ออกแบบรักโปรเจกต์หัวใจ 298 ใจแคบ / 299 บ้า

ตอนที่ 298 ใจแคบ / ตอนที่ 299 บ้า

ตอนที่ 298 ใจแคบ

 

 

 “เปล่านี่ ทำไมคุณถึงคิดอย่างนั้นล่ะ” หลินเหยาเอ่ยอย่างไร้เดียงสา เหมือนฟังหยวนถามคำถามที่ไม่ควรถาม

 

 

ถังโจวโจวเห็นฟังหยวนจ้องมองมาก็รู้สึกว่าเหยาเหยายอดเยี่ยมขึ้นทุกที กล้าทำแบบนั้นต่อหน้าฟังหยวนด้วย

 

 

ฟังหยวนจะพูดอะไรได้? ถ้าเขาพูดแบบนั้นแต่หลินเหยาไม่ยอมรับ จะคิดว่าเขาเป็นคนใจแคบหรือเปล่า และถ้าเขาบอกว่าเมื่อกี้พูดผิดไปแล้วก็เหมือนเป็นการตบหน้าตัวเอง ดังนั้นฟังหยวนจึงเลือกที่จะเงียบ

 

 

หลินเหยาม้วนเส้นพาสต้าด้วยส้อม อ้าปากกว้างยัดมันเข้าไป ซอสติดอยู่ที่ปากของเธอ ฟังหยวนเห็นแล้วขัดตามากนึกอยากจะช่วยเธอเช็ด แต่แค่คิดจะยื่นมือไปก็นึกถึงท่าทางหลินเหยาเมื่อกี้ เขาก็ล้มเลิกความคิดนั้นไป

 

 

การเคลื่อนไหวของเขานั้นไม่สะดุดตา ดังนั้นถังโจวโจวและหลินเหยาจึงไม่ได้สังเกตเห็น ฟังหยวนมองสีหน้าพึงพอใจของถังโจวโจวรู้สึกเหมือนตัวเองจะเริ่มหิวขึ้นมา เขาเรียกพนักงานและสั่งซี่โครงวัวไปหนึ่งที่

 

 

“ฟังหยวน หรือเมื่อกี้คุณไม่ได้กินอะไรเลย” เป็นไปไม่ได้ ถังโจวโจวเห็นเมื่อกี้ที่ที่ฟังหยวนสั่งดูอุดมสมบูรณ์มาก ทำไมเขาจะไม่ได้กินอะไร แล้วทำไมยังสั่งอาหารอีก

 

 

“ดูคุณกินแล้ว จู่ๆ ก็หิวขึ้นมาน่ะ เมื่อกี้คุยกับผู้หญิงคนนั้นอยู่ตลอด จะเอาเวลาที่ไหนกิน”

 

 

“ฮ่าๆ คุณยังไม่บอกเลยนะว่าทำไมคุณถึงมาดูตัว แค่คุณโบกมือผู้หญิงก็มาล้อมหน้าล้อมหลังแล้ว ทำไมยังต้องนัดดูตัวด้วยล่ะ”

 

 

ถังโจวโจวรู้สึกเหลือเชื่อจริงๆ ผู้ชายอย่างฟังหยวนต้องมานัดดูตัว หรือว่าในโลกใบนี้การนัดดูตัวเป็นวิถีของเจ้าชายกันนะ

 

 

“เฮ้อ ก็คนที่บ้านร้อนใจน่ะสิ อีกอย่าง ผู้หญิงคนก่อนๆ ของผมก็แค่ของเล่น ไม่ใช่ตัวจริง”

 

 

ฟังหยวนเพิ่งจะพูดจบก็ได้ยินเพียงเสียงหัวเราะที่เยือกเย็นของหลินเหยาลอยมา ถังโจวโจวรู้สึกว่าตรงนี้บรรยากาศมาคุแปลกๆ ค่อนข้างอึดอัดเลยทีเดียว

 

 

“เอ่อ เหยาเหยา เป็นอะไรไป อาหารไม่อร่อยเหรอ” ถังโจวโจวอยากเปลี่ยนเรื่อง เธอกลัวหลินเหยาจะโมโหขึ้นมา

 

 

“ก็ไม่เลว เธอชิมดูสิ”

 

 

“อืม เหยาเหยา เธอก็ชิมอันนี้ของฉันสิ กุ้งมังกรรสชาติดีมาก” ถังโจวโจวรู้สึกว่ากินข้าวกับหลินเหยาครั้งนี้เหนื่อยใจมาก ต้องคอบระวังว่าหลินเหยากับฟังหยวนจะลุกขึ้นมาทะเลาะกันหรือเปล่า เธอกลัวแล้วจริงๆ

 

 

หลินเหยาพยักหน้า “ก็ไม่เลว” ถังโจวโจวกลัวว่าฟังหยวนที่นั่งอยู่จะเหงาก็เลยชวนคุย “ฟังหยวนเห็นคุณกับผู้หญิงคนนั้นคุยกันถูกคอ ถูกใจเธอไหม”

 

 

ฟังหยวนเห็นถังโจวโจวไม่ได้โกรธแม้แต่น้อยแล้วยังถามเรื่องของเขาอีกก็ค่อนข้างเสียใจ เห็นว่าไม่ว่าเขาจะทำอะไร โจวโจวก็ไม่รู้สึกอะไรเลย ไม่ต้องบอกให้เธอหึง แค่รู้สึกไม่สบายใจสักนิดยังไม่มีเลย

 

 

“โจวโจว ตอนนี้คุณใช้ฐานะอะไรในการถามผมเหรอ” จู่ๆ ฟังหยวนก็ถามถังโจวโจวอย่างจริงจัง ถังโจวโจวถูกฟังหยวนถามจนมือสั่น คิดคำตอบไม่ออก

 

 

เธอก็แค่ถามเรื่อยเปื่อยเฉยๆ ใครจะรู้ว่าต้องมีคำตอบถึงจะถามเขาได้ ถังโจวโจวไม่เคยคิดมาก่อน “ฟังหยวน ทำไมอยู่ๆ คุณถึงพูดแบบนั้นล่ะ”

 

 

เธอก็แค่ถามไปเรื่อยเท่านั้น ฟังหยวนจริงจังขนาดนี้ทำไมนะ

 

 

 

 

 

ตอนที่ 299 บ้า

 

 

“เปล่าหรอก โจวโจว คุณก็ถือซะว่าผมเป็นบ้าไปเองก็แล้วกัน” ฟังหยวนรู้สึกว่าพูดกับถังโจวโจวตอนนี้ก็ไม่มีความหมาย ถังโจวโจวไม่เคยเข้าใจความคิดของเขา หรือเธออาจจะไม่เข้าใจทุกอย่างเพราะเขามาช้าไป

 

 

เรื่องทุกอย่างอยู่ในสายตาของหลินเหยา นี่มันเรื่องอะไรกัน “พวกเธอเป็นอะไรกันน่ะ”

 

 

“เปล่า” ฟังหยวนพูดอย่างผิดหวัง

 

 

ถังโจวโจวไม่มีความรู้สึกอะไรมากไปกว่าการปฏิเสธเขา เมื่อกลับไปคิดดูดีๆ ฟังหยวนก็รู้สึกว่าแบบนี้ก็ดี อย่างน้อยยังสามารถอยู่ข้างถังโจวโจวได้ ถ้าได้ยินเธอปฏิเสธจริงๆ แม้แต่เพื่อนเขาก็คงไม่ได้เป็น

 

 

จู่ๆ ความผิดหวังของฟังหยวนก็ทำให้ถังโจวโจวรู้สึกเศร้าเล็กน้อย เมื่อกี้เธอพูดอะไรผิดไปรึเปล่า ไม่อย่างนั้นฟังหยวนคงไม่เป็นแบบนี้ เห็นๆ อยู่ว่าเมื่อกี้ยังดีๆ อยู่เลย

 

 

โชคดีที่มีคนเข้ามากู้สถานการณ์ของเธอไว้ได้ทัน พนักงานเอาซี่โครงวัวมาเสิร์ฟ บรรยากาศดีขึ้นเล็กน้อย ตอนนี้ถังโจวโจวไม่พูดอะไร เอาแต่กินอาหารของตัวเอง ตอนนี้เธอรู้สึกจริงๆ นะว่าพูดผิดไปแล้ว

 

 

หลังจากนั้นหลินเหยาและฟังหยวนก็ได้พูดคุยกันอีกครั้ง ถังโจวโจวรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นหินเบิกทาง ตอนนี้พวกเขาดูเหมือนจะดีขึ้น ทิ้งเธอไว้โง่ๆ แบบนี้

 

 

ฟังหยวนเห็นหลินเหยาถือของเยอะแยะก็ถาม “ให้ผมไปส่งพวกคุณไหม”

 

 

“ได้สิๆ” ถังโจวโจวเหมือนได้เจอแรงงานฟรี เธอดีใจมาก ต้องรู้ว่าเธอและหลินเหยาถือของกันหนักมาก ใครไม่เหนื่อยก็ถือว่าดีไป

 

 

ในขณะที่ฟังหยวนไปเอารถ ถังโจวโจวก็กระซิบถามหลินเหยา “เหยาเหยา เมื่อกี้เธอเพิ่งว่าเขาอยู่หยกๆ ไม่ใช่เหรอ ทำไมจู่ๆ ถึงดีกับเขาแล้วล่ะ”

 

 

ถังโจวโจวไม่เข้าใจทั้งสองคนเป็นอย่างมาก เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย แม้แต่คนที่มองพวกเธอยังเหนื่อยใจ

 

 

“ฉันคิดๆ แล้ว คนเค้าก็ไม่ได้ทำอะไรผิด บางทีระบบฉันอาจจะลัดวงจรเลยเผลอว่าเขาไป ในเมื่อรู้ว่าทำผิดไปแล้วก็เป็นธรรมดาที่จะดีกับเขา มีปัญหาอะไรงั้นเหรอ”

 

 

ถังโจวโจวได้รับคำอธิบายจากหลินเหยาก็เกิดความรู้สึกแปลกๆ ที่ไม่สามารถอธิบายได้ “เอาล่ะ ไม่พูดแล้ว รถฟังหยวนก็มาแล้ว รีบเอาของไปไว้ในรถเถอะ”

 

 

หลินเหยาขัดจังหวะความคิดถังโจวโจว ถังโจวโจวไม่คิดถึงเหตุผลที่หลินเหยากับฟังหยวนคืนดีกันแล้ว ตอนนี้ที่สำคัญคือต้องเอาของไปไว้ในรถก่อน

 

 

หลังจากฟังหยวนจอดรถก็ลงมาช่วยหลินเหยาถือของ ทั้งสามคนร่วมมือกัน ถึงจะเอาของเข้าไปในรถได้ “เดี๋ยวไปส่งหลินเหยาก่อนนะ แล้วผมจะไปส่งโจวโจว”

 

 

ฟังหยวนสตาร์สรถ ถังโจวโจวไม่ได้แนะนำอะไร “ได้หมด ส่งเหยาเหยาก่อนก็ดี เดี๋ยวพวกเราจะได้ช่วยเธอถือของ”

 

 

หลินเหยานั่งข้างที่นั่งคนขับ รู้สึกว่าถังโจวโจวอาจจะสมองหมู ทำไมอยู่ดีๆ ก็พูดชื่อเธอขึ้นมาเล่า อีกเดี๋ยวเขาต้องถามขึ้นมาอีกแน่

 

 

“ทั้งหมดนี่เป็นของคุณเหรอ” ฟังหยวนถามหลินเหยาอย่างสยองๆ

 

 

หลินเหยาถูกเขามองจนอายขึ้นมาจึงจงใจทำท่าทางดุร้ายใส่ “ทำไม ฉันซื้อไม่ได้เหรอ นายเป็นใครมายุ่งเรื่องของฉัน”

 

 

คำพูดร้ายกาจอารมณ์มาเต็ม ถังโจวโจวรู้สึกว่าไม่ค่อยดีนัก “เหยาเหยา ฟังหยวนก็แค่ถาม ทำไมเธอต้องโมโหด้วยล่ะ”

ตอนที่ 296 เค้นถาม

 

 

ถังโจวโจวมองหลินเหยาที่ไม่ตอบคำถามเธอก็รู้ว่าเธอกำลังใจลอยอยู่ แต่ถังโจวโจวไม่เข้าใจ ทำไมถึงมองฟังหยวนอย่างนั้น เหยาเหยาไม่ได้คิดอะไรกับฟังเหยาไม่ใช่เหรอ หรือตอนนี้เธอ…คิดแล้ว?

 

 

“เหยาเหยา รีบบอกความจริงมาเร็ว เธอมีความสัมพันธ์ใหม่กับฟางหยวนลับหลังฉันใช่ไหม” ถังโจวโจวหรี่ตามอง ท่าทางดูสนใจในเรื่องนี้มาก ถ้าเหยาเหยาได้ลงเอยกับฟังหยวนจริงก็คงสมหวังดังที่ถังโจวโจวตั้งใจไว้แล้ว

 

 

ในใจถังโจวโจวก็ไม่ได้คิดอะไร เธอแค่รู้สึกว่าฟังหยวนกับหลินเหยาเหมาะสมกัน แต่ไม่รู้ว่าทั้งสองฝ่ายคิดยังไง ถังโจวโจวจำได้แม่นว่าตอนแรกที่เธอพาหลินเหยาไปเจอฟังหยวนนั้น หลินเหยามีปฏิกิริยารุนแรงแค่ไหน

 

 

หลังจากนั้นถังโจวโจวก็กลัวว่าหลินเหยาจะไม่พอใจเลยไม่กล้าพาเธอไปเจอฟังหยวนอีก และไม่กล้าแซวเรื่องของพวกเธอด้วย แต่ถังโจวโจวไม่รู้เลยว่าหลินเหยาเกิดความรู้สึกนี้ขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่

 

 

หลินเหยาปฏิเสธทันที “โจวโจว เธอพูดมั่วอะไร ฉันกับเขาจะเป็นไปได้ยังไงเล่า”

 

 

หลินเหยาไม่ได้ครุ่นคิดจริงจังถึงความไม่สบายใจในใจตนเอง มันอาจจะเป็นเพราะว่าเธอกับฟังหยวนหลุดจากกรอบความสัมพันธ์ของเพื่อนไปแล้วก็ได้ ดังนั้นเธอเลยไม่พอใจ ก็เท่านั้นแหละ

 

 

ทั้งโจวโจวพิจารณาการตอบสนองของหลินเหยาอย่างละเอียดก็ไม่พบพิรุธอะไร เธอพึมพำกับตัวเองหรือว่าเธอจะเดาผิดนะ เหยาเหยาไม่ได้คิดแบบนี้ ถังโจวโจวจึงตัดสินใจที่จะสังเกตเหยาเหยาและฟังหยวนอย่างใกล้ชิด

 

 

หลินเหยาหยุดมองโต๊ะของฟังหยวน เธอเพิ่งจะรู้สึกตัวว่าถังโจวโจวมองเธออยู่ตลอด หลินเหยาเองก็รู้สึกว่าตัวเธอเองก็ไม่มีอะไรที่จะให้ถังโจวโจวสงสัยดังนั้นจึงปล่อยให้เธอมองต่อไป

 

 

“เหยาเหยา ฉันเองก็ไม่เจอฟังหยวนนานแล้ว เราเรียกเขามาดีไหม ฉันคิดว่าผู้หญิงคนนั้นก็คงจะเป็นแฟนที่จำชื่อไม่ได้สักคนของเขานั่นแหละ” ข้อเสนอของถังโจวโจวนั้นหลินเหยาไม่ได้ปฏิเสธและไม่ได้ตอบตกลง

 

 

เมื่อหลินเหยาได้ยินว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นแฟนฟังหยวนก็ไม่ได้แสดงสีหน้าอะไร เธอเองก็ไม่ได้มีภาพจำที่ดีสำหรับแฟนของฟังหยวนเท่าไหร่ ถึงแม้จะไม่ได้เจอกันบ่อยก็เถอะ

 

 

ไม่รู้ว่ามันเป็นพระประสงค์ของพระเจ้าไหม เพราะทุกครั้งที่หลินเหยาได้เจอฟังหยวนก็มักจะไม่มีผู้หญิงที่เขาคบด้วยปรากฏตัวขึ้นเลย มันไม่ตรงกับสไตล์คนเจ้าชู้ที่ถังโจวโจวบอกซึ่งบางครั้งก็ทำให้หลินเหยาคิดมาก

 

 

“เหยาเหยา ถ้าเธอไม่พูดฉันจะถือว่าเธอตกลงนะ” ถังโจวโจวจ้องหลินเหยา อยากเห็นความรู้สึกในตาเธอ แต่จู่ๆ หลินเหยาก็ยื่นหน้าเข้ามาทำให้เธอตกใจ “เหยาเหยา เธอทำอะไรน่ะ จู่ๆ ก็ทำให้ฉันตกใจ”

 

 

“แล้วทำไมเธอถึงไม่พูดเรื่องที่ตัวเองก็ยื่นหน้าเข้ามาบ้างล่ะ โจวโจว เธอจะทำอะไรกันแน่”

 

 

ถังโจวโจวหลบตา ความคิดที่แท้จริงของเธอไม่อาจให้หลินเหยาล่วงรู้ได้ ไม่อย่างนั้นคงถูกเธอฆ่าตายแน่ “ไม่มีอะไร ฉันจะทำอะไรได้ล่ะ เหยาเหยา เธอคิดมากไปแล้ว อืม เป็นแบบนี้แหละ”

 

 

“หึ ความสนุกสนานในตาของเธอน่ะหลบสายตาฉันไม่พ้นหรอก ทำไม อยากเอาชีวิตรักของฉันไปเติมสีสันให้ชีวิตเธอหรือไง” ท่าทางหลินเหยาเหมือนพวกอาเจ๊ใหญ่จริงๆ นี่ทำให้ถังโจวโจวไม่กล้ายั่วโมโหเธอ เพราะเดี๋ยวหลินเหยาหงุดหงิดขึ้นมาแล้วเธอจะซวยเอา

 

 

“เหยาเหยา ฉันก็แค่ล้อเล่นน่ะ ไม่เรียกก็ไม่เรียก ถือเสียว่าพวกเราไม่เห็นเขาแล้วกันเนอะ เหยาเหยา เธอมีความสุขถึงจะเป็นเรื่องดีที่สุด”

 

 

 

 

ตอนที่ 297 พูดให้ร้ายคนอื่น

 

 

“ถังโจวโจว เธอกล้าพูดประโยคเมื่อกี้อีกครั้งไหมล่ะ” แววตาขบขันของหลินเหยาทำให้ถังโจวโจวหวาดระแวง ตาของเธอเหล่มองไปยังโต๊ะของฟังหยวน ไม่รู้ว่าฟังหยวนออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่

 

 

“อุ๊ย เหยาเหยา ทำไมฉันไม่เห็นว่าฟังหยวนออกไปแล้ว รีบดูเร็ว เขาไปไหนแล้ว” พูดได้แค่ครึ่งเดียวตัวละครหลักก็ออกไปเสียแล้ว น่าเบื่อจริงๆ

 

 

“โจวโจว คุณหาผมอยู่รึเปล่า” ถังโจวโจวค่อยๆ หันกลับมาและพบว่าฟังหยวนยืนอยู่ด้านหลังเธอ ราวกับรูปสลักอย่างไรอย่างนั้น “ฟังหยวน คุณมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ฉันตกใจหมดเลย”

 

 

ถังโจวโจวกุมอกตัวเองที่หัวใจเต้นแรง รู้สึกเหมือนหัวใจจะกระดอนออกมาจากหน้าอก ฟังหยวนยิ้มพลางมองถังโจวโจว “ก็มาตั้งแต่ตอนที่คุณบอกว่าไม่อยากเจอผมนั่นแหละ ทำไมเหรอ”

 

 

ถังโจวโจวเห็นท่าทางฟังหยวนเหมือนอยากจะฆ่าคนอย่างนั้น เธอไม่กล้ามีปัญหาอยู่แล้ว “ฟังหยวน ตอนนั้นฉันก็แค่ล้อเล่น แล้วแฟนคุณล่ะ”

 

 

ถังโจวโจวรู้สึกว่าหน้าตัวเองร้อนมาก นินทาเขาก็ดันถูกคนที่นินทาได้ยิน ยังมีเรื่องไหนที่น่าอึดอัดมากกว่านี้อีกไหม

 

 

“แฟนที่ไหนกัน” ฟังหยวนมองถังโจวโจวอย่างงุนงง เขามีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่ อีกอย่าง เขาเองก็ไม่ได้มีความต้องการมานานมากแล้ว มองถังโจวโจวแล้วฟังหยวนก็เหม่อลอยไป

 

 

“ก็ผู้หญิงที่นั่งด้วยกันเมื่อกี้ไง เห็นคุณคุยกันอย่างมีความสุขขนาดนั้น จะไม่ใช่แฟนกันได้ยังไง” ถังโจวโจวไม่เคยเห็นฟังหยวนจะคุณเล่นกับผู้หญิงที่ไม่รู้จักมาก่อน

 

 

ฟังหยวนมีเสน่ห์มาก พอยิ้มแล้วทำให้ผู้หญิงทำตัวไม่ถูก

 

 

“ไม่ใช่หรอก นั่นแค่คนที่ที่บ้านผมนัดดูตัวให้เท่านั้น”

 

 

ตอนนั้นเองพนักงานก็เอาอาหารของถังโจวโจวและหลินเหยามาเสิร์ฟ “ทานให้อร่อยนะคะ”

 

 

“รบกวนเพิ่มเก้าอี้อีกตัวนะคะ” เมื่อได้ยินคำของถังโจวโจว พนักงานก็ย้ายเก้าอี้มาเพิ่มให้ทันที “ขอบคุณค่ะ”

 

 

“คุณผู้ชายท่านนี้ ต้องการจะสั่งอะไรไหมคะ”

 

 

“ไม่ครับ คุณไปเถอะ”

 

 

หลังจากพนักงานออกไป ถังโจวโจวก็เห็นฟังหยวนยืนมองเก้าอี้แต่ไม่นั่ง “คุณมองอะไร เมื่อกี้นั่งนานไป ตอนนี้เลยไม่อยากนั่งแล้วเหรอ”

 

 

“ก็รอคุณเชิญให้นั่งไง”

 

 

“แหม คุณนี่มันจริงๆ เลย ฉันต้องเชิญคุณคุณถึงจะนั่งเหรอ ถ้าฉันไม่พูด คุณจะยืนจนพวกเรากินเสร็จเลยใช่ไหม”

 

 

“ไม่มีทาง ผมรู้ว่าคุณต้องเชิญผม”

 

 

“โจวโจว กินเถอะ พูดไร้สาระกับเขาอยู่ได้” จู่ๆ หลินเหยาพูดขัดจังหวะของถังโจวโจวกับฟังหยวน ถังโจวโจวรู้สึกสงสัย เมื่อกี้เหยาเหยาบอกไม่ได้คิดอะไรกับฟังหยวนนี่ ตอนนี้จะกลับคำเหรอ

 

 

ฟังหยวนไม่คิดว่าพอหลินเหยาพูดขึ้นมาจะเป็นคำพูดด้านลบ “หลินเหยา หรือผมทำอะไรผิดต่อคุณเหรอ”

 

 

แม้ว่าฟังหยวนกับหลินเหยาจะมีความสัมพันธ์อื่น แต่ฟังหยวนก็แบ่งแยกหลินเหยากับพวกแฟนเก่าออกจากกันอย่างชัดเจน แน่นอนว่าหลินเหยาไม่ใช่ของเล่นของเขา เธอไม่ใช่คนประเภทที่จะทำเล่นด้วยได้

 

 

และเพราะแบ่งแยกชัดเจน ฟังหยวนเลยรู้ว่าควรวางตัวยังไงกับหลินเหยา เรื่องหลังจากเมาครั้งนั้นเป็นความผิดพลาด แต่ทั้งสองฝ่ายต่างไม่คิดมากจึงทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ตอนที่ 294 เรื่องเข้าใจผิดเพราะความเมา

 

 

ทำไมมันเหมือนการ์ดที่เธอได้รับจากเซ่าเชินเลยล่ะ  “เหยาเหยา เธอเอามาจากไหนน่ะ” ถังโจวโจวไม่รู้ว่าจู่ๆ ทำไมหลินเหยาถึงร่ำรวยขึ้นมาได้ ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ หลินเหยาจะสามารถปิดบังมาได้นานจนถึงป่านนี้เหรอ ตนแน่ใจว่าเธอจะต้องโทรหาตนทันทีแน่นอน

 

 

“ฉันก็ย่อมมีวิธีการของตัวเอง” เดิมทีหลินเหยาก็ลืมเรื่องบัตรนี้ไปแล้ว จู่ๆ ก็นึกขึ้นมาได้ ทันใดนั้นใจที่เจ็บปวดเพราะกระเป๋าเงินที่ว่างเปล่าก็ได้รับการเยียวยาในทันที ถังโจวโจวลุกขึ้นจากที่นั่งตัวเองทันที และเดินไปข้างๆ หลินเหยา “เหยาเหยา รีบบอกฉันมา เรื่องมันเป็นยังไง ผู้ชายคนไหนให้บัตรนี่กับเธอมา”

 

 

ถังโจวโจวอยากเอาบัตรนั้นมาดู แต่หลินเหยากลับเก็บบัตรไปเร็วมาก “ เหยาเหยา ฉันไม่รู้มาก่อนเลยว่าเธอขึ้งก ฉันเคยซ่อนของกับเธอเหรอ ทำไมไม่ให้ฉันดูสักหน่อยเล่า เธอทำเกินไปแล้วนะ”

 

 

“ไม่มีอะไรน่าดูหรอก โจวโจว นี่ไม่ใช่การ์ดที่ฉันขอจากผู้ชาย เขาให้ฉันเอง” ถ้าพูดเรื่องนี้ล่ะก็ก็คงจะเป็นมิตรภาพระหว่างฟังหยวนและหลินเหยา

 

 

เดิมทีก็เป็นมิตรภาพเพื่อนดื่มที่แสนบริสุทธ์ แต่ไม่รู้เลยว่าวันนั้นทั้งสองคนจะดื่มจนเมาและทำเรื่องไม่ดีลงไปเสียได้

 

 

เมื่อหลินเหยาตื่นขึ้นมาก็รู้สึกปวดหัวมาก รู้สึกว่าผิดปกติเพียงสัมผัสร่างกายเปลือยเปล่าของผู้ชายข้างๆ โชคดีที่หลินเหยามีจิตใจที่มั่นคงจึงไม่ได้ร้องไห้ออกมา ถ้าร้องออกไปคิดว่าคนทั้งชั้นคงได้ยินกันหมดแน่

 

 

คุณว่าทำไมหลินเหยาถึงสูญเสียการควบคุมไปน่ะหรือก็เพราะเธอหันไปมองและพบว่าผู้ชายที่นอนอยู่ข้างๆ นั้นก็คือฟังหยวนมิตรที่แสนบริสุทธิ์ของเธอนั่นเอง

 

 

นี่ทำให้หลินเหยาตกใจมาก ผลคือดื่มแล้วเกิดเรื่อง เธอยังคงจำได้ดีว่าเมื่อวานเธอเป็นคนปล้ำฟังหยวน หลินเหยาไม่กล้าเผชิญหน้ากับฟังหยวน ทำได้แค่เก็บเสื้อผ้าให้เรียบร้อย เตรียมจะเข้าไปในห้องน้ำตอนที่ฟังหยวนยังไม่ตื่น

 

 

ใครจะรู้ว่าเธอเพิ่งจะสวมเสื้อผ้า เมื่อหันกลับไปมองฟังหยวนก็ตื่นแล้ว สายตาที่มองเธอนั้นทำให้เธอตกใจกลัวมาก

 

 

หลินเหยารีบสำนึกผิด “ฟังหยวน เมื่อวานฉันผิดไปแล้ว ฉันไม่ตั้งใจจะทำแบบนี้กับคุณ ยังไงก็ตามพวกเราก็โตๆ กันแล้ว ในเมื่อฉันไม่คิดมาก คุณก็อย่าคิดมากเลย ดีไหม”

 

 

ฟังหยวนไม่ได้พูดอะไร หลินเหยาเองก็ไม่ได้รอให้ฟังหยวนตอบกลับ หลังจากฟังหยวนเข้าไปในห้องน้ำแล้วเธอก็แอบย่องหนีกลับมาทันที หลังจากนั้นมาเธอก็ไม่กล้าเผชิญหน้ากับฟังหยวนอีก มิตรภาพระหว่างคนสองคนต้องถึงคราวแตกหัก

 

 

หลังจากนั้นฟังหยวนก็ให้แบล็กการ์ดนี้กับเธอมา และก็คือบัตรที่หลินเหยาหยิบขึ้นมานั่นเอง บอกว่าข้างในมีเงินเพื่อชดเชยให้หลินเหยาในวันนั้น

 

 

ฟังหยวนพูดอย่างจริงใจและยังบอกว่าถึงแม้หลินเหยาจะเป็นคนรุกก่อน แต่คนที่เสียเปรียบก็คือเธออยู่ดี เขาเป็นผู้ชายก็ต้องชดเชยให้หลินเหยา

 

 

คำพูดของฟังหยวนทำให้หลินเหยาปฏิเสธไม่ได้และหลังจากนั้นฟังหยวนยังพูดอีกว่า ถ้าหลินเหยาไม่ต้องการก็ให้ทิ้งไปเสีย อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่รับคืน หลินเหยาคิดที่จะทิ้งบัตรนี่แต่ใจก็เสียดายเลยยังเก็บไว้

 

 

หลังจากนั้นหลินเหยาและฟังหยวนก็ได้เจอกันอยู่หลายครั้งต่างคนต่างก็ทำเหมือนเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น ดังนั้นหลินเหยาจึงเกือบลืมเรื่องนี้ไปแล้ว

 

 

ถังโจวโจวเห็นหลินเหยาไม่พูดอะไรอยู่นานจึงโบกมือไปมาตรงหน้าเธอ “เหยาเหยา เธอเอ๋อไปแล้วเหรอ”

 

 

 

 

 

   ตอนที่ 295 ที่มาของบัตร

 

 

“เธอสิยะเอ๋อ” ไม่คิดว่าหลินเหยาจะมีปฏิกิริยาตอบกลับที่ว่องไวแบบนี้ ถังโจวโจวที่ถูกเธอตอกหน้ากลับพูดอะไรไม่ออกสักคำ

 

 

“เหยาเหยา เมื่อกี้เธอคิดอะไรอยู่เหรอ” ถังโจวโจวคิดว่าคนโตแล้วไม่ควรคิดเล็กคิดน้อยจึงไม่คิดมากกับหลินเหยา เธอยังสนใจในที่มาของบัตรนี่มากกว่า

 

 

จู่ๆ ถังโจวโจวก็นึกถึงความเป็นไปได้หนึ่งขึ้นมา “เหยาเหยา นี่คงไม่ใช่ของที่หลิวเหยียนให้เธอใช่ไหม นี่ ห้ามรับเด็ดขาดเลยนะ”

 

 

“เรื่องนั้นฉันรู้น่า ไม่รู้จริงๆ ว่าสมองเล็กๆ ของเธอเนี่ยคิดอะไรอยู่กันแน่ ฉันจะรับบัตรนี่มาจากผู้ชายคนนั้นได้ยังไง วางใจเถอะ ไม่ใช่ของหลิวเหยียนหรอก ไม่ใช่สิ มันไม่สำคัญหรอก เธอไม่ต้องไปสนใจมันหรอก”

 

 

“ในเมื่อไม่เกี่ยวกับหลิวเหยียน งั้นเหยาเหยาเธอบอกฉันมา ห้ามปิดบังด้วย” หลินเหยาใจร้ายมาก มาทำให้เธออยากรู้ ตอนนี้กลับไม่พูด ถังโจวโจวละอยากจะบีบคอเธอให้ตายนัก แน่นอนว่าแค่พูดเล่นเฉยๆ

 

 

เห็นท่าทางอยากรู้ของถังโจวโจว หลินเหยาก็ยิ่งราดน้ำมันลงบนกองไฟ

 

 

“โจวโจว ตอนนี้ใจเธอคงคันยุบยิบไปหมดแล้วสินะ อยากให้ฉันบอกเธอมั้ยล่ะ…แต่ฉันไม่บอกหรอก! ขอแค่ฉันไม่พูด เธอก็จะไม่มีวันได้รู้ตลอดไป รีบมาช่วยฉันถือของซะดีๆ ฉันจะพาเธอไปกินข้าว”

 

 

“เหยาเหยา เธอ!”

 

 

“ฉันทำไม” หลินเหยาใช้สองมือถือถุง สายตาเชิดสูง เธอก็อยากจะรู้นักว่าถังโจวโจวจะทำยังไง ที่ไหนได้ถังโจวโจวกลับเปลี่ยนจากความโกรธเกรี้ยวเป็นรอยยิ้มแทน ท่าทางประจบประแจงนั่นทำให้ทั้งร่างของหลินเหยาสั่นไหวสองครั้ง

 

 

“เหยาเหยา ฉันหมายถึงฉันมาที่นี่ก็เพื่อช่วยเธอของนี่แหละ เลี้ยงข้าวเหรอ ดีเลย ในเมื่อเธอมีเงิน ฉันก็จะกินจนเธอจนไปเลย” แม้ว่าเธอจะไม่บอกว่าเป็นใครแต่สักวันฉันจะต้องรู้ให้ได้ ในใจถังโจวโจวแอบสาบานเงียบๆ

 

 

สองคนมองหาร้านอาหารตะวันตกและเข้าไปนั่ง ถังโจวโจวสั่งกุ้งมังกร หลินเหยาสั่งสปาเก็ตตี้

 

 

หลินเหยามองไปรอบๆ จู่ๆ ก็ได้พบคนที่เธอไม่อยากเจออย่างฟังหยวนเข้า ตอนเห็นสาวๆ ข้างกายฟังหยวน ไม่รู้ทำไม หลินเหยาก็รู้สึกโกรธขึ้นมาทันที

 

 

เธอรู้สึกเหมือนกับว่าเห็นผู้ชายของตัวเองแอบไปมีชู้อย่างนั้นแหละ หลินเหยาตกใจ เธอคงไม่ได้จริงจังกับเรื่องที่เกิดขึ้นในครั้งนั้นหรอกใช่ไหม เธอลองคิดๆ ดูอย่างละเอียดว่าตนเกิดความรู้สึกที่ผิดปกติไปหรือไม่ แต่ก็พบว่าไม่มีอะไรผิดปกติ อย่างนั้นวันนี้เธอเป็นอะไรไปนะ

 

 

ถังโจวโจวเห็นหลินเหยามองไปยังทิศทางที่ฟังหยวนอยู่ เธอก็หันไปมองมองคู่รักคู่นั้น “เหยาเหยา นั่นฟังหยวนใช่ไหม ดูเหมือนจะหาคู่ควงใหม่ได้แล้วนะ เจ้าชู้จริงๆ ห่างจากผู้หญิงไม่ได้เลย”

 

 

ฟังหยวนจามหนึ่งที ถังโจวโจวรีบปิดปากทันที ทำไมความรู้สึกไวแบบนี้นะ เธอยังพูดไม่ทันจบ ฟังหยวนก็ตอบสนองแล้ว นี่น่าประหลาดใจมากจริงๆ ถังโจวโจวไม่กล้าพูดอีก

 

 

เห็นหลินเหยาไม่พูดอะไรเลย ถังโจวโจวก็เขย่าเธอ “เหยาเหยา เธอเป็นอะไร ฟังหยวนไง เธอเองก็เคยเจอ เขาแค่เปลี่ยนผู้หญิงเท่านั้น สำหรับฟังหยวนแล้วก็ไม่แปลกหรอก”

 

 

ที่จริงถังโจวโจวไม่ได้เรียกฟังหยวนคนเจ้าชู้นานแล้ว แต่ช่วงหลายเดือนนี้ ถังโจวโจวเห็นฟังหยวนอยู่คนเดียว เธอเกือบจะลืมประวัติที่ยอดเยี่ยมของเขาไปแล้ว

 

 

“อ่ะ โจวโจว เรียกฉันเหรอ อาหารมารึยัง” หลินเหยามองโต๊ะที่ว่างเปล่า ไม่รู้ว่าถังโจวโจวเรียกเธอทำไม

ตอนที่ 292 ไร้สาระ   

 

 

สวี่โยวไม่ใช่ไม่เห็นสีหน้าหยอกเย้าของคุณแม่สวี่ แต่เธอแสร้งทำเหมือนไม่เห็น แบบนี้ก็จะได้ไม่รู้ว่าใบหน้าตัวเองร้อนผ่าวหรือเปล่าอย่างไรก็กลบเกลื่อนไปได้  

 

 

เมื่อคุณแม่สวี่ออกจากห้อง สวี่โยวก็ตีเซียวโม่ทันที “คุณดูที่เมื่อกี้คุณพูดสิ แม่ได้ยินหมดเลย คุณจะให้แม่คิดยังไงกัน”  

 

 

“จะคิดแบบไหนก็คิดไปสิ ผมพูดอะไรผิดเหรอ” เซียวโม่คิดดูอีกทีก็รู้สึกว่าไม่ได้พูดอะไรผิด ดังนั้นเขาจึงไม่รู้สึกว่ามีปัญหาตรงไหน  

 

 

สวี่โยวเห็นเซียวโม่คิดไม่ได้ก็ไม่พูดเรื่องนี้กับเขาอีก เธอกลัวว่าเซียวโม่จะไม่เข้าใจ อีกเดี๋ยวก็จะทะเลาะกันอีก  

 

 

“โม่ ชื่อของลูกคุณคิดไว้รึยัง” ตอนแรกก่อนพวกเขาจะมีลูกก็เถียงกันตลอด เรื่องตั้งชื่อลูกแค่คิดก็ไม่อยากคิด  

 

 

ความสัมพันธ์ของพวกเขานั้นไม่ง่ายเลยกว่าจะดีขึ้นได้ขนาดนี้ สวี่โยวสนใจแค่บ่มเพาะความรู้สึกกับเซียวโม่เท่านั้นเลยไม่มีเวลาไปคิดเรื่องตั้งชื่อลูก  

 

 

เมื่อคิดดูอีกที สวี่โยวก็รู้สึกละอายใจ ถ้าลูกโตไปแล้วรู้จะโทษแม่ไหมที่ไม่ใส่ใจลูกเลย  

 

 

เซียวโม่เงียบไปสักพัก สวี่โยวตกอยู่ในภวังค์ของตัวเองจึงไม่เห็นท่าทีผิดปกติของเซียวโม่ และเมื่อสวี่โยวได้สติกลับมา เซียวโม่ก็ยังไม่พูดอะไรออกมาสักคำ “โม่ คุณเป็นอะไรไปเหรอ”  

 

 

“ไม่มีอะไร ชื่อของลูกผมจะคิดให้ดี”  

 

 

สวี่โยวไม่เข้าใจเซียวโม่ เขาหมายความว่าอะไร คงไม่ใช่ที่เธอคิดใช่ไหม “โม่ คุณไม่เคยคิดเรื่องนี้เหรอ”  

 

 

หูของเซียวโม่ค่อยๆ แดงขึ้น สวี่โยวไม่ได้สังเกตถึงจุดนี้ “โม่ ฉันคิดว่าคุณคิดไว้แล้ว ไม่คิดว่า…” ไม่คิดว่าเขาจะยังไม่ได้คิดเรื่องนี้เลย พวกเขาสองคนไม่รับผิดชอบต่อหน้าที่พ่อแม่เลยใช่ไหม  

 

 

เซียวโม่ยังทำหน้าขรึม “ผมกำลังจะคิดได้แล้ว”  

 

 

“ฉันกับลูกจะรอชื่อใหม่นะ” สวี่โยวอดไม่ได้ที่จะยิ้ม แต่จะให้เซียวโม่เห็นไม่ได้ ทำได้แค่แอบขำในผ้าห่ม  

 

 

หลังจากไม่กี่วัน เซียวโม่เดินไปคิดไป กินข้าวก็คิด หยิบพจนานุกรมออกมาเพื่อที่จะตั้งชื่อใหม่ให้ลูกสาว  

 

 

สวี่โยวเห็นแล้ว เขาทำท่าทางราวกับว่ามันเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่มาก ไม่ว่าใครก็ห้ามมาขัดขวาง  

 

 

คุณแม่เซียวมาเยี่ยมอีกหลายครั้งแต่ก็อยู่แค่ประเดี๋ยวประด๋าว คุณแม่สวี่อยู่พักที่โรงพยาบาลกับเซียวโม่ สวี่โยวถึงได้เข้าใจว่าไม่ว่าจะพยายามสักเท่าไหร่ก็อาจจะมีวันที่ไม่ใช่ของคุณ  

 

 

คุณแม่เซียวและคุณแม่สวี่มีสองทัศนคติที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ทำให้สวี่โยวได้รู้จักความแตกต่างของแม่ตัวเองและแม่สามี  

 

 

ครั้งแรก คุณแม่สวี่กำลังป้อนซุปไก่ให้เธอ จู่ๆ สวี่โยวก็พูดขึ้นว่า ‘แม่คะหนูรักแม่นะ’  

 

 

ประโยคนี้ทำให้คุณแม่สวี่ตกใจ รีบแนบมือไปที่หน้าผากของสวี่โยว “ลูกสาว ไม่สบายรึเปล่าลูก” จู่ๆ ก็พูดอย่างนี้ขึ้นมาทำให้เธอทำอะไรไม่ถูก  

 

 

เห็นคุณแม่สวี่ประหลาดใจอย่างนี้ สวี่โยวก็เม้มปาก เธอจะไม่พูดเรื่องไร้สาระ ใช้การปฏิบัติเพื่อแสดงให้แม่เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของเธอดีกว่า นั่นอาจเป็นเหตุผลที่แม่ของเธอต้องการให้เธอเติบโตขึ้น  

 

 

คุณแม่สวี่ไม่ใช่ไม่เข้าใจลูกสาว เพียงแต่เธอเป็นแม่แท้ๆ ของสวี่โยว จะต้องพูดประโยคแบบนี้ทำไม แค่สวี่โยวอยู่ดี คุณแม่สวี่ก็พอใจแล้ว  

 

 

   

 

 

ตอนที่ 293 ชอปปิงอย่างบ้าคลั่ง  

 

 

หนึ่งสัปดาห์ผ่านไปเร็วมาก สวี่โยวได้กลับไปพักฟื้นที่บ้านแล้ว ครั้งนี่เซียวโม่ไม่ได้พาเธอกลับบ้านตระกูลเซียว อาจเพราะเซียวโม่ก็รู้สึกได้ถึงคุณแม่เซียวครั้งก่อน และหลังจากนั้นเมื่อคุณแม่เซียวมาเยี่ยมสวี่โยวและลูกก็ดูไม่ค่อยมีความสุขนัก  

 

 

ดังนั้นเซียวโม่จึงพาเธอกลับบ้านเล็กของพวกเขาก่อนหน้านี้ ที่บ้านเล็กให้คนได้ไปทำความสะอาดไว้แล้วก่อนหน้านี้สองวันและก็เชิญแม่นมมาเพื่อให้มาดูแลลูกของสวี่โย่ว คุณแม่สวี่เองก็มาหาสวี่โยวบ่อยๆ  

 

 

เมื่อกลับถึงบ้าน สวี่โยวรู้สึกว่าบรรยากาศดีขึ้นไม่น้อย ไม่ใช่ที่โรงพยาบาลไม่ดี เพียงแต่เทียบกับบ้านตัวเองไม่ได้ อยู่ที่บ้านสบายใจกว่า โดยเฉพาะอยู่กับเซียวโม่แค่สองคน ไม่ใช่ ตอนนี้ยังมีลูกด้วย แอปเปิลน้อย  

 

 

เพราะเซียวโม่ยังไม่ตั้งชื่อให้แอปเปิลน้อย ดังนั้นสวี่โยวจึงตั้งชื่อเล่นให้เธอเอง และที่จริงชื่อนี้ก็มีเหตุผล  

 

 

สองวันก่อน แอปเปิลน้อยเพิ่งกลับมาอยู่กับสวี่โยว สวี่โยวไม่เห็นอะไรเลย จู่ๆ แอปเปิลน้อยก็ลืมตาขึ้นมา ใบหน้าถูกลมแอร์พัดจนหน้าแดงเหมือนลูกแอปเปิลเลยได้ชื่อนี้มา  

 

 

หลังจากเซียวโม่ได้ยินก็ไม่ได้แสดงความเห็นอะไร เพียงยืนยันว่าชื่อที่ยิ่งใหญ่นั้นต้องใช้หัวใจในการตั้ง แม้ว่าแอปเปิลน้อยจะฟังดูแล้วน่าฟัง เพียงแต่ลูกสาวต้องใช้ชื่อไปตลอดชีวิต จะตั้งมั่วๆ ไม่ได้  

 

 

ถังโจวโจวได้ข่าวว่าสวี่โยวกลับมาบ้านแล้ว เพียงแค่โทรไปถามและยินดี ไม่ได้ไปเยี่ยมบ้าน ตอนนี้เขาทั้งสองน่าจะสบายใจที่จะอยู่กับลูก เธอไม่ควรไปรบกวน  

 

 

หลินเหยานัดถังโจวโจวไปเที่ยว ถังโจวโจวตกลงทันที ทั้งสองคนไปเดินที่ห้างกัน ในมือหลินเหยาถือถูงชอปปิงเยอะมาก  

 

 

เดินตั้งนานแล้ว ขาก็เมื่อย ถังโจวโจวและหลินเหยาหาที่นั่งพัก “เหยาเหยา วันนี้เธอเป็นอะไร ทำไมทำให้ร่างการสูบฉีดเลือดเยอะขนาดนี้”  

 

 

ถังโจวโจวเห็นถุงชอปปิงข้างๆ หลินเหยาและข้างเธออีก นี่มันน่ากลัวจริงๆ  

 

 

หลินเหยารู้สึกว่าการชอปปิงลบล้างความรู้สึกไม่สบายใจของเธอได้ ทั้งทำให้ปลอดโปร่งอีกด้วย “โจวโจว นี่เรียกว่าเปลี่ยนความโกรธเป็นเสื้อผ้า”  

 

 

หลินเหยามองมือตัวเองที่เต็มไปด้วยถุงชอปปิง ของที่ปกติเธออยากได้แต่ว่าตัดใจซื้อไม่ลงพวกนั้นวันนี้เธอซื้อมันมาในรวดเดียว  

 

 

“เหยาเหยา เธอไม่ได้อกหักใช่ไหม” เห็นใช้เงินไปตั้งเยอะ หลินเหยาคิดว่าเงินเดือนเดือนนี้คงหมดไปแล้ว ไม่รู้ว่าเดือนหน้าจะโดนเรียกเก็บเพราะเบิกเงินเกินบัญชีหรือไม่  

 

 

หลินเหยาขำจนหน้าตึง มองถังโจวโจวด้วยความโกรธ “โจวโจว พูดให้ดีกว่านี้หน่อยได้ไหม ทำไมต้องขัดฉันด้วย”  

 

 

เดิมทีก็ดีอยู่แล้ว ทำไมต้องพูดเรื่องเงินขึ้นมาด้วย หลินเหยามองสิ่งของอย่างพอใจ ในใจปลอบใจตัวเอง ไม่เป็นไร เรื่องเงินพรุ่งนี้ค่อยคิด  

 

 

“ฉันพูดเพื่อเธอนะ เมื่อกี้ก็เตือนเธออยู่ตลอด แต่เธอไม่ฟัง เหยาเหยา เธอเป็นอะไรกันแน่ ฉันรู้สึกว่าต้องเกิดอะไรขึ้นกับเธอแน่เลย”  

 

 

ถ้าคนที่อยู่รอบๆ พวกถังโจวโจวได้เห็นก็จะเห็นว่าผู้หญิงสองคนนี้แทบจะมีถุงชอปปิงทั้งหมดรอบๆ ห้างสรรพสินค้าแล้ว ราคาไม่ใช่น้อยๆ เลย  

 

 

“ตอนนี้พี่มีเงิน ไม่ได้ขาด” จู่ๆ หลินเหยาก็ยกบัตรขึ้นมา ทำให้ถังโจวโจวตกใจสะดุ้งโหยง  

ตอนที่ 290 จุดสำคัญ

 

 

เซียวโม่ก็ไม่ได้รั้งถังโจวโจวไว้ ตอนนี้เขายังต้องดูแลสวี่โยว แม้อยากจะขอบคุณถังโจวโจว แต่ครั้งหน้าก็ยังสามารถเลี้ยงขอบคุณได้ ตอนนี้ที่สำคัญคือควรอยู่กับสวี่โยวมากกว่า

 

 

“โจวโจว งั้นผมส่งแค่นี้นะ”

 

 

“รีบไปดูแลสวี่โยวเถอะ พวกเรารู้ทาง ไม่ต้องไปส่งหรอก”

 

 

พวกโจวโจวออกจากห้องพักไป คุณแม่สวี่เห็นถังโจวโจวก็รู้สึกคุ้นหน้า นานมากถึงจะนึกออก หล่อนถามข้างหูลูกสาวเบาๆ ว่า “โยวโยว เธอเป็นแฟนเก่าเซียวโม่รึเปล่า ทำไมมาอยู่กับพวกลูกได้”

 

 

“แม่คะ ครั้งนี้โจวโจวช่วยหนูไว้มาก ที่คลอดได้ปลอดภัยก็เพราะเธอ เมื่อก่อนหนูอคติกับเธอมากเกินไป โจวโจวเป็นคนดีมากเลย” คุณแม่สวี่เห็นสวี่โยวปล่อยวางได้ก็ดีใจ “เอาล่ะ ตอนนี้ลูกยังต้องพักฟื้นอีก ไม่ต้องคิดอะไรมากนะ”

 

 

“โม่ ฉันอยากเจอลูก” สวี่โยวจ้องมองเซียวโม่ เซียวโม่ก็ยอม “งั้นผมจะไปถามพยาบาลก่อน ถ้าพยาบาลอนุญาตผมจะพาลูกมาหาคุณ ดีไหม”

 

 

สวี่โยวพยักหน้า มองเซียวโม่ที่เดินออกจากห้องไป เธอจ้องไปที่ประตูตาไม่กะพริบตา

 

 

คุณแม่สวี่เห็นสวี่โยวคิดถึงลูกก่อนก็รู้สึกว่าลูกสาวตัวเองโตขึ้นมากแล้วถึงรู้จักความรักและรู้จักอดทน “โยวโยว มีลูกแล้วจะทำนิสัยแบบเดิมไม่ได้อีกแล้วนะ ไม่อย่างนั้นขายหน้าลูกแย่เลย”

 

 

“แม่คะ หนูรู้แล้วน่า เดี๋ยวลูกมาแล้ว แม่จะพูดแบบนี้ไม่ได้แล้วนะ ถ้าลูกได้ยินแล้วคิดว่าหนูเป็นแม่ที่ไม่ดีแล้วจะทำยังไงล่ะคะ” สวี่โยวกังวลเรื่องความประทับใจของลูกที่มีต่อเธอมาก

 

 

คุณแม่สวี่ไม่พูดอีก ตอนนี้เด็กจะเข้าใจอะไร แม้แต่ตายังไม่ลืมเลย แต่พอพูดเรื่องนี้ขึ้นมาเธอยังไม่รู้เลยว่าเป็นลูกชายหรือลูกสาว “โยวโยว เป็นลูก…”

 

 

สวี่โยวไม่ต้องให้คุณแม่สวี่พูดเธอก็เข้าใจจึงตอบว่า “แม่คะ เป็นลูกสาวค่ะ หนูคิดว่าลูกน่าจะเหมือนหนู” ตอนนี้สวี่โยวเต็มไปด้วยความคาดหวังที่ไม่มีที่สิ้นสุดสำหรับทารกแรกเกิด นั่นเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเธอ เป็นหนึ่งเดียวในโลกนี้

 

 

“แล้วแม่สามีลูกล่ะ” คุณแม่สวี่พูดถึงเรื่องสำคัญ สวี่โยวพูดยิ้มๆ “แม่คะ ไม่ต้องกังวล เมื่อกี้ท่านพูดเรื่องนี้กับหนูแล้ว โม่อยู่ข้างหนู พ่อสามีก็ไม่ได้เข้าข้างท่าน ท่านเลยทำอะไรไม่ได้”

 

 

“งั้นก็ดีแล้ว โยวโยว ตอนนี้ลูกก็คลอดแล้ว ลูกกับเซียวโม่ควรย้ายไปอยู่บ้านตัวเองได้แล้ว เดี๋ยวแม่สามีลูกจะมีปัญหาอีก” คุณแม่สวี่เดาได้ว่าคุณแม่เซียวต้องไม่พอใจแน่นอนที่ได้หลานสาว

 

 

ถ้าคุณแม่เซียวดีใจจริงๆ จะเป็นแบบนี้ได้ยังไง พูดแค่ไม่กี่คำก็ไม่เห็นแม้แต่เงาแล้ว คุณแม่สวี่สงสารลูกสาวตัวเอง อุตส่าห์คลอดลูกให้บ้านตระกูลเซียวแท้ๆ ผลสุดท้ายกลับทำให้พวกเขาไม่ค่อยพอใจเสียนี่

 

 

โชคดีที่ยังมีลูกเขยดี ถ้าไม่มีเซียวโม่ คุณแม่สวี่คงต้องพาสวี่โยวกลับบ้านไปนานแล้ว ดูเหมือนต้องกลับไปพูดกับคุณพ่อสวี่แล้ว บ้านตระกูลเซียวกล้าทำให้ลูกสาวเธอเสียใจ ตอนอยู่ต่อหน้าลูกเขยคงไม่สามารถทำอะไรได้ แต่ต้องสั่งสอนคุณพ่อเซียวสักหน่อย

 

 

เซียวโม่เปิดประตูเข้ามา “โยวโยว ลูกมาแล้ว” เขาปรากฏตัวขึ้นพร้อมพยาบาลที่ในมืออุ้มห่อผ้ามาด้วย

 

 

สวี่โยวยันตัวขึ้นอย่างตื่นเต้น แต่ร่างกายยังเจ็บอยู่ เมื่อขยับร่างกายใบหน้าของเธอก็เผยความเจ็บปวดออกมาทันที

 

 

 

 

ตอนที่ 291 ดูลูก

 

 

“คุณตื่นเต้นอะไรขนาดนั้น มาให้ผมดูหน่อย แผลเปิดรึเปล่า” เซียวโม่ไม่สนใจลูกที่อยู่ข้างหลัง เดินมาตรงหน้าสวี่โยวและเตรียมที่จะเปิดผ้าดูแผลเธอ

 

 

สวี่โยวหน้าแดงเหมือนแอปเปิล “คุณจะทำอะไร แม่ก็ยังอยู่นะ ฉันไม่เป็นอะไร”

 

 

“ไม่เป็นอะไรจริงๆ เหรอ” เซียวโม่ยังไม่เชื่อ เมื่อกี้สวี่โยวเจ็บจนสีหน้าเปลี่ยนขนาดนั้น ทำไมจะไม่เป็นอะไร เขาก็แค่จะปลอบเธอเฉยๆ

 

 

“ไม่เป็นไรจริงๆ รีบพาลูกมาให้ฉันดูหน่อย” เซียวโม่เห็นสวี่โยวสีหน้ากลับมาเป็นปกติ ถึงหันกลับไปหาลูกที่อยู่ด้านหลัง

 

 

สวี่โยวเห็นเซียวโม่ตื่นเต้น มือแข็งทื่อ ไม่กล้าขยับ ลูกยังเล็กมาก ใบหน้ายังใหญ่ไม่เท่าฝ่ามือเธอเลย เซียวโม่วางลูกลงให้สวี่โยวดู “ดูสิ ลูกของพวกเรา”

 

 

เมื่อเซียวโม่เห็นเธอ ในใจก็ตื้นตัน บนโลกใบนี้จะมีอะไรน่ารักเท่าลูกอีก แม้ตอนนี้เธอยังไม่ลืมตา เซียวโม่ก็รู้สึกว่าเธอสวยงามที่สุดในโลก

 

 

สวี่โยวและเซียวโม่เพิ่งได้เป็นพ่อแม่ป้ายแดง คุณแม่สวี่เลยไม่อยากไปรบกวนพวกเขา เพิ่งจะเป็นพ่อแม่นานๆ ไปเดี๋ยวก็ชิน แต่คุณแม่สวี่ก็ยังสนใจหลานสาวที่เพิ่งคลอดอยู่มากทีเดียว

 

 

“โยวโยว รีบดูเร็ว ขยับแล้ว” ทารกน้อยขยับนิดหน่อย สวี่โยวและเซียวโม่ตกใจราวกับไม่เคยเห็นมาก่อน

 

 

“คุณสวี่ ขอโทษค่ะ เด็กต้องเข้าตู้อบแล้ว” พยาบาลที่อยู่ข้างๆ เตือนขึ้น

 

 

สวี่โยวรู้สึกว่าลูกเพิ่งจะอยู่ได้ครู่เดียวเอง ทำไมต้องกลับไปในตู้อบอีกแล้วล่ะ “ลูกนอนกับฉันไม่ได้เหรอคะ”

 

 

“ขอโทษจริงๆ ค่ะ สุขภาพเด็กยังไม่แข็งแรง เด็กคลอดก่อนกำหนดสถานการณ์ไม่ค่อยคงที่ ต้องให้อยู่ในห้องตู้อบสักสองสามวัน หวังว่าคุณจะเข้าใจการทำงานของพวกเรานะคะ”

 

 

พยาบาลพูดด้วยความจริงใจ สวี่โยวพยักหน้า มองพยาบาลอุ้มลูกสาวของเธอออกไป สวี่โยวอยากขวางเธอไว้ แต่ก็รู้ดีว่าให้ลูกได้อยู่ในตู้อบถึงจะปกป้องเธอได้ดีที่สุด

 

 

“โม่คะ พอฉันเห็นลูกจากไปในใจก็เจ็บปวดมาก เป็นเพราะแม่อย่างฉันเลยทำร้ายลูกทั้งที่ลูกยังร่างกายอ่อนแออย่างนี้” สวี่โยวเห็นร่างกายของลูกนั้นเล็กมาก เมื่อก่อนเธอก็เคยเห็นลูกของคนอื่นแต่ลูกคนอื่นไม่เห็นตัวเล็กเท่าลูกเธอเลย

 

 

“อย่าคิดมากเลย ตอนนี้ลูกปลอดภัยแล้ว ต่อไปพวกเราเลี้ยงดูเธอให้แข็งแรงกำยำก็พอแล้ว” เซียวโม่ไม่อยากให้สวี่โยวร้องไห้อีกแล้ว ตอนนี้เธอกำลังพักฟื้น โบราณบอกว่า ผู้หญิงที่อยู่ไฟไม่ควรร้องไห้

 

 

พอสวี่โยวถูกเซียวโม่แซวก็เอ่ย “โม่ เธอเป็นผู้หญิงนะ คุณจะเลี้ยงเธอให้แข็งแรงกำยำ ไม่กลัวต่อไปเธอจะเกลียดคุณเหรอ”

 

 

“ถึงจะโตมาแล้วเกลียดผม แต่ผมก็ทำเพื่อเธอ ยังไงลูกก็ต้องรักผมแน่ โบราณบอกว่าลูกสาวจะรักพ่อมากไม่ใช่เหรอ”

 

 

“พวกลูกสองคนเลิกทะเลาะกันได้แล้ว” คุณแม่สวี่ที่อยู่ข้างๆ หัวเราะขึ้นมาทำให้สวี่โยวรู้สึกอึดอัดใจมาก เซียวโม่ก็ไม่ดูเลยว่าแม่เธอยืนอยู่ด้วย เรื่องพวกนี้ยังพูดออกมาอีก

 

 

“แม่คะ แม่ไปดูลูกให้หนูหน่อยได้ไหมคะ ดูว่าเธอหลับสบายไหม” คุณแม่สวี่รู้ว่าสวี่โยวอยากมีเวลาอยู่กับเซียวโม่สองต่อสอง

 

 

“ได้ แม่ไม่อยู่พวกลูกก็หวานกันต่อเถอะ” คุณแม่สวี่มองแวบเดียวแล้วก็ออกไป

ตอนที่ 288 สวี่โยวฟื้นแล้ว   

 

 

“สวี่โยว ในที่สุดเธอก็ฟื้นแล้ว” ถังโจวโจวที่อยู่ด้านหลังเซียวโม่และคุณแม่เซียวพูดขึ้น สวี่โยวเห็นถังโจวโจวก็ยิ้มขึ้นมา คิดถึงตอนที่ถังโจวโจวให้กำลังใจเธอ “โจวโจว ขอบคุณนะ”  

 

 

ในที่สุดสวี่โยวก็เข้าใจว่าตนเองมองถังโจวโจวในแง่ร้ายและใจแคบมากเกินไปจริงๆ ถังโจวโจวไม่เคยเป็นคนที่ใช้เล่ห์กลใด เธอเปิดเผย แม้ว่าจะแพ้ก็พ่ายแพ้อย่างสง่างาม สวี่โยวอิจฉาถังโจวโจว แต่ก็ไม่ได้คิดเปลี่ยนแปลงตัวเองเพราะความอิจฉานั้น  

 

 

เธอเองก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง เพื่อที่จะได้มาซึ่งความสุขของตัวเองเธอจึงยอมทำได้ทุกวิถีทาง ถ้าเธอเปลี่ยนเป็นแบบถังโจวโจวที่สามารถปล่อยวางความรักที่อยู่ในมือตนเองลงได้ เธอคงไม่ใช่สวี่โยวแล้ว  

 

 

“ไม่ต้องขอบคุณฉันหรอก เป็นความดีความชอบของสามีเธอต่างหาก เธอขอบคุณเขาเถอะ” ถังโจวโจวรู้สึกว่าพอสวี่โยวตื่นขึ้นมาแล้วนิสัยเปลี่ยนแปลงไปเยอะมาก อาจเพราะรู้ว่าตัวเองได้เป็นแม่คนแล้ว  

 

 

คุณแม่เซียวเห็นสวี่โยวเย็นชากับเธอและหันไปขอบคุณถังโจวโจว ดูเหมือนลูกสะใภ้จะไม่ได้อยู่ข้างเดียวกับเธออีกต่อไป แค่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ก็ยอมไปอยู่ข้างถังโจวโจวง่ายๆ แล้ว เสียดายที่ตนเคยช่วยหล่อนไว้ขนาดนั้น  

 

 

พอคุณแม่เซียวถูกปฏิบัติใส่อย่างเย็นชาก็แสดงสีหน้าปั้นปึ่งต่อสวี่โยวอยู่ครู่หนึ่ง สวี่โยวเพิ่งจะออกจากห้องผ่าตัด ร่างกายยังไม่แข็งแรง ตอนนี้ไม่มีแรงที่จะไปสนใจความรู้สึกของคุณแม่เซียว เธอมองแค่เซียวโม่เท่านั้น “โม่ ลูกล่ะ”  

 

 

เห็นสวี่โยวอยากจะลุกขึ้น เซียวโม่ก็รีบให้เธอนอนลง “เธออย่าใจร้อนไป ลูกอยู่ให้ตู้อบ เพราะคลอดก่อนกำหนด ร่างกายยังอ่อนแอ แต่วางใจได้นะ รักษาตัวไม่กี่วันก็แข็งแรงแล้ว”  

 

 

“งั้นคุณไปดูลูกรึยัง เป็นลูกชายหรือลูกสาว เป็นยังไงบ้าง” สวี่โยวถามยกใหญ่ แต่ไม่รู้จะเริ่มตรงไหนดี  

 

 

“เป็นลูกสาว ผมยังไม่ได้ไปเยี่ยมเธอเลย ถึงเวลาพวกเราค่อยไปเยี่ยมลูกด้วยกัน คุณว่าดีไหม”  

 

 

“ดีค่ะ” พอสวี่โยวได้ยินว่าได้ลูกสาวก็ไม่ได้รู้สึกผิดหวังอะไร ขอแค่เป็นลูกของเธอกับเซียวโม่ ไม่ว่าจะผู้หญิงหรือผู้ชายก็ได้ เพียงแต่…  

 

 

“โยวโยว ครั้งนี้เธอคลอดลูกสาวแม่ไม่ตำหนิเธอหรอกนะ ครั้งหน้าเธอกับเซียวโม่ก็พยายามอีกหน่อย ตระกูลเซียวของเราจะต้องมีหลานชายอย่างที่หวังแน่”  

 

 

คำพูดคุณแม่เซียวทำให้สวี่โยวหน้าหมองลง เธอเพิ่งได้ยินว่าคุณแม่เซียวไม่พอใจเพราะได้หลานสาว แต่เธอไม่คิดว่าคุณแม่เซียวจะสั่งสอนเธอต่อหน้าคนอื่นแบบนี้  

 

 

เพราะจะว่าไปแล้วที่ความสัมพันธ์ของสวี่โยวกับคุณแม่เซียวดีแบบนั้นก็เพราะลูกชายอย่างเซียวโม่ทำหน้าที่เป็นคนกลางและเพราะตอนแรกสวี่โยวท้องจึงทำให้คุณแม่เซียวยอมยืนอยู่ข้างเธอ  

 

 

ตอนนี้สวี่โยวไม่ได้คิดเหมือนคุณแม่เซียวแล้ว ตอนที่คลอดลูกสาวออกมาคุณแม่เซียวจะพูดจาไม่น่าฟังขนาดไหนนั้นสวี่โยวรู้นานแล้ว แต่เธอไม่คิดว่าคุณแม่เซียวจะไม่สนใจลูกของเธอขนาดนี้ เด็กคนนี้ถึงแม้จะเป็นผู้หญิงแต่ก็เป็นลูกสาวของเซียวโม่และเป็นหลานสาวของเธอนะ  

 

 

สวี่โยวมีพ่อแม่ที่รักเธอและไม่เคยคิดว่ามีลูกสาวแล้วไม่ดี ตอนนั้นเธอมีความคิดอยากจะได้ลูกชาย และเพราะคุณพ่อเซียวคุณแม่เซียวเองก็อยากได้หลานชายด้วย ดังนั้นเธอจึงคาดหวังว่าจะคลอดลูกชาย ถึงตอนนี้จะมีลูกสาวออกมาแต่เธอก็ไม่เสียใจ ต่อไปค่อยพยายามใหม่ก็ได้  

 

 

ขอแค่มีลูกชายอีกครั้งก็พอแล้ว เพียงแต่คุณแม่เซียวไม่ควรพูดแบบนั้นออกมาตอนนี้ นี่ทำให้สวี่โยวเสียใจมาก หรือตอนคุณแม่เซียวคลอดลูกชายก็เพราะเห็นว่าเด็กเป็นเครื่องมือของเธอแค่นั้นหรือ  

 

 

 

 

 

ตอนที่ 289 แยกทางด้วยความขุ่นเคือง  

 

 

เห็นสีหน้าสวีโยวไม่สู้ดีนัก เซียวโม่จึงขัดจังหวะการพูดคุณแม่เซียว “แม่ครับ แม่พูดให้น้อยหน่อยเถอะ ตอนนี้โยวโยวเพิ่งฟื้นและพวกเราเพิ่งมีลูก กว่าจะมีลูกคนที่สองก็ต้องอีกหลายปี”  

 

 

เมื่อคุณแม่เซียวได้ยินเข้าก็ไม่พอใจ พอมีภรรยาแล้วลูกก็ไม่สนใจเธอ “เซียวโม่ ลูกพูดกับแม่แบบนี้หมายความว่ายังไง ให้รออีกหลายปีเหรอ ไม่ได้ ครั้งนี้ที่มีหลานชายให้แม่ไม่ได้ก็เพราะพวกเธอนั่นแหละ”  

 

 

“แม่…” เซียวโม่เห็นในห้องไม่มีคนนอก คุณแม่เซียวถึงได้โวยวายอย่างนี้ หรือคุณแม่โทษเขา เซียวโม่คิดว่าหน้าตาตระกูลเซียวใกล้จะถูกคุณแม่เซียวทำลายลงจนหมดแล้ว  

 

 

“ทำไม แกไม่ชอบใจที่จะฟังเหรอ แกไม่อยากฟังฉันก็ไม่อยากพูด โยวโยว เธอฟังแม่นะ แม่จะหาเทียบยาลับสำหรับคลอดลูกชายให้ รับรองว่าเธอจะต้องท้องลูกชายแน่ ถึงตอนนั้นทุกอย่างในตระกูลเซียวก็จะเป็นของเธอทั้งหมด”  

 

 

สวี่โยวอึดอัดใจไม่รู้จะพูดอย่างไรดี ได้แต่เอ่ยไปตามน้ำ ตอนนั้นเองแม่ของสวี่โยวก็มาถึงที่ห้อง “โยวโยว ลูกเป็นยังไงบ้าง” คุณแม่สวี่เมื่อมาก็เห็นคนมากมายก็ตกใจ  

 

 

เธอรีบทักทายบ้านลูกเขยทุกคน “สวัสดีค่ะ พวกคุณก็อยู่ด้วยเหรอ โยวโยว ตอนนี้ลูกรู้สึกเป็นยังไงบ้าง”  

 

 

คุณแม่สวี่ไม่ได้สนใจคุณพ่อเซียวคุณแม่เซียวมากนัก ดังนั้นเธอจึงไม่ได้เห็นว่าคุณแม่เซียวหน้าซีดลงทันที คุณพ่อเซียวใช้แรงดึงคุณแม่เซียวออกมา “คุณสวี่ ผมกับเจียลี่ขอออกไปก่อน โยวโยวมีคุณดูแลผมก็วางใจ”  

 

 

“พวกคุณ มีอะไรเหรอคะ” คุณแม่สวี่ยังไม่เข้าใจ ทำไมคุณพ่อเซียวถึงพาคุณแม่เซียวออกไปทันทีหลังจากเธอเข้ามา  

 

 

“ไม่มีอะไรหรอกครับ คุณสวี่ คุณอยู่เป็นเพื่อนโยวโยวเถอะ ผมมีเรื่องต้องคุยกับเจียลี่” คุณพ่อเซียวลากคุณแม่เซียวที่ไม่ยอมออกไปจากห้องออกไป เมื่อคุณแม่เซียวออกมาจากห้องก็รีบสะบัดมือคุณพ่อเซียว “ตงหนานคุณทำอะไร ฉันกำลังจะคุยกับเธออยู่นะ”  

 

 

“คุณยังจะพูดอีกเหรอ ถ้าไม่พูดแต่เรื่องหลานชายผมจะลากคุณออกมาไหม คุณไม่ดูหน้าเซียวโม่กับโยวโยวเหรอ คุณไม่เห็นเหรอว่ามีคนนอกอยู่ด้วย นี่ไม่ใช่ว่าทำให้คนนอกหัวเราะเยาะบ้านตระกูลเซียวเหรอไง”  

 

 

คุณพ่อเซียวพูดกับคุณแม่เซียวไปหลายคำ นี่ทำให้คุณแม่เซียวรู้สึกลำบากใจ โดยเฉพาะพยาบาลที่ต่างหันมามองเธอ  

 

 

“ตงหนาน คุณไว้หน้าฉันหน่อยได้ไหม คนมองกันเยอะแล้ว”  

 

 

พอคุณแม่เซียวพูดแบบนั้น คุณพ่อเซียวก็รู้สึกขบขัน “เจียลี่ คุณลืมไว้หน้าตัวเองไปรึเปล่า คุณยังมาโทษผมอีก ผู้หญิงนี่ไม่มีเหตุผลเลยจริงๆ” คุณพ่อเซียวพูดแล้วก็ทิ้งคุณแม่เซียวไว้แล้วเดินจากไปเพียงลำพัง  

 

 

คุณแม่เซียวเห็นร่างคุณพ่อเซียวยิ่งไกลออกไปก็หันมองไปที่ห้องผู้ป่วย รู้สึกว่าตัวเองเข้าไปก็ไม่มีประโยชน์ แม่เขาก็มาแล้ว เธอเป็นแค่แม่สามี แม้ว่าจะไม่เต็มใจแต่ก็ต้องตามคุณพ่อเซียวกลับไปอยู่ดี  

 

 

ถังโจวโจวเห็นคุณแม่สวี่มาแล้วเธอก็วางใจ ดึงร่างของลั่วอิงให้ยืนขึ้น “สวี่โยว เซียวโม่ พวกเรากลับก่อนนะ”  

 

 

“โจวโจว ครั้งนี้ขอบคุณมากเลยนะ รบกวนเธอแล้วจริงๆ ทำให้ปิกนิกของคุณต้องกลายเป็นแบบนี้ไปเสียได้…”  

 

 

“โธ่ พูดอะไรแบบนั้น ยินดีกับพวกเธอที่ได้เป็นคุณพ่อคุณแม่ด้วยนะ ไว้เดี๋ยวฉันจะมาเยี่ยมใหม่นะ วันนี้ขอกลับก่อน อวิ๋นเสี่ยว พวกเราไปกันเถอะ”  

 

 

“ได้ ลั่วอิง ไปเถอะ” ซูอวิ๋นเสี่ยวจูงมือข้างหนึ่งของลั่วอิงแล้วจากไป  

ตอนที่ 286 หลานชายกลายเป็นหลานสาว

 

 

“ทำไมฉันจะพูดไม่ได้ หลานชายของฉันกลายเป็นหลานสาว แกจะไม่ให้ฉันบ่นได้เหรอ สวรรค์ ตระกูลเซียวเคยไปทำกรรมอะไรไว้กันแน่นะ” คุณแม่เซียวตะโกนก้องขึ้นบนโถงโดยไม่สนใจหน้าตาอีกต่อไป

 

 

“เจียลี่ นี่มันเวลาไหนแล้ว คุณจะโวยวายให้มันได้อะไรขึ้นมา หลานก็คลอดออกมาแล้ว คุณไม่กลัวเสียหน้าหรือไง คนอื่นมองกันหมดแล้วนะ” คุณพ่อเซียวเตือนให้คุณแม่เซียวตั้งสติ เธอมองคนมากมายรอบๆ แล้วสีหน้าพลันเปลี่ยนเป็นแดงสลับขาว

 

 

“มองอะไร นี่มันเรื่องของบ้านฉัน มีอะไรน่ามองกัน” คุณแม่เซียวพูดจาอ่อนหวานไม่เป็น จึงทำได้แค่ใช้คำพูดร้ายกาจมาข่มขู่ให้คนหวาดกลัว

 

 

เป็นครั้งแรกที่พยาบาลรอบๆ ได้เห็นเหตุการณ์เช่นนี้ เป็นครอบครัวร่ำรวยเสียเปล่า เป็นสะใภ้บ้านนี้นั้นไม่ง่ายเลยจริงๆ ถึงแม้ลูกชายจะหน้าตาพอใช้ได้ แต่ก็คลอดได้แค่ลูกสาว แล้วยังมาเอะอะโวยวายแบบนี้ให้ตัวเองขายหน้าอีก

 

 

ดูความครึกครื้นอยู่ครู่หนึ่ง พยาบาลทุกคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็สลายตัวไป ดูจากท่าทางเย่อหยิ่งของผู้หญิงคนนั้นแล้วเกิดหล่อนใช้กำลังขึ้นมาจริงๆ เกรงว่าถึงเวลานั้นได้รับบาดเจ็บขึ้นมาคงกลายเป็นเรื่องตลกไป

 

 

เซียวโม่ตามสวี่โยวไปที่ห้องผู้ป่วย ถังโจวโจวกับซูอวิ๋นเสี่ยวเองก็ตามไปด้วย แต่คุณพ่อเซียวและคุณแม่เซียวยังยืนอยู่ที่เดิม

 

 

“คุณดูสิว่าคุณทำอะไรลงไป ถ้าต่อไปโยวโยวรู้ว่าคุณพูดอย่างนั้น พอถึงเวลาแล้วเธอจะคิดยังไง คุณนี่มัน…จริงๆ เลย” คุณพ่อเซียวชี้คุณแม่เซียว แต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรดี

 

 

คุณแม่เซียวไม่คิดว่าตนทำผิดตรงไหน “ฉันทำอะไร ฉันก็ทำเพื่อบ้านตระกูลเซียวของคุณไม่ใช่เหรอ หรือคุณไม่อยากได้หลานชาย จู่ๆ ทำไมถึงเปลี่ยนเป็นหลานสาวได้ เห็นๆ กันอยู่ว่าเป็นหลานชายชัดๆ”

 

 

คุณแม่เซียวยังเอ่ยถึงเรื่องนี้ไม่หยุด ทั้งๆ ที่ตอนแรกตรวจแล้วว่าเป็นหลานชาย เธอยังดีใจอยู่ตั้งนาน ทำไมตอนนี้ถึงกลับกลายเป็นหลานสาวไปเสียได้ จะให้คุณแม่เซียวไม่โกรธได้อย่างไร

 

 

“เอาล่ะ ไม่ต้องพูดแล้ว เดี๋ยวเจอโยวโยวแล้วไม่ต้องพูดอีกนะ ตอนนี้เรากับตระกูลสวี่เป็นทองแผ่นเดียวกันแล้ว ครั้งนี้คลอดหลานสาวครั้งหน้าคลอดหลานชายออกมาก็พอแล้ว มันไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คุณคิดหรอกน่า”

 

 

ตอนนี้คุณพ่อเซียวยังไม่รีบร้อน เซียวโม่กับสวี่โยวยังอายุน้อย ใช่ว่าจะท้องไม่ได้อีกเสียเมื่อไหร่ ตอนนี้ไปพูดอย่างนี้เดี๋ยวตระกูลสวี่จะโกรธ พอถึงเวลาก็จะผิดใจกัน คุณพ่อเซียววางแผนมาดีแล้วและจะไม่ให้คุณแม่เซียวทำเสียแผนด้วย

 

 

เซียวโม่เข้าไปในห้องผู้ป่วย สวี่โยวยังไม่ฟื้นและยังไม่มีท่าทีว่าจะตื่นขึ้นมาแต่อย่างไร เมื่อถังโจวโจวและซูอวิ๋นเสี่ยวซื้อของมาที่ห้องก็เห็นเซียวโม่จับมือสวี่โยวอยู่ตลอด “เซียวโม่ ฉันซื้อโจ๊กมา คุณกินอะไรรองท้องสักหน่อยเถอะ สวี่โยวยังต้องการคุณดูแลนะ”

 

 

“วางไว้ก่อนเถอะ” เซียวโม่ไม่ได้หันกลับมา ก้มลงลูบเส้นผมที่เปียกชื้นของสวี่โยว มองเธอหลับใหล้ ในใจเขาทั้งเจ็บทั้งภูมิใจ

 

 

เขาเป็นพ่อคนแล้ว สวี่โยวคลอดลูกสาวให้เขา แม้ยังไม่มีลูกชาย แต่พอเซียวโม่คิดถึงเด็กตัวน้อยคนนั้นเขาก็ใจอ่อนยวบแล้ว

 

 

“สวี่โยวเป็นยังไงบ้าง” ถังโจวโจวเองของวางลงบนโต๊ะ สวี่โยวตอนนี้อยู่ในห้องพักส่วนตัว ในห้องพักมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มีห้องน้ำ ห้องอาบน้ำ ห้องครัว ทีวี ด้านหนึ่งของผนังยังมีโซฟาตัวยาวตั้งอยู่

 

 

ถังโจวโจว ซูอวิ๋นเสี่ยวและลั่วอิงนั่งอยู่บนโซฟารอให้สวี่โยวฟื้น แต่กลับไม่เห็นคุณแม่เซียวตามเข้ามา ถังโจวโจวนึกสงสัยว่าคุณแม่เซียวคงไม่ได้กำลังโวยวายอยู่หน้าห้องผ่าตัดหรอกนะ

 

 

 

 

 

ตอนที่ 287 คุณแม่เซียวประจันหน้าถังโจวโจว

 

 

ณ เวลานี้เอง คุณพ่อเซียวและคุณแม่เซียวก็ปรากฏตัวขึ้นในห้องผู้ป่วย เซียวโม่สนใจแค่สวี่โยวเท่านั้นดังนั้นเมื่อคุณพ่อเซียวคุณแม่เซียวมา เขาจึงไม่ได้คิดจะเข้าไปต้อนรับแต่อย่างใด

 

 

เมื่อคุณแม่เซียวเห็นลูกชายมีภรรยาแล้วลืมแม่ก็ร้อนเป็นไฟขึ้นมา แต่ถูกคุณพ่อเซียวห้ามไว้ “เมื่อกี้คุยกันรู้เรื่องแล้วไม่ใช่เหรอ ตอนนี้คุณยังจะโวยวายอะไรอีก”

 

 

คุณพ่อเซียวเห็นคุณแม่เซียวเป็นแบบนี้ก็ปวดหัวมาก เขาแต่งงานกับผู้หญิงอย่างนี้ได้อย่างไรนะ ตอนนี้บ้านตระกูลสวี่กับตระกูลเซียวก็ดองกันแล้ว ทั้งยังมีความสัมพันธ์ทางธุรกิจกัน ปกติเธอเองก็รักสะใภ้คนนี้ไม่ใช่เหรอ ทำไมอยู่ดีๆ ถึงมาเป็นแบบนี้ได้เล่า

 

 

คุณแม่เซียวระบายความโกรธกับเซียวโม่และสวี่โยวไม่ได้เลยหันไปทางถังโจวโจว

 

 

“ทำไมเธอยังอยู่ที่นี่อีก” คุณแม่เซียวเห็นถังโจวโจวก็ไม่พอใจ นึกเกลียดชังเสียจนอยากให้เธอหายไปจากโลกนี้ ไม่อยากเห็นหน้าเธออีก

 

 

ถังโจวโจวรู้ว่าคุณแม่เซียวหาเรื่องจึงจงใจหาเรื่องเธอกลับ “คุณป้าคะ โยวโยวยังไม่ฟื้น ฉันเลยอยู่เป็นเพื่อนเธอค่ะ”

 

 

“อะไร เธอใจดีอย่างนั้นเลยเหรอ อยู่เป็นเพื่อนสวี่โยวหรือเธอคิดจะแย่งเซียวโม่ไปจากโยวโยวอีกกันแน่ พูดเสียน่าฟัง ใครจะรู้ว่าใจเธอคิดอะไรอยู่”

 

 

คุณแม่เซียวมองไปที่ถังโจวโจวหลายครั้ง กางเกงยีนส์ขาดๆ เสื้อเชิ้ตสีขาวธรรมดากับเสื้อคลุมสีดำ ใครบ้านไหนจะแต่งตัวแบบถังโจวโจวบ้าง เทียบกันแล้วสวี่โยวเข้าตาคุณแม่เซียวกว่า

 

 

“คุณป้าคะ กินข้าวจะกินซี้ซั้วยังไงก็ได้ แต่คำพูดจะพูดส่งเดชไม่ได้นะคะ พูดอะไรออกไปก็ต้องรับผิดชอบนะคะ”

 

 

“เอาล่ะ คุณก็พูดให้น้อยหน่อยเถอะ” คุณพ่อเซียวดึงคุณแม่เซียวไปข้างๆ คุณแม่เซียวไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ไม่เคยขัดใจสามีมาก่อนจึงได้แต่ยอมกลืนคำที่พูดออกมากลับลงไป

 

 

สวี่โยวค่อยๆ ฟื้นขึ้นมาในระหว่างที่คุณแม่เซียวและถังโจวโจวทะเลาะกัน เมื่อเธอฟื้นขึ้นมาก็เห็นเซียวโม่ เซียวโม่รู้สึกว่ามือที่จับเธอไว้ขยับ

 

 

ตอนแรกยังคิดว่าตัวเองเข้าใจผิด ที่ไหนได้พอมองหน้าสวี่โยวก็เห็นว่าขนตาเธอขยับ เขาถึงแน่ใจว่าไม่เข้าใจผิดไป

 

 

“โยวโยว คุณฟื้นแล้วเหรอ” เซียวโม่มองดูเธอที่ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา พอเธอมองเขาน้ำตาแห่งความสุขของเซียวโม่ก็เกือบจะไหลออกมา แม้จะรู้ว่าสวี่โยวแค่หลับไป แต่เขาก็เหมือนยังไม่เชื่อสายตาตัวเองว่าเธอฟื้นแล้ว ไม่อาจวางใจลงได้จริงๆ

 

 

คุณแม่เซียวได้ยินว่าสวี่โยวฟื้นแล้ว ปฏิกิริยาแรกคือเดินไปหาสวี่โยวที่เตียงแล้วถามว่า “โยวโยว ตื่นแล้วเหรอ ลูกรู้ไหมว่าแม่เฝ้าลูกอยู่นานแล้ว ฟื้นมาก็ดีแล้ว ฟื้นมาก็ดีแล้ว”

 

 

ถังโจวโจวเห็นคุณแม่เซียวพูดออกมาอย่างหน้าด้านๆ ก็นึกอยากจะอาเจียน หน้าไม่อายจริงๆ เมื่อครู่นี้ใครกันที่พอรู้ว่าได้หลานสาวแล้วโวยวาย ทำไมไม่กล้าพูดต่อหน้าสวี่โยวล่ะ ถังโจวโจวรู้สึกว่าสวี่โยวน่าสงสารมาก

