อยากกินไหมล่ะ 美食供应商
บทที่ 871 นายแอบใช้น้ำมันของฉันสินะ
เฉาจื่อซูเป็นคนหัวล้าน ค่อนข้างเจ้าเนื้อและตัวสูงทีเดียว โครงร่างใหญ่โตของเขาทำให้เขาดูเหมือนคนที่มาจากทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือแทนที่จะเป็นคนที่มาจากเสฉวน
เขาสวมใส่ชุดธรรมดาๆทว่าเป็นชุดเครื่องแต่งกายสมัยราชวงศ์ถังอันแสนสง่างาม แต่เพราะชุดคับแน่นเกินไปจึงไม่ให้ความรู้สึกของผู้คงแก่เรียนแต่อย่างใด ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือเขาดูเหมือนนักแสดงศิลปะการป้องกันตัวที่แสร้งทำตัวเป็นผู้แก่เรียนอย่างไรอย่างนั้นเลย
อาจกล่าวได้ว่าเฉาจื่อซูดูเหมือนคนขายเนื้อมากกว่าเชฟเสียอีก
ถึงแม้ว่าร้านของเขาจะเป็นหนึ่งในสุดยอดร้านอาหารในเสฉวน แต่นานๆทีเฉาจื่อซูถึงจะเข้าร่วมการแข่งขันทำอาหารในฐานแขกรับเชิญและแทบจะไม่ค่อยแสดงตัวต่อหน้าผู้คนเสียเท่าไหร่นัก ดังนั้นแม้แต่ตอนที่เขากำลังเดินอยู่บนถนนเถ่าซืออันเป็นถนนสายที่เต็มไปด้วยเหล่านักชิม ทว่ากลับไม่มีใครจำเขาได้เลยสักคน
ถึงอย่างไรเขาก็เป็นเชฟที่ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในครัวของตนเองเท่านั้น
ถึงอย่างไรร้านซูอันเป็นร้านของเขาก็ตั้งอยู่ในเฉิงตูเช่นกัน แต่ร้านของเขาตั้งอยู่คนละที่กับร้านหยวนโจว พวกเขาอยู่ค่อนข้างห่างไกลกันมากทีเดียว
ในฐานที่เป็นหัวหน้าเชฟของร้านซู ปกติเฉาจื่อซูจะใช้เวลาไปกับการบันทึกเรื่องราวประวัติความเป็นมาของอาหารตำหรับเสฉวน วันนี้จึงเขามาที่นี่เพราะมีธุระเป็นพิเศษ แต่ก่อนที่เขาจะได้แสดงตัวตนต่อหน้าหยวนโจว เขาก็ต้องกลับไปร้านซูเสียก่อน นั่นก็เพราะป้ายที่หยวนโจวตั้งเอาไว้หน้าร้านนั่นเอง
“อาจารย์ ทำไมถึงกลับมาเร็วขนาดนี้ล่ะครับ? ผมนึกว่าคุณจะไปลองชิมอาหารตำหรับเสฉวนที่แพงที่สุดในเสฉวนเสียอีก?” จ้าวน้อยผู้เป็นหนึ่งในลูกศิษย์ของเฉาจื่อซูถามขึ้นมา
อันที่จริงแล้ว ถึงแม้ว่าร้านหยวนโจวจะแพง แต่ก็ยังมีร้านอื่นๆในเสฉวนที่แพงยิ่งกว่าเสียอีกอย่างเช่น ร้านซูที่ไม่ด้อยกว่าร้านหยวนโจวเลยในแง่ของราคา สำหรับร้านค้าเหล่านี้ นอกเหนือไปจากอาหารแล้ว สิ่งที่พวกเขานำเสนอก็คือบรรยากาศและการให้บริการนั่นเอง
ในแง่ของบรรยากาศ ร้านหยวนโจวก็นับว่าน่าพอใจและที่นั่นก็เป็นที่ยอมรับเรื่องการให้บริการเช่นกัน ดังนั้นในด้านอาหารตำหรับเสฉวน ร้านหยวนโจวจึงขึ้นชื่อในเรื่องอาหารตำหรับเสฉวนที่มีราคาแพงมากที่สุด
“ฉันเห็นเชฟหยวนให้บริการลับมีดก็เลยคิดจะลองดูซิว่าเขาจะสามารถลับมีดของฉันได้ไหม” เฉาจื่อซูกล่าวพลางลูบศีรษะล้านเลี่ยนพร้อมยิ้มออกมา
“ลับมีดงั้นเหรอครับ?” จ้าวน้อยพูดต่อ “อาจารย์ครับ มีดของคุณเป็นมีดที่ปรมาจารย์เฉียนเป็นคนตีขึ้นมา แล้วหยวนโจวจะสามารถลับคมมีดแบบนั้นได้อย่างไรกันล่ะครับ?”
