเป็นอะไรไป ทำไมคุณคิดอย่างนี้ ฉันก็แค่ช่วยคุณคิด คุณจะได้ไม่ต้องกลัดกลุ้มทำหน้าอมทุกข์อยู่ตลอดก็เท่านั้นเอง” ฉินอวิ๋นรู้สึกแสบร้อนบนใบหน้า ถ้าเมิ่งไหวเซินเกิดสงสัยว่าเธอมีเจตนาอื่นแอบแฝง นั่นคงไม่ดีแน่
หลายปีมานี้ หรือว่าในสายตาเมิ่งไหวเซินเธอมันไม่น่าเชื่อถือขนาดนั้นเลยเหรอ “ไหวเซิน ฉันก็แค่คิดว่าวิธีนี้ง่าย ไม่ได้มีเหตุผลอื่น ถ้าคุณไม่ยอมจริงๆ ฉันก็จะไม่พูดแล้ว”
ฉินอวิ๋นไม่คิดว่าแค่ให้เขาไปขอร้องคุณปู่เมิ่ง เมิ่งไหวเซินจะต่อต้านรุนแรงขนาดนี้ ในความคิดของฉินอวิ๋น เรื่องอะไรก็ไม่สำคัญเท่าเงิน หน้าตาจะไปสำคัญอะไร แค่คุณมีตำแหน่ง มีอำนาจ คนอื่นก็นับถือคุณอยู่แล้ว เรื่องหน้าตาขอแค่คุณมีตำแหน่งคุณก็จะมีโอกาสรักษามันไว้ได้
เมิ่งไหวเซินเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง สุดท้ายก็ยังไม่เชื่อใจฉินอวิ๋นทั้งหมด ควรพูดว่าเมื่อก่อนเขาก็เองก็ไม่ค่อยเชื่อเธออยู่แล้ว ในใจของเมิ่งไหวเซิน ใครก็ไม่อาจไว้ใจได้เท่าตัวเอง
เมิ่งไหวเซินเดินขึ้นชั้นสองไปด้วยความโกรธ พอถึงห้องหนังสือก็พอดีกับที่เมิ่งชิงซีกำลังจะลงไปชั้นล่าง หล่อนจึงเห็นว่าเมิ่งไหวเซินกลับมาแล้ว “พ่อ กลับมาแล้วเหรอคะ”
พอเห็นว่าเมิ่งไหวเซินไม่สนใจเธอและไม่มองเธอเลย เมิ่งชิงซีก็คิดว่าใครไปยั่วโมโหเขาเข้านะ ถึงได้โมโหขนาดนี้
ตอนที่ 432 ที่ดินไร้ประโยชน์
หลังจากเมิ่งชิงซีชำระเงินเสร็จอย่างดีอกดีใจ เธอก็ได้ทราบข่าวที่ไม่ดีสำหรับเธอนัก
“เฮ้อ คุณโชคดีที่ไม่ได้ที่ดินเมื่อครู่นี้ ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนไหนประมูลเสียแพงขนาดนั้น เห็นอยู่ชัดๆ ว่าเป็นที่ดินไร้ค่า ทำไมถึงยังประมูลในราคาสูงขนาดนั้นอีก”
“ยังไงนะ คุณรู้อะไรมาเหรอ” คนที่อยู่ข้างๆ ถามอย่างแปลกใจ
“แน่นอนมีคนบอกว่าที่ดินผืนนั้นอีกไม่นานก็จะถูกรัฐบาลเวนคืน เมื่อถึงเวลาใช้เป็นเส้นทางคมนาคมน่ะสิ”
สมองของมิ่งชิงซีตอนนี้มึนงงไปหมด “เมื่อกี้เธอได้ยินหรือเปล่า”
“ได้ยินแล้วค่ะผู้จัดการ กลับไปจะบอกประธานเมิ่งยังไงดีคะ” ครั้งนี้จำนวนเงินที่พวกเขาใช้นั้นมากกว่าที่คาดไว้กว่าสามสิบล้าน หากประธานเมิ่งทราบข่าวนี้เกรงว่าสีหน้าต้องย่ำแย่แน่
ผู้ช่วยเริ่มคาดเดาถึงจุดจบของตัวเองแล้ว มากับคุณหนูท่านนี้ช่างเป็นวิบากกรรมแท้ๆ ก็แค่โดนผู้ชายคนหนึ่งท้าทาย นี่กลับเอาเงินของบริษัทมาล้อเล่นแบบนี้ได้
ผู้ช่วยกำลังพิจารณาว่าเธอควรจะลาออกดีไหม อยู่กับบริษัทแบบนี้ต่อไปจะมีอนาคตไหม
ภายหลังจากที่ผู้ช่วยได้ใคร่ครวญอยู่นาน ในที่สุดก็เลือกที่จะลาออกไปอยู่บริษัทเล็กๆ แทน บริษัทอื่นถึงสวัสดิการจะน้อยกว่าที่บริษัทตระกูลเมิ่งแต่ก็ยังมีอนาคต แต่นี่ก็เป็นเรื่องในภายหลัง
ตอนนี้เมิ่งชิงซีตระหนักได้แล้วว่าเธอทำผิดพลาดไปครั้งใหญ่หากเธอใช้เงินซื้อที่ดินไร้ค่าจริงๆ งั้นเธอจะบอกเมิ่งไหวเซินอย่างไร ต้องรู้ว่าพ่อคาดหวังเอาไว้สูงมากในการส่งเธอมา ซ้ำยังกำชับเธอหลายครั้งว่าให้ดูการเปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์
ตอนนี้เธอทำทุกอย่างพังหมดแล้ว พ่อจะจัดการเธออย่างไร เมิ่งชิงซีคิดล่วงหน้าไปต่างๆ นานา ต้องรู้ว่าในใจของเมิ่งไหวเซินนั้นลูกสาวสำคัญไม่เท่าบริษัท
นั่นคือสิ่งที่เขาสร้างมากับมือ ถ้าบริษัทนี้ถูกทำลายลงเพราะฝีมือเมิ่งชิงซี เธอต้องถูกเมิ่งไหวเซินจัดการแน่
“ทำไงดี ทำไงดี เงินก็จ่ายไปแล้ว จะขอคืนได้ที่ไหนกันเล่า” เมิ่งชิงซีไม่อาจทำเรื่องที่จะทำให้บริษัทขายหน้าแบบนี้ได้
เธอมองไปทางด้านข้างพบว่าผู้ชายที่ออกไปก่อนหน้านี้กำลังจะออกไปด้านนอกแล้ว “นี่ คุณข้างหน้านั่นน่ะ หยุดก่อน” เมิ่งชิงซีรีบตามผู้ชายคนนั้นไปทันที หมอนั่นมันตัวต้นเรื่อง ถ้าไม่มีเขาเธอก็คงไม่ทำผิดพลาดแบบนี้หรอก
ผู้ชายคนนั้นหยุดเดิน ยืนนิ่งไม่ขยับ เมิ่งชิงซีตามมาทันเขาอย่างรวดเร็ว “คุณบอกมาว่าคุณเป็นใครกันแน่ ทำไมคุณถึงต้องกดราคาของฉันทุกครั้ง”
เมิ่งชิงซียืนอยู่ต่อหน้าเขา มองดูเขาที่ใส่แว่นดำขนาดใหญ่ ใบหน้าทั้งหมดถูกซ่อนเอาไว้ครึ่งหนึ่ง ผู้ชายคนนี้ไม่มีทางมีเจตนาดีแน่ แน่นอนว่าต้องเป็นการจงใจ
ชายหนุ่มถอดแว่นตาออก ใบหน้านั้นดูหล่อเหลา เขายกยิ้มที่มุมปาก “เมื่อกี้คุณคุยกับผมเหรอครับ”
น้ำเสียงของผู้ชายคนนี้อ่อนโยนมากจนทำให้เมิ่งชิงซีสงสัยว่าก่อนหน้านี้ตัวเองพูดดังไปรึเปล่า ทำลายภาพลักษณ์ของหญิงสาวไปจนหมด
“ใช่ เมื่อกี้ฉันพูดกับคุณ คุณทำอย่างนี้ทำไม” เมิ่งชิงซีลดเสียงโดยไม่รู้ตัวเพราะกลัวว่าเขาจะตกใจ
“แน่นอนว่าที่ผมทำอย่างนี้เพราะผมมีเหตุผล ต่อไปคุณก็จะรู้เอง” หลังจากชายหนุ่มเอ่ยจบก็สวมแว่นกันแดดและเดินอ้อมตัวเธอออกไปด้านนอก
เมื่อสติของเมิ่งชิงซีกลับมาชายหนุ่มก็ขึ้นรถไปแล้ว รถคันสีดำขับออกไป เมิ่งชิงซีคิดแล้วคิดอีกก็พบว่าเขาเพียงแค่ก่อกวนเธอเท่านั้นแต่ไม่ได้ข้อมูลอะไรที่เป็นประโยชน์เลย
“ผู้จัดการ พวกเรากลับกันเลยไหมคะ”
“กลับสิ ไม่งั้นจะไปไหนได้ เธอนี่มันใช้ไม่ได้เลยจริงๆ ก่อนหน้านี้ก็ไม่รู้จักห้ามฉันบ้าง” เมิ่งชิงซีโยนความผิดทั้งหมดให้ผู้ช่วย ทำให้ผู้ช่วยยิ่งรู้สึกอยุติธรรมมากขึ้นไปอีก ผู้บริหารไร้ความรับผิดชอบแบบนี้มีอะไรให้ภักดีกัน ไม่สู้รีบฉวยโอกาสตอนนี้ลาออกไปเสีย
ผู้ช่วยตัดสินใจแน่วแน่แล้ว แต่ยังต้องปปิดบังเมิ่งชิงซีไปก่อน เพราะหากเธอรู้เข้าเดี๋ยวก็จะโวยวายอีก
โอวหยางหงได้ยินคำถามแสนโง่เขลาของผู้หญิงคนนั้นแล้วก็ไม่รู้ว่าเธอไปทำสมองหล่นหายที่ไหนกันแน่ นึกสมน้ำหน้าในความโชคร้ายของบริษัทตระกูลเมิ่งที่มีผู้หญิงแบบนี้เป็นผู้นำมาประมูลที่ดินที่ไม่ควรค่าแม้แต่แดงเดียวแบบนี้
ตอนที่ 433 ล้มละลาย
ในใจโอวหยางหงสำหรับเมิ่งชิงซีแล้วช่างน่าขำ แต่เมื่อคิดได้ว่าผู้หญิงที่ไม่เข้าตาคนนี้นั้นทำร้ายถังโจวโจวครั้งแล้วครั้งเล่า พอคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาโอวหยางหงรู้สึกว่าเขารู้สึกดีต่อผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ลงจริงๆ
“แต่ไม่เป็นไรไม่นานเรื่องนี้ก็จะจบลงถึงเวลาผู้หญิงคนนั้นคงจะได้ดูอะไรสนุกๆ แน่” โอวหยางหงตั้งตาคอยให้เมิ่งไหวเซินรู้ว่าที่ดินผืนนั้นนอกจากรกร้างแล้วยังไม่สามารถสร้างมูลค่าทางธุรกิจได้ ถึงเวลานั้นอยากรู้นักว่าเขาจะมีปฏิกิริยาอย่างไร
“ฝั่งนั้นวางมือได้แล้ว” โอวหยางหงโทรออกหาสายสายหนึ่งและพูดกับปลายสายเพียงเล็กน้อยก็วางสาย หลังจากนั้นใบหน้าก็ยิ้มไม่หยุด
ช่วงนี้ตระกูลเมิ่งต้องตกอยู่ในสภาพอเนจอนาถไม่น้อย เมิ่งไหวเซินเห็นเมิ่งชิงซีใช้เงินร้อยหกสิบล้านซื้อที่ดินที่ถูกทิ้งร้างกลับมาก็โกรธเธอมาก แต่หล่อนก็ยังเถียงด้วยเสียงที่แข็งกร้าวว่าเธอไม่ได้ผิด ทุกอย่างเป็นเพราะผู้ชายคนนั้น
เมิ่งไหวเซินไม่รู้ว่าเรื่องนี้มันเกี่ยวข้องอะไรกับผู้ชายคนไหน เขารู้แค่ว่าครั้งนี้เมิ่งชิงซีทำให้ตระกูลเมิ่งขาดทุนอย่างหนัก เขาคิดแล้วคิดอีกว่าจะแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างไรดี ถ้าหากให้พวกบอร์ดบริหารเก่ารู้พวกเขาต้องไม่ยอมจบเรื่องลงด้วยดีแน่
และการร่วมงานกับบริษัทซินซิงก็เกิดปัญหาขึ้น ตอนที่เมิ่งไหวเซินรู้ว่าบริษัทซินซิงล้มละลายนั้นเขาก็แทบทรุด แล้วเงินที่บริษัทของพวกเขาลงทุนกับบริษัทซินซิงไปเล่าจะทำอย่างไร
เมื่อเขาตรวจสอบเรื่องนี้จนชัดเจนแล้วก็คิดว่ามันเป็นกับดัก ไม่รู้ว่าใครกันที่สร้างบริษัทยกเมฆแบบนี้ขึ้นมา ดูเหมือนว่าจะพุ่งเป้ามาที่ตระกูลเมิ่งโดยเฉพาะ คิดทำลายตระกูลเมิ่ง
ครั้งนี้ตระกูลเมิ่งบาดเจ็บสาหัส เมิ่งไหวเซินไม่เห็นหัวเมิ่งชิงซีอีกต่อไป ฉินอวิ๋นเองก็โมโหแทนเมิ่งไหวเซินอยากจะตำหนิการกระทำเหลวไหลของเมิ่งชิงซี แต่ก็ไม่รู้ว่าควรพูดอย่างไรดี เพราะเรื่องก็เกิดขึ้นมาแล้วตอนนี้จะต่อว่าไปก็สายไปแล้ว
“ชิงซี นี่มันเกิดอะไรขึ้นทำไมแกถึงเอาแต่หมกตัวอยู่ที่บ้านทุกวัน ตอนนี้บริษัทของพ่อแกกำลังเจอกับปัญหาใหญ่ แกไม่ไปช่วยให้ผ่านเรื่องราวเลวร้ายครั้งนี้ไปได้ รู้จักแต่หดหัวเนี่ยนะ ฉันคลอดลูกแบบแกมาได้ยังไงกัน”
ฉินอวิ๋นผิดหวังมากที่เห็นเมิ่งชิงซีเอาแต่หลบหนีความผิดเหมือนกับเต่าในกระดอง แต่เมิ่งชิงซีก็ยังคงไม่ทำอะไร เอาแต่นอนอยู่บนเตียงราวกับซากศพ เธอนึกอยากจะตามหาผู้ชายคนนั้นเพื่อคิดบัญชี แต่หลังจากตอนนั้นผู้ชายคนนั้นก็ไม่ปรากฏตัวอีกเลย ราวกับว่าเขาไม่เคยมีตัวตนมาก่อนอย่างนั้น
เมิ่งไหวเซินลืมเอกสารสำคัญมากฉบับหนึ่ง เขาที่เพิ่งออกไปได้ไม่นานจึงขับรถกลับไปที่บ้านอีกครั้ง “คุณผู้ชายทำไมกลับมาอีกล่ะคะ”
แม่บ้านที่เห็นเมิ่งไหวเซินนึกแปลกใจ เพราะเห็นว่าเขาเพิ่งออกไปได้ไม่นานก็กลับมาแล้วและเห็นสีหน้าเจ้านายดูรีบร้อนมาก
“ฉันกลับมาเอาของ เธอไม่ต้องมาสนใจฉัน ไปทำงานของเธอเถอะ” เมิ่งไหวเซินเดินขึ้นไปชั้นสองเข้าไปในห้องหนังสือและเจอกลับสิ่งที่ตัวเองหาอยู่บนโต๊ะ
เขาที่กำลังจะลงไปชั้นล่างก็ได้ยินเสียงทะเลาะกันจากในห้องบนชั้นสอง ในบ้านนี้นอกจากฉินอวิ๋นก็มีเมิ่งชิงซี คงไม่ใช่ว่าพวกเขาสองแม่ลูกทะเลาะกันหรอกนะ
เมิ่งไหวเซินไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงนึกอยากรู้ถึงสาเหตุที่ทั้งคู่ทะเลาะกัน เพราะยามปกติฉินอวิ๋นให้ท้ายเมิ่งชิงซีเป็นที่สุด เรื่องอะไรกันที่ทำให้เธอต่อว่าลูกสาวได้
ถึงแม้ว่าเมิ่งไหวเซินจะผิดหวังในตัวลูกสาวของตัวเองมาก แต่สุดท้ายแล้วหล่อนก็คือเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา ไหนเลยจะสามารถเมินเฉยไปได้ตลอด เพียงแต่ช่วงนี้เขากลุ้มใจมากเลยไม่มีอารมณ์จะมาสนใจความรู้สึกของเมิ่งชิงซี
“แม่คะ แม่ไม่ต้องพูดอีกได้ไหม เรื่องที่มันเกิดขึ้นและที่เป็นอย่างนี้หนูเองก็ไม่ได้อยากให้เกิด ยังมีเรื่องของถังโจวโจวอีก ทำไมแม่ถึงจัดการมันไม่ได้สักที หนูเห็นมันแล้วก็โมโห”
“เบาๆ หน่อย เรื่องของถังโจวโจวฉันจะหาทางเอง แต่ตอนนี้แกเอาแต่นอนจมปลักอยู่ที่บ้านไปจะไปมีประโยชน์อะไร รีบไปช่วยพ่อที่บริษัทเดี๋ยวนี้ เรื่องร้ายนี้จะได้จบลงไวๆ”
ฉินอวิ๋นทนมองเมิ่งชิงซีมีสภาพเป็นแบบนี้ไม่ได้ นี่คือลูกสาวของเธอจริงใช่ไหม เมื่อก่อนลูกสาวเธอไม่เป็นแบบนี้นี่
“แม่คะ ที่บริษัทมีพ่ออยู่แล้ว ถึงหนูไปก็ช่วยอะไรพ่อไม่ได้หรอก พ่อจะคิดว่าหนูเกะกะด้วยซ้ำ แม่รีบบอกมาเร็วว่าเรื่องของถังโจวโจวแม่คิดจะทำยังไง”
ตอนที่ 430 เมิ่งชิงซีเป็นคนทำ
โอวหยางหงเล่นกับเสี่ยวอวี่อยู่ครู่หนึ่งก็เรียกรถไปยังโรงแรม ถังโจวโจวเองก็รั้งเขาไว้ไม่ได้ทำได้แค่ให้เขาบอกชื่อโรงแรมและสถานที่อยู่ให้เธอ พอถึงเวลาแล้วเธอจะไปหาเขาซึ่งโอวหยางหงก็ยินยอม
เมื่อลั่วเซ่าเชินกลับมาถังโจวโจวจึงเล่าเรื่องนี้ให้เขาฟัง “ดี จะได้คิดบัญชีทั้งเรื่องเก่าเรื่องใหม่ไปพร้อมกันเลย”
ลั่วเซ่าเชินไม่คิดว่าเมิ่งชิงซีจะทำเรื่องร้ายกาจถึงขนาดนี้ได้ ผู้หญิงแบบนี้อำมหิตเกินไปแล้ว เขาจะยอมให้เธอหยิ่งผยอง ให้เป็นภัยคุกคามที่ร้ายแรงต่อโจวโจวต่อไปได้อย่างไร
“เซ่าเชินคุณคิดจะทำยังไง” ถังโจวโจวเองก็ขุ่นเคืองมากแต่เธอยังสามารถควบคุมสติเอาไว้ได้ อย่างไรเมิ่งชิงซีก็มีบ้านตระกูลเมิ่งคอยหนุนหลังอยู่ หากเซ่าเชินปะทะกับเธอตรงๆ ถึงเวลานั้นบ้านตระกูลลั่วเกิดเสียหายขึ้นมาคงไม่ดีนัก
“เรื่องพวกนี้คุณไม่ต้องกังวล โจวโจว คุณรอดูผลลัพธ์เถอะ ผมจะไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่นอน” ครั้งนี้ลั่วเซ่าเชินเอ่ยสัญญากับถังโจวโจว ก่อนหน้านี้เขายังสับสนว่าหากสุดท้ายเมิ่งชิงซีไม่ได้ทำอะไรผิดก็อาจจะเกิดปัญหาได้
แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน เธอทำเรื่องที่เลวร้ายแบบนี้ทำให้ลั่วเซ่าเชินสงสัยว่าที่ถังโจวโจวประสบอุบัติเหตุครั้งก่อนก็เป็นฝีมือเธอใช่ไหม
และตอนนี้ก็มีหนึ่งข้อสงสัยคือเธอไปอยู่ที่ประเทศนั้นได้อย่างไรหรือเป็นเพราะครั้งก่อนทำไม่สำเร็จดังนั้นจึงคิดอยากให้ถังโจวโจวประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ถึงตายอีกครั้ง
ลั่วเซ่าเชินยิ่งคิดยิ่งกลัว ถ้าครั้งนี้ถังโจวโจวเกิดเรื่องจริงๆ เขาจะทำอย่างไร โชคดีที่ตอนนั้นเธอแค่บาดเจ็บไม่ได้เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต
ลั่วเซ่าเชินคิดถึงความเป็นไปได้ เขาต้องตรวจสอบให้ชัดเจนแต่จะไม่ให้เมิ่งชิงซีรู้ตัวและอย่างไรก็จะไม่ปล่อยคนที่ทำร้ายถังโจวโจวไปแน่
ลั่วเซ่าเชินจ้างนักสืบเอกชนมาคนหนึ่ง ให้เวลาเขาหนึ่งเดือนให้เขาไปตรวจสอบความเหมือนกันของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับถังโจวโจว
เวลาหนึ่งเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว ลั่วเซ่าเชินและคนที่เขาจ้างนัดเจอกันที่ร้านกาแฟร้านหนึ่ง เขารออยู่ที่นั่นก่อนแล้ว หลังจากนั้นชายใส่แจ็คเก็ตสีดำสวมหมวกแก๊ปไว้บนหัวคนหนึ่งก็เดินเข้ามานั่งลงบนที่นั่งตรงข้ามลั่วเซ่าเชิน
“นี่คือสิ่งที่คุณต้องการครับ” เขานำซองเอกสารซองหนึ่งส่งให้ลั่วเซ่าเชิน ลั่วเซ่าเชินสบตาอีกฝ่ายหลังจากนั้นก็เปิดซองเอกสารออก เมื่ออ่านเนื้อหาด้านในจนจบแล้วก็โกรธจนหน้าแดงก่ำ
“เธอกล้าทำถึงขั้นนี้เชียวเหรอ” ลั่วซ่าเชินไล่อ่านเนื้อหาทั้งหมด ครั้งแรกที่ถังโจวโจวเกิดเรื่องคือให้คนอื่นลงมือแทน แต่ครั้งที่สองหล่อนลงมือเอง
“นี่ค่าแรงส่วนที่เหลือของคุณ”
“ขอบคุณมากครับ ผมขอตัวก่อนนะครับ” หลังรับบัตรธนาคารที่ลั่วเซ่าเชินส่งให้ผู้ชายคนนั้นก็ลุกออกไป ครู่เดียวก็ไม่เห็นเงาของเขาแล้ว
ลั่วเซ่าเชินตัดสินใจแล้วว่าจะทำให้เมิ่งชิงซีได้เห็นดีกัน แต่ต้องจัดการผู้หนุนหลังของเธอเสียก่อน
ประจวบเหมาะกับเมื่อเร็วๆ นี้ตระกูลลั่วเพิ่งจะมีชื่อเสียงขึ้นมาเขาจะให้อีกฝ่ายต้องล้มครืน เซ่าเชินกำหลักฐานไว้และติดต่อหาโอวหยางหงทันที หลังจากทั้งสองคนปรึกษากันแล้วก็ตัดสินใจให้ตระกูลเมิ่งมาติดกับเอง
เร็วนี้ๆ ตระกูลลั่วกำลังจะเซ็นร่วมธุรกิจกันกับบริษัทที่มีศักยภาพมากแห่งหนึ่ง เป็นพันธมิตรกันในเมืองเอส ตอนที่เมิ่งไหวเซินดำรงตำแหน่งเป็นประธานบริษัทหยางซิงก็คิดอยากจะให้ตระกูลเมิ่งพูดคุยเกี่ยวกับความร่วมมือในโครงการแต่เขายังลังเล
เพียงแต่เมิ่งไหวเซินยังคงสงสัย อยากพบกับผู้อยู่เบื้อหลังของบริษัทที่กำลังมีชื่อเสียงขึ้นมาแห่งนี้ กลับยากยิ่งกว่าปีนขึ้นฟ้าเสียอีก จู่ๆ เรื่องดีๆ แบบนี้จะมาถึงตระกูลเมิ่งได้ยังไงกัน
เมิ่งไหวเซินจึงตรวจสอบคนที่อยู่เบื้องหลังของหยางซิงดูก็พบว่าไม่มีอะไรน่าสงสัย บริษัทนี้อาศัยการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิค ก็ไม่รู้ว่าใครถือหุ้นเพราะเขาไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน แต่คิดไม่ถึงว่าเพียงวิจัยผลิตภัณฑ์ออกมาตัวหนึ่งก็จะถูกจับตามองเป็นอย่างมาก
ไม่นานบริษัทก็จะเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ นั่นคือเหตุผลที่บริษัทในเมืองต่างๆ ล้วนต่อสู้เพื่อให้ได้ร่วมทุนกับบริษัทนี้ เมิ่งไหวเซินถึงวางใจลงได้ ประจวบเหมาะกับเมื่อเร็วๆ นี้กับตระกูลเมิ่งมีความคิดที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ มีบริษัทนี้เข้ามาก็พอดี
หลังจากผ่านการเจรจาต่อรองหลายครั้งตระกูลเมิ่งก็ตกลงร่วมทุนกับบริษัทซินซิง หลังจากที่เงินทุนมาถึงเมิ่งไหวเซินรอดูผลลัพธ์ในตอนสุดท้าย
และสุดท้ายเมิ่งไหวเซินก็ได้รับข่าวที่ยืนยันมาแล้วว่าเมืองเอสมีที่ดินผืนหนึ่งจะขาย ที่ดินผืนนี้จึงเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์
ตอนที่ 431 หนึ่งร้อยหกสิบล้าน
เมื่อเมิ่งไหวเซินได้รับข่าว ก็แน่นอนว่าไม่สามารถปล่อยไปได้ แต่กลับมีปัญหาเรื่องเงินทุนเพราะเพิ่งจะร่วมทุนกับบริษัทซินซิง เงินทุนส่วนใหญ่ก็ใช้ออกไปแล้ว หากร่วมการเสนอราคาครั้งนี้อีกบริษัทตระกูลเมิ่งอาจจะต้องเผชิญกับวิกฤตด้านการหมุนเงินได้
เมื่อถึงเวลามีบางอย่างที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นทำให้เกิดวิกฤตร้ายแรงต่อบริษัท เมิ่งไหวเซินจึงลังเลว่าควรจะเสี่ยงดีไหม และเขาควรจะโน้มน้าวให้คณะกรรมการช่วยยังไง
ท้ายที่สุดเมิ่งไหวเซินก็ตัดสินใจที่จะเข้าไปยุ่งในส่วนนี้ อย่างไรเสียโอกาสนี้ก็หาได้ยาก หากไม่ลองเสี่ยงดูสักครั้ง เขาจะนำพาตระกูลเมิ่งไปให้สูงกว่านี้ได้ยังไง
เมิ่งไหวเซินเชื่อในคำสาบาน เมิ่งชิงซีเองก็ถูกเขาเรียกให้ไปเสนอราคาในนามของตระกูลเมิ่ง
เมื่อวันประมูลมาถึง เมิ่งชิงซีก็พาเลขาของตัวเองมาถึงสถานที่เสนอราคา สถานที่ประชุมเต็มไปด้วยผู้คนคลาคล่ำ เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วจนถึงช่วงบ่ายสอง การเสนอราคาจึงเริ่มต้นขึ้น
เมื่อเมิ่งชิงซีเห็นว่าที่ดินลำดับที่สิบสามเริ่มการเสนอราคาแล้ว เมิ่งชิงซีรอให้คนด้านหน้ายกเสร็จ ราคาหยุดอยู่ที่หนึ่งร้อยล้านไม่ขยับ
“หนึ่งร้อยล้านครั้งที่หนึ่ง”
“หนึ่งร้อยล้านครั้งที่สอง”
“หนึ่งร้อยหนึ่งล้าน” ก่อนมาที่นี่เมิ่งไหวเซินได้อธิบายให้เมิ่งชิงซีฟังแล้วว่านี่เป็นที่ดินที่ตระกูลเมิ่งจำเป็นต้องได้มาเท่านั้น
“หนึ่งร้อยยี่สิบล้าน” ผู้ชายคนหนึ่งยกป้ายประมูลขึ้น เมิ่งชิงซีเห็นว่าเป็นป้ายหมายเลขแปด นี่เขาตั้งใจจะสู้ราคากับเธอใช่ไหม
เพียงแต่เมิ่งชิงซีก็ยังไม่ยอมวางมือง่ายๆ ทำได้แค่ยกป้ายหมายเลขสิบของตัวเองขึ้นอีกครั้ง “หนึ่งร้อยสามสิบล้าน”
“ครับ ผู้ประมูลท่านนี้ยกมาหนึ่งร้อยสามสิบล้านนะครับ ยังมีใครให้สูงกว่านี้อีกไหมครับ”
พิธีกรมองไปยังบริเวณที่เงียบกริบจึงทุบค้อนขนาดเล็ก “หนึ่งร้อยสามสิบล้าน ครั้งที่หนึ่ง”
“หนึ่งร้อยสามสิบล้าน ครั้งที่สอง”
ใบหน้าของเมิ่งชิงซีเผยความพึงพอใจ ในที่สุดเธอก็ทำตามคำฝากฝังของพ่อได้สำเร็จ ที่ดินผืนนี้ใกล้จะตกเป็นของบริษัทตระกูลเมิ่งแล้ว คนที่อยู่ในที่นี้จะมีใครแข็งแกร่งเท่าตระกูลเมิ่งของเธออีก
“หนึ่งร้อยห้าสิบล้าน”
“ครับ ผู้ประมูลเบอร์แปดเสนอราคา ‘หนึ่งร้อยห้าสิบล้าน’ นะครับ ยังมีใครให้ราคาสูงกว่าผู้ประมูลเบอร์แปดอีกไหมครับ” พิธีกรเริ่มตื่นเต้น ต้องรู้ว่าผู้เชี่ยวชาญได้ประเมินราคาเอาไว้ว่าน่าจะได้ราคาอยู่ที่หนึ่งร้อยสามสิบล้าน ตอนนี้มีคนประมูลถึงหนึ่งร้อยห้าสิบล้าน จะไม่ให้ตื่นเต้นได้อย่างไร
‘คนคนนั้นจะตั้งตัวเป็นศัตรูกับฉันหรือไงนะ’ เมิ่งชิงซีสัมผัสได้ ทุกครั้งที่เธอโล่งอกและคิดว่าการเสนอราคาจะจบลงแล้ว อีกฝ่ายก็มักจะเสนอราคาที่สูงมากกว่าขึ้นมาเสมอ
เมิ่งชิงซีเริ่มลังเล ที่ดินมีมูลค่าหนึ่งร้อยห้าสิบล้านแล้ว เธอสงสัยว่าเธอควรหยุดดีไหม
แต่เมื่อเมิ่งชิงซีเห็นใบหน้ายิ้มเยาะเย้ยของผู้ชายคนนั้นแล้วก็โกรธจัด นี่เขาหมายความว่าอะไร จะรังแกกันงั้นเหรอ งั้นเธอจะทำให้เขาเห็น ว่าเมิ่งชิงซีนั้นใช่ว่าใครจะรังแกก็ได้
“หนึ่งร้อยหกสิบล้าน”
“ผู้จัดการ คุณวู่วามเกินไปแล้วนะ” ผู้ช่วยข้างๆ มองดูเมิ่งชิงซีที่เสนอราคาสูงขนาดนั้น งบประมาณไม่พอ ซ้ำยังไม่รู้ว่าดินผืนนี้จะสรุปขายที่ราคาเท่าไหร่ ตอนนี้ผู้จัดการยังใช้อารมณ์อีก หุนหันพลันแล่นไปแล้วจริงๆ
“ไม่เกี่ยวกับเธอ” หลังจากที่เมิ่งชิงซีพูดไปก็เสียใจนิดหน่อย แต่อย่างไรก็พูดไปแล้ว ตอนนี้อยู่ในที่สาธารณะ คงไม่ดีที่จะกลับคำ นั่นคงทำให้เธอเสียหน้ามาก