 

 

อดทนมานาน ในที่สุดเซียวโม่ก็ผ่อนคลายลง แต่คุณแม่เซียวคงไม่เป็นอย่างนั้น แค่เพราะว่าเธอให้กำเนิดลูกสาวก็ทำกับเธอแบบนี้แล้ว สิ่งที่เห็นตอนนี้คงเป็นแค่การแสดงเท่านั้น แต่ใจจริงคิดอย่างไรก็ไม่มีใครรู้

 

 

ถังโจวโจวเชื่อว่า ขอแค่สวี่โยวอยู่กับคุณแม่เซียวสักพักก็จะต้องดูออก ถังโจวโจวเชื่อว่าคุณแม่เซียวไม่มีทางยอมควบคุมอารมณ์ของตัวเองเพื่อสวี่โยวแน่

ตอนที่ 284 หนังสือยินยอม

 

 

“อวิ๋นเสี่ยว ตอนนี้ฉันอยู่ที่โรงพยาบาล”

 

 

“โจวโจว เธอไปโรงพยาบาลทำไม เธอเกิดเรื่องอะไรเหรอ” ซูอวิ๋นเสี่ยวถามอย่างร้อนใจ สามารถได้ยินเสียงลั่วอิงที่ถามอยู่ข้างๆ ได้

 

 

ถังโจวโจวไม่กล้าพูดยืดเยื้อจึงรีบบอกเรื่องทั้งหมดกับซูอวิ๋นเสี่ยว “งั้นโจวโจว เดี๋ยวฉันจะพาลั่วอิงไปที่นั่นเดี๋ยวนี้เลย”

 

 

“ได้ พวกเราอยู่ที่โรงพยาบาลใกล้สวนอิง เธอรู้จักไหม”

 

 

“อืม รู้แล้ว ฉันจะไปเดี๋ยวนี้”

 

 

ถังโจวโจวคุยกับซูอวิ๋นเสี่ยวจบก็ไปรอหน้าห้องผ่าตัดต่อ เห็นเซียวโม่ท่าทางทุกข์ใจ ถังโจวโจวก็อดไม่ได้ที่จะปลอบเขา “คุณไม่ต้องกังวล สวี่โยวจะต้องปลอดภัย”

 

 

ถังโจวโจวไม่รู้ว่าคำปลอบนี้เธอจะปลอบตัวเองหรือปลอบเซียวโม่กันแน่ แต่ในใจคนก็ต้องคาดหวังไม่ใช่เหรอ ถ้าไม่มีความหวังอย่างนั้นก็คงเป็นเพียงความเชื่อมั่นที่ว่างเปล่า

 

 

“โยวโยวแข็งแรงมาก หลังจากมีลูกเธอมักจะพูดเสมอว่าจะพาลูกไปไหนตอนไหน รอให้ลูกโตแล้วจะสอนลูกยังไง ดังนั้นโยวโยวจะต้องไม่เป็นอะไร”

 

 

เมื่อถังโจวโจวได้ยินเซียวโม่พูดจบถึงได้รู้ว่า เซียวโม่ไม่ได้ไร้ความรู้สึกต่อว่าสวี่โยว ผู้ชายมักจะตระหนักถึงความรู้สึกของเขาเมื่อเขากำลังจะสูญเสียมันไป เซียวโม่เองก็เช่นกัน

 

 

“เซียวโม่ คุณรักเธอใช่ไหม” สวี่โยวไขว่คว้าหาความรักอย่างยากลำบาก สุดท้ายก็ได้รับความรักกลับมา เซียวโม่ไม่ได้เย็นชาต่อเธอ ในใจเขายังมีสวี่โยว เพียงแต่เขาไม่ยอมรับมันเท่านั้น

 

 

“น่าจะใช่นะ” เซียวโม่ก้มหน้า ถังโจวโจวไม่เห็นสีหน้าท่าทางของเขา มีความไม่แน่นอนในน้ำเสียงของเขา แต่เขาก็ไม่ลังเลที่จะพูด

 

 

จู่ๆ ห้องผ่าตัดก็เปิดออก พยาบาลคนหนึ่งออกมา “ใครเป็นญาติของคุณสวี่โยวคะ”

 

 

“ผมครับ” เซียวโม่ยืนขึ้นทันที พยาบาลยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้ “ตอนนี้สถานการณ์ของสวี่โยวไม่ค่อยดี นี่คือหนังสือยินยอม รบกวนช่วยเซ็นด้วยค่ะ”

 

 

เซียวโม่มือสั่น มือที่จับปากกาอยู่สั่นระริก ถังโจวโจวไม่เชื่อ “คุณพยาบาลคะ เกิดอะไรขึ้นคะ ตอนมาก็ยังดีๆ อยู่เลย”

 

 

“คนไข้อยู่ในอาการโคม่าในห้องผ่าตัด และตอนนี้เธอก็เสียเลือดมาก ขอให้ญาติเซ็นชื่อ พวกเราจะรักษาเธอให้ดีที่สุดค่ะ”

 

 

“เซียวโม่ รีบเซ็นสิ หรือคุณอยากให้เธอเป็นอะไร” ถังโจวโจวเห็นเซียวโม่ยังประวิงเวลา เธอที่อยู่ข้างๆ ก็ร้อนใจ

 

 

เซียวโม่ถูกถังโจวโจวตี ถึงจะดึงสติกลับมา จึงรีบเซ็นชื่อ เขาพูดกับพยาบาล “คุณต้องช่วยภรรยาผมให้ได้นะครับ ในท้องเธอยังมีเด็กอยู่”

 

 

“วางใจเถอะค่ะ พวกเราจะพยายาม” พยาบาลรับหนังสือยินยอมเดินเข้าห้องผ่าตัดไป

 

 

เซียวโม่และถังโจวโจวทำได้แค่รออยู่ด้านนอก จู่ๆ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ถังโจวโจวมองโทรศัพท์ของตัวเอง ไม่ใช่ของเธอ พอเห็นเซียวโม่ไม่ได้ตอบสนองกลับก็ตบไหล่เขา “เซียวโม่ โทรศัพท์”

 

 

เซียวโม่ก้มหน้ามอง พบว่าเสียงโทรศัพท์ตัวเองดังอยู่จึงหยิบขึ้นมาดู “ฮัลโหล แม่ครับ มีอะไรรึเปล่าครับ”

 

 

“แม่ครับ โยวโยวใกล้จะคลอดแล้ว ตอนนี้แม่รีบเอาของมาที่โรงพยาบาลด่วนเลยครับ”

 

 

เมื่อถังโจวโจวคิดถึงคุณแม่เซียวก็ค่อนข้างกังวลใจ แต่เธอต้องนิ่งและสงบ ยังไงก็ตามเรื่องที่สวี่โยวเกิดเรื่องก็ไม่เกี่ยวกับเธอ คุณแม่เซียวก็โทษเธอไม่ได้ ตอนนี้ที่สำคัญคือลูกสวี่โยวต้องปลอดภัย

 

 

 

 

ตอนที่ 285 สวี่โยวปลอดภัย

 

 

“เซียวโม่ แม่คุณจะมาเหรอ”

 

 

“อืม รออีกเดี๋ยวก็ถึงแล้ว โยวโยวเป็นยังไงบ้าง ทำไมนานแล้วยังไม่มีข่าวออกมาเลย” เซียวโม่นอนอยู่ที่ประตูห้องผ่าตัดฟังเสียงภายใน แต่ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย ภาพเหตุการณ์ไม่ดีมากมายผุดขึ้นในจิตใจของเขาทำให้หัวใจเขาเต้นแรง

 

 

”เพิ่งผ่านไปไม่นานเอง เซียวโม่ ตอนเที่ยงพวกคุณยังไม่ได้กินอะไรเลยใช่ไหม งั้นฉันไปซื้ออะไรมาให้คุณกินดีกว่านะ” ถังโจวโจวรู้สึกว่าอยู่อย่างนี้ก็ยิ่งร้อนใจ ต้องทำอะไรบ้างเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของตัวเอง

 

 

“ไม่ต้องหรอก ตอนนี้ผมกินอะไรไม่ลง” เซียวโม่ไม่อยากกินอะไรเลย เขาไม่รู้สึกถึงความหิวด้วยซ้ำ ตอนนี้ความสนใจเขาไปอยู่ที่สวี่โยวในห้องผ่าตัดเท่านั้น

 

 

เซียวโม่เดินไปมาตลอดเวลา ถังโจวโจวที่มองอยู่ใกล้จะเป็นลมแล้ว ตอนนี้เองเสียงฝีเท้าที่รวดเร็วก็ดังขึ้น ถังโจวโจวเงยหน้าดูพบว่าเป็นซูอวิ๋นเสี่ยวพาลั่วอิงเข้ามา

 

 

“โจวโจว ตอนนี้สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง” ซูอวิ๋นเสี่ยวจับมือเล็กๆ ของลั่วอิงวิ่งไว้ หายใจหอบตลอดเวลา สีหน้าแดงก่ำ ท่าทางร้อนรนมายังห้องผ่าตัด

 

 

ถังโจวโจวรับลั่วอิงมาแล้วส่ายหน้า “ยังไม่มีข่าวอะไร ไม่มีใครออกมาเลย”

 

 

กลุ่มคนที่นั่งบนม้านั่งผ่านการรอ จนคุณแม่เซียวคุณพ่อเซียวมาถึงได้ทำลายความเงียบลง

 

 

“โม่ โยวโยวเป็นยังไงบ้าง” เห็นเพียงรูปของแม่เซียวมาเหมือนสายลม ทันใดนั้นก็มาถึง คุณพ่อเซียวที่ในมือถือของมามากมายก็ตามเข้ามา อาจเพราะต้องการมารับขวัญสวี่โยว

 

 

“แม่ครับ ยังไม่ออกมาเลยครับ แม่กับพ่อนั่งรอก่อนเถอะครับ”

 

 

คุณแม่เซียวหันกลับไปมองถังโจวโจวที่ยังอยู่ “โจวโจว เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ที่โยวโยวเกิดเรื่องเป็นเพราะเธอใช่ไหม”

 

 

ถังโจวโจวรู้นานแล้วว่าคุณแม่เซียวจะมาและคิดโทษเธอแน่ เธออธิบายอย่างจนใจ “คุณป้าคะ หนูไม่เกี่ยวด้วยนะคะ”

 

 

“แม่ครับ แม่อย่าพูดเหลวไหล เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับโจวโจว” เซียวโม่รีบอธิบาย แต่คำอธิบายของเซียวโม่เหมือนน้ำมันที่ราดลงบนกองไฟ คุณแม่เซียวยิ่งโกรธมากขึ้นกว่าเดิมพลันตะโกนใส่เขาทันที “เซียวโม่ เมียแกยังอยู่ข้างใน แกยังจะพูดปกป้องถังโจวโจวอีกเหรอ”

 

 

คุณแม่เซียวเชื่อฝังใจว่าถังโจวโจวต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องของสวี่โยวแน่ ดังนั้นถึงได้ต่อว่าเธอ  ถ้าหลานของเธอเป็นอะไรขึ้นมาจริงๆ เธอจะไม่ปล่อยถังโจวโจวไว้แน่ จะต้องให้เธอได้รับโทษให้สาสม

 

 

“แม่ครับ ไม่เกี่ยวกับโจวโจวจริงๆ ผมจะโกหกแม่ทำไม เดี๋ยวโยวโยวออกมา แม่ก็ถามเธอเถอะ”

 

 

เซียวโม่ไม่คิดว่าคุณแม่เซียวเจอถังโจวโจวแล้วจะเป็นเรื่องใหญ่อย่างนี้ เห็นๆ กันอยู่ว่าเขาก็แต่งงานกับสวี่โยวนานแล้ว แถมลูกก็มีแล้ว ทำไมคุณแม่เซียวยังไม่ชอบเธออยู่อีก

 

 

“ถังโจวโจว มันจะดีกว่าถ้าเป็นอย่างนั้น ไม่อย่างนั้นล่ะก็น่าดูแน่” คุณแม่เซียวมองถังโจวโจวอย่างมุ่งร้าย ทำให้ถังโจวโจวตัวสั่นโดยไม่ตั้งใจ

 

 

ประตูห้องผ่าตัดเปิดออก สวี่โยวถูกเข็นออกมา เซียวโม่ตรงไปถามคุณหมอ “หมอครับ ลูกผมละครับ”

 

 

“ยินดีด้วยครับ ลูกสาวและแม่เด็กปลอดภัยดี ตอนนี้กำลังพาคนไข้ไปส่งที่ห้องพัก ส่วนเด็กเพราะว่าคลอดก่อนกำหนดเลยต้องอยู่ในตู้อบก่อนสักสองสามวันนะครับ”

 

 

“หา ไม่ใช่หลานชายแต่เป็นหลานสาวเหรอ เป็นแบบนี้ไปได้ยังไงกัน…”

 

 

เซียวโม่เห็นคนที่อยู่รอบๆ มองมาทางคุณแม่เซียวเป็นตาเดียวก็รู้สึกเสียหน้ามากเลยรีบพูดว่า “แม่ครับ โยวโยวไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว แม่ไม่ต้องพูดแล้ว”

ตอนที่ 282 สวี่โยวล้ม

 

 

ผู้หญิงไม่ควรทิ้งหัวใจตัวเอง เมื่อคุณเสียหัวใจตัวเองไปกับผู้ชายที่ทรยศคุณ คุณก็ตายดีกว่าอยู่ ดังนั้นจึงมีคนบอกว่า สามสิบเปอร์เซ็นต์ที่ผู้หญิงควรรักคือคนรัก อีกเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์คือตัวเอง

 

 

ถังโจวโจว รักคนคนหนึ่งนั้นไม่ผิด ที่สำคัญคือเมื่อคุณรักเขาคุณก็จะโยนความผิดทั้งหมดไปให้คนอื่น นั่นก็เป็นบาปของคุณอย่างหนึ่ง

 

 

ความรักไม่ใช่ตาบอด คุณจำต้องรักษาขีดจำกัดสุดท้ายของตัวเองเอาไว้ให้ดี ความรักไม่สามารถทำอะไรที่ขัดกับศีลธรรมได้

 

 

ถังโจวโจวไม่รู้ว่าสวี่โยวเข้าใจไหม เธอก็พยายามพูดต่อไป สวี่โยวฟังไม่ฟังก็เรื่องของเธอ

 

 

“สวี่โยว ออกมาตั้งนานแล้ว เซียวโม่คงร้อนใจ พวกเรากลับกันเถอะ” ถังโจวโจวเดินไปข้างหน้า เธอเดินไปไม่กี่ก้าว พอเห็นสวี่โยวไม่ตามมาเธอก็เรียก “สวี่โยว เธอทำอะไรอยู่ทำไมไม่ออกมา รีบออกมาเร็ว”

 

 

สวี่โยวเพิ่งจะก้าวออกมา ถังโจวโจวก็เดินหน้าต่อ ออกจากห้องน้ำมาได้ไม่ถึงสิบเมตรก็ได้ยินเสียวสวี่โยวร้อง ถังโจวโจวหันกลับไปดูทันที เมื่อหันกลับไปสวี่โยวก็ล้มลงบนพื้นแล้ว

 

 

ถังโจวโจววิ่งเข้าไปอย่างร้อนรน เมื่อวิ่งไปข้างๆ สวี่โยวก็ถามอย่างร้อนใจ “สวี่โยว เธอเป็นอะไร” ทำไมจู่ๆ ถึงล้มได้ล่ะ

 

 

“ท้อง….ท้องของฉัน….” สวี่โยวเอามือกุมท้อง หน้าซีดเผือด ถังโจวโจวถึงได้สติมองชุดคลุมท้องของสวี่โยวที่เปียกแฉะ “สวี่โยว อาจเป็นน้ำเดิน ฉันจะพาเธอไปส่งโรงพยาบาล”

 

 

“โม่ โทรหาโม่…” แม้สวี่โยวจะเจ็บ แต่เธอก็ยังพูดเสียงหนักแน่นว่าต้องให้เซียวโม่อยู่ข้างเธอ

 

 

ถังโจวโจวไม่ขัดเธอ “ได้ เธอไม่ต้องร้อนรน ฉันจะโทรหาเขาเดี๋ยวนี้ ไม่นานเขาก็จะมาแล้ว”

 

 

“ฮัลโหล่ เซียวโม่ คุณรีบมาที่ห้องน้ำเร็ว สวี่โยวล้ม” พูดกับเซียวโม่ได้ไม่กี่คำ ถังโจวโจวก็รีบโทรหาโรงพยาบาลให้รีบมารับคนไป

 

 

เซียวโม่รับสายถังโจวโจว สวี่โยวล้มแปลว่าอะไร ลูก เซียวโม่คิดถึงแต่ลูก เขาวิ่งไปที่ห้องน้ำทันที

 

 

ถังโจวโจวโทรศัพท์เสร็จ พอเห็นสวี่โยวเหงื่อออกเต็มตัว เธอก็ปลอบเธอไม่หยุด “สวี่โยว อดทนไว้นะ เซียวโม่ใกล้มาแล้ว รถโรงพยาบาลก็ใกล้มาแล้ว ลูกของเธอจะได้คลอดอย่างปลอดภัย”

 

 

“โจวโจว ฉันเจ็บ…” สวี่โยวจับมือถังโจวโจวจนเห็นเส้นเอ็นปูดนูน เธอจับมือจนถังโจวโจวเจ็บแต่ก็ไม่กล้าบอกให้เธอปล่อย

 

 

“ไม่เป็นไร เธอทนอีกนิด คิดถึงลูกเธอไว้ เธอรอลูกของเธอมานาน เขาใกล้จะได้เจอเธอแล้ว เธอกล้าหาญหน่อย” ใจถังโจวโจวก็ตกใจ เธอไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อน ครั้งก่อนที่เธอล้มเองเธอเองก็กลัว

 

 

ท้องสวี่โยวแปดเดือนกว่าแล้ว คนโบราณบอกว่า เจ็ดรอดแปดไม่รอด เธอกลัวมากว่าลูกสวี่โยวจะเป็นอะไร นี่ทำให้ใจเธอเป็นกังวล

 

 

ไม่นานเซียวโม่ก็มา เมื่อเขาเห็น ใจของเซียวโม่ก็เต้นไม่หยุด เขาไปตรงหน้าสวี่โยวและนั่งลงแทนที่ถังโจวโจว จับมือสวี่โยวไว้ พูดเสียงสั่น “โยวโยว ไม่ต้องกลัว ผมอยู่ตรงนี้”

 

 

“ไม่ต้องพูดแล้ว รีบพาเธอไปที่รถก่อนเถอะ น้ำคร่ำเธอแตกแล้ว คิดว่าไม่นานเด็กก็คงคลอด รีบพาไปส่งโรงพยาบาลเถอะ”

 

 

 

 

 

ตอนที่ 283 ส่งโรงพยาบาล

 

 

ถังโจวโจวเห็นเซียวโม่มาแล้วก็ถือว่ามีคนดูแลแล้ว เซียวโม่ลูบเหงื่อบนหน้าผากของสวี่โยว ปวดใจ “โยวโยว อดทนไว้นะ อีกเดี๋ยวพวกเราก็ถึงโงพยาบาลแล้ว”

 

 

เซียวโม่อุ้มสวี่โยวก้าวไปที่รถตัวเองอย่างรวดเร็ว ถังโจวโจวก็ตามไป รถพยาบาลก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะมา

 

 

เซียวโม่พาสวี่โยวไปที่รถได้ ถังโจวโจวตามไปนั่งข้างหลัง เซียวโม่วางมือแล้วไปจับพวงมาลัย อดไม่ได้ที่จะมือสั่น

 

 

ถังโจวโจวเห็นก็ด่าเขาทันที “เซียวโม่ นี่มันตอนไหนแล้ว ชีวิตลูกกับภรรยาอยู่ในมือคุณ รีบไปโรงพยาบาลสิ เป็นลูกผู้ชายหน่อย อย่าลนลาน”

 

 

เซียวโม่เช็ดใบหน้าตัวเองแล้วรู้สึกว่าถังโจวโจวพูดถูก เขาให้กำลังใจตัวเองแล้วสตาร์ทรถ มุ่งตรงไปโรงพยาบาล สวนอิงอยู่ห่างจากตัวเมือง ไม่ควรจะไปที่โรงพยาบาลกลางแล้ว ถังโจวโจวถามเซียวโม่ “คุณรู้จักโรงพยาบาลใกล้ๆ บ้างไหม”

 

 

“ดูเหมือนจะมีโรงพยาบาลเอกชนใกล้ที่นี่ ไม่ไกลจากนี่มาก” เซียวโม่จำได้ว่าใกล้ๆ นี้มีโรงพยาบาลเอกชน ดูเหมือนจะอยู่ทางตะวันตกของสวนอิง

 

 

“งั้นก็รีบไปที่นั่นเลย สวี่โยวอดทนได้ไม่นานแล้ว” ถังโจวโจวเห็นสวี่โยวเริ่มมึนงงแล้ว กลัวว่าเธอจะหลับไป เธอตบหน้าสวี่โยวเบาๆ “สวี่โยว อย่าหลับนะ ฉันจะคุยเป็นเพื่อนเธอเอง”

 

 

สวี่โยวถูกถังโจวโจวปลุกให้ตื่นจึงดึงสติเหลือบมองตัวเองในตอนนี้ก็อยากหลับไปอีก แต่น่าเสียดายที่ถังโจวโจวทำแบบนี้ ถังโจวโจวชวนสวี่โยวคุยอยู่ตลอด

 

 

“สวี่โยว เธออย่าหลับนะ เธอรู้ไหม ลูกยังไม่ได้คลอดนะ ตอนนี้เธอยังหลับไม่ได้”

 

 

“อือ ฉันเหนื่อยแล้ว อยากหลับจัง” ที่จริงสวี่โยวยังรู้สึกว่าท้องตัวเองปวดมาก แต่ตอนนี้เธอรู้สึกเหนื่อยมากแล้ว อยากหลับตาพักผ่อน

 

 

ทำไมถังโจวโจวไม่ให้เธอนอน ถ้านอนตอนนี้จะอันตรายมาก จะช่วยชีวิตก็คงไม่ทันแล้ว “สวี่โยว เธอฟังฉันนะ ตอนนี้เธอคิดไว้นะว่าลูกจะเป็นยังไง”

 

 

“เซียวโม่ รีบขับเร็ว เมื่อไหร่จะถึงโรงพยาบาล”

 

 

“ใกล้แล้ว” พูดจบ เซียวโม่ก็เร่งความเร็วอีก ตอนนี้ใจเขาไปอยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว

 

 

หลังจากการทรมานที่แสนยาวนาน ในที่สุดก็ถึงโรงพยาบาล เซียวโม่แค่หยุดรถก็รีบวิ่งไปด้านหลังอุ้มสวี่โยวเข้าไปในประตูใหญ่ของโรงพยาบาลแล้วเรียกหมอ “คุณหมอๆ รีบมาเร็วครับ ภรรยาผมจะคลอดแล้ว”

 

 

เมื่อพยาบาลได้ยินและเห็นผู้ชายคนหนึ่งอุ้มผู้หญิงเข้ามาก็รีบเตรียมอุปกรณ์ทันที วางสวี่โยวไว้บนเตียงและผลักประตูเข้าห้องผ่าตัดไป

 

 

เซียวโม่ตามพยาบาลเข้าไป ถังโจวโจวลงทะเบียนและกรอกแบบฟอร์มแทนสวี่โยว

 

 

เมื่อถังโจวโจวจัดการเรื่องที่ชั้นหนึ่งเสร็จก็รีบขึ้นไปบนชั้นสาม พบว่าที่ห้องผ่าตัดยังเปิดไฟอยู่ ไม่มีการเคลื่อนไหวในนั้น เซียวโม่พิงกำแพง ดวงตาจ้องไปทางห้องผ่าตัด

 

 

“เป็นไงบ้าง”

 

 

“ยังไม่มีใครออกมา” เซียวโม่ไม่ได้มองถังโจวโจว ตอนนี้สติทั้งหมดของเขาไปอยู่กับสวี่โยวและลูกเลยไม่มีสมาธิมาคุยกับถังโจวโจว

 

 

จู่ๆ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ถังโจวโจวฟังอยู่นานถึงนึกได้ว่าเป็นโทรศัพท์ตัวเอง เดินไปที่ที่ค่อนข้างเงียบ พอเห็นว่าเป็นชื่อของซูอวิ๋นเสี่ยวถึงนึกออกว่าพวกเธอยังอยู่ที่สวนดอกอิง

ตอนที่ 280 เล่นว่าว

 

 

“อ้อ ฉันจะแนะนำให้พวกเธอรู้จักนะ นี่คือซูอวิ๋นเสี่ยว และนี่ก็คือเซี่ยวโม่และสวี่โยว”

 

 

“สวัสดีค่ะทุกคน ฉันเป็นเพื่อนถังโจวโจว พวกคุณเรียกฉันว่าอวิ๋นเสี่ยวก็ได้ค่ะ” ซูอวิ๋นเสี่ยวยืนมือไปจับกับสวี่โยวโดยอัตโนมัติ

 

 

สวี่โยวก็ไม่ได้ปฏิเสธ “ฉันสวี่โยวค่ะ นี่สามีของฉันเซียวโม่ พวกเรารู้จักกับโจวโจวมานานแล้ว”

 

 

ซูอวิ๋นเสียวมองท้องของสวี่โยว “คุณกำลังท้องใช่ไหมคะ กี่เดือนแล้วละคะ”

 

 

“อีกเดือนเดียวก็จะคลอดแล้วค่ะ” สวี่โยวลูบท้องตัวเอง ดวงตานั้นเปี่ยมไปด้วยความรัก

 

 

อาจเป็นเพราะซูเสี่ยว ซูอวิ๋นเสี่ยวจึงรู้สึกชื่นชอบคนท้องมากเป็นพิเศษ ดังนั้นเมื่อรู้ว่าเมื่อกี้บรรยากาศไม่ค่อยดีซูอวิ๋นเสี่ยวจึงดึงแขนสวี่โยวไว้

 

 

“ยินดีกับทั้งสองคนด้วยนะคะ อีกเดือนเดียวก็จะได้เห็นหน้าลูกแล้ว ถึงตอนนั้นก็จะได้อยู่กันพร้อมหน้ากันสามคนแล้วนะคะ” การที่ซูอวิ๋นเสี่ยวพูดแบบนี้ก็ทำให้สวี่โยวสบายใจขึ้นไม่น้อย “ขอบคุณนะคะ”

 

 

“โจวโจว พวกเราไปเล่นว่ากันเถอะ นี่เป็นว่าวที่ฉันกับลั่วอิงซื้อมา” ซูอวิ๋นเสี่ยวว่ารูปปลาที่ลั่วอิงเลือกให้ถังโจวโจวดู ถังโจวโจวพยักหน้า “ได้ สวี่โยว พวกเธอนั่งพักที่นี่ก่อนไหม”

 

 

สวี่โยวหันไปมองเซียวโม่เป็นการถามความเห็นของเขา “แล้วแต่โยวโยวเลย ถ้าเธอโอเคก็ไม่มีปัญหา” เซียวโม่นั้นอย่างไรก็ได้ เขาไม่อยากมองถังโจวโจวเท่าไหร่นัก เขาไม่รู้ว่าแบบนี้ว่าทำแบบนี้แล้วจะได้ผลไหม แต่ปัจจุบันนี้ทุกอย่างก็ดีหมด

 

 

“งั้นพวกเราต้องขอรบกวนเธอแล้ว” สวี่โยวยอมที่จะอยู่ต่อ ถังโจวโจวมองเธอแวบหนึ่ง “งั้นก็ดี พวกเธอช่วยฉันเฝ้าของหน่อยนะ พวกเราขอไปเล่นว่าวกันก่อน”

 

 

ถังโจวโจวลากลั่วอิงและซูอวิ๋นเสี่ยวไปยังที่โล่ง ถังโจวโจวช่วยลั่วอิงถือสายเชือกส่วนลั่วอิงก็เป็นคนวิ่ง ซูอวิ๋นเสี่ยวยืนถือของอยู่ด้านข้าง

 

 

ครั้งแรกล้มเหลว ลั่วอิงวิ่งไม่ถึงสองก้าวว่าวก็ตกลงมาแล้ว ถังโจวโจวลองอีกครั้ง ครั้งนี้ลั่วอิงวิ่ง ซูอวิ๋นเสี่ยวถือเชือก รอให้ว่าวขึ้นไปแล้วค่อยส่งให้ลั่วอิง

 

 

ทั้งสามคนวิ่งจนเหงื่อไหลเต็มหลัง แต่ไม่รู้สึกเหนื่อย มองว่าวบนท้องฟ้า ในใจก็มีความสุขไม่น้อย

 

 

สวี่โยวเห็นแล้วก็หันมามองตัวเองกับเซียวโม่ ถ้าเธอไม่พูดก่อน เซียวโม่ก็จะไม่มีวันพูดกับเธอใช่ไหม

 

 

“โม่ คุณดูสิ พวกโจวโจวดูมีความสุขมากเลย”

 

 

“อืม” รอยยิ้มช่างเปี่ยมไปด้วยความสุขจริงๆ ดูเหมือนเมื่ออยู่ต่อหน้าถังโจวโจวแล้ว ทุกสิ่งที่ไม่พึงประสงค์จะไม่สามารถเอาชนะเธอได้เลย แค่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็ทำให้เธอมีความสุขได้แล้ว

 

 

สวี่โยวได้ยินคำตอบของเซียวโม่ก็ไม่พูดอะไรอีก ในใจของโม่ยังมีหล่อนใช่ไหม สวี่โยวลูบท้องตัวเอง ลูกใกล้จะออกมาเจอหน้าพวกเราแล้ว เธอจะไม่ให้ใจของพ่อเขามีหญิงคนอื่น ลูกเธอจะต้องมีทั้งพ่อและแม่ให้ความรัก

 

 

ถังโจวโจววิ่งจนเหนื่อยก็กลับมาดื่มน้ำ พอเห็นบรรยากาศน่าอึดอัดของเซียวโม่กับสวี่โยวแล้วก็ไม่รู้ว่าจะเข้าไปกู้สถานการณ์ดีไหม

 

 

จู่ๆ สวี่โยวก็ยืนขึ้น “โม่ ฉันอยากไปห้องน้ำ”

 

 

“ผมไปเป็นเพื่อน” เซียวโม่ลุกขึ้นทันที เตรียมพยุงมือสวี่โยวไปข้างหน้า

 

 

สวี่โยวห้ามเขาทันที “ไม่ต้องแล้ว โม่ คุณนั่งอยู่ที่นี่เถอะ ฉันไปคนเดียวได้”

 

 

“ไม่ได้ ผมไม่วางใจ ผมไปเป็นเพื่อนคุณดีกว่า”

 

 

“โม่ ไม่ต้องจริงๆ ฉันไปคนเดียวได้” สวี่โยวทำให้เซียวโม่รู้สึกอึดอัด ปกติสวี่โยวจะอยากอยู่กับเขา ทำไมจู่ๆ ถึงอยากไล่เขาไปอย่างนี้

 

 

 

 

 

ตอนที่ 281 แนะนำ

 

 

“งั้นก็ไปกับฉันเถอะ” จู่ๆ ถังโจวโจวก็เอ่ยขึ้น ทำให้สายตาสองสามีภรรยาหันมองมา สวี่โยวยิ้มออกมาอย่างรวดเร็ว “โม่ ในเมื่อโจวโจวจะไปกับฉัน คุณก็วางใจได้แล้วล่ะ”

 

 

“อืม พวกเธอระวังด้วย” เซี่ยวโม่มองสวีโยวแล้วก็มองถังโจวโจว ในใจยังเป็นห่วง แต่สวี่โยวไม่ให้เขาไปด้วย ตอนนี้ท้องเธอก็โตมาก เขาเองก็ไม่ค่อยวางใจ

 

 

“วางใจเถอะ มีฉันตามเธอไปด้วย จะไม่ให้สวี่โยวเกิดเรื่องแน่” หลังจากนั้นถังโจวโจวจึงรู้สึกเสียใจที่เธอพูดไปอย่างนั้น

 

 

ถังโจวโจวและสวี่โยวไปห้องน้ำด้วยกัน พอดีกับที่เธอเหงื่อออก ถังโจวโจวเลยไปล้างตัว

 

 

เมื่อเข้าไปในห้องน้ำ สวี่โยวก็ไม่ได้เข้าไปในห้องน้ำทันที ถังโจวโจวยืนอยู่หน้ากระจกและวักน้ำขึ้นล้างหน้า

 

 

ถังโจวโจวล้างหน้าไปเรื่อยๆ ก็เห็นว่าสวี่โยวยังยืนอยู่ข้างหลังเธอ “สวี่โยว เธอไม่เข้าห้องน้ำเหรอ ทำไมยังไม่เข้าไปอีกล่ะ”  หรืออายเหรอ ไม่ใช่มั้ง  ถังโจวโจวไม่เข้าใจ

 

 

สวี่โยวมองถังโจวโจวผ่านกระจกและพูดขึ้น “ถังโจวโจว ลูกของฉันกับเซียวโม่กำลังจะเกิดมา เธออย่ามาแย่งเขาไปอีกนะ”

 

 

ถังโจวโจวคิดว่าตัวเองฟังผิดไป “เมื่อกี้เธอพูดอะไรนะ สวี่โยว เธอรู้ตัวรึเปล่าว่าพูดอะไรออกมา”

 

 

นานมากแล้วที่ไม่มีคนพูดเรื่องเธอกับเซียวโม่และเธอก็เกือบลืมไปแล้วว่าเขาเป็นแฟนเก่าของเธอ เธอมองท้องสวี่โยว ถังโจวโจวเข้าใจความกลัวของเธอ เธอไม่ได้กลัวว่าจะมีใครแย่งเซียวโม่ไป แต่กลัวว่าลูกจะไม่มีพ่อ

 

 

แต่สวี่โยวคิดมากเกินไปจริงๆ เธอเองไม่มีทางทำเองแบบนั้นอยู่แล้ว ไม่ต้องบอกเธอก็ไม่มีวันแย่งเซียวโม่กลับมา

 

 

“ถังโจวโจว ฉันก็แค่พูดเล่น ตอนนี้เซียวโม่ค่อยๆ ลืมเธอแล้ว ขอแค่เธออย่าไปรื้อฟื้นอดีตกับเขา ฉันเชื่อว่า สักวันเขาจะลืมเธอได้ และเป็นของฉันเพียงคนเดียว” สวี่โยวค่อนข้างตื่นเต้น เธอพยายามมานานมาก อีกไม่นานเป้าหมายเธอก็จะสำเร็จแล้ว

 

 

ถังโจวโจวเข้าใจสวี่โยวดี แต่ไม่ได้หมายความว่าเธอจะต้องอดทนกับเรื่องพวกนี้

 

 

“สวี่โยว ถ้าเธอเชื่อใจเขาก็อย่าพูดเรื่องแบบนี้กับฉันอีก ฉันไม่เคยคิดจะแย่งเซียวโม่มาจากเธอ ของที่ฉันไม่ต้องการแล้วก็ไม่เคยคิดอยากได้กลับมาอีก”

 

 

ถังโจวโจวเหมือนกำลังพูดให้สวี่โยวและตัวเองฟัง เธอเป็นคนแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร ไม่เคยคิดจะกลับไปกินน้ำพริกถ้วยเก่า ผ่านไปแล้วก็ผ่านไป ทำไมต้องไปยึดติดกับมันด้วย เธอไม่ใช่คนแบบนั้นและสวี่โยวเองก็คงไม่ยอมให้เธอทำอย่างนั้นเช่นกัน

 

 

“เซียวโม่ไม่ใช่สิ่งของ ฉันไม่ยอมให้เธอพูดถึงเขาแบบนี้” จู่ๆ สวี่โยวก็โกรธขึ้นมา

 

 

“ได้ ไม่พูดแล้ว แต่ว่านะสวี่โยว เธอต้องจำเอาไว้ว่า ตอนนี้เซี่ยวโม่คือผู้ชายของเธอ ขอแค่เธอดูแลเขาให้ดีก็จะได้ไม่ต้องเที่ยวมาเตือนฉันบ่อยๆ อีก”

 

 

“ในฐานะที่เป็นผู้หญิง ฉันจะแนะนำเธอให้นะ อย่าให้ความสำคัญกับเซียวโม่มากเกินไปนัก เพราะถ้าวันไหนเขาหายไปจากชีวิตเธอ เธอก็ต้องอยู่ด้วยตัวเองให้ได้” นี่คือคำแนะนำที่ถังโจวโจวให้กับสวี่โยว

ตอนที่ 278 สวนสาธารณะปิกนิก  

 

 

“เหอะๆ…ตอนนั้นฉันไม่ได้คิดอะไรมากมายขนาดนั้นนี่” ซูอวิ๋นเสี่ยวเกาหัว เธอรู้ว่าในสายตาถังโจวโจวเต็มไปด้วยการเหยียดหยาม เธอยอมรับมันทั้งหมด เพราะอย่างไรสุดท้ายแล้วมันก็เป็นเหมือนข้ออ้างอยู่ดี  

 

 

“โจวโจว นี่ก็ดึกแล้ว ฉันกลับก่อนแล้วกันนะ” บรรยากาศในห้องค่อนข้างน่าอึดอัด ซูอวิ๋นเสี่ยวใกล้จะถูกสายตาของถังโจวโจวฆ่าตายแล้ว ตอนนี้แค่อยากจะออกไปจากที่นี่เท่านั้น  

 

 

“งั้นฉันจะไปส่ง”  

 

 

“ไม่ต้องๆ ฉันกลับเองได้ โจวโจว ฉันไปก่อนนะ” ซูอวิ๋นเสี่ยวหยิบกระเป๋าของตัวเอง รีบออกจากห้องของถังโจวโจวไป  

 

 

ถังโจวโจวได้ยินซูอวิ๋นเสี่ยวบอกลาคุณพ่อถังคุณแม่ถังและลั่วอิงที่อยู่ด้านนอก ยังได้ยินว่าคุณแม่ถังอยากไปส่งเธอแต่ถูกปฏิเสธ  

 

 

ถังโจวโจวรู้สึกว่าเมื่อครู่ซูอวิ๋นเสี่ยวมีบางอย่างปิดบังเธออยู่ หลายครั้งเธอสามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจน ซูอวิ๋นเสี่ยวไม่ได้มีเจตนาร้ายต่อลั่วอิง ในสายตาเธอเต็มไปด้วยความเป็นห่วงเป็นใย ไม่ใช่คนโกหก แล้วจุดประสงค์จริงๆ ของเธอคืออะไรกันแน่  

 

 

ถังโจวโจวไม่เชื่อเรื่องที่ซูอวิ๋นเสี่ยวพูดเมื่อกี้ ถ้าตอนแรกซูอวิ๋นเสี่ยวบอกว่าเผลอไผลไป ถังโจวโจวก็อาจจะเชื่อ  

 

 

แต่ซูอวิ๋นเสี่ยวใช้เรื่องผู้ชายมาบังหน้า นี่ทำให้ถังโจวโจวนึกสงสัย เพราะอย่างไรท่าทางของซูอวิ๋นเสี่ยวนั้นก็ไม่เหมือนกับคนที่ทำเพื่อผู้ชายถึงขั้นนี้  

 

 

ตอนนี้ซูอวิ๋นเสี่ยวออกไปแล้ว ดูเหมือนครั้งหน้าที่ต้องเจอกันจะต้องถามให้ละเอียดกว่านี้ แต่สำหรับเรื่องที่ว่าจะกล้าถามออกมาจริงๆ หรือไม่นั้น เรื่องนี้ถังโจวโจวยังไม่ได้คิดไปไกลขนาดนั้น  

 

 

สุดสัปดาห์นี้ ถังโจวโจวพาลั่วอิงไปเที่ยว มีช่วงหนึ่งที่ไม่มีเวลาพาลั่วอิงออกมาเที่ยว นี่ทำให้ถังโจวโจวรู้สึกเสียใจ ที่สำคัญลั่วอิงเองก็ไม่ได้งอแง ถังโจวโจวก็ยิ่งอยากชดเชยให้  

 

 

ถังโจวโจวเตรียมที่จะพาลั่วอิงไปปิกนิก เดิมทีอยากชวนลั่วเซ่าเชินมาด้วย แต่ที่บริษัทเขามีงานคงไม่ว่าง ถังโจวโจวจึงเตรียมของไปกับลั่วอิงสองคน  

 

 

แน่นอน เธอโทรเรียกหลินเหยาและซูอวิ๋นเสี่ยวมาด้วย ซูอวิ๋นเสี่ยวรับปากว่าจะมาให้ได้ แต่หลินเหยานั้นไม่แน่ใจ แต่เธอให้พวกถังโจวโจวกินไปก่อน ถ้าเธอมาถึงเวลาจะเอาของไปเอง  

 

 

เมื่อมาถึงเมืองเอสสวนดอกอิงที่มีชื่อเสียง สวนนี้เป็นที่รู้จักกันเป็นดอกอิงที่ปลูกในญี่ปุ่น เมื่อถึงฤดูดอกไม้ผลิ สวนสาธารณะทั้งหมดเต็มไปด้วยผู้คน ถังโจวโจวถือโอกาสตอนที่ดอกไม้ยังไม้ผลิ แต่เพราะว่าเป็นวันหยุด คนจึงมีไม่น้อยเลย  

 

 

ถังโจวโจวพาลั่วอิงและซูอวิ๋นเสี่ยวมาเจอกันที่ประตู ทั้งสามคนหาที่ว่าง เอาโต๊ะปิกนิกออกมากาง หลังจากนั้นก็เอาผลไม้ออกมาและหยิบขนมออกมา ซูอวิ๋นเสี่ยวพาขนมมาเยอะมากจนสามคนยังกินไม่หมด  

 

 

ถังโจวโจวตอนที่เพิ่งเห็นซูอวิ๋นเสี่ยวสะพายกระเป๋ามา กล่องภายในนั้น ไม่รู้ว่าของมามากมายเท่าไหร่ มีทั้งมันทอด ช็อคโกแลต นม ไส้กรอก   

 

 

“มองฉันทำไม รีบกินสิ” ซูอวิ๋นเสี่ยวหยิบน้ำผลไม้ให้ลั่วอิงก่อนและให้ถังโจวโจว สุดท้ายก็ของตัวเอง  

 

 

ทั้งสามคนกินไปแล้ว หลินเหยาเองก็ยังไม่มา ถังโจวโจวรู้ว่าเธอน่าจะไม่มาแล้ว วันนี้อากาศดีมาก แสงแดดสอดส่องดูอบอุ่นมาก ตอนนี้ทั้งสามคนนั่งใต้ต้นดอกอิง มีแต่กิ่งก้านเพราะยังไม่ถึงฤดูใบไม้ผลิ  

 

 

แต่ละคนเกิดความรู้สึกสวยงามแตกต่างกันไป ลั่วอิงมองดูว่าวที่ล่องลอยไปมาพลางจ้องท้องฟ้าตาไม่กะพริบ  

 

 

   

 

 

ตอนที่ 279 เจอสวี่โยว เซียวโม่  

 

 

“หลานรัก ให้ป้าซูไปซื้อว่าวมาแล้วพวกเราไปเล่นกันดีไหม” ลั่วอิงได้ยินซูอวิ๋นเสี่ยวพูดก็หันไปมองถังโจวโจว รอให้เธอพยักหน้า  

 

 

ซูอวิ๋นเสี่ยวเห็นเธอชอบ แต่ก็ยังมองถังโจวโจวก่อน เหมือนว่าต้องยอมให้ถังโจวโจวพยักหน้าก่อน เธอถึงจะยอมไปซื้อว่าวกับตน จู่ๆ ซูอวิ๋นเสี่ยวก็รู้สึกอิจฉาขึ้นมา ทำไมลั่วอิงต้องเชื่อฟังแค่ถังโจวโจวคนเดียวด้วยนะ ก็เห็นอยู่ว่าเป็นแค่เรื่องเล็กๆ ยังต้องถามความเห็นเธออีก  

 

 

ทำไมถังโจวโจวจะไม่เข้าใจความต้องการของลั่วอิง การได้ออกมาข้างนอกนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างไรก็ต้องเล่นให้สนุกสนาน “งั้นให้ป้าซูพาลูกไปซื้อแล้วเรามาเล่นด้วยกันนะ”  

 

 

“ป้าซู พวกเราไปกันเถอะค่ะ” เมื่อได้ยินถังโจวโจวอนุญาต ลั่วอิงก็จูงมือซูอวิ๋นเสี่ยวตรงไปที่ร้านขายว่าว  

 

 

ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ซูอวิ๋นเสี่ยวจะมัวทำหยิ่ง เมื่อได้ยินว่าลั่วอิงยอมที่จะไปกับเธอ ซูอวิ๋นเสี่ยวก็ลุกขึ้นทันที การจูงมือกับลั่วอิงนั้นรู้สึกดีมาก ซูอวิ๋นเสี่ยวรู้สึกเหมือนตัวเองได้มีรักครั้งแรก  

 

 

รู้สึกว่าแค่ได้เดินกับลั่วอิงน้ำตาของซูอวิ๋นเสี่ยวก็จะไหลออกมาแล้ว ไม่ทันรู้ตัวลั่วอิงก็ค่อยๆ เติบโตขึ้นและตนก็พลาดช่วงเวลานั้นไปถึงห้าปี  

 

 

แต่เธอยังโชคดี เธอไม่ได้ผิดต่อการฝากฝังของซูเสี่ยว แม้ว่าคนดูแลลั่วอิงจะไม่ใช่เธอ แต่เธอก็ส่งลั่วอิงให้ลั่วเซ่าเชินดูแลแทน  

 

 

ซูอวิ๋นเสี่ยวและลั่วอิงไปร้านขายว่าวอย่างดีใจ สวนดอกอิงในเมืองเอสเองก็มีชื่อเสียง ดังนั้นจึงมีคนไม่น้อย คนค้าขายก็มากขึ้นตามเป็นธรรมดา  

 

 

ลั่วอิงเลือกว่าวรูปปลา ซูอวิ๋นเสี่ยวเห็นเธอเลือกเสร็จแล้ว หลังจากจ่ายเงินทั้งสองคนก็เดินกลับ  

 

 

ถังโจวโจวไม่รู้ว่าการออกมาปิกนิกจะได้เจอคนรู้จัก เมื่อเห็นเซียวโม่ เธอจึงตกใจมาก เพราะเธอไม่เจอเขานานแล้วจนเกือบลืมไปแล้วว่ามีเขาอยู่บนโลก  

 

 

แต่กลับเป็นสวี่โยวที่ทักทายเธอก่อน “โจวโจว ไม่เจอกันนานเลยนะ เธอมาปิกนิกเหรอ”  

 

 

สวี่โยวและเซียวโม่มองลงที่พื้น เห็นชิ้นส่วนของผ้าบนพื้น ด้านบนเต็มไปด้วยอาหารก็รู้จุดประสงค์ของถังโจวโจว  

 

 

“ใช่ ไม่เจอกันนานเลยนะ พวกเธอสองคน” ถังโจวโจวเห็นท้องของสวี่โยวโตขึ้นมาก คิดว่าไม่นานก็น่าจะคลอดแล้ว  

 

 

สวี่โยวประคองเอวของตัวเอง “ฉันกับเซียวโม่เห็นว่าอากาศดีเลยถือโอกาสออกมาเดินเล่น ไม่คิดว่าจะได้เจอเธอ” ช่างบังเอิญจริงๆ ตอนเห็นถังโจวโจว สวี่โยวอดไม่ได้ที่จะกำมือตัวเองแน่น เธอแอบกลัวว่าเมื่อเห็นถังโจวโจวแล้วตัวเองจะสูญเสียการควบคุม  

 

 

ความจริงผู้หญิงทุกคนสามารถเสแสร้งได้ทั้งนั้น แม้ว่าในใจสวี่โยวจะมีความรู้สึกต่อถังโจวโจวมากขนาดไหน แต่ต่อหน้าเซียวโม่ เธอก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี เซียวโม่เป็นหัวใจของเธอ เธอจะไม่ยอมให้ใครทำลายภาพลักษณ์ของเธอลงได้ โดยเฉพาะต่อหน้าเซียวโม่  

 

 

“ใช่ ฉันก็ไม่คิดว่ามาปิกนิกแล้วจะเจอคนรู้จัก โลกนี้ช่างแคบจริงๆ”  

 

 

หลังจากทักทาย บรรยากาศก็ค่อนข้างน่าอึดอัด เซียวโม่ไม่พูดอะไรตั้งแต่ต้น ถังโจวโจวก็ไม่ถาม ทั้งสองคนเหมือนคนแปลกหน้ากัน สวี่โยวเห็นทั้งสองคนแล้วพอใจมาก เธออยากให้ทั้งสองคนเหมือนคนแปลกหน้าไม่ต้องมีความสัมพันธ์อะไรเช่นนี้  

 

 

โชคดีที่ซูอวิ๋นเสี่ยวกลับมาแล้ว “โจวโจว ทั้งสองคนเป็นใครเหรอ” ซูอวิ๋นเสี่ยวเห็นคนแปลกหน้าทั้งสองที่จู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นและดูเหมือนจะรู้จักกับถังโจวโจว  

ตอนที่ 276 การคุมคามอย่างอ่อนแอ   

 

 

แต่ไม่นาน วันนั้นซูเสี่ยวก็ปวดท้อง เธอรีบร้อนพาซูเสี่ยวไปโรงพยาบาล แต่สิ่งที่รอคอยเธออยู่คือซูเสี่ยวคลอดลูกสาวได้อย่างราบรื่นแต่หลังจากนั้นซูเสี่ยวก็ตกเลือดอย่างหนัก  

 

 

สุดท้ายซูเสี่ยวจึงจากไปตั้งแต่อายุยังน้อย เธอทำได้แค่ตั้งชื่อลูกและฝากฝังลูกกับซูอวิ๋นเสี่ยว จากนั้นก็จากโลกนี้ไป  

 

 

ซูอวิ๋นเสี่ยวจัดการเรื่องของซูเสี่ยวเสร็จก็พาเด็กน้อยกลับไปที่ห้องพัก กลางวันเธอก็พาเด็กไปฝากกับเจ้าของห้องแล้วตัวเองก็ออกไปทำงาน อาหารและเสื้อผ้าดีๆ ล้วนยกให้เด็กน้อยทั้งหมด  

 

 

“อวิ๋นเสี่ยว อวิ๋นเสี่ยว เธอกำลังคิดอะไรอยู่น่ะ” ถังโจวโจวเห็นซูอวิ๋นเสี่ยวไม่ขยับอยู่นานก็โบกมือไปมาตรงหน้าเธอ  

 

 

“ไม่ได้คิดอะไรหรอก เพียงแต่รู้สึกว่าตอนนี้ชีวิตดีมาก” ซูอวิ๋นเสี่ยวถูกขัดจังหวะรำลึกความหลังของตัวเอง  

 

 

“ทำไม คิดถึงเรื่องเมื่อก่อนเหรอ” ถังโจวโจวเชิญซูอวิ๋นเสี่ยวให้เข้าไปนอนในห้องของตัวเอง ลั่วอิงก็อยู่ในห้องรับแขกกับคุณพ่อลั่วคุณแม่ลั่ว  

 

 

ถังโจวโจวกลัวว่าซูอวิ๋นเสี่ยวจะรับมือกับความกระตือรือร้นของพ่อแม่ไม่ไหว เมื่อซูอวิ๋นเสี่ยวได้ยินคำถามของถังโจวโจวก็พยักหน้าตอบ “ใช่ เทียบกับตอนนี้เมื่อก่อนเหนื่อยมาก ตอนนี้มีให้กินให้ใช้”  

 

 

ซูอวิ๋นเสี่ยวเองก็ไม่อยากดึงความทรงจำนั้นกลับมา เธอไม่ได้รู้สึกว่าตอนนั้นจะลำบากอะไร ตอนนั้นเธอมีสิ่งที่ยึดมั่น รู้ว่าเพื่อเป้าหมายนั้นตนต้องขยันขันแข็ง ดังนั้นหลังจากซูเสี่ยวจากไป อารมณ์ของเธอก็ไม่ค่อยจะมั่นคงนัก  

 

 

แต่เธอดีใจมากที่มีคนข้างกายที่เธอต้องการที่สุด ซูอวิ๋นเสี่ยวไม่เสียใจเลย แม้ว่าเธอจะมีเงินมากเท่าไหร่ สิ่งที่สูญเสียไปแล้วก็ไม่อาจหวนกลับมาได้  

 

 

“ตอนนี้ลั่วอิงยังไม่คุ้นเคยกับเธอ ต่อไปพวกเธอสนิทกันมากกว่านี้เธอก็คงจะไม่แข็งกร้าวมากขนาดนี้แล้ว จะไม่บอกเรื่องนี้กับเซ่าเชินจริงๆ เหรอ”  

 

 

“จะบอกเขาทำไม คนสารเลวคนนั้น ตอนนั้นเขาแย่งลั่วอิงไปจากมือฉัน ตอนนี้ฉันยังจำความร้ายกาจของเขาได้อยู่เลย” เมื่อพูดถึงลั่วเซ่าเชิน ซูอวิ๋นเสี่ยวก็โมโหขึ้นมา ถังโจวโจวจึงไม่กล้าพูดอีก  

 

 

“แต่ถ้าสักวันเซ่าเชินรู้” ไม่สามารถปกปิดได้ตลอดไปอยู่แล้ว ถังโจวโจวรู้สึกว่าซูอวิ๋นเสี่ยวเพียง ต้องการจะลืมการคงอยู่ของลั่วเซ่าเชินไปเท่านั้น  

 

 

“ฉันไม่สน ถ้าเธอทรยศฉันล่ะก็ หึหึ ถึงตอนนั้นเธอก็จะรู้ว่าผลมันจะเป็นยังไง ฉันจะบอกให้นะ ฉันเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นมากทีเดียวเชียวล่ะ” ถังโจวโจวอ้าปากค้างมองซูอวิ๋นเสี่ยว เธอไม่คิดว่าซูอวิ๋นเสี่ยวจะคุกคามเธอถึงขนาดนี้  

 

 

“ทำไมมองฉันแบบนั้นล่ะ เมื่อก่อนฉันก็ไม่ได้เป็นคนดีอะไรอยู่แล้ว ใครใช้ให้เธอมารู้จักฉัน เรือลำนี้ยังไงเธอก็ลงไม่ได้แล้ว” ซูอวิ๋นเสี่ยวอาจคิดว่าตนโกรธมาก แต่ถังโจวโจวกลับรู้สึกขำ  

 

 

“โธ่ ไม่คิดว่าเธอจะร้ายกาจอย่างนี้ ดูเหมือนว่าฉันจะไปล่วงเกินคนใหญ่คนโตเข้าแล้วสินะเนี่ย”  

 

 

“รู้แล้วก็ดี ดังนั้นเธอห้ามบอกลั่วเซ่าเชินเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นละน่าดู” ซูอวิ๋นเสี่ยวพูดอย่างจริงจัง มองถังโจวโจวท่าทางหนักแน่น จู่ๆ ก็รู้สึกว่าถังโจวโจวช่างหลอกง่ายเสียจริง  

 

 

เสียงป๊อกดังขึ้นบนศีรษะของซูอวิ๋นเสี่ยว “นี่ ถังโจวโจว เธออยากตายเหรอถึงกล้ามาตีฉันเนี่ย” ซูอวิ๋นเสี่ยวถูกถังโจวโจวเคาะหน้าผาก ทำท่าอยากจะโต้กลับ แต่ผู้หญิงตรงหน้าตอนนี้น่ากลัวมากจริงๆ เธอไม่กล้า ทำยังไงดี ฮือๆ   

 

 

   

 

 

ตอนที่ 277 ความตั้งใจ   

 

 

“กล้าว่าฉันเลยเหรอ นับวันยิ่งใจกล้านะเธอน่ะ” ถังโจวโจวไม่เชื่อคำพูดเหลวไหลของซูอวิ๋นเสี่ยวเมื่อครู่นี้เลยสักนิด กล้าหัวเราะเยาะเธอหรือ ตนไม่ใช่คนอ่อนแอ ไม่ว่าเธอจะเป็นใครก็จะตีลงไปแบบนี้นี่แหละ  

 

 

ซูอวิ๋นเสี่ยวรู้ว่าถังโจวโจวไม่ใช่คนที่จะให้ใครมารังแกได้ง่ายๆ จึงทำได้เพียงยอมถังโจวโจว ปากก็บ่น “ก็แค่ล้อเล่น โจวโจวก็จริงจังเกินไปนะ”  

 

 

ดวงตาของซูอวิ๋นเสี่ยวกลอกไปมา ล้อเล่นเหรอ ถังโจวโจวไม่เชื่อว่าเธอแค่ล้อเล่น “ล้อเล่นเหรอ ได้ งั้นฉันก็ล้อเล่นกับเธอ ต่อไปฉันก็จะไม่ช่วยเธอเรื่องลั่วอิงอีก”  

 

 

“หา ไม่ได้พูดจริงใช่ไหม” นี่ล้อเล่นหนักเกินไปแล้วนะ ต้องรู้ว่าในใจซูอวิ๋นเสี่ยว ลั่วอิงสำคัญที่สุด ถ้าเธอไม่สามารถมาเจอลั่วอิงได้อีกให้เธอตายเสียยังจะดีกว่า  

 

 

“ทำไมห้าปีมานี้เธอไม่มาหาลั่วอิงเลยล่ะ” จู่ๆ ถังโจวโจวก็ถามขึ้น คำถามนี้ทำให้ซูอวิ๋นเสี่ยวร้อนรน  

 

 

“ฉัน…ฉัน…” ซูอวิ๋นเสี่ยวก้มหน้า เห็นได้ชัดว่ากังวล ถังโจวโจวเห็นว่าเธอไม่พูดก็ไม่อยากให้เธอลำบากใจอีก “ในเมื่อเธอไม่อยากพูดก็ช่างเถอะ ฉันจะไม่ถามอีก”  

 

 

“ไม่ใช่ฉันไม่อยากพูดนะ แต่รู้สึกว่ายากที่จะพูดเท่านั้น” เห็นซูอวิ๋นเสี่ยวหน้าแดง ถังโจวโจวแปลกใจทันที เรื่องอะไรกันแน่ที่ทำให้ซูอวิ๋นเสี่ยวเขินอายอย่างนี้  

 

 

“เอ่อ เธอไม่อยากพูดก็ช่างเถอะ ยังไงตอนนี้เธอก็ได้เจอลั่วอิงแล้ว ได้ในสิ่งที่ต้องการแล้ว ต่อไปควรทำอะไรก็ทำเถอะ”  

 

 

“โจวโจว เธอหมายความว่าอะไรน่ะ ไม่ใช่ว่าจะไม่สนใจฉันแล้วนะ” ซูอวิ๋นเสี่ยวเห็นท่าทางถังโจวโจวก็รีบจับเสื้อเธอไม่ยอมปล่อย  

 

 

“เธอจะทำอะไร รีบปล่อยเร็ว ฉันเกี่ยวอะไรกับเธอด้วยเล่า เธออยากเจอลั่วอิง ตอนนี้ก็ได้เจอแล้ว ฉันช่วยอะไรเธอไม่ได้แล้ว” เห็นถังโจวโจวคิดจะถอยออกไปซูอวิ๋นเสี่ยวก็กลัวมาก รู้ว่าถังโจวโจวไม่เคยยอมหยุดจนกว่าจะบรรลุเป้าหมาย  

 

 

“เธออย่าทำแบบนี้สิ เธออยากรู้ฉันก็จะบอกเธอ”  

 

 

ซูอวิ๋นเสี่ยวรู้สึกว่ายากที่จะพูด ไม่ใช่อะไรหรอก ก็แค่ตอนนั้นเธอถูกยั่วยวนโดยผู้ชายคนนั้น ตอนแรกโลกของทั้งสองคนสว่างสดใส ลั่วอิงมีลั่วเซ่าเชินดูแลชีวิตย่อมต้องดีแน่ๆ และตอนนั้นสถานการณ์ด้านการเงินของเธอก็ไม่ค่อยดีนักก็เลยยอมปล่อยลั่วอิงไป  

 

 

หลังจากนั้นเธอและผู้ชายคนนั้นแยกทางกัน เธอจึงนึกขึ้นได้ว่ายังมีเรื่องของลั่วอิง ดังนั้นจึงมาตามหา ที่จริงแล้วก็ไม่นานนักเพราะเธอรู้อยู่แล้วว่าลั่วเซ่าเชินเป็นใคร ทำไมจะหาไม่เจอ  

 

 

เพียงแต่เธอหลบซ่อนอยู่ตลอด พอเห็นว่าลั่วอิงมีความสุขดี ในใจเธอก็พอใจ หลังจากนั้นก็รู้ว่ามีถังโจวโจวอยู่จึงอยากดึงเธอเข้ามา อยากบอกเรื่องของลั่วอิง และก็อยากรู้ว่าถังโจวโจวจะตอบรับยังไง  

 

 

ซูอวิ๋นเสี่ยวและถังโจวโจวพูดคุยกัน ตอนนั้นถ้าถูกถังโจวโจวรู้ว่าทั้งหมดนี้เป็นแค่การทดสอบไม่รู้เธอจะโกรธไหม  

 

 

ถังโจวโจวฟังเรื่องของซูอวิ๋นเสี่ยวจบก็นึกสงสัยขึ้นมา “เธอนี่ก็ใจกว้างนะ หลงรักแบบหัวปักหัวปำเลย” ที่แท้ก็เพราะผู้ชายคนนั้น เธอถึงลืมไปว่าลั่วอิงยังต้องการเธออยู่  

 

 

แม้ว่าลั่วอิงจะได้รับการดูแลอย่างดีจากลั่วเซ่าเชิน แต่ซูอวิ๋นเสี่ยวก็ใจกว้างเกินไปแล้ว นี่ทำให้ถังโจวโจวรู้สึกสงสัยในความตั้งใจเดิมของเธอขึ้นมา  

ตอนที่ 274 ซูอวิ๋นเสี่ยวมาบ้านตระกูลถัง   

 

 

นี่คือการใช้ระดับความสนิทสนมที่ซูอวิ๋นเสี่ยวและลั่วอิงคุยกันมาตัดสิน ในเมื่อลั่วอิงไม่ยินยอม ถังโจวโจวก็พูดอะไรไม่ได้อีก เธอมองซูอวิ๋นเสี่ยวอย่างลำบากใจ “อวิ๋นเสี่ยว เธอว่า…”   

 

 

“ในเมื่อเด็กไม่ยอมก็ช่างเถอะ งั้นฉันค่อยมาหาพวกเธอใหม่แล้วกัน” ซูอวิ๋นเสี่ยวตอนนี้ถูกลั่วอิงทำให้ตกใจจนได้สติ เมื่อครู่เธอคิดเองเออเองไปหน่อยจริงๆ  

 

 

ลั่วอิงยอมเรียกเธอว่าป้าเพราะอยู่ต่อหน้าถังโจวโจว แต่เธอกลับเข้าใจผิดว่าลั่วอิงเกิดความรู้สึกดีๆ ต่อเธอแล้ว ตอนนี้ในที่สุดเธอก็ได้สติ ทำได้แค่ต้องถอยออกไปก่อน  

 

 

ถังโจวโจวรู้สึกผิดนิดหน่อย แม้ว่าซูอวิ๋นเสี่ยวจะทำตัวเอง แต่ตอนนี้เห็นเธอมีสีหน้ากลัดกลุ้มแบบนี้ ถังโจวโจวก็รู้สึกค่อนข้างลำบากใจ ซูอวิ๋นเสี่ยวตามหาลั่วอิงมาตั้งนาน จู่ๆ ได้เจอลั่วอิงก็คงจะควบคุมตัวเองไม่ได้เป็นธรรมดา นี่ก็ให้อภัยได้อยู่  

 

 

“อวิ๋นเสี่ยว งั้นเธอไปกินข้าวบ้านพวกเราไหม”  

 

 

“แบบนี้ไม่ค่อยดีรึเปล่า” ซูอวิ๋นเสี่ยวอิดอออดนิดหน่อย ตอนแรกที่มาหาถังโจวโจวก็ได้สืบมาเป็นอย่างดีแล้วรู้ว่าเธอเป็นคนจิตใจดี ตนถึงได้กล้าบอกเธอเรื่องลั่วอิง ถังโจวโจวบอกว่าจะช่วยเธอแต่ก็ไม่คิดว่าจะช่วยเธอถึงขนาดนี้  

 

 

ตอนนี้ซูอวิ๋นเสี่ยวรู้สึกละอาย รู้สึกว่าถังโจวโจวไม่เห็นแก่ตัวเลย เธอเหมือนจะคิดมากเกินไป  

 

 

“จะมีอะไรล่ะ ยังไงเธอก็อยู่บ้านคนเดียว ไปบ้านฉันไม่เป็นไรหรอก ไปเถอะๆ”  

 

 

ความดีของถังโจวโจวซูอวิ๋นเสี่ยวปฏิเสธไม่ได้ นอกจากนี้ในใจเธอก็นึกอยากทำความคุ้นเคยกับลั่วอิงด้วย ตอนนี้มีโอกาสได้กินข้าวร่วมโต๊ะด้วย ซูอวิ๋นเสี่ยวดีใจมาก  

 

 

เมื่อถึงบ้านคุณแม่ถังเห็นว่าถังโจวโจวพาคนมาบ้านจึงถามขึ้น “โจวโจวเพื่อนลูกเหรอ”  

 

 

“แม่คะ นี่คือซูอวิ๋นเสี่ยว วันนี้บังเอิญเจอกันเลยชวนเธอมากินข้าวที่บ้านค่ะ”  

 

 

เมื่อคุณแม่ถังได้ยินว่าเป็นเพื่อนถังโจวโจวก็ต้อนรับซูอวิ๋นเสี่ยวอย่างเป็นกันเองทันที “อวิ๋นเซี่ยว เข้ามาเร็ว โจวโจวพาเธอมาไม่บอกกันสักคำ แม่จะได้เตรียมอาหารไว้ให้”  

 

 

“คุณป้าไม่ต้องหรอกค่ะ หนูเองก็มารบกวนพวกคุณแม่ วันนี้จู่ๆ ก็มา ต้องขอโทษด้วยนะคะ” ซูอวิ๋นเสี่ยวให้เกียรติคนอายุมากกว่ามาก ไม่ทำอะไรตามใจเหมือนตอนอยู่กับคนอื่น  

 

 

“แม่คะ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เธอก็ไม่ใช่คนนอก ไม่ต้องทำอะไรพิเศษ แค่ก็ได้แล้วค่ะ”  

 

 

แม้ว่าคุณแม่ถังจะรู้สึกแปลกใจ แต่ถังโจวโจวและซูอวิ๋นเสี่ยวพูดแบบนี้เธอจึงไม่ขัด “งั้นก็ได้ โจวโจวลูกต้อนรับอวิ๋นเซี่ยวให้ดีนะ แม่จะไปห้องครัวหน่อย อีกเดี๋ยวก็จะได้กินข้าวกัน”  

 

 

“ค่ะแม่” ถังโจวโจวยกน้ำมาให้ซูอวิ๋นเสี่ยว ซูอวิ๋นเสี่ยวมองดูรอบๆ บ้านตระกูลถัง “ทำไมเธอมาอยู่ที่บ้านพ่อแม่ล่ะ ลั่วเซ่าเชินล่ะ”  

 

 

ซูอวิ๋นเสี่ยวไม่รู้ว่าช่วงนี้ถังโจวโจวเกิดอะไรขึ้น ดังนั้นที่ถังโจวโจวกลับมาอยู่บ้านตระกูลถังเธอจึงไม่รู้  

 

 

“มีเรื่องนิดหน่อยเลยย้ายกลับมาน่ะ”  

 

 

เห็นถังโจวโจวไม่ได้อธิบายละเอียด ซูอวิ๋นเสี่ยวก็ไม่ถามอีก เรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัว ถามมากไปก็ไม่ดี  

 

 

คุณพ่อถังกลับมาเห็นที่บ้านมีแขกและถังโจวโจวก็เอ่ยแนะนำจึงรู้ว่าเป็นเพื่อนใหม่ของลูกสาว จึงกระตือรือร้นต่อการมาของซูอวิ๋นเสี่ยวมาก ซูอวิ๋นเสี่ยวอิจฉาถังโจวโจวมากที่มีพ่อแม่แบบนี้ ครอบครัวนี้รักกันมากทีเดียว  

 

 

   

 

 

ตอนที่ 275 ความทรงจำของซูอวิ๋นเสี่ยว   

 

 

“โจวโจว คุณพ่อคุณแม่ของเธอดีมากเลย” ซูอวิ๋นเสี่ยวถือโอกาสนี้ที่คุณพ่อถังคุณแม่ถังไม่อยู่ พูดประโยคนี้กับถังโจวโจว ในแววตาปรากฏความอิจฉา  

 

 

ถังโจวโจวเข้าใจความหมายของซูอวิ๋นเสี่ยว เธอถึงนึกขึ้นมาได้ว่า ซูอวิ๋นเสี่ยวเป็นเด็กกำพร้า บางทีสิ่งที่ปรารถนามากที่สุดคือความรัก  

 

 

ถังโจวโจวเข้าใจแล้วว่าทำไมซูอวิ๋นเสี่ยวถึงยืนกรานเรื่องลั่วอิง แม้ลั่วอิงไม่ได้เป็นลูกแท้ๆ ของเธอ แต่ฟังจากที่ซูอวิ๋นเสี่ยวพูด เธอกับซูเสี่ยวมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ดังนั้นเธอจึงมองลั่วอิงเหมือนเป็นลูกแท้ๆ ของตน และคิดถึงลั่วอิงมากขนาดนี้  

 

 

“ต่อไปเธอก็จะได้เจอคนที่ดีเหมือนกัน” ถังโจวโจวไม่ได้พูดเล่น ทุกคนจะได้พบกับเจ้าชายที่เป็นของตัวเอง เพียงแต่ต้องรอ สักวัน คนคนนั้นจะมาปรากฏกายจะอยู่ข้างๆ คุณ  

 

 

น่าเสียดายที่ซูอวิ๋นเสี่ยวได้ฟังก็ขำที่ถังโจวโจวพูด เธอยิ้มออกมาทันที “โจวโจว เธอช่างไร้เดียงสาจริงๆ”  

 

 

ในโลกนี้จะมีเจ้าชายอย่างนั้นได้ยังไง เธอเจอแต่มารร้าย คนดีก็มี แต่เจ้าชายเธอยังไม่เคยเจอมาก่อน คงมีเพียงถังโจวโจวที่ได้รับความรักจากครอบครัวราวกับเจ้าหญิงตัวน้อยเท่านั้นแหละที่จะคิดแบบนี้  

 

 

แม้ว่าถังโจวโจวถูกซูอวิ๋นเสี่ยวหัวเราะเยาะแต่เธอก็ไม่ได้โกรธ ทุกคนมีความคิดแตกต่างกันไป ตอนนี้ซูอวิ๋นเสี่ยวไม่เชื่อ แต่ถ้าวันนั้นเธอมีเจ้าชายเป็นของตัวเอง หวังว่าวันนั้นเธอจะมีความสุข  

 

 

บนโต๊ะอาหาร คุณแม่ถังคีบกับข้าวให้ซูอวิ๋นเสี่ยวอยู่ตลอด พอได้ยินถังโจวโจวบอกว่าเธอเป็นเด็กกำพร้าก็ยิ่งเอาใจใส่ซูอวิ๋นเสี่ยวมากขึ้นกว่าเดิม “อวิ๋นเสี่ยว ตอนนี้หนูอยู่คนเดียวเหรอจ๊ะ”  

 

 

“ใช่ค่ะ หนูเพิ่งย้ายมาที่เมืองเอสได้ไม่นาน ที่นี่ก็มีโจวโจวเป็นเพื่อนแค่คนเดียว”  

 

 

“ไม่ต้องเสียใจไปนะ โจวโจวของพวกเราดีกับเพื่อนมาก ต่อไปก็มากินข้าวที่บ้านนี้ ป้าจะทำของอร่อยๆ ให้กิน” ซูอวิ๋นเสี่ยวมองแววตาคุณแม่ถังที่เป็นห่วงเธอจากใจจริงๆ ไม่มีความเสแสร้งแม้แต่นิด  

 

 

“ค่ะ” ซูอวิ๋นเสี่ยวรีบก้มหน้า เพราะกลัวว่าคนบ้านตระกูลถังจะเห็นตาที่แดงก่ำของเธอ เธอไม่อยากอ่อนแอ เธอสูญเสียครอบครัวมานานกว่ายี่สิบปีแล้ว ไม่มีพ่อแม่ให้รักมานานมากแล้ว  

 

 

อยู่ในบ้านเด็กกำพร้าก็มีแค่ซูเสี่ยวกับเพื่อนอีกคน ที่จริงมีสามคน แต่ตอนนั้นอีกคนถูกรับไปเลี้ยง ตอนนั้นซูอวิ๋นเสี่ยวจำได้ว่าอาซูเสียใจมาก แต่กลับทำอะไรไม่ได้ การที่เด็กจากบ้านเด็กกำพร้า สามารถถูกรับไปเลี้ยงได้นั้นจะมีความสุขมากขนาดไหนกันนะ  

 

 

หลังจากน้องสาวซูเสี่ยวจากไปแล้ว เธอก็อยู่กับซูอวิ๋นเสี่ยวตลอด เรียน ทำงาน ทั้งสองคนอยู่ด้วยกันจนลั่วเซ่าอวี๋ปรากฏตัวขึ้น ซูเสี่ยวจึงยิ้มได้อีกครั้ง ซูอวิ๋นเสี่ยวไม่เคยเห็นซูเสี่ยวมีความสุขขนาดนี้มาก่อน  

 

 

ท่าทางของเธอเหมือนได้เจออีกครึ่งหนึ่งของชีวิต มีคนรัก มีคนเป็นห่วงว่าจะนอนรึยัง กินข้าวได้ดีไหม คอยดูแลอย่างเอาใจใส่  

 

 

บางครั้งซูอวิ๋นเสี่ยวก็นึกอิจฉาว่าทำไมเธอถึงไม่เจอผู้ชายดีๆ แบบนั้นบ้าง แต่นานไปเธอก็ดีใจแทนพี่น้องของตัวเอง เธอเข้าใจดีว่าลั่วเซ่าอวี๋เป็นของซูเสี่ยวเพียงคนเดียวเท่านั้น  

 

 

วันนั้น ซูเสี่ยวมาหาเธอในสภาพท้องโต เดิมทีลั่วเซ่าอวี๋เสียชีวิตในอุบัติเหตุและบ้านตระกูลลั่วก็ไม่ยอมรับในตัวซูเสี่ยว ตอนนั้นเธอท้องลูกของลั่วเซ่าอวี๋แล้ว ซูเสี่ยวกลัวว่าถ้าคุณพ่อลั่วคุณแม่ลั่วรู้ว่าเธอท้องลูกของลั่วเซ่าอวี๋แล้วจะมาแย่งลูกของเธอไป ดังนั้นเธอจึงมาให้ตนช่วย ทั้งสองคนจึงเฝ้ารอวันที่เด็กน้อยจะลืมตาดูโลกด้วยกัน  

ตอนที่ 272 ซูอวิ๋นเสี่ยวปรากฏตัว    

 

 

“แม่ครับ ผมรู้แล้ว ผมจะดูแลตัวเองให้ดีครับ”  

 

 

“แม่คะ รีบกินข้าวเถอะ” ถังโจวโจวเห็นคุณแม่ถังถามลั่วเซ่าเชินไม่หยุดก็กลัวว่าเรื่องคุณแม่ลั่วจะหลุดออกมาจึงรีบเบนความสนใจคุณแม่ถัง  

 

 

เมื่อกินข้าวเสร็จ ถังโจวโจวก็ไปส่งลั่วเซ่าเชินที่ชั้นล่าง มองลั่วเซ่าเชินขับรถห่างออกไป ถังโจวโจวยืนอยู่นานมากถึงจะกลับขึ้นไป  

 

 

รับปากซูอวิ๋นเสี่ยวไว้ว่าจะพาลั่วอิงไปเจอ ตอนนี้ลั่วอิงก็มาอยู่กับเธอที่บ้านตระกูลถังแล้ว ถังโจวโจวรู้สึกว่าเป็นโอกาสที่ดี ลั่วเซ่าเชินเองก็ไม่รู้  

 

 

ถังโจวโจวโทรคุยกับซูอวิ๋นเสี่ยว ถังโจวโจวกลัวว่าลั่วอิงจะเกิดความรู้สึกต่อต้านจึงให้ซูอวิ๋นเสี่ยวอยู่ในฐานะเพื่อนของเธอที่มารับลั่วอิงและนัดเป็นเวลาพรุ่งนี้ที่จะไปรับลั่วอิงที่โรงเรียน  

 

 

ช่วงนี้ลั่วอิงมีความสุขที่ถังโจวโจวไปส่งเธอที่โรงเรียนทุกวัน ตอนเย็นก็มารับเธอกลับบ้าน ยกเว้นเรื่องที่ไม่ได้เจอลั่วเซ่าเชินบ่อยๆ ลั่วอิงก็คิดว่าทุกอย่างดีหมด  

 

 

วันนี้ ลั่วอิงนั่งรอให้ถังโจวโจวมารับอย่างเชื่อฟัง ทันใดนั้นลั่วอิงก็รู้สึกถึงสายตาหนึ่งที่ตกลงบนร่างตนเอง ลั่วอิงขยับตัวเดินไปด้านข้างแต่สายตาคู่นั้นก็ยังจับจ้องมาที่เธออยู่ตลอดเวลา  

 

 

เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นก็พบว่าเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่เธอไม่เคยพบมาก่อน เธอสวยมาก แต่ดวงตาคู่นั้นไม่รู้ว่าเป็นอะไรจึงมองจ้องมาที่เธอตลอดเวลา นี่ทำให้ลั่วอิงตกใจ  

 

 

ลั่วอิงเห็นถังโจวโจวยังไม่มาและผู้หญิงคนนี้ก็แต่ตัวดี ดูไม่เหมือนคนไม่ดีจึงคุยกับเธอ “ทำไมคุณมองหนูตลอดเลยล่ะคะ”  

 

 

ซูอวิ๋นเสี่ยวที่ไม่คิดว่าลั่วอิงจะคุยกับเธอตกใจอยู่ครู่หนึ่ง พูดอะไรไม่ออก ซูอวิ๋นเสี่ยวอยากตบปากตัวเองหนักๆ  นี่มันอะไรก่อน มาเป็นอะไรในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้  

 

 

ลั่วอิงเห็นผู้หญิงคนนี้แปลก ใบหน้าดูตื่นเต้นตอนเธอถาม แต่กลับไม่ยอมพูดอะไร “หรือคุณเป็นใบ้คะ” ลั่วอิงมองซูอวิ๋นเสี่ยวอย่างสงสัย  

 

 

หลังจากซูอวิ๋นเสี่ยวผ่านช่วงเวลาแห่งความตื่นเต้นมาได้ ในที่สุดก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม เธอเผยรอยยิ้มอ่อนโยน “สวัสดีจ้ะ ฉันเป็นเพื่อนของถังโจวโจว ชื่อซูอวิ๋นเสี่ยว”  

 

 

ซูอวิ๋นเสี่ยวยื่นมือออกไป แต่น่าเสียได้ที่ลั่วอิงไม่ได้จับตอบ “คุณบอกว่าเป็นเพื่อนแม่โจวโจวหนูก็ต้องเชื่อคุณเหรอ คุณคิดว่าหนูเป็นเด็กสามขวบหรือไง คนไม่ดีชอบโกหกเด็กแบบนี้ที่สุดเลย”   

 

 

ซูอวิ๋นเสี่ยวไม่คิดว่าจะไม่ราบรื่นแบบนี้ นี่ใช่เด็กตัวเล็กๆ คนหนึ่งจริงเหรอ เห็นอยู่ว่าเธอพูดความจริง ทำไมลั่วอิงถึงไม่เชื่อเธอล่ะ  

 

 

“ฉันไม่ได้โกหก ฉันเป็นเพื่อนของถังโจวโจวจริงๆ” ซูอวิ๋นเสี่ยวอธิบาย แต่เมื่อลั่วอิงได้ยินชื่อถังโจวโจวอีกครั้งก็เตือนเธอว่า “คุณอย่ามาพูดมั่วๆ หนูจะร้องเรียกคนแล้วนะ เพื่อนแม่โจวโจวหนูเจอมาทุกคนแล้ว คุณมาจากที่ไหนกัน”  

 

 

พอเห็นลั่วอิงไม่เชื่อซูอวิ๋นเสี่ยวก็ร้อนรน ทำไมถังโจวโจวยังไม่มาอีกนะ รีบมาอธิบายกับลั่วอิงหน่อยเถอะ เธอยังอยากผูกมิตรกับลั่วอิงอยู่นะ  

 

 

ถังโจวโจวไม่ทำให้เธอผิดหวัง ไม่นานเธอก็มา เมื่อเห็นลั่วอิงอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่ง ถังโจวโจวก็ค่อนข้างตึงเครียด เดินเร็วเข้าไปอีก คงไม่ใช่คนร้ายหรอกนะ  

 

 

เมื่อเข้าไปใกล้ก็พบว่าเป็นซูอวิ๋นเสี่ยว “เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” ถังโจวโจวมองซูอวิ๋นเสี่ยวแล้วมองลั่วอิงก็รู้แล้วว่าผิดแผน ก็คุยกันชัดเจนแล้วนี่ว่าจะแกล้งเหมือนบังเอิญเจอกันบนถนนแล้วค่อยแนะนำให้ลั่วอิงรู้จัก แต่นี่คงทนไม่ไหวมาเจอลั่วอิงก่อนสินะ  

 

 

 

 

 

ตอนที่ 273 เพื่อนของถังโจวโจว  

 

 

 “แม่โจวโจวมาแล้วเหรอคะ คนคนนี้คือเพื่อนคุณแม่รึเปล่า หนูไม่เคยเจอมาก่อนเลย” ลั่วอิงสงสัยในตัวซูอวิ๋นเสี่ยว ถังโจวโจวรู้สึกว่าเธอช่างสังเกตมาก   

 

 

ซูอวิ๋นเสี่ยวมองถังโจวโจวอย่างน้อยใจ “โจวโจว ลั่วอิงเก่งจริงๆ ฉันบอกว่าฉันเป็นเพื่อนเธอ เธอยังไม่เชื่อเลย”  

 

 

“ใครใช้ให้จู่ๆ เธอก็โผล่มาล่ะ นอกจากนี้ ลั่วอิงก็เก่งมากทำให้ฉันรู้สึกสบายใจ” เคยผ่านเรื่องราวการลักพาตัวมา ลั่วเซ่าเชินก็ส่งบอดี้การ์ดมาเฝ้าเธอ แต่มันก็ช่วยไม่ได้ ใครจะรู้ว่าวันนั้นจะมีใครมาเฝ้าหรือเปล่า  

 

 

ดังนั้นปกติถังโจวโจวจะให้ลั่วอิงระวังคนแปลกหน้า ไม่คิดว่าวันนี้มันจะได้ผล แม้ว่าวิธีนี้จะได้ใช้กับคนที่รู้จัก แต่ลั่วอิงก็ไม่รู้ว่าถังโจวโจวรู้จักซูอวิ๋นเสี่ยว ดังนั้นก็ไม่เป็นไร  

 

 

ซูอวิ๋นเสี่ยวรู้ว่าถังโจวโจวโทษว่ามันเป็นความผิดของเธอเอง เดิมทีเธอต้องการที่จะรอ แต่เธอเห็นลั่วอิงอยู่ที่ประตูโรงเรียน และนานแล้วถังโจวโจวยังไม่มาเธอจึงร้อนใจจนเผยตัวตนออกมา  

 

 

ลั่วอิงเห็นถังโจวโจวกับผู้หญิงตรงหน้าคุยกันถึงได้รู้ว่าทั้งสองคนรู้จักกัน “แม่โจวโจวขา เธอเป็นเพื่อนคุณแม่จริงๆ เหรอคะ ทำไมหนูไม่เคยเจอมาก่อนเลย”  

 

 

ถังโจวโจวมองซูอวิ๋นเสี่ยวครั้งหนึ่ง หมดหนทางที่จะอธิบายกับลั่วอิง “เธอเป็นเพื่อนของแม่เองจ๊ะ พวกเราเพิ่งรู้จักกัน ดังนั้นลูกเลยไม่เคยเจอ ลูกเรียกเธอว่าป้าซูก็ได้”  

 

 

“มา เด็กน้อย เรียกให้ป้าฟังหน่อยเร็ว” ซูอวิ๋นเสี่ยวพูด ลั่วอิงเข้าไปหาถังโจวโจวโดยไม่พูดอะไรสักคำ  