จ้าวน้อยสรุป “ในความคิดเห็นของผม หยวนโจวไม่ได้มุ่งมั่นกับสิ่งที่เขาควรจะทำเอาเสียเลย”
เมื่อเฉาจื่อซูได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของเขาก็พลันขุ่นมัวขึ้นมาทันที
“เมื่อเชฟลับมีดของตัวเอง เขาก็จะควบคุมมีดได้ดีขึ้น แล้วจะไม่ถือว่าเขาไม่ได้มุ่งมั่นกับสิ่งที่เขาควรจะทำได้ยังไงกัน?” เฉาจื่อซูตำหนิ “ยิ่งไปกว่านั้น ร้านของเชฟหยวนก็เหมือนกับร้านซูของเราตรงที่ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นสุดยอดร้านอาหารของปีนี้ พูดง่ายๆก็คือตอนนี้เชฟหยวนก็อยู่ในขั้นเดียวกับฉันแล้ว ในฐานที่เป็นลูกมือฝึกหัด นายจะไปเรียกชื่อเขาตรงๆได้ยังไงกันเล่า?”
“ขอโทษครับอาจารย์ ผมผิดไปแล้ว” จ้าวน้อยกล่าวขอโทษซ้ำๆ
“ในฐานที่เป็นเชฟ นอกจากความรอบรู้ในฝีมือของตัวเองแล้ว นายต้องรู้จักมีมารยาทด้วย เชฟหยวนไม่ใช่คนที่ลูกมือฝึกหัดอย่างนายจะสามารถตัดสินได้ตามใจชอบ อย่าพูดแบบนี้อีกเชียวนะ” เฉาจื่อซูกล่าวอย่างเข้มงวด “อย่าให้ผู้อื่นนึกได้ว่าคนของร้านซูช่างไร้มารยาทเอาได้”
จ้าวน้อยไม่กล้าพูดอะไรอีก เขาได้แต่ก้มหน้ายอมรับความผิดของตัวเอง
เนื่องจากเฉาจื่อซูมีงานรัดตัว เขาจึงไม่ได้ตำหนิอะไรอีก หลังจากจัดการธุระของตัวเองเสร็จแล้ว เขาก็มุ่งหน้าไปร้านหยวนโจวอีกครั้ง
จ้าวน้อยเหลือบมองไปทางแผ่นหลังที่ห่างออกไปของเฉาจื่อซู่จนเฉาจื่อซู่ลับสายตาไป สีหน้าไม่พอใจก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาอีกครั้ง
ถ้าหากหยวนโจวมาเห็นจ้าวน้อยเข้าล่ะก็เขาคงเรียกออกมาว่าผู้ช่วยเชฟด้วยความประหลาดใจเป็นแน่ ถูกต้องแล้วล่ะ จ้าวน้อยเคยเป็นผู้ช่วยเชฟในโรงแรมที่หยวนโจวเคยทำงานอยู่มาก่อน
ถึงแม้ว่าเฉาจื่อซูจะถูกเรียกว่าจ้าวน้อย แต่อันที่จริงเขาอายุปาเข้าไปสามสิบกว่าแล้ว จากผู้ช่วยเชฟไปสู่ลูกมือฝึกหัดอาจจะดูเหมือนว่านี่เป็นการลดขั้น แต่ก็อีกนั่นแหละนะ ต้องพิจารณาว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนด้วย
ร้านซูเป็นร้านที่ก่อตั้งมานานทั้งยังขึ้นชื่อว่าเรื่องอาหารตำหรับเสฉวนอันดับหนึ่ง ผู้ที่จบการฝึกงานที่นี่จะมีสถานะที่ต่างออกไปโดยสิ้นเชิง แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้เรียนรู้อะไรมากมายสักเท่าไหร่นัก อันที่จริงแล้วหากไม่ใช่เพราะมีคนที่จ้าวน้อยรู้จักล่ะก็เขาคงไม่ได้รับการตอบรับให้เข้ามาฝึกงานที่นี่หรอก