“หนึ่งร้อยหกสิบล้านครั้งที่หนึ่ง หนึ่งร้อยหกสิบล้านครั้งที่สอง ยังมีใครให้มากกว่าคุณผู้หญิงคนนี้ไหมครับ”
พิธีกรมองไปยังห้องจัดงานไม่มีใครยกป้ายจึงทุบค้อนลงไปอย่างแรง “หนึ่งร้อยหกสิบล้าน ยินดีกับผู้เสนอราคาท่านนี้ด้วย”
เสียงปรบมือดังสนั่นในบริเวณนั้น เมื่อเมิ่งชิงซีเห็นว่าผู้ชายคนนั้นเองก็ปรบมือแล้วยกนิ้วโป้งให้เธอ เดิมทีเธอควรดีใจ แต่เขากลับพลิกนิ้วโป้งชี้ลงพื้นแทน นี่ทำให้เมิ่งชิงซีแทบเป็นลมด้วยความโกรธ
“เขาหมายความว่าไง จะด่าว่าฉันโง่เหรอ” เมิ่งชิงซียังโกรธอยู่ แต่ผู้ชายคนนั้นลุกขึ้นแล้ว คงไม่ดีเท่าไหร่ที่เธอจะเข้าไปหาเขา หลายคนในที่นี้ล้วนจับจ้องเธออยู่ ถึงเวลานั้นเมื่อภาพพจน์ถูกทำลาย ตระกูลก็มีแต่จะขายหน้า
เมิ่งชิงซีระงับอารมณ์ที่คิดอยากจะตบหน้าผู้ชายคนนั้น ครั้งนี้เธอชนะ คนที่ควรจะยืดอกควรเป็นเธอ จะไปโกรธผู้ชายคนนั้นให้ได้อะไร ถึงเวลานั้นพวกเธอตระกูลเมิ่งจะได้รับเงินมากมายจากที่ดินผืนนี้ เขาจะร้องไห้ก็ไม่ทันแล้ว
ตอนที่ 428 โอวหยางหงจะมา
ลั่วเซ่าเชินหยิบคุกกี้ขึ้นมาใส่ปากชิ้นหนึ่ง ผ่านไปครู่หนึ่งถังโจวโจวจึงถามขึ้น “เป็นไงบ้าง”
“ไม่เลวเลย ฝีมือคุณนับวันยิ่งพัฒนาขึ้น” รสชาติกลมกล่อม ทานไปชิ้นหนึ่งแล้วก็ยังรู้สึกอยากหยิบขึ้นมาทานอีกชิ้น
เห็นลั่วเซ่าเชินชอบ ใบหน้าของถังโจวโจวที่ยิ้มดีใจนั้นราวกับดอกไม้บาน “คุณชอบก็กินเยอะๆหน่อย”
เสี่ยวอวี่ก็ร้องเรียกขึ้น “ลูกรักก็อยากกินใช่ไหม”
“แอ๊” เสี่ยวอวี่ตื่นเต้นมาก ดวงตาประกายแพรวพราว โดยเฉพาะเวลาที่ลั่วเซ่าเชินเอาคุกกี้เขาไปใกล้เขา เขายกมือขึ้นมาอยากจะคว้าไว้ น่าเสียดายที่ลั่วเซ่าเชินดึงมือกลับไป “อยากกินก็เรียกพ่อก่อน”
ถังโจวโจวคิดไม่ถึงว่าที่ลั่วเซ่าเชินพูดไปก่อนหน้านี้คือคำโกหก ก่อนหน้านี้ยังปลอบเขา แต่ความจริงแล้วในใจของเขายังไม่ยอมปล่อยวาง เธอมองดูลั่วเซ่าเชินสุดท้ายก็หลอกล่อให้เสี่ยวอวี่พูด
“เสี่ยวอวี่ มา อ้าปากลูก” ทางด้านหนึ่งเขาก็รับข้าวโอ๊ตจากถังโจวโจวเข้าปาก อีกด้านหนึ่งก็จ้องมองคุกกี้ในมือของลั่วเซ่าเชิน ทั้งสายตาและปากไม่ว่างเลย
“เสี่ยวอวี่ เรียกพ่อเร็วแล้วพ่อจะให้คุกกี้ลูก” ลั่วเซ่าเซินที่ตระหนักได้ว่าสำหรับลูกชายแล้ว สิ่งล่อใจด้วยอาหารเป็นวิธีที่ดีที่สุด นอกจากสิ่งนี้แล้วสำหรับเด็กเล็กๆ แล้วสิ่งอื่นๆ ช่วยอะไรไม่ได้ ยกเว้นถังโจวโจวจะออกโรงเอง
“ไม ไม”
“เซ่าเชิน ลูกกำลังบอกว่าไม่น่ะ” ถังโจวโจวหัวเราะขึ้นมาอย่างชอบใจ มองดูสีหน้าดำคล้ำของลั่วเซ่าเชินก็ยื่นมือไปปิดหน้า เพียงแต่ร่างกายยังคงสั่นเทิ้ม ตลกจริงๆ เสี่ยวอวี่กลับไม่หลงกลไม้นี้ของเขา
“โจวโจว”
“คะ ว่าไงคะ” ถังโจวโจวได้ยินเสียงเขาเรียกก็เลยหันหน้ากลับมา ปากพลันถูกปิดไว้ เธอถูกจับไว้พักหนึ่ง นึกอยากดิ้นรน แต่ในมือก็ถือชามอยู่ เสี่ยวอวี่ที่อยู่ข้างๆ น้ำลายเริ่มไหล ปรบมือและมองดูพ่อแม่แสดงความรักกันต่อหน้าเขา
หลังจากจูบเสร็จ ถังโจวโจวคิดอยากจะพูดบางอย่าง แต่ก็ถูกลั่วเซ่าเชินถูกขัดจังหวะไว้ “ยังจะหัวเราะอีกไหม”
รอจนเขาปล่อย ถังโจวโจวจึงรีบส่ายหน้า “ไม่ขำแล้ว ไม่ขำแล้ว รีบกินข้าวเถอะ เย็นหมดแล้ว”
ลั่วเซ่าเชินกลัวว่าถังโจวโจวจะหิว เขาจึงป้อนให้เธอด้วย ฉากทานอาหารของคนในครอบครัวที่อยู่ในห้องทำงานเผยออกมา
“เซ่าเชิน ฉันพาเสี่ยวอวี่กลับก่อนนะ”
“ได้ ผมจะไปส่งคุณข้างล่าง” ลั่วเซ่าเชินอุ้มเสี่ยวอวี่ ถังโจวโจวหิ้วกล่องข้าว ทั้งสองคนมุ่งหน้าลงไปที่ชั้นล่าง
เมิ่งชิงซีกำลังนั่งอยู่ในรถ พอเห็นว่าลั่วเซ่าเชินอุ้มเด็กออกมาจากประตูบริษัท และมีถังโจวโจวตามหลังมาก็นึกถึงข่าวซุบซิบที่เธอได้ยินวันนี้ บอกว่าลั่วเซ่าเชินกับถังโจวโจวมีลูกชายแล้ว คงไม่ใช่เป็นเด็กคนนี้หรอกนะ
เธอนึกชิงชัง กำพวกมาลัยไว้แน่น มองดูลั่วเซ่าเชินก้มลงจูบหน้าผากของถังโจวโจวและส่งทั้งสองคนขึ้นรถออกจากบริษัทไป
เมิ่งชิงซีไม่รู้จะทำยังไง พวกเขาทั้งสองมีลูกแล้ว ไม่แปลกเลยที่ครั้งนี้พี่เซ่าเชินถึงเฉยชาต่อเธอ คงเพราะเรื่องนี้แน่ ถ้าไม่มีเด็กคนนั้นแล้วพี่เซ่าเชินก็จะให้ความสำคัญกับถังโจวโจวน้อยลงใช่หรือเปล่า
ถังโจวโจวอุ้มเสี่ยวอวี่ลงจากรถ ป้าหลิวก็มาถึงหน้าประตูแล้ว หล่อนรับกล่องเก็บอุณหภูมิจากรถมา “คุณนาย เสี่ยวอวี่หลับแล้วใช่ไหมคะ”
“ค่ะ ป้าหลิว ป้าเอาของเข้าไปเก็บเถอะ” ถังโจวโจวอุ้มเสี่ยวอวี่ขึ้นตึกไป อากาศด้านนอกร้อน เธอกลัวว่าถ้าให้เสี่ยวอวี่อยู่ข้างนอกนานจะทำให้เป็นลมแดด
เพิ่งจะวางเสี่ยวอวี่ลงบนเตียง ถังโจวโจวก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือของตัวเอง เมื่อมองดูก็พบว่าโอวหยางหงโทรเข้ามา
“อาหง มีอะไรเหรอ”
“พี่ครับ ตอนนี้ผมกำลังออกเดินทาง พรุ่งนี้ก็จะถึงที่นั่น”
“ทำไมมากะทันหันจัง ที่บริษัทมีเรื่องเหรอ” ถังโจวโจวรู้ว่าตอนนี้โอวหยางหงอยากจะขยายตลาดทางนี้
“คุยทางโทรศัพท์ไม่ค่อยสะดวก เดี๋ยวผมไปเล่ารายละเอียดให้ฟังอีกทีนะ เสี่ยวอวี่ล่ะ”
“ตอนนี้หลับอยู่”
“งั้นก็ดีครับ แค่นี้ก่อนนะพี่” โอวหยางหงวางสายไปแล้ว ถังโจวโจวที่เห็นท่าทางรีบร้อนขอเขา แท้จริงเกิดเรื่องอะไรขึ้นถึงทำให้ขารีบมาที่นี่ขนาดนี้
โอวหยางหงไม่ได้พูดให้ชัดเจน ทำให้ถังโจวโจวกังวลใจไม่น้อย ตอนค่ำเมื่อลั่วเซ่าเชินกลับมา ถังโจวโจวจึงพูดเรื่องนี้กับลั่วเซ่าเชิน
“เขาน่าจะมีเรื่องเร่งด่วนนะ คุณจะคิดมากไปทำไม ยังไงเดี๋ยวพรุ่งนี้เขาก็มาถึงแล้วไม่ใช่เหรอ ถึงตอนนั้นพวกเราก็ได้รู้แล้วว่ามันเรื่องอะไรกัน”
ตอนที่ 429 ผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์รถชน
วันต่อมาหวังหวาก็ไปรับโอวหยางหงมาที่วิลล่า ถังโจวโจวก็เตรียมห้องรับรองไว้พร้อมแล้วก็เห็นเขาเข้ามาพอดี “นั่งพักก่อน มีเรื่องอะไรรอเธอหายเหนื่อยแล้วค่อยพูด”
“ผมไม่ได้เตรียมจะมาอยู่นี่นะครับ” โอวหยางหงที่เห็นว่าถังโจวโจวกำลังจะลากกระเป๋าเดินทางของเขาเข้าไปรีบเอ่ยห้ามเธอทันที
“เธอไม่ได้พักที่นี่เหรอ” ถังโจวโจวได้ยินโอวหยางหงปฏิเสธ เธอเตรียมห้องรับรองเสร็จแล้วถ้าเขาไม่พักที่นี่แล้วจะไปพักที่ไหนกัน
“ที่โรงแรมไงพี่ ถึงแม้จะพูดว่าพี่ให้อภัยลั่วเซ่าเชินแล้วแต่ผมยังไม่ได้บอกว่าจะยังไงกับเขาแล้วจะอยู่ที่นี่ได้ยังไง พี่ไม่กลัวว่าผมกับเขาจะทะเลาะกันเหรอ” แน่นอนว่าโอวหยางหงเพียงแค่อยากจะพูดล้อเล่นเท่านั้น
ถังโจวโจวคิดอยากจะตีเขาสักที เพียงแต่เธอเองก็รู้ว่าการตัดสินใจของโอวหยางหงนั้นมักยากที่จะเปลี่ยนแปลง “ได้ เธอมีความคิดเป็นของตัวเอง ยังไงพี่ก็คงเปลี่ยนความคิดของเธอไม่ได้อยู่ดี”
“แล้วเสี่ยวอวี่ล่ะ รีบไปอุ้มเขามาให้ผมดูหน่อย ผมไม่ได้เจอเขาตั้งนานแล้วไม่รู้ว่ายังจำผมได้ไหม” ถังโจวโจวพาโอวหยางหงไปยังห้องรับแขก เสี่ยวอวี่กำลังนั่งอยู่บนกระดานปูพื้นคุณแม่ถังก็นั่งอยู่ข้างๆ เขาเพื่อป้องกันไม่ให้เขาล้ม
“เสี่ยวอวี่คุณน้ามาแล้วลูก”
“แม่คะนี่โอวหยางหงค่ะเป็นน้องชายหนู”
“คุณป้าสวัสดีครับ” ครั้งนี้โอวหยางหงทักทายอย่างเกรงใจไม่ได้มีท่าทางหยิ่งผยองอย่างครั้งแรก ตอนนั้นเขาเองก็มีเหตุผลของเขา ตอนนี้ถังโจวโจวกลับมาแล้วเขาจึงต้องแสดงความเคารพต่อแม่ที่เลี้ยงเธอมา
คุณพ่อถังคุณแม่ถังเลี้ยงเธอให้โตขนาดนี้ได้คงต้องทุ่มเทไปมาก พวกเขาไม่มีลูกเป็นของตัวเองจึงได้รับถังโจวโจวมาเป็นลูกสาวของตัวเอง
“สวัสดีจ๊ะ ครั้งนี้ที่มามาหาพวกโจวโจวเหรอ” คุณแม่ถังเองก็เคยได้ฟังเรื่องราวของโอวหยางหงเลยรู้ถึงความลำบากใจของเสิ่นหลานอี ประเด็นคือโจวโจวก็ยังอยู่ข้างพวกเธอแค่เรื่องนี้ก็ดีกว่ามากแล้ว
“ใช่ครับ แม่คิดถึงพวกเขามากครั้งนี้เลยตั้งใจให้ผมมาเยี่ยม” คำพูดที่โอวหยางหงมีต่อคุณแม่ถังค่อนข้างจะเคารพ ดูเหมือนว่าถังโจวโจวจะเคารพแม่บุญธรรมคนนี้มากเขาจึงไม่ควรทำให้เธอเสียหน้า
โอวหยางหงเห็นเสี่ยวอวี่เล่นอย่างสนุกสนานจึงลากถังโจวโจวไปที่ประตู “โจวโจวผมมีเรื่องจะพูดกับพี่หน่อย”
“เรื่องอะไรน้ำเสียงดูจริงจังขนาดนี้” ถังโจวโจวเห็นสีหน้าที่เคร่งขรึมของเขาก็ไม่แน่ใจว่าเป็นเรื่องอะไรกันแน่เขาถึงได้มีสีหน้าเคร่งเครียดอย่างนี้ ซ้ำเรื่องยังเกี่ยวข้องกับเธอเสียด้วย
“เกี่ยวกับอุบัติตุรถชนของพี่”
พอโอวหยางหงพูดถึงเรื่องนี้สติของถังโจวโจวก็กลับมาทันที “เธอรู้ว่าใครเป็นคนทำเหรอ” วันนั้นเธอตกใจมากไม่รู้ว่าใครชนเธอ ถ้าตอนนั้นเธอดูได้ชัดเจนก็คงจะไม่ต้องรอนานขนาดนี้
จากที่ดูแล้วคนคนนั้นตั้งใจให้เธอตาย ตอนนั้นเหตุการณ์เกิดขึ้นเร็วมากถังโจวโจวจึงยังตั้งสติทัน
โอวหยางหงนำข้อสรุปที่ตัวเองไปตรวจสอบมาเล่าให้เธอฟัง โอวหยางหงเล่าไปถังโจวโจวถึงได้เข้าใจว่าฝ่ายนั้นตั้งใจจะฆ่าเธอให้ตายจริงๆ
โอวหยางหงเล่าว่ามีคนเห็นผู้หญิงคนหนึ่งจอดรถคันสีขาวอยู่ที่ลานจอดรถแห่งหนึ่งซึ่งใกล้กับจุดที่ถังโจวโจวประสบอุบัติเหตุ ตอนนั้นผู้หญิงคนนั้นดูช็อคและพูดจาไม่รู้เรื่อง
และหลังจากนั้นโอวหยางหงก็เอาเลขป้ายทะเบียนรถคันที่ประสบอุบัติเหตุให้เธอดู ซึ่งก็ใช่รถคันนั้นจริงๆ หลังจากนั้นโอวหยางหงก็ให้เธอลองนึกถึงใบหน้าของผู้หหญิงคนนั้นดู
โอวหยางหงปลดล็อกโครงสร้างของเรื่องราวแล้ว ถ้าเกี่ยวข้องกับถังโจวโจวก็คงหนีไม่พ้นคนที่เธอรู้จักหรือคนที่ติดต่อกับเธอและมีหลังฐานจากหลายๆ คนสุดท้ายแล้วแน่นอนว่าเป็นเมิ่งชิงซี
“ที่แท้ก็เป็นเธอ ถ้าเธอเป็นคนทำก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ ยังไงเธอก็เกลียดพี่อยู่แล้ว” ถังโจวโจวคิดถึงเรื่องราวที่เมิ่งชิงซีทำกับเธอ แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยมีสีหน้าดีๆ ให้เธอเลยสักครั้ง
“อาหง เข้าใจแล้ว รอให้เซ่าเซินกลับมาแล้วพี่จะเล่าให้เขาฟังเอง”
“แล้วพี่คิดจะทำยังไง” ด้วยเหตุนี้โอวหยางหงจึงยังไม่ได้ลงมือทำอะไรอีกฝ่าย เพราะเมื่อก่อนถังโจวโจวก็อดทนต่อเมิ่งชิงซีอยู่หลายครั้ง ลั่วเซ่าเชินเองก็ดูเหมือนจะเมตตาเธอมากเป็นพิเศษ
ตอนที่ 426 เรียบเฉย
ถังโจวโจวก็ไม่ได้บอกลั่วเซ่าเชินไว้ก่อน เพราะอยากให้เขาประหลาดใจ แผนกต้อนรับไม่ใช่คนเมื่อสองปีก่อน เธออุ้มเสี่ยวอวี่ไว้แล้วพูดว่า “ฉันอยากพบลั่วเซ่าเชินค่ะ รบกวนบอกลูซี่ให้ด้วยค่ะ ฉันคือถังโจวโจว ขอบคุณค่ะ”
เมื่อแผนกต้อนรับได้ยินว่าถังโจวโจวเรียกชื่อจริงของประธานก็ประหลาดใจนิดหน่อย ผู้หญิงคนนี้มาจากที่ไหน ทำไมไม่มีมารยาทอย่างนี้ แต่เธอรู้จักลูซี่ นี่ทำให้เธอสงสัย ไม่รู้ว่าควรรายงานเบื้องบนดีไหม
ก่อนหน้าที่ถังโจวโจวจะมาได้โทรคุยกับลั่วเซ่าเชินแล้วว่าเขาอยู่ที่บริษัทและยังไม่ได้ทานอาหารเที่ยง อีกสิบห้านาทีก็จะเที่ยงตรง มาได้เวลาพอดี
“รอสักครูนะคะ ฉันขอไปสอบถามก่อน คุณวางของไว้บนนี้เถอะค่ะ อุ้มเด็กก็เหนื่อยแล้ว”
สุดท้ายแผนกต้อนรับก็รีบไปจัดการให้ เธอมองเห็นใบหน้าของเสี่ยวอวี่ที่ช่างคล้ายคลึงกับประธานของตัวเองและชื่อถังโจวโจวเองก็ฟังดูคุ้นหูด้วย เธอคิดว่า ในเมื่อดูคุ้นเคยขนาดนี้แล้วก็คงจะมีเบื้องหลังจริงๆ นั่นแหละ
แผนกต้อนรับต่อสายถึงลูซี่ “ลูซี่ มีคุณผู้หญิงคนหนึ่งชื่อถังโจวโจวมาขอพบท่านประธานค่ะ”
“รีบให้เธอขึ้นมา เดี๋ยวก่อน ฉันลงไปรับเธอเอง” พอลูซี่ได้ยินชื่อถังโจวโจว แม้ไม่รู้ว่าเธอมาทำไม แต่ก็จะละเลยไม่ได้ นี่คือคนสำคัญในหัวใจของท่านประธาน พวกตัวเล็กๆ ไม่ค่อยรู้เรื่องหากเผลอล่วงเกินเข้าล่ะก็ ก็ไสหัวออกไปจากบริษัทซะเถอะ
“คุณถัง รอสักครู่นะคะ ลูซี่กำลังมารับคุณค่ะ” เมื่อเห็นว่าลูซี่เองก็ยังดูระมัดระวังขนาดนี้ แผนกต้อนรับจึงยิ่งไม่อาจละเลยถังโจวโจว
ต้องรู้ว่าขนาดลูซี่ที่ไม่ค่อยลงมาชั้นล่างก็ยังลงมารับคนเอง ไม่รู้ว่าถังโจวโจวคนนี้เป็นใครกันแน่
ลูซี่ลงมาถึงห้องโถงอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ไม่ได้ทำให้เกิดความวุ่นวายมากมาย เพราะใกล้จะถึงเวลาพักเที่ยงแล้ว จะลงมาข้างล่างก็เป็นเรื่องปกติ
“คุณนาย ให้คุณรอนานเลย”
“ลูซี่ ไม่ต้องเกรงใจขนาดนั้นก็ได้ เรียกฉันว่าโจวโจวก็ได้ ฉันสิที่ทำให้คุณลำบาก”
“ลำบากที่ไหนกัน พวกเรารีบขึ้นไปกันเถอะค่ะ” ลูซี่เห็นเธออุ้มเสี่ยวอวี่ ในมือยังถือถุงอีกสองใบ ไม่รู้ว่าเธอมายังไงจึงรีบเข้าไปช่วยเธอหิ้วของ
“คุณบอกเซ่าเซินรึยัง” ถังโจวโจวเพียงแค่อยากให้เขาประหลาดใจ ถ้าลูซี่ปากโป้งเสียก่อน นั่นก็ไม่มีความหมายแล้ว
“ยังไม่ได้บอกเลยคะ คุณนายเอาอาหารเที่ยงมาให้ประธานใช่ไหมคะ โชคดีที่ฉันยังไม่บอก ใช่ไหม”
ลูซี่อดไม่ได้ที่จะหยอกล้อถังโจวโจวสักหน่อย รู้ว่าถังโจวโจวมาส่งอาหารเที่ยง แต่สิ่งที่แปลกคือตั้งแต่ลูซี่ไปรับเธอที่สนามบิน นานมากแล้วถังโจวโจวก็ไม่ออกมาพบเจอใครอีกเลย
“ใช่ เดิมทีฉันอยากจะให้เซ่าเซินประหลาดใจ แต่ถ้าเธอบอกไปแล้วก็ไม่เป็นไรหรอก ยังไงฉันก็มาถึงแล้ว นี่ไม่ใช่เรื่องน่ายินดีที่ใหญ่ที่สุดหรอกเหรอ” ถังโจวโจวคิดว่าพูดสิ่งที่อยู่ในใจของตัวเองออกมาจนหมด หน้าจึงค่อยๆ แดงซ่านขึ้น
“โจวโจว ลิฟต์มาแล้ว พวกเราขึ้นไปกันเถอะคะ เชื่อว่าท่านประธานจะประหลาดใจจนพูดไม่ออกเลย” ลูซี่กดปุ่มเรียกลิฟต์ ไม่นานลิฟต์ก็มาถึง
ทั้งสองคนเดินเข้าไปในลิฟต์ เสี่ยวอวี่มองเห็นสิ่งของแปลกใหม่ ดวงตาทั้งสองข้างก็เบิกกว้าง น่ารักน่าชังมากทีเดียว
ลูซี่ช่วยเคาะประตูห้องทำงานของประธานแทนถังโจวโจว “ท่านประธานคะ มีเอกสารจะให้เซ็นค่ะ ฉันเข้าไปได้ไหมคะ”
“เข้ามาเถอะ”
ลูกซี่ถอยหลีกทางให้ ถังโจวโจวอุ้มเสี่ยวอวี่เดินเข้าไป ลั่วเซ่าเชินยังไม่ได้เงยหน้า แต่เมื่อได้ยินว่ามีเสียงฝีเท้าคนอื่นเดินเข้ามาเลยเงยหน้าขึ้นมามอง ทันใดนั้นก็ไม่สามารถนั่งอยู่กับที่ได้อีก
“โจวโจว เธอมาได้ยังไง แถมยังพาเสี่ยวอวี่มาด้วย”
ลูซี่นำกล่องข้าวของถังโจวโจววางไว้บนโต๊ะชาในห้องทำงาน “ประธานคะ ดูเหมือนว่าวันนี้ฉันคงไม่ต้องสั่งอาหารให้คุณแล้ว”
“ลูซี่ คุณไปรับเธอมาเหรอ” ลั่วเซ่าเชินที่เห็นถังโจวโจวอุ้มลูกแถมยังถือถุงทั้งเล็กใหญ่อีก
“ไม่ใช่ค่ะ คุณนายเธอมาเอง ฉันเองก็แปลกใจว่าคุณนายมาเองได้ยังไง”
“ไม่เท่าไหร่หรอก เซ่าเซิน ฉันแค่อยากทำให้คุณประหลาดใจ ทำไมรู้สึกว่าคุณไม่ดีใจเลยล่ะ” ถังโจวโจวที่เห็นใบหน้าของลั่วเซ่าเซินดูเรียบเฉย ยกเว้นเมื่อครู่ที่ดูตกใจแล้วก็ไม่มีอารมณ์อื่นใดอีก นี่มันเรื่องอะไรกัน หรือเธอจะทำผิดไป
ตอนที่ 427 การเปลี่ยนแปลงที่น่าประหลาดใจ
“ที่ไหนกัน ผมต้องดีใจแน่นอน แค่โกรธที่คุณไม่ดูแลตัวเอง คุณให้ผมไปรับก็ได้จะได้ไม่ต้องเหนื่อยอย่างนี้ไง”
ลูซี่ถอยออกไปอย่างเงียบๆ ประธานและโจวโจวจะแสดงความรักต่อกัน ก้างอย่างเธอต้องรีบออกมาจากตรงนั้น ไม่อย่างนั้นถ้าประธานเห็นเข้ามันคงไม่ดี
“เหนื่อยที่ไหนกัน เซ่าเซิน คุณไม่ชอบให้ฉันมาดูแลคุณใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นครั้งหน้าฉันจะไม่มาแล้ว”
ถังโจวโจวไม่ได้พบกับสิ่งที่ตัวเองคาดไว้จึงผิดหวังนิดหน่อย เดิมทีเธอจะทำให้เขาประหลาดใจแท้ๆ แต่ทำไมกลายเป็นว่าเธอถูกต่อว่าล่ะ และครั้งนี้คนที่ต่อว่าเธอก็คือลั่วเซ่าเชินด้วย
เห็นถังโจวโจวมีสีหน้าเปลี่ยนไป ลั่วเซ่าเชินถึงจะรู้สึกตัว ดูเหมือนตัวเขาเองจะทำเกินไปหน่อย ภรรยามีน้ำใจมาส่งอาหารเที่ยงให้ ทำไมเขาถึงคิดแต่เรื่องว่าเหนื่อยไม่เหนื่อยนะ ช่างโง่เง่าจริงๆ
“โจวโจว คุณภรรยา ผมขอโทษ เมื่อกี้ผมพูดผิดไป คุณเองก็รู้ ผมก็แค่กังวลห่วงว่าคุณจะเหนื่อย ไม่ได้หมายความอย่างอื่นเลยนะ” ลั่วเซ่าเชินรีบอธิบาย ถังโจวโจวที่ฟังคำอธิบายจบ แม้จะรู้ว่าเขาคิดอย่างนี้จริงๆ แต่ในใจก็อดมีความรู้สึกน้อยใจอยู่บ้าง
“เมื่อกี้คุณดุฉัน เดิมทีฉันแค่อยากจะมาบอกคุณว่าเสี่ยวอวี่เรียกพ่อได้แล้ว คุณพูดมาอย่างนี้ ครั้งหน้าฉันจะไม่มาที่นี้แล้ว” น้ำเสียงต่ำและรู้สึกได้ถึงความไม่พอใจ เสี่ยวอวี่ไม่รู้ว่ากำลังเกิดเรื่องอะไร เอามือไปวางไว้บนหน้าเธอขยับปากพูดว่า “มามา”
ลั่วเซ่าเชินเห็นว่าเรื่องชักจะใหญ่ขึ้นแล้วจึงรีบพูดกับถังโจวโจวทันที “โจวโจว ผมผิดเอง ผมสมควรตาย อย่าโกรธผมเลย ลูกชายร้อนใจหมดแล้ว แม่โกรธพ่อแล้ว”
“ฮ่าๆ คุณก็เอาเขามาเป็นข้ออ้างอีกแล้ว เขาเด็กขนาดนี้ จะเข้าใจได้ยังไง” ถังโจวโจวเปลี่ยนจากจะร้องไห้เป็นหัวเราะทันที ลั่วเซ่าเซินเห็นเธอหัวเราะก็โล่งอก หัวเราะได้แล้วก็ดี ในที่สุดก็ปลอบเธอได้สำเร็จ
“เอาล่ะ ฉันก็ไม่อยากทะเลาะกับคุณแล้ว เสี่ยวอวี่ รีบเรียกคุณพ่อเร็ว ที่ลูกพูดที่บ้านก่อนหน้านี้มันยอดเยี่ยมมากเลยนะ”
ถังโจวโจวหลอกล่อเสี่ยวอวี่ แต่ก็ไม่ได้ผล นี่มันเรื่องอะไรกัน ก่อนหน้านี้ตอนอยู่ที่บ้านยังตะโกนด้วยความปิติยินดีอยู่เลย
“เสี่ยวอวี่รีบเรียกพ่อเร็วลูก” ลั่วเซ่าเซินที่ตอนนี้เป็นเหมือนฝุ่นละอองที่สยบอยู่เบื้องหน้าถังโจวโจวและสายตาของเสี่ยวอวี่ แต่น่าเสียดายที่เด็กน้อยไม่สนใจเขา เอาแต่กอดคอแม่ของเขาไว้แน่น ไม่ส่งเสียงใดๆ
“โจวโจว เขาไม่สนใจผม ลูกชายช่างใจร้ายจริงๆ” เสี่ยวอวี่นั้นมีนิสัยไม่เหมือนใคร ปกติลั่วเซ่าเชินคิดอยากจะอุ้มเขายังต้องให้เขาเห็นด้วย ถ้าฝืนจะอุ้มเขาให้ได้ เขาก็คงจะร้องไห้จนลั่วเซ่าเชินต้องยอมแพ้ไปโดยอัตโนมัติ
“ลูกรัก รีบเรียกพ่อเร็วลูก คุณพ่อจะเสียใจแล้วนะ ต่อไปจะไม่รักลูกแล้วนะ ไม่ซื้อของเล่นของกินให้ด้วย” ถังโจวโจวที่พยายามหลอกล่อเสี่ยวอวี่ เห็นว่าเขาขยับปาก คิดว่าเขาจะต้องเรียกพ่อแน่ “มามา”
“ลูกรัก เรียกพ่อ ไม่ใช่เรียกแม่จ๊ะ”
ถังโจวโจวใกล้จะยอมแพ้ต่อเขาแล้ว เธอสงสัยว่าเสี่ยวอวี่ตั้งใจใช่ไหม เห็นอยู่ชัดเจนว่าตอนอยู่บ้านเรียกพ่อไม่หยุด แต่พ่อมาอยู่นี่ ได้เห็นเซ่าเซินแล้ว สักคำก็ไม่พูดออกมา แต่เด็กเล็กขนาดนี้ จะมีความคิดมากมายขนาดนั้นได้ยังไง
ถังโจวโจวยิ่งคิดยิ่งกลัว รีบหยุดความคิดของตัวเองไว้
“ช่างเถอะ เขาไม่ยอมพูดก็ช่างเถอะ เดี๋ยวก็พูดได้เอง กินข้าวกันก่อนเถอะ” ลั่วเซ่าเชินที่เห็นเสี่ยวอวี่ไม่ยอมจริงๆ ลูกไม่ยอมพูดก็ไม่มีประโยชน์ที่จะบังคับ หรือถ้ารอโอกาสที่อารมณ์เขาดีค่อยหลอกล่อให้เขาพูดสักสองคำก็น่าจะดีกว่าเวลานี้มาก
“ก็ได้ เสี่ยวอวี่ แม่จะป้อนข้าวให้ลูกนะ”
ถังโจวโจวเปิดกล่องรักษาอุณหภูมิออก ด้านบนสุดเป็นข้าวโอ๊ตชามเล็ก เห็นเสี่ยวอวี่ที่เริ่มโบกมือก็รู้ได้เลยว่าเขาตื่นเต้นแล้ว “ลูกรัก เด็กดี รออีกเดี๋ยวแม่จะป้อนข้าวให้นะ”
ลั่วเซ่าเชินที่เห็นกล่องกล่องหนึ่งจึงถาม “โจวโจว ในนี้ใส่อะไรไว้เหรอ”
“อ้อ คุกกี้ที่ฉันทำเองค่ะ คุณกินข้าวก่อนเถอะ ให้คุณลองชิมว่าฝีมือฉันถอยลงไปบ้างไหม”
คุกกี้ไม่หวานมาก เพราะรู้ว่าลั่วเซ่าเชินไม่ชอบกินหวาน ถังโจวโจวจึงตั้งใจจะใส่น้ำตาลให้น้อยลง เพื่อความสวยงามเธอจึงทำคุกกี้ให้เป็นรูปต่างๆ เช่นดอกไม้ หรือหัวใจ เมื่อวางไว้ด้วยกันจะน่าทานมาก
ตอนที่ 424 ขาดทุน
“คุณคิดก็เรื่องของคุณ ตอนนี้ฉันจะนอนแล้ว” แม้แต่โทรศัพท์มือถือถังโจวโจวก็ไม่เล่นแล้ว เธอรีบดึงผ้าห่มมาคลุมหัว เธอนอนแล้ว ลั่วเซ่าเชินก็ทำได้แค่ยอมรามือ
น่าเสียดายที่ความคิดของเธอช่างไร้เดียงสา ลั่วเซ่าเชินจะให้โอกาสเธอได้นอนที่ไหนกัน “โจวโจว ผมมีความคิดดีๆ ตอนนี้ผมจะยังไม่อาบน้ำเพราะอีกเดี๋ยวก็ต้องอาบอีกรอบอยู่ดี รออีกเดี๋ยวพวกเราอาบด้วยกัน”