 

 

ซูอวิ๋นเสี่ยวค่อนข้างผิดหวัง “โจวโจว ฉันคงไม่ได้น่ารังเกียจขนาดนั้นหรอกใช่ไหม” ลั่วอิงเห็นซูอวิ๋นเสี่ยวค่อนข้างเสียใจก็คิดว่าตัวเองทำผิดไปแล้วรึเปล่า  

 

 

“ป้าซู…”  

 

 

“โจวโจว ฉันไม่ได้ฟังผิดไปใช่ไหม ลั่วอิงเรียกฉันแล้ว” ซูอวิ๋นเสี่ยวเอี้ยวหูฟัง ลั่วอิงเรียกเธอด้วยเสียงแผ่วเบาแต่เธอก็ได้ยินแล้ว  

 

 

“ใช่ เธอเรียกแล้วจริงๆ” ถังโจวโจวไม่คิดว่าอั่วอิงจะยอมรับซูอวิ๋นเสี่ยวง่ายขนาดนี้ แล้วท่าทางสงสัยซูอวิ๋นเสี่ยวเมื่อกี้ล่ะ ทำไมยอมรับเร็วนัก ไม่อยากจะเชื่อเลย  

 

 

“เด็กน้อย เรียกป้าอีกได้ไหม ป้าอยากฟังให้ชัด” น้ำตาแห่งความตื่นเต้นของซูอวิ๋นเสี่ยวไหลออกมา  อาซูเธอเห็นรึยัง ลูกเธอโตขนาดไหนแล้ว เรียกฉันว่าป้าแล้ว  

 

 

“ป้าซู” ลั่วอิงได้ยินก็เรียกอีกครั้ง ซูอวิ๋นเสี่ยวน้ำตาไหลลงมา “ดีมาก เด็กดี ไปกัน ป้าจะเลี้ยงข้าวหนูเอง”  

 

 

“ลั่วอิง ลูกอยากไปไหม” ถังโจวโจวถามความเห็นลั่วอิงในอ้อมกอด  

 

 

“หนูอยากกลับบ้านค่ะ” ลั่วอิงเพิ่งรู้จักซูอวิ๋นเสี่ยว เธอไม่ได้สนใจอาหารมื้อใหญ่ เพราะบ้านเธอมีฐานะค่อนข้างดี อาหารจึงไม่สามารถดึงความสนใจของเธอไว้ได้  

 

 

ซูอวิ๋นเสี่ยวเห็นลั่วอิงไม่สนใจก็ผิดหวัง “งั้นหนูอยากไปไหน ป้าซูจะพาไปดีไหมคะ”  

 

 

ซูอวิ๋นเสี่ยวสัญญากับถังโจวโจวเอาไว้แล้วว่าขอแค่ได้เห็นหน้าลั่วอิงก็พอใจแล้ว แต่หลังจากที่ลั่วอิงเอ่ยเรียกเธอ ซูอวิ๋นเสี่ยวก็รู้สึกว่ามันไม่เพียงพอ เธอยังต้องการมากกว่านี้ อยากรู้จักลั่วอิงให้มากกว่านี้  

 

 

ลั่วอิงส่ายหน้า เธอไม่อยากไปเล่นที่ไหนทั้งนั้น แต่ถ้าเปลี่ยนคนเป็นหลินเหยาชวนเธอแทน ลั่วอิงจะต้องตื่นเต้นแน่นอน  

ตอนที่ 270 นิ่งไว้

 

 

ถังโจวโจวกลัวว่าลั่วเซ่าเชินจะประกาศเรื่องนี้ตอหน้าคุณแม่ลั่ว พอถึงเวลาคุณแม่ลั่วจะยิ่งโกรธ

 

 

ตอนนี้คุณแม่ลั่วไม่ชอบเธอ ถังโจวโจวกลัวว่าลั่วเซ่าเชินจะพูดเรื่องเธอต่อหน้าคุณแม่ลั่วและแก้ตัวแทนเธอ กลัวว่าคุณแม่ลั่วจะยิ่งเกลียดเธอ และเห็นใจไปมองเมิ่งชิงซียิ่งขึ้น

 

 

“งั้นคุณว่าผมควรทำยังไงดี หรือจะให้เมิ่งชิงซีลอยนวลต่อไปแบบนี้” ถังโจวโจวทนได้แต่เขาทนไม่ได้ เรื่องนี้ต้องคิดบัญชีไปพร้อมๆ กัน

 

 

“เซ่าเชิน คุณใจเย็นลงก่อน ฉันยังไม่โกรธเท่าคุณเลย แต่ตอนนี้พวกเราไม่มีหลักฐาน ทำได้แค่นิ่งไว้ก่อน” ถังโจวโจวแค่อยากให้ลั่วเซ่าเชินเชื่อ เธอรู้สึกว่าเรื่องอื่นยังไม่ต้องรีบร้อนก็ได้

 

 

ลั่วเซ่าเชินเห็นท่าทางไม่สนใจของถังโจวโจวก็เห็นได้ชัดว่าเขาร้อนรนกว่ามาก “ในเมื่อคุณพูดแบบนี้ งั้นเรื่องนี้ก็ให้คุณตัดสินใจ”

 

 

“เซ่าเชิน ยังไงก็รอจนกว่าเธอจะเผยหางจิ้งจอกออกมาเถอะ” ถังโจวโจวจับมือลั่วเซ่าเชิน อธิบายให้เขาฟัง

 

 

ลั่วเซ่าเชินถึงได้เข้าใจ ดูเหมือนเขาจะร้อนใจเกินไปหน่อย คิดไม่ถึงว่าเขาจะเข้าใจเรื่องราวได้ไม่เท่าถังโจวโจว ถังโจวโจวมองลั่วเซ่าเชินที่ค่อนข้างกลัดกลุ้มก็รู้ว่าเขากำลังโทษตัวเองจึงปลอบเขาว่า “เซ่าเชิน นี่ไม่ใช่ความผิดคุณหรอกนะ”

 

 

ถังโจวโจวและลั่วเซ่าเชินปรึกษากันว่าจะทำยังไงต่อไปดี จะต้องไม่ให้เมิ่งชิงซีรู้เขาพวกตนสงสัยเธอ

 

 

หลังจากนั้นลั่วเซ่าเชินก็พาถังโจวโจวกลับไปส่งบ้าน หน้าบ้านตระกูลถัง ทั้งสองคนไม่อยากจากกัน แต่จู่ๆ เสียงคุณแม่ถังก็ดังขึ้น “เซ่าเชิน ทำไมมาได้ล่ะ ยืนอยู่ข้างล่างทำไม รีบเข้าบ้านเร็ว”

 

 

ตอนแรกคุณแม่ถังคิดว่าเธอมองผิดไป เมื่อเห็นว่าข้างๆ ลั่วเซ่าเชินคือลูกสาวของตนเองเธอจึงแน่ใจ

 

 

ถังโจวโจวลืมไปว่าตอนนี้เป็นเวลาที่คุณแม่ถังจะทำอาหาร ลั่วเซ่าเชินเห็นคุณแม่ถังก็หันกลับไปยิ้มทันที “แม่ครับ ผมช่วยครับ” เห็นคุณแม่ถังถือถุงมามากมาย ลั่วเซ่าเชินจึงไปช่วยเธอถือทันที

 

 

คุณแม่ถังไม่ได้ปฏิเสธ “เซ่าเชิน แม่ไม่รู้ว่าลูกจะมา ไม่อย่างนั้นจะซื้อของมาอีก ลูกไปรับลั่วอิงมาด้วยกันเถอะ”

 

 

“แม่ครับ ไม่ต้องหรอกครับ อีกเดี๋ยวผมก็จะกลับแล้ว”

 

 

หญิงคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างคุณแม่ถังเห็นลั่วเซ่าเซินท่าทางดูดี และได้ยินคำพูดคุณแม่ถังเมื่อกี้ “อวี้หนิง นี่ลูกเขยเธอรึเปล่า”

 

 

“ใช่ โจวโจว เซ่าเชิน รีบทักทายป้าหลี่เร็วลูก” คุณแม่ถังแนะนำให้ทั้งสองฝ่ายรู้จักกัน

 

 

“ป้าหลี่สวัสดีค่ะ / สวัสดีครับ” ถังโจวโจวและลั่วเซ่าเชินพูดพร้อมกัน

 

 

“อวี้หนิง เธอนี่โชคดีจริงๆ ลูกเขยหล่อมากเลย”

 

 

“ที่ไหนล่ะ เรื่องของเด็กๆ ฉันยุ่งได้ที่ไหน แค่ทั้งสองคนอยู่ด้วยกันแล้วมีความสุขก็พอแล้ว” คุณแม่ถังตอบอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว

 

 

ป้าหลี่มองรถมาเซราติของลั่วเซ่าเชินแล้วถาม “อวี้หนิง รถคันนั้นก็ของลูกเขยเธอใช่ไหม”

 

 

“ใช่” แม้คุณแม่ถังจะรู้ว่ารถของลั่วเซ่าเชินราคาแพง แต่ตัวเลขเท่าไหร่นั้นเธอเองก็ไม่แน่ใจ

 

 

ราคาเท่าไหร่กันนะ  ป้าหลี่ดูการแต่งตัวที่ดูดีมากของลั่วเซ่าเชิน  ดูเหมือนบ้านตระกูลถังจะได้ลูกเขยที่รวยมากทีเดียวเชียว

 

 

“อวี้หนิง เธอมีลูกเขยแล้วไม่เห็นบอกเพื่อนบ้านเลย ใจร้ายจริงๆ” ป้าหลี่ถามอย่างอิจฉา

 

 

คุณแม่ถังยิ้มๆ แต่เธอตอบอย่างรวดเร็ว “ป้าหลี่ เด็กสองคนแค่จดทะเบียนสมรสกันเท่านั้น เธอก็รู้ ว่าเดี๋ยวนี้เด็กๆ เขาไม่ถือเรื่องพวกนี้กันแล้ว ถึงเวลานั้นแล้วค่อยว่ากันเถอะ”

 

 

 

 

 

   ตอนที่ 271 ลั่วอิงก็อยู่ที่บ้านตระกูลถัง

 

 

ป้าหลี่คิดว่าคุณแม่ถังมีเรื่องลำบากใจจึงรีบรับคำ “ได้ อวี้หนิง ลูกๆ ใกล้จะกลับมากินข้าวแล้ว ฉันไปก่อนนะ ถึงเวลาจะรอดื่มเหล้ามงคลนะ”

 

 

คุณแม่ถังถึงมองป้าหลี่ขึ้นบ้านไปอย่างยิ้มๆ แล้วจึงหันมาสนใจถังโจวโจวที่อยู่ข้างๆ “เซ่าเซิน ลูกไม่ได้มานานแล้ว กินข้าวกันสักมื้อค่อยไปเถอะ แม่จะทำของอร่อยให้กิน”

 

 

คุณแม่ถังเชื้อเชิญอย่างกระตือรือร้น ลั่วเซ่าเชินเองก็ปฏิเสธไม่ได้ “แม่ครับ งั้นผมก็รบกวนด้วยครับ”

 

 

“อืม แบบนี้สิถึงจะถูก ลั่วอิงล่ะ ไปรับเธอมาด้วยกันเถอะ” คุณแม่ถังอยากรู้ว่าเมื่อไหร่ลั่วเซ่าเชินจะรับถังโจวโจวกลับไปบ้าน แม้ว่าเธอจะอยากให้โจวโจวอยู่เป็นเพื่อน แต่คนที่แต่งงานออกไปแล้ว ถ้าจะอยู่บ้านตัวเองอีกก็คงไม่ดีนัก

 

 

“เดี๋ยวผมให้หวังฮวาไปรับเธอมาครับ แม่ครับ พวกเราขึ้นไปก่อนเถอะครับ”

 

 

“ได้ เดี๋ยวแม่จะไปเตรียมอาหารก่อน พ่อของลูกรู้ว่าพวกลูกกลับมาคงจะดีใจมาก”

 

 

ถังโจวโจวลั่วเซ่าเชินมองตากันและเดินตามหลังคุณแม่ถังไปอย่างมีความสุข

 

 

ถังโจวโจวรู้สึกว่าคุณแม่ถังต้องบอกให้เธอกลับไปกับลั่วเซ่าเชินแน่ เธอลำบากใจมาก ถ้าคุณแม่ถังพูดขึ้นมาแล้วเธอจะทำอย่างไรดี

 

 

“เซ่าเชิน เซ่าเชิน” ถังโจวโจวและคุณแม่ถังอยู่ห่างกันเล็กน้อย เธอกดเสียงต่ำเรียกลั่วเซ่าเชิน

 

 

“มีอะไรเหรอ” ลั่วเซ่าเชินเห็นเธอทำท่าทางลับๆ ล่อๆ ก็ไม่รู้ว่าถังโจวโจวกำลังคิดอะไรอยู่

 

 

“ถ้าแม่ถามว่าเมื่อไหร่คุณจะรับฉันกลับคุณจะทำยังไง บอกคุณไว้ก่อน ฉันยังไม่ได้บอกเรื่องแม่คุณกับแม่เลย” ถังโจวโจวบอกลั่วเซ่าเชินไว้ก่อน

 

 

 “ผมรู้แล้ว ถึงเวลาผมจะตอบเอง” ลั่วเซ่าเชินทำนิ้วโอเคให้ถังโจวโจว เรื่องนี้เขาจะจัดการเอง

 

 

คุณแม่ถังเห็นพวกถังโจวโจวเดินห่างออกไปมาก แม้แต่เงาก็ไม่เห็นจึงเรียกขึ้น “โจวโจว เซ่าเชิน ขึ้นมารึยัง”

 

 

“มาแล้วค่ะ” ถังโจวโจวและลั่วเซ่าเชินก้าวตามขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

 

 

เมื่อกลับถึงบ้านตระกูลถัง คุณแม่ถังก็ตรงเข้าครัว และให้ถังโจวโจวนั่งเป็นเพื่อนลั่วเซ่าเชิน

 

 

ผ่านไปไม่นาน คุณพ่อถังก็กลับมา พอเห็นลั่วเซ่าเชินมาก็ดีใจทันที “เซ่าเชิน ในเมื่อมาแล้วก็มาเล่นเป็นเพื่อนพ่อหน่อย”

 

 

เมื่อเห็นลั่วเซ่าเชินคุณพ่อถังหยิบหมากรุกขึ้นมาทันนที

 

 

ลั่วเซ่าเชินตกลงทันที คุณพ่อถังก็เอากระดานหมากรุกขึ้นมา ถังโจวโจวจึงเข้าไปช่วยคุณแม่ถังในครัว

 

 

เมื่อหวังฮวามาส่งลั่วอิง บ้านตระกูลถังก็ทานข้าวกันแล้ว พอคุณแม่ถังนั่งลงบนโต๊ะก็ถามเรื่องที่ถังโจวโจวกลับมาบ้าน ลั่วเซ่าเชินจึงบอกกับคุณแม่ถังว่า

 

 

“แม่ครับ ที่บ้านจะวุ่นวายไปอีกสักระยะ โจวโจวเลยต้องมาอยู่ที่นี่ ผ่านไปสักพักหนึ่ง ผมจะมารับเธอกลับครับ”

 

 

“ไม่ใช่เพราะพ่อแม่ของลูกเหรอ”

 

 

“ครับ ช่วงนี้สุขภาพคุณแม่ไม่ค่อยแข็งแรง คุณพ่อก็อยู่ดูแลคุณแม่ที่โรงพยาบาล ช่วงนี้ที่บริษัทผมก็ยุ่งมาก โจวโจวมาอยู่ที่นี่ผมก็วางใจ”

 

 

“แล้วลั่วอิงล่ะ เธออยู่ที่บ้านคนเดียวไม่ดีแน่ ให้เธอมาอยู่ที่นี่ด้วยสิ” คุณแม่กังวลกับลั่วอิงมากจึงพูดขึ้น

 

 

ลั่วอิงมองคุณแม่ถังอย่างมีความสุข ลั่วเซ่าเชินคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ในเมื่อคุณแม่พูดแบบนี้ก็ให้ลั่วอิงมาอยู่ที่นี่ด้วยสักพักก็ได้ครับแล้วผมค่อยมารับเธอแม่ลูก”

 

 

“เซ่าเชิน ลูกก็ดูแลตัวเองด้วยนะ” คุณแม่ถังพูดอย่างเป็นห่วง

ตอนที่ 268 บรรยากาศน่าอึดอัด

 

 

หลินเหยาพูดสิ่งที่ตัวเองคาดเดาให้ถังโจวโจวฟัง ถังโจวโจวปิดปาก คิดว่าเมิ่งชิงซีคงไม่ร้ายกาจอย่างนั้น “คุณแม่ชอบเธอมาตลอด อยากได้เธอมาเป็นลูกสะใภ้ ชิงซีคงไม่ทำอย่างนั้นหรอก”

 

 

“ไม่แน่หรอก คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ หล่อนอาจใช้เรื่องนี้เพื่อกำจัดเธอก็ได้ ทำให้แม่สามีรังเกียจเธอ ในเวลาเดียวกันก็ทำให้ลั่วเซ่าเชินรู้สึกแย่กับเธอ หล่อนจะได้เข้าบ้านตระกูลลั่วได้ง่ายขึ้น”

 

 

หลินเหยาก็แค่เดา เรื่องจริงเป็นยังไงถังโจวโจวรู้ดีที่สุด เธอก็แค่เตือนถังโจวโจวให้ได้สติ ให้เธอไม่ต้องเสียใจกับเรื่องนี้เพราะมันอาจเป็นอุบัติเหตุก็ได้

 

 

ถังโจวโจวไม่อยากคิดว่าเมิ่งชิงซีจะคิดร้ายแบบนั้น แต่ความสงสัยนี้ของหลินเหยาถังโจวโจวคิดวนไปมาอยู่หลายครั้ง เธอรู้สึกว่าการเดาของเหยาเหยานั้นมีโอกาสเป็นไปได้ วันนั้นเมิ่งชิงซีพูดให้เธอโกรธ พอเธอโมโห หลังจากนั้นผลลัพธ์ก็อย่างที่เห็น

 

 

จู่ๆ ถังโจวโจวก็นึกขึ้นได้ ตอนแรกเธอพยายามจะสะบัดมือของเมิ่งชิงซีออก แต่เมิ่งชิงซีมีแรงมาก เธอสะบัดไม่หลุด ครั้งที่สอง เพราะประสบการณ์ครั้งแรก เธอเลยใช้แรงทั้งหมดของตัวเอง

 

 

แต่ครั้งที่สอง เมิ่งชิงซีกลับจับเบาๆ ให้เธอสะบัดมือออกได้ หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงคุณแม่ลั่วร้อง ถังโจวโจวยิ่งคิดก็ยิ่งตกใจ ถ้าทั้งหมดเป็นแผนของเมิ่งชิงซีล่ะก็ ผู้หญิงคนนี้ก็น่ากลัวมากจริงๆ

 

 

ถังโจวโจวอดไม่ได้ที่จะมือสั่น หลินเหยาจับมือทั้งสองข้างของถังโจวโจวไว้ “โจวโจว ถ้าเธอคิดว่าฉันเดาถูกก็เอาเรื่องที่คุยกันไปบอกลั่วเซ่าเชิน ให้เขาตัดสินใจ ฉันเชื่อว่า เขาจะไม่ปล่อยให้เธอไปหรอก”

 

 

“แต่….เซ่าเชินจะเชื่อไหม” ถังโจวโจวรู้ว่าเรื่องทั้งหมดเป็นแค่สิ่งที่พวกเธอเดากันไปเอง เธอไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนว่าเมิ่งชิงซีเป็นคนทำ และตอนนั้นคุณแม่ลั่วก็คิดว่าเธอทำ

 

 

“ไม่ว่าจะเชื่อหรือไม่ เธอก็ต้องพูด ถ้าเขาไม่เชื่อ นั่นก็เรื่องของเขา เธอทำหน้าที่ของเธอให้ดีที่สุดก็พอแล้ว” หลินเหยาจับมือถังโจวโจวไว้แน่น ให้กำลังใจกับเธอ

 

 

“ได้ เหยาเหยา ฉันเชื่อเธอ”

 

 

คำพูดของหลินเหยาทำให้เธอกล้าหาญ ใช่ เธอต้องเอาข้อสงสัยนี้ไปบอกกับเซ่าเชิน ถ้าเขาไม่เชื่อ งั้นเธอก็หมดหนทาง แต่ตอนอยู่ในรถครั้งก่อนที่เซ่าเชินพูด ถังโจวโจวเชื่อว่าเขาต้องเชื่อเธอแน่

 

 

หลังจากถังโจวโจวและหลินเหยาแยกกัน เธอก็ต่อสายหาลั่วเซ่าเชินแล้วนัดเจอกับเขา ลั่วเซ่าเชิน ขับรถมารับเธอที่ใกล้ๆ กับร้านกาแฟ

 

 

เมื่อขึ้นรถ ถังโจวโจวก็ให้ลั่วเซ่าเชินหาที่จอดรถ “เซ่าเชิน ฉันมีเรื่องจะคุยกับคุณ”

 

 

“ผมจะไปส่งคุณ ระหว่างทางก็คุยไปด้วยได้” ลั่วเซ่าเชินพูดจบก็มองถังโจวโจว เห็นเธอกำมือแน่น ก็ไม่สบายใจ เขาใจอ่อน “ได้ คุณอยากไปที่ไหนล่ะ”

 

 

“ที่ไหนก็ได้ที่จอดรถได้ ฉันแค่อยากคุยกับคุณในรถ แค่ไม่นาน” ถังโจวโจวเสียงหนักแน่น กลัวว่าลั่วเซ่าเชินจะรำคาญเธอ

 

 

ลั่วเซ่าเชินจอดรถข้างทาง ดับเครื่อง “ได้ ที่นี่คุยได้ไหม”

 

 

เขาไม่เคยเห็นถังโจวโจวเป็นแบบนี้มาก่อน ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องใหญ่ ดังนั้นถังโจวโจวจึงไม่ผ่อนคลายเหมือนปกติ

 

 

 

 

ตอนที่ 269 เชื่อใจ

 

 

“เซ่าเชิน ฉันมีเรื่องอยากจะคุยกับคุณ ถ้าคุณไม่เชื่อ…” ถังโจวโจวไม่รู้ว่าควรจะพูดออกไปยังไงดี ถ้าลั่วเซ่าเชินไม่เชื่อเธอแล้วจะทำยังไง เธอไม่รู้ว่าควรทำยังไงดี

 

 

“ผมไม่เชื่อคุณแล้วคุณจะทำยังไง” ถังโจวโจวยังพูดไม่จบ แต่เธอพูดเผยความในใจไปแล้ว อะไรที่ทำให้เธอกังวลได้มากขนาดนี้ ลั่วเซ่าเชินคิดออกอยู่เรื่องเดียวก็คือเรื่องคุณแม่ลั่ว นอกจากนี้ ช่วงนี้ไม่มีเรื่องอื่นให้ถังโจวโจวต้องกังวลอีก

 

 

“คุณไม่เชื่อฉัน ฉันก็ไม่รู้จะทำยังไง” จู่ๆ เสียงของถังโจวโจวก็ต่ำลง ทำให้ลั่วเซ่าเชินค่อนข้างลำบากใจ “เอาล่ะ เมื่อกี้ก็แค่ล้อเล่น รีบพูดเถอะ เรื่องอะไรกันแน่ ผมจะช่วยคุณคิดเอง”

 

 

ลั่วเซ่าเชินทนเห็นสีหน้าเป็นกังวลแบบนี้ของถังโจวโจวไม่ได้ เขาอยากให้เธอยิ้มมีความสุขทุกวัน แต่ไม่รู้ทำไม ช่วงนี้รอยยิ้มของถังโจวโจวนับวันยิ่งน้อยลง เรื่องนี้แน่นอนว่าเป็นเพราะเขา

 

 

“เซ่าเชิน เรื่องคุณแม่อาจมีเมิ่งชิงซีอยู่เบื้องหลัง…เรื่องเป็นแบบนี้ แต่นี่เป็นแค่การคาดเดาของฉันกับเหยาเหยา ถ้าคุณรู้สึกว่าไม่น่าเชื่อคุณก็…”

 

 

“ทำไมผมจะไม่เชื่อล่ะ”

 

 

ถังโจวโจวเงยหน้ามองลั่วเซ่าเชินอย่างตกใจ “เมื่อกี้คุณว่าไงนะ” เธอเห็นภาพหลอนไปรึเปล่า ลั่วเซ่าเชินไม่ได้ถามแต่บอกว่าเชื่อ

 

 

“คุณไม่ได้ฟังผิด ผมบอกว่าทำไมผมจะไม่เชื่อล่ะ เทียบกับเมิ่งชิงซีแล้ว เราสองคนสนิทสนมกันมากกว่าอีกไม่ใช่เหรอ” ลั่วเซ่าเชินรู้สึกว่าถังโจวโจวเหมือนคนโง่นิดหน่อย ทำไมเขาจะไม่เชื่อเธอล่ะ เขาเชื่อมาโดนตลอดว่าเธอไม่ได้ทำ

 

 

แต่ตอนนั้นเพราะเมิ่งชิงซีกับคุณแม่ลั่วบีบบังคับ ลั่วเซ่าเชินรู้ว่าแม้ว่าเขาจะแก้ตัวให้ถังโจวโจว แต่ในสายตาคุณพ่อลั่วคุณแม่ลั่ว เขาก็แค่โกหกให้ถังโจวโจวเท่านั้น เขาจึงให้ถังโจวโจวออกจากที่นั่นก่อน

 

 

เรื่องวันนั้นความจริงเป็นยังไงมีแค่ถังโจวโจวและเมิ่งชิงซีที่รู้ดี คนอื่นล้วนไม่แน่ใจ เพราะไม่มีกล้องวงจรปิดบันทึกเหตุการณ์ไว้ ลั่วเซ่าเชินจึงทำได้แค่เชื่อในความรู้สึกของตัวเองและอาศัยความเชื่อใจในตัวถังโจวโจวมาตัดสินเรื่องนี้

 

 

เห็นถังโจวโจวที่น้ำตาไหลอีกแล้ว ลั่วเซ่าเชินก็ดึงเธอมาซบลงในอ้อมกอดของตัวเอง “ชอบร้องไห้จริงๆ เลยนะ ช่วงนี้คุณร้องไห้เยอะกว่าลั่วอิงอีก”

 

 

“ที่ไหนล่ะ” ถังโจวโจวไม่พอใจ เธออายุเท่าไหร่แล้ว เอาลั่วอิงมาเปรียบเทียบกับเธอแบบนี้ พูดเหมือนสู้เด็กไม่ได้อย่างนั้นแหละ

 

 

“ใช่ คุณไม่ได้เป็น ตอนนี้ที่ผมเห็นไม่ใช่เรื่องจริง”

 

 

ฮ่ะๆ” ในที่สุดถังโจวโจวหัวเราะออกมา ลั่วเซ่าเชินเลยโล่งใจไปได้ “ตอนนี้มีความสุขแล้วใช่ไหม”

 

 

“อืม แค่คุณเชื่อฉัน แม้คุณพ่อคุณแม่จะเข้าใจผิด ฉันก็ไม่กังวล” เธอแค่อยากรู้ความในใจของลั่วเซ่าเชิน ตอนแรกลั่วเซ่าเชินไม่อธิบายกับเธอเรื่องส่งเธอกลับบ้านเลย นี่ทำให้ถังโจวโจวรู้สึกว่ากำลังถูกทอดทิ้ง

 

 

“เด็กโง่ ผมต้องเชื่อคุณแน่นอน ผมไม่เชื่อคุณแล้วจะให้ไปเชื่อใคร” ลั่วเซ่าเชินลูบผมถังโจวโจว เขาฟังถังโจวโจวพูดจนจบ ลั่วเซ่าเชินรู้สึกว่าจิตใจเมิ่งชิงซีร้ายกาจขึ้นมากถึงสามารถทำร้ายคุณแม่เขาเพื่อให้ตัวเองได้รับผลประโยชน์

 

 

“โจวโจว คุณวางใจเถอะ ผมจะต้องคืนความเป็นธรรมให้คุณแน่” แม้ว่าจะไม่มีหลักฐาน แต่เขาก็จะไม่ยอมให้เมิ่งชิงซีลอยนวลแน่

 

 

“เซ่าเชิน คุณอย่ารีบร้อน คุณแม่คงไม่เชื่อคุณแน่ ตอนนี้เมิ่งชิงซีเป็นคนที่ท่านรักและเอ็นดูมาก เธอจะยอมฟังคำอธิบายของคุณได้ยังไง”

ตอนที่ 266 เมียน้อย  

 

 

“ออกไปข้างนอกต้องเหนื่อยแน่เลยใช่มั้ย รีบเข้าไปพักผ่อนเถอะ” คุณแม่ถังเห็นสีหน้าเหนื่อยล้าบนใบหน้าถังโจวโจวก็เอ่ยบอก  

 

 

ถังโจวโจวรู้ว่าคุณแม่ถังเข้าใจผิด แต่เธอก็ไม่อธิบาย “แม่คะ งั้นหนูเข้าไปนอนก่อนนะ”  

 

 

เมื่อปิดประตูห้องลง ถังโจวโจวก็รู้สึกว่าความเหนื่อยล้าถาโถมเข้าใส่ตัวเธอราวกับคลื่นยักษ์ เธอนอนลงบนเตียงและหลับตาลง  

 

 

เมื่อถังโจวโจวลืมตาขึ้นมาอีกครั้งก็เที่ยงคืนแล้ว ถังโจวโจวไม่คิดว่าจะตนหลับได้นานอย่างนี้ เมื่อได้นอนหลับแล้วก็รู้สึกว่าร่างกายเหนียวเหนอะหนะ เธอหยิบเสื้อผ้าเข้าไปในห้องน้ำ อาบน้ำอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นก็ออกมานอนต่อ  

 

 

ถังโจวโจวคิดว่านานมากแล้วที่ไม่ได้เจอหลินเหยาจึงอยากจะถือโอกาสที่ได้พักผ่อนนี้ไปเจอหลินเหยาบ้าง  

 

 

“โจวโจว เธอมีสามีแล้วลืมเพื่อนสนิทเลยนะ” ตั้งแต่ที่เจอกันที่บาร์ครั้งก่อน นี่ก็ผ่านมานานมากแล้ว ถังโจวโจวกลัวว่าตัวเองจะลืมอีกฝ่ายไปแล้ว  

 

 

“เหยาเหยา ฉันกลัวจะรบกวนเธอน่ะ” ถังโจวโจวคิดถึงวันที่พาฟังหยวนและหลินเหยาให้มาเจอกันไม่รู้ว่าสองคนนี้พัฒนาความสัมพันธ์ไปถึงไหนแล้ว  

 

 

“เธอยังจะกล้าพูดอีกเหรอ ใครใช้ให้ครั้งที่แล้วเธอยุ่งไม่เข้าเรื่องเล่า เล่นเอาฉันเกือบตายแล้วนะ”  

 

 

เธอไม่มีหน้าไปทำตัวปกติกับฟังหยวนแล้ว เพราะเรื่องครั้งที่แล้วค่อนข้างน่าอาย หลังจากนั้นก็เป็นฟังหยวนที่มาชวนเธอคุยก่อน ทั้งสองคนกินข้าวด้วยกันสองครั้ง พอเห็นฟังหยวนไม่ได้แสดงท่าทีแปลกประหลาดอะไร หลินเหยาถึงได้รู้สึกว่าบรรยากาศน่าอึดอัดได้จางหายไป  

 

 

“โธ่ ครั้งก่อนถ้าไม่ใช่เพราะไหวพริบของฉันล่ะก็ เธอคงจะโดนผู้ชายสารเลวคนนั้นทำให้โมโหตายไปแล้ว ไม่ให้รางวัลฉัน แล้วยังมาว่าฉันอีก…”  

 

 

“เอาล่ะ หยุดเลย ฉันรู้จักเธอดี เธอยังดูเรื่องสนุกไม่พอหรือไงถึงได้กล้ามายุ่งเรื่องของฉันเนี่ย” หลินเหยาไม่เชื่อคำพูดของถังโจวโจว ช่วยเธอนั้นคือเรื่องจริง เพียงแต่ถังโจวโจวเองก็อยากเห็นเธอกับหลิวเหยียนฉีกหน้ากันด้วยมากกว่า  

 

 

“เอาล่ะเอาล่ะ ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว เหยาเหยา หลิวเหยียนไปรบกวนเธออีกไหม” ถังโจวโจวสงสัยแค่เรื่องนี้เท่านั้น  

 

 

พูดไปแล้วหลิวเหยียนเองก็หน้าหนานัก เห็นอยู่ว่าคู่หมั้นตัวเองนั่งอยู่ข้างๆ ยังกล้าแสดงท่าทีรักลึกซึ้งกับหลินเหยาอีก ไม่กลัวเลยว่าคนอื่นเห็นแล้วจะอยากอาเจียน  

 

 

“ไม่มี ตอนนี้เขาน่าจะคิดว่าฉันเป็นพวกตาบอดมากกว่าถึงมองไม่เห็นผู้ชายดีๆ แบบเขา” หลินเหยานึกดูถูกหลิวเหยียนในใจ  

 

 

“เขาสิตาบอด เหยาเหยา อย่าไปโมโหเพราะผู้ชายคนนั้นเลย พวกเราต้องหาได้ดีกว่านี้แน่นอน”  

 

 

“พอเถอะ ไม่ต้องพูดเรื่องเขาแล้ว โชคร้ายเปล่าๆ โจวโจว ช่วงนี้เธอหยุดนานขนาดนี้ ทำอะไรบ้างเหรอถึงได้หายไปนานขนาดนี้”  

 

 

เมื่อก่อนหลินเหยาและถังโจวโจวจะคุยโทรศัทพ์กันอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง บางครั้งก็ออกไปเดินเล่น ครั้งนี้นานมากแล้วที่ถังโจวโจวไม่ออกมาเจอเธอ หลินเหยาเองก็ยุ่งงานที่สำนักพิมพ์จนไม่มีเวลา เมื่อถังโจวโจวโทรมาหาเธอ ถึงได้รู้ว่าผ่านมาตั้งนานขนาดนี้แล้ว  

 

 

“ก็ไม่ได้ทำอะไรนะ เหมือนเดิมๆ….” ถังโจวโจวคนกาแฟตรงหน้า พอนึกถึงเรื่องคุณแม่ลั่วอารมณ์ก็ดิ่งลง  

 

 

“เห็นสภาพเธอเป็นแบบนี้เหมือนกับถูกคนอื่นแย่งสามีไปงั้นแหละ หรือลั่วเซ่าเซินมีเมียน้อยเหรอ”  

 

 

“เปล่า เธออย่าเดามั่วนะ”  

 

 

“ก็แค่เดาเอง อย่าโมโหสิ” หลินเหยารีบดับไฟโกรธของถังโจวโจวลง แตะนิดหน่อยก็โมโหแล้ว นี่มันเรื่องอะไรกันนะ  

 

 

“ไม่มีอะไรจริงๆ เธออย่าคิดเหลวไหล” ถังโจวโจวกลัวว่าหลินเหยาจะคิดเกินเลย แล้วจะพาลไปเรื่องอื่นด้วย  

 

 

   

 

 

ตอนที่ 267 ความสงสัยของหลินเหยา   

 

 

“โจวโจว เธอตื่นเต้นตกใจแบบนี้ เดิมทีฉันก็ไม่ได้คิดอะไรหรอกนะ แต่ตอนนี้เริ่มคิดแล้วสิ” หลินเหยามองท่าทางที่แปลกไปของถังโจวโจว ลั่วเซ่าเชินฝั่งนั้นคงไม่ได้เกิดปัญหาขึ้นจริงๆ หรอกนะ  

 

 

“โจวโจว เธออย่าปิดบังฉันนะ ฉันช่วยเธอได้ อย่าทำอะไรบุ่มบ่ามล่ะ” ถ้าเป็นเพราะลั่วเซ่าเชินทำอะไรไม่ดีต่อถังโจวโจว หลินเหยาต้องเอาเขาตายแน่ แม้ว่าเธอจะรู้ว่ากำลังของตัวเองเอาชนะลั่วเซ่าเชินไม่ได้ก็ตามที  

 

 

“ปัญหาไม่ใช่เซ่าเชินหรอก แต่เป็นที่แม่เขาต่างหาก”  

 

 

“แม่สามีของเธอเหรอ”  

 

 

“อืม ฉันไม่ระวังผลักเธอตกบันไดน่ะ”  

 

 

“อะไรนะ! ถังโจวโจวเธอเห็นว่าเขาขวางหูขวางตาใช่ไหมเลยทำแบบนั้น เธอทำให้ฉันตกใจนะเนี่ย” หลินเหยาได้ฟังถังโจวโจวพูดถึงแม่สามีอารมณ์ก็ขึ้นนานแล้ว ถ้าถังโจวโจวผลักเธอตกจริงๆ นั่นก็ถือว่าเป็นการระบายอารมณ์อย่างหนึ่ง  

 

 

ใครจะรู้ เมื่อโจวโจวได้ยินแบบนี้ น้ำตาก็ไหลออกมาทันที หลินเหยาตกใจรีบปลอบเธอ “โจวโจว อย่าร้อง ฉันผิดไปแล้ว”  

 

 

ในใจหลินเหยาคิดว่าตัวเองไม่ได้พูดอะไรผิด เพียงแต่อาการถังโจวโจวตอนนี้ เธอจึงไม่กล้าพูดอะไรให้กระทบใจเธออีก  

 

 

ถังโจวโจวร้องไห้พลางถามหลินเหยา “หรือเธอก็เชื่อใช่ไหมว่าฉันตั้งใจผลักเขา” คำพูดของหลินเหยาทำให้เธอเสียน้ำตา เพราะหลินเหยาเป็นเพื่อนที่เธอรักและสนิทสนมด้วย แต่หลินเหยากลับเชื่อว่าเธอตั้งใจผลักคุณแม่ลั่ว แล้วจะไม่ให้ถังโจวโจวเสียใจได้อย่างไร  

 

 

ที่เซ่าเชินไม่ยอมเชื่อเธอ แถมเหยาเหยาก็ยังพูดแบบนี้อีก พวกเธอต้องเชื่อแน่แล้ว ถังโจวโจวรู้สึกว่าบนโลกนี้ไม่มีใครเชื่อเธอเลย เธอปวดใจอยู่ครู่หนึ่ง  

 

 

เมื่อหลินเหยาได้ยินคำถามของถังโจวโจว ในที่สุดก็เข้าใจแล้วว่าปัญหาอยู่ที่ไหน “โจวโจว ฉันก็แค่พูดไปงั้นๆ เอง ใครจะรู้ว่าเธอจะคิดมากจริงๆ รีบเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฉันฟังเร็ว ฉันจะช่วยเธอวิเคราะห์เอง”  

 

 

หลินเหยาไม่คิดว่าถังโจวโจวจะเป็นคนทำเพราะเธออยากทำดีกับคุณแม่ลั่วมาโดยตลอด การที่เธอถูกใส่ร้ายในครั้งนี้ คงจะรู้สึกน้อยใจมาก พูดกันตามจริง หลินเหยาเองก็ไม่เชื่อว่าถังโจวโจวจะทำเรื่องแบบนี้ได้  

 

 

ถังโจวโจวทำร้ายคุณแม่ลั่วแล้วจะได้อะไร ถ้าอยากให้คุณแม่ลั่วเกิดเรื่องคงลงมือไปนานแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองดูน่าสงสัยและติดร่างแหไปด้วยแบบนี้ หลินเหยาคิดว่าตอนนี้ถังโจวโจวน่าจะถูกคนใส่ร้าย  

 

 

“วันนั้น ฉันกลับบ้านกับเซ่าเซิน…หลังจากนั้น คุณแม่ก็ถูกเซ่าเชินกับเมิ่งชิงซีพาไปส่งโรงพยาบาล เซ่าเชินไม่ให้ฉันไป ครั้งก่อนได้ยินเขาพูดว่า อาการป่วยคุณแม่ดีขึ้นมากแล้ว”  

 

 

ถังโจวโจวเล่าเรื่องทั้งหมดให้กับหลินเหยาฟัง หลินเหยาพูดสิ่งที่สงสัยออกมา “เธอบอกว่าตอนนั้นเมิ่งชิงซียืนอยู่ด้านหน้าเธอเหรอ”  

 

 

“อืม ตอนนั้นฉันโมโห ฉันก็ไม่รู้ว่าทำไม ฉันไม่รู้ว่าคุณแม่จะยืนอยู่ข้างหลังฉัน ไม่อย่างนั้นคงไม่ทำให้เธอตกลงไปหรอก” ถังโจวโจวกุมศีรษะด้วยท่าทางเจ็บปวด ภาพตอนนั้นสลักลึกอยู่ในจิตใจของเธอไม่จากไปไหน  

 

 

“งั้นเมิ่งชิงซีก็ยืนอยู่ตรงข้ามกับเธอ ก็น่าจะรู้ว่าแม่สามีอยู่ด้านหลังเธอนี่ ทำไมหล่อนไม่พูดอะไรเลยล่ะ”  

 

 

หลินเหยาสงสัยว่าเมิ่งชิงซีจะตั้งใจยั่วให้ถังโจวโจวโกรธ ตอนนั้นทั้งสองคนยื้อยุดฉุดกระชากกันไปมา แต่เมื่อถังโจวโจวจะดึงมือกลับ แน่นอนว่าต้องใช้แรง ตอนนั้นคุณแม่ลั่วอยู่ด้านหลังเธอ ด้วยแรงนี้จึงทำให้คุณแม่ลั่วตกบันไดลงไป  

ตอนที่ 264 ความสุข  

 

 

            “เซ่าเชิน ฉันไม่ได้ล้อเล่นนะ เมื่อไหร่ฉันจะได้กลับไปเหรอ” ถังโจวโจวเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา ลั่วเซ่าเชินเองก็ไม่รู้จะตอบอย่างไร เขาเองก็ไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลาจะนานเท่าไหร่ มีแต่ต้องย่นเวลามันลงให้ได้มากที่สุด  

 

 

“โจวโจว ผม…..”  

 

 

ถังโจวโจวมองความรู้สึกในแววตาลั่วเซ่าเชินก็รู้ได้ถึงความคิดของเขาทันที เธอไม่อยากฟังคำพูดที่เขาจะพูดออกมา “เซ่าเชิน ฉันเข้าใจแล้ว ฉันจะไม่ถามแล้ว ฉันจะเป็นเด็กดีรอวันนั้น”  

 

 

ลั่วเซ่าเชินมองถังโจวโจวอย่างเสียใจและเข้าไปกอดเธอ “โจวโจว คุณเชื่อผมนะ ผมจะต้องพาคุณกลับไปให้ได้ ผมรู้ว่าคุณไม่ได้ทำเรื่องนั้น”  

 

 

นี่เป็นครั้งแรกที่ลั่วเซ่าเชินพูดออกมาอย่างตรงไปตรงมา ในแววตาถังโจวโจวจึงอดไม่ได้ที่จะมีน้ำตาไหลออกมา เธอซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดของลั่วเซ่าเชิน ร้องไห้พลางสะอื้น “เซ่าเชิน…ฮือๆ…”  

 

 

“อย่าร้อง อย่าร้องนะ” การปลอบประโลมของลั่วเซ่าเชินช่วยอะไรไม่ได้เลยสักนิด เมื่อลั่วเซ่าเชินได้ยินเสียงร้องไห้ของถังโจวโจวหัวใจก็แตกสลาย เขาจูบซับไปที่น้ำตาของเธอ ถังโจวโจวถูกลั่วเซ่าเชินทำให้ตกใจจนลืมร้องไห้  

 

 

“โจวโจว ไม่ต้องร้องแล้วนะ” ถังโจวโจวนิ่งงันมองเขา ริมฝีปากของลั่วเซ่าเชินที่บรรจงจูบลงบนแก้มของเธอนั้นช่างให้ความรู้สึกวิเศษเหลือเกิน  

 

 

“เซ่าเชิน…”  

 

 

ลั่วเซ่าเชินแตะนิ้วลงบนริมฝีปากของถังโจวโจว “ไม่ต้องพูดแล้ว…”  

 

 

และก็จูบเรื่อยขึ้นไปที่หน้าผาก จมูก และริมฝีปากของถังโจวโจว ถังโจวโจวอดไม่ได้ที่จะใช้มือโอบรอบคอของลั่วเซ่าเชินไว้เพื่อดึงระยะห่างระหว่างทั้งสองให้สั้นลง  

 

 

มือหนึ่งของลั่วเซ่าเชินประคองใบหน้าของถังโจวโจวเอาไว้ อีกมือก็โอบเอวเธอ วันนี้ถังโจวโจวใส่เสื้อเชิ้ตสีฟ้า ใส่กางเกงยีนส์สีดำ ลั่วเซ่าเชินค่อยๆ คลายเชือกของเสื้อออก  

 

 

ในรถที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำ ถังโจวโจวรู้สึกว่าอุณหภูมิทั้งร่างเริ่มเพิ่มสูงขึ้น ลั่วเซ่าเชินเหมือนจับความตื่นเต้นของเธอได้ การเคลื่อนไหวของริมฝีปากของเขาจึงเริ่มรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ การต่อต้านของถังโจวโจวไม่มีประโยชน์เลยสักนิด  

 

 

รอจนเมื่อลั่วเซ่าเชินออกห่างจากปากเธอ ถังโจวโจวก็รู้สึกเหมือนผ่านมาเป็นศตวรรษ  

 

 

“โจวโจว โจวโจว…” ลั่วเซ่าเชินรู้สึกว่าตัวเองทนไม่ไหวแล้ว  

 

 

เมื่อเห็นลั่วเซ่าเชินเริ่มปลดเสื้อผ้าเธอออก ถังโจวโจวก็เข้าใจทันที รีบเอามือขวางไว้ “เซ่าเชิน ตอนนี้อยู่ในรถ คุณจะทำตัวรุ่มร่ามไม่ได้นะ”  

 

 

ลั่วเซ่าเชินร้อนรนจนตาแดงไปหมด เขาพยายามควบคุมอารมณ์ของตนอยู่ตลอด แต่ถังโจวโจวกลับราดน้ำมันลงบนกองไฟและยั่วยวนเขา ทำให้เขาควบคุมตัวเองไม่ได้  

 

 

ก่อนที่ถังโจวโจวจะทันรู้ตัวเขาก็ปรับเบาะลง รอจนถังโจวโจวรู้สึกตัวเธอก็ถูกลั่วเซ่าเชินคร่อมอยู่บนเบาะแล้ว  

 

 

พอถังโจวโจวเห็นแผ่นอกของลั่วเซ่าเชินก็หลับตาปี๋ เธอกลัวว่าถ้ามองแล้วเลือดกำเดาตัวเองจะไหลออกมา ขายหน้าแย่  

 

 

“ทำไม โจวโจว คุณอายเหรอ” ลั่วเซ่าเชินหัวเราะ แต่ถังโจวโจวก็ยังไม่กล้าลืมตา เธอกลัวว่าพอลืมตาแล้วจะเห็นในสิ่งที่ไม่ควรเห็นเข้า  

 

 

ลั่วเซ่าเชินเห็นถังโจวโจวหลับตาปี๋ ขนตางอนยาวก็กะพริบเล็กน้อย “โจวโจว ลืมตามองผมสิ”  

 

 

“คุณ คนบ้ากาม” น่าเสียดายที่ประโยคนี้ไม่มีเรี่ยวแรงเลยแม้แต่น้อย ลั่วเซ่าเชินมองเธออย่างขำๆ “ผมบ้ากามเหรอ งั้นคุณก็เป็นผู้หญิงบ้ากาม ผมมีอะไรกับผู้หญิงของตัวเองแบบนี้เรียกบ้ากามเหรอ”  

 

 

“โจวโจว ทำไมคุณถึงใจร้ายอย่างนี้ ผมเป็นสามีคุณนะ” ลั่วเซ่าเชินอยากให้ถังโจวโจวลืมตา ลูบไล้ตัวเขา  

 

 

ลั่วเซ่าเชินปล่อยมือของถังโจวโจว เขาคิดว่าต้องหาวิธีอื่นให้ถังโจวโจวลืมตาขึ้นมา เมื่อถังโจวโจวรู้สึกได้ว่าเขาปล่อยมือก็รีบเอามือไปซ่อนไว้ที่ด้านหลังทันที  

 

 

   

 

 

   ตอนที่ 265 รอให้ตื่น  

 

 

ลั่วเซ่าเชินใช้วิธีรุกก่อน ไม่นานถังโจวโจวก็ตกลงไปในโลกแห่งความปรารถนาและน่าหลงใหล ไหนเลยจะเหลือเวลามาคิดเรื่องอื่นได้อีก  

 

 

แม้ว่าถังโจวโจวรู้สึกว่ามีอะไรกันบนรถจะน่าอาย แต่เธอแรงน้อยกว่าลั่วเซ่าเชินมากจึงทำได้แค่ยอมจำนนต่ออำนาจของลั่วเซ่าเชิน แน่นอน ถึงถังโจวโจวจะทำใจยอมรับไม่ได้แต่ที่จริงเธอก็ไม่รังเกียจลั่วเซ่าเชินที่ทำเรื่องนั้น  

 

 

หลังจากเมฆฝนผ่านพ้นไป ลั่วเซ่าเชินก็จัดการสวมเสื้อผ้าให้ถังโจวโจวและจูบเบาๆ บนหน้าผากเธอ ถังโจวโจวหลับตายังคงจมอยู่ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ตอนนี้ร่างกายเธอรู้สึกอ่อนแอ เมื่อยขบจนลุกไม่ขึ้น  

 

 

หลังจากลั่วเซ่าเชินจัดการแต่งตัวให้ทั้งสองคนเสร็จก็ขับรถออกจากบาร์ ถังโจวโจวเอนเบาะลงพักผ่อน เมื่อลั่วเซ่าเชินขับรถมาจอดที่บ้านตระกูลถังถังโจวโจวก็ยังหลับยังไม่ตื่น  

 

 

ลั่วเซ่าเชินเองก็ไม่ได้คิดจะปลุกเธอ เขานั่งซึบซับบรรยากาศความอบอุ่นของเขาและเธอ ลั่วเซ่าเชินลูบใบหน้าของถังโจวโจวแผ่วเบา ขอบตาสีดำของเธอสะกิดใจลั่วเซ่าเชิน ดูเหมือนว่าช่วงนี้เธอจะนอนไม่ค่อยหลับสินะ  

 

 

ถังโจวโจวรู้สึกเหมือนมีมือข้างหนึ่งลูบไล้อยู่บนใบหน้าของเธอ ตอนแรกก็ไม่ได้คิดว่าเป็นใคร แต่จู่ๆ เธอก็ตกใจและได้สติกลับมา เธอลืมตามองถึงได้รู้ว่าเป็นลั่วเซ่าเชิน “เซ่าเชิน พวกเราอยู่ไหนเหรอ”  

 

 

ถังโจวโจวมองไปรอบๆ เมื่อมองเห็นทิวทัศน์ภายนอกก็ยังไม่ทันตอบสนองอะไรไปครู่หนึ่ง  

 

 

“ทำไม แม้แต่บ้านตัวเองก็ไม่รู้จักแล้วเหรอ” ถังโจวโจวมองอีกครั้ง ใช่ นี่มันบ้านฉันไม่ใช่เหรอ ดูเหมือนจะยังมึนๆ อยู่ ถึงจำไม่ได้  

 

 

“ทำไมคุณจอดรถอยู่ตรงนี้ล่ะ”  

 

 

“รอให้คุณตื่นไง คุณเป็นเหมือนหมูน้อยที่นั่งรถแป๊บเดียวก็หลับปุ๋ยแล้ว” ลั่วเซ่าเชินแซวอย่างอารมณ์ดี ถังโจวโจวอยากจะตอกกลับว่าเหตุผลที่เธอนอนกลับอุตุก็เพราะเขานั่นแหละ  

 

 

หลายวันมานี้ถังโจวโจวพยายามทำให้ตัวเองไม่คิดมาก แต่พอตกกลางคืน เพราะเรื่องคุณแม่ลั่วเป็นเหตุเธอถึงได้นอนไม่หลับอยู่เสมอ วันนี้พอได้อยู่ข้างกายลั่วเซ่าเชิน ก็ไม่รู้ว่าเพราะได้กลับมาเขารึเปล่า เธอถึงหลับได้ดีแบบนี้  

 

 

“ทำไมคุณไม่ปลุกฉันล่ะ”  

 

 

“เห็นคุณหลับสบายน่ะ ช่วงนี้คุณไม่ค่อยได้นอนใช่ไหม”  

 

 

“เปล่า เซ่าเชิน ฉันขึ้นไปก่อนนะ” ถังโจวโจวผลักประตูรถ แต่จู่ๆ ลั่วเซ่าเชินก็จับมือเธอไว้ ถังโจวโจวหันกลับมาถามอย่างประหลาดใจ “เซ่าเชิน ยังมีเรื่องอะไรอีกเหรอ”  

 

 

ลั่วเซ่าเชินมองตาถังโจวโจวแล้วค่อยๆ ดึงมือตัวเองกลับ “เปล่า คุณขึ้นไปเถอะ ผมจะส่งคุณตรงนี้”  

 

 

“ได้ค่ะ คุณก็ขับรถดีๆ นะ” ถังโจวโจวหยิบของของตัวเองแล้วโบกมือให้ลั่วเซ่าเชิน และขึ้นชั้นบนไป  

 

 

ถังโจวโจวรู้สึกว่ากระดุมของเสื้อตัวเองหลุดอยู่จึงจงใจติดกระดุมจนถึงเม็ดบนสุด เธอกลัวว่าลั่วเซ่าเชินจะทำรอยบนคอเธอ เดี๋ยวคุณพ่อถังคุณแม่ถังเห็นแล้วจะรู้ว่าเธอไปทำเรื่องอะไรน่าอายมา เดี๋ยวท่านจะไม่สบายใจเสียเปล่าๆ  

 

 

หลังจากนั้นถังโจวโจวก็เปิดกระจกในโทรศัพท์ตัวเอง มองสำรวจร่างกายแล้วถึงได้หยิบกุญแจมาไขเปิดประตู  

 

 

“โจวโจว กลับมาแล้วเหรอ” เมื่อคุณแม่ถังได้ยินเสียงเปิดประตูก็หันกลับไปมองก็พบว่าถังโจวโจวกลับมาแล้ว  

 

 

“ค่ะ แม่กำลังทำอะไรอยู่เหรอคะ”  

 

 

“ดูทีวีไง โจวโจว ผมลูกเป็นอะไรน่ะ” ถังโจวโจวก้มดูตัวเองตั้งแต่หัวจรดเท้า คุณแม่ถังกลับพบว่าผมด้านหลังของเธอยุ่งเหยิง  

 

 

“อ้อ อาจเพราะนอนทับตอนอยู่บนรถน่ะค่ะ” ถังโจวโจวลูบผมด้านหลังของตัวเอง พบว่ามันยุ่งเหยิงไปหมดเพราะอยู่ด้านหลังทำให้เมื่อกี้มองจากกระจกจึงไม่เห็น   

ตอนที่ 262 อุดปาก  

 

 

“เซ่าเชิน คุณรีบปล่อยฉัน” ถังโจวโจวดิ้นรน มือของลั่วเซ่าเชินบีบแน่นจนเธอเจ็บไปหมด  

 

 

“ไม่ปล่อย คุณบอกไม่ใช่เหรอว่าจะไปหาผู้ชาย ทำไมผมต้องปล่อยด้วย” ลั่วเซ่าเชินจับมือเธอแน่น ยิ่งบีบแรงขึ้นเรื่อยๆ เขาเห็นว่าเธอเจ็บ แต่เขาไม่อยากปล่อยมือ เพราะตอนนี้เขารู้สึกไม่ปลอดภัยเอามากๆ  

 

 

ถังโจวโจวเห็นลั่วเซ่าเชินมีท่าทางไม่เหมือนในยามปกติ หรือเธอจะพูดอะไรผิดไปเลยทำให้เขากลายเป็นแบบนี้  

 

 

“เซ่าเชิน ฉันเจ็บจังเลย” ถังโจวโจวตัดสินใจใช้ไม้อ่อนก่อน อีกอย่างเธอก็เจ็บมากจริงๆ นั่นแหละ ลั่วเซ่าเชินคิดถึงแต่ตัวเอง ไม่สนใจความรู้สึกของเธอเลยสักนิด  

 

 

เมื่อลั่วเซ่าเชินได้ยินว่าถังโจวโจวเจ็บก็ค่อยๆ คลายมือออกและมองข้อมือของถังโจวโจว เมื่อเห็นเป็นรอยช้ำแดง ลั่วเซ่าเชินก็อยากจะขอโทษ แต่ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดีจึงทำได้แค่เงียบ  

 

 

ถังโจวโจวนวดมือที่เพิ่งถูกลั่วเซ่าเชินบีบ แววตาของลั่วเซ่าเชินฉายแววรู้สึกผิด แต่เขาไม่ยอมพูดอะไรออกมา ตอนนี้ถังโจวโจวไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่จึงทำได้แค่ถาม “เซ่าเชิน เมื่อกี้ทำไมคุณถึงโกรธเหรอ เพราะฉันรึเปล่า”  

 

 

ถังโจวโจวรู้สึกว่าตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว เดิมทีควรจะเป็นเธอที่โกรธ แต่นี่กลับเป็นลั่วเซ่าเชินที่โกรธแทน และเธอก็ยังไม่รู้ว่าเขาโกรธเรื่องอะไรอีกด้วย  

 

 

“ถังโจวโจว ถ้าคุณกล้าหนีผมไปหาผู้ชายคนอื่น ผมจะต้องสั่งสอนไอ้ผู้ชายคนนั้นแน่” เมื่อลั่วเซ่าเชินคิดว่าถังโจวโจวหลบหน้าตน แถมยังบอกอีกว่าจะไปหาผู้ชายคนอื่น ทันใดนั้นก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมา  

 

 

“ฉันพูดตั้งแต่เมื่อไหร่ว่าจะไปหาผู้ชายคนอื่น” ถังโจวโจวรู้สึกว่าไม่มีเหตุผลเลย เธอพูดแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน…แต่ดูเหมือนว่า เมื่อกี้เธอเพิ่งจะพูดไปใช่ไหมนะ  

 

 

ถังโจวโจวจึงเข้าใจว่าทำไมลั่วเซ่าเชินถึงเอะอะโวยวายแบบนี้ ที่แท้เพราะเธอพูดไปแบบนั้นนี่เอง ถังโจวโจวอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา  

 

 

“เซ่าเชิน ฉันไม่เคยเห็นด้านนี้ของคุณมาก่อนเลย” เมื่อเห็นสีหน้าเปื้อนยิ้มของถังโจวโจว ลั่วเซ่าเชินก็ไม่รู้ว่าเธอกำลังขำอะไร เพียงแต่รู้สึกว่าถังโจวโจวจะต้องกำลังขำเขาอยู่แน่  

 

 

“หยุดหัวเราะนะ” ลั่วเซ่าเชินรู้สึกเสียหน้า ทำไมถึงให้ถังโจวโจวเห็นด้านนี้ของเขาได้นะ  

 

 

แต่เดิมถังโจวโจวก็ไม่ฟังคำพูดเขาอยู่แล้ว เอาแต่ยิ้มหัวเราะและทำท่าจะหัวเราะหนักขึ้นกว่าเดิม ลั่วเซ่าเชินคิดอยากอุดปากของเธอไว้ แต่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี ภายใต้ความกดดันจึงทำได้แค่ใช้ปากตัวเองอุดปากเธอไว้  

 

 

“อุ๊บ…” ถังโจวโจวเห็นใบหน้าหล่อเหลาที่โน้มเข้ามาชิด รับรู้ได้ถึงสัมผัสบนริมฝีปากถึงได้รู้ว่าตัวเองถูกลั่วเซ่าเชินจูบเข้าเสียแล้ว ลั่วเซ่าเชินอุดปากเธอไว้ ไม่ยอมให้เธอพูดอะไรออกมาได้แม้แต่คำเดียว  

 

 

ลิ้นซอกซอนเข้าไปสำรวจ ถังโจวโจวอยากผลักเขาออกแต่กลับถูกลั่วเซ่าเชินล็อกมือเอาไว้ ร่างกายค่อยๆ อ่อนระทวยลง ถังโจวโจวรู้สึกว่าเรี่ยวแรงในร่างกายกำลังถูกลั่วเซ่าเชินดูดไป หลังจากการจูบผ่านพ้นไป ถังโจวโจวก็หน้าแดง ดวงตาเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตาราวกับเพิ่งถูกคนมอบความรักมาหยกๆ อย่างนั้น  

 

 

เธอหายใจหอบ เหมือนจะกลัวว่าลั่วเซ่าเชินจะเข้ามาใกล้อีก เมื่อลั่วเซ่าเชินถอยห่างจากเธอเธอจึงใช้มือปิดปากตัวเองไว้ ลั่วเซ่าเชินเลียริมฝีปากชิมรสชาติที่หอมหวาน ท่าทางที่มองถังโจวโจวนั้นราวกับจับจ้องศัตรูและกำลังรอคอยโอกาสให้อีกฝ่ายเผลอก็ไม่ปาน  

 

 

“ยังจะกล้าขำผมอีกไหม ผมไม่ถือสาที่จะจูบคุณอีกครั้งหรอกนะ” อย่างไรเสียเขาก็ไม่ขาดทุนอยู่แล้ว ถังโจวโจวมองเจตนาร้ายกาจของลั่วเซ่าเชินออก เธอรีบส่ายหน้าพัลวัน “อย่านะ อย่าทำอีกนะ”  

 

 

 

 

 

ตอนที่ 263 เอ่ยความในใจ  

 

 

ลั่วเซ่าเชินเห็นถังโจวโจวมีท่าทางเชื่อฟังดีก็พอใจ ตอนนี้เขาเองก็ไม่ควรทำตัวรุ่มร่ามอีก คิดถึงเรื่องที่ถังโจวโจวปรากฎตัวขึ้นในบาร์อย่างน่าสงสัย เขาจึงเอ่ยปากถาม “คุณมาที่นี่ได้ยังไง”  

 

 

“แล้วคุณล่ะ” ถังโจวโจวถามอย่างไม่เกรงกลัว  

 

 

ถ้าอยากรู้ว่าทำไมเธอถึงมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ เขาก็ควรจะบอกเรื่องของเขากับเธอก่อน ลั่วเซ่าเชินรู้ว่าถ้าเขาไม่ยอมอธิบายออกมาก่อน ถังโจวโจวคงไม่ยอมพูดแน่ ดังนั้นเขาจึงอธิบายกับเธอเสียงเบา  

 

 

“ผมมาคุยธุรกิจกับเจียงรุ่ยเฉิน หลังจากนั้นเขาก็ชวนมาดื่ม ผมก็ตกลง แต่ไม่คิดว่าเขาจะพาหันฮุ่ยซินกับเหวินมั่นมั่นมาด้วย ผมเพิ่งมาถึงได้ไม่นานเท่านั้นเอง”  

 

 

ลั่วเซ่าเชินกลัวถังโจวโจวเข้าใจผิด เพราะอย่างไรตรงนั้นก็มีผู้หญิงตั้งสองคน อย่างไรก็ต้องเกี่ยวข้องกับเขาไม่น้อย  

 

 

หันฮุ่ยซินคือแฟนเก่าของเขา และเหวินมั่นมั่นเคยมีความรู้สึกดีๆ ต่อเขา และไม่รู้ว่าถังโจวโจวรู้เรื่องนี้หรือเปล่า อย่างไรก็ควรพูดให้ชัดเจนก่อนจะดีกว่า เกิดถังโจวโจวหึงหวงขึ้นมาจะไม่ดี  

 

 

“เป็นแบบนี้จริงๆ เหรอ” ถังโจวโจยังรู้สึกสงสัยอยู่ เขาและเจียงรุ่ยเฉินคุยธุรกิจอะไรต้องมาร้านเหล้าด้วย แต่เมื่อก่อนลั่วเซ่าเชินเองก็ไม่เคยทำแบบนี้มาก่อน ถังโจวโจวจึงยังเชื่อว่าเขาไม่มีความคิดแบบนี้  

 

 

“แน่นอน โจวโจว ตอนนี้คุณบอกผมได้รึยังว่ามาที่นี่ทำไม” หลังจากลั่วเซ่าเชินอธิบายจบแล้วก็ถามเธอกลับทันที  

 

 

ถังโจวโจวคิดถึงซูอวิ๋นเสี่ยวขึ้นมา  ตอนนี้ยังบอกเรื่องนี้กับเซ่าเชินไม่ได้ เซ่าเชินต้องไม่ยอมแน่  “ฉันออกมาเที่ยวกับเพื่อนคนหนึ่งน่ะคะ ไม่คิดว่าจะมาเจอคุณที่นี่ อาการป่วยของคุณแม่เป็นยังไงบ้างคะ”  

 

 

ถังโจวโจวเองก็ไม่อยากจะพูดถึงคุณแม่ลั่วขึ้นมาหรอก แต่ในใจของเธอคิดเรื่องของคุณแม่ลั่วอยู่ตลอด กลัวว่าคุณแม่ลั่วจะเกิดเรื่อง ลั่วเซ่าเชินยังไม่ได้รับอนุญาตให้พาเธอไปเยี่ยมคุณแม่ลั่ว ยกเว้นว่าเขาจะได้ยินเรื่องของคุณแม่ลั่วจากปากลั่วอิง ถังโจวโจวเองก็ไม่มีหนทางอื่นที่จะสามารถรับรู้ข่าวสารของคุณแม่ลั่วได้เลย  

 

 

เมื่อพูดถึงคุณแม่ลั่ว ใบหน้าเปื้อนยิ้มของลั่วเซ่าเชินก็จางลงไม่น้อย “ดีนะ ตอนนี้ร่างกายค่อยๆ ฟื้นฟูแล้วล่ะ” ลั่วเซ่าเชินคิดถึงเงื่อนไขที่คุณแม่ลั่วเสนอก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดี  

 

 

ถังโจวโจวเห็นเขามองเธออย่างเหม่อลอยและเมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมองเขาเขาก็หลบตา เขาเป็นอะไร เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่เลยไม่ใช่เหรอ “เซ่าเซิน คุณมีเรื่องอะไรอยากบอกฉันไหม”  

 

 

“ไม่มี” ลั่วเซ่าเชินตอบอย่างรวดเร็ว ถังโจวโจวไม่เชื่อ แต่ลั่วเซ่าเชินไม่ยอมพูด เธอเองก็บังคับเขาไม่ได้  

 

 

“เซ่าเซิน ฉันรู้สึกว่าครั้งนี่ที่ฉันออกมา ความสัมพันธ์ของพวกเราดูเหมือนจะจางหายไปไม่น้อยเลย” ลั่วเซ่าเชินยังไม่เชื่อเธอใช่ไหม ที่จริงในใจเขาโทษเธอใช่ไหม เธอทำร้ายแม่ของเขา ไม่ว่าอย่างไรในใจของเขาก็คงเกิดเป็นปมในใจขึ้นแน่  

 

 

ถ้าวันนั้นไม่ใช่วันที่เธออาสาส่งข้อความหาเขา เขาคงลืมไปแล้วใช่ไหมว่าเธอเป็นภรรยาของเขา หรือเมิ่งชิงซีต่างหากที่เขาต้องการ  

 

 

ลั่วเซ่าเชินไม่ได้ยินถังโจวโจวตัดพ้อมานานมากแล้ว ถังโจวโจวอยู่คนเดียวคงเลี่ยงไม่ให้คิดมากไม่ได้ เธอรู้สึกว่าลั่วเซ่าเชินไม่เชื่อใจเธอเลย สุดท้ายเขาก็ส่งเธอกลับบ้านตัวเองแถมไม่พูดอะไรสักคำ แถมนานขนาดนี้แล้วลั่วเซ่าเชินยังไม่เคยมาหาเธอเลยสักครั้ง  

 

 

“ที่ไหนกัน คุณว่างเกินไปแล้วถึงได้คิดมากแบบนี้” ลั่วเซ่าเชินไม่ได้คิดอะไร ตอนนี้คุณแม่ลั่วกำลังโกรธ เขาไม่สามารถพาถังโจวโจวไปรับเคราะห์ได้ ตอนนี้เรื่องก็เกิดไปแล้ว สุขภาพของคุณแม่ลั่วก็ค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้นเรื่อยๆ สิ่งที่ลั่วเซ่าเชินต้องทำก็คือทำให้คุณแม่ลั่วหายโกรธให้ได้  

ตอนที่ 260 การล้อเล่น

 

 

เจียงรุ่ยเฉินคิดถึงที่คุณพ่อเหวินอยากให้เขาและเหวินมั่นมั่นได้แต่งงานกัน เดิมทีเจียงรุ่ยเฉินก็มีความคิดนั้น แต่ดูตอนนี้แล้ว สมองของเหวินมั่นมั่นตอนนี้ไม่รู้หายไปไหนแล้ว ผู้หญิงที่ไม่มีสมองแบบนี้จะมาเป็นภรรยาของเขาได้ยังไง คิดไม่ออกเลยจริงๆ

 

 

เพียงแต่ตอนนี้เขายังไม่อยากทะเลาะกับเหวินมั่นมั่น เจียงรุ่ยเฉินจึงเพียงข่มความโกรธของตัวเองเอาไว้ ไม่แสดงออกมา “มั่นมั่น อย่าเอาแต่ใจสิ รีบขอโทษคุณหันเร็ว”

 

 

เหวินมั่นมั่นเห็นเจียงรุ่ยเฉินบอกให้เธอขอโทษหันฮุ่ยซินก็โกรธขึ้นมาทันที “พี่รุ่ยเฉิน พี่หมายความว่ายังไงคะ ทำไมฉันต้องขอโทษเธอด้วย” นิ้วของเหวินมั่นมั่นยังชี้ไปยังหันฮุ่ยซินที่นั่งอยู่

 

 

เจียงรุ่ยเฉินไม่อยากจะสนใจเรื่องนี้ด้วยซ้ำ แต่เหวินมั่นมั่นก็เรียกชื่อเขาขึ้นมา และตัวเขาก็ไม่อยากทำเป็นไม่สนใจเหวินมั่นมั่น มันไม่สอดคล้องกับหลักการของเขาในฐานะสุภาพบุรุษ

 

 

“มั่นมั่น คุณไม่คิดว่าคุณกำลังสร้างปัญหาเหรอ ผมรู้ว่าคุณเป็นผู้หญิงที่ถูกสั่งสอนมาเป็นอย่างดี รีบขอโทษคุณหันเร็ว เพราะคุณพูดทำให้คนอื่นเสียความรู้สึก คุณก็ควรขอโทษนะ”

 

 

เจียงรุ่ยเฉินเชื่อว่าตนเองสามารถเกลี้ยกล่อมเหวินมั่นมั่นได้ เขาเชื่อว่าเหวินมั่นมั่นชอบเขา ด้วยฐานะของเขาหล่อนจะต้องยอมก้มหัวขอโทษหันฮุ่ยซินแน่ แต่เหวินมั่นมั่นคิดว่าเธอผิดอะไร ในใจไม่ยอมรับ เรื่องนี้ไม่อยู่ในขอบเขตการพิจารณาของเจียงรุ่ยเฉิน

 

 

เหวินมั่นมั่นกลับไม่ยอมเขาง่ายๆ เธอเหวินมั่นมั่นเป็นใคร ลูกสาวคนรองของบ้านตระกูลเหวิน แม้ว่าเป็นอันดับที่สอง แต่เมื่ออยู่ในสายตาของคุณพ่อเหวิน เหวินมั่นมั่นเป็นลูกสาวที่เชื่อฟังอ่อนหวานเสมอ

 

 

เมื่อเทียบกับเหวินซือหว่านแล้ว เหวินมั่นมั่นได้รับความรักมากกว่า และด้วยนิสัยของเธอก็ไม่ใช่คนที่ยอมอะไรง่ายๆ

 

 

เหวินมั่นมั่นยืนขึ้น เจียงรุ่ยเฉินยังคิดว่าเธอจะขอโทษหันฮุ่ยซิน เขายกแก้วเหล้าขึ้นตรงหน้าเหวินมั่นมั่น “มั่นมั่น รีบยกเหล้าขอโทษคุณหันเร็วสิ แล้วเรื่องจะได้จบๆ ไป”

 

 

เหวินมั่นมั่นมองแก้วเหล้าในมือเจียงรุ่ยเฉิน และมองหันฮุ่ยซินที่ไม่สนใจเธอเลยสักนิด มุมปากของเธอก็ยกยิ้มขึ้น “ในเมื่อพี่รุ่ยเฉินอยากให้ฉันทำ งั้นฉันก็โอเคค่ะ”

 

 

เหวินมั่นมั่นรับแก้วมาถือไว้ในมือ หันฮุ่ยซินไม่เชื่อว่าเหวินมั่นมั่นจะยกเหล้าขอโทษเธอ ดังนั้นเธอจึงเตรียมตัวไว้แล้ว ถ้าเหวินมั่นมั่นทำอะไรขึ้นมาเธอก็จะถอยออกในทันที

 

 

“คุณหัน เหล้าแก้วนี้ถือว่าฉันขอโทษคุณนะคะ” เหวินมั่นมั่นยกแก้วขึ้นสูง หันฮุ่ยซินมองการกระทำของเธอ พอเห็นแก้วเอียงไปข้างหนึ่งก็ลุกขึ้นทันที ถอยหลังไปหลายก้าว ไม่คิดว่าเหวินมั่นมั่นจะแค่ทำท่าทางเท่านั้น

 

 

เหวินมั่นมั่นมองท่าทางของหันฮุ่ยซินแล้วก็มองไปทางเจียงรุ่ยเฉินด้วยความโกรธ “พี่รุ่ยเฉิน พี่ดูคุณหันสิ เธอทำอย่างนี้หมายความว่าไง เธอรังเกียจฉันเหรอ งั้นฉันขอโทษไปยังจะมีความหมายอะไรอีก”

 

 

“คุณหัน คุณหมายความว่ายังไงกันแน่ มั่นมั่นขอโทษคุณอย่างจริงใจ ทำไมคุณถึงทำอย่างนี้” เจียงรุ่ยเฉินมองหานฮุ่ยซินที่ทำท่าเหมือนผู้บริสุทธิ์ หานฮุ่ยซินจึงทำได้แค่นั่งลงอีกครั้ง

 

 

เหวินมั่นมั่นเห็นหันฮุ่ยซินที่นั่งลงอย่างเชื่อฟังก็ยกยิ้มที่มุมปากอีกครั้ง “คุณหัน คุณไม่ต้องกลัว พี่รุ่ยเฉินกำลังมองอยู่ ฉันจะทำอะไรคุณได้”

 

 

“ฉันก็ไม่รู้หรอกค่ะ ฉันรู้แค่ว่าอันตรายมีอยู่รอบตัว การป้องกันตัวจึงเป็นสิ่งที่ขาดไปไม่ได้”

 

 

“โธ่ คุณหันในเมื่อคุณรู้ว่าอันตรายมีอยู่ตลอด ไม่รู้ว่าตอนที่คุณพูดใจคุณรู้สึกผิดบ้างไหมนะคะ” เหวินมั่นมั่นมองหน้าหันฮุ่ยซินน

 

 

 

 

ตอนที่ 261 อบรมสั่งสอน

 

 

เหวินมั่นมั่นเคยเห็นว่าหันฮุ่ยซินเคยลงมือกับถังโจวโจว เธอยังมีหน้ามาพูดประโยคนี้อีกเหรอ หน้าหนาๆ ของหันฮุ่ยซินทำให้เหวินมั่นมั่นรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ช่างน่าอับอายขายหน้าจริงๆ

 

 

“คุณหัน คุณอย่าลืมสั่งสอนตัวเองด้วยนะคะ ตอนนี้สภาพคุณที่เป็นแบบนี้ดูดีนักเหรอ” หันฮุ่ยซินมองเหวินมั่นมั่นที่ไม่มีศีลธรรม ทำเหมือนกับว่าเจียงรุ่ยเฉินไม่อยู่ตรงนี้

 

 

เหวินมั่นมั่นมองเจียงรุ่ยเฉินที่มองเตือนเธออยู่ เพียงรู้สึกว่าตัวเองเหมือนกำลังเลี้ยงสุนัข เจียงรุ่ยเฉินไม่ชอบเธอ ทำไมถึงต้องทำดีกับเธอตลอดด้วย หรือนี่เป็นสิ่งที่เขาอยากจะเห็นเหรอ

 

 

“เหวินมั่นมั่น คุณหันเป็นแขก ไม่ต้องทะเลาะต่อแล้ว” เจียงรุ่ยเฉินเห็นเหวินมั่นมั่นไม่มีความคิดที่จะหยุด ตอนนี้หันฮุ่ยซินยังสามารถใช้ประโยชน์ได้อยู่ เขาไม่อนุญาตให้เหวินมั่นมั่นทำร้ายหันฮุ่ยซิน

 

 

“พี่รุ่ยเฉิน ในเมื่อพี่กับคุณหันพูดแบบนี้ งั้นพวกพี่ก็คุยกับพ่อเองเถอะ ที่บ้านยังมีงาน ฉันขอตัวกลับก่อน”

 

 

ถ้าเป็นตอนปกติ เหวินมั่นมั่นต้องทำมารยาใส่เจียงรุ่ยเฉินหลังจากนั้นก็ให้เขาไปส่งเธอที่บ้าน

 

 

วันนี้ท่าทีของเจียงรุ่ยเฉินทำให้เหวินมั่นมั่นรู้สึกเหมือนถูกทอดทิ้ง เธอต้องคิดถึงอนาคตของเจียงรุ่ยเฉินกับเธออีกครั้งว่าเธอควรไปต่อไหม

 

 

ลั่วเซ่าเชินลากถังโจวโจวมาที่รถ ถังโจวโจวมองลั่วเซ่าเชินอย่างตกใจ เพียงแต่เธอไม่คิดว่าลั่วเซ่าเชินกับหันฮุ่ยซินจะอยู่ด้วยกัน นี่ทำให้เธอเสียใจมาก เดิมทีตอนที่ลั่วเซ่าเชินไม่มีเธอ เขาก็สามารถใช้ชีวิตได้ดีอยู่แล้ว

 

 

ใช่สิ ในโลกนี่ใครขาดใครไปแล้วจะใช้ชีวิตอยู่ไม่ได้ล่ะ ถังโจวโจวเสียใจที่ตัวเองรู้เหตุผลนี้ช้าไป ลั่วเซ่าเชินมองถังโจวโจวที่ไม่พูดอะไร รู้ว่าเธอต้องคิดถึงเรื่องเหลวไหลอยู่แน่ๆ “โจวโจว คุณฟังผมอธิบายก่อน”

 

 

ลั่วเซ่าเชินดึงความสนใจเธอกลับมา ถังโจวโจวทำได้แค่มองเขา “มีเรื่องอะไรก็รีบพูดมา ฉันยังมีเรื่องต้องทำอีก”

 

 

“คุณยุ่งเหรอ คุณยุ่งอะไร” ลั่วเว่าเซินคิดว่าถังโจวโจวจะปฏิเสธเขาและจะหาข้ออ้างหนีไปจากเขา

 

 

เขาก็อยากจะรู้ว่าถังโจวโจวมีเรื่องยุ่งอะไร เรื่องที่เธอมาที่บาร์คนเดียวโดยไม่มีเขา เมื่อก่อนก็สัญญากันแล้วไม่ใช่เหรอว่าจะไม่มาที่บาร์คนเดียว คงไม่ได้มาที่บาร์คนเดียวหรอกใช่ไหม หรือตอนที่เขาไม่อยู่กับเธอ เธอจะไม่เชื่อฟังกันอีกแล้ว

 

 

“ยุ่งที่ต้องหาผู้ชายไง คุณมากับผู้หญิงได้ ทำไมฉันจะหาผู้ชายไม่ได้” ถังโจวโจวพูดด้วยความโกรธ

 

 

เธอรู้ว่าพูดแบบนี้แล้วลั่วเซ่าเชินจะไม่สบายใจ ในเมื่อตอนนี้เธอไม่มีความสุข งั้นลั่วเซ่าเชินก็จงไม่มีความสุขเป็นเพื่อนเธอเถอะ ให้เขาได้รับรู้ความรู้สึกนี้เป็นเพื่อนเธอ ตอนนี้ในใจเธอโกรธมาก

 

 

“โจวโจว ถ้าแน่จริงกล้าพูดอีกครั้งไหม” คราวนี้ลั่วเซ่าเชินไม่มีรอยยิ้มในดวงตาอีก เขาเริ่มตั้งใจฟังคำพูดที่จะออกมาจากปากถังโจวโจว

 

 

เมื่อคิดถึงว่าถังโจวโจวจะไปอยู่ในอ้อมกอดผู้ชายคนอื่นแล้วทำเรื่องเหล่านั้น ลั่วเซ่าเชินก็โกรธขึ้นมา เขาต้องฆ่าผู้ชายคนนั้นตายแน่ๆ ที่มายุ่งกับคนของเขา

 

 

ลั่วเซ่าเชินบีบคางถังโจวโจว ให้เธอเงยหน้าขึ้นมองเขา ถังโจวโจวรู้สึกได้ว่าคางเจ็บแปลบ เธอไม่พูดอะไร เพียงแค่ใช้สายตาเย็นชามองลั่วเซ่าเชิน เมื่อลั่วเซ่าเชินเห็นเป็นแบบนี้ ความรู้สึกในดวงตาก็ยิ่งลึกล้ำขึ้น

 

 

ดวงตาของถังโจวโจวหดตัวลงทันที เธอไม่กล้าพูดคำนั้นออกมาอีกครั้ง “ทำไมล่ะโจวโจวไม่กล้าพูดแล้วเหรอ”

 

 

ถังโจวโจวหลบตาไม่มองลั่วเซ่าเชิน ตอนนี้เธอไม่กล้าจริงๆ นั่นแหละ เกิดลั่วเซ่าเชินทำอะไรเธอขึ้นมาคงหนีไม่ทันแน่

ตอนที่ 258 เจอคนรู้จักที่บาร์  

 

 

“ไม่มีอะไรแล้ว ฉันอยู่กับลั่วอิงได้แค่ปีเดียวเท่านั้น เรื่องก่อนหน้านี้คุณต้องไปหาเซ่าเชิน”  

 

 

“ฉันไม่อยากไปหาคนสารเลวนั่นหรอก” เมื่อพูดถึงลั่วเซ่าเชิน ไฟโกรธของซูอวิ๋นเสี่ยวก็ลุกโชนขึ้น เธอยังจำได้ดีว่าลั่วเซ่าเชินแย่งลั่วอิงไปจากมือเธอ ชั่วชีวิตนี้เธอจะไม่มีทางทำดีกับลั่วเซ่าเชินเป็นแน่  

 

 

“งั้นฉันก็หมดหนทางแล้วค่ะ ฉันเองก็รู้มาแค่นี้ ถ้าคุณจะถามอีก ฉันก็ไม่รู้จะตอบคุณยังไงเหมือนกัน” ถังโจวโจวพูดจนคอแห้งไปหมด เธอยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่มแก้กระหายไปครึ่งแก้ว ในที่สุดถึงได้หายคอแห้ง  

 

 

“งั้นก็ช่างเถอะ ฉันไม่ถามแล้ว” เมื่อซูอวิ๋นเสี่ยวคิดว่าตัวเองต้องไปก้มหัวให้ลั่วเซ่าเชิน ทั้งร่างก็เย็นวาบขึ้นมา  

 

 

“งั้นฉันกลับก่อนนะ” ในเมื่อซูอวิ๋นเสี่ยวไม่ถามอะไรอีก ถังโจวโจวก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่อีก  

 

 

“เอ๊ะ เธอจะไปแล้วเหรอ” ซูอวิ๋นเสี่ยวมองถังโจวโจวที่หยิบของขึ้นมา ดูเหมือนจะไม่ได้ล้อเล่น  

 

 

ถังโจวโจวมองท่าทางของซูอวิ๋นเสี่ยวในตอนนี้ คิดถึงตอนที่เธอเพิ่งจะพบซูอวิ๋นเสี่ยว เธอตาถั่วไปแล้วเหรอ ทำไมถึงคิดว่าซูอวิ๋นเสี่ยวเป็นเมฆขาวเสียได้ ทั้งๆ ที่เป็นเมฆดำแท้ๆ  

 

 

“ไม่ไปแล้วคุณจะให้ฉันทำอะไร อยู่เป็นเพื่อนคุณเหรอ” ถังโจวโจวลุกขึ้น หรือซูอวิ๋นเสี่ยวมีอิทธิพลต่อเธอแล้วเหรอ ในเมื่อพูดออกมาแบบนี้แล้ว ถ้าอยู่ใกล้ก็คงไม่ดี ดูเหมือนเธอจะต้องออกห่างจากซูอวิ๋นเสี่ยวหน่อยแล้ว  

