ตอนพิเศษ 260 ห่วงสุดหัวใจ
ตอนพิเศษ 260 ห่วงสุดหัวใจ
เนี่ยนเนี่ยนตกตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นเงยหน้าขึ้นทันที เมื่อเห็นเขาลืมตาขึ้นแล้ว จู่ ๆ นางก็รู้สึกอึดอัด
“ไม่ว่าเจ้าจะบอกว่าอะไรดี ข้าก็จะฟังเจ้า” ไป๋หลิวอี้ยกมือขึ้นลูบไล้ใบหน้าของนาง แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “หยุดร้องไห้ได้แล้ว หืม?”
เนี่ยนเนี่ยนกะพริบตา นาง… กำลังร้องไห้หรือ?
นางรีบเช็ดหน้าอย่างแรง สูดจมูกแล้วจ้องมองไป๋หลิวอี้
“ข้าสบายดี อยู่กับเจ้าที่นี่ แล้วข้าต้องกังวลอะไรอีก?”
เนี่ยนเนี่ยนอยากจะตีเขาสักที แต่เขาได้รับบาดเจ็บอยู่ จึงไม่อาจแตะต้องเขาได้ นางจึงกระโดดเข้าไปงับแก้มของเขาอย่างแรง
“โอ๊ย…” ไป๋หลิวอี้สูดปาก แต่รอยยิ้มบนใบหน้ายังคงไม่จางหาย เขาจับมือเล็ก ๆ ของนางไว้ แล้วพูดว่า “หายโกรธหรือยัง? หากยังก็มากัดตรงนี้อีกสิ”
เขาพูดจบก็หันไปด้านข้าง เผยให้เห็นแก้มอีกข้างหนึ่ง
เนี่ยนเนี่ยนพ่นลมหายใจเบา ๆ “ผิวของเจ้าทั้งหยาบทั้งหนา กัดยากเกินไป”
“เช่นนั้นเจ้าก็ลองให้ข้ากัดดูสักหน่อยสิ แก้มนุ่มนิ่มแบบนี้ต้องอร่อยมากเป็นแน่”
เนี่ยนเนี่ยนจ้องมองเขา “เจ้ากล้าหรือ”
“… ดุจริง” ไป๋หลิวอี้ถอนหายใจ แล้วทำท่าทางเศร้าสร้อยเพราะถูกรังแก “ข้ายังบาดเจ็บอยู่นะ”
เนี่ยนเนี่ยนใจอ่อนลง เมื่อเห็นเขาถูกพันด้วยผ้าพันแผลหลายชั้น เสียงของนางก็เบาลงทันที “เจ้าเจ็บมากขึ้นหรือไม่? หากเจ็บขึ้นต้องบอกข้านะ อาการบาดเจ็บภายในของเจ้าสาหัสมาก ดังนั้นจะประมาทไม่ได้”
“ไม่เจ็บหรอก เจ้าให้ยาที่ดีที่สุดกับข้าแล้ว จะเจ็บได้อย่างไร?” ไป๋หลิวอี้พลิกตัวเล็กน้อย แล้วใช้มือซ้ายตบเตียง “เจ้าขึ้นมานี่สิ ข้าอยากกอดเจ้า”
เนี่ยนเนี่ยนรู้สึกว่าเลือดของนางกระจายจากใบหน้าไปที่คออีกครั้ง กอดเจ้า…หมายความว่าอย่างไร? ฟังดูคลุมเครือมากไม่ใช่หรือ?
ในฐานะผู้ป่วยที่บาดเจ็บสาหัสและยังไม่หายดี ยังจะอยากทำอะไรอีก?
“เจ้ายืนเช่นนี้ ข้ารู้สึกเหนื่อยนิดหน่อยเมื่อต้องคุยกับเจ้า” ไป๋หลิวอี้กล่าวเสริม
เนี่ยนเนี่ยนลังเลอยู่นาน ในที่สุดก็รู้สึกว่าคนไข้สำคัญที่สุด นาง… จึงถือว่าเป็นการดูแลคนไข้
เนี่ยนเนี่ยนนอนลงข้างเขาโดยไม่เต็มใจนัก
อย่างไรเสีย เมื่อไม่กี่วันมานี้เขาก็นอนกอดนาง จงชินกับมัน…ชินกับมัน
ทันทีที่นางล้มตัวลงนอน มือของไป๋หลิวอี้ก็เลื่อนขึ้นไปที่เอวของนางทันที แล้วกอดนางไว้แน่น
เนี่ยนเนี่ยนขมวดคิ้ว เหตุใดยังขยับไปมาทั้งที่ยังบาดเจ็บ? ไม่เจ็บหรืออย่างไร?