ลั่วเซ่าเชินขยับเข้าไปในผ้าห่ม ถังโจวโจวตกใจจนร้องกรี๊ดออกมา แต่เขาก็รีบพูดขึ้นมาทันที “โจวโจว คุณอยากให้ทุกคนได้ยินเหรอ”
“อือๆๆ” และแล้วลั่วเซ่าเชินคนชั่วจึงจับเธอไว้ โลกในผ้าห่มมีคนสองคนที่กำลังเล่นเกมต่อสู้กันไปมา ส่วนโลกของนอกผ้าห่มช่างเงียบสงบและสวยงาม
รอจนลั่วเซ่าเชินกินอิ่มแล้ว ถังโจวโจวก็เหน็ดเหนื่อยจนเมื่อยล้าไปหมด ทำไมทุกครั้งคนที่เหนื่อยแทบตายต้องเป็นเธอด้วยนะ ส่วนลั่วเซ่าเชินกลับเต็มเปี่ยมไปด้วยกำลังวังชา นี่ไม่ยุติธรรมสำหรับเธอเลย
“ทำไมทุกครั้งฉันต้องเป็นคนที่ขาดทุนด้วย” เห็นถังโจวโจวทำปากยื่นท่าทางเศร้าโศก ลั่วเซ่าเชินก็ใจอ่อนยวบ ก่อนหน้านี้เขาทำเกินไปใช่ไหม แต่หลังจากนั้นเขาถึงได้รู้ว่าถังโจวโจวก็แค่บ่นไปอย่างนั้น ความจริงแล้วแม้ไม่สนใจเธอ เธอก็จะดีขึ้นเอง
วันที่สอง ถังโจวโจวถูกเสียงเรียกของคุณแม่ถังทำให้ตื่นขึ้น “โจวโจว รีบตื่นเร็ว เสี่ยวอวี่หิวแล้ว ต้องกินข้าวแล้ว”
เธอหยิบโทรศัพท์มือถือบนหัวเตียงขึ้นมาดู เพิ่งจะหกโมงเช้า เมื่อวานลั่วเซ่าเชินทรมานเธออยู่ครึ่งคืน วันนี้ตอนเช้ายังต้องมาดูแลลูกชาย ถังโจวโจวทำได้แค่ประคองร่างกายที่หนักหน่วงลุกขึ้นจากเตียง
กว่าเธอจะเปิดประตู คุณแม่ถังก็ยืนอยู่หน้าประตูอยู่เกือบห้านาทีแล้ว “โจวโจว ทำไมถึงมาเปิดประตูช้านัก เสี่ยวอวี่ร้องไห้จะขาดใจแล้ว เขาไม่ให้แม่ป้อน เขาต้องการแม่ของเขาเท่านั้น”
ถังโจวโจวรับเสี่ยวอวี่มา “ลูกรัก ทำไมไม่ให้คุณยายป้อนคะ หรือว่าเมื่อวานไม่ได้เจอแม่เลยหงุดหงิด”
“แม่คะ ถ้าอย่างนั้นแม่ไปกินข้าวก่อนเถอะ รออีกเดี๋ยวหนูอุ้มเขาไปกินข้าวเอง”
“อย่างนั้นก็ได้ รีบลงมานะ รออีกเดี๋ยวถ้าหิวอีกหลานจะปวดท้องเอา”
คุณแม่ถังไม่กล้ามองไปทางลูกสาว ก่อนหน้านี้ที่ถังโจวโจวเปิดประตูก็ใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยดี แต่พออุ้มเสี่ยวอวี่จึงไม่ทันระวังเผยให้เห็นร่องรอยที่คอของเธอเข้า
ลั่วเซ่าเชินก็ถูกเสียงของคุณแม่ถังทำให้ตื่น มองเห็นถังโจวโจวที่อุ้มลูกชายเข้ามาก็อยากเข้าไปรับลูกมา แต่กลับถูกเสี่ยวอวี่ปฎิเสธ “คุณอยากนอนต่อก็นอนได้เลย ตอนนี้นอกจากฉันเขาไม่อยากให้ใครอุ้มทั้งนั้น”
บางครั้งถังโจวโจวก็รู้สึกประสบความสำเร็จ ลูกชายพึ่งพาแค่เธอเท่านั้น ไม่เสียแรงที่เธออุ้มท้องมาเกือบสิบเดือนและคลอดเขาออกมา เพียงแต่ตอนนี้สำหรับเธอการพึ่งพาของลูกชายก็เป็นภาระที่แสนหวานอย่างหนึ่ง
“ลูกรัก ลูกนั่งอยู่บนเตียงก่อนนะ แม่ใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วแม่จะอุ้มลูกไปกินข้าว ดีไหม” ใบหน้าของเสี่ยวอวี่ยังมีคราบน้ำตาอยู่ เด็กน้อยคว้าดึงชุดนอนของถังโจวโจวไว้ ใบหน้าซุกอยู่ในอ้อมกอดของเธอ พูดยังไงก็ไม่ยอมปล่อยมือ
“คุณอุ้มเขาลงไปเลยก็ได้” ลั่วเซ่าเชินเองก็ทำอะไรไม่ถูก เวลานี้ลูกไม่ให้เขาอุ้ม เขาก็ช่วยแบ่งเบาภาระของถังโจวโจวไม่ได้ ลูกชายคนนี้นิสัยไม่ค่อยน่ารักเท่าไหร่ ต่อไปถ้าแม่เขาไม่อยู่จะทำยังไง
“ถ้าอย่างนั้นก็ได้ คุณจะตื่นเลยไหม”
“ตื่นเลย นอนไม่หลับแล้วล่ะ” ด้านนอกฟ้าเริ่มสว่างแล้ว แต่ภายในห้องยังปิดผ้าม่านอยู่ เลยไม่รู้สึก ถังโจวโจวอุ้มลูกออกไปก่อน ลั่วเซ่าเชินค่อยตามออกมา
เมื่อลงมาถึงชั้นล่าง ป้าหลิวก็ทำอาหารเช้าไว้รอแล้ว “แม่คะ อรุณสวัสดิ์ค่ะ ป้าหลิวคะ วันนี้มีอะไรอร่อยบ้างคะ”
“ป้าทำซุปไข่ให้คุณเสี่ยวอวี่ถ้วยหนึ่งค่ะ ส่วนของพวกคุณก็มีโจ๊กถั่วเขียวและก็เสี่ยวหลงเปาค่ะ”
“อากาศร้อนขนาดนี้ กินของแก้ร้อนในหน่อยก็ดี แม่คะ ลั่วอิงลงมารึยังคะ”
“ยังไม่มาเลย เมื่อกี้ตอนแม่ไปดูที่ห้องเธอตื่นแล้วล่ะ คงจะใช้เวลาอาบน้ำนาน ไม่เป็นไร ลูกป้อนข้าวให้เสี่ยวอวี่ก่อน รออีกเดี๋ยวก็ลั่วอิงก็คงลงมา”
คุณแม่ถังมองดูเสี่ยวอวี่ที่จ้องมองอาหารบนโต๊ะ เชื่อว่าเขาต้องหิวแล้ว ถังโจวโจวควรป้อนข้าวให้เขาก่อน รออีกเดี๋ยวค่อยทานอาหารเช้าของตัวเอง
“ถ้าอย่างนั้นก็ได้ แม่คะ แม่ก็กินไปรอไปเถอะค่ะ”
ตอนที่ 425 ส่งอาหารความรัก
ถังโจวโจวป้อนข้าวให้เสี่ยวอวี่ได้ไม่กี่คำ ลั่วอิงก็ลงมา “รีบมาเร็ว ลูกดู น้องเริ่มกินแล้ว”
วันนี้ลั่วอิงต้องไปโรงเรียน เมื่อเร็วๆ นี้เธอได้เข้าเรียนชั้นเรียนประถมแล้ว
“พ่อละคะ”เมื่อลั่วอิงนั่งลงบนเก้าอี้และไม่เห็นลั่วเซ่าเชินจึงถามขึ้น ทางป้าหลิวก็ยกโจ๊กมาวางให้หนึ่งชาม
“รออีกเดี๋ยวพ่อก็ลงมา ลูกกินก่อนเลย กระเป่านักเรียนเรียบร้อยไหม รออีกเดี๋ยวให้พ่อไปส่งลูกที่โรงเรียน” ทางด้านของเสี่ยวอวี่ที่เห็นแม่คุยอยู่กับพี่สาว ก็กัดนิ้วตัวเองพลางยิ้ม
ตอนนี้มีของกิน เขาจึงไม่ได้เกี้ยวกราดเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว เพียงนั่งนิ่งอย่างสงบ ไม่ได้ทำเสียงดังเหมือนเมื่อก่อน
ลั่วเซ่าเชินก็ลงมาชั้นล่างอย่างรวดเร็ว “แม่ครับ อรุณสวัสดิ์ครับ”
“รีบกินข้าวเถอะ รอลูกอยู่คนเดียวแล้ว”
“พวกเราไม่ได้รอคุณนะคะ ให้เด็กๆ กินกันก่อน”
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องหิวท้องรอผมหรอก เสี่ยวอวี่กินเสร็จรึยัง”
ถังโจวโจวมองดูที่ก้นชาม “ยังมีเหลืออยู่ คุณกินก่อนเลย”
เมื่อทุกคนทานอาหารเช้าเสร็จ ลั่วเซ่าเชินก็ไปบริษัทซึ่งก่อนหน้านั้นก็แวะไปส่งลั่วอิงที่โรงเรียนก่อน คุณแม่ถังก็อยู่บ้านกับถังโจวโจวเพื่อเลี้ยงเสี่ยวอวี่
ผ่านไปหลายวัน วันนี้ตอนสาย เสี่ยวอวี่ที่อยู่ในห้องรับแขกกับคุณแม่ถังกำลังเล่นของเล่นอยู่ ถังโจวโจวกำลังทำความสะอาดห้องรับแขก ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงดังขึ้น “ปาปา”
“แม่คะ เมื่อกี้เสี่ยวอวี่พูดรึเปล่าคะ” ถังโจวโจวหันไปถามคุณแม่ถัง
“ดูเหมือนจะใช่นะ แต่เซ่าเซินก็ไม่อยู่นี่ แล้วเสี่ยวอวี่เรียกใครน่ะ”
ในขณะที่ทั้งสองคนยังไม่แน่ใจก็มีเสียงดังขึ้นอีก “ปาปา”
“จริงๆ ด้วย เสี่ยวอวี่เรียกปะป๊าได้แล้ว” ถังโจวโจวอุ้มลูกชายขึ้นมาด้วยมือเดียว “เสี่ยวอวี่ เรียกอีกครั้งลูก แม่จะโทรหาพ่อให้เขาฟัง ดีไหม”
ถังโจวโจวคิดขึ้นอีกว่าหลายวันมานี้ลั่วเซ่าเชินกลับมาดึก เขากลับมาถึงเสี่ยวอวี่ก็นอนไปแล้ว ตอนเช้ามีเวลาเขาก็ตื่นสาย เซ่าเซินก็ไปทำงาน เป็นแบบนี้ เสี่ยวอวี่ก็ไม่ได้เจอพ่อหลายวันแล้ว คงจะคิดถึงพ่อ
“ปาปา” เสี่ยวอวี่เชื่อฟังคำพูดของถังโจวโจว เขาเรียกพ่ออีกครั้งจริงๆ ถึงแม้ยังออกเสียงไม่ค่อยถูก แต่สำหรับพ่อแม่แล้วก็สร้างความยินดีมากล้น นี่คงเป็นของขวัญที่ดีที่สุด
“ลูกชายเชื่อฟังดีจริงๆ แม่จะพาลูกไปบริษัทของพ่อ พวกเราไปส่งอาหารเที่ยงเป็นความรักให้พ่อ ลูกว่าเป็นยังไง”
“ปาปา”
“ดี ในเมื่อลูกก็เห็นด้วย ถ้าอย่างนั้นพวกเราทำตามนี้” ถังโจวโจวหอมแก้มเสี่ยวอวี่ไปฟอดหนึ่ง
“พอแล้ว ไม่ต้องหยอกลูกแล้ว ในเมื่อลูกอยากไปส่งอาหารเที่ยงให้เซ่าเซิน ลูกก็เตรียมตัวทำอาหารเถอะ ลูกไม่ทำอาหารนานมากแล้ว แต่อย่าทำแย่เหมือนเด็กฝึกหัดนะ”
“แม่คะ วางใจเถอะ ฝีมือการทำอาหารของหนูพัฒนาขึ้นมากแล้วน่า” เมื่อก่อนเซ่าเซินก็บอกว่าเธอทำอาหารอร่อย ตอนนี้คงจะไม่ต่างกันมากหรอก
เมื่อมีไอเดีย ถังโจวโจวจึงรีบลงมือทำทันที ซึ่งเริ่มจากปรึกษากับป้าหลิวเกี่ยวกับอาหารมื้อเที่ยงก่อน หลังจากนั้นป้าหลิวก็รับผิดชอบในการไปซื้อผัก ถังโจวโจวเตรียมพร้อมที่จะทำ ถังโจวโจวยังเตรียมที่จะทำขนมให้ลั่วเซ่าเชินอีกด้วย
สิบเอ็ดโมง อาหารก็เตรียมเสร็จเรียบร้อย คุกกี้ก็อบเสร็จแล้ว คุณแม่ถังรู้ว่าถังโจวโจวจะไปทานอาหารกับลั่วเซ่าเชินที่บริษัท คุณพ่อถังอยู่บ้านคนเดียวก็เหงา ดังนั้นคุณแม่ถังจึงกลับไปบ้าน
เธอเรียกรถแท็กซี่มาคันหนึ่ง ตรงไปที่บริษัท ป้าหลิวช่วยเธอเอาของขึ้นรถ เธออุ้มเสี่ยวอวี่ไว้ “ป้าหลิว ไปก่อนนะคะ”
“นายหญิง เดินทางปลอดภัยค่ะ” ป้าหลิวมองดูให้รถไปไกลแล้วถึงเดินกลับเข้าบ้านไป
รถแท็กซี่หยุดลงตรงหน้าบริษัท ถังโจวโจวจ่ายเงินค่ารถเสร็จก้อุ้มเสี่ยวอวี่ไว้ ขอให้คนขับรถช่วยเธอเอาของใส่มือเธอ และเธอก็หิ้วของตรงเข้าไปที่บริษัท
สองปีแล้วที่ถังโจวโจวไม่ได้มาที่บริษัท ไม่รู้ว่าจะยังมีคนจำเธอได้ไหม หัวใจถังโจวโจวตุ๊มๆต่อมๆ พยายามจะรักษาความสุขุมเอาไว้ ถ้าถูกเรื่องเล็กๆ ทำให้ตกใจได้ นั่นก็คงเป็นคนขี้ขลาดแล้วจริงๆ
เมื่อเข้าไปถึงห้องโถง เสี่ยวอวี่ก็ตกอยู่ในความสนใจของทุกคนทันที “พระเจ้า เด็กน้อยที่น่ารักน่าชังนั่นลูกใครกันนะ”
“ทำไมถึงดูคล้ายกับท่านประธานของพวกเราจัง”
……
“ไม่ใช่คล้าย แต่ดูเหมือนจริงๆ คงไม่ใช่ลูกประธานใช่ไหม ประธานมีลูกแล้วเหรอ ทำไมฉันไม่รู้เลย”
ตอนที่ 422 ความเที่ยงตรงของคุณปู่
“วางใจเถอะ ทางบ้านตระกูลเมิ่งเดี๋ยวผมจัดการเอง ผมเชื่อว่าถ้าคุณปู่เมิ่งรู้ว่าเมิ่งชิงซีทำเรื่องอะไรไว้ จะต้องไม่เข้าข้างเธอแน่ เพราะผมรู้ว่าท่านเป็นคนเที่ยงตรง”
การแสดงออกของลั่วเซ่าเชินแสดงให้เห็นถึงความชื่นชม ถังโจวโจวรู้ว่าเขาจะต้องเคารพคุณปู่เมิ่งคนนี้จริงๆ เพียงแต่คนที่มีความเที่ยงตรงเที่ยงธรรม เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเรื่องของคนในครอบครัว จะเกิดลังเลขึ้นมารึเปล่า
“ผมรู้ว่าคุณกำลังคิดอะไร วางใจเถอะ คุณปู่เมิ่งจะไม่ทำแบบนั้นแน่ เรื่องงานแต่งงานของผมกับเมิ่งชิงซีที่ตัดสินกันได้อย่างรวดเร็วนั้นก็ต้องขอบคุณท่าน” ในเรื่องนี้ ลั่วเซ่าเชินคิดว่าเขาและถังโจวโจวต้องขอบคุณเมิ่งซงอวิ๋น
“ดูเหมือนว่าท่านคงเป็นคนที่เที่ยงตรงจริงๆ นะคะ” เพราะสามารถตัดใจทิ้งเรื่องการแต่งงานของบ้านตระกูลเมิ่งและบ้านตระกูลลั่วได้ เรื่องการแต่งงานของเมิ่งชิงซีและลั่วเซ่าเชินเป็นเพราะผู้ใหญ่ทั้งสองฝั่งกระตือรือร้นที่จะให้เกิดขึ้น ความหวังของรุ่นต่อไปอยู่ที่คนสองคนนี้ เมิ่งซงอวิ๋นสามารถตัดมันทิ้งได้ก็คุ้มค่าที่จะให้ถังโจวโจวชื่นชมแล้ว
“ว้าย” เสียงร้องของผู้หญิงคนหนึ่งดังมาจากด้านหลังของพวกเขา ลั่วเซ่าเชินเพิ่งรู้สึกตัวว่าเขาเหมือนจะอยู่ในห้องน้ำหญิงนานมากแล้ว ผู้หญิงคนเมื่อครู่คงไม่ได้คิดว่าเขาเป็นพวกโรคจิตไปแล้วหรอกนะ
“เซ่าเซิน ดูเหมือนว่าวันนี้คุณจะถึงคราวซวยแล้วล่ะ พวกเรารีบไปกันเถอะ อีกเดี๋ยวถ้ามีคนมาจะโดนเข้าใจผิดเอา” ถังโจวโจวรู้สึกว่าน่าขำดี เพราะในชีวิตนี้ของลั่วเซ่าเชินคงไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อน
“คุณยังกล้าหัวเราะเหรอ ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ ผมจะกลายเป็นแบบนี้ไหม” ลั่วเซ่าเชินไม่สนว่าใครจะหัวเราะหรือไม่หัวเราะ เพียงแค่ให้ถังโจวโจวปลอดภัยก็พอแล้ว
“ได้ๆ ฉันผิดเอง ฉันไม่ควรหัวเราะ ฉันขอโทษคุณจากใจจริง เซ่าเซิน ฉันขอโทษ โอเคไหม” คำพูดขอโทษที่เพิ่งพูดจบไปนั้น แค่ถามว่าเขาให้อภัยไหม คำขอโทษของถังโจวโจวนี้ความจริงใจสักนิดก็ไม่มี แต่ลั่วเซ่าเชินก็ไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้ มันคือความสุขของชีวิตคู่ ถ้าจริงจังมากไปคงเป็นเขาเองที่ไม่ปกติ
พอออกมาจากห้องน้ำแล้ว ทั้งสองคนก็ตรงไปที่งานเลี้ยง ลั่วเซ่าเชินไม่อยากพาถังโจวโจวไปเจอพวกเมิ่งชิงซีให้ยุ่งยาก ตอนนี้ไปคาดคั้นอะไร พวกเธอก็คงไม่ยอมรับ ยังไม่สู้เก็บเรื่องนี้ไว้ก่อน
พอเมิ่งชิงซีมองเห็นลั่วเซ่าเชินประคองถังโจวโจวเข้ามาในงานก็กำมือแน่น จนกลางฝ่ามือปรากฏรอยเล็บ
ฉินอวิ๋นเห็นความผิดปกติของเมิ่งชิงซีจึงเข้าไปเอ่ยเตือน “ชิงซี ลูกไม่ควรใจร้อน ใครหลายคนกำลังมองลูกอยู่ หรือลูกอยากให้พ่อของลูกลำบากใจ”
ฉินอวิ๋นให้ความสำคัญกับชื่อเสียงตัวเองที่สุด หลังจากที่รู้ว่าเธอสามารถอยู่ในสังคมชั้นสูงนี้ คบค้าสมาคมกับกลุ่มเพื่อนและมีชื่อเสียงอันดีงามได้ ถ้าถูกเมิ่งชิงซีทำลายลงไปตอนนี้ เธอไม่แน่ใจว่าจะสามารถให้อภัยเธอได้ไหม
“แม่ ทำไมต้องให้หนูเห็นอะไรแบบนี้ด้วย ตอนแรกทำไมคุณปู่ต้องยอมด้วย” ตอนนี้เมิ่งชิงซีเกลียดทุกคน ใครที่ขัดขวางเธอกับลั่วเซ่าเชิน เธอจะไม่ให้อภัยมันแน่
เมิ่งไหวเซินปราดเข้ามาตรงหน้า เมิ่งชิงซียังไม่สามารถทำอะไรถังโจวโจวได้ ทำได้เพียงโยนความผิดทั้งหมดให้กับเมิ่งซงอวิ๋น
“ชิงซี อาอวิ๋น พวกเธอเป็นอะไรไป” เมิ่งไหวเซินมองดูภรรยาและลูกสาวของเขาที่ดูผิดปกติไป ทั้งสองมองไปทางเซ่าเซินอยู่ตลอดเวลา “นี่กำลังมองอะไรน่ะ”
ฉินอวิ๋นได้ยินเมิ่งไหวเซินถามเลยกลัวว่าเขาจะสงสัย “ไหวเซิน ไม่มีอะไรหรอกค่ะ คุณก็รู้ว่าลูกสาวคุณปล่อยวางไม่ได้ ครั้งนี้เธอเห็นลั่วเซ่าเชินก็คงจะหวั่นไหวไปบ้าง”
เมื่อพูดถึงปัญหานี้ เมิ่งไหวเซินก็ไม่ได้ถามอะไรอีก สิ่งที่แย่ที่สุดเกี่ยวกับเรื่องนี้สำหรับลูกสาวของเขา คือการที่เธอใช้อารมณ์มากเกินไป
ชัดเจนแล้วว่าควรปล่อยวางทั้งหมดให้เร็ว แต่เธอจงใจที่จะไม่ปล่อย ทำให้ทั้งครอบครัวต้องลำบาก ตอนนี้เมิ่งไหวเซินเริ่มรู้สึกรู้สึกผิดที่แรกเริ่มเชื่อฟังคำของฉินอวิ๋นให้เมิ่งชิงซีไปตามตื๊อลั่วเซ่าเชิน ปกติถูกเมินใส่ยังไม่พอใจอีกเหรอ
“ชิงซี ลูกก็ควรจะปล่อยวางได้แล้ว นี่ก็ผ่านมาระยะหนึ่งแล้ว เดี๋ยวพ่อจะแนะนำคนหล่อๆ ให้ลูกได้รู้จัก” เมิ่งไหวเซินนึกถึงหุ้นส่วนทางธุรกิจของตัวเอง ครอบครัวของพวกเขาเองก็มีคนหนุ่มหล่อเหลาอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
ตอนที่ 423 กระตุ้น
เห็นเมิ่งชิงซีไม่หันกลับมาแม้แต่น้อย เอาแต่ซ่อนตัวอยู่ด้านหลังของฉินอวิ๋น ในเมื่อลูกสาวไม่ฟังคำแนะนำ เมิ่งไหวเซินก็ไม่มีความจำเป็นที่ต้องพูดอีกต่อไป
เวลาของเขามีค่ามาก นอกจากนี้หัวหน้าครอบครัวก็ไม่ได้พูดเล่น จะยอมให้เมิ่งชิงซีทำให้เขาเสียหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่าได้อย่างไร
สายตาของเมิ่งไหวเซินมองไปทางถังโจวโจวอย่างไม่ได้ตั้งใจ เขาเพียงคิดว่ารู้สึกคุ้นหน้าเด็กผู้หญิงคนนี้ แต่ก็นึกไม่ออกว่าเธอคือใคร
เมิ่งไหวเซินพูดสิ่งที่สงสัยออกมาทันที “เธอเป็นใคร”
“ไหวเซิน คุณกำลังพูดอะไร คุณถามว่าเธอคือใครเหรอ” ฉินอวิ๋นได้ยินจึงรีบถามกลับทันที เมิ่งไหวเซินส่ายหัว รู้ว่าคุณแม่ฉินอวิ๋นไม่เคยเจอถังโจวโจวมาก่อน ถ้าเกิดบอกพวกเธอไปคงแย่แน่ๆ
ถังโจวโจวรู้สึกว่ามีคนมองเธออยู่ตลอดจึงหันมองไปรอบๆ เพื่อมองหา แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร ความรู้สึกนี้ก็ยังไม่จางหายไป ทำให้เธอรู้สึกว่าเหมือนโดนจ้องมองอยู่
“เซ่าเซิน คุณรู้สึกว่ามีคนกำลังมองคุณอยู่บ้างไหม”
“ไม่นะ มีอะไรรึเปล่า” ลั่วเซ่าเชินมองดูรอบๆ แล้วก็ไม่เห็นว่ามีใคร ถังโจวโจวมองผิดไปหรือเปล่า
“งั้นเหรอ ถ้าอย่างนั้นฉันคงเข้าใจผิดไป” ถังโจวโจวก็ไม่เห็นว่ามีอะไรน่าสงสัย
ฟังหยวนแนะนำหลินเหยากับทางบ้านของเขาและญาติกระกูลฟัง อย่างที่ฟังหยวนพูด คุณพ่อฟังคุณแม่ฟังสำหรับเธอนั้นไม่มีอะไรยาก ทั้งสองคนยิ้มให้เธอตลอด ไม่ได้แสดงออกว่ามีเจตนาร้ายอะไร
แต่หลินเหยาคิดว่าคุณพ่อฟังคุณแม่ฟังอาจจะดีกับเธอแค่ตอนอยู่ต่อหน้าของฟังหยวนเท่านั้น อาจจะต้องรอให้ฟังหยวนออกไปหรืออยู่กันแค่สามคนก่อน พวกท่านถึงจะแสดงตัวตนที่แท้จริงออกมา แต่หลังจากนั้นก็ได้พิสูจน์ได้ว่าหลินเหยาคิดมากไปแล้ว
งานเลี้ยงสิ้นสุดลง ถังโจวโจวกลับถึงบ้าน เสี่ยวอวี่ก็นอนไปแล้ว ถังโจวโจวอยู่ในห้องนอนแขกของคุณแม่ถัง นั่งมองลูกชายของตัวเองแต่ก็ไม่ได้อุ้มเขากลับห้อง ในเมื่อเขาหลับสนิทขนาดนี้ก็คงไม่ต้องเคลื่อนย้ายเขาอีก ให้นอนหลับกับคุณแม่ถังเธอก็วางใจ
เมื่อลั่วเซ่าเซินกลับมาถึงห้องถังโจวโจวก็อยู่บนเตียงแล้ว สายตาจดจ้องอยู่ที่โทรศัพท์มือถือ ขนาดเขาเข้ามาก็ยังไม่รู้สึกตัว
เมื่อร่างของเขาขึ้นไปอยู่บนเตียงแล้ว เธอถึงจะเงยหน้าขึ้นมา “คุณทำอะไรนะ ตกใจหมดเลย” ถังโจวโจวพบว่ามีเงาดำสายหนึ่งเข้ามาถึงจะรู้สึกตัวว่าลั่วเซ่าเชินกำลังนั่งอยู่ข้างๆ เธอ ตอนที่เขาเดินมาทำไมเธอถึงไม่ได้ยินเสียงนะ ตกใจแทบแย่
“ก็เพราะเห็นว่าคุณกำลังมีสมาธิอยู่ไง เลยไม่ได้ส่งเสียงรบกวนคุณ” ลั่วเซ่าเชินไม่ผิด เขาเพียงแค่หวังดีเฉยๆ ที่ไหนได้ถังโจวโจวมองความปรารถนาดีของเขาเป็นเจตนาร้ายไปเสียนี่ นี่ทำให้เขาเสียใจอยู่บ้าง
“แหม หาข้ออ้าง แล้วไปดูลั่วอิงหรือยังคะ”
“อืม กล่อมเธอให้หลับไปแล้วล่ะ” ลั่วเซ่าเชินลูบผมของถังโจวโจว มองดูใบหน้าที่เงียบสงบของเธอ ทันใดนั้นก็รู้สึกมีความสุขขึ้นมา ถ้าหากแก่ตัวไปแล้วยังสามารถอยู่กับถังโจวโจวต่อไปได้แบบนี้ คิดๆ แล้วก็คงจะเป็นเรื่องที่หวานล้ำมากเรื่องหนึ่ง
“คุณรีบไปอาบน้ำเร็ว ดึกแล้ว เดี๋ยวต้องนอนแล้ว” พรุ่งนี้เขายังต้องทำงาน ถ้าไม่รีบนอนเดี๋ยวก็ไปทำงานไม่ไหวอีก
“ยังไม่ดึก โจวโจว คุณอยากนอนแล้วเหรอ” ลั่วเซ่าเชินได้ยินเธอพูดถึงเรื่องนอนหลับก็อดเลี่ยงคิดไปถึงอีกเรื่องหนึ่งไม่ได้ เขาคิดว่าตัวเขาเองเป็นคนที่มีความอดทนมาก ตั้งแต่ที่ถังโจวโจวกลับมากับเขาจนถึงวันนี้ เขายังไม่ได้ทำอะไรเธอเลย
“คุณกำลังคิดอะไรอยู่น่ะ” ถังโจวโจวกอดอกอย่างระแวดระวัง เธอฟังน้ำเสียงของลั่วเซ่าเชินแล้วใจไม่ดีเลย คงไม่ใช่อย่างที่เธอคิดใช่ไหม
“โจวโจว หรือคุณไม่คิดบ้างเหรอว่าวันนี้เสี่ยวอวี่ไม่อยู่พอดี พวกเราจะได้มีเวลาทำเรื่องของพวกเราไง” เมื่อลั่วเซ่าเชินนึกขึ้นมาได้เสี่ยวอวี่นอนกับคุณแม่ถังก็ยิ่งทำให้เขาตื่นเต้นจนทั้งร่างอดสั่นระริกไม่ได้
“เซ่าเซิน วันนี้ดึกมากแล้ว รีบนอนเถอะ” มองดูลั่วเซ่าเชินที่นัยน์ตาวิบวับ ถังโจวโจวจึงรีบขัดขึ้น นานมากแล้วที่เธอไม่ได้ใกล้ชิดกับลั่วเซ่าเซิน เธอเลยกลัวนิดหน่อย สามารถถ่วงเวลาได้มากเท่าไหร่เธอก็จะทำ
“โจวโจว คุณไม่คิดจริงๆ เหรอ ผมอยากให้คุณคิดนะ” ลั่วเซ่าเชินคนนี้ไม่อาจถูกกระตุ้นได้แม้เพียงนิด ตอนนี้เขาหยุดมันไม่ได้แล้ว
ตอนที่ 420 ขวางห้องน้ำ
“ถังโจวโจว ตอนนี้เธอคงสมใจมากล่ะสิใช่ไหม” ประโยคนี้ดึงดูดความสนใจของเธอไม่น้อย เธอเคยทำแบบนั้นเมื่อไหร่กัน ประสาทรึเปล่า
ถังโจวโจวปรายตามองเธอ รู้สึกแค่ว่าดูคุ้นมาก แต่ก็นึกไม่ออกว่าอีกฝ่ายคือใคร พอเห็นถังโจวโจวทำท่าทางสงสัย ฉินอวิ๋นก็โมโห ทำไมอีกฝ่ายถึงจำเธอไม่ได้
แต่อย่างไรเสียฉินอวิ๋นก็อาวุโสกว่า ไม่จำเป็นต้องมาสนใจเรื่องไร้สาระแบบนี้
“คุณคือ?” ถังโจวโจวยังนึกไม่ออกว่าฉินอวิ๋นคือใคร เธอเคยล่วงเกินอีกฝ่ายหรือ ดูไปดูมาแล้วคุ้นตามาก มันติดอยู่ในหัวแต่คิดอย่างไรก็คิดไม่ออก สมองกลายเป็นเหมือนภาพว่างเปล่าผืนหนึ่ง
“ฉันคือแม่ของเมิ่งชิงซี” ฉินอวิ๋นเปิดเผยตัวตน ในที่สุดถังโจวโจวก็นึกออกแล้ว เธอเคยเจออีกฝ่ายมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่มันก็นานมากแล้วและเธอเองก็จำแทบไม่ได้ แต่ผู้หญิงตรงหน้ากลับทำท่าเหมือนเธอไปติดหนี้อะไรหล่อนไว้อย่างนั้นแหละ
“สวัสดีค่ะคุณป้า คำพูดเมื่อสักครู่ของคุณป้าหมายความว่าอะไรเหรอคะ”
“ความหมายของแม่ฉันก็คือ ถังโจวโจวเธออย่าได้หยิ่งผยองนักเลย ระวังจะตายน้ำตื้นซะล่ะ” เมิ่งชิงซีเองก็เดินเข้ามาในห้องน้ำด้วยเช่นกัน ผู้หญิงสามคนในห้องน้ำแบ่งแยกอาณาเขตกันอย่างชัดเจน และตอนนี้ถังโจวโจวอยู่ในระยะที่เสียเปรียบอยู่
แต่เธอไม่กลัวพวกเขาหรอก ไม่ใช่ว่าเยอะกว่าแค่คนเดียวเหรอ หรือว่าพวกเขาเตรียมจะลงมือทำอะไร ตอนเธอออกมาลั่วเซ่าเชินเองก็รู้ รออีกเดี๋ยวถ้าเธอไม่กลับไป เขาต้องออกมาตามหาแน่ ถังโจวโจวไม่กลัวถ้าพวกเขาจะลงมือจริงๆ เพราะจะเป็นทางนั้นเองที่จะเสียเปรียบ