 

 

“ได้นะ เธอก็ไม่ต้องไปอยู่กับลั่วเซ่าเชินอยู่แล้วนี่ อยู่กับฉันอีกหน่อยจะเป็นไรไป” ซูอวิ๋นเสี่ยวพูดจบก็เอามือปิดปากทันที ดูเหมือนเธอจะพูดสิ่งที่ไม่ควรพูดออกไป สีหน้าถังโจวโจวเปลี่ยนไปในทันที ซูอวิ๋นเสี่ยวรีบก้มหน้า อยากทำเป็นมองไม่เห็นอะไร  

 

 

“คุณรู้ได้ยังไงว่าฉันไม่ได้อยู่กับเซ่าเชิน คุณนี่มันน่าสงสัยจริงๆ เหมือนว่าคุณจะรู้ไปหมดซะทุกอย่างเลยนะ คุณเป็นใครกันแน่” ซูอวิ๋นเสี่ยวเห็นถังโจวโจวสงสัยเธอก็ลอบกลอกตา เธอแค่พูดผิดไปหน่อยเอง แล้วยังไงล่ะ  

 

 

“เฮ้อ เธออย่ามองฉันอย่างนั้นสิ ก่อนที่ฉันจะไปตามหาเธอฉันก็แค่สืบเรื่องพวกเธอมาก่อนก็เท่านั้น ต้องการให้พี่สาวช่วยเธอไหมล่ะ”  

 

 

“พี่สาวเหรอ คุณอายุเท่าไหร่แล้ว ยังกล้าเป็นพี่สาวฉันเหรอ” ถังโจวโจวเห็นซูอวิ๋นเสี่ยวยังเด็กอายุน่าจะเท่าๆ เธอ น่าจะห่างจากเธอไม่มากนัก  

 

 

“ยังไงก็แก่กว่าเธอแล้วกัน รีบเรียกพี่สาวให้ฉันฟังหน่อยเร็ว” ซูอวิ๋นเสี่ยวเชยคางถังโจวโจวขึ้นมา ถังโจวโจวตีมือเธอ “ถ้าคุณกล้าทำกับฉันแบบนี้ คุณก็อย่าคิดว่าจะได้เจอลั่วอิงอีก”  

 

 

“ได้ ได้ ได้ ไม่เรียกก็ไม่เรียก เธอไปเถอะ อย่าลืมเรื่องที่รับปากฉันไว้ด้วยนะ”  

 

 

“รู้แล้ว” ถังโจวโจวรู้สึกว่าซูอวิ๋นเสี่ยวที่เหมือนนางฟ้ากลับเป็นเหมือนแม่ที่ได้ยินแต่เสียงบ่น  

 

 

ถังโจวโจวเดินไปที่ประตู ด้านนอกเริ่มครึกครื้นขึ้นมาแล้ว ผู้คนที่ผ่านการทำงานมาอย่างหนักทั้งวัน เมื่อมาร้านเหล้าก็เตรียมที่จะผ่อนคลาย ถังโจวโจวเดินไปตรงขอบนอกของบาร์ เตรียมที่จะออกไป แต่น่าเสียดายที่หูของเธอได้ยินเสียงคนรู้จักดังแว่วมา  

 

 

“อาเชิน วันนี้ออกมาก็ผ่อนคลายหน่อยสิ อย่าทำหน้าดำคร่ำเครียด” เมื่อถังโจวโจวได้ยินก็เงยหน้าขึ้นมองทันที พบว่าหันฮุ่ยซิน ลั่วเซ่าเชิน เหวินม่านม่านและยังมีชายอีกคนที่คุ้นตา ทุกคนนั่งอยู่ด้วยกัน  

 

 

   

 

 

ตอนที่ 259 คนคุ้นเคย  

 

 

และเมื่อผู้ชายที่รู้สึกคุ้นมากคนนั้นเริ่มพูด ถังโจวโจวก็จำได้ทันทีว่าเขาคือใคร เขาคือเจียงรุ่ยเฉินที่อยู่กับหันฮุ่ยซินครั้งก่อนไม่ใช่เหรอ  

 

 

“คุณลั่ว คุณหันเชิญอย่างอบอุ่นขนาดนั้น คุณลั่วน่าจะเห็นแก่หน้าเขาหน่อยนะ” ลั่วซ่าเชินนั่งอยู่ตรงนั้น ไม่ขยับ  

 

 

วันนี้เขาถูกเจียงรุ่ยเฉินลากมาที่นี่ ไม่คิดว่าเจียงรุ่ยเฉินจะพาหันฮุ่ยซินและเหวินมั่นมั่นมาด้วย เขากลัวจริงๆ ว่าผู้หญิงสองคนนี้จะทะเลาะกันขึ้นมา  

 

 

ลั่วซ่าเชินไม่ได้ดื่มเหล้า เจียงรุ่ยเฉินเห็นลั่วซ่าเชินไม่ไว้หน้ากันขนาดนี้ ใบหน้าที่ยังหัวเราะก็ค่อยๆ หยุดลง เหวินมั่นมั่นไม่ได้รับการตอบกลับจากลั่วซ่าเชิน ความกระตือรือร้นในใจก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเยือกเย็น   

 

 

“พี่เซ่าเชิน วันนี้รุ่ยเฉินเชิญพี่มาอย่างจริงใจ พวกพี่เองก็รู้จักกัน ทำไมถึงไม่ไว้หน้าเขาบ้างล่ะคะ”  

 

 

เจียงรุ่ยเฉินได้ยินเหวินมั่นมั่นพูดก็ยิ้มขอบคุณเธอทันที เมื่อเหวินมั่นมั่นได้รับรอยยิ้มตอบกลับก็คิดว่าหันฮุ่ยซินจะเอาอะไรมาสู้เธอ  

 

 

สำหรับเจียงรุ่ยเฉินที่วันนี้พาหันฮุ่ยซินมาด้วย ที่จริงในใจเหวินมั่นมั่นก็โกรธมาก แต่เธอไม่อยากทำให้เจียงรุ่ยเฉินเสียหน้าต่อหน้าคนอื่น ดังนั้นจึงอดทนไว้ หันฮุ่ยซิน  

 

 

ลั่วซ่าเชินไม่อยากสนใจเจียงรุ่ยเฉิน เมื่อคิดอยากจะขอแยกตัวก็หันกลับไปและเห็นว่าถังโจวโจวยืนอยู่ และเมื่อถังโจวโจวเห็นว่าลั่วซ่าเชินเห็นเธอ ก็ไม่รู้ทำไม เธอตกใจกลัวและรีบวิ่งออกไปนอกประตูบาร์ทันที  

 

 

ลั่วซ่าเชินเห็นถังโจวโจวเห็นเขาก็วิ่งหนี ในใจรู้สึกไม่พอใจ และไม่ได้สนใจพวกเจียงรุ่ยเฉินอีก ได้แต่ตามถังโจวโจวออกไป  

 

 

หันฮุ่ยซินกำมือตัวเองแน่น กัดฟันตัวเองอย่างไม่รู้ตัว ในสายตาเขามีเธออยู่สักนิดไหม เมื่อกี้พูดไปตั้งมากมาย เขาไม่สนใจเธอแม้แต่น้อย เมื่อเห็นถังโจวโจวก็รีบตามเธอแกไปทันที  ลั่วซ่าเชิน คุณมันใจร้ายจริงๆ  

 

 

หันฮุ่ยซินพบว่าตัวเองโกรธก็เรียกสติกลับมาทันที ทำไมเธอกลายเป็นคนโกรธง่ายอย่างนี้ เธอสัญญากับตัวเองไว้แล้ววว่าต้องใจเย็น ให้ลั่วซ่าเชินคิดว่าเธอแสนดี เมื่อเรียกความรู้สึกเมื่อก่อนกลับมาได้แล้ว มันก็ง่ายที่จะเอาชนะถังโจวโจว  

 

 

แต่วันนี้เธอสูญเสียการควบคุมตัวเอง นี่ไม่ใช่เรื่องดีสำหรับเธอจริงๆ   

 

 

สายตาของหันฮุ่ยซินจ้องเจียงรุ่ยเฉินนิ่ง ตกอยู่ในความคิดของตัวเอง แต่จากที่เหวินมั่นมั่นมองก็คือหันฮุ่ยซินไม่มียางอายเลยสักนิด กล้าคิดไม่ซื่อกับเจียงรุ่ยเฉิน ตอนนี้ต่อหน้าเธอแท้ๆ ก็ยังกล้วยั่วยวนรุ่ยเฉิน  

 

 

เหวินมั่นมั่นรู้สึกว่าต้องสั่งสอนหันฮุ่ยซินสักหน่อย “คุณหัน คุณลั่วก็ไปแล้ว คุณไม่ร้อนใจเหรอ”  

 

 

“คุณเหวิน โจวโจวเป็นภรรยาของอาลั่ว ทำไมคุณพูดอย่างนี้ล่ะคะ ไม่มีมารยาทเลยนะ” หันฮุ่ยซินไม่เคยอ่อนโยนกับเหวินมั่นมั่นมาแต่ไหนแต่ไร บ้านตระกูลเหวินเลี้ยงลูกให้เป็นคนหัวอ่อน  ไม่มีทางที่หล่อนจะมาหาเรื่องทะเลาะกับเธอได้  

 

 

“เธอ…” เหวินมั่นมั่นโกรธจนหน้าแดง ทำไมเธอถึงเสียเปรียบให้หันฮุ่ยซินแบบนี้นะ เหวินมั่นมั่นหันมามองเจียงรุ่ยเฉิน “พี่รู่ยเฉิน พี่ดูคุณหันสิ ฉันแค่พูดไม่กี่คำ เธอก็ว่าฉันแล้ว”  

ตอนที่ 256 ความเกลียดชังร่วมกัน     

 

 

“งั้นคุณเอาเรื่องนี้มาบอกฉันทำไม คุณมีจุดประสงค์อะไร” ถังโจวโจวไม่เข้าใจ ถึงแม้เรื่องนี้จะฟังแล้วเศร้ามาก แต่ทำไมถึงเอาเรื่องนี้มาบอกเธอ ซูอวิ๋นเสี่ยวอยากได้อะไรจากเธอ

 

 

“ฉันอยากเจอลั่วอิง ที่จริงฉันก็เคยแอบไปมองเธออยู่หลายครั้ง เพียงแต่เธอไม่รู้เท่านั้น”

 

 

“ที่แท้คนที่ตามพวกเราเมื่อวันก่อนก็คือคุณ” ตอนนั้นเธอไม่ได้เข้าใจผิด มีคนจ้องมองพวกเธออยู่จริงๆ เพียงแต่หาไม่เจอ เมื่อตอนนี้ถังโจวโจวคิดได้และรู้สึกว่าตัวเองมีความระวังตัวน้อยไป

 

 

ซูอวิ๋นเสี่ยวก็ยอมรับมัน “ลั่วเซ่าเซินดูแลลั่วอิงดีมาก เดิมทีฉันไม่มีโอกาสเข้าใกล้เธอ ดังนั้นทำได้แค่มาหาคุณ”

 

 

ซูอวิ๋นเสี่ยวเผชิญหน้าถังโจวโจว หลังจากการสอบสวน ถ้าถังโจวโจวคือคนที่นิสัยไม่ดี เดิมทีซูอวิ๋นเสี่ยวก็ไม่อยากบอกให้เธอรู้ว่ามีซูเสี่ยวอยู่

 

 

“คุณแค่อยากเจอลั่วอิงเหรอ” แม้ถังโจวโจวไม่อยากคิดไม่ดี แต่เหตุผลก็ดูไม่ค่อยน่าเชื่อเท่าไหร่ ผู้หญิงคนนี้พูดถึงเรื่องในอดีตอย่างง่ายดายเพียงเพื่อแค่เจอหน้าลั่วอิงเหรอ ดูเหมือนไม่ปกติเท่าไหร่

 

 

“คุณไม่ต้องคิดมาก ฉันไม่ได้มีเจตนาไม่ดี” ซูอวิ๋นเสี่ยวยังไม่เปลี่ยนความคิดที่มีต่อถังโจวโจว ถ้าถังโจวโจวเชื่อง่ายๆ เธอจะต้องสงสัยเกี่ยวกับสมองถังโจวโจวแล้ว ทำไมถึงเชื่อคนแปลกหน้าง่ายขนาดนี้ ลั่วอิงจะอยู่กับพวกเขาอย่างปลอดภัยได้ยังไง

 

 

“คุณเข้าใกล้ลั่วอิงไม่ได้ก็เป็นเรื่องปกติ เพราะตั้งแต่ครั้งก่อนที่ลั่วอิงถูกลักพาตัว เซ่าเชินก็รักษาความปลอดภัยให้เธอมากขึ้น มาเรียนก็จะมีบอดี้การ์ดตาม คุณไม่ถูกเขาพบก็ถือว่าโชคดีมากแล้ว”

 

 

การมีบอดี้การ์ดที่เป็นความลับ อาจเป็นเพราะซูอวิ๋นเสี่ยวไม่ได้แสดงตัว ดังนั้นบอดี้การ์ดไม่ได้จัดการกับเธอเหมือนศัตรู

 

 

ซูอวิ๋นเสี่ยวได้ยินถังโจวโจวอธิบายก็ถามอย่างร้อนรน “ลักพาตัวเหรอ เกิดเรื่องนี้ได้ยังไง” เดิมทีที่เธอมาหาลั่วอิงก็เพราะคิดถึง ถ้าลั่วเซ่าเชินไม่ดีต่อเธอ เธอก็จะมีเหตุผลพาลั่วอิงไป

 

 

แต่หลังจากได้ยินว่าลั่วเซ่าเชินใส่ชื่อลั่วอิงภายใต้ชื่อของตัวเองซูอวิ๋นเสี่ยวก็โกรธมาก ลั่วอิงไม่ใช่ลูกสาวที่ควรเปิดเผยเหรอ เดิมทีเธอเป็นลูกของซูเสี่ยวและลั่วเซ่าอวี๋ที่ควรเป็นที่รู้จัก ทำไมถึงได้มีสถานะแบบนี้

 

 

ต่อมาเมื่อคิดให้ดี อาจเพราะตอนนั้นลั่วเซ่าเชินไม่มีวิธี ท้ายที่สุดต้องให้ลั่วอิงได้กลับสู่ครอบครัวจึงทำได้เพียงใช้ชื่อของลั่วเซ่าเชิน ถ้าให้คุณแม่ลั่วรู้ว่าลั่วอิงเป็นลูกของซูเสี่ยวก็ยังไม่รู้ว่าท่านจะรับเด็กคนนี้ไว้ไหม

 

 

ถังโจวโจวพูดเรื่องที่ลั่วอิงถูกลักพาตัวไป เล่าเรื่องที่น่าตกใจนี่ให้ซูอวิ๋นเสี่ยวฟัง หลังจากการสนทนาสั้นๆ ถังโจวโจวก็รู้สึกว่าซูอวิ๋นเสี่ยวก็ไม่ได้พูดโกหก เธออยากเจอลั่วอิงจริงๆ อาจจะอยากรู้ความเป็นอยู่ในช่วงนี้ของลั่วอิง

 

 

ซูอวิ๋นเสี่ยวเกลียดคนร้ายจนกัดฟันตัวเองกรอด “คนพวกนี้โหดร้ายอย่างนี้ได้ยังไง ทำไมทำกับเด็กเล็กขนาดนี้ได้ ครั้งหน้าถ้าฉันเจอ ฉันจะสั่งสอนมันให้หลาบจำแน่”

 

 

“เกรงว่าคุณจะไม่มีโอกาสนี้” คนร้ายไม่รู้หนีไปไหนแล้ว ซูอวิ๋นเสี่ยวอยากเจอเขา คิดว่าตลอดชีวิตนี้ก็คงหาไม่เจอ นอกจากนี้จะเจอคนร้ายก็ไม่ใช้เรื่องดี เพราะเหมือนการหาเรื่องใส่ตัวมากกว่า

 

 

ความเกลียดชังร่วมกันของซูอวิ๋นเสี่ยวเวลานี้ทำให้ถังโจวโจวรู้สึกว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองคนดีขึ้นมาหน่อย ไม่เหมือนตอนที่เพิ่งเจอกันแล้วเป็นคนแปลกหน้า ทั้งสองคนเหมือนเจอเพื่อนอย่างกะทันหัน และความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาคือลั่วอิงนั่นเอง

 

 

 

 

ตอนที่ 257 ความเกลียด

 

 

“ฉันก็พูดไปงั้นๆ ฉันเองก็รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ เพียงแต่คนร้ายน่ารังเกียจจริงๆ ไม่รู้ว่าลั่วอิงต้องได้รับความลำบากขนาดไหน ลั่วเซ่าเชินนี่เชื่อถือไม่ได้” ซูอวิ๋นเสี่ยวเอาความเกลียดที่มีต่อคนร้ายไปลงที่ลั่วเซ่าเชิน

 

 

เธอยังจำได้ตอนแรกลั่วเซ่าเชินแย่งลั่วอิงไปจากมือเธอ แม้เขาจะทำเพื่อลั่วอิง แต่พฤติกรรมส่วนตัวของลั่วเซ่าเชินทำให้ซูอวิ๋นเสี่ยวรับไม่ได้ ตอนแรกซูเสี่ยวเอาลูกมาให้เธอดูแล ลั่วเซ่าเชินมาแย่งไปได้อย่างไร

 

 

“คุณอยากจะเจอลั่วอิงเมื่อไหร่”

 

 

“ยิ่งเร็วยิ่งดี แต่ช้าหน่อยก็ไม่เป็นไร คุณลองพูดถึงฉันต่อหน้าลั่วอิงดูก่อนก็ได้ ให้เธอได้เตรียมใจ” ซูอวิ๋นเสี่ยวคิดถึงว่าเมื่อเห็นลั่วอิงบอดี้การ์ดก็เคลื่อนไหวแล้ว ห้าปีแล้ว ในที่สุดเธอก็จะได้เจอสุดที่รักของเธอแล้ว

 

 

ในที่สุดเธอก็ไม่ได้ทำผิดต่อสิ่งที่ซูเสี่ยวฝากฝังไว้ แม้ว่าในห้าปีนี้ลั่วเซ่าเชินคนนั้นจะดูแลลั่วอิงแทนเธอ แต่เขามาหาเธอเอง ซูเสี่ยวจะโทษเธอไม่ได้นะ

 

 

“ได้ พอถึงเวลาฉันจะติดต่อคุณไป” ถังโจวโจวมองเวลา เธออยู่ที่นี่นานมากแล้ว ควรจะกลับแล้ว ไม่อย่างนั้นคุณพ่อถังคุณแม่ถังคงจะโทรตามเธอ

 

 

“คุณจะกลับแล้วเหรอ” ซูอวิ๋นเสี่ยวรู้สึกว่าถังโจวโจวเป็นคนดีคนหนึ่ง ไม่อยากให้เธอกลับไปเร็ว “คุณจะอยู่คุยเรื่องลั่วอิงในช่วงเวลาที่ผ่านมาได้ไหม”

 

 

แววตาซูอวิ๋นเสี่ยวส่องแสงระยิบระยับด้วยความอิจฉา จู่ๆ ถังโจวโจวก็รู้สึกว่าถ้าปฏิเสธเธอคงเป็นเรื่องที่โหดร้ายมาก ในใจรู้สึกว่าซูอวิ๋นเสี่ยวมองความสับสนของถังโจวโจวออกจึงพูดขึ้นทันที

 

 

“โจวโจว คุณตกลงไหม” ผ่านไปครู่หนึ่งก็เปลี่ยนจากคุณถังเป็นโจวโจวแล้ว นี่เร็วเกินไปไหม ถังโจวโจวรู้สึกว่าซูอวิ๋นเสี่ยวรู้ว่าเป็นยังไง และเธอหน้าหนามาก นี่เป็นสิ่งที่ทำให้ถังโจวโจวและเธอได้คุยกันต่อ

 

 

“ได้ค่ะ คุณไม่ต้องเขย่าแล้ว” ก่อนที่ถังโจวโจวจะสะบัดมือ ซูอวิ๋นเสี่ยวก็ดึงมือกลับมา

 

 

ในหนึ่งชั่วโมงมานี้ ถังโจวโจวเองก็พูดเรื่องราวทั้งหมดออกมา และซูอวิ๋นเสี่ยวถามขึ้นบางครั้ง ถังโจวโจวทำได้แค่พูดเรื่องราวของลั่วอิงให้เธอฟัง แต่เธอก็เหมือนยังไม่พอใจ

 

 

“โจวโจว เล่าอีกหน่อยเถอะ ลั่วอิงน่ารัก เพราะเป็นลูกอาซู มันเลยพิเศษมาก”

 

 

ซูอวิ๋นเสี่ยวรู้สึกว่าถังโจวโจวก็เป็นคนที่มีความสามารถมากคนหนึ่ง เท่าที่เธอรู้ ตอนแรกเมื่อถังโจวโจวและลั่วเซ่าเชินอยู่ด้วยกันก็รู้อยู่แล้วว่ามีลั่วอิงอยู่

 

 

และคนนอกก็คิดว่าลั่วอิงคือลูกแท้ๆ ของลั่วเซ่าเชิน แม้ว่าไม่รู้ว่าใครเป็นแม่ แต่มีคนอยู่น้อยมากที่รู้ว่าแท้จริงแล้วพ่อลั่วอิงคือใคร และถังโจวโจวก็ยังตอบตกลงอยู่กับลั่วเซ่าเชินได้ นี่ทำให้ซูอวิ๋นเสี่ยวรู้สึกว่ามหัศจรรย์มาก

 

 

หลังจากนั้นเธอก็คิดได้ว่า เพราะลั่วอิงของเธอทำให้ถังโจวโจวประทับใจแน่ๆ

 

 

“ฮ่าๆๆ….” จู่ๆ ถังโจวโจวก็ได้ยินซูอวิ๋นเสี่ยวหัวเราะขึ้นมา

 

 

“คุณขำอะไร” ถังโจวโจวรู้สึกว่าซูอวิ๋นเสี่ยวซึ่งไม่มีเหตุผล หรือเธอพูดเรื่องน่าขำอะไรเหรอ เมื่อกี้เธอไม่ได้พูดอะไรนะ

 

 

“ไม่มีอะไร คุณพูดเรื่องลั่วอิงอีกหน่อยเถอะ ฉันอยากรู้มากกว่านี้” ซูอวิ๋นเสี่ยวรู้สึกว่าสิ่งที่ถังโจวโจวพูดมาเธอยังไม่พอใจ

ตอนที่ 254 ซูอวิ๋นเสี่ยว

 

 

ถังโจวโจวได้รับข้อความบางอย่าง มันเขียนว่าให้เธอไปในที่ที่เธอไม่รู้จัก และเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับลั่วอิง

 

 

ถังโจวโจวไม่ลังเล ไปที่บาร์ตามข้อความ ตอนหนึ่งทุ่มคนในบาร์ยังไม่เยอะ แต่บรรยากาศก็ครึกครื้น เมื่อค่ำคืนมาถึงทุกอย่างในบาร์ก็ร้อนแรงขึ้น

 

 

ข้อความบอกว่าต้องไปที่ห้องสองศูนย์หนึ่ง เธอเคาะประตูแต่ไม่ได้ยินเสียงคนตอบรับ ถังโจวโจวมองดูเลขป้ายห้อง เป็นสองศูนย์หนึ่งไม่ผิดแน่ เธอค่อยๆ ผลักประตูเข้าไปพอให้มีช่องว่างเล็กน้อย ข้างในพลันมีเสียงหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้น “ในเมื่อคุณมาถึงแล้วก็เข้ามาเลยค่ะ”

 

 

ตอนนี้ถังโจวโจวก็ไม่แอบซ่อนอีกต่อไป เธอเปิดประตูเข้าไป แสงในห้องมืดสลัวจึงมองเห็นใบหน้าของหญิงสาวได้ไม่ชัดเจน ถังโจวโจวนึกถึงเสียงที่ได้ยินคิดว่าอายุน่าจะประมาณสามสิบปีได้

 

 

“คุณคือใคร คุณรู้ใช่ไหมว่าพ่อแม่แท้ๆ ของลั่วอิงคือใคร” ถังโจวโจวค่อยๆ เดินตรงเข้าไปและหยุดอยู่ห่างจากหญิงสาวตรงหน้าหนึ่งเมตร

 

 

หญิงสาวนั่งอยู่ในความมืด ถังโจวโจวรู้แค่ว่ามีคนนั่งอยู่ตรงนั้น แต่เธอก็ไม่ขยับตัว ทำให้ถังโจวโจวมองไม่เห็นใบหน้าเธอ

 

 

“คุณถังต้องสนใจแน่” แสงเจิดจ้าสว่างขึ้น ถังโจวโจวก็ใช้มือป้องตาทันที จู่ๆ แสงก็สว่างขึ้น ทำให้ดวงตาเธอมีน้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว

 

 

หลังจากสายตาปรับสภาพได้ ถังโจวโจวก็มองไปยังหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงหน้าคนนี้ เสื้อสีดำ กางเกงยีนส์สีน้ำเงิน ใบหน้าแต่งแต้มอ่อนๆ เส้นผมสีดำเงายาวลงมาจนถึงหน้าอก ดูเหมือนอายุยังน้อย ถังโจวโจวรู้สึกว่าตัวเองเดาอายุเธอแก่ไป

 

 

“รู้สึกยังไงบ้าง” หญิงสาวพูดกับถังโจวโจว ท่าทางเหมือนรอให้ถังโจวโจวมองสำรวจเธอเสร็จแล้วจึงค่อยพูดออกมา

 

 

“สวยมากค่ะ ดูเด็กมากด้วย” ความจริงเมื่อมองดูแล้ว คุณอาจจะคิดว่าหญิงสาวคนนี้เป็นเพียงคนทั่วไป แต่เมื่อมองดูให้ละเอียดจะค้นพบว่าหญิงสาวมีความงามที่คนอื่นไม่มี เป็นความงามเฉพาะบุคคลที่ยิ่งมองก็ยิ่งสวย

 

 

“คุณถังปากหวานจริงๆ ฉันจะแนะนำตัวก่อนนะคะ ฉันชื่อซูอวิ๋นเสี่ยวค่ะ” ซูอวิ๋นเสี่ยวยื่นมือออกมา ถังโจวโจวไม่ได้จับตอบ แม้ว่าผู้หญิงตรงหน้าไม่ได้มีเจตนาร้าย แต่ตอนนี้อะไรก็ไม่ชัดเจน ถังโจวโจวก็ทำได้แค่ระวังหญิงสาวไว้ก่อน

 

 

ซูอวิ๋นเสี่ยวเห็นถังโจวโจวไม่ได้จับมือตอบก็ไม่ได้รู้สึกขัดเขินอะไรและค่อยๆ ดึงมือกลับ “คุณถัง ลั่วอิงสบายดีไหมคะ”

 

 

ซูอวิ๋นเสี่ยวพูดถึงลั่วอิงขึ้นมา เธอทำให้ถังโจวโจวสงสัย “คุณเป็นอะไรกับลั่วอิง”

 

 

หรือเธอเป็นแม่แท้ๆ ของลั่วอิง แต่มองดูแล้วไม่เหมือน ถังโจวโจวอดไม่ได้ที่จะนึกถึงเทียบภาพซูอวิ๋นเสี่ยว ตอนลั่วอิงยิ้มก็เหมือนเธออยู่

 

 

ถังโจวโจวไม่คิดว่าบนโลกนี้จะมีเรื่องบังเอิญแบบนี้อยู่ ถังโจวโจวเก็บความสงสัยของตัวเองไว้ แต่เธอไม่ได้คิดจะไปสืบหา เพราะไม่จำเป็นต้องให้เธอลงมือก็ไม่แน่ว่าจะมีคนมาช่วยไขปริศนานี้แทนเธอ ดูสิ อย่างไรคนก็มาอยู่ตรงหน้านี้แล้วไม่ใช่เหรอ

 

 

“ฉันไม่ได้เป็นอะไรกับลั่วอิง ฉันแค่เกี่ยวข้องกับแม่แท้ๆ ของลั่วอิงเท่านั้น” ซูอวิ๋นเสี่ยวก็ไม่ได้ปิดบังอะไร ตรงกันข้ามกลับพูดออกมาอย่างชัดเจน เป้าหมายที่เธอมาในวันนี้ก็เพื่อบอกความจริงกับถังโจวโจว

 

 

ถังโจวโจวก็ไม่ได้ถามอีก รอให้ซูอวิ๋นเสี่ยวพูดออกมาเอง ในใจเธอมั่นใจเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว ว่าแม่ลั่วอิงคือซูเสี่ยว

 

 

 

 

ตอนที่ 255 แม่ซูเสี่ยวของลั่วอิง

 

 

ซูเสี่ยวกับซูอวิ๋นเสี่ยว ทั้งสองชื่อนี้เพิ่มคำมาแค่คำเดียว และเธอก็บอกเองว่าเกี่ยวข้องกับแม่ของลั่วอิง หรือพวกเธอเป็นพี่น้องกัน ถ้าทั้งสองคนเป็นพี่น้องกัน ทำไมซูอวิ๋นเสี่ยวบอกว่าเธอไม่ได้เป็นอะไรกับลั่วอิง

 

 

“คุณถัง พวกเรานั่งกันก่อนเถอะค่ะ ฉันจะอธิบายข้อสงสัยในใจคุณเอง” ซูอวิ๋นเสี่ยวแสดงการเชื้อเชิญ ถังโจวโจวจึงนั่งลง

 

 

“คุณคงจะสงสัยมากว่าแม่ของลั่วอิงคือใคร”

 

 

ไม่ต้องให้ถังโจวโจวตอบ ซูอวิ๋นเสี่ยวก็พูดขึ้น “ฉันยังจำเรื่องเมื่อหกปีก่อนได้ดี ตอนนั้นเธอบอกกับฉันอย่างดีอกดีใจว่าเธอได้พบกับผู้ชายที่เธอรักมากและทั้งสองคนเตรียมที่จะอยู่ด้วยกัน”

 

 

“ตอนนั้นฉันก็ดีใจแทนเธอ สุดท้ายก็เหมือนว่าพวกเราต่างได้พบกับคนที่ดี มันช่างไม่ง่ายเลย ฉันยังจำรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอในตอนนั้นได้ มันเหมือนว่าเธอได้โลกทั้งโลกมาไว้ในมือ ไม่มีความทุกข์ ไม่มีความโกรธ มีเพียงการรอคอยวันพรุ่งนี้”

 

 

ถังโจวโจวมองซูอวิ๋นเสี่ยวที่เริ่มคิดถึงความทรงจำในอดีต และไม่ได้ขัดจังหวะเธอ เพราะเธอเองก็สงสัยว่าแม่ของลั่วอิงที่แท้เป็นคนอย่างไรกัน

 

 

“คุณอาจจะคิดว่า คนอย่างพวกเรานี่มันยังไงกันนะ กับอีแค่เจอคนที่ดีกับตัวเองทำไมต้องมีความสุขด้วย”

 

 

“คุณไม่เข้าใจ คนที่อยู่ในบาร์เหมือนเรา การที่ต้องเผชิญหน้ากับคนทุกประเภททุกๆ วันและยังสามารถรักษาจิตใจดั้งเดิมของตัวเองไว้ได้นั้นมันสำคัญแค่ไหน”

 

 

“และแม่ของลั่วอิงก็เป็นคนอย่างนี้ แม้ว่าจะเป็นผู้หญิงในร้านเหล้าแต่เธอไม่เคยมีปมด้อยในอาชีพของเธอ เธอแค่ตั้งใจที่จะทำงานหาเงิน หาเงินให้ได้เยอะๆ”

 

 

“แล้วยังไงต่อคะ” ถังโจวโจวเชื่อว่าเรื่องนี้ต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นกับตัวเอกและคนรักของเธอแน่ บางทีเพราะเหตุนี้ถึงได้มีลั่วอิงขึ้นมา

 

 

“ผู้ชายคนนั้นเป็นคนที่รวยมาก แต่ตอนแรกเธอไม่รู้ หลังจากนั้นผู้ชายคนนั้นก็ตัดสินใจพาเธอกลับบ้านเพื่อแนะนำตัวกับพ่อแม่และพูดถึงเรื่องแต่งงานกับเธอ แต่น่าเสียดายที่พ่อแม่ไม่ยินยอม ตอนนั้นเธอถึงได้รู้ว่าครอบครัวผู้ชายคนนี้มีชื่อเสียงขนาดนี้”

 

 

“แม่ของผู้ชายไล่เธอไป ให้ไปจากลูกชายของหล่อน บอกว่าเธอไม่เหมาะกับเขา แต่เธอกลับไม่ย่อท้อ ในที่สุดพวกเขาก็ตัดสินใจที่จะหนีไปอยู่ด้วยกัน แต่ผู้ชายคนนั้นกลับตายในอุบัติเหตุ ทิ้งเธอและลูกอีกคนในท้องเอาไว้อย่างโดดเดี่ยว”

 

 

ถังโจวโจวฟังถึงตอนนี้ก็มั่นใจแล้วว่าเรื่องนี้ตัวเอกคือซูเสี่ยว และผู้ชายคนนั้นคือลั่วเซ่าอวี๋พี่ชายของเซ่าเชิน

 

 

“แม่ของลั่วอิงคือซูเสี่ยวใช่ไหม”

 

 

“คุณรู้ได้ยังไง” ซูอวิ๋นเสี่ยวมองถังโจวโจวอย่างประหลาดใจ และค่อยๆ กลับมาสงบนิ่งอีกครั้ง “คุณจะรู้ก็ไม่แปลก ตอนนี้คุณเป็นภรรยาของลั่วเซ่าเชิน รู้ชื่อของซูเสี่ยวก็ไม่แปลก”

 

 

“งั้นคุณเป็นอะไรกับซูเสี่ยว ทำไมชื่อคุณถึงคล้ายกัน” ถังโจวโจวถามเสียงเบา ซูเสี่ยว ซูอวิ๋นเสี่ยว สองคนนี้คล้ายกัน มีความสัมพันธ์อะไรกัน

 

 

“ฉันเป็นเพื่อนเล่นกับเธอมาตั้งแต่เล็กจนโต ตอนนั้นฉันก็เลี้ยงลั่วอิงมาตั้งแต่เกิด เพียงแต่ต่อมาลั่วเซ่าเชินพบเข้า หลังจากนั้นเขาเลยพาลั่วอิงไป ตอนนั้นฉันก็ไม่ยอม แต่ลั่วเซ่าเชินให้เหตุผลหนึ่งกับฉันจนฉันปฏิเสธไม่ได้”

 

 

ในดวงตาซูอวิ๋นเสี่ยวค่อยๆ มีหยาดน้ำตารื้นขึ้น เธอคิดถึงตอนนั้นที่ซูเสี่ยวตายและได้กุมมือที่ค่อยๆ เย็นเยียบของเธอเอาไว้ ภาพที่ซูเสี่ยวยิ้มขณะจากไปเพราะเธอรู้ว่าอีกไม่นานเธอจะได้พบกับลั่วเซ่าอวี๋แล้ว

ตอนที่ 252 โทรศัพท์หาแม่โจวโจว

 

 

     “ไม่ต้องร้องค่ะๆ คุณหนู ผู้หญิงนิสัยไม่ดีคือใครคะ” ตอนที่ลั่วอิงพูดถึงผู้หญิงนิสัยไม่ดีคนนั้น สีหน้าดูรังเกียจเธอมาก ป้าหลิวจึงสงสัยเป็นพิเศษ

 

 

“ผู้หญิงนิสัยไม่ดีก็คือผู้หญิงนิสัยไม่ดี ป้าหลิวคะ หนูหิวข้าวมากเลยค่ะ” ลั่วอิงพูดจบ ท้องก็ร้องขึ้นมาทันที ป้าหลิวจึงหลุดหัวเราะออกมา

 

 

“ดูเหมือนว่าคุณหนูจะหิวมากแล้วจริงๆ เดี๋ยวป้าจะรีบไปทำของกินมาให้เลยค่ะ ตอนนี้กินคุกกี้รองท้องไปก่อนนะคะ”

 

 

ลั่วอิงเห็นป้าหลิวเข้าไปในครัว ความอึดอัดใจของเธอยังคงไม่จางหายไป เธอคิดถึงถังโจวโจวขึ้นมา แล้วเธอก็วิ่งไปที่โทรศัพท์ทันที เธอกดเลขทั้งหมดที่จำได้ลงไป  ตื๊ดๆๆ…

 

 

รออยู่นานกว่าถังโจวโจวจะรับสาย “ฮัลโหล ป้าหลิว มีเรื่องอะไรหรือคะ” ถังโจวโจวเห็นเบอร์ที่บ้านโทรมา เธอจึงคิดว่าป้าหลิวโทรหาเธอ

 

 

“แม่โจวโจวขา…” ลั่วอิงยังพูดไม่ทันจบ ก็ร้องไห้ใส่โทรศัพท์เสียแล้ว

 

 

ถังโจวโจวร้อนรนใจขึ้นมาทันที “ลั่วอิง อย่าร้องไห้นะ แม่โจวโจวอยู่นี่ อย่าร้องค่ะ”

 

 

ถังโจวโจวไม่คิดว่าลั่วอิงจะโทรมา  เธอไม่ได้ไปเยี่ยมคุณแม่ลั่วหรอกหรือ ทำไมถึงกลับมาแล้ว  ถังโจวโจวหันไปมองนาฬิกา

 

 

คุณแม่ถังและคุณพ่อถังเห็นถังโจวโจวเดินไปที่ระเบียง เมื่อครู่เหมือนจะได้ยินเธอเรียกชื่อลั่วอิง จึงตามไปถามถังโจวโจว “โจวโจว ลั่วอิงโทรมาเหรอ”

 

 

“แม่คะ อีกเดี๋ยวค่อยคุยนะคะ” ถังโจวโจวไม่อยากให้คุณแม่ถังพูดสายกับลั่วอิงตอนนี้ ไม่อย่างนั้นความลับของเธออาจจะถูกเปิดเผยได้

 

 

ถังโจวโจวเปลี่ยนไปแอบคุยที่ห้องของตัวเอง เธอล็อกประตูก่อนจะหันมาคุยกับลั่วอิงในสาย “อย่าร้องนะคะ ลั่วอิง ถ้าลั่วอิงยังร้อง แม่โจวโจวจะไม่รักแล้วนะ”

 

 

“หนูไม่ร้องแล้วค่ะ แม่โจวโจวขา วันนี้หนูคุยเรื่องคุณแม่กับคุณย่า แต่คุณย่ากลับต่อว่าหนู” ลั่วอิงเล่าอย่างเจ็บปวดถึงสาเหตุที่ทำให้เธอร้องไห้

 

 

ถังโจวโจวได้ยินอย่างนั้น ก็เงียบไปพักหนึ่งก่อนจะพูดตอบ “ลั่วอิง แม่โจวโจวบอกหนูแล้วไม่ใช่หรือคะ แล้วทำไมหนูยังไม่เชื่อฟังแม่อีกว่าคุณย่าอาจจะอารมณ์ไม่ดีเอาได้ ในเมื่อคุณย่าไม่อยากได้ยินชื่อของแม่โจวโจว ต่อไปหนูก็อย่าพูดถึงแม่โจวโจวต่อหน้าคุณย่าอีกนะคะ”

 

 

จากคำบอกเล่าของลั่วอิง ถังโจวโจวสามารถเข้าใจได้ว่าตอนนี้คุณแม่ลั่วเกลียดเธอมาก ถังโจวโจวกุมหน้าผากตัวเอง ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อไปดี ตอนนี้เธอไม่กล้าไปเยี่ยมคุณแม่ลั่วที่โรงพยาบาล และลั่วเซ่าเชินก็บอกอยู่หลายครั้งว่ายังไม่ให้เธอไป

 

 

“แต่ว่าแม่โจวโจวขา…”

 

 

“ลั่วอิง แม่โจวโจวพูดจริงนะคะ ที่แม่พูดก็เพื่อหนูทั้งนั้นนะ”

 

 

เสียงของถังโจวโจวเริ่มดังขึ้นโดยไม่รู้ตัว เธอกลัวว่าลั่วอิงจะไม่เชื่อฟัง เพราะสิ่งที่ลั่วอิงทำไม่ต่างจากยั่วโมโหคุณแม่ลั่วเลย ที่ผ่านมาลั่วอิงถูกเลี้ยงดูแบบตามใจมาโดยตลอด คุณแม่ลั่วเองก็แทบไม่เคยปฏิเสธลั่วอิงเลย แต่ถังโจวโจวรู้ว่าต้องพูดกับลั่วอิงอย่างไร แบบไหนลั่วอิงถึงจะเชื่อฟัง

 

 

“แม่โจวโจว คุณแม่กลับมาอยู่ที่บ้านได้ไหมคะ ไม่ต้องให้คุณย่ารู้ก็ได้ …ต่อไปพวกเราก็ไปเยี่ยมคุณย่าให้น้อยลง แบบนี้คุณย่าก็จะไม่โมโหแล้ว” ลั่วอิงพูดออกมาราวกับว่าเป็นเรื่องที่จัดการได้ง่ายมาก ถังโจวโจวก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายกับเธออย่างไรดี

 

 

เดิมถังโจวโจวก็ไม่ใช่คนที่ชอบคิดอะไรมากมาย แต่คนเรายิ่งโตขึ้นก็ยิ่งพบแต่ความผิดหวัง ซึ่งลั่วอิงยังเด็กนัก

 

 

“ลั่วอิงเด็กดี แล้วตอนนี้คุณพ่อกลับมาบ้านหรือยังคะ” ถังโจวโจวไม่อยากพูดเรื่องนี้กับลั่วอิงอีก ดังนั้นจึงจำต้องเปลี่ยนเรื่องไป อและยากให้เธอลืมเรื่องที่คุณแม่ลั่วทำให้เธอเสียใจด้วย

 

 

“ยังไม่มาเลยค่ะ” ลั่วอิงเล่นกับนิ้วตัวเอง ในบ้านเงียบเหงามาก ไม่มีแม่โจวโจว ไม่มีคุณพ่อ เธอไม่มีใครอยู่เป็นเพื่อนเลย

 

 

 

 

ตอนที่ 253 ในเงามืด

 

 

           “แม่โจวโจวขา พรุ่งนี้มารับหนูหลังเลิกเรียนได้ไหมคะ”

 

 

“ได้สิคะ” เมื่อลั่วอิงได้ยินอย่างนี้ เธอก็นั่งลงอย่างสบายใจทันที ไม่คิดว่าวันนี้แม่โจวโจวจะตอบรับเธอเร็วอย่างนี้เลย

 

 

“คุณหนู มากินข้าวได้แล้วค่ะ”

 

 

“นี่ลูกยังไม่ได้กินอะไรเลยเหรอ” ถังโจวโจวได้ยินเสียงป้าหลิวผ่านสายโทรศัพท์ เธอไม่รู้ว่าลั่วอิงยังไม่ได้กินอะไรเลย แล้วนี่เธอยังมาคุยกับลั่วอิงอยู่ได้ตั้งนาน ไม่รู้ว่าตอนนี้ท้องของลั่วอิงจะหิวสักแค่ไหนแล้ว

 

 

“แม่โจวโจว หนูไปกินข้าวก่อนนะคะ แล้วพรุ่งนี้คุณแม่อย่าลืมมารับหนูนะ” ลั่วอิงกระโดดลงจากโซฟา

 

 

ถังโจวโจวเองก็ไม่อยากรั้งเธอไว้ “รีบกินเถอะค่ะ แล้วพรุ่งนี้แม่จะไป”

 

 

หลังจากวางสาย ลั่วอิงก็เดินไปที่โต๊ะอาหาร ป้าหลิวยกจานอาหารออกมา สีหน้าของลั่วอิงก็เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นมากแล้ว “คุณหนู มีอะไรทำให้ดีใจถึงขนาดนี้หรือคะ” เมื่อครู่นี้ลั่วอิงยังอารมณ์เสียอยู่เลยไม่ใช่หรือ

 

 

“ไม่บอกค่ะ” ลั่วอิงส่ายหน้าเบาๆ ทำให้ป้าหลิวหัวเราะ

 

 

“ได้ค่ะได้ ป้าหลิวไม่ถามแล้ว รีบกินข้าวเถอะนะคะ ไม่อย่างนั้นมันจะเย็นหมด”  คุณหนูก็หัดมีความลับของตัวเองแล้วหรือนี่

 

 

ลั่วอิงตักอาหารเข้าปาก เธอหิวมากจริงๆ ตอนนี้ถังโจวโจวกับลั่วเซ่าเชินต่างก็ไม่อยู่บ้านกันเลย ไม่ว่าเธอจะหันไปมองทางไหน ก็ไม่มีความอบอุ่นอยู่เลย

 

 

 

 

วันถัดมา ถังโจวโจวรักษาสัญญา เธอมารอลั่วอิงอยู่หน้าประตูโรงเรียนอนุบาลได้สักพักหนึ่งแล้ว

 

 

คุณครูมาส่งลั่วอิงที่หน้าประตู เมื่อเธอเห็นว่าถังโจวโจวยืนรออยู่ จึงรีบวิ่งเข้าไปหาทันที “แม่โจวโจวขา แม่ไม่ได้โกหกหนูจริงๆ ด้วย”

 

 

“ระวังล้มค่ะ” ถังโจวโจวถูกลั่วอิงโถมตัวเข้าใส่ ถ้าหากพากันล้มลงไป อาจจะเจ็บกันทั้งสองคน

 

 

สองแม่ลูกหัวเราะให้กัน ขณะนั้นซอกเล็กๆ แห่งหนึ่งในโรงเรียนอนุบาล มีเงาคนผู้หนึ่งปรากฏขึ้น ดวงตาจ้องมองไปยังทิศทางของพวกเธอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นลั่วอิงชัดๆ ดวงตาคู่นั้นพลันปรากฏแววตาที่น่ากลัว

 

 

ถังโจวโจวไม่ได้สังเกตเห็นเลย เธอจูงมือของลั่วอิงพาเดินออกไป ทั้งสองคนจูงมือกันเดินทางไปบ้านถัง ในเมื่อมารับลั่วอิงหลังเลิกเรียนก็ย่อมต้องพาไปเจอคุณตาคุณยาย ไว้กินข้าวด้วยกันเสร็จแล้วค่อยให้ลั่วเซ่าเชินไปรับ และตัวเธอเองก็จะได้เจอเขาด้วย

 

 

“วันนี้ทำอะไรที่โรงเรียนบ้างคะ” ถังโจวโจวจูงลั่วอิงเดินไปยังป้ายรถเมล์ที่ใกล้ที่สุด ลั่วอิงสะพายกระเป๋าใบเล็กๆ อยู่ด้านหลัง เด็กน้อยพูดคุยกับคุณแม่เสียงเจื้อยแจ้ว ผู้คนโดยรอบต่างมองมาที่สองแม่ลูกด้วยแววตามีความสุขระคนอิจฉา

 

 

‘ทำไมเราถึงไม่มีภรรยาที่ดีแบบนี้บ้างนะ’

 

 

‘ทำไมฉันถึงไม่มีลูกสาวที่น่ารักแบบนี้บ้างนะ’

 

 

จู่ๆ ถังโจวโจวก็หันหลังกลับไปดู แต่ก็ไม่พบอะไรผิดปกติ เธอรู้สึกว่าตัวเองอาจจะคิดมากเกินไป เธอหันไปมองรอบๆ อีกครั้ง ทางที่เดินมาเหลือแต่เธอกับลั่วอิงแล้ว ถังโจวโจวจึงแทบจะกึ่งลากลั่วอิงให้เดินตาม เธอต้องพาลั่วอิงเดินเร็วขึ้นอีกหน่อย

 

 

“แม่โจวโจวขา ทำไมต้องเดินเร็วขนาดนี้ด้วยล่ะคะ” จู่ๆ ถังโจวโจวก็เพิ่มความเร็ว ลั่วอิงขาสั้นเท่านี้ จึงเดินตามเธอไม่ทัน ถังโจวโจวได้ยินอย่างนั้นก็ผ่อนให้ช้าลงทันที

 

 

“เปล่าจ้ะ แม่อาจจะคิดอะไรเพลินไป” ถังโจวโจวรู้สึกได้ว่ามีคนจ้องมองพวกเธออยู่ แต่พอหันไปมองแล้วก็ไม่มีใคร ความรู้สึกนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เธอไปรับลั่วอิงมาจากโรงเรียนแล้ว และมันก็ยังไม่หายไป

 

 

ความรู้สึกนี้ทำให้ถังโจวโจวใจเสียมาก แต่เมื่อพวกเธอขึ้นรถประจำทางไปแล้ว ความรู้สึกนั้นก็หายไป ถังโจวโจวถอนหายใจโล่งอก

 

 

คนที่ซ่อนตัวอยู่ในที่มืดจับจ้องถังโจวโจวและลั่วอิงมาตลอดทาง เมื่อถังโจวโจวห่างออกไปจากสายตา ช่วงขณะหนึ่งก็ร้อนรนอยากเร่งตามไป แต่ก็กลัวว่าถังโจวโจวจะจับได้

ตอนที่ 250 ปกปิด  

 

 

           “ฉันบอกหรือคะว่าท่านเป็นอะไร” ถังโจวโจวไม่กล้าสบตาคุณแม่ถัง ทำให้คุณแม่ถังรู้ว่าถังโจวโจวต้องไปทำความผิดอะไรมา ลูกสาวกำลังมีเรื่องปกปิดเธอ  

 

 

“โจวโจว แม่สามีลูกเกิดเรื่องทำไมไม่บอกแม่ ลูกจะปิดบังแม่ไปถึงเมื่อไร ลูกกลับมาบ้านครั้งนี้ก็เพราะเธอใช่ไหม”  

 

 

“แม่คะ ไม่มีอะไรจริงๆ แม่อย่าคิดมาก แม่ไปอยู่เป็นเพื่อนพ่อเถอะค่ะ หนูกำลังยุ่งอยู่ ไว้ค่อยคุยกันนะคะ” ถังโจวโจวถือถ้วยอยู่ใบหนึ่งที่ยังล้างไม่เสร็จ ทำได้แค่บอกให้คุณแม่ถังออกไปก่อน  

 

 

“แม่อยู่กับพ่อทุกวัน ห่างกันสักหน่อยคงไม่เป็นไร ไม่เหมือนลูกที่แต่งงานออกไปแล้ว แม่ควรจะอยู่กับลูกให้มากต่างหาก”  

 

 

ถังโจวโจวได้ยินคุณแม่ถังพูดอย่างนั้นก็รู้สึกเสียใจ ในใจรู้สึกไม่ดีขึ้นมา แต่ทำได้แค่ยิ้มและพูดว่า “แม่ขา หนูก็ยังดีอยู่ไม่ใช่เหรอ แล้วหนูก็รู้ว่าแม่คิดถึงหนูมาก ถึงได้กลับมาอยู่ด้วยแล้วนี่ไงคะ แม่อย่าพูดเรื่องนี้อีกเลย ทุกอย่างยังปกติดีค่ะ”  

 

 

ถังโจวโจวทนบรรยากาศอันน่าอึดอัดนี้แทบไม่ไหว คุณแม่ถังควรมีความสุข และไม่ควรต้องเสียใจเพราะเธออีก ที่เธอต้องปิดบังคุณแม่ถังอย่างนี้ ก็เพียงแค่ต้องการให้คุณแม่ถังได้ใช้ชีวิตอย่างสบายใจเท่านั้น  

 

 

ถังโจวโจวล้างจานเสร็จ เช็ดมือ แล้วเดินออกมา คุณพ่อคุณแม่ถังกำลังนั่งดูทีวีกันอยู่ ถังโจวโจวจึงหยิบโทรศัพท์มานั่งเล่น  

 

 

หวังหวาพาลั่วอิงไปส่งที่โรงพยาบาล คุณแม่ลั่วเห็นลั่วอิงมาแล้ว จึงกวักมือเรียกให้เธอเข้าไปหาทันที “ลั่วอิง ทำไมวันนี้มาเยี่ยมย่าได้ล่ะ”  

 

 

“คุณย่าให้ผู้หญิงไม่ดีคนนั้นไปรับหนูหรือคะ” ลั่วอิงพูดด้วยสีหน้าโกรธมาก หรือผู้หญิงคนนั้นโกหกเธอ? ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ครั้งหน้าเธอจะสั่งสอนเมิ่งชิงซีให้หนัก ลั่วอิงเกลียดผู้หญิงคนนั้นมากจริงๆ  

 

 

คุณแม่ลั่วเข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น “ที่แท้ชิงซีไปรับหนูมาเหรอ ย่าให้เธอไปรับหนูเอง แต่ย่าแค่พูดขึ้นมาเฉยๆ ไม่คิดว่าเธอจะไปรับหนูจริงๆ ชิงซีนะชิงซี”  

 

 

“หนูไม่สนหรอกค่ะ” ลั่วอิงเบ้ปาก ตอนนี้เธอไม่มีความสุขเลย เดิมทีจะได้ไปกินข้าวที่บ้านคุณยายกับแม่โจวโจวแล้ว ไม่คิดว่าจะถูกผู้หญิงไม่ดีโกหกปั้นเรื่องใส่อย่างนี้  

 

 

“ลั่วอิง เป็นอะไร มาเยี่ยมย่าแล้วไม่มีความสุขเหรอ”  

 

 

เท้าเล็กๆ ของลั่วอิงยืดไปข้างหน้า เกิดเสียงเอี๊ยดบนพื้นเล็กน้อย บรรยากาศดูอึดอัดขึ้น “คุณย่าคะ คุณย่าอย่าโกรธแม่โจวโจวได้ไหม เธอเป็นคนดีมาก ไม่ได้ตั้งใจจะผลักคุณย่า”  

 

 

ลั่วอิงได้ยินแม่นมจ้าวพูดว่าถังโจวโจวผลักคุณแม่ลั่วตกบันได เธอไม่อยากจะเชื่อเลยสักนิด แม่โจวโจวเป็นคนจิตใจดีมาก จะทำเรื่องอย่างนั้นได้อย่างไร ต้องเป็นแผนของผู้หญิงไม่ดีคนนั้นแน่  

 

 

“ลั่วอิง รู้ไหมว่าย่ารักหนูมาก ทำไมไม่คิดถึงจิตใจของย่าบ้างเลย ถ้าหนูยังจะพูดถึงถังโจวโจวอีก ต่อไปก็ไม่ต้องมาหาย่าแล้ว! ย่าเป็นย่าของหนูแท้ๆ แต่กลับไม่เคยเชื่อย่าเลย แล้วยังจะไปเชื่อคำพูดคนนอกอย่างถังโจวโจวอีก”  

 

 

คุณแม่ลั่วเริ่มสงสัยว่าถังโจวโจวทำเสน่ห์ใส่คนในบ้านหรือเปล่า ลั่วเซ่าเชินกับลั่วอิงถึงได้ปกป้องเธอกันนัก  

 

 

“คุณย่าคะ หนูไม่ได้ตั้งใจทำอย่างนั้น…” ลั่วอิงพยายามอธิบาย แต่น่าเสียดายที่คุณแม่ลั่วเพียงได้ยินชื่อถังโจวโจวก็ระเบิดลงแล้ว โชคดีที่คุณพ่อลั่วไม่อยู่ในห้อง ถ้าคุณพ่อลั่วได้ยินว่าลั่วอิงช่วยขอร้องให้ถังโจวโจว คิดว่าคงได้ตัดปู่ตัดหลานก็คราวนี้  

 

 

“ลั่วอิง กลับบ้านไปเถอะ เดี๋ยวย่าจะให้หวังหวาไปส่ง และย่าก็ไม่อยากให้หนูมาเยี่ยมย่าอีก” คุณแม่ลั่วเสียใจมาก หลานตัวเองแท้ๆ กลับช่วยพูดแทนคนอื่น  ถังโจวโจว ผู้หญิงสารเลว เธอคงทำเสน่ห์ใส่เซ่าเชินกับลั่วอิงจริงๆ  

 

 

 

 

 

ตอนที่ 251 คุณพ่อลั่วจะจัดการเรื่องนี้เอง  

 

 

           คุณแม่ลั่วคิดหาทางว่าจะทำอย่างไรให้ถังโจวโจวออกจากตระกูลลั่วไปเสียที และให้เธอได้เมิ่งชิงซีมาเป็นสะใภ้  

 

 

ตอนนี้อาเชินก็ดื้อ เธอใช้เขาก็ไม่มีประโยชน์ คุณแม่ลั่วตั้งมั่นว่าจะไม่ใจอ่อนอีกแล้ว เธอสัมผัสผ้าพันแผลบนหัวของเธอ นี่เป็นสิ่งที่ถังโจวโจวทำกับเธอ ดังนั้น ถังโจวโจวต้องชดใช้!  

 

 

ใบหน้าคุณแม่ลั่วเผยรอยยิ้มชั่วร้าย เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู เธอก็เก็บงำอารมณ์ทันที “อวี้ฮุ่ย ปวดหัวอีกหรือเปล่า” คุณพ่อลั่วเห็นคุณแม่ลั่วลูบผ้าพันแผล จึงคิดว่าอาการเจ็บกลับมาอีก  

 

 

คุณแม่ลั่วเอามือลงทันที “เหวินอวี๋ ไม่มีอะไร ฉันแค่อยากแตะดูว่ายังเจ็บอยู่ไหม ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะหายดี”  

 

 

“ไม่ต้องกังวลหรอก อีกไม่นานก็หายแล้ว ถ้าคุณเบื่อ ผมจะช่วยพยุงคุณออกจากเตียงไปเดินเล่นนะ”  

 

 

“ช่างเถอะ พรุ่งนี้ค่อยออกไปเดิน” ตอนนี้ลั่วอิงก็ไม่อยู่แล้ว  

 

 

“ลั่วอิงมาแล้วใช่ไหม” คุณพ่อลั่วเช็ดตัวพลางชวนคุณแม่ลั่วคุย  

 

 

“อืม เธอมาพูดแทนถังโจวโจวด้วย” เมื่อคุณแม่ลั่วพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาก็โกรธจัด หลานสาวคนนี้ที่สู้เลี้ยงดูมา ตอนนี้กลับรู้จักแต่ช่วยคนอื่น ไม่เป็นห่วงย่าเลยสักนิด ใช้ได้ที่ไหนกัน  

 

 

“อย่าโมโห ลั่วอิงยังเล็ก ไม่รู้เรื่อง แล้วเรื่องถังโจวโจวคุณคิดจะทำยังไง” คุณพ่อลั่วไม่ได้ถามถึงเรื่องนี้เลยตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุ เขารู้ว่าหลังจากคุณแม่ลั่วบาดเจ็บก็ไม่เคยสบายใจได้สักวัน แล้วลูกชายก็ไม่ได้ดั่งใจ คุณแม่ลั่วก็ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร  

 

 

ทั้งสองคนเป็นสามีภรรยากัน เมื่อคุณแม่ลั่วได้ยินคุณพ่อลั่วถามเรื่องนี้ขึ้นมา ก็รู้ความคิดของเขาทันที “หรือว่าคุณคิดออกแล้วว่าจะทำยังไง” คงไม่เหมือนแบบที่เธอคิดไว้ทั้งหมด แต่คุณพ่อลั่วก็ไม่ใช่คนเยือกเย็นอะไรนัก ถ้าเป็นแบบที่เธอคิดจริงๆ อีกไม่นานเมิ่งชิงซีก็จะได้มาเป็นคนบ้านตระกูลลั่วแล้ว  

 

 

“ไม่ใช่ว่าคุณไม่อยากเจอหน้าเธออีกหรือไง ในเมื่อเธอทำให้คุณบาดเจ็บก็ต้องรับผิดชอบ” แต่ไหนแต่ไรมาคุณพ่อลั่วก็ไม่ได้รู้สึกดีกับถังโจวโจวอยู่แล้ว ในความคิดเขา ผู้หญิงที่ไม่สามารถช่วยให้ลูกชายของเขาก้าวหน้าในอาชีพ หรือแสดงความสามารถใดๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อเขาได้ เธอก็ไม่เหมาะสมกับตระกูลลั่วแล้ว  

 

 

“เหวินอวี๋ ฉันแค่อยากให้เธอหย่ากับอาเชิน เรื่องที่ผลักฉันก็จะแล้วกันไป ฉันจะไม่ถือสาความผิดครั้งนี้ของเธออีก แต่ถ้าเธอไม่แยกกับอาเชิน ฉันก็จะไม่ให้เธอได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้อีกเลย” คุณพ่อลั่วก็ไม่ได้คิดว่าความคิดของคุณแม่ลั่วผิดตรงไหน เขาเองก็คิดอย่างนี้เช่นกัน  

 

 

“ได้ ผมเห็นด้วยกับคุณ อีกไม่กี่วันผมจะไปพบถังโจวโจว แล้วทุกอย่างจะเป็นไปตามที่คุณต้องการ”  

 

 

“เหวินอวี๋ คุณต้องดูแลตัวเองด้วยนะ ฉันไม่อยากให้คุณเป็นอะไรไป ถ้าคุณป่วยขึ้นมาอีก…” เมื่อได้ยินว่าคุณพ่อลั่วจะจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ในที่สุดคุณแม่ลั่วก็คลายกังวลได้เสียที เธอมีความสุขขึ้นมาก  

 

 

“ผมรู้แล้ว จะไม่ทำให้คุณต้องเป็นห่วง” แล้วคุณพ่อคุณแม่ลั่วก็คุยเล่นกันในห้องผู้ป่วยอย่างสบายใจ  

 

 

หวังหวามาส่งลั่วอิงที่โรงพยาบาลได้ไม่นาน เขาก็ต้องรับลั่วอิงพาไปส่งที่คฤหาสน์หลังเล็กอีก เมื่อลั่วอิงกลับมาถึงบ้าน ลั่วเซ่าเชินก็ยังไม่กลับมา  

 

 

“คุณหนู ไปกินข้าวบ้านคุณยายมาแล้วหรือคะ” กว่าลั่วอิงจะถึงบ้านก็หนึ่งทุ่มกว่าแล้ว ก่อนหน้านี้ป้าหลิวได้รับสายจากลั่วเซ่าเชินบอกว่าลั่วอิงจะไม่กลับมากินข้าวที่บ้าน ดังนั้น เธอจึงไม่ได้เตรียมอะไรไว้ แต่ไม่ทันไรลั่วอิงก็กลับมาแล้ว?  

 

 

ลั่วอิงส่ายหน้า เห็นได้ชัดว่าเธอรู้สึกสลดหดหู่มาก ป้าหลิวจูงเธอไปนั่งที่โซฟา  

 

 

“คุณหนู บอกป้าหลิวสิคะว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่ใช่ว่าวันนี้ต้องไปกินข้าวบ้านคุณยายหรือคะ”  คุณผู้หญิงก็อยู่ที่นั่น คุณหนูน่าจะมีความสุขมากกว่านี้สิ  

 

 

“เปล่าค่ะ หนูไม่ได้ไปบ้านคุณยาย ฮือๆๆ ผู้หญิงนิสัยไม่ดีคนนั้นหลอกหนู แล้วคุณย่าก็ต่อว่าหนูอีก”  

ตอนที่ 248 ทำไมไม่ไปเยี่ยมคุณย่าด้วยกัน  

 

 

           “โจวโจว อีกไม่นานเธอก็จะรู้เอง ถ้าบอกเธอตอนนี้ก็ไม่ใช่ความลับน่ะสิ” ท่าทางของเมิ่งชิงซีเหมือนกับนกยูงรำแพนหาง  

 

 

เมิ่งชิงซีกวักมือเรียกลั่วอิง “ลั่วอิง ไปเยี่ยมคุณย่ากับอาได้แล้วค่ะ บอกลาแม่โจวโจวเร็ว”  

 

 

ลั่วอิงจับมือถังโจวโจว กระตุกมือให้ถังโจวโจวย่อตัวลงมา ก่อนจะพูดกับเธอเบาๆ “แม่โจวโจวขา แม่ไปส่งหนูได้ไหม หนูไม่อยากไปกับผู้หญิงไม่ดีคนนี้”  

 

 

แต่ถึงกระนั้นเมิ่งชิงซีก็ได้ยินเต็มสองหู “ลั่วอิง ตอนนี้คุณย่าไม่ชอบแม่โจวโจวของหนูมาก โจวโจว เธออย่าโผล่หน้าไปให้คุณป้าเห็นจะดีกว่า เพราะเธอเป็นต้นเหตุที่ทำให้คุณป้าต้องเข้าโรงพยาบาล ไม่อย่างนั้นถ้าเกิดอะไรขึ้นเธอจะรับผิดชอบไม่ไหว”  

 

 

“คุณเมิ่ง ไม่ต้องรบกวนคุณหรอกค่ะ ฉันจะให้ผู้ช่วยหวังมารับลั่วอิงไปเอง คุณสนใจแต่เรื่องของคุณเถอะ” ในที่สุดถังโจวโจวก็จำต้องพูดออกมาด้วยความโกรธ แต่ก็ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น  

 

 

“ถังโจวโจว เธอนี่มันร้ายจริงๆ” เมิ่งชิงซีเกลียดถังโจวโจวมากขึ้นอีก เดิมทีครั้งนี้เธอตั้งใจจะให้ถังโจวโจวเสียเปรียบให้ได้ ไม่คิดเลยว่าถังโจวโจวก็ยังสามารถย้อนคำพูดมาว่าเธอได้อีก  

 

 

เมิ่งชิงซีได้แต่พูดกับตัวเองว่า ‘ไม่โกรธ อย่าโกรธ อีกไม่นานถังโจวโจวก็ต้องเป็นฝ่ายเสียใจแล้ว’  

 

 

“โจวโจว ในเมื่อเธอพูดแบบนี้ ฉันก็จะปล่อยไปสักครั้ง ลั่วอิง ไว้ครั้งหน้าอาชิงซีจะมารับนะคะ”  

 

 

ลั่วอิงเห็นเมิ่งชิงซีพ่ายแพ้ ก็หัวเราะทันที “หนูไม่ต้องการให้คุณมารับหรอกค่ะ หนูยังมีคุณพ่อ มีคุณแม่ จะไม่มีวันให้คุณมารับหนู”  

 

 

เมิ่งชิงซีได้ยินอย่างนั้นก็ไม่โกรธ “ลั่วอิง ตอนนี้หนูยังคงไม่เข้าใจอะไร แต่ต่อไปหนูจะเข้าใจเอง เพราะพวกเรายังมีเวลาทำความรู้จักกันอีกนาน โจวโจว ฉันไปก่อนนะ ลั่วอิงก็ให้เธอดูแลแล้วกัน”  

 

 

ถังโจวโจวมองเมิ่งชิงซีที่ทิ้งคำพูดกำกวมเอาไว้มากมาย ทำไมเธอถึงพูดว่า ‘ยังมีเวลาทำความรู้จักกันอีกนาน’ ที่เมิ่งชิงซีพูดหมายความว่าอย่างไร  

 

 

เมิ่งชิงซีกลับไปไม่นาน หวังหวาก็ขับรถมาถึง เขาเปิดประตูให้ลั่วอิงขึ้นรถ หวังหวาพูดอย่างสุภาพเช่นเคยว่า “คุณผู้หญิง คุณชายให้ผมไปส่งคุณครับ”  

 

 

“ไม่เป็นไรค่ะ คุณไปส่งลั่วอิงที่โรงพยาบาลเถอะ ฉันกลับเองได้” โรงพยาบาลกับบ้านของถังโจวโจวอยู่คนละทาง ถังโจวโจวไม่อยากรบกวน  

 

 

“คุณผู้หญิงครับ แต่นี่เป็นคำสั่งของท่านผอ.” ความหมายของหวังหวาคือเขาไม่สามารถขัดคำสั่งของลั่วเซ่าเชินได้ ถังโจวโจวก็เข้าใจ จึงขึ้นไปนั่งบนรถแต่โดยดี  

 

 

“แม่โจวโจวจะไม่ไปโรงพยาบาลกับหนูจริงๆ หรือคะ” ลั่วอิงเห็นว่าถังโจวโจวขึ้นรถมาแล้ว จึงคิดว่าน่าจะเปลี่ยนใจเธอได้ และไปเยี่ยมคุณแม่ลั่วด้วยกัน  

 

 

“ไม่ได้ไปค่ะ คุณลุงหวังจะไปส่งแม่ที่บ้าน ลั่วอิงไปโรงพยาบาลคนเดียวต้องเป็นเด็กดีนะคะ ตอนนี้คุณย่าไม่สบายอยู่ ลั่วอิงอย่าซนนะ ถ้าแม่โจวโจวรู้จะไม่รักหนูแล้ว”  

 

 

“แม่โจวโจว หนูจะไม่ดื้อไม่ซนค่ะ หนูรู้ว่าตอนนี้คุณย่าร่างกายไม่แข็งแรง หนูจะเอานิทานไปเล่าให้คุณย่าฟัง ให้คุณย่ามีความสุข แต่ว่าแม่โจวโจวขา ทำไมคุณแม่ไม่ไปเยี่ยมคุณย่าล่ะคะ”  

 

 

ลั่วอิงไม่เข้าใจอย่างมาก ตอนนี้ถังโจวโจวไปอยู่บ้านคุณยาย ไม่ได้อยู่กับเธอทุกวันเหมือนก่อน และถ้าวันนี้ถังโจวโจวไม่ได้มารับเธอที่โรงเรียน ก็อาจไม่ได้เจอหน้ากันแล้ว  

 

 

ถังโจวโจวลูบผมลั่วอิง เห็นเธอสนใจใคร่รู้เรื่องเหล่านี้ก็ถอนหายใจ ทำได้แค่อธิบายให้เธอฟังแบบเข้าใจง่ายๆ “แม่ทำเรื่องที่ผิดต่อคุณย่า ตอนนี้คุณย่ายังไม่ให้อภัยแม่ แม่ก็เลยยังไม่อยากไปให้ท่านเห็นหน้า ไม่อย่างนั้นท่านจะโกรธเอาได้จ้ะ”  

 

 

 

 

 

ตอนที่ 249 คุณแม่ถังสงสัย  

 

 

           “ถ้าอย่างนั้นหนูจะช่วยพูดกับคุณย่าให้ ไม่แน่ว่าคุณย่าอาจจะยอมให้อภัยคุณแม่ก็ได้ค่ะ” ลั่วอิงพูดตามประสาเด็ก ทำเรื่องผิดก็แค่ขอโทษ แต่ถังโจวโจวไม่คิดว่าเรื่องมันจะง่ายดายอย่างนั้น  

 

 

“ลั่วอิง หนูยังเด็ก รอให้หนูโตกว่านี้ก่อนหนูก็จะรู้เอง มีบางเรื่องที่ทำผิดก็คือทำผิด ไม่สามารถให้อภัยได้เลย” เสียงของถังโจวโจวดังไปถึงหูของหวังหวา เขาเองก็ได้ยินมาว่าบ้านของผอ. เกิดเรื่องใหญ่ขึ้น หรือว่าเรื่องของคุณผู้หญิงเป็นเรื่องจริง…  

 

 

“ถึงแล้วครับ” หวังหวาขับรถมาจอดหน้าบ้านถังโจวโจว ถังโจวโจวไม่รอให้หวังหวามาช่วยเปิดประตูรถให้  

 

 

“คุณรีบไปส่งลั่วอิงที่โรงพยาบาลเถอะ ฉันขึ้นไปเองได้ ลั่วอิง หนูต้องเป็นเด็กดีนะคะ”  

 

 

“แม่โจวโจว พรุ่งนี้จะมาหาหนูไหมคะ” ลั่วอิงยื่นคอยาวออกจากหน้าต่างรถ ดึงเสื้อของถังโจวโจวไว้  

 

 

“อาจจะนะคะ แต่ตอนนี้ให้ลุงหวังหวาไปส่งหนูหาคุณย่าก่อนนะ บ๊ายบายค่ะ” ถังโจวโจวเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ตอนนี้ใจของเธอพะวงถึงแต่คำพูดของเมิ่งชิงซี แท้จริงแล้วเธอตั้งใจจะพูดว่าอะไร  

 

 

หวังหวาขับรถออกไป เมื่อลั่วอิงมองไม่เห็นถังโจวโจวแล้วก็หันหน้ากลับมา  

 

 

คุณแม่ถังเห็นถังโจวโจวกลับมาแล้ว ก็ตรงเข้าไปหยุดยืนอยู่ข้างหลังเธอ “ลั่วอิงล่ะ” ถังโจวโจวบอกว่าจะพาลั่วอิงมากินข้าวด้วย แต่ทำไมไม่เห็นลั่วอิงเดินเข้ามา คุณแม่ถังจึงต้องถามถึงเป็นธรรมดา  

 

 

คุณแม่ถังเห็นว่ามีแค่ถังโจวโจวกลับมาคนเดียว เดาว่าระหว่างทางลูกสาวต้องเจอเรื่องอะไรไม่ดีมาสักอย่าง ขณะกำลังจะเอ่ยปากถาม คุณพ่อลั่วก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน “โจวโจวเพิ่งกลับมาเหนื่อยๆ กินข้าวก่อนแล้วค่อยคุยเถอะ เซ่าเซินอาจจะมีเรื่องด่วนเลยพาลั่วอิงกลับไปแล้ว”  

 

 

ตอนนี้คุณแม่ถังสนใจแต่สีหน้าซีดเซียวของถังโจวโจว ดึงเธอให้มานั่งที่โต๊ะอาหาร และรีบถามเธอ “โจวโจว ลูกเป็นอะไรไป มีเรื่องอะไรรีบบอกแม่เร็ว”  

 

 

ถังโจวโจวคิดไปถึงเรื่องที่เธอกลัวที่สุด เธออยากลืมความคิดนี้ในหัวของเธอโดยเร็ว พยายามยิ้ม “แม่คะ หนูไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย รีบกินข้าวกันเถอะค่ะ”  

 

 

คุณพ่อลั่วหยิบตะเกียบขึ้นมา พลางบอกให้คุณแม่ถังรีบนั่ง “กินข้าวเถอะ” แม้คุณแม่ถังยังไม่เชื่อถังโจวโจว แต่วันนี้ถังโจวโจวก็ทำงานเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว เรื่องที่สงสัยไว้ค่อยพูดคุยหลังกินข้าวเสร็จก็แล้วกัน  

 

 

ระหว่างกินข้าวถังโจวโจวดูเหม่อลอย คุณพ่อและคุณแม่ถังสังเกตเห็น คุณแม่ถังตักของที่ถังโจวโจวชอบกินที่สุดให้ “โจวโจว นี่คือของที่ลูกชอบที่สุด กินให้เยอะหน่อย”  

 

 

“ค่ะ” ถังโจวโจวตักอาหารเข้าปากเงียบๆ เห็นลูกสาวตัวเองไม่ยิ้ม คุณพ่อคุณแม่ถังก็เริ่มกลุ้มใจ  

 

 

นี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมจู่ๆ ถังโจวโจวก็ดูไม่มีความสุขเลย คุณแม่ถังคิดว่าวันนี้ถังโจวโจวต้องไปเจอเรื่องไม่ดีมาแน่ๆ หรือเพราะลั่วอิง?  

 

 

หลังกินข้าวเสร็จ ถังโจวโจวรับหน้าที่ล้างจาน คุณแม่ถังมาถึงห้องครัว เห็นถังโจวโจวล้างจานและตะเกียบเสร็จแล้ว ก็ถามเธอเบาๆ ว่า “โจวโจว หรือวันนี้ลั่วอิงไม่ยอมมากับลูก?”  

 

 

“แม่คะ แม่คิดมากไปแล้ว ไม่มีเรื่องแบบนั้นสักหน่อย ลั่วอิงแค่ต้องไปเยี่ยมคุณย่า…” เมื่อถังโจวโจวหลุดปาก เธอก็อยากจะตีปากตัวเองเหลือเกิน  

 

 

คุณแม่ถังรีบเค้นถาม “คุณย่า? แม่สามีลูกเป็นอะไร” ครั้งนี้ที่ถังโจวโจวตั้งท่าจะกลับมาอยู่นานคงไม่ใช่เพราะคุณแม่ลั่วใช่ไหม  

 

 

เมื่อถังโจวโจวได้ยินคุณแม่ถังถามถึงคำถามนี้ เธอก็พยายามปรับเสียงตัวเองให้ปกติที่สุด เพราะกลัวว่าคุณแม่ถังจะจับพิรุธได้ “ไม่มีอะไรค่ะ ท่านปกติดี”  

ตอนที่ 246 ผิดปกติ  

 

 

           คุณพ่อลั่วเอาอาหารเที่ยงที่แม่นมจ้าวทำมาด้วย ลั่วเซ่าเชินไม่ได้อยู่กินข้าวกับคุณแม่ลั่ว เขาตรงไปบริษัททันที เมิ่งชิงซีก็อยู่เป็นเพื่อนมาทั้งเช้า คุณแม่ลั่วก็ไม่อยากรบกวนให้เธออยู่ต่อ เธอควรไปใช้ชีวิตตามประสา “ชิงซี มีคุณลุงอยู่เป็นเพื่อนป้าแล้ว หนูมีธุระอะไรก็ไปทำเถอะ”  

 

 

“คุณป้าคะ หนูไม่มีธุระอะไรหรอกค่ะ” เมิ่งชิงซีปฏิเสธโดยเร็ว ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่ดีที่เธอต้องทำคะแนนกับคุณแม่ลั่ว เธอจะทิ้งโอกาสนี้ไปไม่ได้  

 

 

คุณแม่ลั่วพูดกับเมิ่งชิงซีอีกครั้ง “ชิงซี ป้ารู้ว่าหนูมีน้ำใจ แต่หนูอายุยังน้อย ยังไงก็ยังมีชีวิตของตัวเอง หนูไปทำธุระของตัวเองเถอะจ้ะ”  

 

 

เมิ่งชิงซีเห็นว่าคุณแม่ลั่วไม่ได้พูดทดสอบเธออยู่จริงๆ จากนั้นเมิ่งชิงซีก็หันไปมองคุณพ่อลั่ว คุณพ่อลั่วก็พูดเสริมว่า “ชิงซี ลุงอยู่เป็นเพื่อนคุณป้าเอง หนูยังไม่วางใจอีกหรือ”  

 

 

“ไม่ใช่ค่ะคุณลุง ในเมื่อคุณลุงคุณป้าพูดอย่างนี้ งั้นหนูขอตัวกลับก่อนนะคะ คุณป้า พรุ่งนี้หนูจะมาเยี่ยมใหม่นะคะ”  

 

 

“ได้”  

 

 

เมิ่งชิงซีหยิบกระเป๋าสีดำของตัวเอง แล้วเดินออกจากห้องผู้ป่วยไป เมิ่งชิงซีไปที่ลานจอดรถ ขับรถตัวเองมุ่งหน้าไปยังบริษัทเมิ่ง  

 

 

ซูซาน เลขาของเมิ่งไหวเซินเห็นเมิ่งชิงซีขึ้นลิฟต์มา จึงรีบไปต้อนรับทันที “คุณหนูใหญ่ สวัสดีค่ะ”  

 

 

“พ่อฉันอยู่ที่ห้องไหม”  

 

 

“อยู่ค่ะ”  

 

 

“ดี เธอไปเถอะ ฉันจะไปหาเขาเอง”  

 

 

เมิ่งชิงซีเคาะประตูห้อง ได้ยินเสียงเมิ่งไหวเซินบอกให้เข้ามา เธอจึงผลักประตูเข้าไป  

 

 

“พ่อคะ หนูมาหาพ่อค่ะ”  

 

 

“ไปเยี่ยมคุณนายลั่วมา เธอเป็นยังไงบ้าง” เมิ่งไหวเซินถามข่าวที่รู้จากเมิ่งชิงซี เดิมทีเขาอยากจะไปเยี่ยมด้วยตัวเอง แต่ช่วงนี้ที่บริษัทยุ่งมาก ปลีกตัวไม่ได้ ทำได้เพียงให้ฉินอวิ๋นไปเยี่ยมคุณแม่ลั่วแทน  

 

 

“ก็ดีขึ้นค่ะ คุณป้าฟื้นตัวเร็ว”  

 

 

“พรุ่งนี้พ่อจะให้แม่ไปกับลูกด้วยนะ ไปเยี่ยมแทนพ่อหน่อย จะได้ไม่ดูเสียมารยาท” ความตั้งใจนี้ของเมิ่งไหวเซินทำให้เมิ่งชิงซียิ้มแกนๆ  

 

 

“ให้แม่ไปกับหนูน่ะหรือคะ  

 

 

“ทำไม มีปัญหาเหรอ” เมื่อได้ยินน้ำเสียงของเมิ่งชิงซีเหมือนไม่พอใจ เมิ่งไหวเซินถึงได้รู้สึกว่าช่วงนี้สองแม่ลูกต่างคนต่างแปลกไป  

 

 

“ไม่มีปัญหาค่ะคุณพ่อ คุณพ่อคิดมากไปแล้ว” ด้วยกลัวว่าเมิ่งไหวเซินจะสงสัย เมิ่งชิงซีจึงรีบยกยิ้มที่มุมปากทันที  

 

 

“ไม่มีอะไรจริงๆ ใช่ไหม ชิงซี ช่วงนี้แม่กับลูกเป็นอะไร มีเรื่องอะไรต้องบอกพ่อนะ พ่อจะได้ให้คำแนะนำได้”  

 

 

เมิ่งชิงซีไม่โง่ให้เมิ่งไหวเซินรู้หรอกว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับฉินอวิ๋นผิดปกติไป “คุณพ่อคะ หนูไม่ได้โกรธอะไรกับคุณแม่สักหน่อยค่ะ คุณแม่ดีกับหนูขนาดนี้ จะไปมีเรื่องอะไรได้คะ พรุ่งนี้หนูจะพาคุณแม่ไปเยี่ยมคุณป้าลั่วค่ะ”  

 

 

เมิ่งชิงซีใช้ลูกอ้อนกับเมิ่งไหวเซินตามปกติ เมิ่งไหวเซินจึงทิ้งความสงสัยของตัวเอง “ไม่มีอะไรก็ไม่มีอะไร ชิงซี แม่เป็นแม่ของลูกนะ ลูกต้องเคารพคุณแม่ ไม่ว่าคุณแม่จะทำอะไรให้ลูกไม่พอใจ แต่ทั้งหมดก็ทำเพื่อลูก…”  

 

 

“ค่ะๆ คุณพ่อ หนูรู้แล้ว หนูขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ” เห็นเมิ่งชิงซีออกจากห้องไป เมิ่งไหวเซินก็ส่ายหน้า “ลูกคนนี้นี่จริงๆ เลย…”  

 

 

เมิ่งชิงซีออกจากห้องทำงานมา สีหน้ายิ้มแย้มค่อยๆ จางไป ซูซานเดินมารอรับคำสั่งจากเธอ เธอก็ไม่สนใจ ได้แต่เดินไปห้องทำงานของตัวเอง  

 

 

“คุณหนูใหญ่เป็นอะไรไป…” ซูซานมองตามหลังเมิ่งชิงซี ไม่เข้าใจว่าคุณหนูใหญ่เป็นอะไร จากนั้นเธอก็หยิบเอกสารเอาไปให้เมิ่งไหวเซินเซ็น  

 

 

“สวัสดีค่ะ คุณหนูใหญ่” เลขาของเมิ่งชิงซีเห็นเมิ่งชิงซีเดินมา ก็รีบไปเตรียมชาให้ทันที  

 

 

 

 

 

ตอนที่ 247 หน้าประตูโรงเรียนอนุบาล  

 

 

           ถังโจวโจวยืนรออยู่หน้าโรงเรียนอนุบาล เมื่อเธอเห็นลั่วอิง ก็รีบกวักมือเรียกทันที “ลั่วอิง แม่โจวโจวอยู่นี่ค่ะ”  

 

 

ลั่วอิงเห็นถังโจวโจวโจวก็รีบวิ่งเข้าไปหาทันที “แม่โจวโจว คุณแม่มาได้ยังไงคะ”  

 

 

“ทำไมคะ ไม่อยากให้แม่โจวโจวมารับเหรอ ถ้าอย่างนั้นคุณแม่ไปก็ได้ค่ะ” ถังโจวโจวแสร้งน้อยใจ  

 

 

ลั่วอิงเห็นว่าใบหน้าของถังโจวโจวไม่มีรอยยิ้มแล้ว จึงคิดว่าเธอโกรธ ลั่วอึงรีบขวางเธอไว้ทันที “แม่โจวโจวขา หนูไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น…”  

 

 

ลั่วอิงเริ่มร้อนรน ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรให้แม่โจวโจวหายโกรธ นึกออกเพียงต้องขวางถังโจวโจวเอาไว้ก่อน ไม่ให้เธอกลับไป  

 

 

“แม่โจวโจวแกล้งหนูค่ะ เดี๋ยวไปกินข้าวที่บ้านคุณยายกับแม่โจวโจวนะ หลังจากนั้นค่อยให้คุณพ่อมารับ ดีไหมคะ”  

 

 

“คุณพ่อรู้แล้วหรือคะ” เดิมทีลั่วอิงคิดว่าวันนี้ลั่วเซ่าเชินจะให้หวังหวามารับ  

 

 

“รู้สิคะ ทำไมล่ะ หรือว่าคุณพ่อไม่ยอมให้ลูกไปกับแม่โจวโจว?” ถังโจวโจวคิดไม่ถึงว่า ระยะเวลาเพียงสองวัน ลั่วเซ่าเชินก็เข้าไปอยู่ในใจของลั่วอิงได้มากกว่าเธอเสียแล้ว ทำให้รู้สึกว่ามันน่าน้อยใจจริงๆ  

 

 

“ไม่ใช่ค่ะแม่โจวโจว คุณแม่อย่าแกล้งหนูสิคะ” ลั่วอิงเห็นว่าถังโจวโจวพยายามซ่อนรอยยิ้มเอาไว้ จึงอดหน้างอไม่ได้  คุณแม่รังแกลูกได้ยังไง  

 

 

“เอาละๆ แม่ผิดเอง ลั่วอิงให้อภัยแม่นะ” ถังโจวโจวยกสองมือขึ้นประสาน ต้องการให้ลั่วอิงอารมณ์ดี  

 

 

“ลั่วอิง โจวโจว เธอก็อยู่ที่นี่เหรอ” ถังโจวโจวกับลั่วอิงกำลังหัวเราะกันอยู่ เสียงของเมิ่งชิงซีก็ดังขึ้นทางด้านหลัง  

 

 

ลั่วอิงไม่ชอบเมิ่งชิงซี จึงชักสีหน้าทันที “คุณอาคนนิสัยไม่ดี มาที่นี่ทำไม คุณจะมารังแกแม่โจวโจวของหนูเหรอ” ลั่วอิงขวางอยู่หน้าถังโจวโจว ราวกับเป็นแม่นกที่ปกป้องลูกน้อย ให้ถังโจวโจวซ่อนอยู่ใต้ปีกเล็กๆ ของเธอ  

 

 

เมิ่งชิงซีเห็นลั่วอิงเรียกเธออย่างนี้ก็ค่อนข้างหงุดหงิด เห็นเธอเป็นเพื่อนเล่นหรืออย่างไร ดูเหมือนลั่วอิงจะเป็นเด็กที่ลามปามเกินไปแล้ว “ลั่วอิง ทำไมพูดจาไม่มีมารยาทอย่างนี้ ไปค่ะ อามารับหนูไปหาคุณย่า”  

 

 

“คุณเมิ่งคะ เซ่าเชินรู้แล้วค่ะว่าฉันจะมารับลั่วอิง” ถังโจวโจวได้บอกลั่วเซ่าเชินไว้ก่อนแล้ว เมิ่งชิงซีมาตัดหน้ากันอย่างนี้ ไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย ส่วนลั่วอิงเองก็ไม่ยอมไปกับเมิ่งชิงซีแน่ๆ ลั่วเซ่าเชินไม่มีทางให้เมิ่งชิงซีมารับลั่วอิงได้  

 

 

“ฉันไม่ได้คุยกับเซ่าเชิน แต่คุยกับคุณป้า ซึ่งคุณป้าก็ยินยอม”  

 

 

เมิ่งชิงซีย่อตัวลงมองลั่วอิง “ลั่วอิง หรือว่าหนูไม่คิดถึงคุณย่าคะ คุณย่ายังไม่สบาย นอนอยู่ที่โรงพยาบาล ท่านคิดถึงหนูมาก ถ้าท่านรู้ว่าลั่วอิงไม่ยอมไปหา ท่านคงจะเสียใจ”  

 

 

แม้ลั่วอิงจะเกลียดเมิ่งชิงซีเพียงใด แต่เมื่อเป็นเรื่องของคุณแม่ลั่ว เธอก็ใจอ่อน แล้วตอนนี้คุณแม่ลั่วก็บาดเจ็บอยู่ ลั่วอิงต้องใส่ใจคุณแม่ลั่วก่อน พลางหันไปมองถังโจวโจวด้วยสายตาเจ็บปวด  

 

 

ถังโจวโจวเห็นเมิ่งชิงซีพูดหลอกล่อลั่วอิงได้ถูกจุด ก็คิดอยู่ครู่หนึ่ง ถ้าทำได้เธอก็ไม่อยากให้เมิ่งชิงซีเป็นฝ่ายชนะ เธอจึงได้แต่แสร้งพูดประชดไปก่อน “ลั่วอิง ในเมื่อคุณเมิ่งพูดขนาดนี้แล้ว ลูกก็ไปเยี่ยมคุณย่าก่อนเถอะ ไว้ครั้งหน้าค่อยไปบ้านคุณยายด้วยกันนะคะ”  

 

 

“โจวโจว ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่า ลั่วอิงจะยังมี ‘โอกาสครั้งหน้า’ ได้ไปบ้านคุณยายอีกไหม อ้อ…ฉันคิดว่าน่าจะได้ไปบ้านคุณยายอีกหลังมากกว่า” เมิ่งชิงซีตั้งใจเน้นคำพูด ถังโจวโจวไม่เข้าใจคำพูดนี้ของเธอ  

 

 

“คุณเมิ่ง ที่คุณพูดมาหมายความว่ายังไงคะ” ก่อนหน้านี้เธอเพิ่งคุยกับลั่วเซ่าเชินมา เขาบอกเธอว่าจะให้หวังหวามารับลั่วอิง เธอถึงได้ไม่ยอมให้ลั่วอิงไปกับเมิ่งชิงซี  

ตอนที่ 244 บังคับ  

 

 

           “แม่ครับ แม่อย่าเพิ่งโมโห ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร” ลั่วเซ่าเชินเห็นคุณแม่ลั่วเป็นแบบนี้ก็ตื่นตระหนก ถ้าคุณแม่ลั่วเป็นอะไรขึ้นมา เขาก็สมควรตายอย่างที่สุด  

 

 

“ถ้าลูกไม่อยากให้แม่โกรธ ก็ไปเลิกกับถังโจวโจวซะ แม่ไม่ชอบเธอ ทำอย่างนี้แม่ถึงจะมีความสุข” คุณแม่ลั่วรีบคว้าโอกาส ขอร้องลั่วเซ่าเชิน  

 

 

“แม่ครับ แม่อย่าบังคับผม”  

 

 

“แม่บังคับลูกที่ไหน อาเชิน ที่แม่พูดกับลูกเป็นเรื่องจริง ตอนนี้แม่กับพ่อไม่สามารถรับถังโจวโจวเป็นสะใภ้ของบ้านได้อีกแล้ว แล้วที่แม่ต้องมาเป็นอย่างนี้ ถึงแม่จะอภัยให้เธอ แต่พ่อของลูกคงไม่มีทางยอม”  

 

 

ลั่วเซ่าเชินรู้ว่าที่คุณแม่ลั่วพูดมาคือความจริง แต่เพราะเป็นความจริง เขาถึงไม่ยอมตกลงง่ายๆ เขาทำได้แค่โน้มน้าวอีก “แม่ครับ โจวโจวเป็นคนดีมากนะครับ แค่แม่เปิดใจรับเธอ แม่ก็จะรู้ว่าเธอดีกว่าเมิ่งชิงซีมาก”  

 

 

“แม่ไม่อยากรับรู้ความดีของเธอ แม่แค่อยากให้เธออยู่ห่างจากแม่ก็พอ” คุณแม่ลั่วพูด  

 

 

“แม่ครับ ในเมื่อแม่พูดอย่างนี้แล้ว งั้นผมก็ไม่มีอะไรจะพูด”  

 

 

“เซ่าเชิน ลูกจะทำให้แม่โกรธใช่ไหม” คุณแม่ลั่วตบหน้าอก ลั่วเซ่าเชินไม่ยอมรับความปรารถนาดีของเธอ หรือเธอควรจะเป็นลมต่อหน้าเขาไปเลยดี?  