เมื่อตอนที่เจ้าน้อยเคยเป็นผู้ช่วยเชฟอยู่นั้น หยวนโจวยังเป็นแค่พนักงานจิปาถะอยู่เลย ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ดูถูกหยวนโจว แต่ยังไงเสียเขาก็รู้สึกว่าตัวเองเหนือกว่าอยู่ดีนั่นแหละ เขากลายเป็นลูกมือฝึกงานด้วยความยากลำบากยิ่ง โดยคิดว่าเขาจะขึ้นสู่จุดสูงสุดของชีวิตในไม่ช้า
แต่เขากลับพบว่าหยวนโจวขึ้นสู่จุดสูงสุดไปเสียแล้ว ทั้งยังกลับกลายเป็นผู้ที่อยู่ในขั้นเดียวกับเฉาจื่อซูอีกต่างหาก
จ้าวน้อยจะไปยอมรับเรื่องแบบนี้ได้อย่างไรกันเล่า?
“ถึงเวลาก็จะได้รู้กันเองแหละ” จ้าวน้อยบ่นพึมพำ
เขารู้สาเหตุที่เฉาจื่อไปเยือนร้านหยวนโจวอยู่หรอกนะ
เขากำลังเชิญชวนหยวนโจวให้มาแลกเปลี่ยนวิชาเหมือนกับแต่ละครั้งที่ไปเยือนร้านอื่นๆเพื่อลองชิมอาหารไม่มีผิดเลย
เมื่อถึงทีของหยวนโจว เขาก็จะได้มองเห็นหยวนโจวได้ชัดถนัดตา
ต้องยอมรับว่าการเสนอชื่อของโจวซื่อเจี๋ยมีส่วนช่วยผลักดันร้านหยวนโจวให้กลายเป็นจุดสนใจมากทีเดียว การคัดเลือกสุดยอดร้านอาหารตำหรับเสฉวนประจำปีจะถูกจัดขึ้นเป็นการภายในและในฐานที่เป็นประธานสมาพันธ์เชฟแห่งประเทศจีน โจวซื่อเจี๋ยย่อมมีสิทธิ์ที่จะเสนอชื่อร้านอาหารขึ้นมา
นอกจากนี้ประธานสมาคมตำหรับอาหารเสฉวนก็ได้รับสิทธิ์เสนอชื่อร้านมาชื่อหนึ่ง บรรณาธิการใหญ่ของฟู้ดดิสคัฟเวอรีด้อก นิตยสารอาหารรายใหญ่ที่สุดในเสฉวนก็มีสิทธิ์เสนอชื่อหนึ่ง โปรดิวเซอร์ของกิจกรรมเองก็ได้รับสิทธิ์เสนอชื่อหนึ่งและคนอื่นๆก็เช่นกัน โดยทั้ง 10 ร้านจะเข้าสู่รอบคัดรอบต่อไป
ร้านที่ได้รับการเสนอชื่อส่วนใหญ่จะเป็นร้านที่มีประสบการณ์ เนื่องจากการปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันของหยวนโจวในฐานหน้าใหม่ แน่นอนว่าเขาย่อมต้องได้รับคำเชิญให้มาแลกเปลี่ยนวิชาอยู่แล้วล่ะ
เฉาจื่อซูให้ความสนใจกับเรื่องมารยาทมาก ดังนั้นเขาจึงต้องออกไปเชิญหยวนโจวด้วยตัวเอง
เฉาจื่อซูมาถึงร้านหยวนโจวอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากมีสุขภาพที่ดีและแข็งแรง เขาจึงสามารถแทรกตัวไปอยู่หน้าผู้คนได้
หยวนโจวจวนจะลับมีดเล่มที่สิบเสร็จแล้ว
“เชฟหยวน ช่วยดูมีดเล่มนี้ให้ทีสิ ต้องลับคมหรือยัง?” เฉาจื่อซูกล่าวขึ้นมา
หยวนโจวยืดเส้นยืดสายเบาๆ เมื่อต้องคงท่าเดิมเอาไว้ระหว่างลับมีดหลังจากนั้นย่อมต้องเริ่มปวดเมื่อยเนื้อตัวอยู่แล้ว หลังจากยืดเส้นยืดสายแล้ว หยวนโจวก็เงยหน้าขึ้นมา