“เมิ่งชิงซี เธอคอยหาเรื่องฉันอยู่ตลอด ประโยคนั้นฉันควรพูดกับเธอถึงจะถูกนะ” ที่พวกหล่อนทำกับเธอแบบนี้ก็เพื่อเกียรติของครอบครัวไม่ใช่เหรอ คนที่ควรจะทำอย่างนั้นคือพวกหล่อนมากกว่าไม่ใช่เธอ แล้วทำไมเธอต้องขอร้องอีกฝ่ายด้วย
“ถังโจวโจว ก่อนหน้านี้ฉันให้เกียรติเธอ แต่เหมือนจะไม่อยากได้เกียรตินั้นแล้วสินะ” เมิ่งชิงซีก้าวเข้ามาใกล้และล็อกประตู ถังโจวโจวถอยหลังไปทีละก้าว เห็นฉินอวิ๋นยืนชมละครอยู่ข้างๆ ซึ่งมุมที่เธอยืนอยู่นั้นเป็นมุมที่ดีมากที่เธอจะวิ่งหนีออกไปได้
“พวกคุณคิดจะทำอะไร” เธอถอยไปจนชิดติดผนัง ถังโจวโจวกลับผ่อนคลายลง ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็เลี่ยงไม่ได้อยู่ดี อย่างนั้นไม่สู้กล้าที่จะเผชิญหน้าไม่ดีกว่าหรือ ถังโจวโจวขยับมือที่อยู่ด้านหลังของเธออย่างเงียบๆ
“ถังโจวโจว แกควรจะตายไปนานแล้ว ทำไมถึงยังมีชีวิตอยู่บนโลกนี้อีก เดิมทีพี่เซ่าเชินควรจะต้องเป็นสามีในอนาคตของฉัน แกแย่งเขาไป แกแย่งเขาไป” สองมือของเมิ่งชิงซีบีบลงที่คอของถังโจวโจวเต็มแรง ทั้งร่างเครียดเกร็งขึ้นมา มือก็เริ่มควบคุมไม่ได้
ถังโจวโจวรู้สึกว่าหายใจลำบากมากขึ้นทุกที คิดอยากจะสลัดให้หลุดจากเมิ่งชิงซี แต่ไม่รู้ทำไม เมื่ออยู่ต่อหน้าของเมิ่งชิงซีที่เหมือนเป็นบ้าไปแล้ว กำลังของเธอถึงน้อยนิดแบบนี้
แสงไฟด้านบนยังคงส่องแสงสว่าง ถังโจวโจวกลับรู้สึกว่าแสงนั้นแยงนัยน์ตาจนเจ็บไปหมด สองมือของถังโจวโจวพยายามจะแกะมือของเมิ่งชิงซีออก
“เธอ…”
“เป็นยังไงล่ะ ตอนนี้พูดไม่ออกแล้วใช่มั้ย ให้แกพูดเยอะขนาดนี้ ฉันจะบีบคอแกให้ตาย ฉันจะบีบคอแกให้ตาย”
“ชิงซี พอแล้ว หรือลูกอยากจะฆ่าคนจริงๆ งั้นเหรอ” ฉินอวิ๋นเพียงแค่อยากให้ลูกสาวสั่งสอนถังโจวโจวแค่เล็กน้อยเท่านั้น แต่ไม่ได้อยากให้เธอทำอย่างนี้ อีกอย่างถังโจวโจวออกมาจากงานนานแล้ว เดี๋ยวลั่วเซ่าเชินต้องมาตามหาแน่ ดังนั้นพวกเธอไม่ควรเสี่ยง
“แม่คะ ทั้งหมดเป็นเพราะมัน พี่เซ่าเซินถึงทำกับหนูแบบนี้ ไม่อย่างนั้นหนูก็คงได้เป็นลูกสะใภ้ของบ้านตระกูลลั่วไปนานแล้ว” เมิ่งชิงซียิ่งคิดก็ยิ่งไม่พอใจ แม้ว่าแรงมือที่กดลงไปตอนนี้จะไม่ได้มากมายเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว แต่ก็ยังสามารถทำให้ถังโจวโจวไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อยู่ดี
ถังโจวโจวอยากจะหายใจเอาอากาศบริสุทธิ์เข้าไป คิดว่าเมิงชิงซีบ้าไปแล้ว ตอนนี้หล่อนทำให้เธอเจ็บได้ ใครจะไปรู้ว่าหล่อนจะสร้างเรื่องอะไรขึ้นมาได้อีก
“ชิงซี เธอฟังฉันนะ แค่กแค่ก เพราะเธอดีมากเกินไป เซ่าเซินไม่คู่ควรกับเธอ ดังนั้นเธออย่าปักใจอยู่ที่เขาอีกเลยนะ”
ความรู้สึกของเรื่องนี้เดิมทีก็ไม่ชัดเจน ถ้าเธอเป็นเมิ่งชิงซี เธอก็คงจะไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำยังไงดี แต่เธอก็คงไม่ทำแบบเมิ่งชิงซีแน่นอน เพื่อผู้ชายคนเดียวถึงกับต้องสูญเสียความเป็นตัวเองไป นั่นคงเป็นสิ่งที่น่าเสียใจที่สุด
“เธอก็คิดอย่างนั้นเหมือนกันเหรอ” พอเมิ่งชิงซีได้ฟังคำพูดของถังโจวโจว เธอจึงค่อยๆคลายมือออก
ตอนที่ 421 นึกถึงนรก
“แน่นอน ชิงซี เธอไม่ต้องไขว่คว้าอีกแล้ว เธอควรจะลองไปหาผู้ชายที่ดีกว่านี้มากกว่านะ” ถังโจวโจวกลัวมากว่าเมื่อเธอกลับมาหายใจได้อีกครั้ง หล่อนก็จะบีบคอเธออีก และนอกห้องน้ำก็ไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรเลย ถังโจวโจวร้อนรนจนเหงื่อชุ่มแผ่นหลัง ทำไมเซ่าเซินยังไม่มาอีก
“ฉันรู้ว่าแกแค่อยากจะปลอบใจฉัน เพราะผู้หญิงราคาถูกอย่างแก พี่เซ่าเซินถึงไม่สนใจฉัน เมื่อก่อนเราสองคนสนิทกันมาก” พอเมิ่งชิงซีคิดถึงเรื่องเมื่อก่อนก็ยิ่งไม่อาจให้ถังโจวโจวมีชีวิตอยู่ไปได้ ถ้าหากไม่มีมันสักคน หัวใจพี่เซ่าเซินก็จะกลับมาหาเธอใช่ไหม
พอในใจเธอคิดอย่างนั้น ร่างกายก็เริ่มตอบสนองตาม เธออยากลองดู ถ้ามันไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคาดไว้ มันก็คุ้มค่าที่จะได้ฝังศพถังโจวโจว
เห็นว่าสีหน้าของเมิ่งชิงสีเปลี่ยนไปเหมือนจะบ้าคลั่งขึ้นมา ถังโจวโจวจึงเริ่มต่อต้าน “เมิ่งชิงซี ถ้าเธอเข้ามาอีกก้าวเดียว ฉันจะไม่เกรงใจเธอแล้วนะ” มือของเธอคิดจะควานหาสิ่งของที่อยู่ข้างๆ มาเป็นกำลังให้กับตัวเอง แต่ควานหาอยู่นานก็ยังไม่เจออะไรที่ใช้ได้
ฉินอวิ๋นสังเกตเห็นการกระทำของพวกเธอจึงดึงมือเมิ่งชิงซีออกมา “ชิงซี ฟังแม่พูดนะ ตอนนี้วางความแค้นลงก่อน เราออกกันมานานมากแล้ว ควรกลับได้แล้ว”
รอจนลั่วเซ่าเชินและเมิ่งไหวเซินมาเจอเข้า นั่นคงจะเป็นข้อเสียเปรียบสำหรับพวกเธอที่สุด
“แม่คะ หนูไม่ยอม พี่เซ่าเซินต้องเป็นของหนู”
“ต้องเป็นของลูก เขาต้องเป็นของลูกแน่ แต่ตอนนี้ไปกับแม่ก่อน คราวหลังค่อยมาคิดบัญชีกับหล่อน” ฉินอวิ๋นได้ยินเสียงฝีเท้าด้านนอก ถึงเมิ่งชิงซีไม่ยินยอมก็ต้องไป คงจะเป็นลั่วเซ่าเชินที่มาถึงแล้ว
ฉินอวิ๋นลากเมิ่งชิงซีออกไป สีหน้าของเธอดูสงบมาก และเมิ่งชิงซีที่เมื่อครู่ฆ่าถังโจวโจวไม่สำเร็จก็เกิดสับสนกับการกระทำของตนเองขึ้นมา เธอคิดว่านั่นเป็นเรื่องปกติ การที่ถังโจวโจวมมายืนอยู่ต่อหน้าเธอนั้นเป็นเพราะยมบาลที่ทิ้งเธอไว้ สักวันเธอจะต้องกลับลงนรกไปตามเดิม
ลั่วเซ่าเชินเปิดประตูห้องน้ำหญิง ก่อนหน้านี้ถังโจวโจวโทรหาเขา แต่ยังไม่ทันที่จะได้พูดอะไร ลั่วเซ่าเชินที่พอจะรู้ว่าคงมีบางอย่างผิดปรกติจึงรีบมาทันที ตอนนี้ก็ไม่สามารถรักษาสีหน้าสงบนิ่งเอาไว้ได้แล้ว
เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็พบว่ามีแค่ถังโจวโจวนั่งพิงผนังอยู่ “โจวโจว เป็นยังไงบ้าง บาดเจ็บตรงไหนไหม”
ลั่วเซ่าเชินตรวจดูตามร่างกายของเธอก็ไม่พบบาดแผล แต่เมื่อถังโจวโจวเงยหน้าขึ้นถึงจะพบว่าคอของเธอมีร่องรอยบางอย่าง เขาเชยคางเธอขึ้นด้วยมือเดียว “นี่มันเรื่องอะไรกัน ใครเป็นคนทำ”
ลั่วเซ่าเชินหวาดผวา ถ้าเขามาช้ากว่านี้อีกแค่ก้าวเดียว เขาคงจะไม่ได้เจอถังโจวโจวอีกแล้วใช่ไหม
ถังโจวโจวสัมผัสได้ถึงความอุ่นที่ปลายนิ้วมือของลั่วเซ่าเชิน ก่อนหน้านี้เธอคิดว่าอีกแค่วินาทีเดียวเธอก็คงจะต้องจากโลกนี้ไปแล้ว ตอนนี้ยังสามารถพบหน้าลั่วเซ่าเชินได้ สำหรับเธอแล้วเป็นความดีใจที่สุดจะพรรณนาได้ เธออดไม่ได้ที่จะโผเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของเขา
“แค่ก แค่ก เซ่าเซิน ฉันคิดว่าอีกนิดเดียวฉันก็จะไม่ได้เจอคุณแล้ว” ท่าทางของเมิงชิงซีก่อนหน้าเหมือนกับเป็นบ้าไปแล้วจริงๆ เหมือนต้องการแค่ชีวิตของเธอเท่านั้น ถังโจวโจวตกใจมาก
เขากอดเธอไว้แล้วเอ่ยปลอบด้วยเสียงแผ่วเบา “ผมอยู่ตรงนี้แล้ว วางใจเถอะ คุณจะได้อยู่ข้างกายผมตลอดไป จนพวกเราแก่เฒ่าพวกเราก็จะยังอยู่ด้วยกัน”
ถังโจวซุกตัวในอ้อมกอดของเขาและหลับตาลง ลั่วเซ่าเชินไม่คิดว่า แค่ไปห้องน้ำจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ ดูเหมือนว่าจะมีบางคนเหิมเกริมเกินไปแล้ว
“บอกผมว่าใครทำแบบนี้กับคุณ”
“เมิ่งชิงซี” ชื่อที่ถังโจวโจวพูดออกมาก็เป็นคนที่ลั่วเซ่าเชินคิดไว้แล้ว ดูเหมือนว่าก่อนหน้านี้เขาจะอ่อนข้อให้อีกฝ่ายมากเกินไปแล้ว หล่อนถึงกล้าทำให้โจวโจวต้องเจ็บตัวขนาดนี้
“โจวโจว คุณวางใจเถอะ ผมจะทำให้เมิงชิงซีได้รับผลกรรมอย่างสาสม” คงปล่อยเธอไว้ไม่ได้แล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาจะต้องเคลียร์ให้ชัดเจน เขาคุยกับเธอชัดเจนไปตั้งนานแล้ว แต่เป็นเธอเองที่ไม่สามารถปล่อยวางได้
“แต่ว่า ทางบ้านตระกูลเมิ่งล่ะ” ไม่ใช่ว่าถังโจวโจวคาดเดาไปเอง พ่อของเธอคงไม่ยอมให้ลูกสาวเพียงคนเดียวของตัวเองเกิดเรื่องหรอก
ถังโจวโจวลังเลว่าจะเล่าเรื่องฐานะของเธอให้ลั่วเซ่าเชินฟังดีรึเปล่า แม่เธอเองก็ไม่คิดที่จะกลับมา ถ้าฐานะของเธอถูกเปิดเผยจะส่งผลกระทบถึงชีวิตของแม่ไหม ยิ่งไปกว่านั้นถังโจวโจวเองก็ไม่ได้คาดหวังอะไรจากผู้เป็นพ่อ ดังนั้นเธอจึงเก็บเรื่องนี้ไว้ในส่วนลึกของหัวใจมาโดยตลอด
ตอนที่ 418 โจมตี
ถังโจวโจวคิดว่าชีวิตของหลินเหยาจะหาอีกครึ่งหนึ่งของตัวเองไม่เจอเสียแล้ว และไม่แปลกใจที่เธอมีความคิดเชิงลบแบบนี้ เมื่อก่อนหลินเหยาไม่เคยแม้แต่จะเปิดเผยความรู้สึกของตัวเองออกมา แต่ดูเหมือนเธอจะมีความรู้สึกให้กับผู้ชายสารเลวคนนั้นอยู่เหมือนกัน เห็นแล้วถังโจวโจวถึงกับหัวใจสั่นสะท้าน
ตอนนี้หลินเหยาและฟังหยวนคบกันแล้ว เป็นเรื่องน่ายินดีที่ถังโจวโจวไม่เคยคิดถึงมาก่อน คนหนึ่งเปรียบเหมือนพี่น้องที่ดีของเธอเอง ส่วนอีกคนก็คือผู้ชายที่เคยชอบเธอ จนสุดท้ายเขาก็หาความสุขของตัวเองจนเจอ เธอเองก็ไม่ต้องรู้สึกผิดอีกต่อไปแล้ว
“ก็ไม่เชิงว่าใครจีบก่อนนะ” อย่างไรเสียขอแค่ทั้งสองเผยใจออกมา เพียงแค่ได้อยู่ด้วยกันก็พอแล้ว หลินเหยาเองก็ไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยเกี่ยวกับเรื่องนี้
ทั้งสองคนนั่งอยู่ที่ระเบียง ตอนนี้ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว ด้านนอกก็ไม่มีความร้อนของช่วงเวลากลางวันอีก ซ้ำยังมีสายลมอ่อนๆ ที่ค่อนข้างเย็นสบายโชยมาเป็นระยะๆ
วันนี้หลินเหยาสวมชุดราตรีสีฟ้าอ่อน ชุดราตรีเข้ารูปนั้นขับเน้นให้ทรวดทรงของเธอโดดเด่นขึ้นมา ถ้าออกไปด้านนอกคงทำให้ผู้ชายด้านนอกนั้นมองตาเป็นมันแน่นอน
ลั่วเซ่าเชินเองก็เลือกชุดราตรีสีฟ้าอ่อนให้กับถังโจวโจว เข้าคู่กับชุดอัญมณีสีฟ้าที่ทำให้ถังโจวโจวยิ่งดูสวยสง่ามากยิ่งขึ้น
ทั้งสองคนพูดคุยกันอยู่ที่ระเบียงจนลืมเวลาไปเสียสนิท เมื่อฟังหยวนกลับมาหาถึงพบว่างานเลี้ยงได้เริ่มขึ้นแล้ว
ฟังหยวนอยากให้หลินเหยาไปนั่งที่โต๊ะหลักทางด้านนั้น ถังโจวโจวจึงทำได้แค่ตามไปกับลั่วเซ่าเชิน ทั้งสองคนนั่งลงบนโต๊ะ ถึงพบว่าบนโต๊ะมีแต่คนสนิทคุ้นเคยกันทั้งนั้น
“พี่เซ่าเซิน กลับมาแล้วเหรอคะ” เมิ่งชิงซีที่ก่อนหน้านี้ตกใจจึงเอาแต่หลบหน้าพวกลั่วเซ่าเชิน รอจนเธอได้คิดทบทวนดีๆ อีกครั้งก็วางใจลง ตอนนี้ไม่มีใครพูดถึงเรื่องอุบัติเหตุทางรถยนต์ของถังโจวโจวอีก ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเขาอยากกดเรื่องนั้นเอาไว้ ก็เป็นเพราะพวกเขาก็ไม่รู้ว่าเป็นฝีมือเธอ
เมื่อไม่เป็นไรแล้วเมิ่งชิงซีจึงไม่ร้อนใจอีก ขอแค่เธอไม่ยอมรับเสียอย่าง ถังโจวโจวเองก็ไม่มีหลักฐาน หล่อนจะทำอะไรเธอได้
“อืม” ลั่วเซ่าเชินกำลังดึงเก้าอี้ให้ถังโจวโจวนั่ง จะเอาเวลาที่ไหนไปมองเมิ่งชิงซี พอเมิ่งชิงซีเห็นว่าเขาไม่สนใจเธอก็ไม่ได้โกรธ หัวเราะพลางพูดกับถังโจวโจวว่า “โจวโจว ไม่เจอกันนานเลยนะ เธอกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอ ถ้ารู้เร็วกว่านี้ฉันจะได้ไปเยี่ยม”
ถังโจวโจวมองดูเธอที่ทักทายอย่างเป็นมิตรราวกับว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองคนดีมาก คนทั้งโต๊ะต่างมองไปที่ถังโจวโจวเป็นตาเดียวเพราะถังโจวโจวดูไม่สนใจเมิ่งชิงซีอย่างเห็นได้ชัด
“โจวโจว ฉันทำอะไรผิดไปรึเปล่า ทำไมเธอถึงเย็นชากับฉันแบบนี้” ถังโจวโจวคิดว่าถ้าตนเองไม่สนใจเมิ่งชิงซี เธอคงไม่มีหน้าเข้ามาใกล้อีกแน่
ใครจะไปรู้ สองปีที่ไม่ได้เจอกัน ความหน้าด้านของเมิ่งชิงซีไม่เคยน้อยลงเลย แม้ตัวเธอเองจะไม่สนใจเมิ่งชิงซี แต่เธอกลับมีวิธีที่จะทำให้คนรอบข้างมองเธอไม่ดีไปด้วย
“คุณผู้หญิงคนนี้ คุณเมิ่งอุตส่าห์พูดคุยด้วยอย่างกระตือรือร้นขนาดนี้ คุณกลับเมินเธอแบบนี้ จะหยิ่งเกินไปหน่อยรึเปล่า”
สุดท้ายก็มีคนที่เริ่มไม่พอใจ เมิ่งชิงซีเห็นว่ามีคนเข้าข้างเธอในใจก็ดีใจมาก อาศัยการกระทำครั้งนี้ของถังโจวโจวคนอื่นคงจะจดจำหล่อนไปอีกนานแน่
ถังโจวโจวมองดูเมิ่งชิงที่กำลังแสดงละครแล้วก็รู้สึกว่าคนรอบข้างตาบอดหรือไง ลั่วเซ่าเชินคิดอยากจะตำหนิเธอเสียหน่อย แต่ถังโจวโจวกลับแอบจับมือเขาไว้ สื่อให้เขาใจเย็นๆ
“วางใจเถอะ ฉันจัดการเธอเองได้” หลังจากเซ่าเซินแสดงความจริงใจออกมาแบบนี้ ถังโจวโจวจะทนกับคนที่อยากได้สามีของเธอต่อไปได้อย่างไร นั่นไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก
“คุณเมิ่งดูเหมือนว่าความจำจะไม่ค่อยดีนะคะ ฉันและคุณเป็นศัตรูหัวใจกัน จะไปมีความสัมพันธ์ดีๆ ต่อกันได้ยังไง ที่ฉันไม่ตอบคุณเพราะอยากไว้หน้าตัวเอง ใครจะรู้ว่าคุณยังหน้าด้านถามต่ออีก นี่จะโทษฉันได้เหรอคะ”
คำที่เอ่ยออกมาของถังโจวโจวทำให้ทุกคนหันไปมองเมิ่งชิงซีเป็นตาเดียว คนที่นั่งอยู่ที่นี่ไม่ใช่คนโง่ เพียงแต่เมื่อครู่ถูกเมิ่งชิงซีปั่นหัว ยิ่งไปกว่านั้นถังโจวโจวเองก็ไม่ได้ออกมาให้ทุกคนได้พบหน้านานมากแล้ว ถ้าจะลืมกันไปบ้างก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้
เมื่อเอ่ยออกมาแบบนั้น คนมากมายก็คิดถึงการหมั้นหมายกันระหว่างเมิ่งชิงซีและลั่วเซ่าเชินก่อนหน้านี้และหันไปมองลั่วเซ่าเชินที่นั่งนิ่งอยู่อีกครั้ง ดูเหมือนว่าฝ่ายหญิงจะยังไม่ลืมและอยากจะสานต่อความสัมพันธ์
แต่ดูท่าทีฝ่ายชายแล้วเหมือนจะไม่คิดแบบนั้น คงไม่ใช่ว่าเมิ่งชิงซีคิดไปเองคนเดียวเหรอ
ตอนที่ 419 ทำตัวอวดดี
“ถังโจวโจว เธอ…” เมิ่งชิงซีโกรธมาก ถังโจวโจวกล้าทำอย่างนี้กับเธอ กล้าดียังไง
“ทำไม ฉันพูดผิดเหรอ”
ครั้งนี้ถังโจวโจวไม่กลัวเมิ่งชิงซีอีกต่อไป เดิมทีก็เป็นตัวหล่อนเองที่เอาแต่ฝันลมๆ แล้งๆ ถ้าลั่วเซ่าเชินอยากจะอยู่กับหล่อนจริงๆ ก่อนหน้านี้ทั้งสองคนคงจะแต่งงานกันจนไม่รู้ว่ามีลูกไปกี่คนแล้ว
“ดี อวดดี รอดูไปเถอะ”
“คุณเมิ่งพูดอะไรระวังหน่อยนะคะ ตอนนี้โจวโจวเป็นสะใภ้ของบ้านตระกูลลั่วแล้ว กรุณาถอนคำพูดเมื่อครู่ด้วย” ลั่วเซ่าเชินไม่ได้ต่อว่าเมิ่งชิงซีเลยแม้แต่น้อย แต่เธอก็รับรู้ได้ว่าเขากำลังโกรธ และโกรธมากด้วย
ความวุ่นวายบนโต๊ะของพวกเขาดึงดูดความสนใจจากโต๊ะหลัก ถังโจวโจวดึงแขนเสื้อของลั่วเซ่าเชินไว้ พูดเสียงต่ำว่า “พอแล้ว แค่นี้พอแล้ว วันนี้เรามางานฉลองวันเกิดครบรอบแปดสิบปีของคุณปู่ฟังนะ พวกเราไม่ควรมาสร้างปัญหาที่นี่”
ดวงตาเมิ่งชิงซีเริ่มแดง ตอนนี้ไม่มีใครเห็นใจเธอเลย เพียงพูดว่าเป็นตัวเธอเองที่ดูถูกตัวเอง
เห็นสายตาตักเตือนของเมิ่งไหวเซิน เมิ่งชิงซีจึงทำได้แค่กัดฟันเอาไว้ ถังโจวโจวสร้างความอับอายให้กับเธอมาก เธอจะไม่ปล่อยผู้หญิงคนนี้ไว้แน่
ไม่ว่าภายในใจของเมิ่งชิงซีจะรู้สึกยังไง แต่อย่างน้อยบนใบหน้าก็ยังคงหัวเราะกับทุกคนต่อไป คนที่โตแล้วก็เป็นแบบนี้ ไม่มีความไร้เดียงสาเหมือนกับเด็ก ความเรียบง่ายและความปรารถนาทุกอย่างขึ้นอยู่กับหน้าตา ต้องดูตามโอกาส ทุกอย่างล้วนเป็นแบบนี้ ไม่วุ่นวายมากเท่าในวัยเด็ก
เมิ่งชิงซีหยุดพูดไปแล้ว ถังโจวโจวก็ไม่ได้รบเร้าเธอไม่ปล่อย ก่อนหน้านี้เพราะอีกฝ่ายยั่วโมโหเธอก่อนทำให้ถังโจวโจวมีโอกาสตอกกลับ
พิธีกรสัมผัสบรรยากาศของผู้ชมได้ มีเพียงโต๊ะของถังโจวโจวเมื่อครู่นี้ที่ดูวุ่นวาย นอกจากนั้นก็จะนั่งฟังพิธีกรบนเวทีอย่างสงบพร้อมเชิญคุณปู่ฟังขึ้นมากล่าวสองสามประโยค
เมื่อสายตาของถังโจวโจวมองไปทางหลินเหยาก็พบว่าเธอนั่งอยู่อย่างเรียบร้อยเหมือนกับเด็กประถมที่ต้องไปพบคุณครู เมื่อหันกลับไปมองอีกครั้ง เธอถึงพบว่าเดิมทีโต๊ะที่หลินเหยานั่งเป็นโต๊ะคนสนิทของครอบครัวตระกูลฟัง มิน่าล่ะเหยาเหยาถึงมีอาการแบบนั้นคงเพราะเธอคงตื่นเต้นนั่นเอง
เพียงแต่ตอนนี้ถังโจวโจวเองก็ช่วยเธอไม่ได้ นั่นต้องขึ้นอยู่กับตัวเธอเอง เธอจะต้องผ่านไปได้อยู่แล้ว
“โจวโจว มองอะไรอยู่ ลองชิมอันนี้สิ” ลั่วเซ่าเชินตักกุ้งมาตัวหนึ่ง ถังโจวโจวก็ไม่มองไปรอบๆ อีก งานเลี้ยงเริ่มขึ้นแล้ว ด้านบนเวทีก็มีการแสดง ส่วนด้านล่างเวทีทุกคนก็พูดคุยกัน
ครั้งนี้ฉินอวิ๋นและเมิ่งไหวเซินมาเข้าร่วมงานวันเกิดของคุณปู่ฟังด้วยกัน ฉินอวิ๋นที่เห็นถังโจวโจวทำให้ลูกสาวของตัวเองต้องขายหน้าก็รู้สึกเจ็บใจแทนลูกสาว
ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ครั้งนี้ลูกสาวออกไปและเริ่มคุยกับเธอก่อนและก็ไม่มีท่าทีขุ่นเคืองเหมือนก่อนหน้านี้ ดูเหมือนว่าเธอจะรู้ว่าครั้งก่อนเธอทำผิดไป
ไม่น่าเชื่อว่าครั้งนี้เมิ่งชิงซีจะยอมถอยให้ก้าวหนึ่งแล้วทำไมฉินอวิ๋นยังต้องคิดเล็กคิดน้อยกับเธออีกล่ะ อย่างไรนี่ก็คือลูกสาวของเธอเอง ตั้งครรภ์มากว่าสิบเดือน ถ้าให้พูดก็คือเลือดเนื้อเชื้อไขของเธอเอง
ฉินอวิ๋นมองดูท่าทางหยิ่งผยองของถังโจวโจว เป็นแค่เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมกล้าดียังไงมาทำให้คนในตระกูลเมิ่งขายหน้า ตนจะต้องทำให้อีกฝ่ายได้เห็นฤทธิ์เดชกันสักหน่อย สองแม่ลูกพากันมองข้ามฐานะของถังโจวโจวไปโดยอัตโนมัติ
เมื่อทานอาหารเสร็จ ถังโจวโจวอยากจะไปห้องน้ำ เธอจึงกระซิบบอกลั่วเซ่าเชินและตรงไปทางห้องน้ำทันที
เมิ่งชิงซีที่อยากจะตามเธอไปก็กลัวว่าลั่วเซ่าเชินจะสังเกตเห็น ฉินอวิ๋นที่รู้ความต้องการในใจของลูกสาวดีจึงลุกจากที่นั่งและตามถังโจวโจวไป
คนสองคน คนหนึ่งอยู่ด้านหน้าคนหนึ่งตามหลัง ดูเหมือนว่าจะไม่มีปัญหาอะไร เมิ่งชิงซีมองดูผู้เป็นแม่และพบว่าลั่วเซ่าเชินเองก็ไม่ได้มองมาทางนี้ ในใจพลันยินดี รออีกครู่หนึ่งหล่อนถึงลุกจากที่นั่งไป
ตอนที่ถังโจวโจวทำธุระเสร็จและออกมาจากห้องน้ำก็พบว่าด้านนอกมีผู้หญิงในชุดราตรีสีไวน์แดงยืนอยู่ แต่ก็ไม่ได้ดึงดูดความสนใจเธอมากนัก นี่เป็นห้องน้ำ มีคนมาเข้าห้องน้ำแล้วแปลกตรงไหนกัน
ผู้หญิงคนนั้นก้มหน้าต่ำ ไม่รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ ถังโจวโจวเองก็ไม่ได้อยากรู้ ตรงไปที่อ่างล้างมือทันที
ตอนที่ 416 งานเลี้ยงวันเกิดครบแปดสิบปี
เพิ่งจะเข้ามาในโรงแรมก็เห็นโปสเตอร์ขนาดใหญ่ ด้านบนเขียนว่าวันนี้คืองานวันเกิดอายุครบแปดสิบปีของคุณปู่ฟัง เมื่อถังโจวโจวเห็นแซ่ฟังก็นึกถึงฟังหยวนขึ้นมาทันที คงไม่ใช่ครอบครัวเขาหรอกใช่ไหม
“คุณปู่ฟังคือใครคะ เซ่าเซิน ถ้าคุณยังกล้าโกหกฉันอีกกลับไปแล้วน่าดู”
“คุณคงคิดใช่ไหมว่าเป็นปู่ของฟังหยวน”
ลั่วเซ่าเชินไม่เชื่อว่าถังโจวโจวไม่คิดถึงฟังหยวน ยิ่งไปกว่านั้นในเมืองนี้จะมีคนแซ่ฟังสักกี่คนที่ทำให้เธอนึกถึงได้ ทำให้เธอมาร่วมงานด้วยตัวเอง เมื่อก่อนก็แค่ไม่อยากให้ถังโจวโจวคิดมาก เพิ่งปลอบเธอบอกว่าเป็นงานเลี้ยงเล็กๆ ดูสิ ตอนนี้ถังโจวโจวเริ่มเครียดขึ้นมาแล้ว
“ทำไมคุณยังโกหกฉันอีกว่าเป็นแค่งานเลี้ยงเล็กๆ คุณมันคนโกหก”
“เฮ้อ อย่าโกรธนะ อย่าโกรธ กลับไปแล้วผมจะให้คุณสั่งสอนผม ตอนนี้คุณไว้หน้าผมหน่อยนะ”
ถังโจวโจวเห็นท่าทางเย่อหยิ่งของเขาก็ทนไม่ไหวเลยฉวยโอกาสที่คนไม่สนใจหยิกไปที่เอวของเขาเต็มแรง ลั่วเซ่าเชินทำได้แค่อดกลั้นเอาไว้ โชคยังดีที่เขาต้องทักทายคนอื่นๆ
“คุณภรรยาครับ อย่าหยิกผมอีกเลยนะ” ไม่รู้ว่าตอนนี้เนื้อที่เอวเป็นยังไงบ้างแล้ว โจวโจวหยิกเสียเต็มแรง มีภรรยาที่ไหนทำกับสามีแบบนี้บ้าง
ทั้งสองคนเข้าไปในงานเลี้ยงที่จัดขึ้นบนชั้นสองของโรงแรม เมื่อถึงสถานที่จัดงาน ถังโจวโจวก็มองเห็นฟังหยวนที่ยืนรับแขกอยู่หน้างาน เมื่อเห็นว่าลั่วเซ่าเชินมาแล้ว ฟังหยวนจึงรีบเข้าไปต้อนรับ
“อาเซิน พวกคุณมาแล้ว เข้างานเถอะ”
ฟังหยวนเหลือบมองไปทางถังโจวโจว เธอรู้สึกว่าสายตาของเขาในตอนนี้ไม่เต็มไปด้วยอารมณ์ลึกซึ้งเหมือนเมื่อก่อนแล้ว นี่มันเรื่องอะไรกัน หรือว่าเขาจะปล่อยวางได้แล้ว?