 

 

“แม่ครับ แม่อย่าพูดถึงเรื่องนี้อีกเลย ถ้าแม่เป็นอะไรขึ้นมา คราวนี้พ่อได้เกลียดผมจริงๆ”  

 

 

“ลูกก็แค่หย่ากับมัน!” คุณแม่ลั่วเห็นลั่วเซ่าเชินเสพูดไปเรื่องอื่น ดังนั้น เธอจึงยื่นคำขาดเกี่ยวกับเรื่องของถังโจวโจวออกมาตรงๆ ซึ่งนั่นทำให้เขาหมดหนทาง  

 

 

สองแม่ลูกหยุดคุยกันไประยะหนึ่ง จังหวะนี้เมิ่งชิงซีก็เคาะประตู “คุณป้าคะ หนูพาพยาบาลมาแล้วค่ะ”  

 

 

คุณแม่ลั่วไม่ได้ถามว่าทำไมเมิ่งชิงซีถึงไปนานนัก ถึงอย่างไรมันเป็นสิ่งที่ทุกคนรู้ดี เพียงแต่ไม่มีใครยกขึ้นมาพูดก็เท่านั้น  

 

 

พยาบาลเปลี่ยนน้ำเกลือเสร็จก็ออกไป เมิ่งชิงซีนั่งเป็นเพื่อนคุณแม่ลั่วต่อ ส่วนลั่วเซ่าเชินก็มองโทรศัพท์อยู่ข้างๆ มุมปากพลันยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย ไม่รู้ว่ามีเรื่องดีอะไร  

 

 

เมิ่งชิงซีรู้สึกว่าต้องเกี่ยวกับถังโจวโจวแน่นอน และเมิ่งชิงซีก็ทายถูก ลั่วเซ่าเชินกำลังส่งข้อความคุยกับถังโจวโจว  

 

 

[เซ่าเชิน คุณอยู่ที่บริษัทหรือเปล่าคะ]  

 

 

[เปล่า ผมอยู่ที่โรงพยาบาล]  

 

 

[คุณแม่ดีขึ้นไหม]  

 

 

[ก็ดี มีเมิ่งชิงซีอยู่เป็นเพื่อน คุณแม่ก็มีความสุข]  

 

 

ถังโจวโจวเงียบไปครู่หนึ่ง ลั่วเซ่าเชินรู้ว่าเธอไม่ชอบใจ แต่เขาแกล้งทำเป็นไม่รู้  

 

 

[ทำไม โกรธเหรอ]  

 

 

ถังโจวโจวเห็นข้อความที่ลั่วเซ่าเชินส่งมาก็เบื่อจะพูด  

 

 

[ฉันไม่ได้โกรธสักหน่อย คุณคิดมากไปแล้ว]  

 

 

[งั้นเหรอ ผมคิดว่าคุณจะโกรธซะอีก กำลังคิดอยู่เลยว่าจะชดเชยให้คุณยังไงดี]  

 

 

เห็นข้อความสุดท้ายของลั่วเซ่าเชิน ถังโจวโจวก็รู้สึกว่าเธอขาดทุนมากแล้วจริงๆ  

 

 

ถังโจวโจวนอนอยู่บนเตียง เธอไม่คิดว่าจะมีเซอร์ไพรส์ใหญ่อะไรรอเธออยู่ ถ้ารู้ก่อนหน้านี้ว่าสามารถเรียกร้องการชดเชยจากลั่วเซ่าเชินได้ เธอก็คงจะไม่อยู่เฉยมานานขนาดนี้  

 

 

แต่เมื่อคิดถึงว่าเมิ่งชิงซีอยู่ด้วยกันกับลั่วเซ่าเชินที่โรงพยาบาล ถังโจวโจวก็หงุดหงิดจนอดไม่ได้ที่จะถามออกไป  

 

 

[เซ่าเชิน แล้วทำไมเมิ่งชิงซีถึงอยู่กับคุณ คุณพ่อไปไหน]  

 

 

ถังโจวโจวคิดว่าคุณพ่อลั่วไม่น่าจะปล่อยให้คุณแม่ลั่วอยู่ที่โรงพยาบาลคนเดียว แล้วทำไมในห้องผู้ป่วยถึงมีแค่เมิ่งชิงซีอยู่ เมิ่งชิงซีเป็นใคร เธอไม่ใช่คนของตระกูลลั่วสักหน่อย ทำไมถึงต้องมาเฝ้าคุณแม่ลั่วด้วยตัวเองนานขนาดนี้  

 

 

 

 

 

ตอนที่ 245 ให้เมิ่งชิงซีมาเป็นสะใภ้  

 

 

ถังโจวโจวรู้สึกไม่มีความสุข และรู้ด้วยว่าทั้งหมดนี้เป็นความผิดของเธอเอง ถ้าเธอไม่ทำให้คุณแม่ลั่วบาดเจ็บ จะเปิดทางให้เมิ่งชิงซีมีโอกาสได้อย่างไร  

 

 

[คุณพ่อกลับไปพักผ่อน ส่วนเมิ่งชิงซีมาแต่เช้าแล้ว]  

 

 

[เซ่าเชิน คุณจะไม่ให้ฉันไปเยี่ยมคุณแม่จริงๆ หรือคะ]  

 

 

ลั่วเซ่าเชินรู้ผ่านโทรศัพท์มือถือว่าถังโจวโจวกำลังไม่พอใจ และเขาก็รู้ว่าเขาพูดแทงใจดำเธอเข้าแล้ว จึงรีบปลอบโยนทันที  

 

 

[เอาละ เมื่อกี้ผมผิดเอง]  

 

 

เมิ่งชิงซีเห็นลั่วเซ่าเชินยิ้มมุมปากอยู่นาน ในที่สุดก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม “เซ่าเชิน คุณเจอเรื่องอะไรที่น่าดีใจหรือคะ บอกให้คุณป้าดีใจด้วยสิคะ”  

 

 

เมิ่งชิงซีพยายามซ่อนความอิจฉาในใจ ไม่ให้ลั่วเซ่าเชินรู้สึกได้ แต่ลั่วเซ่าเชินก็เข้าใจในทันทีว่าอารมณ์ของเธอมีปัญหา ตอนแรกเมิ่งชิงซีคงตั้งเป้าหมายเอาไว้ว่า เธอจะทำตัวเป็นคนดีต่อหน้าลั่วเซ่าเชิน เพื่อให้ลั่วเซ่าเชินมองเธอเปลี่ยนไป  

 

 

“ไม่มีอะไร” ลั่วเซ่าเชินคลายรอยยิ้มทันที เอามือถือเก็บใส่กระเป๋า  

 

 

“อาเชิน ลูกไปซื้อของกินข้างนอกให้แม่หน่อยสิ”  

 

 

“แม่อยากกินอะไรครับ”  

 

 

“อะไรก็ได้หมด” คุณแม่ลั่วแค่อยากให้เขาออกไปเท่านั้น  

 

 

เมื่อคุณแม่ลั่วเห็นลั่วเซ่าเชินออกไปแล้ว คุณแม่ลั่วจึงดึงมือเมิ่งชิงซีไว้ และพูดว่า “ชิงซี ป้าอยากให้หนูมาเป็นสะใภ้ อยากให้หนูแต่งงานกับอาเชิน หนูจะยอมไหม”  

 

 

คุณแม่ลั่วคิดอยู่นานมาก และรู้สึกว่าลั่วเซ่าเชินสนใจแต่ถังโจวโจว จึงทำให้เมิ่งชิงซีไม่พอใจ ผ่านเรื่องนี้ไปไม่ว่าอย่างไรเธอก็จะไม่ยอมให้อภัยถังโจวโจว และตอนนี้เธอก็ได้วางแผนดีๆ เอาไว้แล้ว คือให้ลั่วเซ่าเชินหย่ากับถังโจวโจว หลังจากนั้นก็แต่งงานกับเมิ่งชิงซี  

 

 

เมิ่งชิงซีกลั้นน้ำตาไม่อยู่ เธอรอวันนี้มานาน ในที่สุดคุณแม่ลั่วก็เห็นใจเธอจริงๆ เสียที “คุณ…คุณป้า พูดจริงหรือเปล่าคะ หนูไม่อยากจะเชื่อเลย”  

 

 

เมิ่งชิงซีปิดปาก เธอไม่คิดว่าจู่ๆ คุณแม่ลั่วจะพูดอะไรให้เธอตกใจมากขนาดนี้  

 

 

“ชิงซี แต่ถ้าหนูไม่ยอม ป้าก็จะไม่บังคับ ป้ารู้ว่านี่เป็นความเห็นแก่ตัวของป้า…”  

 

 

“คุณป้าคะ หนูยอมค่ะ” เธอเพิ่งรู้สึกว่าออกจะดูรีบร้อนเกินไป เมิ่งชิงซีจึงรีบพูดอีกประโยคหนึ่ง “คุณป้าคะ ไม่ใช่อย่างที่คุณป้าคิดนะคะ…”  

 

 

ยิ่งเมิ่งชิงซีร้อนรน ก็ยิ่งพูดอธิบายไม่ได้ โชคดีที่คุณแม่ลั่วเข้าใจความหมายของเธอ “ชิงซี ป้ารู้ว่าหนูคิดอะไร วางใจเถอะ ป้าจะทำให้สิ่งที่หนูคิดสำเร็จได้จริง”  

 

 

เมิ่งชิงซีก้มหน้าเขินอาย สีหน้าของเธอไม่สามารถซ่อนความรู้สึกได้อีก คุณแม่ลั่วเห็นเมิ่งชิงซีเป็นผู้หญิงที่สง่างาม นี่สิถึงจะเหมาะเป็นลูกสะใภ้ของเธอ ไม่เหมือนกับถังโจวโจว  

 

 

“แม่ครับ ผมไม่รู้แม่อยากกินอะไร ก็เลยซื้อเค้กมา” ลั่วเซ่าเชินถือของเดินเข้ามา พลันเห็นว่าใบหน้าของเมิ่งชิงซีแดงก่ำไปหมด เมื่อครู่นี้เขาก็ไม่ได้พูดอะไรนี่  

 

 

“ชิงซี ทำไมหน้าคุณแดงขนาดนั้น”  

 

 

“อ้อ อาจเพราะในห้องร้อนไป คุณป้าคุยกับเซ่าเชินก่อนนะคะ หนูขอออกไปสูดอากาศข้างนอกสักหน่อย” เมิ่งชิงซีรีบร้อนออกไป คุณแม่ลั่วยิ้มอย่างมีความสุขอยู่ด้านหลัง  

 

 

“แม่ครับ มีเรื่องอะไรหรือครับ”  

 

 

ก่อนหน้านี้คุณแม่ลั่วไม่ได้อารมณ์ดีอย่างนี้ แต่พอคุณแม่ลั่วเจอหน้าเขา สีหน้าของเธอก็ไม่ดีใส่เขาดังเดิม  

 

 

“แม่แค่คุยเล่นกับชิงซี หรือว่าแม้แต่เวลาส่วนตัวของแม่ก็มีไม่ได้เหรอ”  

 

 

“แม่ครับ ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น”  

ตอนที่ 242 มีดบาด

 

 

           คุณแม่ลั่วต้องเปิดปากพูด ลั่วเซ่าเชินถึงยอมขยับ เขาหยิบแอปเปิลมาจากตะกร้าหนึ่งลูก เมิ่งชิงซีหยิบมีดออกจากลิ้นชักแล้วส่งให้เขา “เซ่าเชิน รบกวนด้วยนะคะ แต่คุณปอกให้คุณป้าทานก่อนเถอะค่ะ ฉันรอได้”

 

 

เมิ่งชิงซีมองตรงไปยังลั่วเซ่าเชิน ไม่ใช่ว่าเธอไม่ร้อนใจ แต่เธอแค่ต้องอดทนเท่านั้น เธอรอได้

 

 

ลั่วเซ่าเชินปอกผลไม้เงียบๆ คุณแม่ลั่วและเมิ่งชิงซีก็คุยกัน เมิ่งชิงซีมองลั่วเซ่าเชินอยู่ตลอด ความรู้สึกที่เธอมีต่อเขาไม่สามารถปกปิดได้

 

 

คุณแม่ลั่วมองเมิ่งชิงซีแล้วก็รู้สึกนับถือในจิตใจยึดมั่นนี้ เธอรู้ว่าเมิ่งชิงซีรักเขาไม่เปลี่ยน ก่อนหน้านี้เมิ่งชิงซีเคยบอกว่าจะปล่อยลั่วเซ่าเชินกับถังโจวโจวไป จะไม่ไปยุ่งวุ่นวายอีก คุณแม่ลั่วมองว่าเมิ่งชิงซีใช้ใจกับเธอและตระกูลลั่ว แตกต่างจากถังโจวโจวที่ใช้แต่พิษสง

 

 

“อาเชิน แม่ไม่ได้จะขอร้องอะไรมาก ขอแค่ให้ลูกหย่ากับถังโจวโจว แล้วแม่จะยกโทษให้เธอ”

 

 

“อ๊ะ เซ่าเชิน มือของคุณบาดเจ็บแล้วค่ะ ฉันจะไปเรียกพยาบาลมานะคะ” เมื่อเมิ่งชิงซีร้องเตือน ลั่วเซ่าเชินถึงพบว่ามือของตัวเองมีเลือดไหลออกมา เขาปอกผลไม้ไม่ระวัง มีดบาดเสียแล้ว

 

 

คุณแม่ลั่วเห็นลั่วเซ่าเชินเป็นแผลเพราะตัวเอง ก็ร้อนรนรีบลุกจากเตียง “อาเชิน มือลูกเป็นยังไงบ้าง ไม่เป็นไรใช่ไหม” คุณแม่ลั่วไม่คิดว่าลั่วเซ่าเชินโตขนาดนี้แล้วจะบาดเจ็บเพราะมีดปอกผลไม้ได้ หรือเป็นเพราะคำพูดของเธอเมื่อครู่นี้?

 

 

ถังโจวโจวมีผลกระทบต่อใจเขามากจริงๆ คุณแม่ลั่วรู้สึกไม่พอใจถังโจวโจวขึ้นมาอีกที่เธอมีความสำคัญต่อลั่วเซ่าเชินขนาดนี้

 

 

เมิ่งชิงซีเรียกพยาบาลมาจากข้างนอก เมื่อพยาบาลเห็นว่ามือของลั่วเซ่าเชินมีแผลแค่เล็กน้อยเท่านั้น ก็คิดว่าเมิ่งชิงซีทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ แต่พอเห็นว่าลั่วเซ่าเชินช่างเป็นคนที่โดดเด่นน่ามอง เธอจึงระงับความโกรธของตัวเองลงและทำแผลให้ลั่วเซ่าเชิน

 

 

“เอาละ ระวังอย่าให้โดนน้ำนะคะ”

 

 

พยาบาลทำแผลให้ลั่วเซ่าเชินเสร็จแล้วก็ออกไป เธอเพียงลอบมองลั่วเซ่าเชินเป็นครั้งคราว เพราะถ้าแฟนของเขารู้ว่าเธอมีความคิดอื่นๆ ในหัว เธอจะต้องซวยแน่ๆ เธอเป็นพยาบาลที่มีหน้าที่ดูแลผู้ป่วย ต้องแยกแยะให้ชัดเจน

 

 

“เซ่าเชิน ทำไมไม่ระวังเลยล่ะคะ เดี๋ยวฉันปอกต่อให้นะ?” เมิ่งชิงซีเห็นมือของลั่วเซ่าเชินมีแผลก็ไม่อยากให้ลั่วเซ่าเชินจับมีดอีก และในใจเธอก็รู้สึกเจ็บปวดราวกับเป็นแผลเสียเอง

 

 

“ไม่เป็นไร เมื่อกี้แค่เหม่อ คุณไปนั่งคุยเป็นเพื่อนคุณแม่เถอะ เดี๋ยวแอปเปิลก็ปอกเสร็จแล้ว” สาเหตุที่ลั่วเซ่าเชินต้องบาดเจ็บ เพราะคุณแม่ลั่วพูดถึงถังโจวโจวขึ้นมา เขาตกใจจึงไม่ได้ระวัง

 

 

ใช่ว่าคุณแม่ลั่วไม่อยากพูดซ้ำอีก ตอนนี้เมิ่งชิงซีเอาความสนใจทั้งหมดไปอยู่กับอาการบาดเจ็บของลั่วเซ่าเชิน แล้วตอนนี้ลั่วเซ่าเชินก็กำลังปอกผลไม้อยู่ ถ้าคุณแม่ลั่วพูดถึงถังโจวโจวขึ้นมาอีก เธอก็กลัวว่ามีดจะบาดมือลั่วเซ่าเชินอีกครั้ง หากเป็นอย่างนั้นคุณแม่ลั่วก็ต้องปวดใจกว่าใคร

 

 

ลั่วเซ่าเชินเห็นคุณแม่ลั่วไม่พูดถึงถังโจวโจวอีก ในใจก็โล่งอก ไม่พูดถึงก็ดี ลั่วเซ่าเชินไม่อยากได้ยินเรื่องหย่า เขาไม่อยากจบความสัมพันธ์กับถังโจวโจว

 

 

เขารู้ทันความหมายในประโยคนี้ของคุณแม่ลั่ว ที่อยากให้เขาหย่ากับถังโจวโจว หลังจากนั้นคงจะต้องให้เขาแต่งงานกับเมิ่งชิงซี แต่เมิ่งชิงซีเป็นผู้หญิงร้ายกาจอย่างนี้ เขาจะปล่อยลั่วอิงไว้กับเธอได้อย่างไร

 

 

“แม่ครับ แอปเปิลปอกเสร็จแล้ว ผมจะหั่นให้เป็นชิ้นๆ นะครับ ชิงซี ช่วยหยิบจานมาให้ผมที”

 

 

 

 

ตอนที่ 243 รับไม่ได้

 

 

           “ค่ะ เซ่าเชิน ฉันจะหยิบให้เดี๋ยวนี้”

 

 

เมิ่งชิงซีไปหยิบจานใส่ผลไม้มายื่นให้ลั่วเซ่าเชิน ลั่วเซ่าเชินเอาแอปเปิลที่หั่นใส่จาน เมิ่งชิงซีเสียบไม้จิ้มฟันทีละอัน “คุณป้าคะ ชิมเร็วค่ะ นี่เป็นแอปเปิลที่เซ่าเชินตั้งใจปอกให้คุณป้านะคะ”

 

 

เมิ่งชิงซีเห็นลั่วเซ่าเชินหยิบมีดขึ้นมาอีกครั้งและหยิบแอปเปิลออกมาจากตะกร้า จึงรีบบอกว่า “เซ่าเชิน ไม่ต้องปอกแล้วล่ะค่ะ ฉันไม่อยากกินแล้ว คุณพักเถอะ”

 

 

เมิ่งชิงซีเห็นมือลั่วเซ่าเชินบาดเจ็บ ก็ไม่สามารถทนได้หากต้องเห็นลั่วเซ่าเชินปอกผลไม้ให้เธอต่ออีก

 

 

คุณแม่ลั่วเห็นลั่วเซ่าเชินไม่ได้เป็นอะไรมาก ความปวดใจเมื่อครู่จึงกลายเป็นความโกรธ “ชิงซี ไม่ต้องไปห้าม ให้อาเชินปอกไปเถอะ ป้าเชื่อว่าถ้าป้าไม่พูดถึงถังโจวโจวอีก เขาก็คงจะไม่ทำมีดบาดแล้วล่ะ”

 

 

เมื่อฟังคำพูดของคุณแม่ลั่วแล้ว ลั่วเซ่าเชินก็ไม่ได้โต้แย้ง เพราะเมื่อครู่เขาคิดถึงถังโจวโจวอยู่จริง แล้วแผลนี้มันก็เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น ทั้งหมดที่คุณแม่ลั่วพูดมาล้วนถูกต้องแล้ว

 

 

เมิ่งชิงซีได้ยินชื่อถังโจวโจว สีหน้าก็ดูเศร้าไปไม่น้อย “เซ่าเชินคะ ฉันรู้ว่าคุณยังคิดถึงถังโจวโจว เพียงแต่คุณก็ต้องคิดถึงตัวเองด้วยนะคะ ถ้าเกิดคุณทำให้มือบาดเจ็บขึ้นมาอีก ฉันก็คงไม่กล้ากินแอปเปิลอีกแล้วล่ะค่ะ”

 

 

น้ำเสียงของเมิ่งชิงซีมีแต่ความจริงใจ ในสายตาคุณแม่ลั่วมีแต่ความไม่พอใจลั่วเซ่าเชิน ดูเหมือนตอนนี้เมิ่งชิงซีจะเป็นลูกสาวของเธอ ส่วนลั่วเซ่าเชินก็เป็นเพียงคนอื่น

 

 

“อาเชิน ชิงซีเป็นห่วงลูกขนาดนี้ แต่ในใจลูกกลับมีแต่ผู้หญิงอย่างถังโจวโจว ลูกคู่ควรกับความรักที่เมิ่งชิงซีมีให้ลูกมากกว่านะ”

 

 

“แม่ครับ เรื่องนี้มันใช้วิธีคิดแบบนี้ไม่ได้นะครับ” ลั่วเซ่าเชินรู้สึกว่าคุณแม่ลั่วพูดแต่เรื่องไร้สาระ ชอบคิดแต่อะไรอย่างนี้ ถ้าเมิ่งชิงซีชอบเขา เขาต้องรับรักหรือ? บนโลกนี้มีผู้หญิงตั้งมากมายที่ชอบเขา เขาต้องแต่งงานด้วยทั้งหมดไหม?

 

 

แน่นอนว่าเขาไม่โง่พอที่จะพูดสิ่งที่คิดออกมาต่อหน้าแม่ของเขา และทำให้คุณแม่ลั่วโกรธขึ้นมา

 

 

คุณแม่ลั่วยังไม่ยอมแพ้ “ชิงซี หนูช่วยไปเรียกพยาบาลมาให้ป้าหน่อยได้ไหม น้ำเกลือป้าใกล้จะหมดแล้ว”

 

 

เมิ่งชิงซีเห็นว่าน้ำเกลือคุณแม่ลั่วหายไปเพียงหนึ่งในสี่ เธอรู้แล้วว่าคุณแม่ลั่วหาข้ออ้าง แต่เธอก็ยังคงยิ้มออกมาเป็นปกติ “ได้ค่ะคุณป้า ฉันจะไปเรียกให้ค่ะ เซ่าเชิน อยู่เป็นเพื่อนคุณป้าก่อนนะคะ อย่าเพิ่งพูดอะไรให้ท่านโกรธ”

 

 

คุณแม่ลั่วเห็นเมิ่งชิงซีออกไปจากห้องแล้วก็พูดขึ้นทันที “อาเชิน ชิงซีดีกับลูกขนาดนี้ ลูกไม่มีความรู้สึกอะไรกับเธอเลยหรือ”

 

 

“แม่ครับ ไม่ใช่ว่าใครดีกับผม แล้วผมจะต้องดีตอบทุกคน และถ้าแม่จะให้ผมแต่งกับเธอ ผมก็ต้องบอกว่าคงจะไม่ได้ แม่ไม่คิดถึงหลานสาวของแม่หน่อยหรือครับ”

 

 

“ทำไมแม่จะไม่คิดถึงลั่วอิง” คุณแม่ลั่วรู้สึกว่าคำพูดนี้ของลั่วเซ่าเชินไม่มีเหตุผล เธอเป็นย่าของลั่วอิงนะ แล้วจะไม่หวังดีกับหลานได้อย่างไร

 

 

“จิตใจของเมิ่งชิงซีไม่เหมาะกับลั่วอิง ผมจะไม่มีวันส่งตัวลูกให้ผู้หญิงคนนั้นดูแลแน่นอนครับ” ลั่วเซ่าเชินพูดจนทำให้เมิ่งชิงซีที่ยืนแอบฟังอยู่ข้างนอกเจ็บปวด

 

 

เมิ่งชิงซีจับประตูแน่น เมื่อครู่เธอรู้ว่าคุณแม่ลั่วต้องมีเรื่องอะไรจะพูดกับลั่วเซ่าเชิน ดังนั้น เธอจึงไม่ได้ไปไกล เพราะอยากฟังว่าคุณแม่ลั่วจะคุยอะไรกับลั่วเซ่าเชิน

 

 

ที่แท้ก็พูดเรื่องเธอจริงๆ เมิ่งชิงซีรู้สึกว่าความพยายามของเธอไม่สูญเปล่า แต่น่าเสียดายที่ลั่วเซ่าเชินกลับเป็นคนไม่มีความรู้สึก ทำเป็นไม่รับรู้ว่าใจเธอคิดอย่างไร ทั้งๆ ที่ลั่วเซ่าเชินรู้ว่าเธอคิดอย่างไรกับเขา

 

 

“ชิงซีเป็นผู้หญิงที่จิตใจดีมาก ถังโจวโจวของลูกต่างหากที่เป็นคนไม่ดี อาเชิน ใจของลูกบอดหรือไง” คุณแม่ลั่วเห็นลั่วเซ่าเชินไม่ตอบ อยู่ๆ เธอก็หายใจอย่างรวดเร็วและจับหน้าอกไว้แน่น

ตอนที่ 240 อยู่เป็นเพื่อนคุณแม่

 

 

           “ชิงซี ทำไมมาแต่เช้าเลยล่ะ กินอะไรมาหรือยัง”

 

 

“ยังเลยค่ะ แต่ถ้าคุณลุงคุณป้าไม่ถือสา หนูก็จะขอกินข้าวเช้าเป็นเพื่อนด้วยนะคะ แต่ถ้าคุณลุงคุณป้าไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรค่ะ”

 

 

คุณแม่ลั่วจะทำให้เมิ่งชิงซีเสียใจได้อย่างไร เธอรีบตอบอย่างยิ้มแย้มทันที “ชิงซีดีขนาดนี้ ป้าจะใจร้ายกับหนูได้ยังไงล่ะ รีบเอาของออกมาเร็ว ป้าหิวแล้ว ชิงซีก็กินข้าวเป็นเพื่อนป้าด้วยนะ”

 

 

คุณพ่อลั่วช่วยปรับเตียงให้ตั้งขึ้นมา เมิ่งชิงซีก็จัดการเรื่องอาหาร เธอหยิบออกมาทีละอย่าง “คุณป้าคะ นี่หนูตั้งใจให้แม่บ้านทำมาให้เป็นพิเศษเลยนะคะ คุณป้าลองชิมดูว่าถูกปากหรือเปล่า”

 

 

“จ้ะ ชิงซีมีน้ำใจจริงๆ ป้ามีความสุขมากเลยนะ” คุณแม่ลั่วรู้สึกว่าสิ่งที่เมิ่งชิงซีทำได้ใจเธอไปเต็มๆ

 

 

ลั่วเซ่าเชินเดินถือของเข้ามา พลันได้ยินเสียงหัวเราะดังออกมาจากในห้องผู้ป่วย  เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงหัวเราะมีความสุขกันขนาดนี้

 

 

ลั่วเซ่าเชินเดินเข้ามาเห็นเมิ่งชิงซีก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไร “ชิงซี คุณมาแล้วเหรอ”

 

 

ลั่วเซ่าเชินเห็นว่าบนโต๊ะมีของกินแล้ว และรู้ว่าเป็นเมิ่งชิงซีที่เอามา ส่วนรอยยิ้มบนใบหน้าของคุณพ่อคุณแม่ลั่วก็พลันจางหายไปเมื่อเห็นหน้าเขา ลั่วเซ่าเชินรู้ดี ตอนนี้เขากลายเป็นตัวทำลายความสุขของครอบครัวไปแล้ว “พ่อครับ แม่ครับ ในเมื่อชิงซีอยู่เป็นเพื่อนแล้ว ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวไปบริษัทก่อนนะครับ”

 

 

“อาเชิน ลูกจะรีบไปทำไม”

 

 

หลังจากคุณแม่ลั่วฟื้นขึ้นมาในครั้งนี้ เธอมองตรงไปที่ลั่วเซ่าเชิน มองเข้าไปในดวงตาสีดำของเขา คุณแม่ลั่วรู้ว่าปกติลูกชายก็ทำงานหนักมากแล้ว มาครั้งนี้ก็เกิดเรื่องกับเธออีก คงทำให้เขาเป็นห่วงมาก แต่เธอจะทำอย่างไรให้ถังโจวโจวออกไปจากชีวิตของลูกชายได้เสียที

 

 

“แม่ครับ ที่บริษัทยังมีเรื่องให้ผมต้องจัดการอีกมาก ผมคงอยู่เป็นเพื่อนไม่ได้” ลั่วเซ่าเซินก็ไม่อยากอยู่กับเมิ่งชิงซีด้วย ในเมื่อตอนนี้คุณพ่อคุณแม่ลั่วชอบเธอมาก ก็ให้เธออยู่ไป แต่อย่างน้อยก็ไม่ต้องให้เขาอยู่ใกล้เธอได้ไหม

 

 

“เซ่าเชิน ตอนนี้คุณป้าสุขภาพไม่แข็งแรง คุณจะไม่อยู่เป็นเพื่อนคุยท่านหน่อยหรือคะ งานที่บริษัทคงไม่สำคัญไปกว่าสุขภาพของคุณป้าหรอกใช่ไหมคะ”

 

 

เมิ่งชิงซีอยากจะเข้าไปดึงแขนของลั่วเซ่าเชิน แต่ตอนนี้มีคุณพ่อคุณแม่ลั่วอยู่ด้วย เธอไม่ควรทำอย่างนั้น เธอได้แต่จับมือตัวเองไว้ พยายามควบคุมความปรารถนาของหัวใจตัวเอง

 

 

เธออยากเข้าใกล้ลั่วเซ่าเชินให้มากกว่านี้ ตั้งแต่เมื่อวานที่ลั่วเซ่าเชินยอมให้เธอแตะต้องตัวเขา แม้เพียงเล็กน้อยแต่เมิ่งชิงซีก็ไม่อยากให้ความสัมพันธ์ของเธอกับลั่วเซ่าเชินต้องกลับไปเย็นชาเหมือนเดิมอีก อันที่จริงเธอกับลั่วเซ่าเชินควรได้อยู่ด้วยกัน เป็นคู่ชีวิตที่สมบูรณ์แบบ แต่ทั้งหมดกลับเป็นไปไม่ได้เสียทีเพราะถังโจวโจว

 

 

เมิ่งชิงซีคิดเพียงว่า ผ่านเรื่องนี้ไปได้เมื่อไร คุณแม่ลั่วต้องไม่ยอมให้อภัยถังโจวโจวง่ายๆ แน่ เธอแค่เพียงต้องใช้คุณพ่อคุณแม่ลั่วเป็นเครื่องมือ รอแค่เวลาที่ถังโจวโจวจะต้องออกไปจากตระกูลลั่วมาถึงเท่านั้น

 

 

เดิมทีลั่วเซ่าเชินอยากจะเดินออกไป แต่คำพูดนี้ของเมิ่งชิงซีมีน้ำหนักมากพอ เขาต้องยอมรับว่าสุขภาพของคุณแม่ลั่วย่อมสำคัญมากกว่าบริษัท ซึ่งเขาก็ต้องทำหน้าที่ลูกที่ดี

 

 

“เอาเถอะครับแม่ ในเมื่อชิงซีพูดอย่างนี้ วันนี้ผมก็จะอยู่เป็นเพื่อนแม่นะครับ พ่อครับ พ่อกลับไปพักที่บ้านก่อนไหมครับ วันนี้ผมจะดูแลแม่เอง เมื่อวานพ่อก็อยู่มาทั้งวันแล้ว”

 

 

ลั่วเซ่าเชินเห็นว่าคุณพ่อลั่วเหนื่อยล้ามากเต็มที ถ้าคุณพ่อลั่วต้องกลับบ้าน หน้าที่ดูแลคุณแม่ลั่วก็ต้องตกเป็นของลั่วเซ่าเชิน เมื่อวานคุณพ่อลั่วเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว แม้จะมีช่วงเวลาที่เป็นสุขเมื่อได้เห็นคุณแม่ลั่วฟื้นขึ้นมาเป็นปกติ แต่หลังจากนั้นอารมณ์ของเขาก็ขึ้นๆ ลงๆ ซึ่งก็เกิดจากพักผ่อนไม่เพียงพอ

 

 

 

 

ตอนที่ 241 คุณพ่อลั่วเป็นห่วง

 

 

           คุณแม่ลั่วก็เห็นด้วย “นั่นสิ เหวินอวี๋ อย่าทำให้ร่างกายคุณต้องเหนื่อยเพราะฉันเลย ในเมื่ออาเชินพูดแบบนี้แล้ว คุณก็กลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ วางใจได้ ตอนนี้ร่างกายฉันดีขึ้นแล้ว”

 

 

คุณพ่อลั่วมองผ้าพันแผลสีขาวบนหน้าผากคุณแม่ลั่ว แม้คุณแม่ลั่วจะพูดว่าไม่เป็นไรแล้ว แต่คุณพ่อลั่วก็อดกังวลไม่ได้ เพราะหากมีอะไรเกิดขึ้นกับคุณแม่ลั่วตอนที่เขาไม่อยู่ แล้วเขาจะทำอย่างไร

 

 

“อวี้ฮุ่ย ผมอยู่เป็นเพื่อนคุณดีกว่า ผมไม่วางใจ” คุณพ่อลั่วไม่วางใจเรื่องอะไร มีหรือคุณแม่ลั่วจะไม่รู้ เพียงแต่เธอก็เป็นห่วงสุขภาพของคุณพ่อลั่วเช่นกัน ตอนนี้เธอเองก็ฟื้นแล้ว และอาเชินกับเมิ่งชิงซีก็อยู่ด้วย เธอไม่อยากให้คุณพ่อลั่วต้องทนเหนื่อยอีก

 

 

“เหวินอวี๋ ถ้าคุณไม่อยากให้ฉันต้องกังวลก็ต้องกลับบ้านไปพักผ่อน อาเชินกับชิงซีก็อยู่นี่ คุณจะยังไม่วางใจเรื่องอะไรอีกหรือ” คุณแม่ลั่วเห็นว่าคุณพ่อลั่วยังเป็นห่วงเธอ เธอก็รู้สึกภูมิใจกับตัวเอง เพราะเธอได้ทำสิ่งที่ถูกต้องที่สุดในชีวิตของเธอ นั่นก็คือการเลือกลั่วเหวินอวี๋เป็นสามี

 

 

“อวี้ฮุ่ย…” คุณพ่อลั่วยังคิดอยากพูดอะไรต่อ แต่กลับถูกคุณแม่ลั่วขัดจังหวะ

 

 

“เหวินอวี๋ คุณฟังฉันเถอะ กลับไปพักผ่อน ไม่มีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นหรอก”

 

 

เมิ่งชิงซีเห็นว่ามีโอกาสดีขนาดนี้ จึงรีบพูดขึ้นทันที “ใช่ค่ะคุณลุง ฟังคุณป้าเถอะนะคะ ตอนนี้คุณป้าไม่เป็นอะไรแล้ว คุณลุงอย่าทำให้คุณป้าเป็นกังวลอีกเลยค่ะ”

 

 

“ชิงซี ถ้าอย่างนั้นช่วยดูแลคุณป้าด้วยนะ” ในที่สุดคุณพ่อลั่วก็ถูกเมิ่งชิงซีโน้มน้าวได้สำเร็จ เขาจะไม่ทำให้คุณแม่ลั่วเป็นกังวลเพราะเรื่องเล็กน้อยอย่างนี้

 

 

“อวี้ฮุ่ย งั้นผมกลับก่อนล่ะ ตอนบ่ายผมจะมาเยี่ยมคุณใหม่”

 

 

“ได้ รีบไปเถอะ กลับไปพักผ่อน” คุณแม่ลั่วรู้ว่าเมื่อวานคุณพ่อลั่วกังวลเรื่องอาการของเธอ หลับก็ไม่สนิท แต่ตอนนี้คุณพ่อลั่วก็อายุมากแล้ว ถึงเวลาที่เขาจะต้องใส่ใจกับตัวเองให้มากเสียที

 

 

คุณพ่อลั่วออกจากโรงพยาบาลอย่างไม่เต็มใจ ส่วนเมิ่งชิงซีก็ทันเห็นว่าลั่วเซ่าเชินเบี่ยงตัวออกไปเล็กน้อยเมื่อเธอขยับเก้าอี้เข้ามาใกล้ “เซ่าเชิน คุณนั่งคุยเป็นเพื่อนคุณป้านะคะ ฉันจะปอกผลไม้ให้”

 

 

“ชิงซี ถือมีดปอกผลไม้มันอันตราย มาอยู่คุยเป็นเพื่อนป้าดีกว่า ให้เซ่าเชินเป็นคนปอกผลไม้ให้หนูทานเถอะ” คุณแม่ลั่วไม่อยากให้เมิ่งชิงซีใช้มีด เกิดบาดเจ็บขึ้นมาจะทำอย่างไร

 

 

เมิ่งชิงซีได้ยินคุณแม่ลั่วพูดอย่างนี้ จึงอายก้มหน้านิ่ง “คุณป้า เรื่องแค่นี้ให้หนูทำก็ได้ค่ะ” เมิ่งชิงซีเอ่ยเสียงอ่อนเสียงหวาน เธอหันไปมองลั่วเซ่าเชิน แต่เห็นเขายังนั่งนิ่งอยู่จึงรู้สึกผิดหวังมาก

 

 

ที่ลั่วเซ่าเชินไม่อยากทำให้เธอ มันช่างน่าหงุดหงิด หรือเธอสู้ถังโจวโจวในใจเขาไม่ได้ ตอนนี้ก็เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าเธอคือคนที่ได้อยู่เป็นเพื่อนคุณแม่ลั่ว แต่ทำไมในสายตาของลั่วเซ่าเชินถึงไม่มองมาที่เธอบ้างเลย

 

 

คุณแม่ลั่วรู้สึกได้ว่าบรรยากาศภายในห้องค่อนข้างตึงเครียด สังเกตเห็นว่าเมิ่งชิงซีไม่ละสายตาไปจากลั่วเซ่าเชินเลย เธอจึงหันไปเห็นว่าลูกชายของตัวเองไม่สนใจเมิ่งชิงซีแม้แต่น้อย เพียงนั่งนิ่งๆ อยู่ที่เดิมตรงนั้นเหมือนกับกองไม้กองหนึ่ง คุณแม่ลั่วรู้ได้ทันทีว่าในใจเขาคิดอะไรอยู่ เขายังลืมถังโจวโจวไม่ได้

 

 

หลังจากเหตุการณ์นี้ คุณแม่ลั่วยิ่งเกลียดถังโจวโจวมากขึ้น เธอตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ยอมให้ถังโจวโจวเป็นสะใภ้ของตระกูลลั่วอีกต่อไป ถ้าเธอยังจัดการเรื่องนี้ไม่ได้ เห็นทีชีวิตเธอคงต้องตกอยู่ในเงื้อมมือของถังโจวโจวเป็นแน่ ตอนนี้ลูกชายก็ไม่สนใจถึงความปลอดภัยของเธอเลยแม้แต่น้อย คุณแม่ลั่วคิดอย่างนั้นก็รู้สึกโกรธขึ้นมา

 

 

“อาเชิน ชิงซีตั้งใจมาหาแม่ ลูกก็ปอกแอปเปิลให้เธอทานหน่อยเถอะ”

ตอนที่ 238 ภูเขาไม่มาหาฉัน ฉันก็จะไปหาภูเขา  

 

 

[เซ่าเชิน คุณแม่เป็นยังไงบ้างคะ] ถังโจวโจวขมวดคิ้วแน่น เธอไม่รู้ว่าถ้าลั่วเซ่าเชินเห็นคำถามนี้แล้วจะคิดถึงเรื่องเมื่อกลางวันไหม แล้วถ้าเขาไม่สนใจเธออีก เธอควรจะทำอย่างไร  

 

 

ไม่ได้! ถังโจวโจว เธอต้องตั้งสติ ภูเขาไม่มาหาฉัน ฉันก็จะไปหาภูเขา  ถังโจวโจวคิดว่า ตอนนี้เธอจะฟุ้งซ่านไม่ได้ เธอต้องอดทนไว้  

 

 

ลั่วเซ่าเชินอ่านข้อความของถังโจวโจวแล้ว ก็ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น เขาปิดตาลง ไม่อยากมองไปที่หน้าจออีก เมื่อพูดถึงคุณแม่ลั่วขึ้นมา ความสุขเมื่อครู่นี้ทั้งหมดของลั่วเซ่าเชินพลันหายไป หลังจากนี้คุณแม่ลั่วจะขัดขวางเขากับถังโจวโจวไม่ให้อยู่ด้วยกันจนถึงที่สุด ประหนึ่งเป็นภูเขาลูกใหญ่ที่ทั้งสองคนจะข้ามผ่านไปไม่ได้  

 

 

ลั่วเซ่าเชินไตร่ตรองดูอีกครั้ง ทำไมจู่ๆ วันนี้คุณแม่ลั่วถึงตกบันได เขาคิดอย่างละเอียดถี่ถ้วน ตอนนั้นมีคนยืนอยู่สามคน คุณแม่ลั่ว ถังโจวโจว และเมิ่งชิงซี  

 

 

เมิ่งชิงซียืนอยู่กับถังโจวโจว ตอนนั้นสีหน้าของถังโจวโจวตกใจมาก มือไม้สั่นไปหมด ส่วนสีหน้าของเมิ่งชิงซีก็รู้สึกเหมือนเสียใจมาก เธอมองถังโจวโจวด้วยสายตาเห็นอกเห็นใจ  

 

 

ลั่วเซ่าเชินยกมือขึ้นปิดตา ไม่อยากคิดถึงเรื่องนี้อีก ไม่ว่าถังโจวโจวจะเป็นคนทำหรือไม่ ในใจเขาก็เชื่อเสมอว่าถังโจวโจวไม่ใช่คนอย่างนั้น เขาตัดสินใจแล้วไม่ใช่หรือ ฉะนั้นก็ไม่ควรคิดเรื่องนี้ให้กวนใจอีก  

 

 

ถังโจวโจวรออยู่นานแล้วลั่วเซ่าเชินก็ยังไม่ตอบข้อความกลับมา ดูท่าลั่วเซ่าเชินคงจะโกรธเธอจริงๆ ถังโจวโจวถอนหายใจ ขณะเดียวกันก็รู้สึกว่าเรื่องนี้แปลกมาก ทำไมตอนนี้กลายเป็นว่าเธอถูกอิทธิพลของเมิ่งชิงซีควบคุมทุกอย่างไว้ได้หมด  

 

 

ถังโจวโจวคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่นาน แต่ตอนนี้เรื่องก็เกิดขึ้นแล้ว คุณแม่ลั่ว คุณพ่อลั่ว แม่นมจ้าว ลั่วเซ่าเชิน และเมิ่งชิงซี ต่างก็เข้าใจไปในทิศทางเดียวกันว่าเธอเป็นคนทำ และไม่ว่าถังโจวโจวจะมีอีกกี่ร้อยปาก ก็คงไม่พอใช้แก้ตัว  

 

 

ฉันควรจะทำยังไงดี  ถังโจวโจวไม่อยากห่างจากลั่วเซ่าเชิน แต่ตอนนี้คุณพ่อคุณแม่ลั่วคงเกลียดเธอหนักมากกว่าเดิม หากผ่านเรื่องนี้ไปแล้ว ถังโจวโจวคิดว่าด้วยการกระทำของเมิ่งชิงซีในครั้งนี้ ไม่แน่ว่าคุณพ่อคุณแม่ลั่วอาจจะทำให้เมิ่งชิงซีได้อยู่ด้วยกันกับลั่วเซ่าเชินสมใจก็เป็นได้  

 

 

แล้วทุกคนก็จะอยู่กันอย่างมีความสุข เธอกลัวว่าแม้แต่ลั่วเซ่าเชินก็จะเห็นด้วยกับความคิดนี้ ถังโจวโจวคิดไปถึงว่าปกติลั่วเซ่าเชินกับเธอชอบทะเลาะกัน แล้วก็มีหลายครั้งที่เขาก็ไม่ยอมให้เธอ  

 

 

“ถังโจวโจว เธอคิดอะไรอยู่ เมื่อกี้เธอเพิ่งบอกตัวเองไม่ใช่หรือว่าจะไม่ยอมแพ้ แล้วยังจะคิดเรื่องแย่ๆ อีกทำไม เธอต้องรวบรวมสติ ห้ามท้อถอยเด็ดขาด”  

 

 

หลังจากถังโจวโจวให้กำลังใจตัวเองแล้ว ก็ส่งข้อความหาลั่วเซ่าเชินอีก  

 

 

[เซ่าเชิน ฉันรู้ว่าตอนนี้คุณไม่อยากเจอฉัน แต่ฉันก็เป็นห่วงสุขภาพคุณแม่ คุณบอกฉันหน่อยได้ไหมคะ]  

 

 

[เซ่าเชิน แล้วลั่วอิงล่ะ เธอคิดถึงฉันไหม]  

 

 

[เซ่าเชิน ตอนฉันไม่อยู่ คุณก็ดูแลสุขภาพตัวเองด้วยนะคะ นอนดึกให้น้อยลง ดื่มกาแฟให้น้อยลง มันไม่ดีต่อสุขภาพ]  

 

 

เสียงแจ้งเตือนดังไม่หยุด ลั่วเซ่าเชินเห็นถังโจวโจวส่งข้อความมาเรื่อยๆ ใจที่แข็งเป็นหินก็ค่อยๆ อ่อนยวบลง ซึ่งเดิมทีหัวใจของลั่วเซ่าเชินก็ไม่ได้เย็นชาต่อถังโจวโจวอยู่แล้ว  

 

 

[คุณแม่ฟื้นแล้ว]  

 

 

[ลั่วอิงถามอยู่ตลอดว่าเมื่อไรคุณจะกลับมา]  

 

 

[คุณเองก็ดูแลตัวเองด้วย อย่าเดินเท้าเปล่า ใส่รองเท้าด้วย]  

 

 

เนื่องจากถังโจวโจวเป็นคนขี้ลืม เธอกลับไปอยู่ที่บ้านอย่างนี้ เขาไม่มีโอกาสดูแลเธอเหมือนเคย ไม่รู้จะป่วยไปอีกไหม แล้วคุณแม่ถังจะใส่ใจเธอถึงจุดนี้เหมือนเขาไหม ลั่วเซ่าเชินคิดแล้วก็กังวลเล็กน้อย  

 

 

 

 

 

ตอนที่ 239 ฝันดี  

 

 

           เมื่อเห็นข้อความที่ลั่วเซ่าเชินตอบกลับมา ถังโจวโจวก็อดถอนหายใจอย่างโล่งอกไม่ได้ ในที่สุดลั่วเซ่าเชินก็สนใจเธอ ถังโจวโจวกลิ้งตัวอย่างมีความสุขบนเตียงไปพร้อมกับโทรศัพท์มือถือของเธอ  

 

 

ก๊อกๆๆ  “โจวโจว ลูกกำลังทำอะไรอยู่ แม่เข้าไปได้ไหม” คุณแม่ถังเคาะบอกถังโจวโจวก่อน หลังจากคุณแม่ถังถามจบก็เปิดประตูเข้ามาเลย  

 

 

โชคยังดี ตอนที่คุณแม่ถังเรียกถังโจวโจว เธอก็หยุดกลิ้งไปมาแล้ว เธอรีบลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วตรงขอบเตียง ผมเผ้ายุ่งเหยิงเล็กน้อย  

 

 

“โจวโจว เมื่อกี้ลูกทำอะไรอยู่น่ะ” คุณแม่ถังเห็นว่าผมของถังโจวโจวยุ่งเหยิง จึงมองถังโจวโจวอย่างสงสัย ในมือถือจานผลไม้เข้ามา ก่อนจะวางไว้ให้บนโต๊ะเครื่องแป้ง  

 

 

“รีบมากินผลไม้เร็ว แม่ทำมาให้”  

 

 

“โอ้โฮ แม่ช่างดีกับหนูจริงๆ”  

 

 

ถังโจวโจวตรงเข้าไปจูบแก้มของคุณแม่ถัง คุณแม่ถังลูบแก้มดูว่าไม่มีน้ำลายแล้วก็บ่นออกมา “เอาละๆ อายุเท่าไรแล้ว ยังทำตัวเหมือนเด็กอยู่อีก รีบเอาหน้าออกไปเลย กินผลไม้ให้เสร็จแล้วก็นอนซะ แม่ไปก่อนล่ะ”  

 

 

“แม่คะ หนูรักแม่ที่สุดเลยนะ” เมื่อถังโจวโจวเห็นว่าคุณแม่ถังออกจากห้องไปแล้ว เธอก็ตรงไปล็อกห้องไว้ทันที หลังพิงประตู เมื่อครู่เธอตกใจแทบแย่ ถ้าคุณแม่ถังได้เห็นท่าทางดีใจของเธอ คงจะต้องถามไม่เลิกแน่ๆ  

 

 

“เฮ้อ โชคดีที่ฉันไหวตัวทัน” ผลไม้ทั้งหมดในจานบนโต๊ะเครื่องแป้งมีไม้จิ้มฟันปักอยู่ ถังโจวโจวจึงหยิบมากินทีละชิ้นๆ แอปเปิลแสนหวานนี้ ทำให้เธออดไม่ได้ที่จะกินแล้วกินอีก  

 

 

ถังโจวโจวจัดการผลไม้ให้หมดลงได้อย่างรวดเร็ว แต่เธอก็ยังไม่ลืมลั่วเซ่าเชิน เธอขึ้นไปนอนบนเตียงอีกครั้งแล้วส่งข้อความต่อ  

 

 

[เซ่าเชิน คุณนอนหรือยังคะ]  

 

 

ความรู้สึกแบบนี้ดีมากเลย ทำให้เธอรู้สึกเหมือนว่าเธอกับลั่วเซ่าเชินกำลังจีบกันอยู่ ทั้งสองคนส่งข้อความหากันและกัน แม้ว่าความจริงเธอกับลั่วเซ่าเชินจะแต่งงานกันแล้วก็ตาม แต่ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนไม่ได้เริ่มต้นเหมือนอย่างคู่รักทั่วไปที่ได้ใกล้ชิดกันมาก่อน  

 

 

สิ่งที่เรียกว่า ‘ความใกล้ชิด’ นี้ของถังโจวโจว หมายถึงจิตใจไม่ใช่ร่างกาย  

 

 

[ยัง คุณมีอะไรอีกเหรอ]  

 

 

ถังโจวโจวเห็นข้อความนี้ก็คิดว่าลั่วเซ่าเชินคงเริ่มรำคาญแล้ว เธอจึงรีบตอบกลับไป  

 

 

[เปล่าค่ะ ฉันแค่อยากจะเตือนคุณให้คุณนอนได้แล้ว ฉันก็จะนอนแล้วเหมือนกัน]  

 

 

[เซ่าเชิน ฝันดีนะ]  

 

 

ลั่วเซ่าเชินเห็นถังโจวโจวหยุดส่งข้อความมาแล้ว ในขณะที่เขายังอยากส่งข้อความหาเธออีก เพราะตอนนี้เขาไม่ง่วงเลยสักนิด แต่ถังโจวโจวบอกจะนอนแล้ว เขาก็ทำได้แค่เลิกล้มความคิดไป “น่าหงุดหงิดจริงๆ” ไม่รู้ว่าคำพูดนี้ของลั่วเซ่าเชินกำลังว่าใคร  

 

 

“ฮัดเช้ย!” ถังโจวโจวลูบจมูกของตัวเอง “ใครบ่นถึงฉันนะ”  

 

 

เธอคิดอยู่พักหนึ่งก็เลิกใส่ใจ ลุกไปหยิบเสื้อผ้า เตรียมตัวไปอาบน้ำ  

 

 

เช้าวันถัดมา เมิ่งชิงซีก็ถืออาหารที่เธอให้แม่บ้านปรุงตั้งแต่เช้ามาเยี่ยมคุณแม่ลั่ว  

 

 

คุณแม่ลั่วเพิ่งตื่นพอดี เมื่อเห็นว่าเมิ่งชิงซีมา ใบหน้าก็ยิ้มไม่หุบ “ชิงซี ทำไมมาแต่เช้าเลยล่ะจ๊ะ”  

 

 

“คุณป้าคะ ฉันตั้งใจเอาอาหารเช้ามาให้ค่ะ นี่คือซุปสตูว์บำรุงร่างกาย คุณป้าจะต้องทานให้มากๆ นะคะ”  

 

 

เมิ่งชิงซีวางของลงบนโต๊ะ คุณพ่อลั่วที่เพิ่งออกมาจากห้องน้ำได้ยินคำพูดของเมิ่งชิงซีเข้าพอดี  

 

 

เมิ่งชิงซีได้ยินเสียงจากทางด้านหลัง จึงหันตัวกลับไปมอง “คุณลุง อรุณสวัสดิ์ค่ะ  

ตอนที่ 236 ไต่ถาม  

 

 

“แม่คะ ไม่ว่าแม่ทำอะไรก็ต้องอร่อยแน่นอนอยู่แล้ว” ถังโจวโจวชิมไปหนึ่งคำ ก็ทำให้รู้สึกหิวมากกว่าเดิมทันที รีบตักเข้าปาก ด้วยเหตุนี้จึงทำให้คุณแม่ถังรู้สึกว่าถังโจวโจวต้องหิวมากแน่ๆ  

 

 

“ไหนบอกมาซิว่าทำไมลูกถึงไม่รู้จักหาอะไรกิน พอหิวจนปวดท้อง ลูกจะทรมานมาก จำไม่ได้หรือไง” ถังโจวโจวกินบะหมี่ไป คุณแม่ถังก็สั่งสอนไปพลาง เมื่อก่อนถังโจวโจวเคยรู้สึกว่าเสียงพร่ำบ่นนี้ช่างน่าเบื่อ แต่วันนี้กลับไพเราะน่าฟังเหลือเกิน  

 

 

“แม่คะ ที่แม่พูดมาทั้งหมดหนูรู้แล้ว ครั้งหน้าหนูจะจำไว้ค่ะ” บะหมี่หนึ่งชามถูกถังโจวโจวกินจนหมดในเวลาอันรวดเร็ว คุณแม่ถังรับชามกลับมา เธอรู้ดีว่าตอนนี้เธอพูดอะไรไป ถังโจวโจวก็คงทำหูทวนลม  

 

 

ถังโจวโจวเห็นคุณแม่ถังไม่ซักไซ้ถามเธออีก เธอจึงลากกระเป๋าเข้าห้องไป ถังโจวโจวสูดลมหายใจลึกๆ แล้วทิ้งตัวนอนลงบนเตียง แค่ปิดตาเท่านั้น ถังโจวโจวก็ผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว  

 

 

เมื่อถังโจวโจวตื่นขึ้นมาก็ถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว คุณพ่อถังก็กลับมาแล้ว ถังโจวโจวเดินออกมาจากห้องนอน พลันได้ยินเสียงทักทายมา “โจวโจว กลับมาแล้วเหรอ”  

 

 

เห็นคุณพ่อถังไม่ประหลาดใจสักเท่าไร ถังโจวโจวจึงเดาว่าคุณแม่ถังคงจะเล่าให้ฟังหมดแล้ว “พ่อคะ หนูกลับมาอยู่เป็นเพื่อนพ่อ พ่อไม่ดีใจเหรอ”  

 

 

ถังโจวโจวลูบท้องคุณพ่อถัง เอนซบใบหน้าลงบนไหล่คุณพ่อถังพลางออดอ้อน คุณพ่อถังหัวเราะลั่น “ดีใจสิ แค่โจวโจวกลับมา พ่อก็ดีใจหมดนั่นแหละ แต่ลูกต้องบอกพ่อมาตามตรงว่าเกิดอะไรขึ้น”  

 

 

คุณพ่อถังเคยคิดฝันว่า ถ้าถังโจวโจวอยู่เป็นเพื่อนเขาตลอดไปได้ก็คงดี แต่เขาก็เข้าใจ ถังโจวโจวแต่งงานออกไปแล้ว ก็เป็นคนของบ้านอื่นแล้ว เขาจะยังทำเหมือนว่าถังโจวโจวเป็นเด็กอยู่ก็คงไม่ได้ ไม่มีทางที่เธอจะอยู่กับพ่อไม่จากไปไหนได้อีก  

 

 

เดิมทีถังโจวโจวคิดว่าคุณพ่อถังน่าจะไม่ถามถึงเรื่องนี้ เธอจึงกลอกตาเล็กน้อย “พ่อคะ แม่ให้พ่อมาถามหนูใช่ไหม หนูบอกแม่ไปหมดแล้วนี่คะ” ถังโจวโจวนั่งลงข้างๆ หยิบรีโมทมาเปิดทีวี มีรายการวาไรตี้โชว์ในโทรทัศน์  

 

 

ถังโจวโจวดูโทรทัศน์อย่างเพลิดเพลินใจ คุณพ่อถังเห็นเธอแสร้งทำเป็นสนใจรายการนั้น จึงวางแก้วชาในมือลง ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยว่า “โจวโจว ไม่ใช่แม่ให้มาถาม พ่ออยากรู้เอง ช่วงนี้ลูกกับเซ่าเชินเป็นยังไงบ้าง”  

 

 

คุณพ่อถังไม่ใช่ผู้ใหญ่ที่ไร้เหตุผล เพียงแต่ในเมื่อถังโจวโจวเป็นสะใภ้ของตระกูลลั่วแล้ว คุณพ่อถังก็ไม่สามารถก้าวก่ายได้อีก และไม่ควรไปยุ่งเรื่องในครอบครัวของลูกสาว ตั้งแต่ครั้งนั้นที่พบหน้าคุณพ่อคุณแม่ลั่ว คุณพ่อถังก็จำต้องอดทน เพราะอยากให้ชีวิตคู่ของถังโจวโจวมีแต่ความสุข  

 

 

“ไม่มีเรื่องอะไรหรอกค่ะ พ่อคะ พ่อคิดมากไปแล้ว” ถังโจวโจวหยิบส้มขึ้นมาผลหนึ่ง แกะเปลือกออก แล้ววางลงในมือของคุณพ่อถัง จากนั้นเธอก็แกะเปลือกส้มอีกผลหนึ่งและป้อนเข้าปากของตัวเอง  

 

 

“โจวโจว พ่อแค่อยากถามว่าลูกเป็นอะไรก็เท่านั้นเอง” คุณพ่อถังสังเกตได้ว่า เมื่อใดก็ตามที่ถังโจวโจวกลับมาบ้านล้วนแต่มีปัญหา ครั้งที่เธอหนีออกจากบ้าน ปฏิกิริยาตอบสนองของเธอก็ไม่ได้สงบนิ่งเหมือนครั้งนี้ คุณพ่อถังจึงไม่เชื่อว่าไม่มีปัญหาอะไร  

 

 

ถังโจวโจวยังคงไม่ยอมพูดความจริง “พ่อคะ ไม่มีอะไรจริงๆ หนูขอไปดูแม่ก่อนนะคะว่าแม่ทำของอร่อยอะไร” ถังโจวโจววางส้มในมือที่กินไปแค่ครึ่งเดียวลง ก่อนจะหนีเข้าไปในห้องครัว หวังว่าพอเธอกับแม่ออกมาแล้ว คุณพ่อถังจะข้ามคำถามนี้ไป  

 

 

“แม่คะ หนูมาดูว่าแม่จะทำอะไรให้หนูกิน” ถังโจวโจวเข้าไปในห้องครัว เพื่อดูว่าคุณแม่ถังกำลังเตรียมอาหารอะไรบ้าง  

 

 

 

 

 

ตอนที่ 237 ส่งข้อความ  

 

 

“เดี๋ยวแม่ก็ออกไปแล้ว ไม่นานก็ทำเสร็จแล้วล่ะ” คุณแม่ถังไม่ได้หันไปมอง เธอไม่มีเวลาสนใจถังโจวโจวตอนนี้  

 

 

อันที่จริงถังโจวโจวแค่ไม่อยากจะคุยกับคุณพ่อถังตอนนี้ “แม่คะ หนูยืนรอแม่อยู่ที่นี่แหละ คงไม่เกะกะใช่ไหมคะ”  

 

 

คุณแม่ถังยกจานอาหารที่ปรุงเสร็จแล้วออกไปจากห้องครัว ถังโจวโจวก็ช่วยหยิบชามกับตะเกียบไปที่โต๊ะ “แม่คะ อาหารมีแค่นี้ใช่ไหมคะ”  

 

 

“ใช่ กินได้แล้ว”  

 

 

“พ่อคะ กินข้าวค่ะ” ถังโจวโจวเรียกคุณพ่อถังที่นั่งดูทีวีอยู่บนโซฟา  

 

 

ครอบครัวถังสามคนนั่งกินข้าวด้วยกันอย่างครึกครื้น คุณพ่อคุณแม่ถังไม่ได้ถามถังโจวโจวถึงลั่วเซ่าเชินอีก ด้วยกลัวว่าจะกระทบจิตใจถังโจวโจวเอาได้ อาจเพราะรู้สึกว่าบรรยากาศกำลังดี ไม่อยากทำลายความสุขนี้ แต่ไม่ว่าคุณพ่อคุณแม่ถังจะคิดอย่างไร ผู้ที่ได้รับประโยชน์มากที่สุดก็คือถังโจวโจว  

 

 

 

 

 

ลั่วเซ่าเชินเห็นคุณแม่ลั่วฟื้นแล้ว ในที่สุดก็โล่งอกได้เสียที เขายังไม่กล้าพูดถึงถังโจวโจวต่อหน้าคุณแม่ลั่ว เพราะกลัวคุณพ่อลั่วจะโกรธขึ้นมา ซึ่งอารมณ์ของพวกท่านก็คาดเดาได้ยากเหลือเกิน  

 

 

ลั่วเซ่าเชินพาลั่วอิงกลับบ้าน ป้าหลิวก็รีบออกมาต้อนรับ “คุณชาย คุณหนู กลับมาแล้วหรือคะ”  

 

 

“ป้าหลิวคะ แม่โจวโจวกลับไปบ้านคุณยายแล้วหรือคะ” ลั่วอิงอยากให้ป้าหลิวให้คำตอบที่เธอต้องการ เธอไม่อยากให้ถังโจวโจวจากไป แต่น่าเสียดายที่เธอต้องผิดหวัง  

 

 

“คุณหนู คุณผู้หญิงลากกระเป๋าออกไปแล้วค่ะ” ป้าหลิวนึกถึงสถานการณ์ที่ไม่เต็มใจของถังโจวโจวขึ้นมา เธอหันไปมองลั่วเซ่าเชิน หวังจะได้เบาะแสจากสีหน้าของเขา  

 

 

ลั่วเซ่าเชินได้ยินแล้วว่าถังโจวโจวลากกระเป๋าออกไป แต่ก็ไม่แสดงสีหน้าอะไร “ลั่วอิง รีบขึ้นไปข้างบนเถอะ ป้าหลิวช่วยอาบน้ำให้ลั่วอิง แล้วให้เธอเข้านอนด้วยนะครับ”  

 

 

“คุณพ่อขา แต่หนูยังไม่ง่วงเลยนะคะ” ลั่วอิงขมวดคิ้ว ตอนนี้เธอยังไม่อยากนอนเสียหน่อย แม่โจวโจวก็ไม่อยู่บ้าน แม่โจวโจวลากกระเป๋าออกไปแล้ว ไม่รู้ว่าจะไม่กลับมาอีกเลยหรือเปล่า  

 

 

“ลั่วอิง ลูกขึ้นไปกับป้าหลิวเดี๋ยวนี้” ลั่วเซ่าเชินแสดงสีหน้าจริงจังให้ลั่วอิงกลัว  

 

 

ลั่วอิงถอยหลังไปสองก้าว ร่างกายสั่นเทาเล็กน้อย ป้าหลิวเห็นแล้วก็ปวดใจ ตรงเข้าไปกอดเธอไว้ทันที “คุณหนู คุณผู้ชายอารมณ์ไม่ค่อยดี คุณหนูขึ้นไปกับป้าก่อนดีไหมคะ”  

 

 

“ค่ะ” ลั่วอิงก้มหน้า ลั่วเซ่าเชินไม่แม้แต่จะมองหน้าของเธออีก มือเล็กๆ ของเธอถูกป้าหลิวจูงไป แม้ใจของเธอจะต่อต้านแต่ก็ไม่อาจทำอะไรได้ ป้าหลิวพาเธอขึ้นไปชั้นบนอย่างรวดเร็ว  

 

 

ลั่วเซ่าเชินหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา ไม่เห็นสิ่งที่ตัวเองอยากเห็น หน้าจอว่างเปล่า ลั่วเซ่าเชินนั่งมองโทรศัพท์ที่ไม่มีอะไรปรากฏ  

 

 

ถังโจวโจวกินข้าวเย็นกับคุณพ่อคุณแม่ถังเสร็จ เธอก็กลับห้องของตัวเอง มองดูหน้าจอโทรศัพท์มือถือที่ไม่มีแจ้งเตือนว่าใครโทรเข้ามา โดยเฉพาะชื่อของคนที่เธออยากเห็นมากที่สุด จิตใจของถังโจวโจวหดหู่ลง เธอนั่งครุ่นคิดอยู่บนเตียงว่าเธอควรจะทำอย่างไรต่อไปดี  

 

 

หรือจะส่งข้อความหาเซ่าเชินก่อน ถามว่าคุณแม่เป็นยังไงบ้าง  แบบนี้เธอก็จะได้ไม่ต้องรู้สึกค้างคาในใจอีก ความคิดนี้ไม่เลว ถังโจวโจวจึงทำตามที่คิดทันที  

 

 

[เซ่าเชิน คุณยุ่งอยู่หรือเปล่า] ถังโจวโจวแตะนิ้วลงบนหน้าจอเบาๆ และรอให้ลั่วเซ่าเชินตอบเธอกลับมาอย่างอดทน  

 

 

ลั่วเซ่าเชินอยู่ในห้องหนังสือ จู่ๆ โทรศัพท์มือถือก็มีเสียงแจ้งเตือนข้อความเข้า เขาหยิบขึ้นมาดู พบว่าถังโจวโจวส่งข้อความมา หลังจากเขาอ่านเนื้อความแล้ว เขาก็ตอบกลับทันที  

 

 

[ไม่ยุ่ง มีอะไรเหรอ] ลั่วเซ่าเชินมองดูกองเอกสารตรงหน้า พลันลูบหน้าผากของตัวเอง  นี่ถือว่างานยุ่งไหมนะ  

 

 

ถังโจวโจวเห็นลั่วเซ่าเชินตอบกลับมาก็ยิ้มอย่างมีความสุข ลั่วเซ่าเชินยังยอมพูดกับเธออยู่  

ตอนที่ 234 ส่งถังโจวโจวกลับบ้าน  

 

 

ถังโจวโจวเรียกสติกลับมา ปลอบตัวเอง  ไม่มีอะไรที่เป็นอุปสรรคสำหรับเรา  จากนั้นเธอก็หันไปสนใจกระเป๋าสัมภาระ  

 

 

ถังโจวโจวเอากระเป๋าตัวเองออกมากาง เก็บเสื้อผ้าทีละตัวๆ เธอคิดว่าเธอคงไม่ได้กลับมาที่บ้านนี้อีกแล้ว ถังโจวโจวเก็บเสื้อผ้าให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ยกพื้นที่คืนให้กับลั่วเซ่าเซินไปเต็มๆ  

 

 

ท้ายที่สุด เธอหันไปมองห้องที่คุ้นเคยที่เธออาศัยอยู่มานานโดยรอบอีกครั้ง ถังโจวโจวไม่ได้ปิดประตูห้อง ป้าหลิวเห็นถังโจวโจวถือกระเป๋าออกมาก็ร้อนใจ “คุณผู้หญิง คุณจะทำอะไรคะ มีเรื่องอะไรรอคุณผู้ชายกลับมาก่อนแล้วค่อยคุยกันได้ไหมคะ”  

 

 

ป้าหลิวขวางถังโจวโจวไว้ไม่ให้เธอไป ถังโจวโจวมองป้าหลิวที่มีท่าทางร้อนรน พลันรู้สึกอบอุ่นในใจ เธอวางกระเป๋าในมือลงแล้วตรงเข้าไปกอดป้าหลิวไว้แน่น  

 

 

“ป้าหลิวคะ ฉันต้องไปจากที่นี่สักพัก ป้าไม่ต้องห่วงนะ เซ่าเซินรู้เรื่องนี้แล้ว ช่วงนี้ฉันรบกวนป้าช่วยดูแลพวกเขาด้วย ส่วนสัญญาในวันหยุดของป้าคงจะถูกเลื่อนออกไปก่อนนะคะ”  

 

 

ถังโจวโจวคิดถึงแผนการที่เธอกับลั่วเซ่าเชินตั้งใจจะไปเที่ยวก่อนหน้านี้ ตอนนี้คงต้องหยุดไปก่อน ช่วงเวลาของป้าหลิวกับคนในครอบครัว ตอนนี้ถังโจวโจวได้แต่ขอโทษอยู่ในใจ  

 

 

ป้าหลิวได้ยินคำพูดของถังโจวโจวแล้วก็เสียน้ำตา “โธ่ คุณผู้หญิง พูดอะไรอย่างนั้นคะ เรื่องวันหยุดของฉันไม่เป็นไรหรอกค่ะ ถึงเวลาพวกเขาก็จะมาเยี่ยมฉันเอง …คุณผู้หญิงคะ บอกฉันได้ไหม ครั้งนี้คุณผู้หญิงทะเลาะกับคุณชายหนักเลยหรือคะ”  

 

 

ถังโจวโจวก้มหน้า อยากจะร้องไห้ “ป้าหลิว อย่าถามอีกเลยค่ะ ฉันต้องไปแล้ว ป้าอย่าลืมช่วยฉันดูแลพวกเขาด้วยนะคะ เซ่าเซินคงไม่ทำให้ป้าลำบากใจ”  

 

 

“ค่ะ ป้ารับปาก” แค่เห็นว่าสีหน้าของถังโจวโจวไม่ดีขึ้นเลย ป้าหลิวก็รู้แล้ว เรื่องนี้พวกเขาน่าจะตกลงกันแล้ว จึงรู้ว่าไม่ควรพูดอะไรอีก  

 

 

“คุณผู้หญิง ยังไงก็ดูแลตัวเองด้วยนะคะ” ป้าหลิวมองถังโจวโจวลากกระเป๋าออกจากบ้านไป ยืนน้ำตาไหลอยู่ในห้องนั่งเล่นคนเดียว เมื่อครู่คุณผู้หญิงบอกว่าไม่ต้องออกไปส่งเธอแล้ว เธอกลัวว่าเธอจะร้องไห้อีก  

 

 

ถังโจวโจวลากกระเป๋าเดินทางออกมานอกประตูรั้ว หวังหวาก็รีบเข้าไปช่วยรับกระเป๋ามา “คุณผู้หญิง เรียบร้อยไหมครับ”  

 

 

“ค่ะ” ถังโจวโจวนั่งอยู่บนรถ เธอมองออกไปนอกหน้าต่าง นี่คือบ้านหลังเล็กของเธอกับลั่วเซ่าเซิน  

 

 

หวังหวาออกรถ รถค่อยๆ ห่างออกไปจากตัวบ้าน เดิมทีถังโจวโจวคิดว่าเธอจะเดินออกจากบ้านด้วยรอยยิ้ม แต่สุดท้ายเธอก็อดน้ำตาไหลไม่ได้ หวังหวานั่งมองจากกระจกมองหลัง ไม่ได้พูดอะไร ทำได้แค่ขับรถไปเงียบๆ  

 

 

รถเคลื่อนมาจอดอยู่บริเวณบ้านตระกูลถัง “คุณผู้หญิงครับ ถึงแล้วครับ” ถังโจวโจวที่หลับตาอยู่ก็ลืมตาขึ้นมอง เพียงไม่นานก็ถึงแล้วหรือนี่ เธอเคยคิดว่าระยะทางจะไกลกว่านี้มาก แต่วันนี้ไม่นานก็ถึงแล้ว ทำให้เธอยิ่งรู้สึกไม่สบายใจ  

 

 

“ขอบคุณผู้ช่วยหวังนะคะ”  

 

 

“มิได้ครับคุณผู้หญิง เป็นหน้าที่อยู่แล้วครับ ให้ผมช่วยยกกระเป๋าเข้าข้างในไหมครับ” หวังหวาช่วยยกกระเป๋าลงมาจากรถ ถังโจวโจวมองไปที่หน้าต่างบ้านของเธอ ด้านบนยังมีดอกไม้เล็กๆ ของคุณแม่ถังอยู่  

 

 

อารมณ์เธอค่อยๆ ดีขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะหันไปยิ้มให้หวังหวา “ไม่ต้องแล้วล่ะค่ะ ผู้ช่วยหวัง แค่นี้ฉันก็รู้สึกขอบคุณมากแล้ว ฉันไปก่อนนะคะ คุณไม่ต้องส่งแล้วล่ะ”  

 

 

หวังหวามองถังโจวโจวลากกระเป๋าขึ้นไปคนเดียว ไม่ต้องการให้เขาช่วย บางทีเธออาจจะรู้สึกว่ามันน่าอายที่เขาต้องมาเห็นเธอเศร้าอย่างนี้ หวังหวายืนอยู่ที่เดิมเงียบๆ ครู่หนึ่ง ก่อนจะขึ้นรถแล้วขับรถออกไป  

 

 

 

 

 

ตอนที่ 235 ความห่วงใยของคุณแม่ถัง  

 

 

           คุณแม่ถังได้ยินเสียงเปิดประตูจึงเดินไปดู เมื่อประตูเปิดออกแล้วก็พบว่าเป็นถังโจวโจวที่ยืนอยู่หน้าประตูนั้น คุณแม่ถังถามอย่างประหลาดใจ “โจวโจว ทำไมจู่ๆ ก็กลับมาล่ะ แล้วกระเป๋านี่หมายความว่าอะไร”  

 

 

แม้ปากคุณแม่ถังจะถามอยู่ แต่มือก็ช่วยถังโจวโจวลากกระเป๋าเข้ามา “โจวโจว ลูกกลับมาคนเดียวเหรอ เซ่าเชินไม่ได้มาด้วยเหรอ รีบเข้ามาๆ บอกแม่เร็วว่ามันเกิดอะไรขึ้น  

 

 

โจวโจว มานั่งนี่ก่อน” คุณแม่ถังให้ถังโจวโจวนั่งลงบนโซฟา แล้วรีบไปยกน้ำมาให้เธอ เห็นสีหน้าถังโจวโจวไม่สู้ดีแบบนี้ ก็ได้แต่รอให้เธอพูดเอง  

 

 

“แม่คะ แม่อย่าตีโพยตีพายสิคะ หนูแค่กลับมาอยู่บ้านสักพักเอง หรือแม่ไม่อยากให้หนูกลับมาแล้ว?” ถังโจวโจวคิดข้ออ้างมาอย่างดีแล้ว เพื่อไม่ให้คุณแม่ถังเป็นห่วง ดังนั้น เธอจะไม่บอกเรื่องที่เกิดขึ้นกับตระกูลลั่วให้คุณแม่ถังฟังเด็ดขาด  

 

 

คุณแม่ถังไม่ตกหลุมพรางของถังโจวโจว “โจวโจว แม่เลี้ยงลูกมาจนโตขนาดนี้ แม่จะไม่รู้เลยหรือว่าลูกกำลังคิดอะไรอยู่ หรือว่าลูกทะเลาะกับเซ่าเชินมาอีกแล้ว ถึงได้ขนข้าวของออกมาจากที่นั่นอย่างนี้”  

 

 

คุณแม่ถังแสดงสีหน้าว่า ‘อย่าโกหกแม่’ แต่เธอก็คงต้องรอให้ถังโจวโจวสบายใจกว่านี้ก่อน  

 

 

“แม่คะ มันไม่ใช่อย่างที่แม่คิดนะ หนูรู้เหมือนกันนะคะว่าแม่กำลังคิดอะไรอยู่ หรือจะให้หนูโทรหาเซ่าเชินไหม แล้วให้แม่พูดกับเขา”  

 

 

“ได้ งั้นลูกโทรเลย แม่จะรอฟัง” คุณแม่ถังเห็นถังโจวโจวเปิดทางมา เธอจึงเริ่มจับพิรุธลูกสาวตามข้อสงสัยของตัวเอง จากนั้นเธอก็เห็นถังโจวโจวหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา เตรียมกดเบอร์ของลั่วเซ่าเชิน คุณแม่ถังจึงห้ามไว้ “เอาละ พอแล้ว แม่เชื่อแล้ว ไม่ต้องโทรหรอก”  

 

 

ถังโจวโจวทำตามคำพูดของคุณแม่ถังแต่โดยดี เก็บโทรศัพท์กลับลงกระเป๋า คุณแม่ถังเข้าใจแล้ว แค่เห็นถังโจวโจวเอาโทรศัพท์ออกมา คุณแม่ถังก็ไม่สงสัยในประเด็นนั้นอีก เธอเป็นแม่ของถังโจวโจว มีหรือจะไม่รู้ว่าลูกสาวตนเป็นอย่างไร  

 

 

“แล้วลูกเอากระเป๋าเดินทางมาทำไม” เมื่อครู่ที่คุณแม่ถังเห็นกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ใบนั้น คำถามก็ผุดขึ้นมากมาย  