แค่ดูแลคนไข้… เนี่ยนเนี่ยนเริ่มขยับเข้าไปใกล้เขามากขึ้น และไม่หยุดจนกระทั่งทั้งสองแนบชิดกัน
เมื่อนางเงยหน้าขึ้น นางก็สัมผัสกับปลายจมูกของไป๋หลิวอี้
ไป๋หลิวอี้ยกยิ้มอย่างอ่อนโยนด้วยความพอใจการกระทำของเนี่ยนเนี่ยนมาก แววตาของเขาอ่อนโยนยิ่งนัก
“ข้าไม่อยากให้อาเวินบอกเจ้า เพราะเกรงว่าเจ้าจะกังวล ตอนนี้ชายผู้นั้นเริ่มไม่ฟังคำสั่งมากขึ้นเรื่อย ๆ” ไป๋หลิวอี้ถอนหายใจ แล้วคิดกับตัวเองว่าเขาควรจะลงโทษอาเวินดีหรือไม่
เนี่ยนเนี่ยนพ่นลมหายใจเบา ๆ “ข้าคิดว่าเขาทำถูกแล้ว เจ้าควรให้รางวัลเขาด้วยซ้ำ หากเจ้าปิดบังข้าตอนนี้ เมื่อข้ารู้ทีหลัง ข้าจะจัดการเจ้าแน่นอน”
ไป๋หลิวอี้ยกยิ้ม “แล้วเจ้ารู้สึกห่วงข้าหรือไม่?”
ชายคนนี้รู้อยู่แล้วว่านางเป็นอย่างไร ตาของเขาบอดหรือ? มองไม่ออกหรือ? ต้องให้นางพูดออกมาอีกหรือ?
“เนี่ยนเนี่ยน?”
เนี่ยนเนี่ยนกัดริมฝีปาก แล้วก้มหน้าลงเพื่อป้องกันไม่ให้เขาเห็นสีหน้าของนาง หลังจากนั้นไม่นานก็พูดออกมาด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ห่วงสุดหัวใจ”
หัวใจของไป๋หลิวอี้พลันอบอุ่นขึ้นทันใด ความสุขเอ่อล้นออกมาจากรอยยิ้มของเขา เขาวางคางไว้บนกระหม่อมของเนี่ยนเนี่ยน และพูดไม่ออกไปชั่วขณะ
“เนี่ยนเนี่ยน… เนี่ยนเนี่ยนของข้า…” เขาถอนหายใจเบา ๆ แล้วยกมือขวาขึ้นวางลงบนศีรษะของนาง ทั้งสองแนบชิดกันมากขึ้น
เนี่ยนเนี่ยนไม่ขยับตัวไปชั่วขณะ บรรยากาศในห้องเงียบกริบ
ไป๋หลิวอี้เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย แล้วมองลงไป ทำให้รู้ว่านางผล็อยหลับไปแล้ว
เขาหัวเราะเบา ๆ “เจ้าก็ยังจะหลับได้อีกนะ” นางต้องใช้พลังและเวลาไปมากในการรักษาเขา และท้องฟ้าข้างนอกก็มืดลงแล้ว
ไป๋หลิวอี้ดึงผ้าห่มมาคลุมเขากับนาง แล้วหลับตาลงด้วย
ขณะนี้หนานหนานที่อยู่ข้างนอกมีสีหน้าบึ้งตึง ขณะหันไปมองเย่ฉิงเป่ย “พวกเขานอนด้วยกันหรือ?”
เย่ฉิงเป่ยสะอึก “พี่ใหญ่ อย่างไรเสียพวกเขาก็จะแต่งงานกันในเร็ว ๆ นี้ อีกทั้งพี่ไป๋ก็บาดเจ็บอีกด้วย… “
พี่ไป๋หรือ? ใบหน้าของเย่ฉิงหนานมืดมน ก่อนหน้านี้เขาได้ยินเหวินหย่าบอกว่า เป่ยเป่ยและไป๋หลิวอี้เป็นคนคอเดียวกัน แต่เขาไม่ได้สนใจจริงจังนัก ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะประมาทไม่ได้เลย
ในช่วงเวลาสั้น ๆ เพียงหนึ่งเดือน เจ้าไป๋หลิวอี้คนนั้นไม่เพียงแต่เอาชนะใจเนี่ยนเนี่ยนได้เท่านั้น แม้แต่เป่ยเป่ยก็ยังเข้าข้างเขาด้วย
“ไม่ได้เรื่อง” เย่ฉิงหนานพ่นลมหายใจอย่างเย็นชา และกำลังจะเดินเข้าไปข้างใน
มุมปากของเย่ฉิงเป่ยกระตุก หรือว่าพี่ใหญ่ยังต้องการเข้าไปข้างใน แล้วพาเนี่ยนเนี่ยนออกมา?