กล่องของเฉาจื่อซูดึงดูดความสนใจของหยวนโจวขึ้นมาทันที
จากคุณภาพของกล่อง ตัวกล่องเองค่อนข้างมีราคามากอยู่แล้ว แน่นอนว่ามีดที่อยู่ด้านในย่อมต้อมเป็นมีดที่ยอดเยี่ยมคู่ควรแก่กล่องใบนี้
“ครับ เปิดกล่องให้ผมดูหน่อยนะครับ” หยวนโจวกล่าวโดยไม่ได้เงยหน้าไปมอง ทว่าสายตากับตรึงติดอยู่ที่กระเป๋า
เฉาจื่อซูหาได้ใส่ใจแต่อย่างใดไม่ ถึงอย่างไรก็มีเชฟแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่จะสามารถละสายตาไปได้หลังจากที่ได้เห็นกระเป๋ามีดของเขา
ขวับ! เฉาจื่อซู่เปิดกล่องออก ด้านในมีมีดแถวหนึ่งจัดเรียงกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย โดยมีดแต่ละเล่มจะมีเครื่องหมายพิเศษสลักเอาไว้ด้านหลังเป็นรูปมังกร
“มีดดีนี่นา” หยวนโจวกล่าวขึ้น
“แน่นอนอยู่แล้ว มันเป็นมีดที่ยอดเยี่ยมทีเดียวล่ะ” เฉาจื่อซูพยักหน้าพลางยิ้ม ตอนนี้ศีรษะล้านเลี่ยนของเขายิ่งเงาวับมากยิ่งขึ้น
“ยังไม่ต้องลับคมหรอกครับ มันยังใช้ได้อยู่เลยแถมยังคมมากอีกต่างหาก” หยวนโจวกล่าวแล้วเงยหน้ามองเฉาจื่อซูในที่สุด
หยวนโจวไม่ใช่คนโง่ มีคนมาขอให้ลับมีดที่ยอดเยี่ยมออกขนาดนี้ย่อมต้องมาที่นี่เพราะมีธุระเป็นแน่แท้ มิฉะนั้น คนที่มีมีดเช่นนั้นย่อมไม่มาสุ่มถามเรื่องลับมีดของตัวเองแบบนั้นหรอก
“ฮ่าฮ่า เชฟหยวนสายตาดีจริงๆ ผมเฉาจื่อซูจากร้านซูนะครับ” เฉาจื่อซูหัวเราะแล้วแนะนำตัวเอง
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ?” หยวนโจวถามด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์
ในขณะเดียวกันเขาก็เห็นคุณเฉิงคืนมีดให้ผู้คนและรับมีดเล่มใหม่จากทางหางตา
“ครับ ผมมาที่นี่เพื่อเชิญเชฟหยวนเข้าร่วมการแข่งขันเพื่อมิตรภาพ ถึงอย่างไรเราทั้งคู่ก็ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นสุดยอดร้านอาหาร คงจะเป็นเรื่องดีหากเราได้รู้จักกันเสียก่อน” เฉาจื่อซูกล่าวพลางยื่นเอกสารให้
“ได้สิครับ” หยวนโจวตอบตกลงทันที เขานึกถึงภารกิจของเจ้าระบบขึ้นมาได้ทันทีเมื่อได้ยินชื่อร้าน
“เชฟหยวนเป็นคนเปิดเผยจริงๆเลยนะครับ ยอดไปเลย พอถึงเวลาพวกเราจะได้คุยรายละเอียดกันอีกที งั้นผมขอตัวก่อนแล้วกันครับ” เฉาจื่อซูกล่าวด้วยรอยยิ้มก่อนที่จะยกกล่องแล้วจากไป
หลังจากเฉาจื่อซูกลับไปแล้ว หยวนโจวก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เขายังคงลับมีดให้ผู้อื่นต่อไป