 

 

“เอ่อ… ก็หนูกะว่าจะกลับมาอยู่ที่บ้านสักพักหนึ่ง หนูก็เลยขนเสื้อผ้ามาน่ะสิคะ”  

 

 

คุณแม่ถังตีแขนเธอเบาๆ “แล้วที่บ้านนี้ไม่มีเสื้อผ้าของลูกหรือยังไง นี่ลูกไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม ถ้าเซ่าเชินคิดว่าลูกหนีออกจากบ้านแล้วจะทำยังไง”  

 

 

“ไม่หรอกค่ะ เขารู้ว่าหนูมาที่นี่ แม่คะ แม่อย่าเพิ่งคิดมากได้ไหม หนูยังไม่ได้กินข้าวเลย แม่รีบไปทำอะไรให้หนูกินก่อนเถอะค่ะ” ถังโจวโจวดึงคุณแม่ถังขึ้น ดันเธอเข้าไปในห้องครัว  

 

 

คุณแม่ถังได้ยินว่าถังโจวโจวยังไม่กินข้าวก็ร้อนรนขึ้นมาทันที รีบหันไปมองดูเวลา “จนป่านนี้แล้ว ทำไมลูกยังไม่กินข้าวอีก หรือลูกไปทำอะไรไม่ดีมา” ถึงแม้ว่าคำพูดของคุณแม่ถังจะไม่ค่อยน่าฟัง แต่ก็เต็มไปด้วยความปรารถนาดี  

 

 

ถังโจวโจวเข้าใจว่าคุณแม่ถังเป็นห่วงสุขภาพของเธอ เธอเข้าไปกอดคุณแม่ถังและออดอ้อนเป็นเด็กๆ “แม่คะ แม่รีบเข้าครัวเถอะ ท้องหนูหิวจะแย่แล้ว”  

 

 

รอจนกระทั่งคุณแม่ถังเข้าไปในห้องครัวแล้ว รอยยิ้มของถังโจวโจวก็จางหายไป เธอทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา ถังโจวโจวมองโทรศัพท์มือถือ ไม่มีเสียงโทร ไม่มีข้อความ  นั่นสินะ ตอนนี้เซ่าเชินคงดูแลคุณแม่อยู่  แล้วเขาจะมีเวลามาสนใจเธอได้ยังไง  

 

 

“โจวโจว บะหมี่มาแล้ว” คุณแม่ถังยกชามบะหมี่มาวางไว้ตรงหน้าถังโจวโจว ในชามมีเครื่องมากมาย “แม่ใช้ซุปทั้งหมดที่เหลือจากมื้อกลางวัน ลูกรีบกินสิ พอจะถูกปากไหม”  

 

 

เธอเห็นถังโจวโจวตักเข้าปากคำใหญ่ คุณแม่ถังจึงเอ่ยเตือนอย่างร้อนรน “ระวังร้อน! ลูกก็ไม่บอกแม่ให้เร็วกว่านี้ ถ้าแม่รู้เร็วกว่านี้ว่าลูกจะกลับมาก็คงดี เพราะว่าพ่อของลูกไม่อยู่บ้าน แม่เพิ่งนั่งกินข้าวเที่ยงคนเดียวไปเมื่อกี้นี้เอง”  

ตอนที่ 232 จะรอดูผลลัพธ์  

 

 

           “ได้ๆ รอเดี๋ยวนะ” คุณพ่อลั่วหันไปหาหลอด คุณแม่ลั่วนอนอยู่บนเตียงลุกขึ้นมาไม่ได้ ป้อนน้ำแบบนี้ก็ไม่สะดวก “เซ่าเชิน รีบไปหาหลอดมาให้ที แม่ของแกอยากดื่มน้ำ”  

 

 

“ครับ ผมจะไปเดี๋ยวนี้” ลั่วเซ่าเชินรีบวิ่งออกจากห้องไป ไม่นานเขาก็กลับมา ในมือถือหลอดมาด้วย “พ่อครับ ผมหาหลอดมาให้แล้ว”  

 

 

คุณพ่อลั่วใส่หลอดไว้ในแก้ว และยื่นแก้วไปหาคุณแม่ลั่ว คุณแม่ลั่วก็กัดหลอดไว้ แล้วดูดน้ำจากแก้วอย่างกระหาย เพียงไม่นานน้ำแก้วนั้นก็หมด “ช้าหน่อยๆ คุณ” คุณพ่อลั่วมองตาเขม็ง เพราะกลัวว่าคุณแม่ลั่วจะสำลักน้ำ  

 

 

“เหวินอวี๋ ฉันอยากกินอีก” น้ำแก้วเดียวไม่พอ คุณแม่ลั่วดื่มไม่นานก็หมดแล้ว เธอเหมือนกับคนที่เพิ่งไปเที่ยวทะเลทรายมา คิดแต่จะอยากดื่มน้ำให้มากๆ  

 

 

“ได้ รอเดี๋ยวนะ ผมจะเอาให้คุณอีก” คุณพ่อลั่วหยิบเหยือกน้ำมา คุณแม่ลั่วดื่มน้ำไปถึงสามแก้วแล้วก็รู้สึกดีขึ้น  

 

 

“ยังอยากดื่มอีกไหม” คุณแม่ลั่วส่ายหน้า คุณพ่อลั่วจึงวางเหยือกน้ำกลับไปไว้ที่เดิม นั่งลงข้างๆ คุณแม่ลั่ว “อวี้ฮุ่ย ครั้งนี้คุณทำให้ผมตกใจจริงๆ”  

 

 

ตอนคุณพ่อลั่วรับสายโทรศัพท์แล้วได้ยินว่าคุณแม่ลั่วตกบันได ตอนนั้นหัวใจเขาแทบหยุดเต้น พอถึงโรงพยาบาลคุณหมอก็บอกว่าคุณแม่ลั่วยังไม่ฟื้น เขาเฝ้าจนถึงตอนนี้ ข้าวก็ไม่มีอารมณ์จะกิน น้ำก็ไม่คิดอยากจะดื่ม  

 

 

ตอนนี้คุณแม่ลั่วยังปวดหัวอยู่ แม้อยากจะคุยกับคุณพ่อลั่วมากแค่ไหน แต่ติดตรงที่ไม่มีกำลังพอ คุณพ่อลั่วก็รู้ดีว่าตอนนี้คุณแม่ลั่วต้องการพักผ่อน “อวี้ฮุ่ย คุณนอนพักก่อนเถอะ ผมไม่กวนคุณแล้ว รอให้คุณดีขึ้นกว่านี้ก่อน พวกเรายังมีเวลาคุยกันอีกมาก”  

 

 

คุณแม่ลั่วพยักหน้าก่อนจะหลับตาลง เพียงไม่กี่นาทีก็หลับไป คุณพ่อลั่วกวักมือเรียกลั่วเซ่าเชิน ลั่วเซ่าเชินเดินตามคุณพ่อลั่วออกมานอกห้องผู้ป่วย คุณพ่อลั่วเห็นคุณแม่ลั่วหลับสบาย จึงไม่อยากพูดคุยเสียงดังในห้อง “เซ่าเชิน ตกลงว่าเรื่องของถังโจวโจว แกจะทำยังไง”  

 

 

ครั้งนี้ถังโจวโจวก่อเรื่องใหญ่ขึ้น มันเป็นไปไม่ได้ที่คุณพ่อลั่วจะให้อภัยเธอ เมิ่งชิงซีรู้ ลั่วเซ่าเชินก็รู้ ดังนั้น ลั่วเซ่าเชินจึงให้ถังโจวโจวกลับบ้านถังไปก่อน เพราะลั่วเซ่าเชินเชื่อว่า พ่อของเขาคงจะไม่ตามไปเอาเรื่องถึงบ้านตระกูลถังแน่  

 

 

ถ้าคุณแม่ลั่วไม่ฟื้นขึ้นมาอีก เรื่องนั้นก็อาจจะเป็นไปได้ แต่ตอนนี้คุณแม่ลั่วฟื้นขึ้นมาแล้ว แล้วก็ดูเป็นสัญญาณที่ดีด้วย ดังนั้น ความเกลียดชังในใจคุณพ่อลั่ว เขาก็หวังว่ามันคงจะลดน้อยลง  

 

 

“พ่อครับ ผมส่งเธอกลับบ้านไปแล้ว”  

 

 

ถ้าคุณแม่ลั่วได้ยินคำนี้ แม้ในใจจะยังไม่ค่อยพอใจนัก แต่ก็คงดีใจอยู่บ้าง ลั่วเซ่าเชินจึงพูดโน้มน้าวต่อ “พ่อครับ ตอนนี้คุณแม่ก็ฟื้นแล้ว และเรื่องนี้ก็เป็นอุบัติเหตุ…”  

 

 

“เซ่าเชิน ลูกคิดว่าพ่อเป็นเด็กสามขวบเหรอ แม่ของลูกเป็นผู้ใหญ่ ถังโจวโจวก็เป็นผู้ใหญ่ อุบัติเหตุอย่างนั้นเหรอ ลูกคิดจะหลอกใคร? หลอกตัวเองยังไม่พอหรือไง” คำพูดคุณพ่อลั่วทำให้ลั่วเซ่าเชินโต้เถียงไม่ได้อีก เขาทำได้แค่ก้มหน้ารับคำต่อว่าของคุณพ่อลั่ว  

 

 

“เซ่าเชิน พ่อไม่ได้อยากบังคับหรอกนะ เพียงแต่เรื่องครั้งนี้เกี่ยวพันกับชีวิตของแม่ ลูกไม่ควรปกป้องเธออีกแล้ว เลิกกับเธอไปเถอะ แบบนี้จะดีกับทุกคน…” น้ำเสียงคุณพ่อลั่วราวกับแก่ขึ้นอีกสิบปี และเขารู้สึกเจ็บปวดจนไม่สามารถทนได้หากในอนาคตต้องเกิดเรื่องกับคุณแม่ลั่วแบบนี้อีก  

 

 

“พ่อครับ…”  

 

 

“เอาละ ไม่ต้องพูดแล้ว พ่อจะรอดูผลลัพธ์” คุณพ่อลั่วไม่อยากคุยเรื่องของถังโจวโจวอีก  

 

 

 

 

 

ตอนที่ 233 สิ่งเล็กน้อยจากลั่วเซ่าเชิน  

 

 

หวังหวาพาถังโจวโจวไปส่งที่คฤหาสน์หลังเล็ก “คุณผู้หญิง ผมจะรอคุณผู้หญิงอยู่ตรงนี้นะครับ อีกเดี๋ยวผมจะไปส่งคุณผู้หญิงกลับบ้านตระกูลถัง” หวังหวาพูดอย่างเคารพ ยืนอยู่หน้าประตูรถ ถังโจวโจวพยักหน้าและเดินเข้าไปในบ้าน  

 

 

ป้าหลิวเห็นถังโจวโจวกลับมา จึงรีบไปต้อนรับ “คุณผู้หญิง ทำไมถึงกลับมาเร็วนักล่ะคะ ไม่ใช่ว่าไปกินข้าวที่บ้านลั่วหรือคะ”  

 

 

ถังโจวโจวไม่ตอบ ป้าหลิวสังเกตเห็นว่าสีหน้าของถังโจวโจวไม่ค่อยสบายใจ ป้าหลิวรีบเข้าไปประคองเธอ “คุณผู้หญิง กินอะไรมาหรือยังคะ ให้ฉันทำอะไรให้กินไหม”  

 

 

จู่ๆ ถังโจวโจวก็หยุดเดิน หันไปมองป้าหลิวและพูดว่า “ไม่ต้องค่ะ ป้าหลิว ขอบคุณที่เป็นห่วง แต่ตอนนี้ฉันไม่อยากกิน”  

 

 

ป้าหลิวเห็นถังโจวโจวดึงมือตัวเองออกจากมือของเธอ เดินขึ้นชั้นบนไปทีละก้าว เธอได้แต่มองตามและบ่นเสียงเบาว่า “นี่มันเกิดอะไรขึ้น”  

 

 

ถังโจวโจวกลับถึงห้อง มองไปยังที่ที่คุ้นเคย อีกไม่นานเธอคงต้องออกไปจากที่นี่แล้ว ถูกไล่ออกครั้งนี้ทำให้หัวใจของเธอเจ็บปวดมาก  

 

 

ถังโจวโจวนั่งลงข้างเตียง ลูบผ้าปูเตียงสีชมพูตรงหน้า ตอนแรกลั่วเซ่าเชินไม่ยอม ถังโจวโจวต้องขอร้องถึงสามครั้งกว่าเขาจะยอมให้เปลี่ยนจากสีดำมาเป็นสีนี้ได้ คิดถึงช่วงเวลาที่เธอได้อยู่กับลั่วเซ่าเชิน ถังโจวโจวก็ยิ้มออกมา  

 

 

ทุกอย่างในห้องนี้ของลั่วเซ่าเชินถูกแทนที่ด้วยตัวตนของเธอ เขายอมทิ้งสิ่งคุ้นชินของเขา เอาสิ่งที่เธอชอบเข้ามา ถังโจวโจวสัมผัสขวดเครื่องสำอางบนโต๊ะเครื่องแป้ง ถังโจวโจวไม่ได้ชอบของพวกนี้ แต่ลั่วเซ่าเชินก็สั่งให้คนซื้อมาเตรียมไว้ให้  

 

 

ไม่ว่าถังโจวโจวจะใช้หรือไม่ใช้ มันก็จะตั้งอยู่ที่นี่เสมอ และเมื่อถึงเวลา มันก็จะถูกทิ้งและสับเปลี่ยนไป พื้นที่บนโต๊ะนี้ไม่เคยว่างเลย ตู้เสื้อผ้าก็ด้วย แต่ละฤดูกาลจะมีคนส่งเสื้อผ้ามาให้ถังโจวโจวเลือกมากมาย  

 

 

เดิมทีถังโจวโจวชอบความรู้สึกที่ได้ไปเลือกซื้อเองที่ห้างสรรพสินค้ามากกว่า แต่ของพวกนี้ล้วนเป็นของที่ลั่วเซ่าเชินคิดว่าเหมาะกับเธอ และจัดวางไว้ให้ในตู้ ในทุกฤดูกาลจะมาปรากฏอยู่ในตู้ของถังโจวโจวไม่เคยขาด  

 

 

ถังโจวโจวสัมผัสเสื้อผ้าทีละตัว บางตัวแม้แต่ป้ายก็ยังไม่ได้เอาออกเลย ถังโจวโจวเห็นสิ่งของเหล่านี้แล้ว อดไม่ได้ที่จะดึงเข้ามาโอบกอด “ฮือๆๆ…”  

 

 

เธอพิงกำแพงและค่อยๆ เลื่อนตัวลง มือหล่นลงบนพรมผืนนุ่ม พรมสีฟ้าที่ลั่วเซ่าเชินสั่งทำขึ้นมาโดยเฉพาะ เพราะถังโจวโจวมักลืมใส่รองเท้า เดินไปเดินมาบ่อยๆ เขาก็กลัวว่าเธอจะไม่สบายเอาได้  

 

 

ถังโจวโจวมองดูสถานที่เล็กๆ แห่งนี้ แม้บางอย่างมันดูไม่สำคัญ แต่เขาก็ยังจัดเตรียมไว้ ยิ่งทำให้ถังโจวโจวเจ็บปวด  

 

 

นั่นคือความแตกต่างระหว่างคุณกับคนอื่นๆ ใช่ไหม เมื่อเธออยากจะตีตัวออกห่าง ลั่วเซ่าเชินก็ไม่ยอม ต้องตามหาเธอ พาเธอกลับมาจนได้ แต่พอตอนนี้เธอไม่อยากไป ก็กลับถูกลั่วเซ่าเชินบังคับให้ออกไป นี่คือสิ่งที่โชคชะตาต้องการให้เกิดกับเธอหรือ?  

 

 

ความคิดของถังโจวโจวสับสนไปหมด  ก๊อกๆๆ  “คุณผู้หญิง คุณอยู่ข้างในไหมคะ ผู้ช่วยหวังบอกว่าเขารอคุณอยู่น่ะค่ะ” เป็นเสียงของป้าหลิว ถังโจวโจวหยุดร้องไห้  จริงสิ หวังหวายังรออยู่หน้าบ้านนี่นะ ไม่มีเวลามาร้องไห้แล้ว…  

 

 

“ค่ะ ฉันรู้แล้ว” ถังโจวโจวตอบเสียงเบา เธอไม่รู้ว่าป้าหลิวได้ยินไหม แต่เธอก็ไม่ได้ยินเสียงป้าหลิวอีก  

 

 

ถังโจวโจวเช็ดน้ำตา แล้วพูดกับตัวเอง “ถังโจวโจว เธอจะอ่อนแอไปทำไม แค่กลับไปอยู่บ้านไม่กี่วันเท่านั้นเอง สิ่งสำคัญตอนนี้คือเธอมีโอกาสได้อยู่กับพ่อแม่พร้อมหน้าไม่ใช่หรือ”  

ตอนที่ 230 ลั่วอิงคลางแคลงใจ  

 

 

           เมิ่งชิงซีเห็นลั่วอิงมองมาที่เธอด้วยสายตาเกลียดชัง ก็รู้สึกหงุดหงิดจนปวดหัว เด็กคนนี้ช่างเป็นเด็กที่น่ารังเกียจจริงๆ ต่อให้เธอทำดีด้วยเท่าไร ดูท่าว่าจะไม่ได้อะไรตอบแทนแน่ๆ  

 

 

“ลั่วอิง ไปเยี่ยมคุณย่ากับพ่อดีไหม”  

 

 

“ดีค่ะ คุณพ่อคะ ให้แม่โจวโจวไปกับพวกเราด้วยได้ไหมคะ” ลั่วอิงชี้นิ้วของตัวเองเข้าหากัน รอคำตอบของลั่วเซ่าเชิน  

 

 

“พ่อบอกกับลูกแล้วยังไงครับว่าแม่โจวโจวกลับบ้านไปแล้ว ลูกอย่าเพิ่งพูดถึงแม่โจวโจวเลยนะ เอาละ พ่อจะไปหาแม่นมจ้าวให้เตรียมอาหารให้ ลูกรอที่นี่ก่อนนะครับ”  

 

 

“ค่ะ” ลั่วเซ่าเชินปล่อยตัวลั่วอิงลง ให้เธอนั่งอยู่บนโซฟา แล้วลั่วเซ่าเชินก็เดินเข้าไปในห้องครัว  

 

 

เมิ่งชิงซีอยู่ในห้องรับแขกด้วย เธอมองประสานสายตากับลั่วอิง “ฮึ!” ลั่วอิงสะบัดหน้าไปทันที ไม่อยากมองเมิ่งชิงซีอีก  

 

 

เมิ่งชิงซีนึกในใจ  เด็กคนนี้อายุก็เท่านี้ แต่อารมณ์ร้อนไม่เบา  เธอไม่เข้าใจว่าถังโจวโจวมีดีตรงไหน ลั่วอิงกับลั่วเซ่าเชินถึงได้ปกป้องกันนัก “ลั่วอิง อาชิงซีไม่ดีตรงไหนหรือคะ”  

 

 

ลั่วอิงได้ยินคำพูดเมิ่งชิงซีแล้วก็หันไปมองเธอแวบหนึ่ง พลันหัวเราะเยาะ “ถ้าเทียบกับแม่โจวโจวแล้ว คุณไม่มีตรงไหนดีเลยค่ะ”  

 

 

“นี่…” เมิ่งชิงซีชี้หน้าลั่วอิง แต่พูดอะไรไม่ได้ เธอกับถังโจวโจวเทียบกันแล้วเธอก็ยังแพ้อย่างนั้นหรือ เรื่องนี้ทำให้เมิ่งชิงซีโกรธอย่างที่สุด  

 

 

“ลั่วอิง มานี่เร็วลูก พวกเราไปเยี่ยมคุณย่ากัน” มือของลั่วเซ่าเชินถือถุงเก็บความร้อนไว้ใบหนึ่ง อีกข้างพลันกวักมือเรียกลั่วอิง ลั่วอิงรีบวิ่งไปหาทันที เธอบอกให้ลั่วเซ่าเชินก้มลงมา ลั่วเซ่าเชินไม่เข้าใจว่าเธอจะทำอะไร แต่ก็ทำตามโดยดี  

 

 

ลั่วอิงกระซิบข้างหูลั่วเซ่าเชิน “คุณพ่อคะ อาชิงซีไปกับพวกเราด้วยหรือเปล่าคะ”  

 

 

“ไม่ได้ไปครับ”  

 

 

เมื่อได้ยินว่าเมิ่งชิงซีไม่ได้ไปด้วย ลั่วอิงก็มีความสุข เธอจูงมือลั่วเซ่าเชินทันที “คุณพ่อคะ ถ้าอย่างนั้นพวกเราไปกันเถอะค่ะ”  

 

 

“ชิงซี ผมไม่ว่างไปส่งคุณ คุณกลับเองได้นะ?”  

 

 

“เซ่าเชิน ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ ฉันกลับบ้านเองได้” เมิ่งชิงซีขยิบตาให้เห็น และยิ้มให้ลั่วเซ่าเชิน  

 

 

ลั่วอิงเห็นเมิ่งชิงซีมองคุณพ่อของเธอ จึงขวางหน้าลั่วเซ่าเชินไว้ แต่ตัวเธอเล็กไปจึงบังอะไรไม่ได้ รอยยิ้มบนริมฝีปากของเมิ่งชิงซีเหยียดออก เมื่อเห็นลั่วอิงทำท่าทางแบบนั้น  

 

 

ลั่วเซ่าเชินไม่อยากรอช้า จูงมือลั่วอิงพาออกไปข้างนอกทันที เมิ่งชิงซีเดินตามหลังพวกเขาออกมา มองรถลั่วเซ่าเชินจนไม่เห็นแล้วถึงได้ไปที่รถของตัวเอง  

 

 

ลั่วอิงนั่งอยู่บนรถ พยายามถามถึงเรื่องของคุณแม่ลั่วและถังโจวโจวอยู่ตลอด “คุณพ่อคะ คุณย่าคงจะไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ”   

 

 

“แน่นอนครับ พ่อรับรอง คุณย่าจะต้องแข็งแรงเหมือนเดิม” ลั่วเซ่าเชินเชื่อว่า คุณแม่ลั่วจะต้องกลับมาแข็งแรงดังเดิมในเร็ววันแน่  

 

 

“คุณพ่อคะ แล้วทำไมแม่โจวโจวต้องกลับบ้านล่ะคะ คุณแม่กลับไปที่บ้านของเราหรือเปล่า” ลั่วอิงแกว่งขา ถามลั่วเซ่าเชินต่อ  

 

 

ข้างหน้าเป็นทางโค้ง ลั่วเซ่าเชินหักพวงมาลัยเลี้ยวก่อนแล้วค่อยตอบลั่วอิง “แม่โจวโจวกลับบ้านคุณยายครับ พอผ่านไปสักพักเดี๋ยวคุณแม่ก็กลับมาแล้ว”  

 

 

“แล้วทำไมคุณแม่ต้องไปอยู่บ้านคุณยายด้วยล่ะคะ คุณแม่ไม่เห็นบอกอะไรหนูเลย หนูไปอยู่กับแม่โจวโจวด้วยได้ไหมคะ” ลั่วอิงรู้สึกเสียใจมาก ที่ตัวเองและแม่โจวโจวกำลังจะถูกผู้หญิงไม่ดีคนนั้นแย่งคุณพ่อไป ตอนนี้แม่โจวโจวออกไปจากบ้านแล้วจริงๆ เหรอ  

 

 

ลั่วอิงไม่เข้าใจว่าพวกผู้ใหญ่คิดอะไรกัน ในเมื่อคุณย่าบาดเจ็บ แล้วทำไมคุณพ่อไม่พาแม่โจวโจวไปเยี่ยมคุณย่าด้วยกัน หรือว่าจะเป็นอย่างที่แม่นมจ้าวบอกว่าแม่โจวโจวผลักคุณย่าตกบันได?  

 

 

 

 

 

ตอนที่ 231 คุณแม่ลั่วฟื้นแล้ว  

 

 

“ตอนนี้ลูกไปเยี่ยมคุณย่ากับพ่อก่อน ลั่วอิง ตอนนี้พ่อเหนื่อยมาก ลูกอย่าเพิ่งถามอะไรพ่อเลยนะ”  

 

 

“ก็ได้ค่ะ” ลั่วอิงก้มหน้า เล่นนิ้วมือตัวเอง ตอนนี้ลั่วเซ่าเชินอารมณ์ไม่ค่อยดี เธอก็จะไม่ยุ่งกับคุณพ่อของเธออีกแล้ว ถึงเวลาค่อยโทรหาแม่โจวโจวก็ได้  

 

 

ในรถไม่มีเสียงพูดอะไรอีก กระทั่งลั่วเซ่าเชินเข้าไปจอดรถในลานจอดรถของโรงพยาบาล มือหนึ่งจูงลั่วอิง อีกมือถือถุงอาหาร เข้าไปในห้องผู้ป่วยของคุณแม่ลั่ว คุณแม่ลั่วยังไม่ฟื้น คุณพ่อลั่วก็ยังนั่งอยู่ข้างๆ คุยกับคุณแม่ลั่วอยู่ตลอด  

 

 

แม้คุณแม่ลั่วจะไม่ได้ยิน แต่ตั้งแต่ลั่วเซ่าเชินออกไปจนกระทั่งกลับมา คุณพ่อลั่วก็ยังไม่หยุดพูดคุย ด้วยอาจจะเชื่อว่า ขอเพียงยืนหยัดในสิ่งที่ทำ ไม่ว่าอย่างไรคุณแม่ลั่วก็จะต้องได้ยินเสียงนี้  

 

 

“พ่อครับ กินข้าวเถอะ” ลั่วเซ่าเชินวางกล่องเก็บความร้อนไว้บนโต๊ะ ก่อนจะยกน้ำไปให้คุณพ่อลั่วดื่ม คุณพ่อลั่วหยุดพูดกับคุณแม่ลั่วชั่วคราว พลางหันมาเห็นลั่วอิง “ลั่วอิงมาได้ยังไง”  

 

 

คุณพ่อลั่วจิบน้ำ เขาพูดอยู่ตั้งนานไม่เหนื่อยสักนิด แต่คุณแม่ลั่วก็ยังไม่ขยับแม้แต่น้อย เห็นอย่างนี้ก็ค่อนข้างปวดใจ ทำไมเธอถึงยังไม่ฟื้นขึ้นมาอีก ไม่กลัวว่าเขาจะเสียใจเลยหรือ  

 

 

“คุณพ่อคะ แล้วคุณย่าจะตื่นเมื่อไรหรือคะ” ลั่วอิงยืนอยู่ข้างลั่วเซ่าเชิน มือเล็กๆ จับขากางเกงของเขา ขณะที่สายตาก็มองคุณแม่ลั่ว  

 

 

คุณพ่อลั่วกวักมือเรียกเธอ ลั่วอิงรีบวิ่งไปหาทันที คุณพ่อลั่วจับฝ่ามือเล็กๆ ของเธอ “เดี๋ยวคุณย่าก็ตื่นแล้วล่ะ”  

 

 

“พ่อครับ พ่อพักผ่อนก่อนเถอะครับ กินอะไรสักหน่อย ผมเชื่อว่าคุณแม่จะไม่เป็นอะไรครับ” ลั่วเซ่าเชินไม่รู้ว่าคุณแม่ลั่วจะฟื้นตอนไหน หมอก็ยืนยันได้ไม่เต็มปาก เพราะผู้ที่ได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ สิ่งที่เกิดขึ้นย่อมไม่แน่นอน อาจจะฟื้นหรือไม่ฟื้นเลยตลอดชีวิตก็เป็นได้  

 

 

ลั่วเซ่าเชินไม่หวังให้เป็นอย่างหลัง ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ เขากับถังโจวโจวก็คงต้องจบกันแล้ว  

 

 

พยาบาลเข้ามาเปลี่ยนน้ำเกลือให้คุณแม่ลั่ว มองไปที่เครื่องตรวจวัดต่างๆ มันยังคงร้องดังก้องเป็นจังหวะอยู่ ส่วนคุณแม่ลั่วก็ยังปิดตาอยู่ตลอดเวลา  

 

 

“คุณพยาบาลครับ เมื่อไรแม่ผมจะฟื้นหรือครับ” ลั่วเซ่าเชินอยากได้คำตอบที่แน่นอน  

 

 

“มันขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของผู้ป่วยค่ะ ดิฉันเองก็ไม่แน่ใจ” พยาบาลตอบด้วยสีหน้าขอโทษ  

 

 

คุณพ่อลั่วกินอาหารที่ลั่วเซ่าเชินนำมาทีละคำๆ สายตาไม่ละจากคุณแม่ลั่วเลย ขอเพียงแค่คุณแม่ลั่วขยับเล็กน้อย เขาก็จะได้รู้และตอบสนองเธออย่างทันท่วงที  

 

 

ลั่วอิงนั่งเงียบๆ อยู่บนเก้าอี้ มือเล็กๆ จับมือของคุณแม่ลั่วไว้ “คุณย่าขา คุณย่าต้องฟื้นเร็วๆ นะคะ”  

 

 

จู่ๆ ลั่วอิงก็รู้สึกว่ามือของคุณแม่ลั่วขยับ สองตาเธอเบิกกว้าง หรือว่าเธอมองผิดไป ลั่วอิงรออยู่นานมาก จนเธอคิดว่าตัวเองเข้าใจผิด แต่แล้วคุณแม่ลั่วก็ขยับมือเบาๆ อีกครั้ง ลั่วอิงถึงได้ตะโกนขึ้นมา “คุณพ่อ คุณปู่ คุณย่าฟื้นแล้วค่ะ”  

 

 

คุณพ่อลั่วได้ยินลั่วอิงพูดอย่างนั้น จึงรีบวางกล่องอาหารลงทันที โดยไม่สนว่าอาหารจะหกหรือไม่ แล้ววิ่งไปที่ข้างเตียงคุณแม่ลั่ว “อวี้ฮุ่ย คุณฟื้นแล้วเหรอ”  

 

 

คุณแม่ลั่วได้ยินเสียงคนเรียกเธอ เธอจึงค่อยๆ ลืมตาขึ้น เธอเห็นคุณพ่อลั่วยืนอยู่ข้างๆ เตียง จ้องมองมาที่เธออย่างตื่นเต้น มุมปากเผยรอยยิ้ม “เหวินอวี๋ ฉันหลับไปนานเท่าไรแล้ว”  

 

 

“ไม่นานๆ อวี้ฮุ่ย ร่างกายยังเจ็บตรงไหนไหม” คุณพ่อลั่วได้ยินเสียงคุณแม่ลั่วแหบแห้ง จึงรีบรินน้ำส่งให้เธอ ให้เธอดื่มช้าๆ  

 

 

คุณแม่ลั่วพยายามแตะริมฝีปากของเธอบนแก้ว ก่อนจะดื่มไปได้เพียงเล็กน้อย “เหวินอวี๋ ฉันยังอยากดื่มอีก”  

ตอนที่ 228 นกพิราบ

 

 

“โจวโจวยังอยู่ข้างบน แล้วทำไมคุณยังไม่กินข้าวล่ะ” ลั่วเซ่าเชินนั่งลงข้างๆ เมิ่งชิงซี เขาอารมณ์ไม่ค่อยดี เมิ่งชิงซีตักซุปให้เขาถ้วยหนึ่งอย่างเอาใจ “เซ่าเชิน คุณทานซุปหน่อยนะคะ”

 

 

สำหรับพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของเมิ่งชิงซี ทำให้ลั่วเซ่าเชินไม่ปฏิเสธเธอเหมือนเคย เขากินโดยไม่ต้องลังเล แม่นมจ้าวหยิบตะเกียบและชามออกมา เห็นเมิ่งชิงซีที่ทำตัวเหมือนเป็นคุณผู้หญิงของบ้าน คอยตักอาหารให้คุณชาย และคุณชายก็ไม่รู้เป็นอะไรกลับยอมกินข้าวที่เมิ่งชิงซีตักให้แต่โดยดี ภาพแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย

 

 

“คุณชายคะ ให้ฉันไปเรียกคุณผู้หญิงลงมาทานข้าวไหมคะ”

 

 

“ไม่ต้อง รออีกเดี๋ยวเธอก็ลงมากินเอง” ลั่วเซ่าเชินเพิ่งพูดจบ ถังโจวโจวก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหัวบันไดชั้นล่าง เขาไม่แม้แต่หันมามองเธอเลย ก้มหน้าก้มตากินอาหารอย่างเดียว

 

 

แต่กลับเป็นเมิ่งชิงซีที่กระตือรือร้นเดินไปหาถังโจวโจว “โจวโจว พวกเราเพิ่งพูดถึงเธอไป รีบมากินข้าวเร็ว เดี๋ยวอาหารจะเย็นหมด”

 

 

ถังโจวโจวถูกเมิ่งชิงซีจูงมือไป เมิ่งชิงซีพาเธอมานั่งข้างๆ เธออีกข้างหนึ่ง ถังโจวโจวมองลั่วเซ่าเชิน เธอรู้สึกว่าเขาเป็นเหมือนนกพิราบของเมิ่งชิงซี ที่เอาแต่กินอาหารที่เมิ่งชิงซีให้โดยไม่พูดอะไรเลย

 

 

เธอนั่งลงเงียบๆ และเมิ่งชิงซีก็เป็นเหมือนผึ้งที่หันไปทางนู้นทีทางนี้ที ในตอนนี้จึงมีแค่เสียงของเมิ่งชิงซี ส่วนลั่วเซ่าเชินและถังโจวโจวทำได้แค่มองอาหารของตัวเอง ราวกับแข่งกันก้มหน้า

 

 

หลังจากมื้ออาหารอันไร้รสชาติผ่านไป ถังโจวโจวที่เพิ่งจะวางตะเกียบลง พลันได้ยินเสียงลั่วเซ่าเชินพูดกับเธอว่า “โจวโจว หวังหวามาถึงแล้ว ผมจะให้เขาไปส่งคุณนะ”

 

 

“เซ่าเชิน โจวโจวจะไปไหนหรือคะ ให้ฉันไปส่งเธอแทนไหม”

 

 

“คุณเมิ่ง ขอบคุณในความหวังดีของคุณนะคะ แต่ฉันคิดว่าคุณมาขลุกตัวอยู่ที่นี่ทั้งวันแล้ว คุณพ่อคุณแม่ของคุณคงจะคิดถึงคุณมากแล้วล่ะค่ะ” ไม่ต้องพูดให้ชัดเจน แต่คนฉลาดก็ต้องรู้

 

 

สีหน้ายิ้มแย้มของเมิ่งชิงซีพลันบึ้งตึงขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่นานเธอก็กลับมายิ้มดังเดิมได้ “โจวโจว ที่เธอพูดมาก็ถูก แต่ฉันยังเป็นห่วงอาการป่วยของคุณป้าอยู่ และฉันเชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่ของฉันคงจะรอให้ฉันเอาข่าวดีไปบอกพวกท่าน เธอว่าจริงไหม”

 

 

คนสองคนสบตากันนิ่ง ราวกับมีประจุไฟปรากฏอยู่ในนั้น แต่สุดท้ายก็กระเด็นไปคนละทาง “เอาละ ชิงซี คุณก็กลับไปก่อนเถอะ ถึงเวลาถ้าคุณแม่ผมฟื้นแล้ว ผมจะแจ้งให้คุณทราบ”

 

 

เมื่อลั่วเซ่าเชินพูดออกมาอย่างนี้ เมิ่งชิงซีก็ทำได้แค่เก็บคำประท้วงของตัวเองลงไป “ในเมื่อเซ่าเชินพูดอย่างนี้ ฉันก็จะฟังที่คุณพูดค่ะ ถ้าคุณป้าฟื้นแล้ว คุณต้องรีบบอกฉันนะคะ ฉันจะได้ไปเยี่ยม”

 

 

“รู้แล้ว โจวโจว ไปเถอะ” ถังโจวโจวเห็นลั่วเซ่าเชินกับเมิ่งชิงซีดูสนิทสนมกันมากกว่าปกติ แต่เหตุใดกับเธอจึงดูเหมือนยิ่งห่างไกล แท้จริงแล้วนี่มันเรื่องอะไรกันแน่

 

 

“เซ่าเชิน ให้ฉันรออยู่ที่บ้านพวกเราได้ไหม ฉันต้องกลับบ้านคุณพ่อคุณแม่จริงๆ หรือคะ” เดิมทีถังโจวโจวก็ก้มหน้ายอมรับความจริงอย่างสงบแล้ว แต่เมิ่งชิงซีกลับแสดงตัวเหนือกว่าเธอให้เห็นตลอดเวลา เห็นๆ อยู่ว่าเธอเป็นภรรยาเซ่าเชิน แล้วทำไมตอนนี้ถึงเป็นแบบนี้ไปได้

 

 

“โจวโจว ผมอยากให้คุณเข้าใจนะ ที่ผมตัดสินใจแบบนี้ก็เพื่ออนาคตที่ดีของเรา หวังหวามาแล้ว ไปกันเถอะ” ลั่วเซ่าเชินจูงมือถังโจวโจวเดินออกไปหน้าประตูด้วยกัน

 

 

เมิ่งชิงซียืนอยู่ข้างหลัง มองด้วยสายตาเย็นชา ไม่คิดว่าถังโจวโจวจะมีวันนี้เร็วอย่างนี้ ในที่สุดเธอก็สามารถทำให้ถังโจวโจวออกจากตระกูลลั่วได้เสียที แค่ทำให้ถังโจวโจวกลับบ้านตัวเองไป พอคิดแล้วก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่นับจากนี้เธอจะต้องทำให้ถังโจวโจวไม่ได้กลับมาเหยียบที่นี่อีก

 

 

 

 

ตอนที่ 229 ป้องกันสุดชีวิต

 

 

           หวังหวาทำตามคำสั่งของลั่วเซ่าเชิน เอารถมาจอดไว้หน้าบ้าน จากนั้นไม่นานเขาก็พบกับลั่วเซ่าเชินและถังโจวโจว “ผอ. คุณผู้หญิง”

 

 

“มาแล้วเหรอ พาคุณผู้หญิงไปส่งเถอะ”

 

 

“เชิญครับ คุณผู้หญิง” หวังหวาเปิดรถ รอให้ถังโจวโจวขึ้นไปนั่ง ถังโจวโจวมองลั่วเซ่าเชินอย่างลึกซึ้ง จากนั้นเธอก็เดินขึ้นรถไป หวังหวาปิดประตูรถ และรีบวิ่งไปที่นั่งคนขับ

 

 

ลั่วเซ่าเชินยืนมองจนหวังหวาขับรถออกไป ถังโจวโจวไม่ได้หันมามองเขาอีกแล้ว ลั่วเซ่าเซินยังยืนอยู่ตรงนั้น และไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

 

 

เมิ่งชิงซีรออยู่ในบ้านนานมาก ราวกับว่าลั่วเซ่าเชินไปส่งถังโจวโจวครึ่งวันแล้วยังไม่กลับมา เมื่อออกมาดูก็พบว่าลั่วเซ่าเชินยังยืนอยู่หน้าประตู “เซ่าเชิน เป็นอะไรไปคะ”  พอถังโจวโจวไปแล้ว เขาก็เลยไม่มีความสุขหรือไง

 

 

“ไม่มีอะไร” ลั่วเซ่าเชินดึงสติกลับมาอย่างรวดเร็ว ไม่ได้ให้เวลาเมิ่งชิงซีถามเซ้าซี้อะไรอีก เขาเดินเข้าไปในบ้านทันที

 

 

เดิมทีลั่วอิงถูกแม่นมจ้าวโน้มน้าวจนพาขึ้นไปข้างบนได้แล้ว แต่เมื่อลงมากลับไม่พบหน้าถังโจวโจว เธอเห็นแค่ลั่วเซ่าเชินและคุณอาคนไม่ดียืนอยู่ด้วยกัน ลั่วอิงจึงระเบิดความโกรธออกมา “คุณพ่อคะ ทำไมเธอถึงยังอยู่ที่นี่ แล้วแม่โจวโจวล่ะคะ?”

 

 

เมิ่งชิงซีตอบกลับเธออย่างใจดี “ลั่วอิง แม่โจวโจวของหนูกลับบ้านไปแล้ว ตอนนี้คุณพ่ออารมณ์ไม่ค่อยดี หนูมาเล่นกับอาไหมคะ”

 

 

ลั่วอิงไม่ยอมเล่นกับเมิ่งชิงซีเด็ดขาด จึงแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นว่ามีเธออยู่ที่นี่ วิ่งเข้าไปหาลั่วเซ่าเชิน น้ำตาเอ่อนองออกมาเปื้อนใบหน้า “คุณพ่อคะ แม่โจวโจวอยู่ไหนคะ หนูอยากอยู่กับแม่โจวโจว”

 

 

เธอไม่เข้าใจว่า ‘ถังโจวโจวกลับบ้าน’ แปลว่าอะไร ใช่หมายถึงกลับไปบ้านของพวกเธอไหม ลั่วเซ่าเชินย่อตัวลงมาอุ้มลั่วอิงขึ้น แล้วช่วยซับน้ำตาให้เธอ “เอาละ ไม่ต้องร้องแล้ว พ่อยังอยู่นี่จะเป็นเพื่อนให้ลูกเอง แม่โจวโจวแค่กลับบ้านไปก่อน ลูกอยู่กับพ่อไม่ดีใจหรือครับ”

 

 

“แต่หนูอยากอยู่กับแม่โจวโจวด้วยนี่คะ หนูไม่อยากอยู่กับผู้หญิงนิสัยไม่ดี” ลั่วอิงพูดออกมาชัดถ้อยชัดคำ ใบหน้าเมิ่งชิงซีปรากฏความไม่พอใจ

 

 

เมิ่งชิงซีโกรธมากแต่ก็พูดไม่ได้ เพราะลั่วเซ่าเชินก็มองอยู่ ถ้าเธอทำอะไรลูกสาวสุดที่รักของเขา สิ่งที่เธอวาดฝันไว้ว่าจะได้กลายเป็นคุณผู้หญิงลั่วก็คงยากขึ้น

 

 

“ลั่วอิง คุณอาทำอะไรไม่ดีกับหนูหรือคะ” เมิ่งชิงซีพูดกับลั่วอิงด้วยน้ำเสียงน้อยใจ แสดงให้ลั่วเซ่าเชินเห็นว่าเธอไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรผิดไป ทำไมลั่วอิงถึงได้พูดแบบนี้ออกมา

 

 

“ลั่วอิง ลูกพูดแบบนี้ได้ยังไงครับ”

 

 

ลั่วเซ่าเชินไม่อยากให้ลั่วอิงเป็นเด็กพูดจาก้าวร้าวอย่างนี้ และเขาเชื่อว่าเมิ่งชิงซีไม่มีทางรับคำพูดเหล่านี้ได้ หากต่อไปลั่วอิงพูดจาแรงกว่านี้ เขาจะแก้ไขก็คงแก้ไม่ทันแล้ว แต่ลั่วเซ่าเชินก็ดูเมิ่งชิงซีออกว่าต่อหน้าเขาเมิ่งชิงซีคงไม่กล้าทำอะไรลั่วอิง

 

 

ลั่วเซ่าเชินหันหน้าไปขอโทษเมิ่งชิงซี “ชิงซี ขอโทษจริงๆ ลั่วอิงยังเด็ก คุณอย่าถือสาเลยนะ”

 

 

เมิ่งชิงซีย่อมต้องอยากเป็นคนใจกว้างต่อหน้าลั่วเซ่าเชินอยู่แล้ว ดังนั้น เธอจึงไม่ถือสาลั่วอิงด้วยเรื่องแค่นี้ “เซ่าเชิน ไม่เป็นไรค่ะ ลั่วอิงยังเล็ก เด็กมักชอบพูดอะไรแปลกๆ ฉันเข้าใจค่ะ”

 

 

“คุณพ่อ…” ลั่วอิงไม่พอใจ ทำไมคุณพ่อของเธอต้องขอโทษผู้หญิงนิสัยไม่ดีคนนี้ด้วย คุณพ่อเป็นของแม่โจวโจว และเป็นของเธอเท่านั้น จะถูกผู้หญิงไม่ดีคนนี้แย่งไปไม่ได้เด็ดขาด!

 

 

ลั่วอิงคิดว่า ตอนนี้ถังโจวโจวไม่อยู่ หน้าที่ดูแลลั่วเซ่าเชินอย่างใกล้ชิดก็ต้องตกเป็นของเธอแล้ว

ตอนที่ 226 ลั่วเซ่าเชินพูดกับถังโจวโจว

 

 

“โจวโจว พวกเราขึ้นไปคุยกันข้างบนเถอะ” ลั่วเซ่าเชินไม่แม้แต่จะมองหน้าถังโจวโจว น้ำเสียงของเขาเคร่งเครียด ทำให้ถังโจวโจวยิ่งรู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มากกว่าที่คิด

 

 

“เซ่าเชิน…”

 

 

“มีเรื่องอะไรไว้ค่อยไปคุยกันที่ห้องหนังสือเถอะ” เมื่อลั่วเซ่าเชินพูดจบแล้วก็ตรงขึ้นข้างบนทันที ถังโจวโจวจึงทำได้เพียงเดินตามเขาขึ้นไป

 

 

ปึง!  ลั่วเซ่าเชินปิดประตูห้อง ถังโจวโจวมองไปรอบห้องหนังสือขนาดใหญ่ของคฤหาสน์ตระกูลลั่ว เธอไม่เคยเข้ามาในห้องนี้เลย สถานที่นี้ไม่เหมือนบ้านหลังเล็กๆ ของพวกเขา คงเพราะคุณพ่อลั่วใช้ทำงานมานาน ด้านในจึงให้ความรู้สึกเหมือนห้องที่มีอายุยาวนานมากแล้ว

 

 

ลั่วเซ่าเชินมาใช้ห้องนี้ไม่บ่อยนัก บนชั้นนี้ยังมีห้องหนังสือเล็กๆ อีกห้องหนึ่ง นั่นถึงจะเป็นห้องที่ลั่วเซ่าเชินใช้เป็นประจำ และวันนี้เขาพาถังโจวโจวมาที่นี่ เพราะลั่วเซ่าเชินอยากฟังคำอธิบาย

 

 

“โจวโจว คุณเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ผมฟังหน่อยได้ไหม” ลั่วเซ่าเชินได้ยินเมิ่งชิงซีอธิบายมาแล้ว พอเข้าใจเรื่องราวบ้างแล้ว แต่เขายังอยากรู้ว่าถังโจวโจวจะอธิบายกับเขาว่าอย่างไร

 

 

ในตอนนี้เขารู้สึกคลางแคลงใจต่อเธอ ใครก็ตามที่ได้เห็นแม่ของตัวเองนอนแน่นิ่งอยู่กับพื้น โดยที่ภรรยายังยืนตัวสั่นอยู่ใกล้ๆ ท่าทางเหมือนคนตกใจ ย่อมต้องอดไม่ได้ที่จะสงสัยเธอ

 

 

เมิ่งชิงซีพูดปกป้องถังโจวโจวอยู่ตลอด แต่คำพูดปกป้องของเธอ ยิ่งทำให้ถังโจวโจวดูแย่ลง เมิ่งชิงซีพูดไม่หยุดว่าถังโจวโจวไม่ได้ตั้งใจ แต่หลักฐานอยู่ตรงหน้า แม้ไม่ได้ตั้งใจ แต่ก็เท่ากับถังโจวโจวมีส่วนผิดในเรื่องนี้ด้วย

 

 

“เซ่าเชิน ตอนนี้คุณกำลังสงสัยฉันใช่ไหม แต่ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นได้ยังไง” ถังโจวโจวอยากจะอธิบาย แต่กลับไม่รู้ว่าจะเริ่มอย่างไรดี ทุกคนคิดกันไปแล้วว่าเธอเป็นคนผลักคุณแม่ลั่วลงมา เธอไม่ได้ตั้งใจทำอย่างนั้น แต่ตอนนี้ใครจะไปอยากได้ยินเธอพูดแบบนี้

 

 

“แล้วคุณแม่ตกลงมาได้ยังไง โจวโจว เมิ่งชิงซีบอกว่าคุณไม่ได้ตั้งใจ ผมก็เชื่ออย่างนั้นว่าคุณไม่มีทางทำเรื่องแบบนั้นแน่นอน แต่ตอนนี้คุณแม่นอนเจ็บหนักอยู่ที่โรงพยาบาล ยังไงผมก็ต้องจัดการเรื่องนี้ให้กับเธอ”

 

 

ถังโจวโจวค้นพบเรื่องหนึ่งว่า ความเย็นชาและเคร่งขรึมของลั่วเซ่าเชินที่ปรากฏต่อหน้าเธอในตอนนี้ มันเป็นการกระทำอันโหดร้ายเดียวกันที่เธอเคยเห็นเขาใช้กับผู้หญิงคนอื่น แต่วันนี้เขากลับใช้กับเธอเสียงเอง มันช่างน่าเศร้าจริงๆ

 

 

“เซ่าเชิน ฉันไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไง เรื่องที่คุณแม่ตกบันได ฉันไม่รู้จริงๆ ตอนนั้นฉันทะเลาะกับคุณเมิ่งอยู่ จากนั้นฉันแค่คิดอยากจะสะบัดมือเธอออกไป แต่ใครจะรู้…”

 

 

“ใครจะรู้ว่ากลับผลักคุณแม่ลงไป” ลั่วเซ่าเชินช่วยถังโจวโจวพูดจนจบ “ถังโจวโจว คุณไม่รู้เลยจริงๆ เหรอว่าคุณแม่ยืนอยู่ข้างหลังคุณตลอด”

 

 

ถังโจวโจวส่ายหน้า ปากพึมพำเบาๆ “ฉันไม่รู้จริงๆ… ไม่รู้จริงๆ…” ถ้าตอนนั้นเธอรู้ว่าคุณแม่ลั่วอยู่ข้างหลังเธอ แล้วจะถูกผลักลงไปข้างล่างเพราะการกระทำของเธอ เธอจะยอมปล่อยให้เมิ่งชิงซีบีบแขนเธอจนเจ็บโดยไม่สะบัดมือแม้แต่น้อยเลย

 

 

เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นอยู่บนความไม่รู้ของเธอ ที่ทำให้คุณแม่ลั่วถูกผลักตกบันได ถังโจวโจวพยายามปลอบตัวเอง เสียงสะอื้นดังขึ้นในบ้าน ถังโจวโจวไม่อยากจะโต้เถียงเรื่องนี้อีก เพราะสุดท้ายไม่ว่าอย่างไรเรื่องนี้เธอก็ผิด

 

 

ไม่ใช่ว่าเธอไม่ยอมรับ แต่ตอนนี้เรื่องที่เธอกังวลมากที่สุดก็คือ อาการคุณแม่ลั่วเป็นอย่างไรบ้าง “เซ่าเชิน ตอนนี้คุณแม่…” ถังโจวโจวมองลั่วเซ่าเชินที่มีสีหน้าไม่ค่อยสู้ดี ไม่รู้ว่าคำถามนี้ของเธอจะมีคำตอบเช่นไร

 

 

 

 

ตอนที่ 227 วิธีที่ดีที่สุดในตอนนี้

 

 

“ยังไม่ฟื้น คุณพ่อกำลังเฝ้าอยู่” ลั่วเซ่าเชินปวดหัวมาก คุณพ่อลั่วต้องการให้เขาจัดการเรื่องนี้ แต่เขาไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรจริงๆ

 

 

ถังโจวโจวไม่ได้ตั้งใจ แล้วเขาจะจัดการอะไรได้ แต่ลั่วเซ่าเชินรู้ชัดแน่นอนว่าคุณพ่อลั่วต้องการผลลัพธ์อย่างไร

 

 

เป็นที่รู้กันดีว่า พวกเขาต้องการให้ถังโจวโจวออกจากบ้านลั่วมาโดยตลอด เพียงแต่เพราะเขาคือตัวแปรที่คอยเจรจาต่อรองมาตลอด แต่จากเหตุการณ์ครั้งนี้ นี่จะเป็นข้ออ้างที่ดีมาก

 

 

แค่ลั่วเซ่าเชินคิดว่าถังโจวโจวจะต้องแยกจากเขา ในใจเขาก็เจ็บปวด เขารับเรื่องนี้ไม่ได้ ถังโจวโจวเป็นของเขา เป็นของเขามาตลอด ใครก็ไม่สามารถแยกเธอไปจากเขาได้

 

 

“โจวโจว ช่วงนี้คุณกลับไปอยู่บ้านสักพักหนึ่งก่อนได้ไหม…” หลังจากลั่วเซ่าเชินคิดอยู่นาน เขาก็คิดได้หนึ่งวิธี ขอเพียงคุณแม่ลั่วไม่เป็นไร ถึงเวลานั้นค่อยร้องขออีกครั้ง บางทีถังโจวโจวอาจจะผ่านมันไปได้อย่างง่ายดายก็เป็นได้

 

 

ตอนนี้ถังโจวโจวเหมือนเป็นตะปู เป็นเนื้อร้าย ในสายตาคุณพ่อลั่ว ลั่วเซ่าเชินทำได้แค่ให้เธอกลับไปอยู่บ้านตัวเองก่อน รอให้เรื่องราวนี้ผ่านไปสักพักแล้วค่อยกลับมา

 

 

ถังโจวโจวก้าวถอยหลังไปก้าวหนึ่ง  ฉันควรจะรู้อยู่แล้วว่ามันต้องเป็นแบบนี้ไม่ใช่หรือ  “เซ่าเชิน เรื่องนี้คุณตัดสินใจแล้วหรือคะว่า…”

 

 

“ผมเอง… โจวโจว คุณก็รู้ ตอนนี้คุณแม่ยังไม่ฟื้น และคุณพ่อก็โกรธมาก ถ้าให้คุณอยู่ที่นี่ คุณต้องมาทนฟังคำพูดที่ไม่ดี คุณจะไม่สบายใจเปล่าๆ” ลั่วเซ่าเชินอธิบายกับถังโจวโจว แต่คำอธิบายของเขากลับทำให้ถังโจวโจวยิ่งปวดใจ

 

 

คุณพ่อลั่วยังอยู่ที่โรงพยาบาล คุณแม่ลั่วก็ยังไม่ฟื้น หากตอนนี้เขาพาเธอออกไป ไม่เท่ากับให้เมิ่งชิงซีเข้ามาแทนที่หรอกหรือ

 

 

“…ได้ค่ะ ฉันรู้แล้ว” ถังโจวโจวทำได้เพียงแค่ยินยอม นอกจากเห็นด้วยกับเขาแล้ว เธอก็ไม่รู้วิธีอื่นใดอีก เธอได้แต่ตำหนิตัวเอง ไม่…เธอจะไม่ร้องไห้ออกมาง่ายๆ เด็ดขาด เพราะนั่นไม่ใช่นิสัยของเธอ ตอนนี้เธอไม่รู้จะทำอย่างไรดีแล้ว นอกจากต้องยอมรับความจริงอยู่เงียบๆ

 

 

“เซ่าเชิน ให้ฉันไปเยี่ยมคุณแม่ได้ไหมคะ” ในใจถังโจวโจวยังไม่รู้สึกวางใจ เธออยากไปดูคุณแม่ลั่วด้วยตัวเองว่าคุณแม่ลั่วปลอดภัย

 

 

“โจวโจว ช่วงนี้คุณอย่าเพิ่งไปพบคุณแม่เลยนะ เอาอย่างนี้ดีไหม เดี๋ยวกินข้าวเสร็จแล้ว ผมจะให้หวังหวามารับคุณพาไปเก็บของที่บ้าน แล้วค่อยไปส่งคุณที่บ้านคุณพ่อคุณแม่”

 

 

“ค่ะ อย่างนั้นก็ได้” เมื่อถังโจวโจวพูดจบ ห้องหนังสือก็ตกอยู่ในความเงียบ ถังโจวโจวได้ยินเสียงฝีเท้าของลั่วเซ่าเชินเดินออกจากห้องไป เธอก้มหน้าลง ในที่สุดน้ำตาที่กลั้นไว้ก็อดทนไม่ไหว ไหลออกมาไม่หยุด

 

 

ประตูห้องถูกปิดลง น้ำตาหยดลงพื้นทีละหยดๆ ซึมไปกับพรมพื้นห้อง “ฮือๆ…” ถังโจวโจวกัดริมฝีปาก มีเพียงเสียงสะอื้นเบาๆ ในห้อง ถ้าไม่มีใครเข้ามาก็จะไม่มีใครรู้ว่าเธอร้องไห้

 

 

ลั่วเซ่าเชินลงไปชั้นล่าง คำพูดที่เพิ่งพูดไปเมื่อครู่นี้ก็ทำให้ใจของเขาเจ็บปวด เพื่อที่จะได้อยู่กับถังโจวโจวในระยะยาว ตอนนี้พวกเขาทำได้แค่อดทนแยกจากกันสักพัก เขาเชื่อว่าเรื่องเลวร้ายนี้จะผ่านไปได้อย่างรวดเร็ว และเขาก็จะรีบพาถังโจวโจวกลับมาโดยเร็ว

 

 

ถังโจวโจวร้องไห้อยู่พักหนึ่ง เธอเช็ดน้ำตา พลางดูหน้าตัวเองผ่านกล้องโทรศัพท์มือถือ ยังมองออกอยู่ว่าเธอร้องไห้มา เธอลังเลว่าเธอควรจะอยู่ในห้องหนังสือต่อไปก่อน หรือว่าควรออกไปแล้วดี?

 

 

เมิ่งชิงซีน่าจะกินข้าวเป็นเพื่อนลั่วเซ่าเชินอยู่ เธอออกไปแบบนี้จะกลายเป็นเหมือนบุคคลที่สามหรือเปล่า ความคิดนี้ก็ทำให้ถังโจวโจวรู้สึกเสียใจขึ้นมาอีก

 

 

เมิ่งชิงซีเห็นลั่วเซ่าเชินลงมา ก็เรียกแม่นมจ้าวทันที “แม่นมจ้าว รีบไปยกอาหารออกมาให้เซ่าเชินเร็ว เซ่าเชินคะ โจวโจวล่ะ”

ตอนที่ 224 ความกลัวของคุณพ่อลั่ว

 

 

“ชิงซี คุณพูดตลอดว่าเธอไม่ได้ตั้งใจ หมายความว่ายังไง” แววตาลั่วเซ่าเชินปรากฏความสงสัย เมิ่งชิงซีดูจากอะไรถึงเอาแต่บอกว่าถังโจวโจวไม่ตั้งใจ เมิ่งชิงซีดูออกได้อย่างไร

 

 

“เซ่าเชิน ตอนแรกฉันยืนคุยอยู่กับถังโจวโจว แล้วฉันก็บอกเธอว่าฉันมีเรื่องอยากจะพูดกับคุณ โจวโจวได้ยินอย่างนั้นก็ค่อนข้างโมโห ฉันจับมือของเธอไว้ เธอคงรู้สึกฉุนเฉียวขึ้นมาก็เลยสะบัดมือจากฉัน แต่ไม่คิดว่าตอนนั้นคุณป้าที่ยืนอยู่ข้างหลังกลับโดนแรงเหวี่ยงของมือเธอผลักให้ตกลงมา… เซ่าเชิน โจวโจวไม่ได้ตั้งใจจริงๆ คุณให้อภัยเธอเถอะนะคะ”

 

 

“ถึงจะบอกว่าไม่ได้ตั้งใจ แต่ตอนนี้เรื่องก็เกิดกับแม่แกแล้ว ไม่ว่าแกจะหลงเสน่ห์ผู้หญิงคนนั้นแค่ไหน ลั่วเซ่าเชิน แกต้องจัดการเรื่องนี้ให้ฉัน!” เสียงของคุณพ่อลั่วดังขึ้นจากด้านหลัง

 

 

ลั่วเซ่าเชินได้ยินน้ำเสียงเกี้ยวกราดของคุณพ่อลั่ว ก็ต้องลำบากใจขึ้นอีก “พ่อครับ ตอนนี้เรื่องยังไม่ชัดเจน จะตัดสินอะไรก็ยังเร็วเกินไป…”

 

 

“ฉันไม่สนหรอกว่ามันจะเร็วไปไหม ฉันแค่รู้ว่าตอนนี้แม่ของแกถูกถังโจวโจวทำร้ายจนต้องเข้าโรงพยาบาล ถ้าแม่ของแกเป็นอะไรไป อาเชิน แกจะทำยังไง” คุณพ่อลั่วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ แต่อารมณ์ที่อดกลั้นเช่นนี้ของเขากลับเป็นเหมือนลมแผ่วเบาก่อนจะมีพายุฝน

 

 

เมิ่งชิงซีร้องไห้ขึ้นมา “คุณลุงคะ เป็นเพราะหนูดูแลคุณป้าไม่ดี ทุกอย่างเกิดจากหนูเองที่แนะนำคุณป้า อยากให้คุณป้าไปขอโทษถังโจวโจว เพื่อให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองดีขึ้น ซึ่งคุณป้าก็ยินยอมแล้ว แต่ไม่คิดเลยว่ามันกลับทำให้เกิดเรื่องแบบนี้…”

 

 

คำพูดของเมิ่งชิงซียิ่งเหมือนเติมเชื้อไฟ “เซ่าเชิน ได้ยินที่ชิงซีพูดแล้วหรือยัง แม่ของแกพร้อมที่จะดีกับเธอแล้ว แต่เธอกลับยังใจร้ายผลักแม่ของแกตกบันไดได้ลงคอ แบบนี้จะยังวางใจได้ยังไง!”

 

 

“พ่อครับ จะตัดสินตอนนี้มันยังเร็วเกินไป เดี๋ยวรอฟังข่าวว่าคุณแม่ไม่เป็นอะไรก่อนแล้วค่อยพูดเรื่องนี้ต่อเถอะครับ” ลั่วเซ่าเชินอยากจะยื้อเวลาเพื่อถังโจวโจว เขารู้ว่าตอนนี้คุณพ่อลั่วโกรธมาก แต่สำหรับถังโจวโจว ลั่วเซ่าเชินยังทำใจไม่ได้ที่จะคิดว่าเธอเป็นคนร้าย

 

 

“นี่แกกำลังปกป้องเธออยู่ใช่ไหม ถ้ามีสักวันตระกูลลั่วถูกคนทำลายแกก็ยอมหรือ?”

 

 

“คุณพ่อครับ นี่พ่อพูดอะไรออกมา คุณแม่ยังอยู่ในห้องผ่าตัด พ่ออย่าเพิ่งพูดอะไรไปกันใหญ่สิครับ ทำลายครอบครัวอะไร โจวโจวไม่ใช่คนแบบนั้น แล้วผมก็ไม่ได้แก้ตัวแทนเธอด้วย”

 

 

“คุณลุงคะ อย่าเพิ่งโมโหค่ะ ตอนนี้คุณป้าเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ รอให้คุณป้าปลอดภัยก่อนแล้วค่อยว่ากันเถอะค่ะ”

 

 

คำพูดของเมิ่งชิงซีได้ผล ลั่วเซ่าเชินเห็นคุณพ่อลั่วฟังคำของเมิ่งชิงซี เขาได้แต่ขอบคุณเมิ่งชิงซีผ่านสายตาไปครั้งหนึ่ง

 

 

เมิ่งชิงซีรับรู้ถึงคำขอบคุณที่ลั่วเซ่าเชินส่งมาให้ ในใจเธอค่อนข้างภูมิใจ ในที่สุดเซ่าเชินก็เห็นความดีของเธอบ้างแล้ว ครั้งนี้เธออาจจะกำจัดถังโจวโจวได้สำเร็จจริงๆ

 

 

หลังจากรอคอยมานาน ในที่สุดประตูห้องผ่าตัดก็เปิดออก คุณหมอออกมาจากข้างใน คุณพ่อลั่วรีบเข้าไปหยุดยืนตรงหน้าคุณหมอ “คุณหมอ ภรรยาผมเป็นยังไงบ้าง”

 

 

“คนไข้บาดเจ็บที่ศีรษะอย่างหนัก อาจส่งผลให้เกิดอาการสมองเสื่อมได้ แล้วยังมีรอยช้ำบนร่างกาย ส่วนที่เหลือก็ปกติดีทุกอย่าง แต่ตอนนี้ต้องรอจนกว่าคนไข้จะฟื้นขึ้นมาก่อนนะครับ”

 

 

“อ้อ… ถ้าอย่างนั้นคุณหมอครับ ตอนนี้ภรรยาผมอยู่ที่ไหนครับ” คุณพ่อลั่วจับมือหมอไว้ข้างหนึ่ง ถามอย่างร้อนใจ ตอนนี้ในใจของเขาค่อนข้างกระวนกระวายมาก สิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณแม่ลั่วนับเป็นข่าวร้ายสำหรับเขา

 

 

คุณพ่อกับคุณแม่ลั่วผ่านร้อนผ่านหนาวมาด้วยกันหลายสิบปี หลายปีมานี้ร่างกายคุณแม่ลั่วนับวันมีแต่แย่ลง คุณพ่อลั่วจึงกลัวมากว่าเรื่องในครั้งนี้อาจทำให้คุณแม่ลั่วต้องจากเขาไป คุณพ่อลั่วจึงรู้สึกตื่นตระหนกอยู่ลึกๆ สำหรับเหตุการณ์นี้

 

 

 

 

ตอนที่ 225 สมองเสื่อม

 

 

“ตอนนี้เธออยู่ในไอซียูครับ พวกคุณส่งตัวแทนเข้าไปเยี่ยมเธอได้หนึ่งคนนะครับ แต่ต้องระวังอย่าเสียงดัง เพราะคนไข้กำลังพักผ่อนครับ” คุณหมอเอ่ยเตือน

 

 

“ขอบคุณครับคุณหมอ” คุณพ่อลั่วไม่สนใจว่าคุณหมอจะพูดอะไรอีกไหม หลังจากรีบขอบคุณแล้ว เขาก็ถามให้แน่ใจว่าคุณแม่ลั่วอยู่ตรงไหน และรีบไปทันที

 

 

คุณพ่อลั่วมองคุณแม่ลั่วที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้ผ่านกระจก สีหน้าของคุณแม่ลั่วขาวซีด ดูอ่อนแรงมากเหลือเกิน ปกติร่างกายของคุณแม่ลั่วก็ไม่แข็งแรงอยู่แล้ว หากต้องมาเจ็บป่วยก็จะยิ่งเป็นผลเสียต่อร่างกายที่บอบช้ำของเธอ

 

 

คุณพ่อลั่วเดินไปที่ประตู เปิดประตูเข้าไป ตอนนี้คุณแม่ลั่วยังไม่ฟื้น ในห้องผู้ป่วยมีเพียงเสียงของเครื่องมือแพทย์ดังอยู่เป็นระยะ คุณพ่อลั่วนั่งอยู่ข้างเตียงคุณแม่ลั่ว จับมือของคุณแม่ลั่วไว้ เรียกด้วยเสียงแผ่วเบา “อวี้ฮุ่ย เมื่อไรคุณจะฟื้น คุณอย่าจากผมไปนะ”

 

 

เรื่องที่คุณพ่อลั่วกังวลที่สุดก็คือเรื่องคุณแม่ลั่ว เมื่อคิดว่าเธอจะไม่ฟื้น ชีวิตที่เหลือของเขาก็เหมือนตายไปครึ่งหนึ่งแล้ว

 

 

ถึงแม้บางครั้งคุณแม่ลั่วจะไร้เหตุผล แต่ท้ายที่สุดแล้วเธอกับเขาก็เป็นคู่รักคู่ชีวิตกัน ทั้งสองคนใช้ชีวิตร่วมกันมานานแล้ว แม้ว่าไม่ได้โรแมนติกเหมือนสมัยวัยหนุ่มสาว แต่ตอนนี้กลับรู้สึกอบอุ่นหัวใจมากยิ่งกว่าแต่ก่อน

 

 

คุณพ่อลั่วพูดกับคุณแม่ลั่วเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ เขาหวังว่าคุณแม่ลั่วจะได้ยินเสียงของเขาแล้วตื่นขึ้นมา คุณหมอเพิ่งจะบอกว่าคุณแม่ลั่วอาจจะสมองเสื่อมได้ ถ้าหลังจากคุณแม่ลั่วฟื้นขึ้นมาแล้วเป็นอะไรไปจริงๆ คุณพ่อลั่วก็ยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร

 

 

ลั่วเซ่าเชินมองเข้าไปในห้องผู้ป่วยที่มีคุณพ่อลั่วเฝ้าคุณแม่ลั่วอยู่ไม่ห่าง จากนั้นก็ค่อยๆ แยกตัวออกไป เมิ่งชิงซีรีบเดินตามลั่วเซ่าเชิน “เซ่าเชินคะ คุณจะกลับแล้วเหรอ”

 

 

“ชิงซี ตอนนี้คุณแม่ผมไม่เป็นอะไรแล้ว คุณเองก็กลับเถอะ” ลั่วเซ่าเชินไม่มีอารมณ์จะสนใจเมิ่งชิงซี ตอนนี้เขาอยากแก้ไขปัญหาของถังโจวโจวให้เร็วที่สุด

 

 

“เซ่าเชิน ฉันอยากไปกับคุณด้วย แต่ยังไงเรื่องนี้คุณต้องเชื่อโจวโจวนะคะ” เมิ่งชิงซีดึงแขนเสื้อของลั่วเซ่าเชินไว้ เดิมทีลั่วเซ่าเชินอยากจะปัดมือเธอออก แต่สายตาที่จริงใจของเมิ่งชิงซี ทำให้ลั่วเซ่าเชินชะงักมือไว้

 

 

“ชิงซี คุณไม่ต้องพูดแทนเธอแล้ว ในใจผมรู้ดี” ลั่วเซ่าเชินไม่ได้บอกให้เมิ่งชิงซีไปกับเขา เขาได้แต่เดินตรงไปเงียบๆ เมิ่งชิงซียังคงเดินตามหลังเขาไป ทั้งสองคนมีช่องว่างระหว่างกันแค่หนึ่งก้าว แต่ยิ่งใกล้กลับดูเหมือนยิ่งไกล

 

 

ลั่วเซ่าเชินขับรถพาเมิ่งชิงซีกลับมาที่บ้านด้วย ถังโจวโจวยังไม่ขยับไปไหนเหมือนก่อนหน้านี้

 

 

แม่นมจ้าวให้ลั่วอิงกินข้าวไปได้บ้างแล้ว เมื่อเห็นว่าถังโจวโจวเป็นแบบนี้ จึงแนะนำอยู่ข้างๆ ว่า “คุณผู้หญิงคะ ฉันรู้ว่าในใจคุณกำลังตำหนิติเตียนตัวเอง แต่ยังไงคุณก็ควรทานอะไรสักหน่อยนะคะ ไม่อย่างนั้นคุณจะเสียสุขภาพเอาได้”

 

 

“แม่นมจ้าว ฉันไม่อยากกิน” ถังโจวโจวตกอยู่ในห้วงความรู้สึกผิดไม่มีที่สิ้นสุด ถ้าเธอไม่ผลักคุณแม่ลั่ว คุณแม่ลั่วก็คงไม่ต้องไปโรงพยาบาล ตอนนี้ในบ้านเงียบเหงาว่างเปล่า บรรยากาศที่จะได้รับประทานอาหารพร้อมหน้าพร้อมตาไม่มีแล้ว

 

 

ลั่วเซ่าเชินเดินเข้ามาในขณะที่แม่นมจ้าวยังโน้มน้าวถังโจวโจวอยู่ “แม่นมจ้าว เตรียมอาหารให้คุณเมิ่งหน่อย ชิงซี คุณไปกินข้าวก่อนเถอะ” ลั่วเซ่าเชินพูดกับเมิ่งชิงซีด้วยน้ำเสียงปกติ

 

 

“ถ้าอย่างนั้น…เซ่าเชิน คุณก็ไปคุยกับโจวโจวก่อนเถอะค่ะ แล้วค่อยมากินข้าว”เมิ่งชิงซีมองไปที่ถังโจวโจว แล้วก็มองกลับมาที่ลั่วเซ่าเชินอีกครั้ง ก่อนจะตามแม่นมจ้าวไปที่โต๊ะอาหาร

 

 

เมื่อถังโจวโจวได้ยินเสียงของลั่วเซ่าเชิน ก็ตกใจรีบลุกขึ้นมา ไม่รู้ว่ามือเท้าเป็นอะไร มันอ่อนแรงไปหมด “เซ่า…เซ่าเชิน กลับมาแล้วหรือคะ”

ตอนที่ 222 อุบัติเหตุหรือสร้างสถานการณ์  

 

 

           “เมิ่งชิงซีก็ไปกับเขาด้วย เธอไปกับเซ่าเชิน…” ถังโจวโจวบ่นพึมพำอยู่อย่างนั้น ลั่วอิงยืนอยู่ข้างๆ เธอ ในขณะที่ลั่วเซ่าเชินตกอยู่ในความโกลาหล เขาไม่มีเวลามาสนใจเธอ เธอจึงอยู่ที่นี่  

 

 

ลั่วอิงมองไปยังถังโจวโจวที่ตกอยู่ในภวังค์แล้วก็ตกใจกลัว เธอถลาเข้าไปในอ้อมแขนของถังโจวโจวและพูดอย่างร้อนรนว่า “แม่โจวโจวขา คุณแม่เป็นอะไรไป คุณแม่อย่าทำให้หนูกลัวสิ…”  

 

 

ถังโจวโจวไม่ได้ตอบอะไร เธอเอาแต่นั่งอยู่บนโซฟา เธอคิดถึงแต่เรื่องของตัวเองโดยไม่สนใจลั่วอิงเลยสักนิด ลั่วอิงร้องไห้สะอึกสะอื้น จนแม่นมจ้าวทนดูต่อไปไม่ไหว “คุณหนูคะ ตอนนี้คุณผู้หญิงอาจจะไม่สบายใจอยู่ คุณหนูไปที่ครัวกับดิฉันก่อนดีไหมคะ”  

 

 

“แม่นมจ้าวขา หนูอยากอยู่กับแม่โจวโจว” ลั่วอิงกุมมือถังโจวโจวแน่น สภาพของถังโจวโจวในตอนนี้ทำให้เธอตกใจกลัว เหตุการณ์ในวันนี้มันกะทันหันเป็นอย่างมาก เธอไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ คุณย่าถึงกลิ้งลงมาอยู่ตรงนั้นได้ ในขณะที่แม่โจวโจวเองก็ไม่ได้ออกไปส่งคุณย่าที่โรงพยาบาลกับคุณพ่อ  

 

 

กลับเป็นคุณน้าใจร้ายแสนน่ารำคาญคนนั้นที่ได้ไปด้วยกันกับคุณพ่อ ทำไมแม่โจวโจวถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้? สมองเล็กๆ ของลั่วอิงไม่เข้าใจว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น เธอตื่นตระหนก เธอหวาดกลัว กลัวว่าชีวิตที่มีความสุขของเธอจะพังทลายลง  

 

 

“เชื่อดิฉันเถอะค่ะ คุณหนู เราไปหาอะไรกินกันก่อน อีกเดี๋ยวคุณชายจะต้องส่งคนมารับคุณหนูไปเยี่ยมคุณนายแน่นอนค่ะ”  

 

 

“จริงเหรอคะ แม่นมจ้าว? คุณพ่อจะกลับมารับหนูกับแม่โจวโจวจริงๆ เหรอคะ” เมื่อครู่นี้ลั่วอิงสังเกตเห็นว่าลั่วเซ่าเชินมีท่าทีกลัดกลุ้มอย่างที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน คุณย่าบาดเจ็บ และดูเหมือนว่าคุณพ่อจะโทษแม่โจวโจวเต็มๆ  

 

 

“จริงสิคะ คุณหนู ดิฉันไม่หลอกคุณหนูหรอกค่ะ” เพียงแต่แม่นมจ้าวไม่ทราบว่าคุณชายจะมารับคุณผู้หญิงไปด้วยกันไหม หากเป็นคนที่สายตาดี ในตอนนั้นไม่ว่าใครก็ต้องมองออกว่าเรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับคุณผู้หญิง  

 

 

ไม่ว่าคุณผู้หญิงจะตั้งใจหรือไม่ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณหญิงนั่นคือความจริง และใครก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ แล้วหลังจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างคุณชายกับคุณผู้หญิงจะเปลี่ยนไปหรือไม่ เธอเองก็ไม่อาจทราบได้  

 

 

แม่นมจ้าวพาลั่วอิงไปที่ห้องครัวและจัดอาหารที่เตรียมไว้เป็นชุดเล็กๆ เพื่อให้ลั่วอิงกินรองท้องไปก่อน ลั่วอิงนั่งอยู่บนโต๊ะตัวใหญ่ เธอมองถังโจวโจวที่ยังนั่งอยู่ที่เดิมตรงนั้น ก่อนจะหันกลับมามองของอร่อยที่เธอโปรดปราน แต่กลับไม่มีความรู้สึกอยากอาหารเลยสักนิด  

 

 

“แม่นมจ้าวขา หนูกินไม่ลง…” ตอนนี้เธอไม่รู้สึกหิวเลยสักนิด เธอควรจะได้นั่งกินข้าวกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา แม้จะมีคุณน้าใจร้ายที่ขัดตาไปบ้าง แต่มันก็ดีกว่าตอนนี้เป็นไหนๆ  

 

 

ถังโจวโจวนึกถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น เมิ่งชิงซีกำลังขอร้องอ้อนวอนเธออยู่ จากนั้นเธอก็ทนไม่ไหว แล้วพอเธอสะบัดมือ ก็เหมือนกับว่ามันได้กระทบเข้ากับอะไรบางอย่าง และเมื่อเธอได้ยินเสียงกรีดร้องของเมิ่งชิงซี คุณแม่ลั่วก็กลิ้งตกบันไดไปแล้ว  

 

 

เมื่อถังโจวโจวนึกถึงสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้น เธอก็ทึ้งผมและก้มหน้าลง สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความเจ็บปวด เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเธอได้ทำสิ่งนี้ลงไป เธอทำร้ายคุณแม่ของเซ่าเชิน เธอควรจะทำอย่างไรต่อไปดี?  

 

 

เธอไม่ได้ตั้งใจ เธอไม่ได้ตั้งใจจะผลักคุณแม่ลั่ว เธอจะรู้ได้อย่างไรล่ะว่าคุณแม่ลั่วจะยืนอยู่ข้างหลังและถูกเธอผลักตกลงไปชั้นล่างพอดี มันเกิดเรื่องบังเอิญแบบนี้ได้อย่างไร  

 

 

ถังโจวโจวคิดซ้ำไปซ้ำมา ทุกอย่างมันบังเอิญไปหมด แม้แต่พิรุธของเมิ่งชิงซีก็ไม่มีให้เห็น ดังนั้น เหตุการณ์นี้จะนับว่าเป็นอุบัติเหตุได้ไหม?  

 

 

 

 

 

ตอนที่ 223 เมิ่งชิงซีปกป้องถังโจวโจว  

 

 

ถังโจวโจวแน่ใจว่านี่เป็นอุบัติเหตุ แต่เธอไม่รู้ว่าลั่วเซ่าเชินจะเชื่อไหมว่านี่เป็นอุบัติเหตุ และเมิ่งชิงซีจะพูดใส่ไฟอะไรเธออีก  

 

 

ลั่วเซ่าเชินและเมิ่งชิงซีขับรถพาคุณแม่ลั่วไปโรงพยาบาล มองคุณแม่ลั่วเข้าไปในห้องผ่าตัดทันที ลั่วเซ่าเชินถึงได้โล่งอกลงบ้าง เขาหันไปถามเมิ่งชิงซีว่าเกิดอะไรขึ้น  

 

 

“ชิงซี คุณบอกผมได้ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมแม่ผมถึงตกบันไดได้”  

 

 

ตอนนั้นเขาเห็นว่าตรงนั้นมีกันอยู่แค่สามคน คือถังโจวโจว เมิ่งชิงซี และคุณแม่ลั่ว แต่ตอนนี้คุณแม่ลั่วสลบไปยังไม่ฟื้น และไม่รู้ว่าผลการตรวจร่างกายจะเจอปัญหาอะไรไหม  

 

 

เมิ่งชิงซีก้มหน้านิ่ง ลั่วเซ่าเชินจึงเห็นไม่ชัดว่าเธอมีสีหน้าอย่างไร “ชิงซี รีบตอบผมมา”  

 

 

เมื่อเขาเห็นว่าเมิ่งชิงซีเอาแต่ร้องไห้ ลั่วเซ่าเชินก็ร้อนใจ ตอนนี้คุณแม่ลั่วจะเป็นหรือตายก็ไม่รู้ เขาแค่อยากรู้เหตุการณ์ให้ชัดเจนเท่านั้น  

 

 

“เซ่าเชินคะ ไม่ใช่ความผิดของถังโจวโจวหรอกค่ะ เธอแค่ไม่ได้ระวังเท่านั้น…” เมิ่งชิงซีพูดปกป้องถังโจวโจวอย่างนี้ ยิ่งแสดงให้เห็นว่าเรื่องครั้งนี้ชี้เป้าไปที่ถังโจวโจว  

 

 

“คุณกำลังจะบอกว่าโจวโจว…” ลั่วเซ่าเชินไม่อยากจะเชื่อ เขาไม่เชื่อว่าถังโจวโจวจะมีความคิดชั่วร้ายอย่างนี้ แต่ไหนแต่ไรมาเธอไม่ใช่คนอย่างนี้  

 

 

“เซ่าเชิน ฉันรู้ว่าคุณไม่อยากจะเชื่อ ฉันเองก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกัน แต่…”เมิ่งชิงซีกระอึกกระอัก  

 

 

ถ้าเมิ่งชิงซียืนยันว่าเป็นถังโจวโจว เขาก็อาจจะสงสัยว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้เมิ่งชิงซีเป็นคนทำ แต่นี่เมิ่งชิงซีกลับกำลังพูดปกป้องถังโจวโจว ลั่วเซ่าเชินจึงเริ่มลังเลว่าเขาควรเชื่อใครกันแน่  

 

 

แล้วครั้งนี้ถังโจวโจวก็ไม่พูดอะไรกับเขาสักคำเกี่ยวกับเรื่องนี้ ลั่วเซ่าเชินรู้ว่าถังโจวโจวไม่มีทางบอกว่าตัวเองเป็นคนทำ แต่เดิมทีเธอก็ไม่ใช่คนแบบนั้น ตกลงว่าเรื่องครั้งนี้มันเป็นอย่างไรกันแน่  

 

 

ตอนนี้มีแค่เมิ่งชิงซีที่พูดอยู่ฝ่ายเดียว ลั่วเซ่าเชินทำได้แค่พิจารณา เดิมทีเขาก็ไม่คิดเชื่อคำพูดของเธออยู่แล้ว อย่างน้อยก็รอให้คุณแม่ลั่วฟื้นก่อนแล้วค่อยว่ากัน  

 

 

“เอาละ ชิงซี ที่คุณพูดมาผมรู้แล้ว ผมจะตรวจสอบเรื่องนี้ให้ชัดเจนเอง”  

 

 

“เซ่าเชิน ฉันรับประกันได้ โจวโจวไม่ได้ตั้งใจจริงๆ เธอไม่ได้ตั้งใจทำให้คุณป้าตกบันได…”  

 

 

เมิ่งชิงซีอธิบายเพื่อปกป้องถังโจวโจวอยู่ตลอด ลั่วเซ่าเชินตบบ่าเมิ่งชิงซีเบาๆ “ผมรู้แล้ว คุณไม่ต้องกังวล ผมยังไม่ได้คิดโทษใคร แต่ก็จะไม่ละเว้นโทษให้ใครเหมือนกัน”  

 

 

“เซ่าเชินคิดอย่างนี้ ฉันเองก็สบายใจ” เมิ่งชิงซีถอนหายใจโล่งอก เหมือนกับว่าเธอปกป้องถังโจวโจวได้สำเร็จ แต่ลั่วเซ่าเชินกลับยังรู้สึกสงสัย เมิ่งชิงซีเกลียดถังโจวโจวมากไม่ใช่หรือ แล้วทำไมถึงได้กังวลเกี่ยวกับโจวโจวนัก  

 

 

“เซ่าเชิน คุณกำลังคิดอยู่ใช่ไหมคะว่าทำไมฉันถึงไม่บอกว่าโจวโจวเป็นคนทำ แล้วยังช่วยเธอพูดอีก” เมิ่งชิงซีมั่นใจว่าลั่วเซ่าเชินคิดอย่างนั้น ดังนั้นเธอจึงชิงพูดขึ้นก่อน แบบนี้ถึงจะทำให้ลั่วเซ่าเชินเลิกสงสัยไปได้  

 

 

“ใช่ ในใจผมยังสงสัยอยู่ เพราะเมื่อก่อนพวกคุณสองคน…” ลั่วเซ่าเชินไม่ต้องพูดทั้งหมด เธอย่อมต้องเข้าใจดี ที่ผ่านมาความสัมพันธ์ของถังโจวโจวและเมิ่งชิงซีไม่ได้ถือว่าดีนัก พูดได้ว่าทั้งสองคนเป็นปฏิปักษ์ต่อกันเพราะลั่วเซ่าเชิน  

 

 

แต่ตอนนี้เมิงชิงซีกลับช่วยพูดแทนถังโจวโจวขนาดนี้ ลั่วเซ่าเชินจึงเกิดความสงสัยเป็นอย่างมาก  

 

 

“เซ่าเชินคะ ฉันยอมรับว่าไม่ชอบโจวโจวจริงก็เพราะเรื่องของคุณ แต่ฉันก็ไม่คิดจะเล่นสกปรกกับเธอ ต่อให้โจวโจวทำเรื่องนี้จริง แต่เธอก็ไม่ได้ตั้งใจค่ะ”  

ตอนที่ 220 ตำหนิ  

 

 

           “คือว่า…” ถังโจวโจวลังเลเล็กน้อย คำว่า ‘คุย’ ที่คุณแม่ลั่วพูดถึงนั้นจะใช่สิ่งที่เธอคิดหรือเปล่า เธอว่าเธออยู่ในห้องดีกว่า ถึงอย่างไรที่นี่ก็เงียบสงบ  

 

 

           เมื่อคุณแม่ลั่วเห็นถังโจวโจวลังเลใจ ในใจของเธอก็เดือดดาลขึ้นมาทันที แต่สัมผัสของเมิ่งชิงซีที่มือของเธอนั้นบอกให้เธออดทน เพื่อให้ลั่วเซ่าเชินหันกลับมายืนอยู่ข้างเธอ เธอจะต้องทำดีกับถังโจวโจวเข้าไว้  

 

 

           เมิ่งชิงซีรีบเอ่ยแทรกขึ้นมาในทันที เมื่อเธอเห็นว่าบรรยากาศมันเริ่มประดักประเดิด “โจวโจว คุณป้าอยากคุยกับเธอน่ะ คุณป้าบอกว่ามันเป็นความผิดของคุณป้าเองที่เคยทำให้เธอไม่สบายใจมาตลอด และหวังว่าต่อแต่นี้ไปครอบครัวจะได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข”  

 

 

           สำหรับถังโจวโจวแล้ว สิ่งที่เมิ่งชิงซีพูดออกมานั้นเหมือนกับฟ้าผ่าตอนกลางวันแสกๆ คุณแม่ลั่วน่ะหรือจะรู้สึกเสียใจ นี่เป็นสิ่งที่ถังโจวโจวไม่กล้าแม้แต่จะคิด แต่ตอนนี้มันกลับเกิดขึ้นต่อหน้าเธอเลย  

 

 

“คุณแม่คะ วันนี้คุณแม่…”  …ถูกวางยาใช่ไหม?  ถังโจวโจวคิดต่อในใจ ทำไมจู่ๆ คุณแม่ลั่วถึงทำอะไรแปลกๆ แม้ว่ามันจะออกมาจากปากของเมิ่งชิงซี แต่คุณแม่ลั่วก็ยืนเฉยๆ อยู่ตรงนี้และไม่ได้เอ่ยคัดค้านอะไร แสดงให้เห็นว่าคุณแม่ลั่วเองก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน นี่อยู่ๆ ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปเช่นนี้ได้อย่างไร?  