“โจวโจว เข้าไปเร็ว อีกเดี๋ยวก็จะมีคนคุ้นเคยรอพวกคุณอยู่ด้านใน” คำพูดของฟังหยวนชวนให้ถังโจวโจวคิดตาม คนที่คุ้นเคยหรือ อีกทั้งยังเกี่ยวข้องกับฟังหยวนด้วย ที่แท้แล้วคือใครกัน หรือจะเป็นเมิ่งชิงซี
แต่ก็ไม่ถูก ฟังหยวนเองก็รู้ว่าเธอและเมิ่งชิงซีเป็นศัตรูกัน เขาจะทำอย่างนี้ไปทำไม ดูเหมือนว่าคนคนนี้คู่ควรที่จะให้เธอไปสืบหาเสียแล้วสิ
“คุณลุงฟัง”
“เซ่าเซินมาแล้วเหรอ นี่โจวโจวใช่ไหม”
ถังโจวโจวมองดูชายวัยกลางคนตรงหน้าอย่างแปลกใจ เขารู้ชื่อเธอได้ยังไง หรือว่าเซ่าเซินจะบอก เพราะเธอเองก็ไม่เคยพบเขามาก่อน
“โจวโจว นี่คือคุณลุงฟัง”
“คุณลุงฟังสวัสดีค่ะ” ถังโจวโจวเผยรอยยิ้มออกมา ตอนนี้เธอทำหน้าที่เป็นภรรยาของลั่วเซ่าเซิน จะต้องไม่ทำให้เขาขายหน้า
“ดี รีบเข้าไปเถอะ”
ในห้องโถง ถังโจวโจวพบว่าด้านในมีคนเยอะมาก เธอดึงแขนของลั่วเซ่าเชินเอาไว้ ทำให้คนจำนวนมากหันมาสนใจพวกเขาในทันที ถังโจวโจวยืดอกขึ้น เวลานี้เธอไม่ควรขี้ขลาด
เมื่อคนรอบข้างมองเห็นคนที่ดึงแขนลั่วเซ่าเชิน บางคนที่เคยเห็นถังโจวโจวมาก่อนก็จำเธอได้ทันที “ไม่คิดว่าผ่านไปสองปีภรรยาของประธานลั่วจะกลับมาอีกครั้งในตอนนี้ ไม่เห็นได้ข่าวมาก่อนเลย”
“เฮ้อ เรื่องนี้น่ะไม่แน่หรอก สองปีมานี้ก็ไม่รู้ว่าหนีไปอยู่ไหนมา นี่แค่กลับมาประธานลั่วก็พาเธอมาประกาศให้คนทั้งโลกได้รู้แล้ว”
“คนนี้ใครเหรอ ทำไมถึงดึงแขนประธานลั่วอย่างนั้น ฉันไม่เคยเห็นหล่อนมาก่อนเลย” แน่นอนว่าคนใหม่บางคนก็เพิ่งจะก้าวเข้ามาในแวดวงนี้ ถังโจวโจวหายหน้าไปสองปี ถ้าจะไม่รู้จักก็เป็นเรื่องธรรมดา
“นี่คือภรรยาของประธานลั่ว แต่ไม่รู้ว่าทำไมถึงหายหน้าไปตั้งสองปี ตอนนี้กลับมาอีกแล้ว”
“จริงเหรอ” ผู้ถามพลันเกิดความริษยา ผู้หญิงคนนี้ไม่รู้ว่าเป็นใครมาจากไหน ลั่วเซ่าเชินเป็นเหยื่อที่เธอหมายตามานาน แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้มีเจ้าของไปเสียแล้ว
ถังโจวโจวสัมผัสได้ว่าคนอื่นๆ กำลังอิจฉาเธอ มีเพียงคนเดียวที่มีจิตใจริษยาแตกต่างไปจากคนอื่น สายตาของเธอนั้นเหมือนกำลังเห็นผีก็ไม่ปาน ท่าทางดูประหลาดใจสุดขีด คนคนนี้ก็คือเมิ่งชิงซี
“เป็นเธอไปได้ยังไง เป็นเธอได้ยังไง” เมิ่งชิงซีกำมือแน่น ถังโจวโจวคนนี้คือคนหรือผีกันแน่ พี่เซ่าเซินพาเธอกลับมาจริงๆ เหรอ
ในใจของเมิ่งชิงซีเหมือนกำลังจะเป็นบ้า แต่ตอนนี้มีคนมากมายกำลังมองดูเธออยู่ เธอจึงทำอะไรไม่ได้ ทำได้แค่ส่งยิ้มให้กับลั่วเซ่าเซินและถังโจวโจว
ตอนที่ 417 หญิงสาวพบเจอความสุข
ลั่วเซ่าเชินพาถังโจวโจวไปทักทายกับคนที่เขารู้จัก แต่ถังโจวโจวก็ยังไม่เจอคนรู้จักของตัวเองอยู่ดี หรือว่าฟังหยวนจะหลอกเธอ
ฟังหยวนไม่โกหกเธอแน่ เพียงแต่คนที่เธอรู้จักนั้นตอนนี้กำลังยืนอยู่ในมุมเล็กๆ มุมหนึ่ง “เหยาเหยา เธอจะไปไหน”
เหลินเหยาเองก็อยู่ในงานเลี้ยงฉลองวันเกิดของคุณปู่ฟังในวัยแปดสิบปีด้วย เธอถูกฟังหยวนพาตัวมา ถ้ารู้ว่านี้คือวันเกิดของปู่ฟังหยวนเธอคงไม่มาแน่
“ฉันจะไปไหนได้ ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่ฉันควรมาด้วยซ้ำ ฉันก็แค่อยากกลับไปอยู่ในที่ที่ฉันควรอยู่” ไม่ใช่ว่าหลินเหยาดูถูกตัวเอง เธอไม่รู้ว่าทำไมฟังหยวนถึงพาเธอมาที่นี่ หรือเขาอยากให้คนในครอบครัวเขายอมรับตัวตนของเธอ
แต่หลินเหยาคิดว่าวันนี้ไม่ใช่โอกาสที่เหมาะเท่าไหร่ ถ้าฟังหยวนทำงานวันเกิดของคุณปู่พัง เธอเชื่อว่าพ่อแม่ของเขาจะต้องรู้สึกแย่กับเธอแน่ ถึงแม้ว่าที่ฟังหยวนคิดแบบนี้จะเพื่อเธอก็ตามที
“อะไรคือที่ที่เธอควรอยู่หรือที่ที่เธอไม่ควรอยู่ ฉันอยู่ที่ไหนเธอก็ต้องอยู่ที่นั่นสิ” ฟังหยวนพูดอย่างแข็งกร้าว เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าหลินเหยาเองก็มีช่วงเวลาที่ขี้ขลาดแบบนี้ด้วย เธอสู้คนอื่นไม่ได้ตรงไหนกัน เขายังไม่ทันพูดอะไรเลย เธอก็ถอยแล้ว
“ฟังหยวน ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาล้อเล่นนะ วันนี้คุณพาฉันมาที่นี่คุณมีจุดประสงค์อะไรกันแน่” หลินเหยากลัวว่าจะมีคนเห็นเธอเข้าจึงจงใจกดเสียงให้ต่ำลง
ฟังหยวนรู้สึกว่าความหวังดีทั้งหมดของเขาถูกหลินเหยาทำลายจนป่นปี้แล้ว ทำไมเขาจะไม่คิดถึงเธอ ทำไมเธอถึงไม่เชื่อเขาบ้าง
“เหยาเหยา คุณเชื่อใจผมไหม ผมจะทำให้คุณมีความสุขแน่นอน” ฟังหยวนจับมือเธอไว้ด้วยท่าทางตื่นเต้น เขาที่เป็นแบบนี้ทำให้หลินเหยารู้สึกปวดใจ เธอคิดในแง่ร้ายมากเกินไปใช่ไหม เพราะฟังหยวนเองก็คงพิจารณาถึงเรื่องทั้งหมดมาอย่างถี่ถ้วนแล้ว เธอแค่ตอบรับก็พอแล้ว
“ฉันเชื่อคุณ” หลังจากความเงียบอันยาวนานจางหายไปแล้ว สุดท้ายหลินเหยาก็ตอบกลับ เธอยอมเชื่อใจฟังหยวน แม้ว่าครั้งนี้เธอจะไม่เหลือแม้แต่กระดูกเธอก็ยอม แต่ถ้าฟังหยวนทำร้ายหัวใจของเธอ ต่อไปเธอคงไม่อาจยอมรับการทรมานของเขาได้อีกแล้ว
ฟังหยวนกอดหลินเหยาไว้แล้วกระซิบที่ข้างหูเธอ “เหยาเหยา ผมจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง” หลังจากนั้น ฟังหยวนก็นึกขึ้นได้ว่ายังต้องไปต้อนรับแขกอีกเลยให้หลินเหยาหาที่พักผ่อนรอเขากลับมาหาเธอ
เมื่อครู่พวกเขาคุยกันอยู่ที่ระเบียงหลังผ้าม่านจึงไม่มีใครเห็น รอจนฟังหยวนจากไปแล้ว หลินเหยาก็เพลิดเพลินกับช่วงเวลาแห่งความเงียบนี้อยู่ครู่หนึ่ง
“เหยาเหยาใช่ไหม” น้ำเสียงของคนพูดบ่งบอกถึงความสงสัยเป็นอย่างมาก เหมือนไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เห็นเท่าไหร่นัก แต่หลังจากที่หลินเหยาพยักหน้าก็เหมือนเป็นการยืนยันว่าเธอไม่ได้มองผิดไป นี่คือเพื่อนสนิทของเธอจริงๆ
“โจวโจว เธอมาด้วยเหรอ”
“เหยาเหยา เธอนี่ปิดบังกันได้เก่งจริงๆ นะ” ก่อนหน้านี้ถังโจวโจวได้เจอกับฟังหยวน เขาพูดยิ้มๆ ว่าหลังผ้าม่านมีเรื่องให้เธอประหลาดใจอยู่ ถังโจวโจวขมวดคิ้วเดินไปเปิดผ้าม่านก็พบว่าด้านหลังนั้นมีคนคนหนึ่งยืนอยู่แถมยังเป็นผู้หญิงอีกด้วย มองจากด้านหลังทำไมรู้สึกเหมือนกับ…
ดังนั้นถังโจวโจวจึงถามขึ้น หลินเหยาก็หันกลับมาและก็เป็นเธอจริงๆ
หลินเหยาเห็นสีหน้าเหมือนตำหนิของถังโจวโจวจึงรีบส่ายหน้า อยากจะอธิบายกับเธอ “โจวโจวไม่ใช่อย่างที่เธอคิดนะ”
หลินเหยากลัวว่าเธอจะเข้าใจผิด เพราะรู้ว่าเมื่อก่อนฟังหยวนเคยชอบโจวโจว ถึงแม้ถังโจวโจวจะไม่ชอบเขา แต่หลินเหยาก็ไม่อยากให้เธอเข้าใจไปว่าเธอตั้งใจจะแย่งฟังหยวนมาอยู่ดี
แต่ที่ไหนได้สุดท้ายถังโจวโจวก็หัวเราะออกมา “เหยาเหยา เธอนี่ดีนักนะ ถึงฉันจะไม่คิดว่าฟังหยวนคู่ควรกับเธอ แต่ถ้าเทียบกับผู้ชายก้าวร้าวคนนั้นแล้วก็ยังดีกว่ามาก ครั้งนี้เธอคงได้เจอกับความสุขแล้วนะ”
“โจวโจว เธอไม่ว่าฉันเหรอ” หลินเหยาเห็นถังโจวโจวมีอารมณ์มาล้อเล่น ไม่แม้แต่จะขุ่นเคืองเลยสักนิด
“ฉันจะว่าเธอทำไม ระหว่างเธอกับฟังหยวนฉันเองก็คิดจะจับคู่ให้พวกเธออยู่แล้ว แต่ตอนนั้นพวกเธอดูไม่มีท่าทีเลย ฉันเลยเลิกคิดไป คิดไม่ถึงว่าตอนนี้พวกเธอจะคบกันแล้ว เหยาเหยา บอกฉันมาเร็วว่าเขาจีบเธอก่อนหรือเธอจีบเขาก่อน”
ถังโจวโจวพอได้พบกับเรื่องที่มีความสุขก็ตื่นเต้นไปหมด เหยาเหยามีแฟนแล้ว ช่างเป็นข่าวที่ดีมากๆ จริงๆ
ตอนที่ 414 สอนให้ลั่วอิงเข้าใจ
“หนีได้แน่นอน อีกเดี๋ยวพวกลูกก็จะพาหลานชายแม่ไปแล้ว ถ้าไม่รีบดูตอนนี้จะให้แม่ดูตอนไหน”คุณแม่ลั่วเมื่อคิดว่าหลานชายคนโตของตนเองจะต้องกลับไปกับลั่วเซ่าเชินก็ทำใจไม่ได้
“อาเซิน ไม่งั้นพวกลูกพาเสียวอวี่มาอยู่ที่นี่สักสองสามวันมั้ย ลูกทำงานยุ่ง โจวโจวก็ต้องทำงานใช่ไหม แม่ช่วยพวกลูกดูลูกชายให้ ลูกว่าเป็นยังไง” คุณแม่ลั่วรู้สึกว่าตัวเองต้องหาวิธีดีๆ สักวิธี ด้วยวิธีนี้ เธอจะได้สอนหลานชายว่าต่อไปให้รักเธอ
“แม่ครับ แม่ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้หรอกครับ โจวโจวยังไม่ไปทำงานครับ พวกเราจะพาเสียวอวี่มาเองครับ” ลั่วเซ่าเชินเห็นใจผู้สูงวัยทั้งสองที่ร้อนรนคิดถึงหลาน แต่ก็ไม่ใช่เหตุผลนั้นเสียทั้งหมด ถ้าให้คุณแม่ลั่วเลี้ยงจริงๆ ยังไม่รู้ว่าท่านจะเลี้ยงลูกเขากลายเป็นแบบไหน
คุณแม่ลั่วเห็นว่าลั่วเซ่าเชินไม่เต็มใจจึงพูดขึ้นว่า “ความหวังดีของแม่นี่ พวกเธอยังไม่คิดจะถนอมน้ำใจเลยนะ”
“พอแล้ว คุณพูดให้น้อยหน่อย เซ่าเซิน ในเมื่อตอนนี้พวกลูกมีลูกชายแล้ว เรื่องราวในอดีตพ่อกับแม่ของลูกจะไม่พูดถึงอีกแล้ว ลูกและโจวโจวต้องใช้ชีวิตให้ดี แค่พาเสียวอวี่มาเยี่ยมพวกเราบ่อยๆ ก็พอแล้ว”
คำพูดของคุณพ่อลั่วฟังแล้วรื่นหูมาก “ผมรู้แล้วครับ ต่อไปพวกเราจะพาเสียวอวี่มาหาพ่อแม่บ่อยๆครับ”
ลั่วเซ่าเชินเองก็ไม่ใช่จะไม่เห็นใจคุณพ่อลั่วและคุณแม่ลั่ว เพียงแต่คำพูดของคุณแม่ลั่วก่อนหน้านี้ทำให้เขาพูดไม่ออก แม่ที่ไหนจะไม่ยอมเลี้ยงลูกแล้วให้ย่ามาเลี้ยงแทน เว้นแต่จะมีเหตุผลจำเป็น แต่ถังโจวโจวเองก็ไม่มีความกดดันในชีวิต ดังนั้นเธอจึงไม่ต้องใช้วิธีแบบนี้ ลั่วเซ่าเชินเองก็คงไม่ส่งเสียวอวี่ให้กับคุณแม่ลั่วด้วย เขากลัวมากว่าคุณแม่ลั่วจะหลงหลานชายเกินไป นั่นไม่ใช่หวังดีต่อเขา แต่เป็นการทำลายเขา
เพียงแต่คำพูดนี้ลั่วเซ่าเชินไม่สามารถพูดตรงๆ กับคุณแม่ลั่วได้ รอให้คุณแม่ลั่วคิดขึ้นได้เธอก็พูดอะไรไม่ได้แล้ว
พักอยู่ที่บ้านตระกูลลั่วหนึ่งวัน หลังจากทานอาหารเย็นเสร็จ พวกลั่วเซ่าเชินก็เตรียมตัวกลับกันแล้ว คุณแม่ลั่วมาส่งพวกเขาขึ้นรถ มองดูเสียวอวี่ที่หลับแล้วจึงพูดขึ้นว่า “ขับรถระวังนะ ระวังอย่าทำให้เสียวอวี่ตื่น”
“ครับ แม่ครับ แม่นี่ยิ่งมายิ่งขี้บ่นนะเนี่ย” ลั่วเซ่าเชินตอบกลับอย่างไม่คิดอะไรมาก
ถังโจวโจวเห็นว่าสีหน้าของคุณแม่ลั่วไม่ค่อยดีนักจึงรีบเข้าไปห้ามศึก “คุณแม่คะ คุณแม่คุณพ่อรีบกลับเข้าบ้านเถอะค่ะ อีกเดี๋ยวพวกเรากลับไปถึงบ้านจะรีบโทรหาค่ะ”
“ได้ ขับรถระวังหน่อย”
ตอนนี้คุณแม่ลั่วยังดีใจเรื่องเสียวอวี่เลยไม่ได้เอ่ยขัดอะไรเธอ ก่อนหน้านี้ได้มองดูความน่ารักของหลานชายก็ให้รู้สึกอาวรณ์ แต่ช่วงบ่ายผ่านไปแล้วเสียวอวี่ก็ยังกระปรี้กระเปร่าอยู่ คุณพ่อลั่วคุณแม่ลั่วอายุมากแล้วไม่ควรเหนื่อยมากเกินไป
“เรื่องของคุณพ่อคุณแม่นี่คือไม่เป็นไรแล้วใช่ไหม” ถังโจวโจวรู้สึกว่าการมีเสียวอวี่ทำให้คุณพ่อลั่วคุณแม่ลั่วมีทัศนคติต่อเธอต่างไปมาก คงเป็นเพราะมีหลานชายคนนี้
“แน่นอน ไม่เห็นที่เมื่อกี้พ่อแม่ทำดีต่อคุณเหรอ” ดีขนาดไหนที่จริงแล้วนับไม่ได้ เพียงแต่ดีกว่าเมื่อก่อน นั่นก็ดีมากแล้ว
“อืม แล้วคุณไม่ดีใจเหรอ” เมื่อไม่มีความวิตกกังวลอีก ลั่วเซ่าเซินย่อมดีใจกว่าเธออยู่แล้ว
ถังโจวโจวสังเกตเห็นว่าตั้งแต่ลั่วอิงขึ้นรถมาก็ไม่ยอมพูดเลยตลอดทาง ไม่เหมือนตอนมาที่นี่ครั้งก่อน ตอนนี้เธอดูเหมือนจะเบื่อหน่าย
“ลั่วอิง เป็นอะไรไปจ๊ะ” ถังโจวโจวเปลี่ยนตำแหน่งการอุ้มเสียวอวี่ ซึ่งทำให้เธอมองเห็นสีหน้าของลั่วอิงชัดเจนขึ้น เด็กคนนี้ยังคิดมากอยู่อีกหรือ
“แม่โจวโจว ต่อไปคุณแม่กับคุณพ่อจะรักน้องชายมากกว่านี้ไหมคะ หนูเองก็รักน้องชายมาก แต่คุณพ่อกับคุณแม่อย่ารักแต่น้องชายแล้วลืมหนูได้ไหมคะ”
ลั่วอิงได้กลับมาที่บ้านตระกูลลั่วแต่ไม่ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากคุณพ่อลั่วคุณแม่ลั่วเหมือนตอนที่เธอได้รับตอนอายุเธอยังน้อยอีก ตอนนั้นเธอคือหลานคนโปรดของคุณพ่อลั่วคุณแม่ลั่ว ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อก่อนครอบครับตระกูลลั่วก็มีเธอเพียงคนเดียว จึงยิ่งรักใคร่ถนอมเธอดั่งไข่ในหิน
ถังโจวโจวฟังคำร้องขอของเธอแล้ว ในใจก็อดไม่ได้ที่จะต่อว่าคุณพ่อลั่วคุณแม่ลั่ว นี่มันเรื่องอะไรกันถึงทำให้เด็กดีๆ ต้องกลายเป็นแบบนี้ไปได้
ลั่วอิงแววตาสั่นไหว กลัวว่าถังโจวโจวจะต่อว่า แม้เมื่อครู่แม่โจวโจวก็พูดออกมาชัดเจนแล้ว เพียงแต่ในใจของเธอก็อดคิดไม่ได้
ตอนที่ 415 งานเลี้ยงธรรมดา
“ลั่วอิง ลูกไม่ต้องกังวล คุณปู่คุณย่าก็คือคุณปู่คุณย่า พ่อกับแม่จะไม่ทำแบบนั้นกับลูก ลูกต้องรู้ว่าเสียวอวี่คือที่รักของพวกเรา ลูกเองก็เหมือนกัน ลูกเป็นลูกรักคนโต ส่วนน้องเป็นลูกรักคนเล็ก”
ถังโจวโจวรู้ว่าลูกรับรู้ได้ว่าคนรอบข้างปฏิบัติต่อเธอไม่เหมือนเดิม ภายในใจต้องเจ็บปวดแน่ๆ ต้องรู้ว่าเมื่อก่อนลั่วอิงเป็นคนโปรดเพียงคนเดียว แต่ตอนนี้กลับเปลี่ยนแปลงไปเมื่อมีคนมาแบ่งความรักไปครึ่งหนึ่งและจะมากยิ่งขึ้น ถ้าเป็นเธอ เธอจะไม่ทำอย่างนั้น
ถังโจวโจวเข้าใจความรู้สึกนี้ของเธอดี เธอรู้ว่าลั่วอิงไม่ได้ไม่ชอบเสียวอวี่ แต่เพราะคุณพ่อลั่วคุณแม่ลั่วจงใจเกินไป เด็กเล็กขนาดนี้ก็ยังทำให้เธอรับรู้ได้ถึงความแตกต่าง แม้จิตใจและร่างกายของเธอโตขึ้นแต่ก็คงไม่ได้ช่วยอะไร
“แม่โจวโจว มีแค่คุณปู่คุณย่าใช่ไหมคะที่เป็นแบบนี้” ในใจของลั่วอิงเข้าใจดี ถึงแม้ว่าคุณพ่อถังและคุณแม่ถังจะไม่ได้เอ็นดูเธอมากเท่าเมื่อก่อน แต่ก็ไม่ได้แสดงออกว่าความรักที่มีต่อน้องชายไม่เหมือนกับที่มีต่อเธอ
ถังโจวโจวไม่ได้พยักหน้าหรือส่ายหน้า ทำได้เพียงใช้สายตามองไปที่ลั่วเซ่าเชินที่ขับรถอยู่ด้านหน้า “เซ่าเซิน คุณ…”
“ใช่ มีแค่ปู่กับย่าที่เป็นแบบนี้ แต่พวกเขาก็มีเหตุผล ลั่วอิงแค่มีความรักจากพ่อกับแม่ก็พอแล้ว คนอื่นๆ รักน้อยหน่อยก็ไม่เป็นไรไม่ใช่เหรอ” ลั่วเซ่าเซินไม่คิดจะให้พวกเธอคิดแก้ปัญหาที่ไม่มีทางออกนี้
แม้ว่าคุณพ่อลั่วคุณแม่ลั่วจะรักลั่วอิงไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้วยังไง น้อยลงหน่อยก็ไม่สำคัญ ขอแค่เขากับถังโจวโจวยังคงเหมือนเดิมก็พอแล้ว
“รู้แล้วค่ะพ่อ ต่อไปหนูจะไม่ถามแบบนี้อีก” สุดท้ายลั่วอิงก็เผยรอยยิ้มออกมา ถึงแม้ถังโจวโจวจะคิดว่าวิธีการพูดของลั่วเซ่าเชินจะดูหยาบกระด้างเกินไปหน่อย แต่ก็ได้ผลดี แล้วยังต้องสนใจอะไรมากมายอีกเล่า
ถังโจวโจวพักอยู่ที่บ้านหลายวันไม่ได้ออกไปทำงาน เพราะเปลี่ยนใจมาดูแลเสียวอวี่ อยู่แต่ที่บ้านก็ค่อนข้างเหงา เธอจึงคิดที่จะหาอะไรมาทำ ความคิดของเธอเมื่อก่อนก็ออกมาอีกครั้ง
เพียงแต่ตอนนี้เสียวอวี่อยู่คนเดียวไม่ได้ ถังโจวโจวมีไอเดียนั้นเป็นเรื่องดี แต่ก็ยังไม่สามารถทำได้ สุดท้ายเธอจึงเลือกที่จะเลิกทำงานและดูแลเสียวอวี่แทน
ป้าหลิวตอนนี้นอกเหนือจากรับผิดชอบงานบ้านแล้วยังมาช่วยเธอดูแลเสียวอวี่อีก เดิมทีลั่วเซ่าเชินเตรียมที่จะหาแม่บ้านให้ แต่หลังจากถังโจวโจวรู้ก็ปฏิเสธ คุณแม่ถังได้ยินว่าเพราะถังโจวโจวต้องดูแลลูกทำให้ไม่ได้ดูแลเรื่องอื่นๆ ในบ้านเลยรีบมาที่บ้านลั่วเพื่อเสนอตัวช่วย
คราวนี้จึงดีขึ้นมาบ้าง ถังโจวโจวมีความช่วยเหลือจากพ่อแม่ ภาระที่แบกอยู่จึงเบาบางลง บ้านลั่วมีห้องไว้สำหรับให้คุณแม่ถังพักผ่อนโดยเฉพาะ เพียงแต่ห้องนี้ไม่ค่อยได้ใช้
ทุกๆ ช่วงกลางวันคุณแม่ถังจะมาช่วยถังโจวโจวเลี้ยงลูกและตอนค่ำก็กลับไปบ้าน เดิมทีถังโจวโจวอยากให้คุณแม่ถังพักอยู่ด้วยเลย แต่คุณแม่ถังฟังแล้วก็ส่ายหัวทันที “พ่อของลูกอยู่บ้านคนเดียว แม่ไม่วางใจ”
“ก็ให้พ่อมาอยู่ด้วยกันที่นี่เลยสิคะ”
เรื่องนี้คุณแม่ถังไม่ทำแน่ “พวกเราจะอยู่กับลูกที่นี่ได้ยังไงกัน ถึงเวลาพวกญาติๆ รู้เข้าจะถูกนินทาลับหลังเอาได้”
วันนี้ตอนบ่ายลั่วเซ่าเชินส่งข้อความมาบอกว่ามีงานเลี้ยง อยากจะให้ถังโจวโจวไปเป็นเพื่อน ถังโจวโจวจึงให้คุณแม่ถังพักอยู่ที่บ้านหนึ่งคืนซึ่งครั้งนี้เธอไม่ได้ปฏิเสธ “ลูกวางใจเถอะ แม่จะช่วยดูแลเสียวอวี่เอง”
ประมาณห้าโมงเย็น ลั่วเซ่าเชินก็ขับรถมารับถังโจวโจว หลังจากนั้นทั้งสองคนก็ไปยังร้านทำผม เมื่อทำผมเสร็จ เลือกชุดเรียบร้อย เวลาก็ล่วงเลยไปจนใกล้หนึ่งทุ่มแล้ว โชคดีที่งานเลี้ยงอยู่แถวนั้นพอดี ขับรถสิบนาทีก็ถึงแล้ว ดังนั้นจึงไปงานได้ทันเวลา
“วันนี้มาร่วมงานเลี้ยงอะไรคะ” ลั่วเซ่าเชินไม่ทันบอกอะไรเธอมากนักก็รีบร้อนพาเธอออกมา
นานมากแล้วที่ถังโจวโจวไม่ได้เข้าร่วมงานแบบนี้ โชคดีที่เมื่อก่อนมีโอกาสได้มาอยู่บ้างและยังไม่ลืมจึงไม่ถึงกับตื่นเต้น
“ก็เป็นงานเลี้ยงธรรมดางานเลี้ยงหนึ่ง”
เห็นลั่วเซ่าเชินพูดอย่างไม่ใส่ใจอะไร ถังโจวโจวยังคิดว่าเป็นงานเลี้ยงทั่วไปจริงๆ ที่ไหนได้เมื่อไปถึงที่งานถึงเพิ่งรู้ว่าที่พูดว่าธรรมดาก่อนหน้านี้นั้นไม่จริงเลย ลั่วเซ่าเซินคนโกหก งานใหญ่ขนาดนี้ ยังกล้าพูดว่างานเลี้ยงธรรมดาอีก
ตอนที่ 412 หลานชายคนโต
“แม่ครับ โจวโจวต้องกลับมาด้วยแน่นอนอยู่แล้ว เธอเป็นภรรยาของผม ลูกสะใภ้ของแม่ ถ้าเธอไม่กลับมาด้วยแม่จะให้เธอไปไหน”
“เธอไม่ต้องกลับมา แม่เคยบอกแล้วใช่ไหม ถ้าเธอไม่ไป แม่ก็จะไปเอง แม่ไม่มีวันยกโทษให้เธอ หรือลูกไม่คิดว่าคำพูดของแม่สำคัญแล้ว” คุณแม่ลั่วยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ เธอโกรธจนตัวสั่น
ลั่วเซ่าเชินกลัวว่าผู้เป็นแม่จะเป็นอะไรไปอีก “แม่ครับ แม่อย่าเพิ่งโกรธครับ ผมมีเรื่องจะบอกแม่ครับ”
“ลูกมีเรื่องอะไรจะบอกแม่ของลูก” เสียงของคุณพ่อลั่วที่ดังมาจากบันได ทำให้ทุกคนต่างหันไปมอง
คุณพ่อลั่วจ้องมองไปยังบางอย่างในอ้อมแขนของลั่วเซ่าเชินว่าคือใคร เป็นลักษณะก้อนกลมเล็กๆ คงไม่ใช่ลูกที่เกิดจากถังโจวโจวหรอกใช่ไหม
“เซ่าเซิน นี่คือ?” คุณพ่อลั่วจ้องมองผ้าห่มในอ้อมแขนของลั่วเซ่าเชิน จ้องมองไม่กะพริบตา ไม่รู้ว่าเป็นเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิง ในดวงตาของเขาเต็มไปด้วยการเฝ้าคอย กระทั่งคุณแม่ลั่วก็ไม่สนใจ
คุณแม่ลั่วเห็นว่าสามีไม่ช่วยตนเอง เพราะความสนใจถูกเปลี่ยนไปยังสิ่งที่อยู่ในอ้อมแขนของลั่วเซ่าเชิน ชั่วแวบเดียวก็เกิดอารมณ์โกรธขึ้นมา “เหวินอวี่ แต่ไหนแต่ไรมาอาเซินก็ไม่เคยฟังฉัน คุณต้องช่วยฉันนะ”
คุณแม่ลั่วพยายามดึงให้สามีมาอยู่ฝ่ายตน แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้คุณพ่อลั่วกลับสนใจว่าเด็กน้อยในผ้าห่มเป็นใคร
“พ่อครับ แม่ครับ วันนี้ที่พวกเรามาก็อยากจะบอกพ่อกับแม่เรื่องนี้” ลั่วเซ่าเชินเปิดผ้าห่มออกจึงทำให้ใบหน้าเล็กๆ เผยออกมา
เด็กน้อยกำลังนอนหลับปุ๋ย แม้จะมีผ้าห่มพันอยู่รอบๆ แต่เพราะภายในห้องเปิดแอร์อยู่จึงไม่ทำให้เด็กน้อยรู้สึกร้อนแต่อย่างใดและลั่วเซ่าเชินเองก็ไม่ได้ทำให้เสียวอวี่ตกใจตื่น
คุณแม่ลั่วมองเห็นเด็กน้อยก็ถามขึ้นว่า “อาเซิน นี่คือ?” เธอถามอย่างตื่นเต้นขึ้นมาทันที คงไม่ใช่อย่างที่เธอคิดหรอกใช่ไหม เพราะนอกจากเรื่องนี้ที่ลั่วเซ่าเชินอยากจะบอกแล้ว เธอก็คิดเรื่องอื่นไม่ออกแล้ว
“แม่ครับ นี่คือลูกของผมกับโจวโจวครับ ชื่อเล่นว่าเสียวอวี่ ส่วนชื่อจริงยังไม่ได้ตั้งครับ”
“เด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิง” คุณพ่อลั่วต้องการที่จะรู้ให้ชัดเจน เสียวอวี่เด็กน้อยคนนี้เดิมทีดูไม่เหมือนเด็กผู้หญิง แต่เขาก็ยังไม่วางใจอยู่ดีจึงอยากรู้คำตอบให้แน่ใจ
“เด็กผู้ชายครับ ตอนนี้อายุหนึ่งขวบแล้ว” ถังโจวโจวนั่งลงบนโซฟา รับลูกชายมาจากอ้อมแขนของลั่วเซ่าเชิน เสียวอวี่นอนหลับมานานแล้วเธอกลัวว่าคืนนี้ลูกจะงอแง ดังนั้นจึงปลุกให้เขาตื่น
“ลูกรัก ตื่นได้แล้ว พวกเราถึงกันแล้ว” ถังโจวโจวปลุกลูกเบาๆ เมื่อเสียวอวี่ถูกผู้เป็นแม่ปลุก ดวงตาเล็กๆ จึงค่อยๆ เปิดออก เมื่อมองเห็นผู้คนในห้องจึงรีบจับเสื้อของผู้เป็นแม่ไว้อย่างตระหนก
คุณแม่ลั่วทนมองต่อไปไม่ได้ “หลานฉันนอนหลับอยู่ดีๆ เธอปลุกให้หลานฉันตื่นทำไม” ถ้าเมื่อครู่ไม่ทะเลาะกับถัวโจวโจวอยู่ คุณแม่ลั่วก็คิดจะไปแย่งหลานชายในอ้อมแขนของลูกสะใภ้มาเสีย
คุณพ่อลั่วแค่ได้ยินคำว่าหลานชายสองคำนี้ก็หัวเราะขึ้นมา “ฮ่าๆ ดี ในที่สุดตระกูลลั่วของเรามีหลานชายแล้ว โจวโจว ฉันชอบจริงๆ”
คุณแม่ของลั่วสังเกตอาการดีใจของคุณพ่อลั่วแล้ว หลังจากนี้ถังโจวโจวก็จะเป็นสมาชิกของครอบครัวแล้ว มีเสียวอวี่ขึ้นมาอีก ใครจะไล่เธอออกไปได้ แม้แต่คุณแม่ลั่วเองก็ทำไม่ได้ หลังจากที่คุณพ่อลั่วยอมรับถังโจวโจวแล้ว คุณแม่ลั่วก็พูดอะไรไม่ได้อีกต่อไป
“เหวินอวี่ นี่…”
“ทำไม หลานชายก็มีแล้ว หรือคุณยังมีความเห็นอะไรอีก”
“ไม่มี ไม่มี” คุณแม่ลั่วไม่กล้าออกความเห็น สิ่งที่ตั้งตารอมาหลายปี ในที่สุดหลานชายก็ได้มาแล้ว ยังไม่ทันได้เชยชมแล้วจะไล่ออกไปได้ยังไง
ตอนที่ 413 จ้องมองอย่างเหม่อลอย
เมื่อถึงเวลารับประทานอาหาร ถังโจวโจวก็ย้ายเก้าอี้ตัวสูงเข้ามาและวางเสียวอวี่ไว้ด้านบน หลังจากนั้นก็วางถ้วยและช้อนไว้ที่ด้านหน้าของเขา คุณแม่ลั่วและคุณพ่อลั่วมองเธออย่างประหลาดใจ “โจวโจว นี่เธอจะทำอะไร”
“อ๋อ ตอนนี้เสียวอวี่ควรเรียนรู้ที่จะกินข้าวด้วยตัวเองแล้วค่ะ หนูเลยให้เขาทานเอง” ถังโจวโจวเชื่อมาตลอดว่าเวลาที่ควรจะโอ๋ก็โอ๋ เวลาที่ควรเข้มงวดก็ต้องเข้มงวด เด็กผู้ชายไม่ควรโอ๋เขามากเกินไป
“ตอนนี้ยังไม่เด็กเกินไปเหรอ หรือเธอไม่มีเวลาป้อน ให้ฉันทำเองดีกว่า” คุณแม่ลั่วรีบคว้าโอกาสที่หาได้ยากนี้เพื่อที่จะได้ใกล้ชิดกับหลานทันที ไม่คาดคิดว่าหลานที่ยังเล็กของเธอ ถังโจวโจวจะให้ทานอาหารด้วยตัวเอง แม่แบบนี้มันหมาป่าชัดๆ
“ไม่ต้องหรอกค่ะคุณแม่ เสียวอวี่เก่งมาก เขาต้องทำได้แน่นอน เด็กผู้ชายไม่ควรโอ๋มากไปนะคะ” ถังโจวโจวไม่สนใจคำพูดของคุณแม่ลั่ว ถ้าอยากจะป้อนจริงๆ เธอคงลงมือทำเองไปแล้ว ยังต้องให้คุณแม่ลั่วมาเตือนอีกหรือ
ลั่วเซ่าเชินเองก็ช่วยเธอพูดอยู่ข้างๆ “แม่ครับ แม่ไม่ต้องกังวลนะครับ โจวโจวมีเหตุผลของเธอครับ ต่อไปเสียวอวี่จะเป็นทายาทของตระกลูลั่วของพวกเรา สิ่งที่ควรเรียนรู้ก็ต้องเรียน สิ่งที่ควรทำก็ต้องทำครับ”
“แต่ก็ไม่ต้องเริ่มตั้งแต่ยังเล็กขนาดนี้ไหม” ดูจากท่าทางของคุณแม่ลั่วแล้ว เหมือนยังคิดว่าเสียวอวี่กำลังถูกลงโทษอยู่อย่างนั้น
ถังโจวโจวก้มศีรษะลง แสดงให้เสียวอวี่เห็นว่าจับช้อนยังไง ตักอาหารเข้าปากยังไง แสดงให้ดูไม่กี่ครั้ง เสียวอวี่ก็สามารถเลียนแบบและเริ่มทานอาหารด้วยตัวเองได้แล้ว
คุณแม่ลั่วเห็นเสียวอวี่เรียนรู้ที่จะทานอาหารด้วยตัวเองได้ รอยยิ้มพลันเกินขึ้นบนใบหน้าทันที “เสียวอวี่เก่งจริงๆ ตัวเล็กแค่นี้ก็กินข้าวด้วยตัวเองเป็นแล้ว ย่าดีใจมากเลย”
ถังโจวโจวเห็นว่าลูกกินได้แล้ว นอกเหนือจากนี้บางครั้งก็ให้เขาทานพวกผักด้วย เวลาที่เหลือจะไม่ห้ามเขา แม้ทุกครั้งที่ทานอาหารเสียวอวี่จะเอาอาหารเข้าปากได้น้อยกว่าที่หล่นลงบนโต๊ะ แต่ถังโจวโจวก็พูดเป็นกำลังใจ ไม่ได้ต่อว่า
“เก่งมากลูกรัก กินให้เยอะอีกหน่อยลูก ต่อไปจะได้กินด้วยตัวเองได้ทุกอย่าง” ถังโจวโจวมองเห็นเสียวอวี่มีพัฒนาการไปในทางที่ดีก็รู้สึกว่าทั้งแรงกายแรงใจที่มอบให้ลูกชายของตนเองไปสร้างความภาคภูมิใจให้เธอเป็นอย่างมาก
แน่นอนว่าถังโจวโจวก็ไม่ได้ลืมทางด้านของลั่วอิง พอคุณแม่ลั่วรู้ว่าเสียวอวี่คือหลานของเธอ ความสนใจในตัวลั่วอิงก็ลดน้อยลงกว่าเมื่อก่อนมาก
ตอนนี้ไม่มีใครตักอาหารให้ลั่วอิงเลย แต่ลั่วอิงกลับเอาแต่เฝ้ามองเสียวอวี่อย่างน่าสงงสาร ถังโจวโจวเห็นเธอเป็นแบบนี้ก็ไม่ชินจึงเอ่ย “ลั่วอิง แม่โจวโจวตักน่องไก่ให้หนูดีไหมคะ”
“ค่ะ ขอบคุณค่ะแม่โจวโจว” ลั่วอิงรับรู้ได้ถึงความใส่ใจจากถังโจวโจว ก่อนหน้านี้ยังรู้สึกเสียใจอยู่บ้างแต่ก็สบายใจขึ้นมาเล็กน้อย แม่โจวโจวยังปฏิบัติต่อเธอเหมือนเช่นเมื่อก่อน คุณปู่คุณย่าชอบน้องชายก็ไม่เป็นไร เพราะเธอเองก็ชอบน้องชายเหมือนกัน
ลั่วเซ่าเชินเองก็สังเกตเห็นเหตุการณ์ทางด้านนี้ เขาจึงตักผักวางลงในถ้วยของผู้เป็นลูกสาว “กินแต่เนื้อไม่ได้นะ ต้องกินผักด้วย อย่างนี้จะทำให้โตไว”
ครั้งนี้ลั่วอิงไม่ได้เอาแต่ก้มหน้าอีกต่อไป “ค่ะพ่อ”
ถังโจวโจวดูแลลูกสองคนจนยุ่งไปหมด คุณพ่อลั่วคุณแม่ลั่วทุ่มความสนใจส่วนใหญ่ไปที่เสียวอวี่ ถ้าเสียวอวี่ใช้ช้อนตักอาหารเข้าปาก ทั้งสองคนก็จะปรบมือเหมือนตัวเองทำสำเร็จเองอย่างนั้น
“พ่อครับ แม่ครับ รีบทานข้าวเถอะครับ” ลั่วเซ่าเชินที่ทนดูไม่ได้พูดขึ้น พวกท่านไม่ต้องทำแบบนี้ก็ได้ ไม่ควรเลือกปฏิบัติแบบนี้ ลั่วอิงเองก็เป็นหลานสาวของพวกท่านเหมือนกัน ลั่วเซ่าเชินเตือนด้วยความหวังดีเพราะกลัวลั่วอิงจะคิดมาก
“ไม่เป็นไร ว้าว เสียวอวี่กินอีกคำนึงแล้ว” ตอนนี้ใจคุณพ่อลั่วคุณแม่ลั่วมีแต่หลานชาย รู้สึกว่าไม่ต้องทานอาหารแล้วก็ได้
ลั่วเซ่าเชินโน้มน้าวพ่อแม่ไม่สำเร็จก็ทำได้แค่นั่งกินข้าวของตัวเองต่อไป รอจนเสียวอวี่กินอิ่มแล้วบนโต๊ะก็เลอะเทอะไปหมด
ถังโจวโจวเองก็เริ่มอิ่มแล้วเช่นกัน “คุณพ่อคะ คุณแม่คะ พวกเราอิ่มแล้วนะคะ”
เธออุ้มเสียวอวี่ลุกออกจากโต๊ะไป “หนูจะพาเสียวอวี่ไปที่ห้องรับแขก คุณพ่อคุณแม่ทานข้าวเถอะค่ะ” คุณพ่อลั่วคุณแม่ลั่วทานอาหารไปได้ไม่กี่คำ ลั่วอิงและลั่วเซ่าเชินก็กินเกือบจะเสร็จแล้ว
รอจนลั่วอิงลุกออกจากโต๊ะอาหาร ความอดทนของลั่วเซ่าเชินที่มีต่อพ่อแม่ของตัวเองก็หมดลง “พ่อครับ แม่ครับ ยังไงเสี่ยวอวี่ก็ไม่หนีไปไหนอยู่แล้ว พ่อกับแม่ไม่เห็นต้องรีบทานขนาดนี้ก็ได้นะครับ”
ตอนที่ 410 คับแค้นใจ
แม่ของลั่วเซ่าเซินประหลาดใจเป็นอย่างมาก เมิ่งชิงซีไม่บอกกล่าวกันสักคำก็หายตัวไปไหนก็ไม่รู้ แม่ของลั่วเซ่าเซินเพิ่งจะรู้ก็ตอนที่เธอมาหาหลังจากที่ไม่ได้มานานมากแล้วว่าเธอหายไปนานพอดู ไม่อย่างนั้นคงไม่รู้สึกว่าความจริงแล้วการมีตัวตนของเมิ่งชิงซีเองก็ไม่สำคัญเท่าไรนัก
เมิ่งชิงซีเห็นแม่ของลั่วเซ่าเซินให้ความสำคัญกับเธอช้าไปสักหน่อย ในใจก็โมโหเป็นอย่างมาก ถ้าให้ความสำคัญกับเธอจริง จะมีเหรอที่จะไม่โทรมาหาเลยสักครั้ง? ตอนนี้เสแสร้งพูดจาอย่างนี้กับเธอแล้วทำให้เธอหวั่นไหวได้งั้นเหรอ ฝันไปเถอะ!