เขารีบก้าวไปขวางหน้าไว้ “พี่ใหญ่ หากท่านปลุกเนี่ยนเนี่ยนตอนนี้ นางจะโกรธเอานะ”
เย่ฉิงหนานหยุดชะงักขณะกำลังจะผลักประตูเข้าไป แล้วดึงมือกลับโดยไม่รู้ตัว
เย่ฉิงเป่ยนึกดูหมิ่น พี่ใหญ่ การกระทำของท่าน… ช่างไร้ประโยชน์นัก
“ข้ายังมีสิ่งที่ต้องทำ เจ้ามาคอยเฝ้าประตูให้ข้า” เย่ฉิงหนานกระแอมเบา ๆ และพูดกับเขาอย่างไร้ความรู้สึก “หากไป๋หลิวอี้กล้าทำเรื่องไม่ดี ฆ่าเขาแทนข้าได้เลย”
ช่างโหดร้ายอะไรเช่นนี้!
เย่ฉิงเป่ยรู้สึกว่าช่วงนี้พี่ใหญ่ค่อนข้างหงุดหงิด หรือว่าเพราะเนี่ยนเนี่ยนกำลังจะแต่งงาน เขาจึงอารมณ์ไม่ดี?
เป่ยเป่ยส่ายหน้า เมื่อเห็นเย่ฉิงหนานจากไปแล้ว เขาก็มองไปที่ประตูแล้วเดินจากไปเช่นกัน ให้เขาเฝ้าอยู่ที่นี่หรือ? พี่ใหญ่ชอบล้อเล่นเสียจริง
เมื่อไม่มีเสียงข้างนอกอีกต่อไป ไป๋หลิวอี้ก็ยกยิ้มมุมปากและกอดนางแน่นขึ้น แล้วเข้าสู่ห้วงนิทรา
ไม่มีเสียงภายในห้องหรือนอกห้อง…
วันรุ่งขึ้น เมื่อเนี่ยนเนี่ยนตื่นก็เป็นเวลารุ่งเช้าพอดี
นางหันไปมองไป๋หลิวอี้ที่นอนอยู่ข้างนาง ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา นางเคยชินกับการมีคนนอนอยู่ข้าง ๆ เสมอเมื่อตื่นนอน นางไม่ได้รู้สึกอึดอัดเหมือนครั้งแรกแล้ว
เนี่ยนเนี่ยนจับข้อมือของเขาเพื่อจับชีพจร เมื่อรู้สึกว่าทุกอย่างเป็นปกติ นางจึงค่อย ๆ ปล่อยมือแล้วลุกจากเตียงเบา ๆ
ทันทีที่เปิดประตูก็เห็นโม่เพียวนั่งหลับตาพิงเสาอยู่บนเฉลียง เมื่อได้ยินเสียงดัง นางก็รีบยืนขึ้น แล้วนำกล่องอาหารมาวางตรงหน้านาง “คุณหนู อาเวินบอกว่าที่นี่ยังไม่มีคนรับใช้อยู่ เขาบอกว่าท่านคงหิวแต่เช้า จึงให้ข้านำอาหารมาให้เจ้าค่ะ ข้าเพิ่งรับมาเลย มันจึงยังอุ่นอยู่ คุณหนู ท่านอยากกินตอนนี้เลยหรือไม่เจ้าคะ?”
มุมปากของเนี่ยนเนี่ยนกระตุก เมื่อครู่นี้… นางเพิ่งหลับพิงเสาใช่หรือไม่?
นางรับกล่องอาหารมา “อืม ข้าจะล้างหน้าก่อนกิน”
หลังจากนั้นนางก็ถือกล่องอาหารเดินไปที่บ่อน้ำทางด้านซ้าย
โม่เพียวมองแผ่นหลังของนาง ทันใดนั้นก็ดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างได้ จึงรีบวิ่งไปหา “คุณหนู ท่านอย่าไปทางนี้เจ้าค่ะ ซูกั๋วกงอยู่ที่ห้องโถงด้านหน้าแล้ว”
เนี่ยนเนี่ยนประหลาดใจ ยังเช้าอยู่ไม่ใช่หรือ? ซูกั๋วกงอยู่ที่นี่แล้วหรือ?
“เขามาตั้งแต่เมื่อใด?”
……………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เนี่ยนเนี่ยนสารภาพรักแล้วสินะ บทจะหวานก็หวานเลย
หนานหนานหวงน้องสาวล่ะสิ
ไหหม่า(海馬)