 

 

“โจวโจว วันนี้แม่อยากเปิดอกคุยกับหนูจริงๆ เมื่อก่อนแม่เคยเข้าใจหนูผิดไป ตอนนี้แม่สำนึกผิดแล้ว หนูควรจะให้อภัยแม่นะ เราลงไปข้างล่างกันดีกว่าไหมจ๊ะ จะได้คุยกันดีๆ น่ะ?” คุณแม่ลั่วขยับไปข้างหน้าและกุมมือของถังโจวโจว  

 

 

ถังโจวโจวอยากจะดึงมือข้างนั้นที่คุณแม่ลั่วจับอยู่ออก แต่เพื่อรักษาสถานการณ์ตรงหน้า ถังโจวโจวจึงพยักหน้าและพูดว่า “ค่ะ หนูจะลงไปกับคุณแม่” หากพูดอย่างนี้แล้ว เธอก็หวังว่าคุณแม่ลั่วจะคลายมือออก  

 

 

แต่คุณแม่ลั่วกลับไม่ได้ปล่อยมืออย่างที่ถังโจวโจวคิดไว้ ไม่เพียงแต่ไม่ปล่อยมือ แต่กลับกุมมันไว้แน่นมากกว่าเดิม ถังโจวโจวรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวด แต่ตอนนี้คุณแม่ลั่วกำลังอารมณ์ดี ถังโจวโจวไม่สามารถปฏิเสธความเมตตาของเธอได้ จึงได้แต่ปล่อยให้คุณแม่ลั่วจับมือต่อไปอยู่อย่างนั้น  

 

 

“ไปข้างล่างกันเถอะ โจวโจว” คุณแม่ลั่วจูงมือของถังโจวโจว ถังโจวโจวเดินเคียงข้างไปกับคุณแม่ลั่ว ส่วนเมิ่งชิงซีก็เดินตามหลังพวกเธอไป  

 

 

เมื่อใกล้จะถึงหัวบันได จู่ๆ เมิ่งชิงซีก็พูดขึ้นมาว่า “โจวโจว เซ่าเชินอยู่ในห้องหนังสือใช่ไหม ฉันมีธุระกับเขานิดหน่อย เธอก็ลงไปข้างล่างกับคุณป้าก่อนแล้วกันนะ”  

 

 

“คุณเมิ่งคะ ให้ฉันพาคุณไปหาเซ่าเชินดีกว่าไหมคะ ฉันจะไปกับคุณก่อน หากเซ่าเชินไม่อยากพบคุณ ฉันจะได้สามารถช่วยพูดให้คุณได้” ถังโจวโจวหมายจะสลัดมือของคุณแม่ลั่ว แต่ก็ไม่ได้ผล  

 

 

เมิ่งชิงซีก้มหน้าต่ำ ไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ ถังโจวโจวก้าวไปข้างหน้าและย้ำในสิ่งที่ตัวเองเพิ่งจะพูดไปอีกครั้งหนึ่ง แต่แล้วเมิ่งชิงซีก็ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมา ใบหน้าของเธอนั้นเต็มไปด้วยน้ำตา “โจวโจว เธอตั้งแง่กับฉันไปถึงไหน”  

 

 

“อะไรนะ?” ถังโจวโจวมองเมิ่งชิงซีด้วยความประหลาดใจ เธอไปตั้งแง่กับเมิ่งชิงซีเมื่อไรกัน เธอแค่หวังดีเท่านั้น หากเซ่าเชินพูดอะไรบางอย่างที่ทำร้ายจิตใจ เดี๋ยวเมิ่งชิงซีก็จะเสียใจอีก แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือ ถังโจวโจวมีความเห็นแก่ตัวอยู่เล็กน้อย เพราะเธอไม่อยากอยู่กับคุณแม่ลั่วตามลำพัง  

 

 

“โจวโจว ฉันรู้ว่าตอนนี้เซ่าเชินเป็นของเธอ ฉันเองก็บอกกับคุณป้าแล้วว่าตราบใดที่พวกเธอมีความสุข เซ่าเชินมีความสุข เท่านี้ฉันก็พอใจแล้ว ทำไมเธอถึงไม่เชื่อใจฉันบ้างล่ะ” เมื่อต้องเจอกับคำตำหนิกะทันหันจากเมิ่งชิงซี ถังโจวโจวก็นิ่งอึ้งไป  

 

 

นี่เมิ่งชิงซีกำลังพูดพล่ามอะไรอยู่? มาตำหนิเธอทำไมกัน? ตอนนี้เธอต่างหากที่เป็นผู้ถูกกระทำไม่ใช่เหรอ?  

 

 

“คุณเมิ่ง ฉันไม่ได้…”  

 

 

 

 

 

ตอนที่ 221 คุณแม่ลั่วถูกผลัก  

 

 

           “โจวโจว ฉันรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ แต่ฉันคิดมาอย่างถี่ถ้วนแล้ว ฉันจะตัดใจจากเซ่าเชิน โจวโจว เชื่อฉันเถอะนะ ฉันพูดจริงๆ”  

 

 

เมิ่งชิงซีจับแขนของถังโจวโจว ทำให้คุณแม่ลั่วต้องปล่อยมือจากถังโจวโจว “คุณเมิ่ง ปล่อยฉันก่อนได้ไหมคะ”  

 

 

ถังโจวโจวรู้สึกได้ว่าเมิ่งชิงซีบีบแขนเธอแน่นมากขึ้นเรื่อยๆ ถังโจวโจวรู้สึกเจ็บจนอยากจะผลักเมิ่งชิงซีออก แต่เธอก็ไม่สามารถทำได้ เธอสังเกตว่าเมิ่งชิงซีเริ่มออกแรงมากขึ้นเรื่อยๆ “โจวโจว ถ้าเธอไม่เชื่อฉัน เธอจะให้ฉันคุกเข่าต่อหน้าเธอไหม ฉันไม่ได้คิดอะไรกับเซ่าเชินแล้วจริงๆ”  

 

 

“คุณเมิ่ง คุณพูดอะไรน่ะ ปล่อยฉันนะ…” ถังโจวโจวใช้แรงที่มีสะบัดเมิ่งชิงซีออก แต่ไม่รู้ทำไมในครั้งนี้เมิ่งชิงซีถึงปล่อยมือของเธออย่างง่ายดาย  

 

 

“อ๊ะ!…”  

 

 

“อ๊ะ! คุณป้า…” เมิ่งชิงซีมองไปทางด้านหลังของถังโจวโจวด้วยสายตาหวาดผวา ถังโจวโจวรีบหันตัวกลับไป ก่อนจะพบว่าคุณแม่ลั่วกลิ้งตกลงบันไดไปแล้ว  

 

 

“คุณแม่!” ถังโจวโจวก้มลงมองมือของตัวเอง นี่เธอเพิ่งจะ…  

 

 

เมื่อแม่นมจ้าวและลั่วอิงได้ยินเสียงกรีดร้อง พวกเธอก็วิ่งออกมาจากห้องครัว จากนั้นพวกเธอก็เห็นว่าคุณแม่ลั่วตกบันได แม่นมจ้าวรีบวิ่งเข้าไปหาคุณแม่ลั่วพลางตะโกนเสียงดังลั่นว่า “คุณนายคะ คุณนายเป็นอะไรไหมคะ? คุณชาย รีบมาเร็วค่ะ คุณนายเกิดอุบัติเหตุ!”  

 

 

เมื่อลั่วเซ่าเชินได้ยินเสียงเอะอะจากด้านนอก เขาก็รีบวิ่งออกมาดู แล้วเขาก็พบว่าคุณแม่ลั่วนอนฟุบอยู่กับพื้น ลั่วเซ่าเชินรีบวิ่งเข้าไปหาคุณแม่ลั่ว ก่อนจะประคองเธอขึ้นมาแล้วพึงร่างของเธอไว้บนเข่าของเขา “แม่ครับ แม่เป็นอะไรไหมครับ”  

 

 

คุณแม่ลั่วที่เพิ่งกลิ้งตกลงมาจากบันได สายตามีแต่ภาพพร่ามัวปรากฏขึ้นตรงหน้า เมื่อเธอได้ยินเสียงของลั่วเซ่าเชินจึงเปิดปากพูด “อา…อาเชิน…” คุณแม่ลั่วพูดได้ไม่กี่คำ จากนั้นเธอก็หมดสติไป  

 

 

เหมือนเมิ่งชิงซีเพิ่งจะหลุดออกมาจากภวังค์ เธอรีบวิ่งเข้าไปหาคุณแม่ลั่วและตะโกนใส่คุณแม่ลั่วว่า “คุณป้าคะ คุณป้าเป็นอะไร เซ่าเชิน คุณรีบพาคุณป้าไปโรงพยาบาลสิคะ!”  

 

 

“อย่าเสียงดัง! แม่นมจ้าว โทรแจ้ง 120 ที ผมจะพาคุณแม่ไปส่งโรงพยาบาล” ลั่วเซ่าเชินอุ้มคุณแม่ลั่วขึ้น เขาหันหน้าไปมองถังโจวโจวเล็กน้อย ก่อนจะรีบอุ้มคุณแม่ลั่วเดินออกไป  

 

 

เมิ่งชิงซีเดินไล่หลังไปติดๆ เธอเองก็หันกลับมามองถังโจวโจวเช่นกัน จากนั้นก็รีบวิ่งตามลั่วเซ่าเชินออกไป  

 

 

ถังโจวโจวยืนตกตะลึงอยู่อย่างนั้น เมื่อมองดูโถงทางเดินตรงหน้า มือทั้งสองข้างก็พานสั่นเทา เธอทำอะไรลงไป? เธอผลักคุณแม่ลั่วตกบันไดอย่างนั้นหรือ?…  

 

 

“คุณ…คุณผู้หญิงคะ นี่มันเกิดอะไรขึ้น” เมื่อแม่นมจ้าวเห็นถังโจวโจวยืนนิ่งไม่ไหวติงอยู่ตรงบันได เธอก็กลัวว่าถังโจวโจวจะกลิ้งตกลงมาจากบันไดเหมือนกับคุณแม่ลั่วอีกคน เธอจึงรีบเข้าไปประคองและพาถังโจวโจวไปที่โซฟา  

 

 

ถังโจวโจวถูกแม่นมจ้าวประคองลงมา เธอเดินลงมาจากบันไดราวกับร่างที่ไร้วิญญาณ และเมื่อเธอเห็นรอยเลือดที่เชิงบันไดขั้นสุดท้าย เธอก็หลับตาแน่น จนกระทั่งเธอผ่านจุดนั้นมาได้ ถังโจวโจวถึงค่อยลืมตาขึ้น  

 

 

เมื่อได้นั่งลงบนโซฟา ถังโจวโจวก็เหมือนเพิ่งจะได้สติกลับคืนมา “แม่นมจ้าวคะ คุณแม่เป็นอะไรไหม” เธอไม่รู้ว่าเธอเพิ่งผ่านอะไรมา? คุณแม่ลั่วจะเป็นอะไรไหม เธอเหมือนจะเห็นว่าคุณแม่ลั่วสลบไป? ถังโจวโจวหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้จะเป็นเพียงความฝัน  

 

 

“คุณผู้หญิงคะ ดูเหมือนว่าคุณนายจะสลบไปน่ะค่ะ ตอนนี้คุณชายกำลังพาคุณนายไปส่งที่โรงพยาบาล ฉันเองก็ไม่ทราบรายละเอียดมากนัก แล้วตกลงว่าเมื่อครู่นี้มันเกิดอะไรขึ้นหรือคะ คุณผู้หญิง?” ตอนที่แม่นมจ้าวออกมา เธอเห็นเพียงว่าถังโจวโจวยืนเหม่อลอยอยู่ตรงบันได  

ตอนที่ 218 เมิ่งชิงซีเสนอความคิด

 

 

           คุณแม่ลั่วเริ่มคล้อยตาม ที่ผ่านมาเธอเอาแต่ต่อสู้กับถังโจวโจว โดยไม่ได้คำนึงถึงเลยว่าลูกชายของเธอนับวันยิ่งห่างเหินมากขึ้นเรื่อยๆ กลับกลายเป็นว่าเธอเร่งผลักไสลูกชายให้ไปกับถังโจวโจว

 

 

“คุณป้าขา เพราะฉะนั้นหนูถึงแนะนำให้คุณป้าสานสัมพันธ์ที่ดีกับถังโจวโจวเอาไว้ เซ่าเชินจะได้ไม่เย็นชากับคุณป้าเหมือนตอนนี้” คำพูดของเมิ่งชิงซีทะลุทะลวงเข้าไปในหัวใจของคุณแม่ลั่ว และเมื่อคุณแม่ลั่วคิดอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว เธอก็ยิ่งรู้สึกว่าคำพูดของเมิ่งชิงซีสมเหตุสมผล

 

 

เธอคิดว่า แม้ลั่วเซ่าเชินจะไม่ค่อยแสดงออกต่อเธอกับพ่อของเขามากสักเท่าไร แต่คุณแม่ลั่วก็ทราบดีว่านั่นเป็นนิสัยของลั่วเซ่าเชิน ต้นเหตุอาจมาจากเรื่องของหันฮุ่ยซินในอดีต จิตใจและอารมณ์เขาถึงได้ดูเย็นชาเช่นนี้ คุณแม่ลั่วไม่คิดกล่าวโทษลั่วเซ่าเชิน แต่กลับยิ่งรักลูกชายของเธอมากขึ้นไปอีก

 

 

ในขณะเดียวกัน คุณแม่ลั่วก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ผู้หญิงที่ฐานะต่ำต้อยอย่างหันฮุ่ยซินจะเหมาะสมกับลูกชายของเธอได้อย่างไร ดีว่าหันฮุ่ยซินยอมจากไปเอง จึงทำให้เธอไม่ต้องใช้วิธีจัดการของเธอเอง

 

 

จากเหตุเสียชีวิตของลั่วเซ่าอวี๋ ทำให้คุณพ่อและคุณแม่ลั่วยิ่งรู้สึกรักและหวงแหนลูกชายคนเดียวอย่างลั่วเซ่าเชินมากขึ้นไปอีก พวกเขาต้องการจะมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกชายคนนี้ ดังนั้น ลูกสะใภ้ของตระกูลลั่วจะต้องมีสกุลรุนชาติ สามารถช่วยเหลือและแบ่งเบาภาระของลั่วเซ่าเชินได้

 

 

แม้ว่ามีหลานสาวอย่างลั่วอิงปรากฏตัวขึ้น แต่คุณแม่ลั่วก็ไม่ย่อท้อ เพราะถึงอย่างไรลูกชายของเธอก็ยังครบถ้วนไปด้วยคุณสมบัติที่ดี ถึงมีลูกติดแล้วก็ยังมีผู้หญิงหลายคนที่เต็มใจยอมแต่งเข้ามาอยู่ในตระกูลลั่วของพวกเขา

 

 

คุณแม่ลั่วเห็นว่าลั่วเซ่าเชินหมั้นหมายกับตระกูลเมิ่งอยู่แล้ว แต่ในขณะที่กำลังจัดเตรียมและปรึกษาหารือกับตระกูลเมิ่งเกี่ยวกับงานแต่งงานอยู่นั้น เธอนึกไม่ถึงเลยว่าลั่วเซ่าเชินจะไปที่บ้านตระกูลเมิ่งโดยไม่บอกใครเพื่อถอนหมั้น ซึ่งนั่นทำให้คุณพ่อและคุณแม่ลั่วโมโหมาก แต่ไม่รู้ทำไมผู้เฒ่าเมิ่งถึงยินยอม

 

 

แม้คุณพ่อกับคุณแม่ลั่วจะเกลี้ยกล่อมอยู่นาน แต่ผู้เฒ่าเมิ่งก็ได้ตัดสินใจไปแล้ว พวกเขาจึงไม่กล้าพูดถึงมันอีก

 

 

หลังจากนั้นไม่นาน ลั่วเซ่าเชินก็มาบอกว่าเขาแต่งงานแล้ว ซ้ำยังบอกให้พวกเขาออกมาพบและร่วมมื้ออาหารกับครอบครัวของอีกฝ่าย คุณพ่อและคุณแม่ลั่วสับสนไปหมด มีอย่างนี้ด้วยหรือ แต่งงานโดยไม่ได้รับความยินยอมจากพ่อแม่ แล้วยังบังคับกันอย่างนี้อีก มีอย่างที่ไหนกัน?

 

 

เมื่อคุณแม่ลั่วค่อยๆ ไล่เรียงเหตุการณ์ทีละเหตุการณ์ เธอก็พบว่าตั้งแต่ถังโจวโจวปรากฏตัวขึ้น ลั่วเซ่าเชินก็เปลี่ยนแปลงไปมาก เขากลับบ้านบ่อยขึ้น ยิ้มบ่อยขึ้น แต่สิ่งที่คุณแม่ลั่วรู้สึกเศร้าใจก็คือ พฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปของลั่วเซ่าเชินเกิดจากถังโจวโจว เขาเปลี่ยนไปเพราะผู้หญิงที่เป็นปฏิปักษ์กับเธอ

 

 

แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะยิ่งใหญ่มากแค่ไหน แต่คุณแม่ลั่วก็ไม่มีความสุข เธอไม่ชอบถังโจวโจว ไม่ว่าถังโจวโจวจะทำอะไรดีมากแค่ไหน มันก็ไร้ค่าในสายตาของเธอ เพราะผู้หญิงคนนี้คือคนที่แย่งลูกชายของเธอไป

 

 

“ชิงซี หนูว่าป้าควรจะทำยังไงดี” คุณแม่ลั่วอยากได้คำแนะนำจากเมิ่งชิงซี เธอเห็นด้วยว่าสิ่งที่เมิ่งชิงซีพูดมานั้นถูกต้อง แต่จะให้เธออ่อนข้อให้ถังโจวโจวอย่างนั้นหรือ เธอทำใจไม่ได้

 

 

เมิ่งชิงซีพูดอย่างมีความสุข เมื่อเธอเห็นว่าคุณแม่ลั่วเดินตามเกมของเธอแล้ว “คุณป้าก็แค่คุยกับถังโจวโจวดีๆ เท่านั้นเองค่ะ หากคุณป้ายอมทำ คุณป้าก็แค่ยอมรับผิดกับเธอ…”

 

 

“ไม่ได้เด็ดขาดนะชิงซี ป้าทำผิดตรงไหน ทำไมป้าต้องยอมรับผิดด้วย!” คุณแม่ลั่วคิดว่าคำพูดของเมิ่งชิงซีนั้นไร้สาระ ให้เธอยอมรับผิดกับถังโจวโจวเนี่ยนะ ตลกชัดๆ! ถังโจวโจวสมควรได้รับที่ไหนกัน!

 

 

“คุณป้าอย่าเพิ่งใจร้อนสิคะ หนูรู้ว่าคุณป้าไม่เห็นด้วย แต่ตอนนี้ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว หรือว่าคุณป้าอยากจะเห็นเซ่าเชินค่อยๆ ห่างจากคุณป้าไปอีกอย่างนั้นหรือคะ” น้ำเสียงปลุกเร้าของเมิ่งชิงซีดังขึ้นที่ข้างหูของคุณแม่ลั่ว

 

 

คุณแม่ลั่วได้แต่คิดแล้วคิดอีก หากต่อแต่นี้ไปลูกชายของเธอยังคงเย็นชาใส่เธอ และไม่ไว้หน้าคนที่เป็นแม่อย่างเธออีก เธอจะเลี้ยงเขามาจนโตทำไม?

 

 

 

 

ตอนที่ 219 คุณแม่ลั่วยอมจำนน

 

 

           มือที่อยู่ข้างลำตัวของคุณแม่ลั่วกำหมัดแน่น เมิ่งชิงซีจับมือของคุณแม่ลั่วไว้ “คุณป้าคะ คุณป้าแค่ต้องอดทนไปพักหนึ่ง พอเซ่าเชินไว้วางใจมากขึ้นแล้ว ต่อไปไม่ว่าคุณป้าจะอยากทำอะไรกับถังโจวโจว หนูเชื่อว่าเซ่าเชินจะต้องอยู่ข้างเดียวกับคุณป้าค่ะ”

 

 

เมิ่งชิงซีกุมมือของคุณแม่ลั่วไว้แน่น เพื่อถ่ายทอดพลังใจให้กับเธอ จนราวกับว่าเธอได้รับกำลังใจจากเมิ่งชิงซีอย่างเต็มเปี่ยมแล้ว คุณแม่ลั่วจึงพยักหน้า ก่อนจะพูดว่า “โอเคจ้ะ ป้าจะเชื่อหนู”

 

 

เมิ่งชิงซียิ้มพลางมองดูคุณแม่ลั่วด้วยสายตาพอใจ ทุกอย่างเป็นไปตามที่เธอคาดไว้ เธอเชื่อว่าครั้งนี้ถังโจวโจวจะไม่มีทางหลุดพ้นเงื้อมมือของเธอได้อย่างแน่นอน

 

 

“คุณป้าคะ โจวโจวขึ้นไปข้างบน ในเมื่อเราตัดสินใจกันได้แล้ว เราขึ้นไปหาเธอกันดีไหมคะ”

 

 

เมิ่งชิงซีเห็นว่าถังโจวโจวขึ้นไปข้างบนนานแล้ว แต่ก็ยังไม่ลงมาสักที แม้เธอจะรู้ว่าถังโจวโจวและลั่วเซ่าเชินเป็นสามีภรรยากัน ไม่ว่าพวกเขาจะใกล้ชิดกันสักเท่าไร มันก็ไม่มีอะไรผิด เพียงแต่เธอก็ยังคงรู้สึกเศร้าใจอยู่ดี เธอหวังว่าเธอจะไม่ได้เห็นฉากที่เธอไม่อยากเห็น

 

 

คุณแม่ลั่วนึกไม่ถึงเลยว่าสิ่งที่เธอเพิ่งจะพูดออกไปเมื่อครู่นี้ ตอนนี้มันกำลังจะกลายเป็นจริงขึ้นมาแล้ว ในเมื่อเธอได้ลั่นวาจาออกไปแล้ว เมิ่งชิงซีก็ยืนมองอยู่ตรงนี้ด้วย เธอจึงไม่สามารถเปลี่ยนใจได้อีก “เราขึ้นไปกันเถอะ” เมิ่งชิงซีควงแขนคุณแม่ลั่ว ก่อนที่พวกเธอทั้งคู่จะเดินขึ้นไปชั้นบน

 

 

ถังโจวโจวขึ้นมาหาลั่วเซ่าเชิน อันที่จริงเป็นเพียงข้ออ้าง จริงๆ แล้วเธอขึ้นมาหลบภัย เมิ่งชิงซีมักจะจับจ้องเธอ ถังโจวโจวไม่อยากเสียเวลาอธิบายอะไรให้เมิ่งชิงซีฟัง หากเธอทำให้เมิ่งชิงซีลำบากใจ หรือเผลอฉีกหน้าเมิ่งชิงซีเข้า คุณแม่ลั่วก็อาจจะเอ็ดเธอเอาได้ แต่ถ้าเมิ่งชิงซีเอาแต่มีความสุขบนความทุกข์ของเธอ เธอก็จะอารมณ์เสียอีก การเป็นมนุษย์นี่มันช่างยากลำบากเหลือเกิน!

 

 

“คุณป้าคะ ในเมื่อเราตัดสินใจกันแล้วว่าเราจะยอมอ่อนข้อให้กับเธอชั่วคราว คุณป้าก็ควรจะแสดงความจริงใจของคุณป้าออกมาด้วย คุณป้าต้องทำให้เซ่าเชินเห็นว่าคุณป้าเป็นแม่สามีที่ดีแล้ว และจะมีแค่ถังโจวโจวเท่านั้นที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย” เมิ่งชิงซีเอ่ยโน้มน้าวคุณแม่ลั่วอยู่ข้างๆ เพื่อให้คุณแม่ลั่วยอมทำเรื่องนี้ด้วยความเต็มใจ

 

 

คุณแม่ลั่วกุมมือของเมิ่งชิงซีกลับ “ชิงซี ป้าเข้าใจแล้วจ้ะ ในเมื่อเราตัดสินใจกันแล้ว ป้าก็ไม่กลัวจะเสียหน้า ป้าเชื่อว่าถังโจวโจวคงไม่มีไหวพริบดีขนาดนั้นหรอก”

 

 

คุณแม่ลั่วมีความเชื่ออย่างหนึ่งว่า ตราบใดที่ไว้หน้าถังโจวโจว ถังโจวโจวจะต้องมีความสุขมาก แล้วต่อไปเธอจะคิดว่าคุณแม่ลั่วไปทำอะไรเธอได้อย่างไร เธอควรรู้สึกเป็นเกียรติสิ ถึงจะถูก

 

 

เมิ่งชิงซีและคุณแม่ลั่วตรงไปที่ห้องนอนของถังโจวโจวและลั่วเซ่าเชินก่อน หากที่นี่ไม่มีใครอยู่ พวกเธอถึงจะไปที่ห้องหนังสือ

 

 

ก๊อกๆๆ  เมื่อถังโจวโจวได้ยินเสียงเคาะประตู เธอก็นึกถึงความเป็นไปได้ในทันที เธอรีบลุกขึ้นจากเตียงและจัดเสื้อผ้าหน้าผมให้เข้าที่ ก่อนจะไปที่ประตูและค่อยๆ เปิดมันออก

 

 

“คุณแม่ คุณเมิ่ง มาที่นี่มีอะไรกันหรือคะ”

 

 

ทันทีที่คุณแม่ลั่วได้ยินอย่างนั้น เธอก็อารมณ์เสีย นี่คือบ้านของเธอไม่ใช่หรือ แล้วเธอไม่สามารถขึ้นมาชั้นบนได้หรืออย่างไร? แต่เธอก็ยังจำสิ่งที่เธอเพิ่งพูดกับเมิ่งชิงซีได้ คุณแม่ลั่วจึงพยายามฝืนยิ้มออกมา “โจวโจว แม่กับชิงซีขึ้นมาดูหนูน่ะ หนูกำลังทำอะไรอยู่เหรอจ๊ะ”

 

 

สีหน้าของถังโจวโจวแข็งชะงักไป อะไรเข้าสิงคุณแม่ลั่วกันล่ะเนี่ย ทำไมวันนี้ถึงเรียกเธอว่า ‘โจวโจว’ ได้ มันช่างแปลกประหลาดเสียจริง หากลั่วเซ่าเชินได้ยินเข้า ไม่รู้ว่าเขาจะซาบซึ้งมากแค่ไหน ที่แม่ของเขามีทีท่าเหมือนว่าจะยอมรับเธอแล้ว

 

 

แม้ว่าเธอจะตกตะลึงไปชั่วขณะ แต่ถังโจวโจวก็ตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว “หนูไม่ได้ทำอะไรค่ะ คุณแม่ เข้ามานั่งข้างในกันก่อนไหมคะ”

 

 

ถังโจวโจวหลีกทางให้ แต่น่าเสียดายที่คุณแม่ลั่วไม่ได้ขยับตัวไปไหน คุณแม่ลั่วทราบดีว่าลูกชายของเธอนั้นรักความสะอาดและหวงความเป็นส่วนตัว หากลูกชายของเธอรู้ว่าเธอพาเมิ่งชิงซีเข้าไปในห้องนอนของเขา เขาคงจะไม่สบอารมณ์ขึ้นมาอีก ใบหน้าของคุณแม่ลั่วยังคงมีรอยยิ้มประดับอยู่ “โจวโจว หนูลงไปคุยกับแม่ข้างล่างดีกว่าไหมจ๊ะ”

ตอนที่ 216 สงครามไร้เสียง

 

 

           คุณแม่ลั่วจับมือข้างขวาของลั่วอิง ส่วนเมิ่งชิงซีก็หมายจะจับมือข้างซ้ายของลั่วอิง แต่น่าเสียดายที่ลั่วอิงเบี่ยงตัวหลบไปได้เสียก่อน สีหน้าของเมิ่งชิงซีเรียบเฉย ไม่มีอารมณ์โกรธเลยสักนิด เธอยังคงยิ้มแย้มแจ่มใสเหมือนเดิม

 

 

           หัวใจของถังโจวโจวสั่นระรัว ทำไมวันนี้เมิ่งชิงซีถึงแปลกไป เธอไม่ใช่คนที่จะสามารถเก็บอารมณ์โกรธได้แนบเนียนอย่างนี้ ลั่วอิงหักหน้าเธอขนาดนั้น เธอยังไม่ชักสีหน้าให้เห็นแม้แต่น้อย หรือเป็นเพราะว่าคุณแม่ลั่วมองไม่เห็น เธอจึงยังไม่จำเป็นต้องเล่นละคร?

 

 

ถังโจวโจวและลั่วเซ่าเชินจับมือกัน ก่อนจะเดินตามพวกเขาเข้าไปในห้องนั่งเล่นอย่างเงียบๆ ลั่วเซ่าเชินนั่งเงียบๆ อยู่พักหนึ่ง แต่เมื่อเขาเริ่มเห็นว่าคุณแม่ลั่วพยายามจะโยงเขาและเมิ่งชิงซีเข้าด้วยกัน เขาจึงพูดขึ้นมาอย่างหงุดหงิดว่า “แม่ครับ ผมขอตัวขึ้นไปข้างบนก่อนนะครับ”

 

 

ลั่วเซ่าเชินเดินขึ้นชั้นบนไปทันทีโดยไม่สนว่าคุณแม่ลั่วจะเห็นด้วยหรือไม่ก็ตาม ถังโจวโจวนั่งอยู่ที่โซฟาเดี่ยวเพียงคนเดียว ในขณะที่ลั่วอิงนั่งถัดจากคุณแม่ลั่ว ส่วนเมิ่งชิงซีก็นั่งติดกับคุณแม่ลั่วอีกข้างหนึ่ง และเมื่อเปรียบเทียบโซฟาทั้งสองฝั่งแล้ว ความแข็งแกร่งของถังโจวโจวนั้นดูน้อยกว่าเห็นๆ

 

 

เมิ่งชิงซีปอกส้มแล้วยื่นไปให้คุณแม่ลั่ว “คุณป้า พักมือสักหน่อยเถอะค่ะ หนูมั่นใจว่าลั่วอิงไม่อยากให้คุณป้าเหนื่อย นี่หนูปอกส้มไว้ให้คุณป้าแล้ว คุณป้าลองชิมดูสิคะ”

 

 

คุณแม่ลั่วคอยดูแลลั่วอิงอยู่ตลอด เธอรู้ว่าลั่วอิงชอบกินถั่วพิสทาชิโอ แม้ว่าลั่วอิงต้องการแกะเปลือกด้วยตัวเอง แต่คุณแม่ลั่วก็แย่งงานตรงนี้มาทำ เธอตั้งใจแกะเปลือกถั่วพิสทาชิโอให้กับลั่วอิง

 

 

ด้วยคำเตือนของเมิ่งชิงซี ทำให้คุณแม่ลั่วเริ่มรู้สึกปวดคอ เธออาจจะก้มศีรษะนานเกินไปจริงๆ “จ้ะ ชิงซี ป้าเชื่อหนู”

 

 

“เป็นยังไงบ้างคะ คุณป้า หวานไหมคะ” เมิ่งชิงซีวางส้มลงในมือของคุณแม่ลั่ว และเมื่อเธอเห็นว่าคุณแม่ลั่วกินส้มแล้ว เธอก็รีบถามทันที

 

 

“หวานดีจ้ะ ชิงซีมีน้ำใจแบบนี้ ป้าเองก็ชื่นใจ” คุณแม่ลั่วยิ้มอย่างมีความสุข ไม่เหมือนกับรอยยิ้มฝืนทนในยามที่ต้องอยู่ร่วมกันกับถังโจวโจวเลย

 

 

ถังโจวโจวนั่งเงียบอยู่ตรงนั้น เธอมองดูเมิ่งชิงซีปอกนู่นปอกนี่ให้กับคุณแม่ลั่วเป็นครั้งคราว เหมือนกับว่าทั้งสองคนเป็นแม่ผัวลูกสะใภ้ที่เข้าขากันเป็นอย่างดี ถังโจวโจวนั่งนิ่ง และไม่ว่าเมิ่งชิงซีจะพูดหรือทำอะไร เธอก็แค่มองดูเฉยๆ

 

 

อาจเป็นเพราะคุณแม่ลั่วกินผลไม้มากเกินไป เธอจึงบอกให้เมิ่งชิงซีนั่งรออยู่ที่ห้องนั่งเล่นก่อน ส่วนเธอก็ลุกไปเข้าห้องน้ำ ลั่วอิงรู้สึกว่าบรรยากาศในห้องนั่งเล่นนั้นน่าอึดอัด จึงลุกขึ้นยืน “แม่โจวโจวขา หนูจะไปดูว่าวันนี้แม่นมจ้าวทำอะไรให้ทานนะคะ”

 

 

“ไปเถอะค่ะ หนูเองก็ไม่ต้องทานของว่างแล้วนะคะ เดี๋ยวจะทานข้าวไม่ลงเอา”

 

 

“ค่ะ” ลั่วอิงหยิบแอปเปิลอีกชิ้นใส่ปากแล้วก็วิ่งหายไป

 

 

“คุณเมิ่งนั่งอยู่ตรงนี้ก่อนนะคะ ฉันจะขึ้นไปดูเซ่าเชิน” ถังโจวโจวเองก็ไม่อยากอยู่กับเมิ่งชิงซีตามลำพัง แม้ว่าตอนนี้เมิ่งชิงซีจะเป็นแขกและเธอก็เป็นเจ้าบ้าน แต่ถังโจวโจวก็คิดว่าเธอทำได้ดีมากแล้ว เนื่องจากเธอสามารถอดทนต่อท่าทางที่ดัดจริตเหล่านั้นของเมิ่งชิงซีได้

 

 

“ฉันขึ้นไปกับเธอด้วยดีกว่าโจวโจว พอดีว่าฉันเองก็มีธุระจะคุยเซ่าเชินเหมือนกัน” เมิ่งชิงซีลุกขึ้นยืนแล้วเดินตามถังโจวโจวไป ราวกับว่าถังโจวโจวเดินไปทางไหน เธอก็จะไปทางนั้นด้วย

 

 

“คุณเมิ่งคะ สิ่งสำคัญที่สุดที่คุณควรตระหนักคือการรู้จักประมาณตนนะคะ” ถังโจวโจวไม่อยากพูดให้มันฟังดูใจร้ายมากเกินไป ทุกคนทราบกันดีอยู่แล้วว่าลั่วเซ่าเชินไม่อยากพบเธอ แต่เธอก็ยังกล้าแบกหน้ามาหา จนบางครั้งถังโจวโจวเองก็อดชื่นชมความเพียรพยายามของเธอไม่ได้จริงๆ

 

 

“โจวโจว มันไม่ใช่แบบนั้นนะ ฉันแค่มีเรื่องอยากจะปรึกษาเซ่าเชิน หากกลัวว่าฉันจะไปขัดขวางอะไรเธอ เดี๋ยวฉันค่อยขึ้นไปหลังจากที่เธอคุยธุระกับเซ่าเชินเสร็จก็ได้” เมิ่งชิงซีมองดูเล็บที่แสนสวยงามของตัวเอง วันนี้เธอจะต้องทำให้ถังโจวโจวได้เห็นดีกัน

 

 

 

 

ตอนที่ 217 แย่งหัวใจของลั่วเซ่าเชินกลับคืนมา

 

 

           ถังโจวโจวไม่อยากจะเสียเวลากับเมิ่งชิงซี เธอเดินตรงขึ้นไปชั้นบน เมิ่งชิงซีไม่ได้ตามเธอไป ได้แต่ยืนมองตามแผ่นหลังของถังโจวโจว เธอเหยียดยิ้มออกมาอย่างเงียบเชียบ ซึ่งมันค่อยๆ ดูร้ายกาจมากขึ้นเรื่อยๆ

 

 

“ชิงซี ทำไมหนูถึงมายืนอยู่ตรงนี้คนเดียวล่ะจ๊ะ”

 

 

           น้ำเสียงของคุณแม่ลั่วดังขึ้นทางด้านหลังของเมิ่งชิงซี แววตาเ**้ยมโหดของเธอหายวับไปในทันที ก่อนจะกลายเป็นความอบอุ่นและอ่อนโยน “คุณป้า พอดีโจวโจวขึ้นไปหาเซ่าเชินน่ะค่ะ ลั่วอิงเองก็อยู่ในครัว เธอไปดูว่าแม่นมจ้าวกำลังทำอะไรอร่อยๆ ให้เธอทาน ส่วนหนูก็กำลังรอคุณป้าค่ะ”

 

 

“ยายถังโจวโจวนี่กล้าทิ้งหนูไว้คนเดียวแบบนี้ได้ยังไง ไร้การศึกษาจริงๆ เซ่าเชินกำลังทำงานอยู่ เธอขาดอาเชินไปสักวินาทีหนึ่งไม่ได้เลยหรือ” เมื่อคุณแม่ลั่วพูดจบก็เห็นว่าเมิ่งชิงซีก้มหน้าต่ำและไม่พูดอะไร แล้วเธอก็นึกขึ้นได้ว่าเธอคงเผลอพูดอะไรบางอย่างที่ทำร้ายจิตใจของเมิ่งชิงซีเข้า

 

 

สีหน้าของคุณแม่ลั่วดูประดักประเดิด เธออยากจะพูดอะไรสักอย่างเพื่อปลอบโยนเมิ่งชิงซี แต่เธอก็ไม่ได้พูดมันออกมา เมิ่งชิงซีรีบเอ่ยด้วยความเข้าใจว่า “คุณป้าขา คุณป้าควรจะดีใจสิคะที่โจวโจวกับเซ่าเชินรักกันดี ไม่แน่ว่าคุณป้าอาจจะมีหลานในเร็ววันนี้ก็ได้นะคะ”

 

 

“ชิงซี ป้าน่ะ ไม่กล้าจะหวังเรื่องหลานอีกแล้วล่ะ”

 

 

เมื่อคุณแม่ลั่วได้ยินเมิ่งชิงซีเอ่ยถึงหลาน น้ำเสียงของเธอก็สลดลงไปไม่น้อย เมิ่งชิงซีค่อนข้างประหลาดใจ ก่อนหน้านี้เธอถึงกับเปลี่ยนท่าทีเพราะถังโจวโจวท้องไม่ใช่หรือ แล้วทำไมตอนนี้เธอถึงไม่อยากมีหลานแล้วล่ะ?

 

 

สีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย “คุณป้าอยากมีหลานมากไม่ใช่หรือคะ ถ้าโจวโจวท้อง คุณป้าจะไม่มีความสุขได้ยังไงคะ”

 

 

“ฮึ! ก็ตั้งแต่ที่หลานของป้าจากไป เธอก็ไม่มีทีท่าว่าจะตั้งท้องอีกเลย และป้าเองก็คิดได้แล้วว่า ถ้าหลานของป้าออกมาจากท้องของถังโจวโจวแล้วเหมือนเธอไม่ผิดเพี้ยน ป้าคงจะต้องร้องไห้จนขาดใจตายแน่ๆ”

 

 

เมิ่งชิงซีไม่รู้จะพูดอย่างไรดี นี่คุณแม่ลั่วไม่อยากมีหลานแล้วเพียงเพราะเหตุผลเท่านี้น่ะหรือ? นี่มันชักจะ…

 

 

“คุณป้าอย่าพูดอะไรแบบนั้นสิคะ ถึงตอนนี้โจวโจวจะยังไม่ท้อง แต่เธอกับเซ่าเชินก็รักกันดี อีกไม่นานคงจะมีข่าวดีแน่นอนค่ะ” เมิ่งชิงซีเอ่ยด้วยน้ำเสียงเศร้าใจ

 

 

คุณแม่ลั่วรู้สึกว่าจิตใจของเธอช่างงดงามมากจริงๆ เห็นอยู่เต็มตาว่าเมิ่งชิงซียังไม่อาจลืมลั่วเซ่าเชินได้ แต่เธอก็ยังช่วยพูดเข้าข้างถังโจวโจว “ชิงซี ป้าจะทำให้หนูมาเป็นลูกสะใภ้ของป้าให้ได้ ป้าจะรีบหาทางไล่ยายถังโจวโจวนั่นออกไป!”

 

 

เมิ่งชิงซีไม่เชื่อคำมั่นสัญญาของคุณแม่ลั่วมานานแล้ว คุณแม่ลั่วใช่ว่าไม่เคยพูดเช่นนี้มาก่อน แต่เคยลงมือทำอะไรจริงๆ จังๆ บ้างไหมล่ะ? ไม่เลย! สุดท้ายก็ทำได้แค่พูดปลอบใจเธอเท่านั้น ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับตัวเธอเอง!

 

 

“คุณป้าอย่าพูดแบบนี้เลยค่ะ หนูรู้ดีว่าเซ่าเชินไม่ได้มีหนูอยู่ในใจเลย หนูเองก็ไม่อยากฝืนใจเขา หนูขอแค่ให้เซ่าเชินมีความสุขก็พอ คุณป้าคะ เห็นแก่เซ่าเชินเถอะนะคะ คุณป้าช่วยใจดีกับโจวโจวอีกสักหน่อย แค่หนูได้เห็นว่าคุณป้าเข้ากันได้ดีกับโจวโจว เท่านี้หนูก็วางใจแล้วค่ะ”

 

 

“ชิงซี หนูช่วยพูดให้เธอทำไมกัน” คุณแม่ลั่วไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนที่ยืนอยู่ข้างเธอมาโดยตลอดอย่างเมิ่งชิงซีนั้นจะบอกให้เธอยอมอ่อนข้อให้กับถังโจวโจว นี่เป็นสิ่งที่น่าเหลือเชื่อที่สุดในตอนนี้สำหรับคุณแม่ลั่ว

 

 

เมิ่งชิงซีรีบอธิบายเมื่อเห็นสายตาที่มองมาอย่างแปลกใจของคุณแม่ลั่ว “คุณป้าอย่าเข้าใจผิดนะคะ หนูรู้ว่าคุณป้าไม่อยากทำ แต่ตอนนี้โจวโจวครอบครองหัวใจของเซ่าเชินอยู่ คุณป้าคะ สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับคุณป้าในตอนนี้ก็คือ คุณป้าต้องแย่งลูกชายของคุณป้ากลับคืนมาก่อนนะคะ”

 

 

“จริงด้วย อาเชินใจร้อนกับคนเป็นแม่อย่างป้ามากขึ้นเรื่อยๆ สักวันหนึ่ง บ้านหลังนี้ก็คงจะถูกถังโจวโจวแย่งชิงไปด้วย!”

ตอนที่ 214 สาดอารมณ์ใส่กัน

 

 

           “ชิงซี ที่แม่ตบลูกวันนั้นเพราะแม่มีเหตุผลนะ ก็ตอนนั้นลูกทำเกินไปจริงๆ” ฉินอวิ๋นส่ายหน้า เธอไม่น่าพลาดเลย ทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอคอยอบรมสั่งสอนมาตลอดยี่สิบกว่าปีนี้ มันผิดทั้งหมดเลยอย่างนั้นหรือ

 

 

“มีเหตุผลเหรอคะ?! เฮอะ น่าขำสิ้นดี น่าขำมากจริงๆ! ถ้าแม่มีเหตุผลจริง แม่ก็พูดมันออกมาสิคะ จะอมมันไว้ทำไม”

 

 

ในขณะที่ฉินอวิ๋นมองดูท่าทางบ้าคลั่งของเมิ่งชิงซี เธอก็ก้าวถอยหลังไม่หยุด คนตรงหน้าเธอไม่ใช่เมิ่งชิงซีที่เธอรู้จัก เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าลูกสาวของเธอจะตั้งตัวเป็นปฏิปักษ์กับเธอแบบนี้ หรือว่าเธอควรจะพูดเรื่องนั้นออกมา?

 

 

“แม่ไม่กล้าพูดใช่ไหมล่ะคะ” เมิ่งชิงซีเดินเข้าไปหาฉินอวิ๋นทีละก้าว บนใบหน้าของเธอประดับด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน เธออยากจะทำอย่างนี้มานานแล้ว เพียงแต่เธอไม่อยากให้คุณพ่อรับรู้ถึงปัญหาระหว่างเธอกับคุณแม่ มิฉะนั้นเธอคงจะตัดขาดกับฉินอวิ๋นไปนานแล้ว

 

 

“ชิงซี ลูกจำเป็นต้องทำถึงขนาดนี้เลยเหรอ นี่แม่รักลูกนะ!” ฉินอวิ๋นร้องเสียงดังลั่น หัวใจของเธอราวกับถูกแผดเผา นี่คือบทลงโทษของเธอใช่ไหม? ฉินอวิ๋นไม่อยากจะเชื่อเลยว่านี่คือผลตอบแทนที่เธอสมควรจะได้รับ ลูกสาวคนนี้ก็เป็นของเธอเหมือนกัน ดังนั้นไม่ควรตั้งตัวเป็นปฏิปักษ์กับเธอแบบนี้สิ!

 

 

“แม่คะ แม่พูดว่าแม่รักหนูอย่างนั้นเหรอ แม่รักหนู แต่แม่กลับไม่เห็นด้วยที่หนูจะคบกับเซ่าเชิน แม่รักหนู แต่แม่บอกให้หนูตัดใจจากเขา แม่ก็รู้อยู่แล้วนี่คะว่าตั้งแต่หนูได้เจอกับเซ่าเชิน หัวใจของหนูก็รักแค่เขาคนเดียว แต่แม่ก็ยังจะบอกให้หนูลืมเขาอีก หนูเกลียดแม่! หนูเกลียดแม่ที่สุด!”

 

 

เมิ่งชิงซีไม่พอใจ ทำไมถังโจวโจวถึงมีความสุข แต่เธอกลับทำได้แค่เพียงพยายามต่อสู้อยู่ตรงนี้ ตอนนี้ลั่วเซ่าเชินไม่อยากจะพูดกับเธอเลยสักคำ ที่เธอเดินมาถึงจุดนี้ในวันนี้ มันเป็นความผิดของใครกัน?

 

 

ใช่ มันเป็นความผิดของคุณแม่ทั้งหมด  หากไม่ใช่เพราะฉินอวิ๋น บางทีเธออาจจะได้ครองคู่กับลั่วเซ่าเชินไปแล้วก็ได้ เมิ่งชิงซีผลักความผิดทั้งหมดไปให้ฉินอวิ๋น เธอคิดไว้เสร็จสรรพแล้วว่าคงมีแค่เธอเท่านั้นที่จะสามารถต่อกรกับถังโจวโจวได้

 

 

“ชิงซี ลูกกลายเป็นคนแบบนี้ไปได้ยังไง” ก่อนหน้านี้ลูกสาวของเธอยังเป็นเด็กที่น่ารักอยู่เลย ทำไมจู่ๆ ถึงกลายเป็นคนละคนแบบนี้ไปได้? ฉินอวิ๋นคิดว่าเรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นจากถังโจวโจว เป็นเพราะถังโจวโจวคนเดียว!

 

 

“หนูกลายเป็นคนแบบนี้อย่างนั้นหรือคะ… ฮึ! แม่ฟังไว้ให้ดีเลยนะ ต่อไปนี้แม่ไม่ต้องมายุ่งกับเรื่องของหนูอีก หนูจะต้องได้เป็นคุณผู้หญิงลั่วอย่างแน่นอน!” เมิ่งชิงซีกำหมัดแน่น เธอจะไม่มีทางยอมแพ้ง่ายๆ แบบนี้หรอก ตำแหน่งคุณผู้หญิงลั่วจะต้องเป็นของเธอเท่านั้น!

 

 

ฉินอวิ๋นเห็นว่าคงไม่สามารถพูดจาดีๆ กับเมิ่งชิงซีได้อีกต่อไป เธอจึงไม่มีทางเลือก นอกจากเดินถอยหลังและออกมาจากห้องของเมิ่งชิงซี แม้ว่าเธอจะดูเข้มแข็งมากเมื่ออยู่ต่อหน้าลูกสาวของเธอ แต่ทันทีที่ฉินอวิ๋นก้าวออกมา น้ำตาของเธอก็ร่วงรินทันที

 

 

ฉินอวิ๋นไม่กล้าร้องไห้กับเมิ่งไหวเซิน และไม่กล้าให้คนรับใช้เห็น เธอกลับไปที่ห้องเพียงลำพัง เธอได้แต่คิดอย่างเงียบๆ  ถังโจวโจว ตอนแรกฉันก็กะจะปล่อยเธอไปก่อน แต่ตอนนี้เมื่อเธอเป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด เธอก็ไม่สมควรได้มีชีวิตบนโลกใบนี้อีกแล้ว…

 

 

ฉินอวิ๋นคิดหาแผนจะฆ่าถังโจวโจว เพื่อไม่ให้เหลืออุปสรรคในภายภาคหน้า เมื่อไรที่ถังโจวโจวตาย ชิงซีก็จะได้แต่งงานกับลั่วเซ่าเชิน หากเป็นเช่นนั้นแล้วชิงซีก็จะไม่ตำหนิเธออีก เราสองคนแม่ลูกก็จะได้กลับไปเป็นเหมือนเดิม

 

 

เมิ่งชิงซีเองก็กำลังคิดถึงปัญหาเดียวกันกับฉินอวิ๋น เธอจะต้องทำอย่างไร ถังโจวโจวถึงจะหายไปจากโลกนี้ ขอแค่ไม่มีผู้หญิงคนนี้ เซ่าเชินก็จะหวนกลับมาหาเธออีกครั้ง “ทำยังไงดีนะ…”

 

 

เมิ่งชิงซีคิดจนหัวแทบแตก ก่อนจะตัดสินใจว่าจะยืมพลังอำนาจของคุณแม่ลั่ว แต่คราวนี้เธอต้องมีหลักฐานมัดตัวที่แน่นหนามากพอ

 

 

 

 

ตอนที่ 215 อิทธิพลของเมิ่งชิงซี

 

 

           ลั่วเซ่าเชินพาถังโจวโจวและลั่วอิงกลับมาที่คฤหาสน์ตระกูลลั่ว แม้ว่าถังโจวโจวและคุณแม่ลั่วจะยังเข้าหน้ากันไม่ติด ลั่วเซ่าเชินเองก็ไม่ค่อยได้พาเธอกลับมาให้คุณแม่ลั่วเห็นหน้าแล้ว แต่ถึงอย่างไรพวกเธอก็ยังต้องพบกัน

 

 

“เซ่าเชิน โจวโจว ลั่วอิง มากันแล้วหรือคะ เดี๋ยวฉันจะรีบไปบอกคุณป้าให้”

 

 

ยังไม่ทันได้ปรากฏตัว ทั้งสามคนที่อยู่ด้านนอกก็ได้ยินน้ำเสียงกระตือรือร้นของเมิ่งชิงซี เมิ่งชิงซีมองพวกเขาสามคนด้วยรอยยิ้ม และเมื่อเธอแน่ใจว่าพวกเขากลับมาแล้วจริงๆ เธอก็รีบกลับเข้าไปในบ้าน บางทีอาจจะเป็นอย่างที่เธอว่า เธอเข้าไปแจ้งคุณแม่ลั่วแล้ว

 

 

           “คุณชาย คุณผู้หญิง คุณหนู เข้ามาก่อนเถอะค่ะ” แม่นมจ้าวรับของที่ลั่วเซ่าเชินยื่นส่งมาให้ ก่อนจะเดินเข้าไปในบ้าน

 

 

เมื่อลั่วเซ่าเชินเห็นว่าเมิ่งชิงซีอยู่ที่นี่ด้วย เขาจึงถามแม่นมจ้าวว่า “ทำไมเธอถึงมาที่นี่อีกแล้วล่ะครับ”

 

 

แม่นมจ้าวเข้าใจดีว่า ‘เธอ’ ในที่นี้หมายถึงใคร “คุณนายเป็นคนเชิญคุณเมิ่งมาค่ะ คุณเมิ่งเธอมาถึงนานแล้ว”

 

 

เมื่อได้ยินว่าคุณแม่ลั่วเป็นคนชวนเมิ่งชิงซีมา ลั่วเซ่าเชินก็ไม่ได้พูดอะไรต่ออีก เดี๋ยวพอกินข้าวเสร็จ เขาค่อยพาถังโจวโจวกับลั่วอิงกลับก็แล้วกัน จะได้ไม่มีปัญหากันอีก

 

 

ลั่วเซ่าเชินเคยคิดว่าเมิ่งชิงซีเป็นแค่ลูกคุณหนูที่เอาแต่ใจเท่านั้น ซึ่งเขาเองก็ไม่ได้ชอบผู้หญิงแบบนี้ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าความสามารถในการตามตื๊อของเมิ่งชิงซีนั้นจะไม่มีใครเทียบได้จริงๆ!

 

 

เขาเองก็หมดหนทาง เขาจึงต้องใช้คุณแม่ลั่วเป็นโล่กำบัง คิดว่าเขาไม่รู้หรือ? ทุกครั้งที่เขากลับมา เขาจะต้องเจอเธอที่นี่ตลอด มันจะบังเอิญอะไรขนาดนั้นล่ะ!

 

 

“ลั่วอิง ในที่สุดหนูก็มาเยี่ยมย่าแล้ว!” คุณแม่ลั่วพร้อมด้วยเมิ่งชิงซีเดินเข้าไปหาพวกเขาทั้งสามคน สำหรับลั่วเซ่าเชินและถังโจวโจว คุณแม่ลั่วเพิกเฉยไม่สนใจ แต่กับลั่วอิง เธอทั้งรักและเอ็นดูอย่างมาก

 

 

คุณพ่อลั่วออกไปเล่นหมากรุกกับเพื่อน เขาจึงไม่อยู่บ้าน เมิ่งชิงซีที่ยืนถัดไปจากคุณแม่ลั่วไม่รู้จะพูดอะไร คุณแม่ลั่วเงยหน้ามองถังโจวโจว “เธอก็มาด้วยเหมือนกันเหรอ เข้าไปนั่งในห้องนั่งเล่นสิ”

 

 

แม้ว่าน้ำเสียงนั้นจะไม่ได้ดีมาก แต่ถังโจวโจวก็ดีใจอยู่ไม่น้อย เธอไม่เคยนึกฝันมาก่อนเลยว่าคุณแม่ลั่วจะยอมพูดกับเธอก่อนบ้าง แต่เมื่อคิดดูดีๆ แล้ว คุณแม่ลั่วทำไปเพราะเมิ่งชิงซีต่างหาก คุณแม่ลั่วเพียงอยากแสดงให้เห็นว่าไม่ได้ชอบเธอมากนัก เธอถึงได้รับเกียรติเช่นนี้ พอคิดได้อย่างนี้ถังโจวโจวก็ดีใจไม่ออก

 

 

ในขณะที่ถังโจวโจวกำลังคิดเรื่องนี้อยู่ คุณแม่ลั่วก็แสดงสีหน้าไม่พอใจ เป็นเพราะเธอยอมเชื่อเมิ่งชิงซีหรอก เธอถึงได้เป็นฝ่ายเอ่ยทักทายถังโจวโจวก่อน ด้วยเธอไม่อยากให้ความสัมพันธ์แม่ลูกระหว่างเธอกับลั่วเซ่าเชินต้องแย่ไปมากกว่านี้ แต่ปรากฏว่าถังโจวโจวกลับเหม่อลอยและไม่พูดอะไร  ช่างไม่มีมารยาทจริงๆ ไม่รู้จักเคารพผู้ใหญ่เลยสักนิด

 

 

“อาเชิน ทำไมลูกถึงไม่ทักทายชิงซีล่ะ” คุณแม่ลั่วยิ่งรู้สึกไม่พอใจเมื่อเห็นว่าลั่วเซ่าเชินมีท่าทีเย็นชาต่อเมิ่งชิงซี แม้ว่าเขาจะไม่ชอบชิงซี แต่ทั้งสองตระกูลก็รู้จักกันมานาน เขาจะให้เกียรติทักทายเธอสักนิดไม่ได้เลยหรือ

 

 

ทั้งหมดนี้เป็นความผิดของถังโจวโจวคนเดียว คุณแม่ลั่วส่งสายตาโกรธเคืองไปที่ถังโจวโจว เธอรู้สึกรำคาญลูกตาเมื่อเห็นถังโจวโจวยืนอยู่กับลูกชายของเธอ ได้แต่ยืนนิ่งเป็นท่อนไม้อยู่ตรงนั้น ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่?

 

 

“คุณเมิ่ง” คำทักทายของลั่วเซ่าเชินทำให้คุณแม่ลั่วรู้สึกว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไม่ต่างจากคนแปลกหน้า

 

 

คุณแม่ลั่วจึงรีบตะคอกด้วยความไม่พอใจว่า “อาเชิน นี่คือสิ่งที่แม่กับพ่อสอนให้ลูกทำอย่างนั้นหรือ”

 

 

“แม่ครับ แม่จะหยุดต่อว่าผมเรื่อยเปื่อยแบบนี้ได้หรือยัง” ลั่วเซ่าเชินเหนื่อยใจ เขาอยากจะหมุนตัวและเดินออกไปจากที่ที่น่าอึดอัดใจแห่งนี้เสียเดี๋ยวนี้เลย

 

 

เมิ่งชิงซีกระตุกแขนเสื้อของคุณแม่ลั่วเบาๆ สีหน้าของคุณแม่ลั่วผ่อนคลายขึ้นหลายส่วน “เอาละๆ ลูกคนนี้นี่ เอ็ดนิดเอ็ดหน่อยก็ไม่ได้ ลั่วอิง ไปที่โซฟากับคุณย่าดีกว่าค่ะ ย่าบอกแม่นมจ้าวให้เตรียมของโปรดของหนูไว้เต็มเลย”

 

 

“จริงเหรอคะ คุณย่า ดีจังเลย! คุณย่าดีกับหนูที่สุดเลยค่ะ!” ลั่วอิงกุมมือของคุณแม่ลั่วด้วยความดีใจ

ตอนที่ 212 ลงเวลา

 

 

           “คุณผู้หญิงคะ แล้วคุณหนูล่ะคะ” ป้าหลิวไม่ได้ยินถังโจวโจวพูดถึงลั่วอิงเลย

 

 

“อ้อ ลั่วอิงหรือคะ เดี๋ยวเราจะส่งเธอไปอยู่กับคุณพ่อคุณแม่น่ะค่ะ พอพูดถึงตรงนี้แล้ว เดี๋ยวที่บ้านจะเหลือแค่ป้าหลิวเพียงคนเดียว ป้าหลิวอยากกลับบ้านไหมคะ ใช้โอกาสที่เราออกไปเที่ยวกลับไปเยี่ยมที่บ้านสักพักหนึ่ง ป้าหลิวจะได้มีเวลาอยู่กับคนในครอบครัวบ้าง”

 

 

ถังโจวโจวนึกย้อนไปว่า แม้แต่ช่วงตรุษจีน ป้าหลิวก็ยังอยู่ที่คฤหาสน์หลังนี้ นอกเหนือจากคืนวันส่งท้ายปีเก่าที่เธอกลับไปร่วมมื้อเย็นกับที่บ้านแล้ว เธอก็ไม่ได้กลับไปอีกเลย เธออยู่ที่นี่เพื่อคอยดูแลพวกเขาตลอด ก็ออกจะนานเกินไปสักหน่อย

 

 

ป้าหลิวหันมองไปอีกทางเล็กน้อย สีหน้าเธอค่อนข้างกังวล “แล้วคุณชาย…”

 

 

“กลับได้นะครับ ป้าหลิว ป้าอยากจะกลับไปกี่วันก็ได้ เพราะไม่ว่ายังไงก็ไม่มีใครอยู่บ้านอยู่แล้ว ป้าแค่กลับมาก่อนที่พวกเราจะกลับมาก็พอ” ลั่วเซ่าเชินได้ยินบทสนทนาระหว่างถังโจวโจวและป้าหลิวมาโดยตลอด และเมื่อเขารู้ว่าป้าหลิวกังวลว่าเขาจะไม่อนุญาต เขาจึงพูดขึ้นมาในทันที

 

 

“ขอบคุณค่ะ คุณชาย คุณผู้หญิง!” เมื่อป้าหลิวได้ยินว่าลั่วเซ่าเชินอนุญาตให้เธอกลับบ้าน เธอก็ซาบซึ้งเสียจนน้ำตาไหล เธอไม่ได้กลับบ้านมาสักพักแล้ว เธอไม่รู้ว่าลูกชายของเธอสบายดีหรือเปล่า

 

 

แม้ว่าลั่วเซ่าเชินและถังโจวโจวจะไม่ได้ขอร้องให้ป้าหลิวอยู่ที่บ้านทุกวัน นอกจากนี้พวกเขาก็ยังให้ป้าหลิวได้กลับไปเยี่ยมครอบครัวทุกสัปดาห์ แต่ป้าหลิวก็กลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นในบ้าน ดังนั้นเธอจึงเก็บความรู้สึกนี้เอาไว้และบอกตัวเองว่าถ้าไม่จำเป็นเธอจะยังไม่กลับบ้าน

 

 

แล้วสามีของเธอก็มักจะพาลูกชายมาเยี่ยมเธออยู่บ่อยๆ สลับกับป้าหลิวที่กลับบ้านเดือนละครั้ง ซึ่งมันดูเหมือนจะผ่านมานานมากแล้วตั้งแต่ป้าหลิวกลับไปครั้งล่าสุด

 

 

ความจริงแล้วถังโจวโจวรู้สึกว่าแม้ป้าหลิวจะไม่อยู่ เธอก็สามารถจัดการเรื่องในบ้านได้ อย่างเรื่องทำอาหาร เธอเองก็เก่งอยู่เหมือนกัน ด้วยหัวใจที่มักเห็นอกเห็นใจผู้อื่นของถังโจวโจว เธอจึงสามารถเข้าใจความรู้สึกของป้าหลิวในเรื่องนี้ได้

 

 

“ป้าหลิวต้องใช้โอกาสนี้อยู่กับลูกชายหลายๆ วันเลยนะคะ!” ถังโจวโจวเคยเจอลูกชายของป้าหลิวอยู่หลายครั้ง เขาเป็นเด็กที่น่ารัก อายุประมาณสิบขวบ แม้จะอยู่ในวัยที่กำลังซนแบบนี้ แต่ก็เห็นได้ชัดว่าลูกของป้าหลิวเป็นเด็กดีมาก

 

 

เขาชอบอ่านหนังสือ ดังนั้นแต่ละครั้งที่สามีของป้าหลิวพาเขามาที่นี่ ถังโจวโจวก็มักจะให้เขายืมหนังสือกลับไปด้วยหนึ่งเล่ม แล้วป้าหลิวก็นำมาคืนภายหลัง หรือไม่เขาก็เอามาคืนด้วยตัวเองในครั้งถัดไป

 

 

“ค่ะ คุณผู้หญิง ฉันขอตัวก่อนนะคะ คุณชาย คุณผู้หญิง” ป้าหลิวรู้สึกขอบคุณลั่วเซ่าเชินและถังโจวโจวเป็นอย่างมากสำหรับโอกาสที่พวกเขาหยิบยื่นมาให้เธอ

 

 

สำหรับลูกชายของเธอ เธอคิดถึงเขาอยู่ตลอด เพียงแต่เธอไม่อาจทิ้งหน้าที่การงานไปได้ แม้ว่าจะคิดถึงลูกมากเพียงใด ป้าหลิวก็ทำได้แค่อดทนอยู่เงียบๆ

 

 

คราวนี้เมื่อเธอได้มีโอกาสดีๆ เช่นนี้ เธอจะทะนุถนอมมันไว้เป็นอย่างดี

 

 

“หาข้อมูลเสร็จหรือยัง ดูตั๋วไปถึงไหนแล้ว” ลั่วเซ่าเชินเห็นถังโจวโจวใช้เวลาค้นหาตลอดทั้งบ่าย เขายังไม่รู้เลยว่าเธอได้เรื่องอะไรมาบ้าง เมื่อเขาทำงานเสร็จแล้ว ลั่วเซ่าเชินจึงลุกออกจากโต๊ะและเดินเข้าไปหาถังโจวโจว

 

 

“อืม คุณบอกว่าคุณน่าจะต้องใช้เวลาเคลียร์งานประมาณสี่วัน ถ้าเป็นวันที่ห้าก็มีเที่ยวบินไปประเทศ M ตอนสิบโมงเช้า คุณคิดว่ายังไงคะ” ถังโจวโจวเห็นว่าเที่ยวบินนี้เป็นเที่ยวบินที่เร็วที่สุด มิฉะนั้นจะต้องรออีกวันหนึ่ง

 

 

“โอเค คุณจองวันนั้นไปก็แล้วกัน” ลั่วเซ่าเชินคิดว่ามันไม่เลวเลย พอถึงเวลานั้นก็จัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย จากนั้นก็ปล่อยให้เหล่าผู้จัดการคอยดูแลบริษัท ให้ลูซี่อยู่ที่นี่ ส่วนหวังหวา เขาก็จะให้ล่วงหน้าไปก่อน ลั่วเซ่าเชินเองจะได้ไม่ต้องกังวลว่าเขาจะรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดไม่ไหว

 

 

พวกเขาตกลงกันเรียบร้อย และเมื่อถึงเวลาอาหารเย็น ลั่วเซ่าเชินและถังโจวโจวก็ลงไปชั้นล่างพร้อมกัน

 

 

 

 

ตอนที่ 213 สายตาจงเกลียดจงชัง

 

 

           ฉินอวิ๋นเห็นว่าถังโจวโจวไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ เธอจึงสั่งให้คนหยุดลงมือไปก่อน รอจนกว่าเธอจะตรวจสอบให้แน่ชัด แล้วค่อยลงมืออีกครั้ง เรื่องกำจัดจุดอ่อนของถังโจวโจวนั้นเป็นเรื่องสำคัญ แต่ตอนนี้สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือการซ่อมแซมความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับลูกสาวของเธอ

 

 

           หลังจากฉินอวิ๋นตบหน้าเมิ่งชิงซีในครั้งนั้น สีหน้าของเมิ่งชิงซีที่มีต่อแม่อย่างฉินอวิ๋นก็ยิ่งเย็นชามากขึ้นเรื่อยๆ ทุกวันนี้ถ้าเมิ่งไหวเซินไม่ได้กลับมากินข้าวที่บ้าน เมิ่งชิงซีกับฉินอวิ๋นคงจะกลายเป็นคนแปลกหน้ากันไปแล้ว

 

 

           มีแต่ฝั่งของเมิ่งชิงซีเท่านั้นที่ก่อสงครามเย็น ฉินอวิ๋นไม่ได้อยากจะทะเลาะกับลูกสาวของเธอจนถึงขั้นนี้เลย เมิ่งชิงซีเป็นลูกสาวคนเดียวของเธอ แต่ทำไมถึงโกรธเกลียดเธอที่เป็นแม่ได้มากขนาดนี้เพราะเรื่องของคนอื่นแท้ๆ

 

 

           เมิ่งชิงซีไม่ได้เข้าใจถึงความกังวลของเธอเลยแม้แต่น้อย ไม่ได้รู้เลยสักนิดว่าถังโจวโจวมีอันตรายใดแฝงอยู่

 

 

           ฉินอวิ๋นไม่สามารถบอกความจริงกับเมิ่งชิงซีได้ เธอจึงได้แต่อดทนให้มันเป็นต่อไปเช่นนี้ บทสนทนาระหว่างเธอและเมิ่งชิงซีนับวันยิ่งลดน้อยลงเรื่อยๆ บางครั้งพวกเธอสองคนถึงขั้นไม่พูดกันเลยทั้งวัน พวกเธอได้แต่พึ่งพาคนกลางให้คอยสื่อสารให้

 

 

ก๊อกๆๆ “ชิงซี นี่แม่เองนะ แม่เข้าไปได้ไหม” ภายในห้องนั้นเงียบเชียบ ฉินอวิ๋นรออยู่พักหนึ่งก่อนจะเคาะประตูอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่ได้ยินเสียงตอบ เธอจึงเปิดประตูและเดินเข้าไป ปรากฏว่าเธอได้พบกับแรงต่อต้านอย่างหนักจากเมิ่งชิงซี

 

 

“หนูไม่ได้พูดสักคำว่าให้แม่เข้ามาได้ แล้วแม่เข้ามาโดยที่ไม่ได้รับอนุญาตจากหนูได้ยังไง”

 

 

“ก็แม่เคาะประตูแล้ว แต่ลูกไม่ตอบ ชิงซี ลูกโกรธแม่มานานแล้วนะ นี่ลูกอยากให้คุณพ่อรู้หรือไงว่าแม่กับลูกทะเลาะกันน่ะ” ฉินอวิ๋นปวดหัวกับนิสัยของเมิ่งชิงซีมาก สิ่งที่เธอทำไปทั้งหมดมันเพื่อใครกันล่ะ ทำไมถึงไม่เข้าใจเธอบ้างเลย

 

 

“รู้แล้วยังไงล่ะคะ หนูไม่กลัวหรอก คนที่ต้องกลัวคือแม่ต่างหาก” เมิ่งชิงซีนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง เธอกำลังวาดลิปสติกสีแดงสดลงบนริมฝีปาก เธอปาดมันอย่างช้าๆ และใจจดใจจ่อกับมันเป็นอย่างมาก

 

 

ฉินอวิ๋นค่อยๆ เดินเข้าไปที่ด้านหลังของเมิ่งชิงซี เธอมองดูใบหน้าของลูกสาวที่ส่องสะท้อนอยู่ในกระจก เธอเห็นแต่ความเย็นชา ความเกลียดชัง ฉินอวิ๋นไม่เข้าใจว่ามันมาถึงขั้นนี้ได้อย่างไร เพราะสุดท้ายแล้วมันก็เป็นแค่เรื่องเล็กๆ เท่านั้น หรือว่าผู้ชายอย่างลั่วเซ่าเชินสำคัญกว่าแม่บังเกิดเกล้าอย่างเธอ?

 

 

เมิ่งชิงซีไม่กลัวที่ฉินอวิ๋นเอ่ยอ้างถึงเมิ่งไหวเซินเลยสักนิด เธอไม่มีอะไรต้องปกปิด เธอบริสุทธิ์ใจ กลับกันแล้ว ฉินอวิ๋นนั่นแหละที่ควรจะกังวล ไม่รู้ว่าแม่ของเธอมีเรื่องปกปิดคุณพ่อไว้อีกกี่เรื่อง

 

 

เมิ่งชิงซีรู้ดีว่า หากคุณพ่อของเธอค้นพบสิ่งที่คุณแม่ทำ คุณแม่ก็จะต้องออกไปจากบ้านหลังนี้

 

 

“ชิงซี ครั้งก่อนที่แม่ตบลูก มันเป็นความผิดของแม่เอง ลูกจะยกโทษให้แม่ไม่ได้เลยเหรอ ถ้าคุณพ่อรู้เรื่องนี้เข้าและไล่แม่ออกจากบ้าน ลูกก็จะโอเคหรือไง” ฉินอวิ๋นค่อยๆ อธิบายให้เมิ่งชิงซีฟังอย่างใจเย็น

 

 

“แล้วมีอะไรที่หนูต้องไม่โอเคหรือคะ?” เมิ่งชิงซีคิดว่าแม่ของเธอบ้าไปแล้ว? เธอเป็นถึงคุณหนูแห่งตระกูลเมิ่ง เธอจะต้องสนใจเรื่องพวกนี้ด้วยหรือ? อย่าคิดแต่ว่าเธอเป็นเด็กสิ เธอจะไม่ยอมถูกหลอกอีกต่อไปแล้ว หากแม่ไม่ได้ปิดบังเรื่องนั้นกับเธอ ป่านนี้เธออาจจะได้แต่งงานเข้าตระกูลลั่วและได้เป็นคุณผู้หญิงลั่วไปแล้ว

 

 

“ชิงซี ลูกจะทำแบบนี้กับแม่จริงๆ เหรอ แม่เลี้ยงลูกมาจนโต คอยหาข้าวหาน้ำให้กิน ให้มีบ้านได้อยู่ ให้ชีวิตดีๆ กับลูกมาตลอด แล้วนี่คือวิธีที่ลูกจะตอบแทนแม่อย่างนั้นหรือ” ฉินอวิ๋นรู้สึกเศร้าใจเป็นอย่างมาก ลูกของเธอกลายเป็นคนแบบนี้ไปได้อย่างไร เธอหวังว่าเมิ่งชิงซีคนก่อนจะกลับมาหาเธอ

 

 

“ฮึ! คุณพ่อต่างหากที่เป็นคนให้ชีวิตดีๆ กับหนู เกี่ยวอะไรกับแม่ด้วย? แม่อย่าพูดอะไรแบบนี้อีกเลยค่ะ แม่ตบหน้าหนู หนูจะจำไว้ให้ขึ้นใจ!” เมิ่งชิงซีกุมกรอบหน้าของตัวเอง ฉินอวิ๋นมองเห็นสายตาที่จงเกลียดจงชังของเธอ ก็ถึงกับผงะถอยไปสองสามก้าว

ตอนที่ 210 วางแผนเที่ยว 

 

 

           “โจวโจว ตามผมไปที่ห้องหนังสือหน่อย” ถังโจวโจวและลั่วเซ่าเชินเข้าไปในห้องหนังสือด้วยกัน จากนั้นเธอก็เห็นว่าเขาหยิบรูปภาพต่างๆ บนโต๊ะส่งให้เธอ “คุณลองดูสิว่าคุณชอบที่ไหน?” 

 

 

“นี่มันอะไรหรือคะ” ถังโจวโจวมองดูรูปภาพอันแสนสวยงามแต่ละรูป ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นสถานที่ที่เธออยากไป นี่พวกเรากำลังจะได้ไปด้วยกันใช่ไหม? 

 

 

“ก็ไปเที่ยวไง! ช่วงนี้ผมตั้งใจจะเคลียร์งานให้เสร็จ จะได้มีเวลาออกไปเที่ยวกับคุณบ้าง เราตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอ” 

 

 

“อ๋อ ฉันนึกว่าคุณจัดการเรียบร้อยแล้วน่ะค่ะ” 

 

 

หลายวันมานี้เธอไม่ได้รับข่าวคราวอะไรเลย ถังโจวโจวยังนึกอยู่เลยว่าลั่วเซ่าเชินคงจะสั่งให้ลูซี่เตรียมการทุกอย่างแล้ว ความสามารถของลูซี่นั้นไร้ข้อกังขา แต่ในใจลึกๆ นั้นถังโจวโจวก็หวังว่าตัวเธอเองจะได้ทำแบบลูซี่ เพราะสิ่งที่เธอหวังมากกว่านั้นเกี่ยวกับทริปของเธอและลั่วเซ่าเชิน คือเธอจะได้จองตั๋วเอง ได้เลือกสถานที่ รวมถึงวางแผนต่างๆ 

 

 

“จะเป็นไปได้ยังไง ในเมื่อคุณไปเที่ยวกับผม มันก็ต้องขึ้นอยู่กับคุณสิ” เดิมทีลั่วเซ่าเชินก็จะให้ลูซี่เป็นคนจัดการทั้งหมด ส่วนเขาก็แค่รับผิดชอบพาถังโจวโจวไปเที่ยวก็พอ 

 

 

แต่เมื่อลั่วเซ่าเชินมาคิดๆ ดูแล้ว ถังโจวโจวเป็นคนใส่ใจรายละเอียดและสนุกกับทุกๆ ก้าวของชีวิต เธอคิดว่าทุกอย่างที่เธอเลือกเอง จัดการเอง นั่นถึงจะเป็นสิ่งที่เธอต้องการ หากเขาจัดการทุกอย่างไว้หมดแล้ว ความสนุกของเธอก็คงจะหายไป 

 

 

ดังนั้น ลั่วเซ่าเชินจึงเปลี่ยนใจ ตอนนี้เขารู้สึกว่าความคิดของเขาที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ความสุขของถังโจวโจวคือสิ่งที่เขาอยากเห็นมากที่สุด หากถังโจวโจวไม่มีความสุข แล้วสิ่งที่เขาทำมาทั้งหมดจะมีความหมายอะไรล่ะ 

 

 

หากให้คนของเขาเป็นคนจัดทริป แล้วทำให้ถังโจวโจวไม่มีความสุข ไม่เท่ากับเขาเสียเวลาและลงแรงไปโดยเปล่าประโยชน์หรอกหรือ เพราะเขาไม่อาจได้ในสิ่งที่ต้องการ สู้อยู่บ้านเฉยๆ ดีกว่า บางทีอาจจะได้ผลลัพธ์ที่คาดไม่ถึงก็เป็นได้ 

 

 

“คุณลองเลือกดูสิ ชอบที่ไหนก็บอกผมนะ” ลั่วเซ่าเชินเอ่ยกระตุ้น ถังโจวโจวค่อยๆ พลิกดูรูปที่ลั่วเซ่าเชินส่งให้เธอ 

 

 

“เราไปที่นี่กันเถอะค่ะ!” ถังโจวโจวมองดูภาพทุ่งลาเวนเดอร์สีม่วง ราวกับว่าตัวเธอได้เข้าไปอยู่ท่ามกลางมหาสมุทรสีม่วง ถังโจวโจวอยากจะไปเยี่ยมชมสักครั้งในชีวิต บางทีทุ่งลาเวนเดอร์ของจริงอาจจะน่าทึ่งกว่าในภาพถ่ายมาก 

 

 

“โอเค เราไปที่นี่กันนะ” เมื่อลั่วเซ่าเชินเห็นว่าถังโจวโจวเลือกที่หมายได้แล้ว เขาก็ดึงภาพนั้นออกมา มันสวยงามมากจริงๆ ไม่แปลกใจเลยที่มันจะดึงดูดสายตาของถังโจวโจวได้ 

 

 

“คุณอยากจะจองตั๋วเครื่องบินเองหรือจะให้ผมบอกลูซี่ให้ช่วยจองให้?” คราวนี้ลั่วเซ่าเชินรู้ทันความคิดของเธอแล้ว เขาต้องถามความคิดเห็นของถังโจวโจวก่อน แล้วจึงค่อยตัดสินใจเรื่องต่างๆ ที่จะตามมา แบบนี้จึงจะทำให้ทริปฮันนีมูนของพวกเขาไม่พบจุดจบแบบคราวก่อน 

 

 

“ฉันขอจองเองได้ไหมคะ” ถังโจวโจวไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าภายใต้มหาอำนาจของลั่วเซ่าเชินนั้น เธอจะสามารถเริ่มแสดงความคิดเห็นของเธอเองได้แล้ว วันนี้มันช่างมีแต่เรื่องน่าแปลกใจ ลั่วเซ่าเชินถามความคิดเห็นของเธอบ้างแล้ว นี่มันทำให้เธอรู้สึกเซอร์ไพรส์เป็นอย่างมาก! 

 

 

“ได้แน่นอน” เป็นเพราะเขามักจะบีบบังคับเธอมากเกินไปหรือเปล่า ถังโจวโจวถึงได้รู้สึกว่ามันไม่น่าเชื่อเมื่อเขาพูดออกมาแบบนั้น ปกติแล้วเขาก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นมั้ง? 

 

 

“เยี่ยมไปเลย! ฉันจะไปจัดการเดี๋ยวนี้แหละค่ะ ว่าแต่อีกกี่วันคุณถึงจะเคลียร์งานเสร็จคะ” ถังโจวโจวรู้สึกตื่นเต้น ตอนแรกลั่วเซ่าเชินจะให้ลูซี่เป็นคนจัดการ เธอก็เลยรู้สึกว่าเธอสูญเสียความหมายที่แท้จริงของคำว่าท่องเที่ยวไป แต่ตอนนี้เธอสามารถจัดการมันได้อย่างเต็มที่ ทำให้เธอได้เปิดทริปครั้งใหม่นี้ได้อย่างสวยงาม 

 

 

“น่าจะราวๆ อีกสี่วัน” ลั่วเซ่าเชินคำนวณคร่าวๆ ก่อนจะกำหนดเวลาออกมาให้ถังโจวโจว และเมื่อถังโจวโจวได้คำตอบ เธอก็ตั้งท่าจะวิ่งออกไปข้างนอกอย่างมีความสุข 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 211 จัดการเรื่องตั๋ว 

 

 

           “โจวโจว คุณจะไปไหนน่ะ” 

 

 

           “ก็ไปหาตั๋วไงคะ!” เขานี่ก็ถามอะไรแปลกๆ เมื่อครู่นี้ก็คุยกันแล้วไม่ใช่เหรอ เขาคงจะไม่ได้ลืมมันไปแล้วหรอกนะ? 

 

 

“ผมรู้ว่าคุณจะหาตั๋ว แต่ทำไมคุณถึงไม่หามันซะที่นี่ล่ะ” ลั่วเซ่าเชินสาวเท้าไปแค่ไม่กี่ก้าวก็ถึงตัวของถังโจวโจว 

 

 

“ตะ…แต่ว่าคุณต้องทำงานไม่ใช่หรือคะ ไม่กลัวว่าฉันจะรบกวนคุณเหรอ” ถังโจวโจวขมวดคิ้วมุ่น เธอกลับไปหาข้อมูลที่ห้องก็ได้นี่ ทำไมเธอต้องอยู่ที่นี่ด้วย? 