ใจของเมิ่งชิงซีไม่หลงกลกับมุกแบบนี้หรอก น่าเสียดายที่ไม่อาจดึงหน้าใส่แม่ของลั่วเซ่าเซินได้ “คุณป้าคะ หนูไปต่างประเทศมาน่ะค่ะ ช่วงนี้พี่เซ่าเซินไม่ได้มาหาคุณป้าบ้างเหรอคะ”
เมิ่งชิงซีรู้อยู่แก่ใจแต่ก็ยังจงใจถาม เธอรู้ว่าลั่วเซ่าเซินไปประเทศ H ไม่มีทางมีเวลามาหาแม่ของเขาแน่ แต่กลับพูดถึงเขาต่อหน้าเธอ จุดประสงค์แรกก็เพื่อสอบถามความเป็นไป จุดประสงค์ที่สองเพื่อตักเตือนแม่ของลั่วเซ่าเซินว่าวันนี้เธอตั้งใจมาหาหล่อน นี่ทำให้ดูว่าเธอดีกับแม่ของลั่วเซ่าเซินขนาดไหน
ตอนนี้สิ่งที่เมิ่งชิงซีเป็นกังวลก็คือ ลั่วเซ่าเซินกลับมาแล้วหรือยัง แล้วเขากลับมากับใคร?
“ไม่ต้องพูดถึงหรอก ชิงซีดีกว่าอยู่แล้วละจ้ะ เซ่าเซินน่ะเหรอ หลายเดือนที่ผ่านมาไม่เห็นเงาเขาเลยด้วยซ้ำ”
ไม่ต้องพูดถึงเหรอ? มิน่าล่ะแม่ของเขาถึงได้พร่ำต่อว่า ลูกชายไม่ได้มาหาเธอสองสามเดือนแล้ว เธอเองก็ไม่ได้โทรไปถาม เขาก็ทำเหมือนกับว่าไม่มีแม่อย่างเธอ ไม่โทรมาหาเลยสักครั้ง น่าผิดหวังเสียจริง
“คุณป้าคะ พี่เซ่าเซินคงจะมีธุระน่ะค่ะ…”
“ธุระอะไรกันล่ะ? เรื่องใหญ่ขนาดไหนจะสำคัญไปกว่าคนเป็นแม่ได้อย่างไร ในเมื่อเขาไม่มาดูป้า ป้าเองก็จะถือเสียว่าตัวเองไม่มีลูกคนนี้”
เมิ่งชิงซีรู้ว่าเป็นเพียงอารมณ์โกรธชั่วครู่เท่านั้น ก็ไม่ได้คิดเป็นจริงเป็นจัง หากแม่ของลั่วเซ่าเซินปล่อยลูกชายของเธอได้จริงๆ ถ้าอย่างนั้นก็ไม่รู้แล้วว่าพระอาทิตย์จะไปขึ้นทางทิศไหน คนคงพากันตกตะลึง
“คุณป้าคะ พี่เซ่าเซินจะลืมคุณป้าได้ยังไงกันล่ะคะ ไม่ว่าเขาจะลืมใครไปก็ไม่มีทางลืมแม่ที่เลี้ยงดูเขามาได้หรอกค่ะ อาจจะเป็นไปได้ว่าช่วงนี้กำลังยุ่งๆ อยู่”
เมิ่งชิงซีได้รับคำตอบที่ตนเองต้องการแล้ว เธอจึงไม่มีความอดทนที่จะรับมือกับแม่ของลั่วเซ่าเซินอีกต่อไป วันๆ ก็คิดแต่ว่าลูกชายจะมาหาเธอ ทำไมถึงไม่โทรไปหาพี่เซ่าเซินก่อนล่ะ หรือว่าพูดอย่างเดียวแต่ไม่ได้ทำ?
“ชิงซี ถ้าป้ามีลูกสาวอย่างหนูสักคนจะดีแค่ไหนกันนะ”
ความหดหู่อย่างเช่นที่ผ่านมา น่าเสียดายที่ทั้งหมดนี้แม่ของลั่วเซ่าเซินพูดไปอย่างนั้นเอง เมิ่งชิงซีเชื่อว่าถ้าแม่ของลั่วเซ่าเซินได้ลูกสาวขึ้นมาจริงๆ เธอจะต้องไม่หัวเราะอย่างไม่ใส่ใจอย่างเช่นตอนนี้แน่ แต่จะกำลังคิดอยู่ว่าจะทำอย่างไรให้ตระกูลลั่วมีทายาทสืบสกุล
“คุณป้า ตอนนี้หนูก็ถือเป็นลูกสาวคุณป้านี่คะ” เมิ่งชิงซีซบหน้าลงบนหน้าอกของคุณป้า เพียงแต่ในมุมที่แม่ของลั่วเซ่าเซินมองไม่เห็น สีหน้าของเธอแปรเปลี่ยนเป็นมืดมน
เมิ่งชิงซีได้ยินสิ่งที่ตัวเองปรารถนาก็ไม่คิดที่จะนั่งอยู่นาน มาทักทายแม่ของลั่วเซ่าเซินแล้ว ก็ออกมาจากคฤหาสน์ลั่ว เห็นสายตาอาลัยอาวรณ์ของคุณป้า เธอจะแทบจะอาเจียนออกมา
ผู้หญิงคนนี้ไม่ชอบเธออย่างที่หล่อนแสดงออกบนใบหน้า ถ้าเธอชอบจริงๆ ละก็ ทำไมจะไม่พิจารณาถึงความรู้สึกของเธอบ้าง เอาแต่สนใจความรู้สึกของตัวเองแค่ฝ่ายเดียว
เมิ่งชิงซียิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าความคิดแม่ของลั่วเซ่าเซินช่างร้ายกาจนัก เหมือนกับที่หล่อนอยากให้เธอเป็นสะใภ้ของตระกูลลั่ว ไม่ใช่เพราะคุณป้าไม่ชอบถังโจวโจวหรอกหรืออย่างไร ถึงได้ยอมให้เธอใช้โอกาสนี้ได้
แม่ของลั่วเซ่าเซินเห็นว่าในบ้านเหลือเธออยู่แค่คนเดียว ในที่สุดก็ทนไม่ไหวโทรไปหาลั่วเซ่าเซิน “เซ่าเซิน ตอนนี้ลูกอยู่ที่ไหน”
ต่อให้รู้ว่าถังโจวโจวสำคัญสักเท่าไร เธอก็ยังเป็นแม่ที่คลอดเขาออกมาอยู่ดี ทำไมถึงได้มองข้ามเธอไปล่ะ?
ความจริงแล้วพ่อของลั่วเซ่าเซินเองก็ติติงพฤติกรรมของลูกชายเขาอยู่บ้าง เขาไม่เชื่อคำพูดเพ้อเจ้ออย่างการยุ่งกับบริษัท ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยเข้าบริษัทเสียหน่อย แต่ถ้ามีแก่ใจจริงๆ ก็ไม่ทางให้เรื่องในบริษัทเกี่ยวพันตัวเองทั้งวันได้หรอก
“อยู่บ้านเหรอ เมื่อไหร่จะกลับมาบ้างล่ะ”
ตอนที่ 411 ถังโจวโจวกลับมายังคฤหาสน์ลั่ว
“พรุ่งนี้เหรอ? ได้สิ แม่จะให้แม่บ้านจ้าวจัดเจรียมไว้ให้ดีเชียว ถึงเวลาลูกต้องกลับมาด้วยล่ะ”
หลังจากที่แม่ของเขาวางสายจากลั่วเซ่าเซิน อารมณ์ก็พลันดีขึ้นมาก รีบร้อนตะโกนเรียนให้แม่บ้านจ้าวออกมา บอกหล่อนว่าพรุ่งนี้ต้องทำกับข้าวอะไรบ้าง ประเด็นสำคัญคือต้องทำอาหารที่ลูกชายของเธอโปรดปราน
แม่บ้านจ้าวได้ยินว่าลั่วเซ่าเซินจะกลับมาก็รีบตอบรับทันที เดิมทีเธอก็ปฏิบัติกับลั่วเซ่าเซินอย่างลูกหลาน คราวนี้เขาไม่ได้กลับมานานแล้ว แม่บ้านเจ้าเองก็คิดถึงเขามาก จะต้องลงมือทำอาหารให้อร่อยทุกจานเลย
ลั่วเซ่าเซินจบบทสนทนากับแม่ของเขา บอกข่าวเรื่องที่พรุ่งนี้จะไปยังคฤหาสน์ลั่วให้ถังโจวโจวฟัง ถังโจวโจวนิ่งอึ้งไปเล็กน้อย พ่อกับแม่ของลั่วเซ่าเซิน! สำหรับเธอแล้วเป็นความทรงจำอันแสนห่างไกล ในเมื่อไม่ได้เจอกันมานานขนาดนี้ ถังโจวโจวจึงรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองจะได้ไปเจอกับผู้ปกครองเป็นครั้งแรก ใจเต้นตุบๆ ไม่เป็นจังหวะ
“โจวโจว ไม่ต้องกลัวนะ ถึงเวลาผมจะปกป้องคุณเอง”
ลั่วเซ่าเซินเสริมความมั่นใจให้กับเธอ เขาจะไม่ยอมให้แม่ของเขาก่อความวุ่นวายอีก เรื่องก่อนหน้านี้ได้ผ่านไปแล้ว ตอนนี้เสี่ยวอวี่เองก็กลับมาพร้อมกับภรรยาของเขาด้วย ต่อให้พ่อแม่ไม่เห็นแก่หน้าเขา แต่ก็ต้องเห็นแก่หน้าของเสี่ยวอวี่บ้าง
“โธ่ มีอะไรน่ากลัวกันคะ ยังมีเสี่ยวอวี่เป็นยันต์คุ้มภัยอยู่ทั้งคน!” ถังโจวโจวและลั่วเซ่าเซินคิดไปในทางเดียวกัน พวกเขาเชื่อว่า พ่อแม่ของลั่วเซ่าเซินได้เห็นเสี่ยวอวี่ อะไรที่ไม่ได้ดั่งใจทั้งหลายก็จะมลายหายไป เสน่ห์ของหลานชายแข็งแกร่งขนาดนั้นเชียวละ
วันรุ่งขึ้นลั่วเซ่าเซินพาทั้งครอบครัวไปยังคฤหาสน์ลั่วอย่างที่นัดหมายกับแม่ของเขาเอาไว้ เมื่อได้ยินเสียงรถยนต์ดังขึ้นจากด้านนอก แม่ของลั่วเซ่าเซินก็รีบโผออกไป เมื่อเห็นลั่วเซ่าเซินลงจากรถจึงร้องตะโกนด้วยความตื่นเต้นดีใจ “อาเซิน ในที่สุดลูกก็กลับมาหาแม่เสียที”
“แม่ครับ อย่าเพิ่งรีบร้อนไป” ลั่วเซ่าเซินเดินไปยังประตูหลัง แม่ของเขาเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง ยังมีหลานสาวของเธอนี่นะ เธอเงยหน้าขึ้นมองอย่างคาดหวัง เพียงแต่รอให้คนที่อยู่ในรถปรากฏตัว
ใครจะรู้ว่าจะได้เห็นเท้าของหญิงสาวคนหนึ่งโผล่ออกมา รอจนกระทั่งก้าวออกมาจากข้างกายลั่วเซ่าเซินทั้งตัว แม่ของเขาก็ร้องอย่างไม่อยากเชื่อ “ถังโจวโจว! เธอกลับมาได้ยังไง?”
“คุณแม่ ไม่เจอกันนานเลยนะคะ” ถังโจวโจวทักทายอย่างสุภาพและเปิดเผย เห็นความประหลาดใจในสายตาของแม่สามี เธอก็รู้สึกได้ว่าก่อนหน้านี้คิดมากเกินไป เธอไม่จำเป็นต้องตื่นเต้นตกใจเลย เพราะว่าคนที่ตกใจควรจะเป็นคนอื่นมากกว่า
รอจนกระทั่งถังโจวโจวอุ้มเสี่ยวอวี่ลงจากรถแล้ว ลั่วอิงถึงได้ก้าวไล่หลังตามเธอออกมา “คุณย่า!”
แม่ของลั่วเซ่าเซินเห็นลั่วอิง ในที่สุดก็คืนสติกลับมา พยักหน้าให้ เห็นในมือของถังโจวโจวอุ้มผ้าห่มเอาไว้ อย่างกับว่าอุ้มใครอยู่ นี่มันเรื่องอะไรกัน?
“แม่ครับ พวกเราเข้าไปกันก่อนเถอะนะครับ โจวโจว ให้ผมเป็นคนอุ้มนะ”
“ได้ค่ะ” ถังโจวโจววางเสี่ยวอวี่ลงที่บริเวณข้อมือของลั่วเซ่าเซิน เมื่อสักครู่เด็กน้อยเผลอหลับไปบนรถอีกแล้ว ถังโจวโจวจึงถือโอกาสให้เขานอนต่อไป รอให้เขานอนอิ่มแล้วตื่นขึ้นมาเอง
ตอนที่ลั่วเซ่าเซินรับเด็กมา แม่ของเขาพบว่าภายในผ้าห่มห่อหุ้มเด็กตัวเล็กเอาไว้ นี่มันเรื่องอะไรกัน?
คนทั้งหมดเข้าไปให้ตัวอาคาร แม่บ้านจ้าวเห็นลั่วเซ่าเซินกลับมา แล้วยังเห็นถังโจวโจวที่ตามมาติดๆ จึงร้องออกมาด้วยความยินดี “คุณชาย คุณนาย ในที่สุดคุณก็กลับมาแล้วนะคะ!”
“แม่บ้านจ้าว ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ” ถังโจวโจวพบว่าเมื่อเปรียบเทียบกับแม่สามีของเธอแล้ว เธอมีความผูกพันกับแม่บ้านจ้าวมากกว่า ตอนที่เธอได้รับความยากลำบากอยู่ที่บ้านหลังนี้ แม่บ้านจ้าวเป็นคนช่วยเหลือเธออยู่เงียบๆ ถังโจวโจวจะจดจำความช่วยเหลือของเธอไปทั้งชีวิต
ถังโจวโจวอดใจไม่ไหว โผเข้าไปกอดแม่บ้านจ้าวยกใหญ่ ในใจของแม่บ้านจ้าวเองก็ตื่นเต้นดีใจ เพียงแต่ว่ายังต้องคำนึงถึงสีหน้าของคุณผู้หญิงด้วย
หลังจากที่เธอกอดกับถังโจวโจวแล้วก็รีบร้อนเอ่ยขึ้นว่า “ดิฉันไปทำอาหารให้พวกคุณในครัวก่อนนะคะ โจวโจวกลับมาก็ไม่บอกฉันสักคำ ถ้ารู้ฉันก็จะซื้ออาหารที่คุณชอบมาด้วย”
“แม่บ้านจ้าว รีบไปทำงานของเธอเข้าเถอะ” แม่ของลั่วเซ่าเซินขัดหูขัดตาความสนิทชิดเชื้อของแม่บ้านจ้าวกับถังโจวโจว ในใจของเธอก็ยิ่งเกลียดชังถังโจวโจวมากยิ่งขึ้น
“ถังโจวโจว ทำไมเธอยังกลับมาที่นี่อีกล่ะ” แม่ของลั่วเซ่าเห็นถังโจวโจวก็พลันรู้สึกว่าบรรยากาศดีๆ ที่มีอยู่เดิมหายไปหมด ถ้ารู้ก่อนว่าถังโจวโจวกลับมา เรื่องอะไรเธอจะต้องสิ้นเปลืองจิตใจรอให้ต้องรู้สึกเสียหน้าต่อหน้าหล่อนด้วย?
ตอนที่ 408 ไม่มีชีวิตชีวา
วันต่อมา ถังโจวโจวกับลั่วเซ่าเซินพาเด็กๆ ทั้งสองคนไปเยี่ยมเยียนพ่อแม่ของถังโจวโจว เมื่อแม่ของโจวโจวเห็นถังโจวโจวปรากฎตัวขึ้นที่หน้าประตู อีกทั้งยังเรียกเธอว่าแม่อย่างคุ้นเคย น้ำตาของเธอก็ไหลรินลงมาอย่างไม่อาจควบคุมได้
“โจวโจว ลูกกลับมาแล้วเหรอ พ่อ รีบออกมาเร็วเข้า ลูกสาวของเรากลับมาแล้วนะ”
แม่ของถังโจวโจวเห็นถังโจวโจวที่ดูคุ้นตา ก็เอ่ยถามเธอเบาๆ ว่า “โจวโจว ลูกฟื้นความทรงจำแล้วใช่หรือเปล่า” ภายในใจของเธอค่อนข้างเป็นกังวล แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าควรพูดคำพูดนี้ออกมาหรือไม่ เพียงแต่ว่าเจอถังโจวโจวคราวนี้ มีความรู้สึกคุ้นเคยบางอย่างเกิดขึ้น
“แม่คะ หนูกลับมาแล้วค่ะ คราวนี้จะไม่ไปไหนอีกแล้ว ก่อนหน้านี้หนูทำให้พ่อแม่ต้องเสียใจ” ถังโจวโจวละอายแก่ใจกับพฤติกรรมของตัวเองก่อนหน้านี้ แต่เรื่องก็ผ่านไปนานแล้ว ไม่ว่าตอนนี้ภายในใจของเธอจะรู้สึกผิดกับพ่อแม่ของตัวเองอย่างไร ก็ไม่มีทางย้อนเวลากลับไปได้อยู่ดี
แม่ของเธอเห็นสายตาเศร้าสร้อยของเธอแล้วมีหรือว่าจะไม่รู้ว่าในใจเธอคิดอะไรอยู่ “โจวโจว แม่จะโทษลูกได้ยังไงกัน เซ่าเซิน แม่ตื่นเต้นน่ะจ้ะ อย่าไปใส่ใจเลยนะ เข้ามาเถอะ”
พ่อของถังโจวโจวได้ยินว่าภรรยาเรียกหาก็รีบรุดออกมา ก็พลันได้เห็นว่าที่แท้เป็นพวกถังโจวโจวนี่เอง “โจวโจวกลับมาแล้ว”
“พ่อคะ หนูกลับมาแล้วค่ะ จะไม่ไปไหนอีกแล้วนะคะ ก่อนหน้านี้หนูเป็นคนผิดเอง หนูไม่ควรทำ…”
“โจวโจว เรื่องในอดีตก็ผ่านไปแล้วนะ ขอแค่ทุกคนในครอบครัวต่างเป็นสุข พ่อกับแม่ของลูกไม่โทษใครทั้งนั้น” แม่ของโจวโจวเห็นว่าพวกถังโจวโจวยืนกันอยู่ข้างนอกก็รีบร้อนให้สามีดึงตัวลั่วเซ่าเซินเข้ามา ส่วนตัวเองรับเสี่ยวอวี่มาจากอ้อมแขนของถังโจวโจว
“เด็กดีของยาย กลับมาแล้วนะ ลั่วอิง หลานเองก็รีบมาหายายเร็วๆ เข้า ยายจะพาไปกินอะไรอร่อยๆ”
“คุณ รีบไปเอาผลไม้กับขนมมาสิ ให้ลั่วอิงเลือกเองเลย”
“คุณยาย คุณตา ลั่วอิงไม่กินอะไรหรอกค่ะ” ลั่วอิงดึงชายเสื้อของคุณยาย เห็นน้องชายพาดตัวพ่นฟองอยู่ที่ไหล่ของคุณยาย เธอมีเหตุผลถึงได้ไม่อยากกินอะไร
ดูเหมือนว่าวันนี้เสี่ยวอวี่จะท้องเสียอยู่บ้าง เขาเห็นว่าลั่วอิงกำลังกินอะไรอยู่ก็อยากเข้าไปร่วมวงด้วย เพราะอย่างนั้นลั่วอิงจึงไม่กล้ากินอะไรทั้งนั้น กลัวว่าอีกเดี๋ยวเสี่ยวอวี่จะรู้สึกน้อยใจ
พ่อของถังโจวโจวยกผลไม้กับขนมกินเล่นออกมา เห็นว่าลั่วอิงไม่เอื้อมมือออกมาจริงๆ มองลั่วเซ่าเซินด้วยความไม่เข้าใจ “วันนี้เด็กคนนี้เป็นอะไรไปนะ แม้แต่ผลไม้ที่ตัวเองชอบกินเป็นที่สุดก็ไม่ยอมแตะเลย”
ไม่โทษที่แม่ของถังโจวโจวจะรู้สึกไม่สบายใจ ความจริงแล้วก่อนหน้านี้ลั่วเซ่าเซินและถังโจวโจวเองก็ไม่เข้าใจเช่นเดียวกัน ต่อมาได้ยินลั่วอิงเอ่ยขึ้นมาเองถึงได้เข้าใจ
“แม่คะ อย่าเป็นกังวลไปเลยค่ะ เธอนึกถึงน้องชายน่ะค่ะ วันนี้เสี่ยวอวี่ไม่สบายท้องนิดหน่อย เธอกลัวว่าอีกเดี๋ยวเธอกินอะไรแล้วเสี่ยวอวี่จะอดใจไม่ไหว ก็เลยไม่กินเสียเอง”
“เป็นอย่างนี้นี่เอง! ลั่วอิงเป็นพี่สาวที่ดีจังเลยนะ ยังเด็กขนาดนี้ก็รู้จักดูแลเอาใจใส่ความรู้สึกของน้องชายเสียด้วย” ใจหนึ่งแม่ของถังโจวโจวก็รู้สึกว่าลั่วอิงเป็นที่น่าพอใจ อีกใจหนึ่งก็รู้สึกว่าอย่างนี้ก็ไม่ยุติธรรมกับเธอเท่าไรนัก ไม่ให้เสี่ยวอวี่กินอะไรก็เป็นอันใช้ได้แล้ว จะลิดรอนสิทธิ์ในการกินของลั่วอิงไม่ได้สิ
“แม่คะ อย่าร้อนใจไปเลยค่ะ แค่ไม่กินขนมไม่กี่วันเท่านั้นเอง ลั่วอิงทนได้ค่ะ”
เพิ่งจะเอ่ยประโยคนี้จบ ทางฝ่ายเสี่ยวอวี่ก็งอแงขึ้นมา แม้ว่าเขาอาจจะจำแม่ของถังโจวโจวได้ แต่ว่าวันนี้ไม่ค่อยสบายตัวนัก เสี่ยวอวี่ค่อนข้างติดแม่ ฉะนั้นคุณยายอุ้มเขาอยู่ได้สักพักก็อยากกลับไปอยู่ข้างกายถังโจวโจวเสียแล้ว
“เป็นอะไรไปล่ะ? เด็กดีของยาย อย่าร้องไห้เลยนะ อยากให้แม่อุ้มเหรอจ๊ะ” เห็นเสี่ยวอวี่ยื่นมือเข้าหาถังโจวโจว คุณยายถึงได้เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ที่แท้เขาก็คิดถึงแม่แล้วนี่เอง!
“แม่คะ ให้หนูอุ้มเขาเองเถอะค่ะ” แม่ของเธอให้เธอรับช่วงต่อ ส่วนตัวเองไปชงชาให้ลั่วเซ่าเซินในห้องครัว
“เสี่ยวอวี่เด็กดี แม่อุ้มอยู่ไงคะ ลูกนี่ก็จริงๆ เลยนะ คุณยายอุ้มเดี๋ยวเดียวจะเป็นอะไรไปล่ะ” ถังโจวโจวเพียงแต่พร่ำพูดไปเท่านั้นเอง เธอรู้ว่าวันนี้เสี่ยวอวี่ไม่สบายตัว จึงใส่ใจเขาให้มากขึ้นอีกหน่อย
เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น ทั้งๆ ที่เมื่อวานก็ยังดีอยู่แท้ๆ หรือเพราะว่ายังปรับตัวไม่ได้กันนะ? แต่ว่าคราวก่อนที่กลับมาก็ไม่มีปัญหานี้เสียหน่อยนี่นา
เดิมทีถังโจวโจวอยากพาเขาไปตรวจเช็คที่โรงพยาบาล แต่เห็นว่าเสี่ยวอวี่เพียงแค่ดูไม่มีชีวิตชีวา ไม่ได้ตัวร้อนหรือว่าอาการอื่นๆ ถึงได้ล้มเลิกความคิดนี้ไป
ตอนที่ 409 พ่อเป็นใคร?
“ได้ไปตรวจที่โรงพยาบาลหรือยัง” แม่ของโจวโจวได้ยินว่าเสี่ยวอวี่ไม่สบาย ใจก็พลันนึกขึ้นมาได้ เสี่ยวอวี่ยังอายุไม่ครบสามขวบ กลัวว่าจะเจ็บป่วยอะไรขึ้นมา ถึงเวลาจะรับมือไม่ไหว ฉะนั้นแม่ของถังโจวโจวถึงได้ดูลนลานอย่างนี้
“แม่คะ ไม่ต้องเป็นกังวลไปหรอกค่ะ ตอนนี้น่าจะดีขึ้นมากแล้ว ถึงจะดูไม่ร่าเริงเท่าไหร่ แต่ร่างกายก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรนะคะ” ถังโจวโจวเองก็เห็นว่าเสี่ยวอวี่เป็นได้เป็นอันตรายอะไร ถึงได้ล้มเลิกความคิดจะที่จะไปโรงพยาบาล
หลังจากนั้นแม่ของถังโจวโจวก็คอยจะดูแลทะนุถนอมเสี่ยวอวี่ทุกวิถีทาง หลานคนนี้ไม่เคยได้อยู่ข้างกายเธอมาก่อน ตอนนี้ยากลำบากถึงกลับมาได้ ซ้ำยังป่วยเสียอีก ทำให้แม่ของโจวโจวปวดใจแทนเขา
ถังโจวโจวเล่าเรื่องที่ตัวเองรู้ตัวแม่ที่แท้จริงของเธอแล้วให้พ่อกับแม่ฟัง พ่อแม่ของเธออดถอนใจไม่ได้ “โจวโจว ไหนๆ ลูกก็รู้แล้วว่าแม่ที่แท้จริงเป็นใคร ต้องเคารพเธอให้ดีเชียวนะ เธอเองก็ลำบากมาไม่น้อย”
พ่อแม่ของถังโจวโจวไม่คิดว่าเบื้องหลังของเสิ่นหลานอีจะมีเรื่องซับซ้อนขนาดนี้ ในฐานะคนที่เคยผ่านมาเช่นกัน พวกเขารับรู้ถึงความทุกข์ทรมานของเสิ่นหลานอีได้อย่างชัดเจน
เมื่อก่อนพวกเขาเองก็เคยคิดเหมือนกันว่า ใครกันแน่ที่เป็นคนเอาตัวถังโจวโจวไปไว้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ทั้งๆ ที่เป็นเด็กขาวผุดผ่องน่ารักแท้ๆ พ่อแม่คู่นี้ทำเธอลงคอได้อย่างไร
ตอนนี้ถึงได้รู้ว่าเสิ่นหลานอีเองก็ตกอยู่ในภาวะสุดวิสัยหลายอย่าง “โจวโจว แม่ของลูกจะกลับมาที่ประเทศนี้หรือเปล่า”
“ไม่รู้เหมือนกันค่ะ แม่เธอไม่ได้พูดอะไร แม่คะ วางใจเถอะนะคะ ต่อให้แม่กลับประเทศมา หนูก็ไม่ลืมพ่อกับแม่หรอกค่ะ” ถังโจวโจวคิดไปเองว่าพ่อกับแม่กลัวว่าใกล้ชิดกับฝั่งนั้นแล้วจะลืมทางนี้ เธอจะทำอย่างนั้นได้อย่างไรกัน
ถึงแม้พ่อและแม่ของถังโจวโจวจะเป็นเพียงพ่อแม่ที่เลี้ยงดูเธอมา แต่ว่าบางครั้ง…จะพูดอย่างไรดีล่ะ พระคุณที่คลอดไม่เท่ากับพระคุณที่เลี้ยงดู คำพูดประโยคนี้เองก็มีเหตุผล
“แม่ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น เพียงแต่ไม่ได้ยินลูกพูดถึงพ่อของลูกเลย” พ่อของเธอมองถังโจวโจวด้วยความไม่สบายใจ หรือว่าพ่อแท้ๆ ของเธอไม่ได้อยู่กับแม่ของเธอกันนะ? อาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้
“แม่คะ ตอนนี้หนูยังไม่อยากพูดถึงเรื่องนั้น ถึงยังไงตอนนี้แม่ของหนูก็แต่งงานใหม่แล้ว อีกอย่างพ่อของหนู ตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้หนูก็ไม่เคยคิดทำความรู้จักกับเขาเลยค่ะ” ถังโจวโจวไม่อยากพูดถึงชื่อนั้น เธอรู้สึกตะขิดตะขวงใจ
“เอาเถอะ พ่อกับแม่ก็จะไม่ถามแล้วละ” ทั้งสองเอ่ยออกมาเป็นเสียงเดียวกัน
เป็นอย่างนี้ชีวิตก็ดีมากอยู่แล้ว เรื่องอะไรพวกเขาจะต้องทำให้ลูกสาวเป็นทุกข์ด้วย พ่อแม่ของโจวโจวเปิดใจคิดได้ ก็ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะคิดอย่างนั้น
…
ตั้งแต่ครั้งก่อนที่เมิ่งชิงซีมุทะลุขับรถชนถังโจวโจว เธอก็เพียงแต่พยายามหนีออกมาให้เร็วที่สุด รอจนกระทั่งเธอหวนคิดกลับไปถึงเหตุการณ์ตอนนั้นก็ร้อนใจเป็นอย่างมาก ตกลงว่าถังโจวโจวตายหรือเปล่า? ถ้ายังไม่ตาย ตอนนั้นถังโจวโจวจะเห็นเธอหรือเปล่า?
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ร่างกายของเมิ่งชิงซีก็สั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้ เธอจะไม่ยอมเข้าคุก เธอจะเป็นคุณนายลั่ว แล้วจะยอมให้ตัวเองมีจุดด่างพร้อยได้อย่างไร
เมิ่งชิงซีหลบอยู่ในบ้าน ไม่ไปที่บริษัท เพื่อนสนิทชวนเธอออกไปเดินช้อปปิ้งเธอก็ไม่ตอบข้อความ คนที่อยู่รอบตัวเมิ่งชิงซีต่างเป็นห่วงกับความผิดปกติของเธอเป็นอย่างมาก เธอออกไปคราวนี้ทำไมกลับมาแล้วถึงได้ทำตัวแปลกๆ นะ?