 

 

“ไม่สักหน่อย คุณไม่รบกวนผมหรอก คุณอยู่ที่นี่แหละ” ลั่วเซ่าเชินรีบล้มเลิกความคิดของถังโจวโจวที่เตรียมจะออกไปจากห้องหนังสือ เขาจะไปรู้สึกว่าถังโจวโจวน่ารำคาญได้อย่างไร และเมื่อมองดูท่าทางที่น่ารักของเธอ ลั่วเซ่าเชินก็รู้สึกว่าเขามีแรงจัดการกับงานต่างๆ มากขึ้นเป็นกอง 

 

 

เมื่อนึกถึงช่วงเวลาที่ดีที่เขาได้อยู่ในห้องทำงานเดียวกันกับถังโจวโจวในครั้งนั้น เขาก็รู้สึกคิดถึงมันขึ้นมาเล็กน้อย น่าเสียดายที่ช่วงเวลานั้นมันสั้นเกินไป เขาอยากจะดื่มด่ำให้มากกว่านี้ หากเขาไม่เห็นว่าถังโจวโจวดูอึดอัด ไม่เป็นตัวของตัวเอง เขาก็คงไม่ปล่อยให้เธอออกไปจากห้องทำงานอย่างง่ายดายหรอก 

 

 

“โจวโจว คุณนั่งที่โซฟานี่แหละ ผมสัญญาว่าผมจะไม่รบกวนคุณเด็ดขาด” ด้วยกลัวว่าถังโจวโจวจะเปิดปากอ้างเหตุผลอีกครั้ง ลั่วเซ่าเชินจึงยืนยันกับเธอและไม่เปิดโอกาสให้เธอหาข้อแก้ตัว 

 

 

“แปลกชะมัด” ถังโจวโจวบ่นพึมพำพลางหมุนตัว 

 

 

ลั่วเซ่าเชินได้ยิน แต่เขาก็ยังแสร้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นอยู่ดี เขาไม่อาจทำให้ถังโจวโจวรู้ได้ว่าเขาได้ยินมัน เกิดเจ้าแมวน้อยโมโหขึ้นมาอีกก็คงจะไม่ดี 

 

 

เมื่อป้าหลิวยกของว่างเข้ามาเสิร์ฟ เธอก็พบว่าลั่วเซ่าเชินนั่งอยู่ที่หน้าโต๊ะทำงาน คิ้วของเขาขมวดแน่น เขากำลังขีดเขียนอะไรบางอย่างลงไปในกระดาษในขณะที่กำลังพูดคุยโทรศัพท์อยู่กับใครสักคน เขาดูยุ่งเอามากๆ 

 

 

อีกด้านหนึ่ง ถังโจวโจวที่สวมกางเกงสีกากีและเสื้อเชิ้ตสีขาว กำลังเอนตัวนั่งอยู่บนโซฟาเดี่ยว บนโต๊ะตัวเล็กมีสมุดและปากกาอีกหนึ่งด้ามวางอยู่ เธอถือโทรศัพท์เอาไว้ในมือและขยับปากกาเขียนอะไรบางอย่างลงบนกระดาษเป็นครั้งเป็นคราว 

 

 

“คุณชายคะ กาแฟค่ะ”  

 

 

“วางไว้ตรงนี้แหละ เดี๋ยวเอานมไปให้คุณผู้หญิงนะ ของว่างก็เอาไปเสิร์ฟเธอเลย” ลั่วเซ่าเชินเอ่ยปากโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมา 

 

 

“ค่ะ” ป้าหลิววางของว่างลงตรงหน้าถังโจวโจวทีละอย่าง และเมื่อถังโจวโจวเห็นว่าป้าหลิวมา สมาธิของเธอที่จดจ่ออยู่กับโทรศัพท์ก็กลับคืนสู่สภาวะปกติ “ป้าหลิว ของว่างหรือคะ” 

 

 

“นมค่ะ คุณผู้หญิง พักทานของว่างก่อนนะคะ นี่คุณผู้หญิงกำลังทำอะไรอยู่หรือคะ” เธอมองดูสามีภรรยาคู่นี้ พวกเขาต่างยุ่งอยู่กับธุระของตัวเอง และต่างก็เป็นด้านซ้ายด้านขวาให้แก่กัน ซึ่งภาพที่เห็นนั้นทำให้เธอมีความสุขมากจริงๆ 

 

 

“อ๋อ ดูแผนการเที่ยวน่ะค่ะ” ถังโจวโจวหยิบซูปิ่ง[1]ขึ้นมากัดหนึ่งชิ้น “อื้ม อร่อยจัง ฝีมือของป้าหลิวนี่ดีขึ้นเรื่อยๆ เลยนะคะ” 

 

 

เมื่อได้ยินคำชมของถังโจวโจว ป้าหลิวก็ยิ้มเขินออกมา “คุณผู้หญิงชอบก็ดีแล้วค่ะ ในครัวยังมีอีกนะคะ เดี๋ยวฉันไปนำมาเพิ่มให้” 

 

 

“ไม่ต้องหรอกค่ะ แค่นี้ก็พอแล้ว เซ่าเชินก็ไม่ค่อยชอบกินขนมพวกนี้” ถังโจวโจวไม่อยากกินขนมมากเกินไป เพราะกลัวว่ามันจะแน่นท้องจนรู้สึกอึดอัด ของอร่อยนั้นต้องค่อยๆ กิน ค่อยๆ ลิ้มรส ถึงจะสามารถสัมผัสถึงความอร่อยที่อยู่บนปลายลิ้นได้ 

 

 

“คุณผู้หญิงคะ คุณผู้หญิงกับคุณชายจะไปเที่ยวกันหรือคะ” 

 

 

“ค่ะ จู่ๆ เซ่าเชินก็มาบอกว่าจะไปเที่ยว ฉันรีบตกลงเลยค่ะ เพราะว่าฉันเองก็ไม่ได้ออกไปเปิดหูเปิดตามานานแล้ว” ถังโจวโจวคิดไปถึงความฝันของเธอที่อยากจะเดินทางไปท่องเที่ยวรอบโลก แต่มันก็ถูกผัดวันออกไปเสมอด้วยเหตุผลต่างๆ มากมาย 

 

 

 

 

 

[1] ซูปิ่ง คือ คุกกี้ชนิดหนึ่งของจีน 

ตอนที่ 208 คำตอบที่แน่ชัด 

 

 

           ฟังหยวนวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะเบาๆ แววตาอันล้ำลึกของเขาเบนไปทางอื่น ถังโจวโจวไม่เห็นว่าสายตาของเขาล่อกแล่กอะไร ส่วนเขาเองก็นึกไม่ถึงว่าถังโจวโจวจะคิดถึงมุมนี้ด้วย เป็นเพราะครั้งก่อนที่ไปสุสาน เธอได้เห็นรูปของซูเสี่ยวอย่างนั้นหรือ 

 

 

ลมพัดผ่านมา กระโปรงของถังโจวโจวก็เผยอขึ้นตามแรงลมที่แผ่วเบา ถังโจวโจวกดกระโปรงลง ก่อนจะอธิบายกับฟังหยวนว่า “ไม่ใช่ว่าฉันไม่เคยนึกถึงหันฮุ่ยซินนะคะ แต่ว่าท่าทีของเธอมันทำให้ฉันรู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้” 

 

 

ถ้าหันฮุ่ยซินรู้ว่าลั่วอิงเป็นลูกของเธอ เธอคงจะต้องใช้ทุกวิถีทางเพื่อแย่งเซ่าเชินกลับไปแล้วสิ? เธอน่าจะประกาศสงครามเลยด้วยซ้ำ และลั่วเซ่าเชินเองก็คงจะเห็นแก่ลูก เขาจะต้องยอมตามใจเธอได้ทุกอย่าง 

 

 

ตราบใดที่ความรู้สึกของพวกเขามันยังไม่ถึงจุดจบ ถังโจวโจวเชื่อว่าทุกอย่างมันจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม และถ้ามันเป็นอย่างนั้นจริง มันก็คงไม่มีเธอเข้ามาเกี่ยวข้องอยู่จนถึงทุกวันนี้หรอก 

 

 

“อย่างนั้นหรอกเหรอ? แบบนี้นี่เอง มันเป็นสัญชาตญาณของผู้หญิงใช่ไหม” 

 

 

ฟังหยวนไม่เข้าใจ หันฮุ่ยซินเป็นไปไม่ได้ตรงไหน หากถามว่าแม่คนหนึ่งควรจะปฏิบัติกับลูกเช่นนี้หรือ บนโลกใบนี้มีคุณแม่อยู่หลายพันล้านคน มีทั้งใจดี มีทั้งเมตตา แต่ก็มีทั้งโหดร้าย มีทั้งไร้ความรู้สึก ทุกคนล้วนแตกต่างกัน แล้วถังโจวโจวจะมั่นใจได้อย่างไร 

 

 

“จะว่าอย่างนั้นก็ได้ค่ะ! ฉันแค่รู้สึกว่าหันฮุ่ยซินดูไม่เหมือนคนเป็นแม่เลยสักนิด ต่อให้เธอไม่เคยพบหน้าลั่วอิง แต่เมื่อเธอเจอลูกของเธอ เธอจะไม่แตะต้องลูกของเธอเลยได้ยังไง” ตอนที่หันฮุ่ยซินพบกับลั่วอิงเป็นครั้งแรก นอกเหนือจากความสงสัยและรู้สึกเหลือเชื่อแล้ว เธอก็ไม่มีความอบอุ่นใดๆ แสดงออกมาเลย 

 

 

“มันก็จริงอย่างที่คุณพูดนะ” แบบนี้นี่เอง แต่ฟังหยวนไม่อยากจะบอกถังโจวโจวหรอกว่า สำหรับแม่บางคน แม้ว่าลูกจะหายไปต่อหน้าต่อตา ก็เป็นไปได้ที่เธอจะไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ต่อลูกของเธอเลยสักนิด 

 

 

เขาไม่อยากจะทำลายความคิดอันแสนสวยงามของถังโจวโจว เธอไม่จำเป็นต้องแปดเปื้อนด้วยความจริงของโลกภายนอกอันแสนโสมมนี้ 

 

 

“ผมไม่แน่ใจว่าซูเสี่ยวเป็นแม่ของลั่วอิงหรือเปล่า แต่สิ่งที่ผมยืนยันได้ก็คือซูเสี่ยวกับอาเชินไม่ได้เป็นอะไรกัน โจวโจว คุณน่าจะเข้าใจผิดแล้วล่ะ” ฟังหยวนขมวดบทสรุปให้กับถังโจวโจว เขาหวังว่าเธอจะไม่ตรวจสอบเรื่องนี้อีกต่อไป 

 

 

ตอนแรกฟังหยวนก็พอจะเดาได้รางๆ ว่าลั่วอิงมีส่วนเกี่ยวข้องกับซูเสี่ยว เพราะลั่วอิงกับซูเสี่ยวนั้นมีลักษณะนิสัยคล้ายกัน โดยเฉพาะเรื่องหน้าตา หากนำรูปภาพของทั้งสองคนมาวางไว้ด้วยกัน ไม่ว่าใครก็ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าพวกเธอทั้งคู่เหมือนแม่ลูกกันจริงๆ 

 

 

บางคนอาจจะคิดว่าหน้าตาของลั่วอิงกับอาเชินนั้นคล้ายคลึงกัน ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีใครสงสัยเกี่ยวกับการปรากฏตัวของลั่วอิง 

 

 

แม้แต่คุณพ่อกับคุณแม่ลั่วเองก็เช่นกัน มิเช่นนั้นพวกเขาจะยอมรับเด็กที่ไม่ใช่สายเลือดของตระกูลลั่วอย่างง่ายดายได้อย่างไร และมันก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้น เพราะลั่วอิงยิ่งโตก็ยิ่งเหมือนลั่วเซ่าเชิน 

 

 

แต่ฟังหยวนกลับไม่คิดเช่นนั้น เขาคิดว่าลั่วอิงเหมือนกับอีกคนหนึ่งมากกว่า เพียงแต่คนทั่วไปมักจะนึกถึงลั่วเซ่าเชิน และเพราะพวกเขาเป็นพี่น้องกัน ดังนั้นเรื่องนี้จึงดูไม่มีข้อกังขา 

 

 

ฟังหยวนยังไม่พร้อมบอกถังโจวโจวว่าเขาคิดอย่างไร เพียงเพราะไม่ต้องการจะสร้างปัญหาเพิ่มก็เท่านั้น 

 

 

“จริงหรือคะ” เมื่อถังโจวโจวได้ยินน้ำเสียงและเห็นแววตาที่แน่วแน่ของฟังหยวน ความเชื่อมั่นที่อยู่ในใจของเธอก็สั่นคลอน เป็นเพราะว่าเธอไม่อยากเชื่อในตอนแรก ดังนั้น เธอจึงรู้สึกว่าฟังหยวนพูดเรื่องจริงได้อย่างง่ายดาย 

 

 

“ก็จริงน่ะสิ ผมจะหลอกคุณได้เหรอ” ฟังหยวนไม่อยากจะนึกถึงเรื่องใดและไม่อยากสนทนาเรื่องที่เกี่ยวข้องกับซูเสี่ยวอีกต่อไปแล้ว มันเป็นความทรงจำที่หนักหน่วงสำหรับเขา 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 209 ความทรงจำของฟังหยวน 

 

 

           เมื่อตอนที่ยังเป็นเด็ก ทุกอย่างนั้นสวยงามมาก ไม่ว่าจะร้องรำทำเพลง หรืออยากจะทำอะไรก็ตามแต่ เราสามารถทำได้ทุกอย่างตามใจนึก ไม่มีใครมาห้าม มีแต่คนคอยสนับสนุนให้คุณทำต่อไป แต่น่าเสียดายเมื่อความรักค่อยๆ คืบคลานเข้ามา มันกลับทิ้งร่องรอยที่ไม่อาจลบเลือนไปได้ไว้ในใจของคุณ 

 

 

           แม้ฟังหยวนจะพูดว่าไม่อยากคิดถึงเรื่องนี้ แต่เขาก็ไม่สามารถควบคุมความทรงจำของเขาได้ หากเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับซูเสี่ยวแล้ว คนที่รู้จักเขาจะรู้ดีว่าเธอเป็นข้อห้ามที่ไม่อาจแตะต้องได้ 

 

 

           แม้ว่าเขาจะฉีกยิ้มมากเพียงใด แต่ภายในใจก็ยังคงมีแต่ความเจ็บปวด คนที่เขารักมากที่สุดกลับทิ้งเขาไปและเลือกชายอื่น สุดท้ายเขาก็ทำได้แค่เพียงอวยพรพวกเขา เพราะผู้ชายคนนั้นที่เธอเลือกคือพี่น้องที่ดีที่สุดของเขา 

 

 

           ฟังหยวนนึกถึงรอยยิ้มอันแสนสวยงามของซูเสี่ยว แววตาและท่าทางที่ไม่ย่อท้อต่อความยากลำบาก ราวกับว่าความยากลำบากบนโลกใบนี้ไม่สามารถทำอะไรเธอได้ เธอเอาชนะมันด้วยความเมตตาและความงามของเธอ 

 

 

“ฟังหยวน ฟังหยวน คิดอะไรอยู่หรือคะ” ถังโจวโจวเห็นว่าฟังหยวนเอาแต่เหม่อมองดูผู้คนที่กำลังเดินผ่านไปผ่านมาอยู่บนถนน เธอเรียกเขาก็ไม่ตอบ นี่มันเกิดอะไรขึ้น? เธอคงไม่ได้สะกิดต่อมเศร้าของเขาเข้าแล้วหรอกนะ? 

 

 

ถังโจวโจวคาดเดาต่อไปอีก ซูเสี่ยวคงจะไม่ใช่คนรักของฟังหยวนใช่ไหม? ถังโจวโจวยังจำได้ดีว่าตอนที่เธอได้พบกับฟังหยวนเป็นครั้งแรก ฟังหยวนก็ต้องการให้เธอมาเป็นคนรักของเขา และเหตุผลนั้นก็คือเธอคล้ายคลึงกับคนรักเก่าของเขา 

 

 

ถังโจวโจวเปรียบเทียบตัวเองกับซูเสี่ยว แต่ก็ยังไม่เห็นความคล้ายคลึงใดๆ เลย นอกจากจะมีแค่รอยยิ้มของเธอคนนั้นที่เหมือนกัน 

 

 

“ไม่มีอะไร ผมแค่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยน่ะ โจวโจว แล้วที่คุณถามซะละเอียดขนาดนี้ เป็นเพราะคุณไม่อยากจะเชื่ออาเชินใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นคุณก็ย้ายมาอยู่กับผมสิ ผมรับรองได้เลยว่าผมจะดูแลคุณเป็นอย่างดี” ฟังหยวนทำทีเป็นพูดติดตลก 

 

 

“คุณนี่พูดเลอะเทอะอีกแล้วนะคะ” ถังโจวโจวไม่ได้เก็บเอาคำพูดของเขามาใส่ใจ เพราะไม่ว่าอย่างไรฟังหยวนก็มักจะพูดอะไรทำนองนี้กับเธอบ่อยๆ อยู่แล้ว มิน่าล่ะ เซ่าเชินถึงอยากจะสั่งสอนเขา เพราะว่าปากของเขาชวนหาเรื่องเก่งมากจริงๆ 

 

 

“ใช่… ใช่ๆ ผมพูดเลอะเทอะเองแหละ” ฟังหยวนพูดเออออไปตามน้ำ 

 

 

ถังโจวโจวได้ยินความผิดปกติในน้ำเสียงของเขา แต่เธอก็มองข้ามมันไป ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากจะปลอบใจฟังหยวน เพียงแต่เธอรู้ดีว่าถ้าเธอให้ความหวังกับเขา เขาก็จะติดอยู่ในนั้นตลอดไป ไม่สามารถดึงตัวเองออกมาได้ วิธีที่ดีที่สุดก็คือการลืม ทำเป็นไม่รู้เรื่องจะดีกว่า แล้วทุกอย่างก็จะค่อยๆ ดีขึ้นเอง 

 

 

“ฟังหยวน ฉันเชื่อในสิ่งที่คุณพูดนะคะ แต่ฉันก็ยังอยากจะขอร้องคุณให้ช่วยตรวจสอบให้หน่อย ลั่วอิงอยากพบแม่แท้ๆ ของเธอ มันเป็นสิ่งที่เธอต้องการมาโดยตลอด ในฐานะที่คุณเป็นคุณลุงฟังของเธอ คุณคงจะไม่ใจจืดใจดำ ไม่เต็มใจช่วยแม้แต่เรื่องเล็กๆ แบบนี้ใช่ไหมคะ” 

 

 

“ครับ” ฟังหยวนตอบอย่างยินดี แม้ว่าเธอจะไม่ยกลั่วอิงขึ้นมาอ้าง แต่เพื่อเห็นแก่ถังโจวโจว ฟังหยวนก็จะทำเช่นนี้ เพียงแต่เขาไม่รู้ว่าโจวโจวจะยอมรับผลลัพธ์ที่ตามมาภายหลังได้หรือไม่? 

 

 

“ถ้าอย่างนั้นฉันจะรอฟังข่าวจากคุณนะคะ” 

 

 

ถังโจวโจวยกแก้วขึ้นมา ฟังหยวนมองดูพฤติกรรมที่ผิดไปจากปกติของเธอ ก่อนจะถามอย่างขำขันว่า “นี่คุณจะชนแก้วกับผมเหรอ” 

 

 

รอยยิ้มของถังโจวโจวค้างไป “คุณพูดอะไรน่ะ ฉันจะทำเรื่องแบบนั้นไปทำไม” พอเธอลนลานแล้วสติก็กระเจิดกระเจิง โชคดีที่ฟังหยวนไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยอะไร ถังโจวโจวคิดว่าวันนี้ใบหน้าของเธอแตกจนเกือบจะหมดแล้ว 

 

 

หลังจากดื่มกาแฟหมด ถังโจวโจวก็ปฏิเสธความหวังดีของฟังหยวนที่อยากจะไปส่งเธอที่บ้าน ครั้งก่อนก็ทำให้ลั่วเซ่าเชินหงุดหงิดมากพอแล้ว อย่าเพิ่งให้พวกเขาสองคนเจอกันเลยดีกว่า จะได้ไม่เกิดปัญหาอื่นๆ ตามมาอีก 

 

 

ถังโจวโจวไม่อาจรับมือกับโทสะของลั่วเซ่าเชินได้อีก และเธอก็ไม่อยากให้ลั่วเซ่าเชินโกรธอีกแล้ว แต่เธอก็ไม่อยากให้ฟังหยวนเศร้าใจ แค่เพราะเรื่องของเธอ มันจำเป็นด้วยหรือที่จะต้องทำให้ความสัมพันธ์ประหนึ่งพี่น้องนี้ยิ่งจืดจางลงเรื่อยๆ น่ะ? คนเรากว่าจะหาคนที่รู้ใจกันได้สักคนมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย 

ตอนที่ 206 คาดเดา 

 

 

           เมื่อถังโจวโจวแต่งตัวให้ลั่วอิงเรียบร้อยแล้ว ก็อุ้มเธอออกมาจากห้องน้ำและวางเธอลงบนเตียง “รีบมุดเข้าไปในผ้าห่มเลยค่ะ ระวังจะหนาวเอา” 

 

 

“แม่โจวโจวขา คุณแม่อย่าบอกคุณพ่อนะคะว่าหนูเร่งคุณแม่ เดี๋ยวคุณพ่อจะว่าหนู” 

 

 

เมื่อเห็นว่าลั่วอิงยังรู้จักบอกให้เธอเก็บเป็นความลับ ถังโจวโจวก็รู้สึกว่าเด็กๆ นั้นช่างมีด้านที่แตกต่างออกไป ซึ่งนั่นมักจะทำให้เธอประหลาดใจ 

 

 

“ค่ะ แม่โจวโจวสัญญา แล้วหนูก็ไม่ต้องรบเร้าคุณแม่แล้วนะคะ ถึงเวลาเดี๋ยวน้องๆ ก็มาเอง แล้วหนูก็จะได้เป็นพี่ใหญ่แน่ๆ ค่ะ” ถังโจวโจวสงบนิ่งลงไปมาก ดูเหมือนว่าเมื่อก่อนเธออยากจะรีบมีลูก แต่ตอนนี้กลับไม่คิดอย่างนั้นแล้ว 

 

 

มันก็เหมือนกับที่ลั่วเซ่าเชินพูดกับเธอตั้งแต่แรก ตอนนี้พวกเขามีสมบัติล้ำค่าอย่างลั่วอิงอยู่แล้วทั้งคน ซึ่งนั่นมันก็เพียงพอแล้ว ถังโจวโจวมองดูลั่วอิงที่นอนเอนตัวอยู่ตรงหน้า ทันใดนั้น เธอก็นึกถึงใบหน้าของผู้หญิงคนหนึ่งในรูปที่สุสานที่ลั่วเซ่าเชินพาเธอไป หน้าตาของผู้หญิงคนนั้นดูเหมือนลั่วอิงอยู่เหมือนกัน? 

 

 

ไม่สิ ควรจะพูดว่า ลั่วอิงดูเหมือนเธอ เธอคงไม่ใช่แม่แท้ๆ ของลั่วอิงหรอกใช่ไหม? แต่มันคงเป็นไปไม่ได้หรอก ซูเสี่ยวเป็นแฟนของพี่ใหญ่ไม่ใช่หรือ แล้วเธอจะมีอะไรกับลั่วเซ่าเชินได้อย่างไร ถังโจวโจวรู้สึกว่าตัวเองชักจะเพี้ยนไปกันใหญ่ ถึงได้คิดเลยเถิดไปถึงขั้นนั้นได้ 

 

 

แต่ลึกๆ ถังโจวโจวก็ยังคงสงสัยและแอบเก็บเรื่องนี้ไว้ในใจ เมื่อเธอสบโอกาส เธอค่อยสืบหาความจริงอีกทีแล้วกัน ตั้งแต่มีความคิดนี้ผุดขึ้นมา ถังโจวโจวก็มักจะเปรียบเทียบใบหน้าของลั่วอิงกับรูปภาพของซูเสี่ยวในความทรงจำอยู่เสมอ ยิ่งเธอนึกถึงมากเท่าไร เธอก็ยิ่งรู้ว่าทั้งสองคนเหมือนกันมากเท่านั้น 

 

 

ถังโจวโจวทุบศีรษะเบาๆ ทำไมก่อนหน้านี้เธอถึงคิดไม่ได้นะ? ตอนนี้เธอไม่มีรูปของซูเสี่ยวด้วย และนี่มันก็เป็นแค่การคาดเดาของเธอ อัตราความเป็นจริงไม่ได้สูงมากนัก ถังโจวโจวมั่นใจมากว่าลั่วเซ่าเชินจะไม่แตะต้องพี่สะใภ้อย่างแน่นอน ดังนั้นสมมติฐานของเธอจึงไม่สมเหตุสมผล 

 

 

เป็นเพราะถังโจวโจวกำลังหมกมุ่นอยู่กับความคิดที่ผุดขึ้นมาอย่างกะทันหัน เมื่อลั่วอิงเห็นถังโจวโจวยืนเหม่ออยู่ข้างเตียง เธอจึงถามขึ้นว่า “แม่โจวโจวเป็นอะไรไปคะ” 

 

 

“อ๊ะ?! เปล่าจ้ะ ไม่มีอะไร แม่โจวโจวไปอาบน้ำก่อนนะคะ” ความคิดในใจของถังโจวโจวตอนนี้มันเป็นแค่การคาดเดา มันยังไม่ได้รับการยืนยัน เธอจึงยังไม่กล้าเอ่ยปากกับลั่วอิง หากเธอทำให้ลั่วอิงสะเทือนใจขึ้นมาก็คงจะไม่ดี 

 

 

ถังโจวโจวหยิบเสื้อผ้าและเดินเข้าไปในห้องน้ำ ในขณะที่เธออาบน้ำอยู่ เธอก็ยังคงนึกถึงประเด็นนั้น ถังโจวโจวคิดว่าจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากใครบางคน หากเรื่องนี้ยังค้างคาอยู่ในหัวของเธอ เธอคงจะนอนไม่หลับหรือหลับไม่สนิทเป็นแน่ 

 

 

หลังจากอาบน้ำเสร็จ ถังโจวโจวก็สอดตัวเข้าไปในผ้าห่มและกอดลั่วอิงเอาไว้ “แม่โจวโจวขา คุณแม่ไม่ได้เล่านิทานให้หนูฟังมานานแล้ว” 

 

 

“จ้ะ ถ้าอย่างนั้นวันนี้แม่โจวโจวจะเล่าเรื่องเจ้ากระรอกน้อยให้หนูฟังดีไหมคะ” 

 

 

ลั่วอิงพยักหน้า ถังโจวโจวเอื้อมมือไปหยิบหนังสือนิทานที่วางอยู่บนหัวเตียง แม้ว่าที่นี่เป็นห้องของเธอ แต่ถังโจวโจวก็มีหนังสือเด็กวางไว้แถวๆ นี้หนึ่งเล่ม เผื่อในกรณีที่ลั่วอิงมานอนด้วยแล้วอยากฟังนิทานแต่เธอเล่าไม่ออก 

 

 

น้ำเสียงนุ่มนวลของถังโจวโจวดังขึ้นภายในห้อง ลั่วอิงผล็อยหลับไปหลังจากฟังนิทานได้ไม่นาน เมื่อเธอเล่านิทานจบ ถังโจวโจวก็พบว่าลั่วอิงหลับไปแล้ว เธอค่อยๆ ดึงมือของตัวเองออกมาอย่างเบามือ ก่อนจะวางหนังสือนิทานกลับที่เดิม 

 

 

เธอปิดไฟดวงใหญ่ในห้องและเหลือทิ้งไว้เพียงโคมไฟดวงเล็กสีส้มนวลที่อยู่ทางฝั่งเธอ ซึ่งเธอตั้งใจเปิดไว้ให้ลั่วเซ่าเชินโดยเฉพาะ ถังโจวโจวหาวหวอดใหญ่ เธอเองก็เริ่มรู้สึกง่วงแล้วเหมือนกัน เธอจึงเลื่อนตัวเข้าไปในผ้าห่มและโอบกอดลั่วอิงเอาไว้อีกครั้ง ก่อนจะผล็อยหลับตามไป 

 

 

เมื่อลั่วเซ่าเชินเปิดประตูเข้ามา ถังโจวโจวกับลั่วอิงก็หลับสนิทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขาลดน้ำหนักฝีเท้าลง เขาอาบน้ำมาเรียบร้อยแล้วก่อนจะมาที่ห้องนี้ ดังนั้นลั่วเซ่าเชินจึงซุกตัวเข้าไปในผ้าห่มและวาดแขนโอบทั้งถังโจวโจวและลั่วอิงเข้ามาไว้ในอ้อมแขนของเขาอย่างอ่อนโยน 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 207 ถามฟังหยวน 

 

 

           ถังโจวโจวมีข้อสงสัยเกี่ยวกับชาติกำเนิดของลั่วอิง หากเธอเดินเข้าไปขอคำตอบจากลั่วเซ่าเชิน เธอคงจะไม่ได้ความจริง ถังโจวโจวจึงนึกถึงคนคนหนึ่ง…ฟังหยวน เขาคงจะพอรู้อะไรอยู่บ้าง 

 

 

           แค่เธอคิดว่าจะทำ เธอก็ทำเลย ถังโจวโจวนัดฟังหยวนออกมาเจอกันที่ร้านกาแฟในวันนี้ ถังโจวโจวมาถึงก่อน เธอจึงสั่งนมสดและนั่งอยู่ใต้ชายคาหน้าร้าน พร้อมกับดื่มด่ำแสงแดดและความเงียบสงบ 

 

 

“มาแล้วหรือคะ!” ถังโจวโจวมองฟังหยวน ก่อนจะมองไปที่รถเฟอร์รารีสีแดงคันโก้คันนั้น เธออยากจะทำเป็นไม่รู้จักเขาเสียจริงๆ โตจนป่านนี้แล้วยังจะขับรถแสดงฐานะไปเพื่ออะไร แต่จะว่าไปแล้ว ลั่วเซ่าเชินเองก็น่าจะคอเดียวกันกับฟังหยวนในเรื่องนี้! 

 

 

เพียงแต่วันนี้ถังโจวโจวนัดฟังหยวนออกมาเพื่อขอความช่วยเหลือ เธอจะทำเหมือนเขาเป็นคนแปลกหน้าได้อย่างไร เดี๋ยวเขาเกิดไม่ให้ความร่วมมือกับเธอแล้วจะทำอย่างไร 

 

 

“โจวโจว มีธุระอะไรเหรอ” ถังโจวโจวโทรศัพท์มากะทันหันบอกเขาว่าเธออยากเจอเขา แต่เธอก็ไม่ได้ให้เหตุผลอะไร ด้วยนิสัยของถังโจวโจว หากไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไร เธอก็คงไม่อยากพบเขาหรอก 

 

 

ฟังหยวนเข้าใจดี และเป็นเพราะเข้าใจเขาจึงรู้สึกเศร้านิดหน่อย เมื่อไรเขาถึงจะได้รับความสนใจจากเธอ เมื่อไรเธอจะเลิกสนใจแต่อาเชินและหันมาสนใจเขาเพียงคนเดียว ฟังหยวนไม่รู้ว่าจะยังรอคอยได้ถึงวันนั้นไหม 

 

 

พนักงานเสิร์ฟเดินเข้ามาสอบถาม “ไม่ทราบว่าคุณผู้ชายจะรับเครื่องดื่มอะไรดีคะ” 

 

 

“บลูเมาต์เทนแก้วหนึ่งครับ ขอบคุณ” 

 

 

“ได้ค่ะ รอสักครู่นะคะ ฉันจะรีบนำมาเสิร์ฟให้” ถังโจวโจวมองดูท่าทีที่แตกต่างไปของพนักงานคนนั้น แม้ว่าเมื่อครู่เธอก็พูดกับถังโจวโจวอย่างสุภาพ แต่เมื่อเทียบกับฟังหยวนแล้ว น้ำเสียงของเธอกลับนุ่มนวลยิ่งกว่าอย่างชัดเจน นี่เป็นเพราะรูปร่างหน้าตาของชายหนุ่มที่มีเสน่ห์เหลือร้ายสินะ? 

 

 

ถังโจวโจวรู้สึกว่าตั้งแต่ฟังหยวนมานั่งตรงนี้ เธอถูกผู้หญิงรอบตัวมองมาด้วยสายตาอาฆาต ทำเอาเธอเริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมาแล้วจริงๆ! 

 

 

เมื่อพนักงานนำเครื่องดื่มมาเสิร์ฟให้แล้ว เดิมทีเธอควรจะถอยออกไป แต่เธอกลับยืนยิ้มถามฟังหยวนอีกครั้งหนึ่งว่า “คุณผู้ชายจะรับอะไรเพิ่มไหมคะ” 

 

 

“ไม่ครับ” ตอนนี้ฟังหยวนไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่อยากจะโปรยเสน่ห์ใส่พนักงานเสิร์ฟแสนสวย ในเมื่อถังโจวโจวยังอยู่ตรงนี้ต่อหน้าเขา เขาจะรนหาที่ได้อย่างไร 

 

 

เมื่อเห็นว่าคนที่ยืนขวางหูขวางตาจากไปแล้ว ถังโจวโจวก็อยากจะหยอกล้อฟังหยวนสักหน่อย แต่เมื่อเธอนึกถึงธุระของตัวเอง เธอก็เก็บคำหยอกล้อนั้นไว้ในใจ 

 

 

“ฟังหยวน คุณคงจะรู้จักคุณซูเสี่ยวใช่ไหมคะ” ถังโจวโจวจำได้ว่าเธอได้พบกับฟังหยวนที่สุสานเมื่อครั้งก่อน และต่อมาเธอก็ได้ยินลั่วเซ่าเชินบอกว่าวันนั้นเป็นวันครบรอบที่พี่ใหญ่จากไป ในขณะเดียวกันมันก็เป็นวันครบรอบของซูเสี่ยวเช่นกัน ซูเสี่ยวได้จากโลกนี้ไปหลังจากที่ลั่วเซ่าอวี๋จากไปได้หนึ่งปี 

 

 

ถังโจวโจวไม่คิดว่าเธอจะได้พบกับฟังหยวนที่สุสานโดยบังเอิญ และวันนั้นก็เป็นวันครบรอบของลั่วเซ่าอวี๋พอดี ซูเสี่ยวมีฐานะเป็นแฟนสาวของลั่วเซ่าอวี๋ ดังนั้น เธอก็น่าจะรู้จักกับพี่น้องของเขาสิ และด้วยเหตุนี้เอง ถังโจวโจวจึงมาหาฟังหยวน 

 

 

“ใช่ ผมรู้จักเธอ เธอเป็นแฟนของเซ่าอวี๋ ทำไมจู่ๆ คุณถึงถามถึงเรื่องนี้ล่ะ” มือของฟังหยวนที่ถือแก้วกาแฟอยู่ชะงักไป เขาไม่ได้ยินชื่อนี้มานานแล้ว ราวกับว่าเธอได้หายตัวไปจากโลกของเขาโดยสิ้นเชิง แต่เมื่อเขาได้ยินชื่อนี้อีกครั้ง หัวใจของเขาก็พลันเจ็บปวดขึ้นมาทันที 

 

 

“ฟังหยวน ฉันอยากให้คุณช่วยนึกสักหน่อยว่ามีความเป็นไปได้ไหมที่ลั่วอิงจะเป็นลูกของซูเสี่ยว?” ถังโจวโจวรู้ว่าการคาดเดานี้มันไร้สาระ แต่เธอก็ไม่อาจกำจัดมันออกไปจากสมองได้ 

 

 

ฟังหยวนที่หมายจะดื่มกาแฟ กลับตกตะลึงไปกับคำถามที่ถังโจวโจวถามขึ้นมาอย่างกะทันหัน “คุณ…ทำไมคุณถึงคิดอย่างนั้นล่ะ ซูเสี่ยวกับอาเชินไม่ได้เป็นอะไรกัน ถ้าคุณจะสงสัย คุณควรจะสงสัยหันฮุ่ยซินไม่ใช่เหรอ” 

ตอนที่ 204 เจรจาเรียบร้อยแล้ว 

 

 

           ลั่วเซ่าเชินพาลั่วอิงกลับไปที่ห้องนอนใหญ่ เมื่อถังโจวโจวเห็นว่าลั่วอิงมาด้วย เธอจึงเอ่ยเรียก “ลั่วอิง มาหาแม่โจวโจวเร็วค่ะ” 

 

 

           “แม่โจวโจวขา คุณพ่อบอกให้หนูนอนกับคุณแม่ได้” หลังจากได้ยินเช่นนั้น ถังโจวโจวก็หันมองลั่วเซ่าเชินด้วยความประหลาดใจ เขาไม่ได้เป็นคนที่ใจกว้างขนาดนี้นี่ เมื่อวานเขายังคิดว่าลั่วอิงมาขวางทางเขาอยู่เลยไม่ใช่หรือ อยู่ๆ ทำไมวันนี้ถึงเปลี่ยนไปแล้วล่ะ 

 

 

“จริงหรือคะ! แม่โจวโจวเองก็ดีใจที่หนูมานอนด้วยนะ แล้วนี่ป้าหลิวอาบน้ำให้หนูหรือยังคะ” ถังโจวโจวถามเนื่องจากเห็นว่าลั่วอิงยังไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้า 

 

 

“ยังเลยค่ะ แม่โจวโจว หนูรอให้คุณแม่อาบให้!” ลั่วอิงเอนซบอยู่ในอ้อมแขนของถังโจวโจว ถังโจวโจวก็ลูบศีรษะของเธอ 

 

 

“โอเคค่ะ เดี๋ยวแม่โจวโจวไปหยิบชุดมาให้นะคะ จะได้มาอาบน้ำให้หนู” 

 

 

เมื่อหยิบเสื้อผ้ามาแล้ว เธอก็พาลั่วอิงเข้าไปในห้องน้ำ อ่างอาบน้ำเติมน้ำเต็มแล้ว ถังโจวโจวทดสอบอุณหภูมิแล้วก็พูดขึ้นว่า “รีบเข้าไปสิคะ ไม่ร้อนมากแล้ว” ลั่วอิงปลดกระดุมเสื้อ แต่เมื่อถังโจวโจวเห็นว่าเธอค่อนข้างช้าจึงเข้าไปช่วย 

 

 

เพียงไม่นาน กระดุมบนเสื้อก็ถูกปลดออกจนหมด ถังโจวโจวปล่อยให้ลั่วอิงก้าวเข้าไปในอ่างอาบน้ำซึ่งด้านบนของผิวน้ำมีฟองสบู่สีใสลอยอยู่ ลั่วอิงทิ้งตัวลงไปในอ่างอาบน้ำและถูกรายล้อมไปด้วยฟองสบู่ เธอใช้มือตักฟองสบู่ขึ้นมาก้อนหนึ่ง ก่อนจะเป่ามันไปยังทิศทางที่ถังโจวโจวอยู่ 

 

 

ถังโจวโจวโยกศีรษะหลบ “ลั่วอิง อย่าเล่นเลอะเทอะสิคะ!” ถังโจวโจวกำลังจะชโลมครีมอาบน้ำลงบนร่างกายของเธอ แต่เมื่อเห็นเธอเป่าฟองสบู่ใส่ ถังโจวโจวจึงรีบถูเข้าที่รักแร้ของเธอทันที 

 

 

“แม่โจวโจวขา ปล่อยหนูก่อนค่ะ มันจักจี้! ฮ่าๆ…” 

 

 

“ยังจะแกล้งแม่อยู่อีกไหมคะ” ถังโจวโจวหยุดมือและเอ่ยถาม 

 

 

“ไม่แล้วค่ะ ไม่แกล้งแล้ว” ภายในห้องน้ำเงียบเสียงลงไปชั่วขณะ ถังโจวโจวช่วยอาบน้ำให้ลั่วอิงอย่างขยันขันแข็ง ลั่วอิงเองก็เชื่อฟังเป็นอย่างดี จะให้เธอยืน เธอก็ยืน จะให้เธอนั่งลง เธอก็นั่ง 

 

 

“แม่โจวโจวขา คุณแม่จะออกไปเที่ยวกับคุณพ่อใช่ไหมคะ” ถังโจวโจวกำลังใช้ฝักบัวล้างตัวให้ลั่วอิง เธอแช่ตัวพอประมาณแล้ว หากแช่ต่อไปน้ำเย็นลงจะหนาวเอาได้ 

 

 

“คุณพ่อบอกหนูแล้วหรือคะ” เซ่าเชินนี่ว่องไวจริงๆ ยังไม่ทันได้กำหนดวัน เขาก็บอกลั่วอิงแล้ว 

 

 

“ค่ะ คุณแม่กับคุณพ่อจะไปที่ไหนกันคะ” เมื่อเห็นแววตาคาดหวังของลั่วอิง ถังโจวโจวก็นึกว่าเธออยากจะไปด้วย 

 

 

“ยังไม่ได้ตัดสินใจเลยค่ะ ลั่วอิงอยากไปที่ไหนคะ” 

 

 

“ทำไมคุณแม่ถึงถามหนูล่ะคะ” ลั่วอิงรู้สึกประหลาดใจเมื่อได้ยินถังโจวโจวย้อนมาถามเธอ เธอยังไม่ได้บอกเลยนะว่าเธออยากไป หรือว่าแม่โจวโจวสงสัยอะไร? แย่แล้ว! ภารกิจที่คุณพ่อให้เธอทำ แผนคงจะไม่พังเสียตอนนี้หรอกใช่ไหม? 

 

 

“หนูเองก็อยากไปไม่ใช่เหรอ หนูอยากไปที่ไหนคะ เดี๋ยวแม่โจวโจวลองเสนอคุณพ่อให้ ให้คุณพ่อพิจารณาดูอีกที” ถังโจวโจวคิดว่าถ้าไปเที่ยวด้วยกันทั้งครอบครัวมันก็ดีเหมือนกัน ระหว่างทางเราจะได้เห็นพัฒนาการของลั่วอิงด้วย 

 

 

“หนูไม่ไปค่ะ แม่โจวโจว นี่เป็นทริปของคุณแม่กับคุณพ่อ หนูไม่ไปเกะกะหรอกค่ะ” ท่าทางมุ่งมั่นแต่น้ำเสียงทะเล้นของลั่วอิงทำให้ถังโจวโจวหมั่นเขี้ยวเสียจนอยากจะหยิก เธออยากจะรู้ว่าทำไมดวงหน้าเล็กๆ ของลั่วอิงถึงแสดงอารมณ์ออกมาได้มากมายขนาดนี้ 

 

 

“ทำไมหนูถึงไม่ไปล่ะคะ คุณพ่อพูดอะไรกับหนูหรือเปล่า” ถังโจวโจวคิดว่าลั่วเซ่าเชินน่าจะไปพูดอะไรบางอย่างกับลั่วอิง เธอถึงได้พูดออกมาแบบนี้ มิฉะนั้นเด็กตัวแค่นี้มีหรือจะไม่อยากไปเที่ยวกับพ่อแม่? นี่มันดูไม่สมเหตุสมผลเลย ผิดปกติมาก 

 

 

เมื่อลั่วอิงเห็นว่าถังโจวโจวพุ่งประเด็นไปที่ลั่วเซ่าเชิน เธอก็รีบอธิบายให้ฟังทันที “หนูไม่อยากไปจริงๆ ค่ะ แม่โจวโจว หนูอยากให้คุณแม่กับคุณพ่อมีน้องชายให้หนู เพราะฉะนั้นหนูจะไม่ไปรบกวนคุณพ่อกับคุณแม่ค่ะ” 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 205 อยากมีน้องชายน้องสาว 

 

 

           “ที่แท้หนูก็ยังคงคิดถึงน้องชายตัวน้อยของหนูอยู่นี่เอง” ดูเหมือนว่ามันจะผ่านมานานแล้วตั้งแต่ที่ลูกของเธอจากไป ถังโจวโจวเพิ่งจะเข้าใจว่าเวลานั้นสามารถช่วยเยียวยาความเจ็บปวดได้จริงๆ แม้ในตอนนั้นเธอเสียใจมากจนอยากจะลาโลกนี้ไปพร้อมๆ กับลูกของเธอ แต่ตอนนี้เธอก็คิดได้แล้วว่านั่นเป็นเพียงประสบการณ์หนึ่งในชีวิตของเธอเท่านั้น 

 

 

           เด็กน้อยคนนั้นคงจะไม่มีวาสนาต่อเธอและลั่วเซ่าเชิน อีกอย่างเรื่องนี้เธอก็ไม่สามารถควบคุมอะไรได้ ใช่ว่าถังโจวโจวไม่อยากจะมีลูกอีกคน แต่ลั่วเซ่าเชินกลับไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้อีกเลย ถังโจวโจวเคยคิดจะเปิดปากพูดเรื่องนี้อยู่หลายครั้ง แต่ก็ด้วยเหตุผลมากมายที่ทำให้เธอตัดสินใจไม่ได้พูดมันออกมา 

 

 

“แม่โจวโจวขา หนูรู้ว่าคุณแม่ยังคิดถึงน้องชายอยู่ หนูเองก็คิดถึงเขาเหมือนกันค่ะ หนูก็เลยคิดว่าถ้าคุณแม่มีน้องอีกสักคน ก็อาจจะเป็นน้องชายคนเดิมกลับมาก็ได้นะคะ” 

 

 

ลั่วอิงขาดเพื่อนเล่น เพื่อนๆ คนอื่นก็เป็นแค่เพื่อน เธออยากมีน้องชายหรือน้องสาวใกล้ชิดสักคน เวลาที่เธออยู่บ้าน เธอจะได้ไม่เหงา แล้วหากต่อๆ ไปถังโจวโจวและลั่วเซ่าเชินจะออกไปข้างนอกกันตามลำพังอีก เธอก็จะได้อยู่กับน้องของเธอ แค่นี้เธอก็จะไม่คิดถึงคุณพ่อคุณแม่แล้ว 

 

 

“หนูได้พูดเรื่องนี้กับคุณพ่อไหมคะ” 

 

 

“พูดค่ะ แต่คุณพ่อบอกว่าเรื่องนี้น่าจะยาก แม่โจวโจวขา คุณพ่อหลอกหนูใช่ไหมคะ บ้านของเพื่อนๆ หนูไม่เห็นเป็นอย่างนี้เลย” ลั่วอิงคิดว่าลั่วเซ่าเชินหลอกเธอ ดังนั้นเธอจึงต้องการคำยืนยันจากถังโจวโจวอีกคนหนึ่ง 

 

 

“ทำไมหนูถึงคิดว่าคุณพ่อโกหกหนูล่ะคะ” ถังโจวโจวประหลาดใจเป็นอย่างมาก จริงๆ ลั่วเซ่าเชินก็พูดถูกแล้ว เด็กจะมาเร็วขนาดนั้นได้อย่างไร พวกเขาไปเพียงไม่กี่วัน ไม่ได้ไปเป็นปีสองปี แล้วจะเป็นไปได้หรือที่พวกเขาจะมีน้องชายหรือน้องสาวให้ลั่วอิงทันทีหลังจากพวกเขากลับมา 

 

 

ถังโจวโจวจินตนาการได้เลยว่า ลั่วเซ่าเชินจะต้องปวดหัวมากแน่ๆ หากเขาได้ยินความคิดที่ไร้เดียงสานี้ของลั่วอิง จู่ๆ เธอก็อยากมีน้องชายน้องสาว มันจะง่ายดายอย่างนั้นที่ไหนล่ะ 

 

 

“เพราะแค่เดี๋ยวเดียวเพื่อนๆ ของหนูก็มีน้องชายน้องสาวกันแล้ว หนูเองก็อยากมีเหมือนกันค่ะ” ลั่วอิงเอ่ยด้วยความเศร้าใจ เธอรอมานานแล้ว แต่น้องชายกับน้องสาวของเธอก็ยังไม่มาสักที 

 

 

“ที่แท้หนูก็อยากมีน้องชายหรือน้องสาวเพราะเพื่อนๆ ของหนูมีแล้วนี่เอง น้องๆ ไม่ใช่ของเล่นนะคะ พวกเขายังต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด แล้วถ้าวันไหนน้องร้องไห้เสียงดัง หนูก็จะไม่ชอบน้องแล้วหรือเปล่าคะ” 

 

 

ถังโจวโจวได้ยินลั่วอิงที่พูดราวกับว่าน้องๆ เป็นของเล่น นึกจะได้ก็ต้องได้เลย แล้วหากวันหนึ่งเธอนึกไม่ชอบเขาขึ้นมา เธอรู้สึกรำคาญ ถ้าเธอนึกอยากจะทิ้ง เธอก็จะทิ้งไปเลยหรือ? เมื่อถังโจวโจคิดว่าเรื่องแบบนี้มันสามารถเกิดขึ้นได้ เธอก็รู้สึกหวั่นใจขึ้นมา 

 

 

“ไม่ค่ะ ไม่ แม่โจวโจว หนูจะรักน้อง หนูจะเป็นพี่ใหญ่ที่ดี หนูจะแบ่งของกินและของเล่นให้น้องด้วย คุณแม่ว่าดีไหมคะ” 

 

 

ลั่วอิงคิดว่าหากเธอมีน้องชายหรือน้องสาว เธอจะแบ่งทั้งขนมแสนอร่อยและของเล่นแสนสนุกของเธอให้กับเขาทั้งหมด เธอจะทำหน้าที่พี่สาวที่แสนดีอย่างเต็มความสามารถ 

 

 

“อย่างนั้นหรือคะ หนูยอมได้หรือ ในเมื่อของเล่นพวกนั้นเป็นของหนูคนเดียวมาก่อน แต่กลับมีคนมาเล่นของเล่นพวกนั้นของหนู หนูก็ไม่ยอมหรอกใช่ไหมคะ?” ถังโจวโจวอดหลอกถามไม่ได้ เมื่อเห็นว่าลั่วอิงจริงจังกับเรื่องนี้มาก 

 

 

ลั่วอิงหน้างอเล็กน้อย ด้วยคิดว่าถังโจวโจวกำลังสบประมาทเธออยู่ “แม่โจวโจวขา หนูบอกแล้วไงว่าหนูจะเป็นพี่สาวที่ดี แล้วหนูจะไม่ยอมได้ยังไงคะ ถึงตอนนั้นน้องชายน้องสาวก็เป็นของหนูคนเดียว หนูจะได้มีคนเรียกหนูว่าพี่สาวแล้วด้วย” 

 

 

“เดี๋ยว แม่โจวโจวขอแก้คำสักหน่อยนะคะ น้องจะเป็นของหนูคนเดียวได้ยังไง น้องยังไม่เกิดเลยค่ะ” ถังโจวโจวรีบแก้ไขคำพูดของลั่วอิงในทันที เจ้าเด็กคนนี้คิดจะเอาน้องไปเป็นของตัวเองเสียแล้วหรือนี่ น้องชายน้องสาวของเธอในอนาคตกลายเป็นของส่วนตัวของเธอไปแล้วได้อย่างไร? 

ตอนที่ 202 ถามความเห็นลั่วอิง 

 

 

           “โจวโจว คุณอยากออกไปเที่ยวไหนไหม” จู่ๆ วันนี้ลั่วเซ่าเชินก็นึกขึ้นมาได้ว่า ตั้งแต่ครั้งนั้นที่เขาตามถังโจวโจวตอนเธอหนีไปฮันนีมูนคนเดียว ดูเหมือนว่าหลังจากนั้นพวกเขาจะไม่เคยได้ไปเที่ยวไหนด้วยกันอีกเลย นึกๆ แล้วก็น่าเสียดายอยู่เหมือนกัน 

 

 

“ทำไมจู่ๆ คุณถึงพูดเรื่องนี้ขึ้นมาล่ะคะ” ถังโจวโจวชอบออกไปเที่ยวอยู่แล้ว แต่อาจจะเป็นเพราะว่าเมื่อก่อนเธอเอาแต่อยู่ในเมือง S เธอจึงไม่ค่อยมีโอกาสออกไปไหน เธออยากเรียนรู้เกี่ยวกับโลกภายนอกมากกว่านี้ แต่น่าเสียดายที่เธอไม่มีโอกาสมากนัก 

 

 

“จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้น่ะ คุณแค่บอกมาก็พอว่าคุณอยากหรือไม่อยาก ผมจะได้ให้ลูซี่จัดการให้” ลั่วเซ่าเชินตัดสินใจว่าเขาจะชดเชยฮันนีมูนที่ล้มเหลวของเขากับถังโจวโจวเมื่อคราวก่อน 

 

 

พอดีกับวันครบรอบหนึ่งปีที่เขาได้รู้จักถังโจวโจวใกล้จะมาถึงแล้ว คราวนี้ก็จะได้ถือเสียว่าจัดเซอร์ไพรส์ให้กับถังโจวโจวไปเลย 

 

 

“โอเคค่ะ แล้วลั่วอิงจะไปกับพวกเราด้วยไหมคะ” ถังโจวโจวพยักหน้า แต่เมื่อนึกถึงลั่วอิง อาการทางใจของเธอเพิ่งจะหายดีได้ไม่นาน มันจะดีหรือหากต้องทิ้งเธอไว้แล้วพ่อแม่ออกไปเที่ยวกัน? 

 

 

“ลั่วอิงเหรอ…ส่งเธอไปอยู่กับคุณแม่ก็แล้วกัน ให้คุณแม่ช่วยดูสักสองสามวัน” ลั่วเซ่าเชินรีบคิดหาทางให้กับลั่วอิง 

 

 

ถังโจวโจวตั้งคำถามขึ้นมาทันที “แบบนั้นไม่ดีหรอกมั้งคะ เราถามความคิดเห็นของลั่วอิงก่อนดีกว่าไหม ถ้าเธออยากไปเที่ยวด้วย ก็เท่ากับว่าเราจะได้ไปด้วยกันทั้งครอบครัว” 

 

 

ถังโจวโจวคิดว่านี่เป็นความคิดที่ไม่เลวเลย ลั่วอิงกำลังอยู่ในวัยที่รักสนุก เธอชอบเที่ยวเล่นไปตามสถานที่ต่างๆ หากได้พาเธอออกไปข้างนอก เธอก็จะได้เปิดวิสัยทัศน์มากขึ้น 

 

 

“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมไปคุยกับลูกเอง” ลั่วเซ่าเชินอยากจะสร้างเซอร์ไพรส์ให้กับถังโจวโจวสองต่อสอง แล้วเขาจะให้ลั่วอิงมาอยู่ด้วยได้อย่างไร ไม่ว่าลั่วอิงจะยอมหรือไม่ แต่ท้ายที่สุดคำตอบที่ถังโจวโจวจะได้รับ มันจะต้องเป็นแค่คำตอบนี้คำตอบเดียวเท่านั้น 

 

 

ตกดึก ลั่วเซ่าเชินเข้าไปในห้องของลั่วอิง เขาเห็นเธอนอนคว่ำอยู่บนเตียงและดูเหมือนว่าเธอกำลังพับอะไรบางอย่างอยู่ “ลั่วอิง ลูกทำอะไรอยู่ครับ” 

 

 

“คุณพ่อขา! หนูกำลังพับดาวอยู่ค่ะ” ลั่วอิงยื่นสิ่งของในมือให้ลั่วเซ่าเชินดู แน่นอนว่ามันคือดาวกระดาษดวงหนึ่ง 

 

 

ลั่วเซ่าเชินนั่งลงข้างเตียง ก่อนจะอุ้มลั่วอิงขึ้นมานั่งบนตัก “ลั่วอิง เดี๋ยวคุณพ่อกับแม่โจวโจวจะต้องออกไปข้างนอกสักสองสามวัน ลูกอยากไปอยู่กับคุณปู่คุณย่าหรือคุณตาคุณยายครับ” 

 

 

“คุณพ่อกับคุณแม่จะไปไหนกันคะ แล้วคุณพ่อพาหนูไปด้วยไม่ได้เหรอ” ลั่วอิงยังคงขยับมือไม่หยุด เหลืออีกแค่ไม่กี่ขั้นตอน ดวงดาวของเธอก็จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว 

 

 

“เอ่อ… คือว่า…” ลั่วเซ่าเชินอึกอักไปชั่วขณะ เขาลังเลอยู่ครู่ใหญ่ 

 

 

ลั่วอิงเห็นว่าลั่วเซ่าเชินทำหน้าลำบากใจ เธอจึงรีบพูดขึ้นว่า “คุณพ่อขา หนูรู้ว่าคุณพ่ออยากอยู่กับแม่โจวโจวสองต่อสอง” 

 

 

“เจ้าเด็กคนนี้นี่ ลูกไปรู้จักกับคำว่าสองต่อสองมาจากไหน” เมื่อได้ฟังคำพูดที่ดูเป็นผู้ใหญ่ของลั่วอิง ลั่วเซ่าเชินก็คิดว่าเป็นเพราะเขาให้เธอมีส่วนร่วมในเรื่องต่างๆ มากเกินไปใช่หรือไม่ ดังนั้นเธอถึงได้แสดงความคิดเห็นที่ดูเป็นผู้ใหญ่เกินตัวแบบนี้ ซึ่งกับบางสถานการณ์ก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย 

 

 

“คุณพ่ออย่าดูถูกหนูนะคะ ในโทรทัศน์เขาก็พูดแบบนี้กันทั้งนั้นแหละค่ะ เวลาที่ผู้ใหญ่อยากจะออกไปข้างนอกโดยที่ปล่อยให้เด็กอยู่บ้านคนเดียว ก็เพราะอยากอยู่ด้วยกันสองต่อสองไม่ใช่เหรอคะ!” ลั่วอิงโต้ตอบลั่วเซ่าเชินในทันทีเมื่อเห็นว่าเขาแปลกใจมาก 

 

 

เธอแค่รู้สึกว่าบางครั้งคุณพ่อก็ดูถูกเธอมากเกินไป เธอรู้ทุกอย่างนั่นแหละ แต่ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือเพื่อนๆ ของเธอต่างก็รู้กันว่าบางครั้งคุณพ่อกับคุณแม่ของพวกเขาก็มักจะออกไปข้างนอกด้วยกันตามลำพังหลายๆ วัน แล้วหลังจากกลับมาได้สักพัก พวกเขาก็จะได้น้องชายหรือน้องสาว 

 

 

ลั่วอิงกำลังคิดว่าถ้าเกิดมีน้องชายหรือน้องสาวตัวน้อยๆ วิ่งออกมาจากท้องของแม่โจวโจวสักคน เธอก็คงจะมีความสุขมาก 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 203 สัญญาแลกเปลี่ยน 

 

 

           เธอนึกถึงครั้งก่อนที่เธอกำลังจะมีน้อง แต่น่าเสียดายที่เธอไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ น้องถึงจากไปเสียได้ ตอนนั้นแม่โจวโจวเสียใจมาก ลั่วอิงเองก็ไม่กล้าถามอะไรอีก แต่เธอก็ยังคงคิดอยากให้ถังโจวโจวมีน้องให้เธอเพิ่มสักหนึ่งคน 

 

 

“ลูกนี่รู้เยอะจริงๆ เลย” ลั่วเซ่าเชินมองดูเด็กตัวเล็กแค่นี้แต่กลับรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง แต่เมื่อคิดดูอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว ลั่วอิงเป็นลูกของเขา หากเธอเป็นเด็กเรียนรู้ได้เร็วก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดี 

 

 

“ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่าลูกตกลง?” ลั่วเซ่าเชินถามขึ้นอีกครั้ง ในเมื่อลั่วอิงรู้ใจเขาถึงเพียงนี้ นั่นก็เท่ากับว่าเธอต้องตอบตกลงแน่นอน และในเมื่อจัดการกับเรื่องของลั่วอิงได้แล้ว ทางด้านถังโจวโจวก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรอีก 

 

 

“คุณพ่อขา แต่หนูมีเงื่อนไข” ลั่วอิงเหยียดนิ้วออกมาหนึ่งนิ้วเพื่อแสดงให้เห็นว่าเธอมีเงื่อนไขเพียงข้อเดียวเท่านั้น ไม่มากไปกว่านี้ 

 

 

“อ้าว ลูกมีเงื่อนไขด้วยเหรอ พูดมาเลยครับ เดี๋ยวพ่อค่อยพิจารณา” ลั่วเซ่าเชินนึกไม่ถึงเลยว่าเด็กอย่างลั่วอิงจะสามารถต่อรองได้ด้วย 

 

 

“คุณพ่อกับคุณแม่จะมีน้องชายหรือน้องสาวกลับมาด้วยนะคะ” 

 

 

“อันนี้น่าจะยากนะครับ” ลั่วเซ่าเชินตั้งใจว่าจะไปแค่ไม่กี่วันเอง แล้วเขาจะมีน้องชายหรือน้องสาวให้กับลั่วอิงได้อย่างไร เขาทำไม่ได้หรอก 

 

 

นอกจากนี้ ถังโจวโจวเองก็ยังเศร้าจากการแท้งลูกครั้งที่แล้ว ลั่วเซ่าเชินจึงยังไม่ได้คิดจะให้ถังโจวโจวตั้งท้องอีก ตอนนี้มีแค่ลั่วอิงก็ดีอยู่แล้ว เขาพอใจกับลูกสาวคนนี้ของเขามาก 

 

 

“คุณพ่อขา ทำไมล่ะคะ คุณพ่อกับคุณแม่ของคนอื่นเขายังทำกันได้เลย…” ลั่วอิงหลุดปากออกมา แล้วเธอก็รีบปิดปากพลางเหลือบมองเขาด้วยสายตาหวาดระแวง ก่อนจะทำหน้าราวกับเธอไม่รู้ว่าที่เธอพูดไปคือเรื่องอะไร 

 

 

ลั่วเซ่าเชินขมวดคิ้วแน่น “คุณพ่อกับคุณแม่ของคนอื่น? ลูกไปฟังใครมาครับ” 

 

 

ลั่วอิงส่ายหน้าอย่างเอาเป็นเอาตาย “ไม่มีค่ะ คุณพ่อฟังผิดไปหรือเปล่าคะ” 

 

 

“จริงหรือครับ แต่หูของคุณพ่อใช้งานดีมากเลยนะครับ” ลั่วเซ่าเชินคิดว่า ดูท่าพูดให้ตายอย่างไร ลั่วอิงก็ไม่มีทางยอมรับ แต่เขาก็ไม่ได้คิดเอาความกับเธอ “โอเค ถ้าอย่างนั้นก็ตกลงตามนี้นะครับ” 

 

 

“เราตกลงกันเรื่องอะไรหรือคะคุณพ่อ” ลั่วอิงรู้สึกงง 

 

 

ลั่วเซ่าเชินกุมขมับ นี่เธอลืมสิ่งที่เขาเพิ่งจะพูดไปหมดแล้วหรือ “เรื่องที่ลูกจะไปอยู่กับคุณปู่คุณย่าหรือคุณตาคุณยายไงครับ?” 

 

 

“อ๋อ หนูจะไปอยู่กับคุณตาคุณยายค่ะ หนูอยากกินข้าวฝีมือคุณยาย” เมื่อลั่วอิงนึกถึงอาหารอันแสนโอชะที่คุณแม่ถังทำ น้ำลายของเธอสอเต็มที 

 

 

“โอเคครับ ตกลงตามนี้นะ พอลูกอยู่ต่อหน้าแม่โจวโจว ลูกก็แค่บอกเธอว่าลูกไม่อยากไป” ลั่วเซ่าเชินกำชับเธอเพราะกลัวว่าพอถึงเวลานั้นแล้วลั่วอิงจะพูดผิดพูดถูก และอาจทำให้ถังโจวโจวดูออก ภารกิจนี้ก็จะไม่สำเร็จ 

 

 

“ค่ะ คุณพ่อ ทราบแล้วค่ะ!” ลั่วอิงโบกมือด้วยท่าทีสบายๆ ลั่วเซ่าเชินมองดูท่าทางที่ไม่สนใจไยดีของเธอด้วยความกังวล ถึงตอนนั้นเธอจะยังจำได้อยู่ไหมนะ เกิดผิดแผนขึ้นมาที่ตั้งใจไว้คงพังไม่เป็นท่า 

 

 

“ลูกอย่าลืมนะครับ” 

 

 

“ค่ะ รู้แล้วๆ” ลั่วอิงรู้สึกว่าลั่วเซ่าเชินนั้นจู้จี้จริงๆ เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ทำไมเธอจะจำไม่ได้ เห็นทีอายุของคุณพ่อคงจะมากขึ้นแล้วจริงๆ 

 

 

หากลั่วเซ่าเชินรู้ว่าลั่วอิงแอบคิดว่า ‘เขาแก่’ อยู่ในใจ คงจะโกรธมากแน่ๆ เขาเพิ่งจะสามสิบเอ็ดเท่านั้นเอง วัยหนุ่มอันสมบูรณ์แบบนี้เพิ่งจะเริ่มต้น จะมาว่าเขาอายุเยอะได้อย่างไร ที่ลั่วอิงยังอยู่รอดปลอดภัยในตอนนี้ เป็นเพราะว่าลั่วเซ่าเชินไม่อาจล่วงรู้ความคิดของเธอเท่านั้น 

 

 

“คุณพ่อขา ถ้าอย่างนั้นช่วงนี้หนูขอนอนกับแม่โจวโจวไปก่อนได้ไหมคะ” ลั่วอิงฉวยโอกาสถาม 

 

 

ลั่วเซ่าเชินขบคิด เมื่อครู่นี้เขาเพิ่งจะขอให้ลั่วอิงช่วย ตอนนี้เธออยากจะนอนกับถังโจวโจว หากปฏิเสธไปก็คงจะไม่ดี ลั่วเซ่าเชินคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า “ได้สิครับ ลูกไปด้วยกันกับพ่อเลยนะ” 

ตอนที่ 200 ฉลาดแกมโกง

 

 

           เขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะขยับนิ้วมือของเขาที่อยู่ตรงช่วงเอวของถังโจวโจวเบาๆ แล้วถังโจวโจวก็หลุดหัวเราะออกมาในทันที “ฮ่าๆ… จักจี้… ฮ่าๆ…” นิ้วมือของลั่วเซ่าเชินขยับไม่หยุด และในที่สุดถังโจวโจวก็ยอมปล่อยมือออกจากดวงตา เพื่อย้ายมันลงไปสกัดกั้นมือของลั่วเซ่าเชินที่ก่อกวนเอวของเธออยู่

 

 

           “ยังจะกล้าไม่ฟังผมอยู่อีกไหม” ลั่วเซ่าเชินจี้เอวถังโจวโจวไม่หยุด ส่วนถังโจวโจวก็หัวเราะจนน้ำตาเล็ด

 

 

“ฮ่าๆ… เซ่าเชิน ฉันไม่กล้าแล้วค่ะ คุณรีบปล่อยมือเถอะนะ… ฮ่าๆๆ… ฉันไม่ไหวแล้วจริงๆ” ถังโจวโจวหัวเราะจนแทบจะขาดใจ และในที่สุดลั่วเซ่าเชินก็ยอมถอนกรงเล็บนั่นออกไป

 

 

เมื่อเห็นรอยบุ๋มที่มุมปากของโจวโจว ลั่วเซ่าเชินก็ก้มหน้าลงไปจูบตรงนั้น เขาเห็นถังโจวโจวหัวเราะอย่างมีความสุขขนาดนี้ เขาก็อยากจะให้เธอยิ้มแบบนี้ตลอดไป

 

 

ลั่วเซ่าเชินจูบที่ลักยิ้มของเธอทั้งสองข้าง จากนั้นเขาก็จูบลงบนริมฝีปากของถังโจวโจว คราวนี้ถังโจวโจวเชื่อฟังเป็นอย่างดี

 

 

ราวกับผ่านไปหนึ่งศตวรรษ ในที่สุดลั่วเซ่าเชินก็ยอมถอนริมฝีปากออกจากถังโจวโจว และก่อนที่ถังโจวโจวจะได้สูดลมหายใจเข้าปอด ริมฝีปากของลั่วเซ่าเชินก็ค่อยๆ ไต่ลงไปเรื่อยๆ เขาทิ้งร่องรอยสีกุหลาบมากมายไว้บนคอของเธอ ส่วนมือก็เริ่มปลดเปลื้องเสื้อผ้าของถังโจวโจวอย่างรวดเร็ว

 

 

เสื้อผ้าหล่นลงไปกองกับพื้น ถังโจวโจวรู้สึกหนาวเล็กน้อย ลั่วเซ่าเชินรู้สึกได้ว่าเธอตัวสั่น เขาจึงเอ่ยปลอบเธอในทันที “เดี๋ยวก็ไม่หนาวแล้ว”

 

 

 

 

เดิมทีเรื่องนี้มันควรจะจบแล้ว ลั่วเซ่าเชินควานหาเสื้อผ้ามาคลุมร่างให้กับถังโจวโจว ส่วนเขานั้นสวมชุดคลุมอาบน้ำที่ตกอยู่บนพื้นก่อนหน้านี้ ถังโจวโจวนึกว่าวันนี้ลั่วเซ่าเชินจะปล่อยเธอไปอย่างง่ายดาย “เซ่าเชิน ฉันใส่เองได้ค่ะ”

 

 

“โจวโจว คุณอย่าเพิ่งได้ใจไป มันยังไม่จบนะ” ลั่วเซ่าเชินอุ้มถังโจวโจวขึ้น ก่อนจะเปิดประตูห้องน้ำและเดินออกไป ถังโจวโจวรู้ดีว่าวันนี้เธอคงจะไม่ได้นอนแน่แล้ว

 

 

ลั่วเซ่าเชินฉลาดแกมโกงมากเกินไป เมื่อวานเธอเพิ่งจะปฏิเสธเขา วันนี้เขากลับทวงคืนได้แล้ว ลั่วเซ่าเชินอุ้มถังโจวโจวเข้าไปในห้องหนังสือและวางถังโจวโจวลงบนโซฟา

 

 

“โจวโจว วันนี้เรามาทำเรื่องที่เราทำค้างไว้เมื่อครั้งก่อนให้จบเถอะ”

 

 

ถังโจวโจวนึกถึงช่วงเวลานั้นที่เกือบจะพลาดพลั้งในห้องหนังสือ เธอไม่รู้ว่าลั่วเซ่าเชินเฝ้าแต่คิดเรื่องนี้อยู่ตลอด

 

 

“เซ่าเชิน ไม่ดีกว่ามั้งคะ?” นั่นมันนานมากแล้วนะ นึกไม่ถึงเลยว่าลั่วเซ่าเชินจะยังจำได้อยู่อีก

 

 

ปักหลักสู้เสียตั้งแต่ตอนนี้ไปเลยดีกว่ามานั่งคิดบัญชีทีหลัง ถังโจวโจวปลอบใจตัวเองราวกับเป็นคนเด็ดเดี่ยวและองอาจ ท่าทางตื่นกลัวของถังโจวโจวทำให้ลั่วเซ่าเชินหัวเราะ “โจวโจว คุณรู้ไหมว่าคุณดูตลกมากแค่ไหน จนผมแทบไม่กล้ากินคุณแล้ว”

 

 

“เซ่าเชิน ถ้าคุณไม่ทำต่อ เราก็กลับไปนอนกันเถอะนะคะ”

 

 

“ใครว่าผมจะไม่ทำต่อ” ลั่วเซ่าเชินไม่ยอมปล่อยให้โอกาสดีๆ แบบนี้หลุดลอยไปได้หรอก

 

 

วันรุ่งขึ้น ถังโจวโจวนอนอยู่บนเตียง เธอไม่สามารถขยับตัวได้ แค่ขยับก็เจ็บแปลบแล้ว เธอรู้สึกราวกับว่าร่างกายของเธอถูกรถบดมาอย่างไรอย่างนั้น เธอปวดเมื่อยเนื้อตัวไปหมด และเมื่อเธอนึกถึงลั่วเซ่าเชิน ถังโจวโจวก็จำไม่ได้แล้วว่าเมื่อคืนผ่านมาได้อย่างไร

 

 

นานๆ ครั้งเธอก็พอจะชอบมันอยู่บ้าง แต่เธอก็ทนกับความต้องการของลั่วเซ่าเชินขนาดนี้ไม่ไหว เธอแค่รู้สึกว่าลั่วเซ่าเชินใช้เวลาหนึ่งเดือนก่อนกำหนดไปหมดแล้ว และถังโจวโจวก็ทำได้แค่เพียงนอนหมดแรงอยู่บนเตียงเท่านั้น

 

 

ภายในห้องไม่มีใคร เธอลูบแตะสัมผัสพื้นเตียงเย็นๆ ข้างตัว ลั่วอิงกับเซ่าเชินน่าจะออกไปตั้งแต่เช้าแล้ว

 

 

ถังโจวโจวรู้สึกได้ว่าแต่ละครั้งหลังจากเสร็จกิจ ลั่วเซ่าเชินจะดูมีชีวิตชีวา มีเรี่ยวมีแรง ส่วนเธอกลับกลายเป็นคนที่ดูเหมือนถูกสูบวิญญาณไป เธอหาวหวอดๆ และปวดร้าวไปทั้งตัว ถังโจวโจวยิ่งรู้สึกว่าเกิดเป็นผู้หญิงนั้นช่างเสียเปรียบ พวกเธอจะต้องถูกผู้ชายพวกนี้ฉวยโอกาสไปตลอด

 

 

พอคิดไปนานเข้า ถังโจวโจวก็เริ่มต้านทานแรงโจมตีของความง่วงไม่ไหว เธอผล็อยหลับไปอย่างไม่รู้ตัว ป้าหลิวเองก็ไม่ได้ขึ้นมารบกวนถังโจวโจวหลังจากที่ได้ยินลั่วเซ่าเชิน ถังโจวโจวจึงนอนหลับยาวจนถึงเที่ยง

 

 

ลั่วเซ่าเชินรู้ว่าเมื่อคืนเขาเอาแต่ใจมากเกินไป แต่เขาก็ไม่ได้เสียใจ เขาควรจะทำให้ถังโจวโจวได้รู้ว่าสามีของเธอนั้นไม่ใช่คนที่จะลองดีกันได้ง่ายๆ โดยเฉพาะ ‘เรื่องนั้น’ เพราะสุดท้ายแล้วเขาก็จะต้องเอาคืนในสักวัน

 

 

เมื่อลั่วเซ่าเชินหยุดรถด้านนอกและเดินเข้าไปในบ้าน เขาก็พบว่าไม่มีใครอยู่ในห้องนั่งเล่นเลย เสียงป้าหลิวทำกับข้าวดังขึ้นมาจากห้องครัว ลั่วเซ่าเชินไม่ได้เรียกป้าหลิว เขาตรงขึ้นไปตามหาถังโจวโจวบนชั้นสอง

 

 

ลั่วเซ่าเชินแง้มเปิดประตูห้องเบาๆ แล้วเขาก็เห็นว่าถังโจวโจวยังคงนอนหลับอุตุอยู่บนเตียง ผ้านวมห่อหุ้มร่างของเธอไว้ ลั่วเซ่าเชินคิดว่าถังโจวโจวน่าจะหมดแรงเพราะเรื่องเมื่อคืน แต่ว่าเธอนอนมานานเกินไป เธอควรจะตื่นขึ้นมาได้แล้ว อย่างน้อยก็กินอะไรสักหน่อยก่อนแล้วค่อยกลับมานอนต่อ

 

 

ลั่วเซ่าเชินเดินไปที่ข้างเตียง ก่อนจะแตะแก้มของถังโจวโจวเบาๆ “โจวโจว ตื่นได้แล้ว แดดส่องก้นคุณแล้วน่ะ”

 

 

ถังโจวโจวรู้สึกเหมือนมียุงมาบินอยู่ข้างหู เธอโบกมือปัดมันก่อนจะพลิกตัวกลับไปนอนต่อ

 

 

โชคดีที่ลั่วเซ่าเชินไหวตัวทัน มิฉะนั้นเขาคงถูกถังโจวโจวตบไปแล้ว ลั่วเซ่าเชินหมายจะดึงผ้าห่มของถังโจวโจวออก แต่นึกไม่ถึงเลยว่าเธอจะจับมันไว้แน่น ลั่วเซ่าเชินใช้แรงดึงเท่าไรก็ดึงไม่ออก

 

 

ถังโจวโจวรู้สึกได้ถึงแรงดึง เธอจึงค่อยๆ ลืมตาขึ้นมองอย่างสะลึมสะลือ ก่อนที่เธอจะพบว่าลั่วเซ่าเชินกำลังดึงผ้าห่มของเธอด้วยมือทั้งสองข้าง

 

 

 

 

ตอนที่ 201 ตื่นได้แล้ว

 

 

           “คุณทำอะไรน่ะ” ถังโจวโจวถามเสียงแหบแห้ง อาจเป็นเพราะว่าเธอนอนนานเกินไป เธอจึงลืมตาแทบไม่ขึ้นและมึนศีรษะเล็กน้อย

 

 

ลั่วเซ่าเชินดึงแขนของเธอ “ตื่นได้แล้ว ป่านนี้ท้องคุณหิวจนไส้จะขาดแล้วล่ะ” ลั่วเซ่าเชินมองถังโจวโจวที่ทำตัวราวกับเป็นลูกแมวขี้เซาแล้วก็รู้สึกหนักใจจริงๆ

 

 

“ฉันไม่หิว” ทันทีที่ถังโจวโจวพูดจบ ท้องของเธอก็ร้องขึ้นมา ใบหน้าของเธอเปลี่ยนสี นี่มันหักหน้ากันชัดๆ!

 

 

“ลุกขึ้นมาเถอะ ผมรู้ว่าคุณหิวแล้ว” ลั่วเซ่าเชินหยิบเสื้อผ้าของถังโจวโจวมาให้

 

 

ถังโจวโจวจ้องตาเขม็ง “ก็ถ้าคุณไม่…” เธอพูดประโยคถัดไปไม่ออก หนังหน้าของเธอไม่ได้หนาและด้านเท่ากับลั่วเซ่าเชิน เธอสู้เขาได้ที่ไหน

 

 

“ถ้าคุณไม่ลุก ผมอาจจะต้องจูบคุณอีก” ลั่วเซ่าเชินทำท่าจะก้มศีรษะลงมา ถังโจวโจวจึงรีบมุดเข้าไปอยู่ในผ้าห่ม ปรากฏว่าลั่วเซ่าเชินเพียงแค่หลอกเธอเล่นเท่านั้น เขาพูดออกมาอย่างนึกขำเมื่อเห็นถังโจวโจวซ่อนตัวอยู่ในผ้าห่ม “คุณคิดหรือว่าจะหลบผมพ้น? เอาเถอะ เลิกเล่นได้แล้ว รีบลุกขึ้นมาเร็ว”

 

 

เมื่อได้ยินเสียงปิดประตู ถังโจวโจวก็โผล่ศีรษะออกมาจากผ้าห่ม และเมื่อเธอเห็นว่าในห้องเหลือแค่เธอคนเดียว เธอจึงค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งช้าๆ เธอมองดูชุดกระโปรงที่วางราบอยู่บนเตียงด้วยอาการเหม่อลอย

 

 

ลั่วเซ่าเชินรอมาพักหนึ่งแล้ว แต่ภายในห้องก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหวอะไร ไม่ใช่ว่าถังโจวโจวล้มตัวลงไปนอนต่อหรอกนะ? ก๊อกๆๆ…

 

 

“โจวโจว คุณยังไม่ลุกอีกเหรอ”

 

 

“ลุกแล้วค่ะ!” เมื่อถังโจวโจวถูกลั่วเซ่าเชินเอ่ยเตือน เธอก็กลัวว่าเขาจะวกกลับเข้ามาอีก เธอจึงรีบลุกขึ้นและวิ่งเข้าไปในห้องน้ำพร้อมกับเสื้อผ้า เธอจำได้รางๆ ว่าเมื่อคืนลั่วเซ่าเชินอาบน้ำให้เธอแล้ว เพราะเธอรู้สึกได้ว่าร่างกายของเธอนั้นสดชื่น

 

 

เมื่อนึกถึงจูบอันร้อนแรงของลั่วเซ่าเชินที่พรมลงบนร่างของเธอเมื่อคืนนี้ ถังโจวโจวก็มองดูร่องรอยเหล่านั้นสะท้อนอยู่ในกระจกด้วยความเขินอาย

 

 

ถังโจวโจววักน้ำล้างหน้าจนกระทั่งรู้สึกว่าอุณหภูมิบนใบหน้าของเธอลดต่ำลงแล้ว เธอจึงพรูลมหายใจออกมายาวเหยียด หากลั่วเซ่าเชินได้เห็นท่าทางราวกับสาวแรกแย้มของเธอเข้า เธออาจจะถูกเขาหัวเราะเยาะเอาได้

 

 

หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ เธอก็พบว่าร่องรอยสีกุหลาบที่อยู่บนคอของเธอนั้นสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ถังโจวโจวจึงรีบเปลี่ยนไปสวมเสื้อไหมพรมคอเต่าสีขาวแทน จากนั้นก็สวมเสื้อโค้ทสีเขียวอ่อนทับอีกตัวหนึ่ง ถังโจวโจวเปิดประตูออกมาและพบว่าลั่วเซ่าเชินยังคงรอเธออยู่หน้าประตู

 

 

“ทำไมถึงยังไม่ลงไปอีกล่ะคะ” ถังโจวโจวถามด้วยความประหลาดใจ

 

 

ลั่วเซ่าเชินเห็นว่าถังโจวโจวเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว ในขณะที่เขามองดูเสื้อไหมพรมคอเต่าตัวนั้น ลั่วเซ่าเชินก็ยิ้มออกมา ถังโจวโจวสังเกตเห็นรอยยิ้มของเขา ก่อนที่เธอจะเคลื่อนสายตามองตามไป และเมื่อเห็นว่าเขากำลังมองเสื้อไหมพรมคอเต่าที่เธอตั้งใจสวมมันออกมา ใบหน้าของเธอก็แดงก่ำขึ้นทันที

 

 

“คุณยังจะมองอยู่อีก? ฝีมือคุณทั้งนั้นแหละ!” ถ้าไม่ใช่เพราะเขา เธอจะต้องทำถึงขนาดนี้เหรอ? โชคดีที่ช่วงนี้มันไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะสวมใส่เสื้อตัวนี้ มิฉะนั้นเธอคงจะได้เล่าให้คนทั้งโลกฟังแล้วว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นระหว่างเธอกับลั่วเซ่าเชิน!

 

 

ลั่วเซ่าเชินคิดว่าไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย แต่ถังโจวโจวกลับเขินอาย และไม่ยอมพูดถึงเรื่องนี้มากนัก “โอเค ผมผิดเองครับคุณผู้หญิง แล้วตอนนี้คุณจะลงไปทานข้าวข้างล่างได้หรือยังครับ?”

 

 

ลั่วเซ่าเชินค้อมตัวลงและยื่นมือไปให้ถังโจวโจว ถังโจวโจวยิ้มพลางวางมือของเธอลงไปบนมือของเขา “ไปกันค่ะ”

 

 

“ครับ คุณผู้หญิง” วันนี้ลั่วเซ่าเชินอารมณ์ดีเป็นพิเศษจึงหยอกเธอเล่นอยู่นาน เขาจับมือถังโจวโจวและพาเธอลงไปชั้นล่าง

 

 

เมื่อป้าหลิวเห็นลั่วเซ่าเชินและถังโจวโจวลงมาแล้ว เธอก็รีบยกชามและตะเกียบมาวางไว้บนโต๊ะ “ทานข้าวค่ะ คุณชาย คุณผู้หญิง”

 

 

“อืม”

 

 

“ฉันขอตัวไปยกกับข้าวออกมาจากครัวนะคะ” เมื่อเห็นว่าลั่วเซ่าเชินและถังโจวโจวอารมณ์ดี ป้าหลิวก็อมยิ้มและปลีกตัวเข้าไปในห้องครัว

ออกแบบรักโปรเจกต์หัวใจ

ออกแบบรักโปรเจกต์หัวใจ

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 100 คลิกเพื่ออ่าน

(อ่านตอนต่อไปด้านล่าง)


ด้วยความรักครั้งก่อนทิ้งบาดแผลลึกไว้ในใจของ ถังโจวโจว มัณฑนากรสาวจึงครองตัวเป็นโสดตลอดมา แต่แล้วชายหนุ่มที่เธอบังเอิญเจอในโรงแรม ผู้ซึ่งเป็นเหมือนปิศาจร้ายที่เธอไม่คิดจะเจออีกชั่วชีวิตนี้ กลับเป็นถึงผู้อำนวยการของลั่วกรุ๊ป ลั่วเซ่าเซิน ผู้ชี้ชะตาโปรเจกต์ใหญ่ของบริษัทเธอ น่าเจ็บใจที่ถึงแม้เธออยากตีตัวออกห่างเขาขนาดไหน แต่ก็พ่ายแพ้ให้กับความหล่อกระชากใจและโปรเจกต์ทำเงินมหาศาลอยู่ร่ำไป!

อีกทั้ง ลั่วอิง ลูกสาวตัวน้อยของเขายังถูกใจเธอเข้าอย่างจัง ลั่วเซ่าเซินเห็นว่าเป็นโอกาสให้พ่อแม่เลิกรบเร้าเรื่องแต่งงานกับผู้หญิงที่ไม่ถูกใจเสียที จึงยื่นข้อเสนอให้เธอแต่งงานกับเขา แล้วโปรเจกต์ใหญ่ที่เธอตั้งตารอก็จะตกเป็นของเธอทันที!

Options

not work with dark mode
Reset