ทุกคนต่างคิดไม่ตกกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น อีกอย่างหลังจากที่เมิ่งชิงซีเซื่องซึมอยู่หลายวัน ไม่มีรายงานข่าวอะไรออกมา แล้วก็ไม่ได้มีอะไรแปลกไปจากเดิม เธอค่อยๆ ผ่อนคลายความทุกข์ในใจ ไม่แน่ว่าถังโจวโจวอาจจะตายไปแล้วก็ได้ ส่วนพวกเขาก็หาหลักฐานอะไรไม่เจอ เธอเองก็คงปลอดภัย
เมิ่งชิงซีกลับมาพบปะผู้คนในสังคมเหมือนอย่างเคย เธอออกจากบ้านได้ก็ไปเยี่ยมเยียนแม่ของลั่วเซ่าเซินเป็นคนแรก
มาถึงบ้านลั่ว พ่อแม่ของลั่วเซ่าเซินต่างก็อยู่ที่บ้าน ธรรมดาแล้วพ่อของลั่วเซ่าเซินจะไม่ร่วมวงกับเรื่องของพวกผู้หญิง ปกติแล้วจะออกไปพุดคุยกับกับเพื่อนเก่าหรือไม่ก็ไปฝึกเขียนอักษรที่ห้องหนังสือ
“คุณลุง คุณป้า ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ” เมิ่งชิงซีทักทายพ่อของลั่วเซ่าเซิน แต่ก็ไม่ทันได้เจอตัวเขา คราวนี้ที่เมิ่งชิงซีมาที่นี่ จุดมุ่งหมายไม่ได้อยู่ที่เขา พ่อของลั่วเซ่าเซินจะออกไปไหนหรือไม่ได้ออกไปก็ไม่ต่างกัน
ไม่สิ มีความแตกต่างกันอยู่บ้าง เป็นไปได้ว่าเธอกับแม่ของลั่วเซ่าเซินจะพูดคุยกันได้อย่างอิสระมากกว่า บางครั้งบางคราวพ่อของลั่วเซ่าเซินก็จะค่อนข้างถือทิฐิ ปกติแล้วทิฐิเหล่านั้นของเขาไม่อาจทำความเข้าใจได้ ทว่าทุกครั้งก็ทำเสียจนแม่ของลั่วเซ่าเซินนิ่งไปเลย เมิ่งชิงซีรู้สึกไม่ชอบใจกับเรื่องนี้สักเท่าไร
“ชิงซี ช่วงนี้ไปไหนมาเหรอจ๊ะ”
ตอนที่ 406 ความรู้สึกพิเศษ
หลินเหยาคนดื้อด้าน เธอเอ่ยออกไปแล้วถึงได้รู้สึกเสียใจทีหลัง ต่อว่าตัวเองอยู่ภายในใจ หลินเหยาเอ๊ยหลินเหยา ตอนนี้พูดออกไปแล้ว ถ้าเขาทำจริงๆ จะคอยดูว่าเธอจะทำอย่างไร?
ทว่าเธอยังคงประคับประคองสีหน้าเอาไว้ ไม่อาจให้ฟังหยวนสังเกตเห็นถึงความรู้สึกภายในของเธอได้ หลินเหยาไม่อยากให้ฟังหยวนดูถูกเธอ
“ในใจเธอคิดแบบนี้จริงๆ หรือ? เหยาเหยา ผมอยากฟังความจริงจากใจคุณ คุณก็รู้ว่าตอนนี้ผมไม่ได้ล้อเล่น” ฟังหยวนเสียงเข้มขึ้นกะทันหัน ทำให้หลินเหยาไม่กล้าทำหน้าชื่นตาบานได้อีก
จู่ๆ เธอก็เอาจริงเอาจังขึ้นมา “คุณไม่ได้ล้อเล่นงั้นเหรอ? คุณคิดดีแล้วเหรอไง” ก่อนหน้านี้หลินเหยาเองก็ลังเลอยู่เช่นกัน เธอไม่รู้ว่าตระกูลฟางเป็นครอบครัวแบบไหนกันแน่ แต่ว่าเพียงแค่มองมาดฟังหยวนเวลาปกติทั่วไปก็รู้ว่าไม่ได้ด้อยไปกว่าตระกูลลั่วสักเท่าไร
“ดูเหมือนผมล้อเล่นอยู่หรือไงล่ะ?” ราวกับว่าทั้งสองกำลังเดาใจกันและกัน แต่ใจความนั้นมีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่รู้ดี
ต่อมาหลินเหยาเงียบงันอยู่เป็นเวลานาน เธอไม่คิดว่าเรื่องราวจะเกิดขึ้นรวดเร็วขนาดนี้ ให้เธอตัดสินใจตอนนี้ เดิมทีเธอคิดเอาเองว่าฟังหยวนจะปล่อยให้ยืดเยื้อต่อไป คิดไม่ถึงว่าผลสุดท้ายของเรื่องนี้ กลับเป็นเธอที่ติดปัญหาอยู่ตรงนี้
หลินเหยาไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดอยู่ดีๆ เธอถึงได้รู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมา ตอนนั้นเธอหัวเราะถังโจวโจวที่เป็นกังวลอย่างนี้เพราะพ่อแม่สามี ชอบก็ชอบ รักก็รักสิ ทำไมการมีตัวตนอยู่ของคนอื่นถึงได้มีผลกระทบต่อความรู้สึกของคนที่รักกันด้วยล่ะ
ตอนนี้พอมาเป็นตัวเองแล้ว เธอถึงได้รู้ว่าชุดความคิดของเธอก่อนหน้านี้ผิดไปเกือบจะทั้งหมด ทำไมจะไม่มีผลกระทบล่ะ ผู้หญิงทุกคนต่างก็หวังจะได้รับความชื่นชอบจากทุกๆ คนกันทั้งนั้น หนำซ้ำยังเป็นพ่อแม่สามีของตัวเองอีกด้วย ดังนั้นจึงกระตุ้นให้หลินเหยาไม่กล้ารับปากฟังหยวนเพราะอุปสรรคที่ขัดขวางอยู่ในภายภาคหน้า
“คุณคิดอีกทีได้หรือเปล่า” เสียงของหลินเหยาสั่นเทา ความจริงแล้วในส่วนที่ฟังหยวนยังไม่พบเห็นอย่างเช่นมือที่ซ่อนอยู่ด้านหลังของเธอก็สั่นเทาอยู่ตลอดไม่แพ้กัน เธอไม่อาจควบคุมผลกระทบที่อยู่ภายในใจได้ตลอดเวลา เธอเองก็ไม่คิดว่าแบบนี้จะทำให้ดูอ่อนแอเป็นพิเศษ
“เหยาเหยา คุณยังคิดอะไรอยู่อีก คุณไม่เชื่อผมอย่างนั้นเหรอ? ผมรู้ว่าเมื่อก่อนผมเป็นคนเลว แต่ว่าตอนนี้ผมรับประกันกับคุณได้เลยว่าผมจะดีกับคุณคนเดียว ถ้าเป็นเรื่องพ่อแม่ของผม คุณไม่ต้องเป็นกังวล ผมจะจัดการทั้งหมดเอง”
ฟังหยวนคิดมาดีแล้ว เขาเองก็ไม่ได้อายุน้อยไปกว่าลั่วเซ่าเซินสักเท่าไหร่ ก่อนหน้านี้พ่อและแม่ของเขามีคาดหวังกับครึ่งชีวิตที่เหลือของเขาในอนาคตเป็นอย่างมาก หากไม่ใช่หญิงสาวจิตใจงดงามจากตระกูลที่มีฐานะและชื่อเสียง ก็ขอให้วงศ์ตระกูลเหมาะสมกัน หน้าตาก็ต้องให้สมกับตำแหน่งของเขา เรียกได้ว่าความคาดหวังกองพะเนิน
แต่เพราะฟังหยวนเที่ยวเล่นอยู่ข้างนอกบ่อยครั้ง ไม่มีแฟนสาวที่พากลับไปที่บ้านอย่างเป็นจริงเป็นจังเลยสักคน ทำให้พ่อกับแม่ของเขาเสียแผนอยู่เสมอ เห็นเขาอายุมากขึ้นทุกที พ่อแม่ของเขากลัวว่าจะไม่มีหลาน จึงค่อยๆ ลดทอนคำพูดเกี่ยวกับความคาดหวังในตัวลูกสะใภ้ในอนาคตให้น้อยลง
ขอเพียงดูภูมิฐาน หน้าตาพอใช้ได้ ดีกับลูกชายของพวกเขา ดีกับพวกเขา นอกเหนือจากนั้นพวกเขาก็ไม่ได้คิดให้มากความ พูดกันตามตรง ตอนนี้ขอเพียงแค่พาผู้หญิงมาที่บ้านสักคนพวกเขาก็ดีใจมากแล้ว
ดังนั้นฟางเหยวนถึงได้กล้ารับประกันกับหลินเหยาแบบนี้ ต่อให้พ่อแม่ของเขาไม่ยอมรับ ฟังหยวนก็จะคิดหนทางอื่นอยู่ดี ไม่มีทางให้หลินเหยาต้องกังวลกับเรื่องนี้
เห็นหลินหยายังไม่พูดอะไร ฟังหยวนจึงรู้สึกได้ว่ายังมีปัญหาอื่นอยู่อีก “หรือว่าคุณเป็นกังวลว่าผมจะยังมีใจให้กับโจวโจว?”
ส่วนหนึ่งที่หลินเหยาสังเกตฟังหยวนเป็นพิเศษก็เพราะสังเกตได้ถึงความรู้สึกที่เขามีให้ถังโจวโจว จากนั้นถึงได้ชอบสังเกตเขาอยู่บ่อยๆ จึงค่อยๆ พบว่าผู้ชายคนนี้ไม่ได้เจ้าชู้อยากที่เห็นภายนอก แน่นอนว่าตอนนั้นหลินเหยายังไม่ได้มีความคิดจะยึดครองผู้ชายคนนี้ให้มาอยู่ข้างกายเธอ
ระหว่างที่ได้พบปะกันอยู่บ่อยๆ หลังจากนั้น หลินเหยาจึงพบว่าเธอมีความรู้สึกที่แตกต่างออกไปกับฟังหยวน ส่วนฟังหยวนเองก็ปฏิบัติกับเธอต่างไปจากเดิมเช่นกัน น่าเสียดายที่อย่างไรหลินเหยาก็ยังไม่กล้าก้าวไปข้างหน้า
ตอนนี้ฟังหยวนชี้ถึงต้นตอขึ้นมาแล้ว แล้วเรื่องนี้ก็มีผลกระทบต่อปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจของหลินเหยาอีกด้วย เธอไม่รู้ว่าฟังหยวนยังมีความรู้สึกพิเศษให้โจวโจวอยู่หรือเปล่า ถ้าหากใช่แล้วละก็ เธอไม่อาจยอมรับชายที่ในใจมีหญิงอื่นอยู่ได้ ต่อให้คนคนนั้นจะเป็นเพื่อนสนิทของเธอก็ตามที
เห็นหลินเหยานิ่งเงียบไม่เอ่ยอะไรออกมา ฟังหยวนรู้สึกว่าเขาคาดการณ์ได้ถูกต้อง
ตอนที่ 407 ฟังหยวนในตอนนี้
“เหยาเหยา คุณวางใจนะ ตอนนี้ผมปล่อยมือจากโจวโจวแล้ว เธอกลับมาคราวนี้ ผมรีบไปดูเธอก็เพื่อจะทดสอบว่าตัวเองยังมีความรู้สึกให้เธอเหมือนเมื่อก่อนหรือเปล่า” ฟังหยวนรู้สึกว่าเขามองเห็นอนาคตของถังโจวโจวได้อย่างทะลุปรุโปร่งตั้งแต่แรกแล้ว
ขอเพียงถังโจวโจวรักลั่วเซ่าเซิน เขาก็จะไม่ฉวยโอกาสแทรกตัวเข้าไประหว่างเขาทั้งสอง ความจริงเขาเองก็มีโอกาสอยู่ไม่น้อยระหว่างที่ถังโจวโจวสูญเสียความทรงจำ เพียงแต่ว่าตอนนั้นเขาเองก็หาถังโจวโจวไม่พบ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องสร้างความสัมพันธ์กับเธอเลยด้วยซ้ำ นี่อาจเป็นเจตนารมณ์จากฟ้าก็เป็นได้
“จริงหรือเปล่า?” หลินเหยาไม่อยากเชื่อเลย ความรู้สึกของคนคนหนึ่งเป็นสิ่งที่ล้ำค่าที่สุด มีอย่างที่ไหนจะบอกว่าปล่อยไปแล้วก็ปล่อยไปได้เลย ทว่าในใจยังอาลัยอาวรณ์อย่างรุนแรง ถ้าเป็นความจริงล่ะ? ถ้าเป็นความจริงเธอควรทำอย่างไร? ตกลงกับเขาหรือเปล่า?
“เหยาเหยา คุณเชื่อผมนะ ตอนนี้โจวโจวกับอาเซินมีลูกด้วยกันแล้ว ผมไม่มีทางไปรบกวนพวกเขาอีกแน่” ฟังหยวนดึงมือของหลินเหยาเอาไว้ เห็นว่าเธอไม่ได้ผลักไสเขาออกไป ก็รู้ว่านี่เป็นท่าทียอมรับจากเธอ
เขาเอ่ยอย่างหนักแน่น “เหยาเหยา ถ้าคุณไม่เชื่อผม ผมก็รอได้ คุณรอดูได้เลยว่าผมโกหกคุณหรือเปล่า วันนี้ผมต้องไปแล้ว คุณคิดให้ดีก็แล้วกัน”
ฟังหยวนเองก็ไม่อยากจะบีบบังคับเธอ อย่างไรเสียเรื่องนี้ก็ยังต้องให้หลินเหยาคิดให้ดีเสียก่อน ให้ตัดสินใจอย่างที่เหมาะสมกับความรู้สึกของเธอ
หลินเหยาเห็นเขาถือกุญแจรถ คิดว่าจะกลับออกไปจริงๆ เมื่อเห็นเขาเดินไปที่หน้าประตู ในที่สุดเธอก็ลนลานขึ้นมา เพียงเธอคลายมือออกก็ทำให้เขาหวาดกลัวอย่างนั้นเหรอ?
หลินเหยาไม่ยินดีจะปล่อยเขาไป ฟังหยวนพูดมาถึงขั้นนี้แล้ว ทำไมเธอยังต้องกลัวอยู่อีกล่ะ? ต่อให้เขาโกหกเธอ ถึงเวลานั้นเธอค่อยไปจากเขาก็ได้ เธอเองก็ไม่ใช่ผู้หญิงประเภทที่จะงี่เง่าไร้เหตุผลสักหน่อย
ถ้าฟังหยวนรู้ว่าหลินเหยาคิดถึงภาพเหตุการณ์ที่พวกเขาทั้งสองเลิกกันอยู่หลายต่อหลายรอบทั้งๆ ที่ยังไม่ได้คบกันด้วยซ้ำ ก็ไม่รู้ว่าเขาจะโกรธจนพังกำแพงเลยหรือเปล่า
เห็นแขนที่โอบรัดเอวของตัวเองเอาไว้ฟังหยวนก็พลันเบิกบานใจ เพียงแต่ยังไม่เข้าใจความหมายของหลินเหยา เขาจงใจถามด้วยเสียงแหบแห้งว่า “เหยาเหยา นี่คุณทำอะไรของคุณน่ะ? ผมจะกลับแล้ว ให้เวลาคุณคิดให้ดีก่อน”
ฟังหยวนอาลัยอาวรณ์อย่างแสนสาหัส สุดท้ายก็เตรียมดึงมือที่โอบกอดเอวของเขาออกไป ในเมื่อจะพิสูจน์ใจให้เธอเห็นก็เป็นธรรมดาที่จะต้องแสดงให้สมบทบาท เวลานี้หลินเหยาโอนเอนไปมา ก็ไม่รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วในใจเธอคิดอย่างไร ดูเหมือนว่าไฟลูกนี้จะโชติช่วงไม่พอกระมัง!
“เหยาเหยา คุณปล่อยผมก่อน พวกเราต้องต่างต้องการเวลา ตั้งสติให้ดีๆ สิ”
“ไม่เอา ฉันคิดดีแล้ว ฉันรับปากคุณ ฟังหยวน พวกเราคบกันเถอะนะ”
ได้ฟังคำพูดที่ตัวเองอยากได้ยิน ฟังหยวนก็สะกดกลั้นความตื่นเต้นดีใจภายในใจเอาไว้ จงใจถามอย่างสงบ “เหยาเหยา คุณคิดดีแล้วจริงๆ เหรอ คุณจะไม่เสียใจทีหลังใช่ไหม”
หลินเหยาส่ายหน้า “ฟังหยวน ฉันไม่เสียใจทีหลังหรอกน่า ถ้าต่อไปคุณรังแกฉันจริงๆ ก็ต้องโทษที่ฉันสายตาไม่ดีเอง ฉันไม่โทษคุณหรอก”
ตามที่เธอบอกหลินเหยาไม่อยากจะเชื่อใจผู้ชายคนไหนทั้งนั้น หากฟังหยวนรังแกเธอ เธอก็จะไม่อดทนเป็นเพื่อนกับเขาต่อไป ผู้หญิงอย่างหลินเหยาไม่ใช่ผู้หญิงใจกว้างขนาดนั้น ทำเรื่องเหล่านั้นไม่ได้หรอก
“เหยาเหยา คุณพูดอะไรของคุณน่ะ พวกเราจะต้องอยู่ด้วยกันตลอดไปสิ” ในที่สุดฟังหยวนก็อดไม่ได้ที่จะหันกลับมา กอดหลินเหยาเอาไว้แน่น
ศีรษะของทั้งสองเข้าใกล้กันอย่างช้าๆ หลินเหยาเขย่งปลายเท้า ประทับรอยจูบลงที่ริมฝีปากของฟังหยวนเบาๆ เดิมทีเขาคิดว่าจะกลับไป ใครจะรู้ว่าคราวนี้ฟังหยวนตอบสนองกลับมา พลันโอบเอวของเธอเอาไว้ ก้มหน้าลง หลินเหยาตกเป็นเชลยของเขาในทันใด
“มีความสุขหรือเปล่า?” ผ่านศึกอันร้อนแรง จู่ๆ ฟังหยวนก็ถามคำแบบนี้กับเธอ
หลินเหยาหน้าแดงก่ำ ทำไมถึงได้รู้สึกว่าเธอฝืนใจฟังหยวนอย่างนี้นะ เพียงแต่เธอไม่ยอมจำนน “มีความสุขสิ วันนี้เป็นวันที่ฉันมีความสุขที่สุดเลยละ”
“เหยาเหยา พูดตอนนี้ยังเร็วเกินไปนะ ต่อไปผมจะทำให้คุณมีความมากกว่านี้อีก”
ฟังหยวนรับปากในใจใจเงียบๆ เขาจะทำให้หลินเหยามีความสุข แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะเคยชอบซูเสี่ยว หรือว่าเคยชอบถังโจวโจว แต่นั่นเป็นเพียงอดีตเท่านั้น เรื่องที่ผ่านไปแล้วก็ปล่อยให้บันทึกไว้ในความทรงจำของเขา ตอนนี้ฟังหยวนชอบหลินเหยา
ตอนที่ 404 ไม่กลัวเขาหรอก
“ได้ กลับบ้านก็ระวังด้วยนะ ให้ฉันเรียกคนไปส่งไหม” ถ้ารู้ว่าหลินเหยาจะกลับบ้าน เมื่อกี้ให้หวังหวากลับช้าหน่อยก็ดีหรอก อย่างนั้นก็ให้หวังหวาไปส่งเหยาเหยากลับบ้านระหว่างทางด้วยได้เลย
“ไม่ต้องหรอก ฉันกลับเองได้ ฉันไม่ใช่เด็กสามขวบสักหน่อยที่จะกลับบ้านเองไม่ได้!” การดูแคลนของถังโจวโจวจุดอารมณ์ฮึกเหิมของหลินเหยาขึ้นมา เธอไม่เอาด้วยหรอกนะ ตอนนี้ยังสว่างอยู่เลย จะยังเกิดเรื่องได้อีกเหรอ?
เพิ่งจะออกไปก็พบว่าฟังหยวนจอดรถอยู่ที่ลาน “คุณมาที่นี่ได้ยังไง?” ทั้งสองเอ่ยถามเป็นเสียงเดียวกัน
เป็นหลินเหยาที่ตั้งสติได้ก่อน “โจวโจวกลับมาแล้ว ฉันมาหาเธอน่ะ ตอนนี้ก็จะกลับแล้ว”
ฟังหยวนคิดว่าหลินเหยาคิดหลบเลี่ยงเขา ใครจะรู้ว่าเธอกลับตรงเข้ามาทักทายเขาอย่างเป็นกันเอง ทำเสียจนเขาทำอะไรไม่ถูก
“อ๋อ งั้นเหรอ อย่างนั้นคุณรอหน่อยไหม? รอให้ผมได้เจอกับอาเซินและโจวโจวก่อน แล้วค่อยไปส่งคุณกลับบ้าน”
ฟังหยวนเองก็ไม่รู้ว่าหลินเหยาจะยอมตกลงหรือเปล่า แต่ก่อนที่เขาเสนอคำขอแบบนี้ ในสิบครั้งจะมีสักเก้าครั้งที่หลินเหยาไม่ยอมตอบตกลง ก็ไม่รู้ว่าวันนี้พึ่งบุญวาสนาของพวกถังโจวโจวจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงหรือเปล่า?
“เอาสิ งั้นเดี๋ยวฉันรออีกหน่อยก็แล้วกัน ฉันเข้าไปนั่งรอในรถคุณเลยดีกว่า” หลินเหยาเพิ่งจะบอกลาถังโจวโจวไปเมื่อสักครู่ เธอก็ไม่อยากเข้าไปแล้ว อีกอย่างฟังหยวนก็รู้ว่าเธอรออยู่ข้างนอก อย่างนี้คงเปลืองเวลาไม่มาก
“ได้ เดี๋ยวผมกลับมา” ฟังหยวนเข้าไปก็เห็นว่าถังโจวโจวนั่งอยู่ในห้องรับแขก แท่นวางชามีแก้วสองใบ เมื่อสักครู่ทั้งสองคนน่าจะพูดคุยกันอยู่ “โจวโจว กลับมาแล้วเหรอ!”
ฟังหยวนเห็นสีหน้าของถังโจวโจวแล้วก็รู้สึกราวกับว่าเธอแค่จากไปเดี๋ยวเดียวแล้วก็กลับมา ไม่ได้จากไปถึงสองปีอย่างไรอย่างนั้น ถังโจวโจวเห็นการกระทำของเขาแล้วก็รีบตอบรับ ตอบกลับไปอย่างเป็นกันเองว่า “ฟังหยวน ไม่ได้เจอกันตั้งนานเลย ช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง?”
ถังโจวโจวยังคงหวาดกลัวกับคำพูดที่ฟังหยวนเคยพูดไว้ตั้งแต่แรก กลัวว่าเป็นกันเองมากเกินไปแล้วจะทำให้เขาเข้าใจผิด ตอนนี้เธอกับเซ่าเซินมีเสี่ยวอวี่แล้ว สำหรับผู้ชายคนอื่นเธอไม่ได้คิดอะไรเกินเลย เป็นธรรมดาที่ไม่อยากจะทำให้พวกเขาเสียเวลา
“สบายดี เห็นคุณกลับมาแล้วก็ดีใจมากๆ เลย อาเซินล่ะ?”
“อ๋อ เขาเข้าไปในครัวน่ะ นั่นไง ออกมาแล้ว”
ฟังหยวนมองไปด้านหลังก็เห็นลั่วเซ่าเซินที่ยกชามสองใบเข้ามาวางลงที่ห้องอาหาร เมื่อเห็นฟังหยวนก็ค่อนข้างแปลกใจอยู่บ้าง จากนั้นจึงเข้าใจแจ่มแจ้ง
“นายมาแล้วเหรอ จะกินอะไรหน่อยหรือเปล่า?”
“ไม่ต้องหรอก เห็นพวกนายสบายดีฉันก็วางใจแล้ว ฉันยังมีธุระต่อ ขอตัวกลับก่อนนะ” ฟังหยวนกลับออกไปไม่แม้แต่จะหันกลับมา เขามาแล้วก็ไป เร็วเสียจนถังโจวโจวคิดว่าเขาไม่ได้มาเสียอีก
“เมื่อกี้ฟังหยวนมาจริงๆ หรือเปล่า?”
“ถังโจวโจว หรือว่าคุณเป็นโรคคนแก่ขี้ลืมไปเสียแล้ว เขาก็เพิ่งออกไปเมื่อกี้นี่ไง คุณก็คิดถึงเขาแล้วเหรอ?” คำพูดของลั่วเซ่าเซินยากจะหลบเลี่ยงความหึงหวงได้ เขาไม่รู้ว่าตอนนี้ฟังหยวนยังมีความรู้สึกพิเศษให้กับถังโจวโจวอยู่หรือเปล่า ขอเพียงแค่เขายังไม่แต่งงาน ลั่วเซ่าเซินก็จะยังไม่วางใจ
“เซ่าเซิน ถ้าคุณยังพูดเพ้อเจ้ออีก ฉันจะพาเสี่ยวอวี่หนีไปนะ” ตอนนี้ถังโจวโจวไม่ใช่คนอ่อนแอเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ไว้หน้าผู้ชายได้ แต่ถ้าจะทำให้เขารู้สึกว่าคุณเกรงกลัวเขา นั่นไม่จำเป็น
“เอาล่ะ ผมก็แค่ล้อเล่นเท่านั้นเอง รีบมากินเกี๊ยวเร็วๆ เข้า คุณหิวอยู่นานแล้วไม่ใช่เหรอ” ลั่วเซ่าเซินเห็นว่าเธอโกรธจริงๆ ก็ไม่กล้าแหย่เธออีก ความคิดของผู้ชายมีเพียงผู้ชายด้วยกันเท่านั้นที่รู้ดี ให้เขากับฟางหยวนจัดการกันเองเป็นการส่วนตัว
ไม่เห็นว่าอาหารบนเครื่องบินจะอร่อยสักเท่าไหร่เลย อีกอย่างเดิมทีถังโจวโจวขึ้นเครื่องแล้วก็ไม่ได้รู้สึกอยากอาหารสักเท่าไหร่ เพิ่งจะกลับมาถึงบ้าน ลั่วเซ่าเซินก็ให้แม่บ้านหลิวทำอะไรออกมาให้กินรองท้องก่อน
คาดว่าเด็กๆ ทั้งสองคนก็คงจะหิวอยู่นานแล้วเหมือนกัน เพียงแต่ว่าตอนนี้ยังหลับอยู่ จะไปปลุกพวกเขาก็ไม่ได้ รอให้พวกเขาตื่นขึ้นแล้วค่อยให้พวกเขากินก็แล้วกัน
ถังโจวโจวกินเกี๊ยวไปหนึ่งชามก็อิ่มแล้ว “เรียบร้อย ฉันกินเสร็จแล้ว ขอขึ้นไปดูเสี่ยวอวี่ก่อนนะ”
ถังโจวโจวนำชามกลับไปวางในครัว แล้วรีบร้อนขึ้นไปยังชั้นบน เธอกลัวว่าถ้าเสี่ยวอวี่ตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าตัวเองอยู่ในสถานที่แปลกตา จะต้องร้องไห้งอแงอย่างแน่นอน ถึงตอนนั้นคนที่ปวดใจก็คือตัวเธอเอง
ตอนที่ 405 ยั่วยุให้โกรธ
ถังโจวโจวเดินกลับไปยังห้องนอน ช่วงเวลาสองปีไม่ได้ทำให้มันเปลี่ยนไปสักเท่าไหร่ ดูออกว่าลั่วเซ่าเซินรักษามันเอาไว้เป็นอย่างดี ถังโจวโจวเองก็ไม่ได้สังเกตโดยรอบมากนัก อย่างไรแล้วลูกชายก็สำคัญกว่า
มาถึงข้างเตียงก็เห็นเสี่ยวอวี่ที่กำลังหลับจนสีหน้าแดงซ่าน ไม่มีท่าทีจะว่าตื่นขึ้นมา นั่งเครื่องบินมานานขนาดนั้น ถังโจวโจวเองก็เหนื่อยเหมือนกัน เธอหยิบเสื้อผ้าเข้าไปในห้องน้ำเพื่อที่จะอาบน้ำสักหน่อยแล้วจึงขึ้นเตียงนอนหลับไปกับเสี่ยวอวี่ด้วย
ตอนที่ลั่วเซ่าเซินขึ้นมายังชั้นบนนั้น เขาก็พบว่าถังโจวโจวเองก็เข้านอนแล้ว เขาทิ้งตัวนอนลงไปทันที กอดภรรยาผู้ออดอ้อนและลูกชาย ก่อนจะหรี่ตาลงอย่างสบายอารมณ์อยู่สักครู่
…
หลินเหยารอไม่นานก็เห็นว่าฟังหยวนออกมาแล้ว เดิมทีเธอจดจ้องอยู่ที่หน้าประตูตลอดเวลา เมื่อเห็นเขาเดินออกมาก็รีบเคลื่อนสายตากลับมาในทันที แสร้งก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์มือถือ เธอไม่ยอมให้เขาคิดว่าเธอสนใจเขาอยู่หรอก แต่น่าเสียดายที่ฟังหยวนมองออกหมดแล้ว
“เป็นอะไร? คิดถึงผมเหรอ?” ฟังหยวนนั่งลงบนที่นั่งคนขับ ก่อนจะพบว่าหลินเหยานั่งอยู่ที่เบาะหลัง เขาจึงไม่ค่อยพอใจสักเท่าไรนัก
“คุณคิดว่าผมเป็นคนขับรถของคุณเหรอไง?” มีหรือที่หลินเหยาจะไม่รู้ถึงความหมายของเขา เพียงแต่เธอก็ไม่อยากหลงกลเขาก็เท่านั้น “ทำไมเหรอ? คุณชายฟังไม่ยินดีจะลดเกียรติลงมาเป็นคนขับรถให้ฉันสักครั้งหรือไง เมื่อกี้เสียเวลาไปตั้งนาน รู้อย่างนี้ฉันกลับไปเลยจะดีกว่า”
แผนการไม่สำเร็จ ฟังหยวนเพียงแต่ขับรถออกไปเงียบๆ เขาไม่อาจตอบออกไปว่าไม่ยินดี และก็ตอบว่ายินดีไม่ได้อีกเช่นกัน ทั้งสองคนปากแข็งกันเสียขนาดนั้น ตลอดทางไม่ได้คุยกันแม้แต่คำเดียว จนกระทั่งรถยนต์จอดลงที่หน้าอาคารที่เป็นบ้านของหลินเหยา ฟังหยวนถึงได้รู้สึกเสียดาย
หลินเหยาเห็นว่ามาถึงบ้านแล้ว เธอก็เปิดประตูรถลงไปอย่างไม่เกรงใจ “ฟังหยวน ขอบคุณนะที่วันนี้มาส่งฉัน ฉันไม่ชวนคุณขึ้นไปดื่มชาหรอก คุณกลับไปเลยเถอะ”
มีอย่างที่ไหนที่ฟังหยวนจะแพ้พ่ายกับลูกเล่นแบบนี้ “ผมรู้สึกคอแห้งอยู่พอดีเลย เหยาเหยา นี่คุณจะไม่ชวนผมเข้าไปนั่งจริงๆ เหรอ? เป็นมารยาทที่คุณควรจะรับแขกที่มาเยือนนะ! หรือว่าคุณกลัวผม?”
ฟังหยวนรู้สึกว่ากับหลินเหยาแล้วนั้น เธอเหมาะสมกับวิธีการยั่วยุให้โกรธมากที่สุดแล้ว วิธีอย่างนี้ได้ผลชะงัดนัก และแน่นอนว่าเขาใช้กับหลินเหยาคนเดียวเท่านั้น
“ฉันกลัวคุณ? น่าขำจะตายไป! ขึ้นไปก็ขึ้นไปสิ ฉันไม่ได้กลัวคุณสักหน่อย!”
“หลินเหยา นี่คุณพูดเองนะ” ฟังหยวนกลัวว่าเธอจะเปลี่ยนใจทีหลัง จึงรีบจัดการเรื่องนี้อย่างรวดเร็ว รอให้ฟังหยวนล็อครถเสร็จแล้ว หลินเหยาถึงได้รู้ตัวว่าเมื่อกี้นี้เธอเผลอรับปากเรื่องอะไรไป
“นี่คุณโกงฉันอีกแล้วนะ?” หลินเหยาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเธอจะหลงกลของฟังหยวนเข้าอีกครั้ง ทำไมสมองถึงได้ไม่จำเสียทีนะ ทำไมถึงได้ปล่อยให้ฟังหยวนเล่นสนุกอยู่ได้ครั้งแล้วครั้งเล่า
“เหยาเหยา คุณไม่ต้องโทษตัวเองหรอกนะ ถ้าจะโทษก็โทษที่ธรรมะย่อมชนะอธรรมเถอะ!”
คำพูดปลดปลงประโยคนี้ของฟังหยวนทำให้หลินเหยาระเบิดอารมณ์ออกมา เพียงแต่ว่าเธอรับปากไปแล้ว จะเปลี่ยนใจก็น่าเกลียด หลินเหยาเกลียดคนขี้โกงเป็นที่สุด และเพียงแค่ฟังหยวนจับจุดนี้ได้ ก็เลยได้เปรียบเธออยู่บ้าง
“ไปกันเถอะ ยืนทำอะไรอยู่? หรือว่าไม่อยากเข้าไป” ไหนๆ ก็รับปากไปแล้ว หลินเหยาจึงทำได้เพียงยอมรับความพ่ายแพ้ เพียงแต่ถ้าฟังหยวนคิดจะทำอย่างอื่น ก็คอยดูแล้วกันว่าเธอจะทำยังไงกับเขา
ตอนนี้จิตใจของหลินเหยาออกจะแปลกประหลาดไปสักหน่อย แม้ว่าเธอจะรู้ถึงความคิดของอีกฝ่าย อีกทั้งยังแน่ใจแล้วด้วย เพียงแต่ทุกครั้งที่ได้พบกับฟังหยวน เธอก็ยังอยากตั้งตัวเป็นศัตรูกับเขาอยู่ดี หากไม่ทำอย่างนั้น ก็จะรู้สึกว่าเสียเปรียบฟังหยวนเสียทุกครั้งไป ก็ไม่รู้ว่านี่มันคือความคิดอะไรกันแน่
ทั้งสองคนผ่านประตูบ้านหลินเหยาเข้าไป ฟังหยวนทำอย่างกับว่ากลับบ้านของตัวเอง หากาน้ำชากับแก้วชาอย่างคล่องแคล่ว ก่อนจะรินน้ำชาให้ตัวเอง แล้วก็ยกมาให้หลินเหยาแก้วหนึ่งด้วย “ที่นี่เป็นบ้านของคุณเหรอไงกัน!”
เห็นท่าทางอย่างกับเจ้าของบ้านของเขาแล้ว เตรียมพร้อมให้อย่างเสร็จสรรพ ถ้าไม่รู้คงนึกว่าเขากลับบ้านของตัวเองเสียอีกนะเนี่ย
ฟังหยวนจิบชาไปอึกหนึ่ง บนใบหน้าไม่ได้ไร้สีหน้าใดๆ อย่างเช่นก่อนหน้านี้อีกแล้ว เขาเปลี่ยนมาเอาจริงเอาจัง “เหยาเหยา คุณเคยพิจารณาถึงความสัมพันธ์ในอนาคตของเราสองคนบ้างหรือเปล่า?”
ตอนนี้ถังโจวโจวกลับมาแล้ว ฟังหยวนพบว่าความรู้สึกที่เขามีให้เธอไม่ได้มากมายอย่างเช่นเมื่อสองปีก่อนอีกต่อไป เป็นเพราะเวลาช่วยลบเลือนความรู้สึก หรือว่าเพราะการมีตัวตนของหลินเหยากันนะ? สำหรับอีกฝ่ายหนึ่งปัญหานี้คุ้มค่าจะที่พิจารณาดูอย่างละเอียด
“พวกเราจะเป็นอะไรกันได้อีกล่ะ ก็เพื่อนกันไง!”
ตอนที่ 402 กลับบ้าน
ถังโจวโจวเองก็ไม่ได้บังคับเธอ “เอาล่ะ ถ้าเธออยากบอกฉันเมื่อไหร่ ฉันก็ดีใจกับเธอเสมอนั่นแหละ” ถังโจวโจวไม่ใช่คนประเภทที่ไม่เว้นพื้นที่ส่วนตัวให้กับคนอื่น เธอรู้ว่าใจจริงแล้วหลินเหยาเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แล้วจะบอกเธอได้ยังไงล่ะ? เธอจะไม่ขัดขวางการไตร่ตรองของเหยาเหยาหรอก
หลินเหยาเห็นว่าถังโจวโจวอุ้มชีวิตน้อยๆ อยู่ ก็รู้สึกว่าไม่น่าเชื่อเลย ถังโจวโจวท้องลูกของลั่วเซ่าเซิน จากนั้นก็เกิดอุบัติเหตุรถชนจนสูญเสียความจำ เวลาผ่านไปสองปีถึงได้กลับมา ในที่สุดผู้หญิงคนนี้ก็กลับมาอยู่ข้างกายทุกๆ คนแล้ว
“โจวโจว ต่อไปเธอต้องระวังตัวเองให้ดีๆ นะ อย่าให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก” หลินเหยารู้สึกว่าเรื่องอย่างนี้เกิดขึ้นครั้งเดียวก็พอแล้ว หากเกิดขึ้นอีกครั้งเธอคงต้องเป็นบ้าแน่
ตอนแรกเธอยังมองลั่วเซ่าเซินไม่เข้าตา คิดว่าทั้งหมดเป็นความผิดของเขา แต่ว่าขณะที่ทุกๆ คนค่อยๆ หมดหวัง เขาก็ยังยืนหยัดต่อไป จนกระทั่งวันนี้สามารถพาตัวถังโจวโจวกลับมาได้ ทำให้หลินเหยาเองก็รู้สึกนับถือเขาเช่นกัน
“เหยาเหยา ต่อไปนี้ฉันจะดูแลตัวเองให้ดีๆ เพราะฉันรู้ว่ายังมีลูกที่รอให้ฉันดูแลอยู่”
“เอ๊ะ เหมือนว่าพอเป็นแม่แล้วก็ไม่เหมือนเดิมแล้วสินะ!” เห็นใบหน้าน่าเอ็นดูของเสี่ยวอวี่แล้ว หลินเหยาก็อดคิดไม่ได้ว่าถ้าเธอมีลูกสักคนจะมีสภาพเป็นอย่างไร?
หลินเหยาไม่เคยบอกกับใครมาก่อนว่าความจริงแล้วเธอปรารถนาจะมีลูกสักคน แต่ว่าเธอไม่ยินดีจะมีลูกกับใครเรื่อยเปื่อย อย่างน้อยๆ ก็ต้องมั่นใจว่าพ่อแม่ของเด็กต่างก็รักเขา
เธอไม่อยากทำอะไรผิดพลาดอีกแล้ว ถ้าเธอเกิดสร้างโศกนาฏกรรมลงบนตัวเด็ก อย่างนั้นสู้ให้ไม่มีตั้งแต่แรกเสียยังดีกว่า
“แน่นอนสิ ตอนนี้ลูกชายของฉันก็คือชีวิตของฉัน เหยาเหยา อีกเดี๋ยวพอเธอกลายเป็นแม่คนแล้ว เธอก็จะต้องเป็นแบบนี้เหมือนกัน” ในสายตาของคนเป็นแม่ ลูกของตัวเองย่อมเป็นสิ่งมีชีวิตที่สวยงามที่สุด เพื่อเขาแล้ว เธอก็สามารถละทิ้งชีวิตของตัวเองได้ ขอเพียงให้ลูกของเธอปลอดภัย
“รู้แล้ว ฉันรู้แล้วจ้ะ คุณแม่ผู้ยิ่งใหญ่” หลินเหยาเห็นว่าเสี่ยวอวี่หลับปุ๋ย ก็เลยลดระดับเสียงพูดให้เบาลงหน่อย ถึงก่อนหน้านี้จะได้โทรศัพท์คุยกับถังโจวโจว แต่ต้องเป็นตัวจริงสิถึงจะใกล้ชิดกันมากขึ้น ดังนั้นหลินเหยาจึงชวนถังโจวโจวพูดคุยอยู่ตลอด
เวลาที่ทั้งสองพูดคุยกันผ่านไปอย่างรวดเร็วเป็นพิเศษ ถังโจวโจวรู้สึกว่ายังพูดได้ไม่เท่าไหร่ก็มาถึงบ้านแล้ว ลั่วเซ่าเซินลงจากรถมาก่อน เขาส่งตัวลั่วอิงให้เข้าไปในคฤหาสน์ เมื่อเห็นว่าเงาร่างที่คุ้นเคยยืนอยู่หน้าประตู ถังโจวโจวก็ไม่คิดว่าแม่บ้านหลิวจะยังทำงานอยู่ที่นี่
“คุณผู้หญิง ในที่สุดคุณก็กลับมาแล้ว” แม่บ้านหลิวเห็นตุ๊กตาตัวน้อยในอ้อมแขนของถังโจวโจวแล้วก็พูดขึ้นว่า “นี่เป็นลูกของคุณผู้หญิงกับคุณผู้ชายหรือคะ?”
“ใช่จ้ะ แม่บ้านหลิวอยู่ที่นี่มาตลอดสองปีเลยเหรอ?” ถังโจวโจวเห็นว่ายังเหมือนกับเมื่อก่อนไม่มีผิด ไม่เปลี่ยนแปลงไปเลยสักนิด
แม่บ้านหลิวเห็นเธอก็พลันหลั่งน้ำตาออกมา ก่อนหน้านี้เธอก็ยังมีความรู้สึกแบบนั้นอยู่ โชคดีที่คุณผู้หญิงกลับมาแล้ว ในที่สุดครอบครัวของคุณผู้ชายก็อยู่ด้สนกันพร้อมหน้า ถังโจวโจวไม่อาจรับรู้ถึงความเสียใจที่ได้ทำผิดไปของแม่บ้านหลิว
“แม่บ้านหลิว โจวโจวกลับมาถือเป็นเรื่องดี ทำไมแม่บ้านหลิวถึงร้องไห้ล่ะจ๊ะ” หลินเหยาเห็นว่าแม่บ้านหลิวไม่ได้มีความผูกพันอะไรกับถังโจวโจวขนาดนั้น แม้ว่าแม่บ้านหลิวจะดีกับเธอมาก แต่ว่าก็ไม่ได้พูดคุยกันสักเท่าไหร่ แน่นอนว่าความรู้สึกภายในใจของถังโจวโจวและหลินเหยาแตกต่างกันออกไป
“เอาล่ะ เข้าไปกันเถอะ” ลั่วเซ่าเซินอุ้มลั่วอิงเข้าไปข้างใน แล้วหันกลับมารับเสี่ยวอวี่จากอ้อมแขนของถังโจวโจว “คุณอุ้มอยู่ตั้งนานแล้ว คงจะเหนื่อยแล้วล่ะ ให้ผมเป็นคนอุ้มดีกว่านะ”
ตอนนี้เสี่ยวอวี่ค่อยๆ โตขึ้นเรื่อยๆ เริ่มกินเยอะมากขึ้นเรื่อยๆ จะว่าไปน้ำหนักของเขาเองก็มากขึ้นเหมือนกัน เพียงแต่ว่าถังโจวโจวอุ้มเขามาตั้งแต่เด็กจนโต จึงไม่รู้สึกอะไร ลั่วเซ่าเซินเพียงแต่กลัวว่าเธอจะลำบาก จึงยื่นมือเข้ามาช่วยก็เท่านั้น
“โอ้โห นี่โจวโจวหน้าแดงเหรอเนี่ย?” หลินเหยาเห็นว่าลั่วเซ่าเซินคิดแทนถังโจวโจวขนาดนี้ ในใจก็ถอนใจอย่างหนัก พวกเขาทั้งสองคนคงผ่านอะไรมามากกว่าจะได้มีชีวิตที่มีความสุขอย่างวันนี้!
ถังโจวโจวตบลงที่ลำตัวของหลินเหยาอย่างไม่เกรงใจ “ยังจะพูดอีก ไหนๆ ก็อิจฉาขนาดนี้แล้ว งั้นก็หามาไว้สักคนสิ!”
“วางใจเถอะน่า อีกไม่นานฉันจะต้องหาเจอแน่ๆ” หลินเหยาไม่ยอมแพ้เลยสักนิด ใครบอกว่าเธอหาไม่ได้กัน เธอตัดสินใจเอาไว้อย่างดีมานานแล้ว เพียงแต่รอจังหวะลงมือก็เท่านั้น หลินเหยาเป็นคนแบบนี้ พอมั่นใจในความคิดของตัวเองสักอย่าง ก็จะไม่ชักช้าอย่างเด็ดขาด
ตอนที่ 403 ตื่นตระหนก
ลั่วเซ่าเซินหันกลับมาก็เห็นว่าพวกถังโจวโจวไม่ได้ตามเขามาด้วย จึงรีบตะโกนขึ้นทันที “เข้ามาเร็วเข้า ข้างนอกร้อนจะตายไป”
ความจริงแล้วถ้าเขาไม่พูดก็ยังไม่รู้สึกอะไร แต่พอเขาพูดขึ้นมาเท่านั้น ถังโจวโจวก็รู้สึกว่าอากาศร้อนเอ่อล้นออกมาตั้งแต่หัวจรดเท้า “เหยาเหยา รีบเข้าไปกันเถอะ”
ความจริงแล้วถังโจวโจวอยากขนกระเป๋าเดินทางด้วยตัวเอง น่าเสียดายที่หวังหวาขยันเกินไปหน่อย ระหว่างที่ถังโจวโจวกับหลินเหยาพูดคุยกันอยู่ไม่กี่นาที เขาก็วางกระเป๋าเดินทางลงที่ห้องเรียบร้อยแล้ว
เมื่อเข้าไปในห้องก็เห็นว่าหวังหวากับลูซี่เดินออกไป ถังโจวโจวก็รีบร้อนตะโกนเรียกพวกเขาไว้ “ไม่กินน้ำสักแก้วก่อนค่อยไปเหรอคะ?”
“ไม่ละครับ เรายังไม่ได้ทำเรื่องที่ท่านประธานกำชับไว้ คุณผู้หญิง พวกเราไม่รบกวนแล้วนะครับ” หวังหวาพยักหน้าเป็นการขอโทษ ลูซี่เองก็เพียงแต่พยักหน้า ก่อนที่ทั้งสองคนจะเดินออกไปจากคฤหาสน์
ถังโจวโจวเห็นว่ารั้งพวกเขาเอาไว้ไม่ได้ ก็รู้ว่าต้นตอคงมาจากลั่วเซ่าเซิน อย่างไรก็เป็นคนใต้บังคับบัญชาของเขา เธอจึงไม่สะดวกจะยุ่งให้มากความ
“เซ่าเซิน อุ้มเสี่ยวอวี่เข้าไปที่ห้องของฉันเถอะค่ะ” ลั่วเซ่าเซินอุ้มตัวลั่วอิงกลับห้องไปนอนเรียบร้อยแล้ว
“ได้ คุณอยู่คุยเป็นเพื่อนหลินเหยาเถอะ ผมจะอุ้มเขาเข้าไปเอง” ถังโจวโจวไม่ได้เจอกับเพื่อนของเธอมานานมากแล้ว ลั่วเซ่าเซินเองก็เห็นใจเธอ อยากให้เวลาเพื่อนสนิทอย่างพวกเธอได้พูดคุยกัน
“ดูเหมือนว่าประธานลั่วจะเป็นโล้เป็นพายขึ้นทุกทีแล้วนะ! โจวโจว ตอนนี้ยังรู้สึกว่าเขาไม่รักเธออยู่อีกหรือเปล่า?” เมื่อคิดขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้ถังโจวโจวรู้สึกว่าลั่วเซ่าเซินไม่รักเธอ กระทั่งเธออยากไปจากเขา ตอนนั้นหลินเหยาเองก็รู้สึกว่าถังโจวโจวไม่รู้ใจของตัวเอง ฉะนั้นจึงแล้วแต่พวกเขา
ตอนนี้ทั้งสองก็ผ่านเรื่องนี้กันมาแล้ว คงจะไม่ทำอะไรอย่างไม่คิดหน้าคิดหลังแล้วล่ะนะ?
ถังโจวโจวคิดถึงตัวเองเมื่อก่อนแล้วก็นึกขำ ไม่รู้ว่าทำไมตอนนั้นถึงได้เด็ดเดี่ยวขนาดนั้นกันนะ? “เขาบอกกับฉันแล้วว่าเขารักฉัน ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่มีวันกลับมากับเขาหรอก ความจริงฉันคิดที่จะเลี้ยงเสี่ยวอวี่ตัวคนเดียวด้วยซ้ำไป”
“หา?! เธอมีความคิดอย่างนั้นจริงๆ เหรอ? ตอนนี้ไม่ได้คิดแบบนั้นแล้วใช่ไหม”
หลินเหยาคิดไม่ถึงว่าถังโจวโจวเคยคิดว่าจะไม่กลับมาที่นี่อีก นึกถึงตอนแรกที่เธอความจำเสื่อม แม้แต่พ่อแม่ของเธอเธอก็จำไม่ได้ อย่าว่าแต่เพื่อนของเธอเลย เธอก็ดีใจมากที่ตอนนั้นเธอไม่รู้เรื่องอะไร ไม่อย่างนั้นเธอก็อยากเปิดสมองของเธอออกดูว่าในสมองของเธอคิดอะไรอยู่?
“แน่สิว่าไม่คิดแบบนั้นแล้ว เพียงแต่ตอนนี้ฉันก็เป็นกังวลว่าฝั่งพ่อแม่สามีของฉัน…”
หลินเหยาเข้าใจความหมายของถังโจวโจว พอเธอคิดถึงว่ามีเสี่ยวอวี่อยู่ “โจวโจว เธอยังกังวลเรื่องนี้อยู่อีกเหรอ? ฉันเหมาตั๋วให้เธอเอง ขอแค่เอาเสี่ยวอวี่ไปด้วย รับประกันว่าพ่อแม่สามีของเธอจะรีบหุบปากเชียวล่ะ”
“แต่ว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันต้องการ” ถังโจวโจวไม่อยากให้พวกเขาดีกับเธอเพียงเพราะลูก แต่ไม่ได้ยอมรับเธอจากใจจริง
“เธอโง่หรือไงกัน? จะเพราะเสี่ยวอวี่แล้วเป็นยังไงล่ะ? เธอใช้ชีวิตกับลั่วเซ่าเซิน ไม่ได้อยู่กับพวกเขาสักหน่อย ถ้าพวกเขายอมรับก็ดีกว่าอะไรทั้งนั้นแล้ว กับสถานการณ์ในตอนนี้ ใช้วิธีการอื่นๆ หน่อยจะเป็นไรไป? ในเมื่อทั้งสองฝ่ายก็ต่างยินดี”
ด้วยภาพลักษณ์ของถังโจวโจวในสายตาของหลินเหยาแล้ว พ่อแม่สามีของถังโจวโจวมีลูกก็เท่ากับโชคใหญ่ ตอนนี้มีเสี่ยวอวี่ปรากฏตัวขึ้นแล้ว นี่ยังไม่ดีอีกหรือไง? โจวโจวยังเป็นกังวลอยู่อย่างนี้อีก เธอโง่หรือเปล่า?
ถังโจวโจวคิดย้อนกลับไป ก็จริงนะ ก่อนหน้านี้พ่อแม่ของลั่วเซ่าเซินเพียงแต่รอคอยการปรากฏตัวของหลานชาย ตอนนี้เสี่ยวอวี่มาได้เวลาพอดี เชื่อว่าคราวนี้พวกเขาคงจะไม่มีอะไรให้พูดอีกแล้ว ถ้าไม่ได้จริงๆ เธอพาเสี่ยวอวี่กลับไปอยู่ที่บ้านแม่ก็ได้ อย่างไรลั่วเซ่าเซินก็ต้องคิดหาวิธีของตัวเอง
“อะไรคือสองฝ่ายก็ต่างยินดี?” จู่ๆ เสียงของลั่วเซ่าเซินก็ดังขึ้น ทำเอาสองสาวที่กำลังพูดคุยกันอยู่นั้นตกใจไปหมด
ถังโจวโจวตบหน้าอกของตัวเอง “ทำไมเดินมาไม่ให้สุ้มให้เสียงล่ะ! ตกใจหมดเลย!”
เดิมทีหลินเหยาก็ไม่ได้ตกใจ แต่สุดท้ายเพราะสีหน้าเหมือนเห็นผีของถังโจวโจวก็ทำให้เธอตกใจจนได้ “โจวโจว เธออย่าตื่นตระหนกไปเลย เมื่อกี้ขนาดฉันเป็นคนพูดก็ยังไม่ได้ร้อนตัวขนาดเธอเลย ดูท่าว่าเธอจะทำอะไรไม่ดีไม่ได้นะ ขี้ขลาดออกอย่างนี้”
ถังโจวโจวไม่ได้ตอบกลับไปดีนัก “พวกเราก็รู้จักกันมาหลายปีแล้ว หรือว่าเธอเพิ่งรู้เรื่องนี้ล่ะ?”
“ใช่ ความผิดของฉันเอง เธอเอาไฟศึกย้ายไปไว้ที่ตัวสามีของเธอเถอะนะ วันนี้เธอกลับมากก็เหนื่อยมากแล้ว ฉันขอตัวกลับก่อน เอาไว้ค่อยนัดกันใหม่”
ตอนที่ 400 เบี่ยงเบนความสนใจ
ถังโจวโจวพยายามทำให้บรรยากาศทุกอย่างผ่อนคลายลง ทำให้ไม่ได้ดูโศกเศร้าถึงขนาดนั้น เธอรู้ว่าลุงโอวหยางกำลังจ้องมองเธออยู่อีกฝั่งหนึ่งอย่างเอาเรื่อง โดยเฉพาะตอนที่เสิ่นหลานอีร้องไห้ฟุบลงบนบ่าของเธออย่างนั้น เขาก็ดูเหมือนอยากจะแย่งตัวเธอกลับไปทันทีเพื่อปลอบใจ
ถังโจวโจวอดไม่ได้ที่จะบ่นพึมพำในใจ ลุงโอวหยาง ถึงฉันจะรู้ว่าคุณรักแม่ของฉันมาก แต่ว่าคุณจะโกรธเคืองแล้วไปลงที่คนอื่นไม่ได้นะ!
แต่ว่าถังโจวโจวก็ชินแล้ว มีครั้งไหนบ้างที่เกิดเรื่องกับเสิ่นหลานอีแล้วโอวหยางเลี่ยจะไม่พาลไปถึงคนอื่น ในสายตาเขาคนอื่นก็ทำผิดเสมอ ส่วนคนที่ได้รับหายนะก็มีแต่โอวหยางหง ถังโจวโจวเจอเรื่องอย่างนี้อยู่ไม่กี่ครั้งเท่านั้น แต่ว่านี่ก็ทำให้เธอหวาดกลัวได้แล้ว
“แม่คะ แม่ดูลุงโอวหยางสิคะ ถ้าแม่ยังไม่ปล่อยหนูอีก หนูต้องแย่แน่ๆ เลยนะคะ” ถังโจวโจวแอบกระซิบเข้าที่ข้างหูของเสิ่นหลานอี ทำเอาสายตาของเสิ่นหลานอีมองทอดไปทางฝั่งโอวหยางเลี่ยอย่างช่วยไม่ได้
ร่างกายของโอวหยางเลี่ยชะงักไปในทันที ภรรยาของเขามองมาแล้ว เขาพลันมีท่าทีกระฉับกระเฉงมีชีวิตชีวาขึ้นมา เสิ่นหลานอีค่อยๆ คลายมือออกจากร่างกายของถังโจวโจว หลังจากที่เธอก่อเรื่องไปเมื่อสักครู่ ความรู้สึกเศร้าเสียใจที่มีแต่เดิมก็หายลงไปมากแล้ว
“โจวโจว ดูแลตัวเองให้ดีนะ มีเรื่องอะไรไม่สบายใจก็ต้องบอกแม่นะ แม่จะช่วยออกหน้าให้ลูกเอง” เธอกลัวว่าถังโจวโจวกลับไปคราวนี้แล้วจะพบเข้ากับเมิ่งไหวเซิน เมื่อถึงเวลานั้นหากเกิดเรื่องไม่ดีเข้าจะก็เป็นความผิดของเธอ
เธอรู้สึกว่าตัวเองติดค้างเด็กคนนี้มาตลอด ใครจะรู้ว่าเด็กคนนี้กลับไม่โกรธแค้นเธอเลย เพียงแต่กลัวว่าถึงเวลาไปเจอหน้าพ่อของเธอเข้าแล้วเธอรู้สึกลำบากใจจะทำอย่างไร?
เพราะความสัมพันธ์กับเธอกับโอวหยางเลี่ย เสิ่นหลานอีถึงไม่รู้ว่าตอนนี้เมิ่งไหวเซินเป็นอย่างไรบ้าง ทว่าเสิ่นหลานอียังจำได้รางๆ ว่า ตระกูลเมิ่งเรืองอำนาจขนาดไหน คิดว่าเวลานี้ก็คงไม่ต่างกัน ถ้าโจวโจวไม่มีใครคอยประคับประคองอยู่ข้างหลัง เธอจะสู้กับตระกูลเมิ่งได้อย่างไร
เสิ่นหลานอีนี่ก็ช่างคิดมากเสียจริง ถังโจวโจวไม่เคยเห็นพ่อของเธออยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย แน่นอนว่าคำพูดนี้ไม่ค่อยถูกต้องนัก ควรจะบอกว่าถังโจวโจวไม่เคยคิดถึงพ่อของเธอมาก่อนต่างหากล่ะ
เธอจำได้ว่า คราวก่อนเมิ่งชิงซีมีเรื่องทะเลาะกับเธอ ตอนนั้นสายตาที่เมิ่งไหวเซินมองมาที่เธอก็อย่างกับว่าเธอเป็นเด็กไม่เอาไหน อย่างกับว่าเธอทำอะไรผิดไป ผลักความรับผิดชอบทั้งหมดมาให้เธอ เธอเชื่อว่าพ่อแบบนี้ไม่ใช่พ่อแบบที่เธอต้องการ
“แม่คะ พวกเราไปแล้วนะคะ” ลั่วเซ่าเซินกลับมาแล้ว ถังโจวโจวให้เสี่ยวอวี่กับลั่วอิงบอกลาพวกเสิ่นหลานอี ทุกคนผ่านการตรวจสอบแล้วเข้าไปยังหน้าเกท เสิ่นหลานอีจ้องอยู่อย่างไม่ลดละ ต่อให้ถังโจวโจวจะไม่ได้มองกลับมาเลยก็ตามที
“โจวโจว ลูกต้องมีความสุขนะ” ไม่ว่าแม่คนไหนก็ไม่วางใจให้ลูกสาวของตัวเองไปอยู่ที่อื่นทั้งนั้น โดยเฉพาะเสิ่นหลานอีกับถังโจวโจวที่ได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันเป็นปีๆ นี่มันนานเท่าไหร่กันเชียว ก็ถึงเวลาจะต้องจากกันอีกแล้ว
“แม่ครับ อย่ากังวลไปเลยนะครับ อีกไม่นานผมก็จะไปประเทศ M ถึงเวลานั้นเราก็ไปเยี่ยมพวกเขาได้” โอวหยางหงปลอบใจแม่ของเขาเบาๆ นั่นทำให้ใจของเสิ่นหลานอีรู้สึกดีขึ้นบ้าง
เครื่องบินมุ่งหน้าทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าและกลุ่มเมฆ พวกถังโจวโจวก็ทิ้งตัวลงบนเบาะผู้โดยสารบนเครื่องบิน เสี่ยวอวี่หลับไปนานแล้ว เขายังเด็ก ไม่รู้เลยว่าการจากไปครั้งนี้ยากนักที่จะได้กลับมาพบกับพวกเสิ่นหลานอีกครั้ง
แตกต่างกับลั่วอิง เธออายุเจ็ดขวบแล้ว รู้ดีว่ากลับไปคราวนี้จะไม่ได้เจอกับคุณยายอีก เมื่อสักครู่นี้ตอนบอกลากับพวกเสิ่นหลานอี เธอก็ร้องไห้ออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ เพียงแต่หลบอยู่ด้านหลัง ไม่ให้ใครรู้ก็เท่านั้น
ตอนนี้ถังโจวโจวลูบหัวของลั่วอิง “ลูกรัก เวียนหัวหรือเปล่า ไม่ต้องกังวลนะ อีกไม่นานคุณแม่โจวโจวกับพ่อของลูกก็จะพาลูกกลับมาเยี่ยมคุณยายอีก อีกอย่างพวกเราก็ไม่ได้เจอกับคุณตากับคุณยายฝั่งนี้มานานแล้ว ลูกไม่คิดถึงพวกเขาเหรอ?”
ถังโจวโจวรู้สึกว่าเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่จะเบี่ยงเบนความสนใจของเธอ เป็นไปดังคาด เมื่อพูดถึงคุณตาคุณยาย ท่าทีของลั่วอิงก็ดีขึ้นมาในทันที “คุณแม่โจวโจว หนูต้องคิดถึงพวกเขาแน่นอนอยู่แล้วค่ะ” จะว่าไป ลั่วอิงก็ไม่ได้เจอคุณตากับคุณยายมานานมากแล้ว
ก่อนหน้านี้ไม่ทันรู้สึกตัว ตอนนี้พอถังโจวโจวพูดถึงขึ้นมา เมล็ดพันธุ์แห่งความคิดถึงก็ราวกับถูกปลูกลงไป เพียงรอให้ดอกไม้ผลิบาน เธอก็รอคอยวันพรุ่งนี้ที่จะได้เจอคุณตากับคุณยาย
“หลับตาลงก่อนนะ หลับไปตื่นเดียวก็ถึงแล้ว ถึงเวลานั้นพอหนูพักผ่อนเรียบร้อยแล้ว คุณแม่โจวโจวจะพาลูกไปเจอพวกเขาเอง”
ตอนที่ 401 กลับประเทศ
ถังโจวโจวเองก็คิดถึงเพื่อนๆ ที่ประเทศ M อยู่เหมือนกัน เธอไม่ได้เจอกับหลินเหยามานานมากแล้ว ระหว่างที่รักษาตัวก็ได้โทรศัพท์ไปหาเธออยู่เหมือนกัน ทางฝั่งหลินเหยาตกใจร้องเสียงดัง พูดออกมาทันทีเลยว่าจะบินมาเยี่ยมเธอ แต่ถูกถังโจวโจวขัดเอาไว้ก่อน
อีกไม่นานเธอก็จะกลับไปแล้ว เรื่องอะไรจะต้องให้หลินเหยาลำบากบินมาหากันล่ะ
พระอาทิตย์ลอยเด่นยู่บนท้องฟ้า ฤดูร้อนคืบคลานเข้ามาอย่างเงียบๆ คนสนิทสองคนรออยู่ในกลุ่มคนที่มารับคนลงจากเครื่องบิน และในเวลานี้เองหญิงสาวหน้าตาสะสวยสวมกางเกงสีดำขาสั้นจู๋กับเสื้อยืดสีขาวก็พุ่งตัวออกมาจากประตูสนามบินมุ่งไปยังโถงใหญ่
ปากพร่ำพูดอยู่ว่า “สายแล้วๆ…” ดูเหมือนว่าเธอเองก็จะไปรับใครสักคนหนึ่งเหมือนกัน เพียงแต่ไม่รู้ว่าโอ้เอ้อยู่ระหว่างทางหรือว่าอะไรกันแน่ ทำให้มาช้าไปหน่อย
ผู้หญิงคนนี้คือหลินเหยา เธอถามวันกลับประเทศของถังโจวโจวมานานแล้ว ใครจะไปรู้ว่าเมื่อสักครู่ถนนเส้นที่จะมาที่นี่จะรถติด ทำให้เธอต้องรีบตะบึงมาอย่างบ้าคลั่ง กลัวว่าจะมาไม่ทันเวลา ถึงตอนนั้นถังโจวโจวจะต้องบ่นเธอไม่หยุดแน่ๆ
เมื่อเห็นหวังหวากับลูซี่ เธอถึงได้วางใจขึ้นมาบ้าง “พวกโจวโจวยังไม่ออกมาใช่ไหม?”
“ยังเลยครับ” เมื่อได้คำตอบที่ต้องการ ในที่สุดหลินเหยาก็ก้มตัวลงหายใจเข้าลึกๆ ได้เสียที เธอดูเวลา ก็เห็นว่าได้เวลาแล้วนี่นา ทำไมยังไม่ออกมาอีกนะ?
หลินเหยาเขย่งปลายเท้า ยื่นหน้าออกไป ตอนนี้เพิ่งจะเก้าโมงเช้า ในสนามบินเปิดแอร์ ไม่ได้ร้อนอบอ้าวเหมือนอย่างข้างนอก อุณหภูมิด้านนอกค่อยๆ สูงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อกี้ระหว่างที่หลินเหยาวิ่งปรี่มาก็รู้สึกว่าเหงื่อบนร่างกายเหนอะหนะไปหมด ไม่สบายตัวเลยสักนิด
“ทำไมยังไม่ออกมาอีกนะ?” พอพูดคำนี้ออกมา หลินเหยาก็มองเห็นเงาร่างที่คุ้นเคย เธอสวมกางเกงขายาวสีเขียวสด รองเท้าส้นเตารีดสีขาว อุ้มตุ๊กตาตัวจ้ำม่ำอยู่ในอ้อมแขน
“โจวโจว ทางนี้! ทางนี้!” คนอื่นๆ เองก็รับญาติของตัวเองกลับไป ในที่สุดหลินเหยาก็เห็นถังโจวโจวกับลั่วเซ่าเซินแล้ว เธอโบกมืออย่างรีบร้อนให้พวกเขา กลัวว่าพวกเขาจะไม่เห็นว่าเธออยู่ตรงนี้
เพียงแค่ถังโจวโจวก้าวเดินออกจากประตูก็เห็นเข้ากับหลินเหยาทันที หลินเหยาดูสะดุดตาเป็นที่สุดในบรรดาฝูงชน นอกเสียจากว่าถังโจวโจวจะตาบอด ถึงจะมองไม่เห็นเธอ มีเพียงหลินเหยาคนนี้คนเดียวเท่านั้นที่รู้สึกว่าถังโจวโจวไม่รู้ว่าเธออยู่ตรงนั้น
เดิมทีหลินเหยาอยากกอดเธอสักยกใหญ่ แต่เพิ่งจะยื่นมือออกไปก็นึกขึ้นได้ว่าในอ้อมแขนของถังโจวโจวยังมีเจ้าตัวเล็กที่ขวางทางอยู่ จึงทำได้เพียงยื่นมือออกไปอย่างจนใจ
“นี่คือลูกบุญธรรมของฉันเหรอเนี่ย รีบมาให้แม่บุญธรรมอุ้มเร็วเข้า!” หลินเหยายื่นมือเตรียมตัวแย่งตัวเสี่ยวอวี่มา จะรู้ได้อย่างไรว่าพอเสี่ยวอวี่เห็นท่าทางของเธอก็รีบหลบไปด้านหลังทันที ถังโจวโจวยิ้มพลางเอ่ย “เหยาเหยา ดูเหมือนว่าลูกชายของฉันจะไม่อยากให้เธออุ้มนะจ๊ะ”
“ชิ เสี่ยวอวี่ มีคนตั้งมากมายอยากกอดกับแม่บุญธรรม แม่บุญธรรมก็ยังไม่ให้กอดเลยนะ” หลินเหยาทำสีหน้ากระเง้ากระงอด น่าเสียดายที่เสี่ยวอวี่มองไม่เห็นเลยสักนิด สีหน้าเมื่อสักครู่เปล่าประโยชน์เสียแล้ว
“ท่านประธาน ภรรยาท่านประธาน” รอจนกระทั่งถังโจวโจวและหลินเหยารำลึกอดีตกันเรียบร้อยแล้ว หวังหวากับลูซี่ถึงได้รับของที่เธอและลั่วเซ่าเซินเอากลับมาไปไว้ที่พวกเขา
“ผู้ช่วยหวัง ลูซี่ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ!” ถังโจวโจวเห็นคนคุ้นเคยที่ไม่ได้เจอกันนาน ในใจยินดีเป็นที่สุด เธอไม่ได้เจอคนเหล่านี้มาเป็นเวลาสองปีแล้ว
“เอาล่ะ อีกเดี๋ยวขึ้นรถแล้วค่อยคุยกัน ตอนนี้ออกไปกันก่อนเถอะ” ลั่วเซ่าเซินเห็นเสี่ยวอวี่กับลั่วอิงต่างดูอ่อนเพลีย ผู้ใหญ่อย่างพวกเขาก็พอจะทนได้อีกหน่อย เพียงแต่ว่าเด็กๆ ยังเล็กเกินไป ต้องรีบพากลับบ้านไปพักผ่อน
คนทั้งหมดพากันออกมาจากสนามบิน หวังหวานำของขึ้นรถก่อน คราวนี้เขากับลูซี่ขับรถมาคนละคัน ลั่วเซ่าเซินพาลั่วอิงไปนั่งรถอีกคันหนึ่ง ส่วนรถอีกคันมีถังโจวโจว หลินเหยาและเสี่ยวอวี่
รถทั้งสองคันแล่นไปข้างหน้า พอขึ้นรถแล้ว หลินเหยาเห็นถังโจวโจวกล่อมให้เสี่ยวอวี่ง่วงนอน จู่ๆ ก็ถอนใจด้วยความใจหาย “โจวโจว เห็นเธอเป็นแบบนี้แล้วฉันถึงได้รู้สึกว่าเธอเป็นแม่คนแล้วสิ”
“เหยาเหยา สองปีมานี้เธอไม่เจอใครที่ถูกใจบ้างเลยเหรอ?” ตอนนี้ถังโจวโจวเป็นห่วงเรื่องความรักของหลินเหยามากกว่า เธอไม่อยู่ตั้งสองปี หรือว่าหลินเหยาไม่มีเจอใครที่ถูกใจบ้างเลย? จะทำลายครึ่งชีวิตที่เหลืออยู่ของตัวเองเพื่อผู้ชายห่วยๆ คนนั้นจริงๆ น่ะเหรอ?
“ความจริงก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีหรอกนะ เพียงแต่ว่าเพราะสาเหตุบางอย่างพวกเราก็เลยไม่ได้คบกัน แต่เธอเชื่อเถอะ ในที่สุดพวกเราก็ต้องได้อยู่ด้วยกัน ถึงเวลาแล้วฉันจะบอกเธอเอง” หลินเหยาแสดงออกชัดเจนว่าไม่อยากพูดออกมาตอนนี้